ทูลกระหม่อมน้อย

ทรงสง่างามตลอด 66 พรรษา เรื่องราวจาก “ทูลกระหม่อมน้อย” สู่ “กรมสมเด็จพระเทพฯ”

Alternative Textaccount_circle
ทูลกระหม่อมน้อย
ทูลกระหม่อมน้อย

เป็นที่ทราบกันดีว่า วันนี้ หรือ วันที่ 2 เมษายน เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้งนี้พระองค์ทรงพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ซึ่งนับเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 3 ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และปัจจุบันทรงเป็นสมเด็จพระขนิษฐภคินีในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงสง่างามตลอด 66 พรรษา เรื่องราวจาก “ทูลกระหม่อมน้อย” สู่ “กรมสมเด็จพระเทพฯ”

ทูลกระหม่อมน้อย

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงได้รับการถวายพระประสูติกาลโดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ และทรงได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อแรกพระประสูติว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์” ซึ่งแปลว่า นางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสริฐ และมีพระนามที่ข้าราชบริพารเรียกทั่วไปว่า “ทูลกระหม่อมน้อย”

ทูลกระหม่อมน้อย

สำหรับพระนาม “สิรินธร” นั้น นำมาจากสร้อยพระนามของ เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งทรงเป็นสมเด็จพระราชปิตุจฉา (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ส่วนสร้อยพระนาม “กิติวัฒนาดุลโสภาคย์” ประกอบขึ้นจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบุพการี 3 พระองค์ ได้แก่ “กิติ” มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระมารดา ส่วน “วัฒนา” มาจากพระนามาภิไธยเดิมของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า นั่นคือ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี สมเด็จพระปัยยิกา (ย่าทวด) และ “อดุล” มาจากพระนามาภิไธยของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระอัยกา (ปู่)

ทูลกระหม่อมน้อย

ครั้นในปี พ.ศ. 2520 ซึ่งขณะนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุ 22 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสำเร็จในการศึกษาอย่างงดงาม และทรงบำเพ็ญพระองค์ให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองมากมาย รวมถึงทรงเพียบพร้อมด้วยพระจรรยามารยาทและคุณสมบัติแห่งขัตติยราชกุมารีทุกประการ อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ นับถือ และสรรเสริญพระเกียรติคุณโดยถ้วนทั่ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น ให้ทรงรับพระราชบัญชาและสัปตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉัตร 7 ชั้น) พร้อมทั้งเฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 50 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ทูลกระหม่อมน้อย

ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงนับเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์ที่ 14 ในราชวงศ์จักรี ที่ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระ และเป็นครั้งแรกที่สถาปนาพระอิสริยยศนี้แก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า อีกทั้งยังเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกที่ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศ “สยามบรมราชกุมารี”

ทูลกระหม่อมน้อย

กระทั่งในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 5 พฤษภาคม 2562 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงได้รับการการสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ และเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี

ทูลกระหม่อมน้อย

จาก “ทูลกระหม่อมน้อย” ในวันนั้น สู่ “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ในวันนี้ นับเป็นเวลา 66 ปีเต็มแล้ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของพสกนิกรชาวไทย ด้วยพระอัจฉริยภาพรอบด้านอันเป็นที่ประจักษ์ พระราชกรณียกิจนานัปการอย่างไม่เคยว่างเว้น ซึ่งทรงเจริญรอยตามพระบิดาโดยแท้ รวมถึงพระจริยวัตรอันงดงามที่พระองค์ทรงปฏิบัติมาโดยตลอด กลายเป็นภาพแห่งความประทับใจที่ประชาชนชาวไทยได้เห็นเสมอมา

เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2564  ซึ่งทรงเจริญพระชนมายุครบ 66 พรรษาแพรว ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

อีกทั้งขอถือโอกาสอันเป็นมงคลนี้ รวบรวมพระฉายาลักษณ์ที่แสดงถึงพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์มาให้ได้ชื่นชมกัน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังทรงได้รับการเรียกพระนามว่า “ทูลกระหม่อมน้อย” จนมาถึง “กรมสมเด็จพระเทพฯ” เจ้าฟ้าผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยในทุกวันนี้

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อยทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อยทูลกระหม่อมน้อย

 

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย

ทูลกระหม่อมน้อย


ภาพ : ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย, photoontour.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เผยที่มา พระกระเป๋าผ้าไทย แมตช์กับพระภูษาของ ‘สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา’

เผยพระอาการ ‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี’ หลังทรงรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

ในหลวง – พระราชินี เสด็จฯอยุธยา พร้อมด้วย เจ้าคุณพระสินีนาฏ

Praew Recommend

keyboard_arrow_up