มันซา มูซา

รู้จัก มันซา มูซา สุลต่านที่ร่ำรวยหาใครเทียบ ผู้ที่สร้างความมั่งคั่งจาก ทอง และ ที่ดิน

account_circle
มันซา มูซา
มันซา มูซา

ทำความรู้จัก มันซา มูซา สุลต่าน ผู้ปกครองชาวแอฟริกาตะวันตก ความร่ำรวยของเขานั้นหาใครเทียบได้ ซึ่งความมั่งคั่งเขามาจาก เกลือ ทอง และ ที่ดิน

รู้จัก มันซา มูซา สุลต่านที่ร่ำรวยหาใครเทียบ ผู้ที่สร้างความมั่งคั่งจาก ทอง และ ที่ดิน

ในหลายยุค หลายสมัย ย่อมมีบุคคลที่ร่ำรวยจนกลายเป็นอภิมหาเศรษฐีวนกันขึ้นอันดับ 1 ของโลก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพ่อไมโครซอฟต์ บิล เกตส์, เจ้าพ่ออเมซอน เจฟฟ์ เบซอส หรือ อันดับ 1 ในปัจจุบันอย่าง เจ้าพ่อเทสล่า อีลอน มักส์

อย่างไรก็ตามความร่ำรวยของพวกเขาก็สลับกันไปตามการผันผวนค่าเงิน และ ธุรกิจ แต่ถึงพวกเขาจะมั่งคั่งมากเท่าใดก็ไม่เท่ากับ “มันซา มูซา” ผู้ปกครองชาวแอฟริกาตะวันตกในศตวรรษที่ 14 ซึ่งตามประวัติศาสตร์ที่ได้บันทึกไว้นั้น สุลต่านผู้นี้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยมากที่สุดในโลก โดยความมั่งคั่งของเขานั้นต้องใช้คำว่า “ยากเกินจะอธิบาย” และ “ไม่มีขอบเขต”

@mansamusa_official_/Instagram

ในภาษา Mandinka “Munsa” หมายถึงสุลต่านหรือจักรพรรดิ ชื่อเดิมของเขาผู้นี้มีนามว่า Musa Keita เขาเกิดในคริสต์ศักราชที่ 1280 ในช่วงราชวงศ์ Keita

มันซา มูซา เกิดในชนชั้นปกครอง และเริ่มมีอำนาจในคริสต์ศักราช 1312 เมื่อ Mansa Abu-Bakr พี่ชายของมูซา ยอมสละบัลลังก์และใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยไปกับการสำรวจทะเล ทั้งนี้นักประวัติศาสตร์ Shibab al-Umari ได้กล่าวไว้ว่า Abu-Bakr หลงใหลในมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอย่างมาก มีรายงานว่า เขาทิ้งเรือเดินสมุทรราวๆ 2,000 ลำพร้อมกับชายหญิงและทาสหลายพันคน และตัวเขาไม่ย้อนกลับมาอีกเลย

@mansamusa_official_/Instagram

นับตั้งแต่นั้นมา มันซา มูซา จึงได้กลายเป็นสุลต่านองค์ที่เก้าของอาณาจักรมาลี แอฟริกาตะวันตก ซึ่งมาพร้อมกับความมั่งคั่ง เมื่อเขาขึ้นครองราชย์

อาณาจักรของ มูซา เต็มไปด้วย เกลือ ทอง และ ที่ดิน นักประวัติศาสตร์คาดการณ์ว่า อาณาจักรมาลีในตอนนั้นเป็นแหล่งทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสุลต่านมูซาเป็นเจ้าของมากกว่าครึ่งหนึ่งของอุปทานทั้งหมดของโลก ตามรายงานของพิพิธภัณฑ์บริติช

ขณะที่ National Geographic ระบุว่า หลังจากที่สุลต่านมูซาขึ้นครองราชย์ เขาได้ขยายอาณาจักรให้ใหญ่ขึ้น รวมไปถึงขยายการค้าในระดับภูมิภาค ซึ่งความมั่งคั่งของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการทำเหมืองเกลือ และ เหมืองแร่ทองคำจำนวนมาก รวมไปถึงการค้างาช้าง

ไม่เพียงแค่ทองคำ และ เกลือ เท่านั้นที่สร้างความมั่งคั่งให้กับสุลต่านมูซา ภายใต้การปกครองของเขา อาณาจักรได้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่ โดยทอดยาวกว่า 3,000 กม. (1,864 ไมล์) จากมหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถึงประเทศไนเจอร์ในยุคปัจจุบัน อีกทั้งเขายังผนวกเมืองต่างๆ กว่า 24 เมือง รวมทั้งเมืองทิมบักตู ทั้งนี้มีรายงานว่าเขาไม่เคยพ่ายแพ้ในการสู้รบ แต่ในขณะเดียวกัน ดินแดนต่างๆ เป็นผู้มาขอร่วมกับจักรวรรดิมาลีด้วยความเต็มใจ เนื่องจากพวกเขาจะได้มีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น

ในฐานะชาวมุสลิม สุลต่านมูซา เป็นผู้ที่เคร่งครัดในศาสนาเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาเริ่มเดินทางไปเมกกะในช่วงปี 1324-1325 ทั้งนี้มูซายังได้ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ที่ใช้เงินมากที่สุดตลอดกาลในการไปแสวงบุญ ณ ที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โดยสุลต่านมูซาใช้เวลาเดินทางในทะเลทรายเป็นระยะทาง 6,500 กม. โดยเสด็จออกจากมาลีพร้อมกับเหล่าบรรดาชายหญิงราว 60,000 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของราชวงศ์ไปจนถึงคนขับอูฐและทาส

@mansamusa_official_/Instagram

มีรายงานว่ากลุ่มนักเดินทางเหล่านี้ส่วนใหญ่แต่งกายด้วยผ้าไหมเปอร์เซียและผ้ายกทองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รวมไปถึงพวกทาสด้วย ขณะที่ขบวนเดินทางมีอูฐประมาณ 100 ตัว ที่บรรทุกถุงทองคำบริสุทธิ์

การเดินทางของ สุลต่านมูซา และ ขบวนต้องผ่านทะเลทรายซาฮารา และอียิปต์จนไปถึงกรุงไคโรที่ซึ่งจักรพรรดิได้โปรยเงินสด และ ทองคำอย่างล้นเหลือ พระองค์ใช้ทองคำจำนวนมากจนทำให้เศรษฐกิจระดับท้องถิ่นสั่นคลอนและทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเป้นจำนวนมากเป็นเวลา 10 ปี หลังจากที่สิ้นพระชนม์

Photo: @africaupdates/Twitter

หลังจากที่ สุลต่านมูซาได้เดินทางกลับมาจากการแสวงบุญ พระองค์ได้ทำการฟื้นฟูเมืองต่างๆ ในอาณาจักร รวมไปถึงยังสร้างโรงเรียน ห้องสมุด และมัสยิด และทำให้ทิมบักตู เมืองแห่งหนึ่งในมาลีกลายเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและการศึกษา

สุลต่านมูซาได้สิ้นพระชนม์ในปีคริสต์ศักราช 1337 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุ 57 พรรษา และพระราชโอรสได้สืบราชสมบัติ แต่ในที่สุดจักรวรรดิก็ล่มสลาย

หากถามว่า สุลต่านมูซา นั้นร่ำรวยเพียงใด ก็ได้มีการประเมินว่ามูลค่าทรัพย์สินของพระองค์อยู่ที่ 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐถึง 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเมื่อพิจารณาจากทองคำ เกลือ และที่ดิน นักประวัติศาสตร์หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าความมั่งคั่งของสุลต่านผู้นี้ “ร่ำรวยเกินกว่าที่ใครจะอธิบายได้”


เรียบเรียงจาก :  SCMP 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up