Piaget "Limelight Gala"

สวยสะดุดตา Piaget “Limelight Gala” เรือนเวลาที่สุภาพสตรีใฝ่ฝัน

account_circle
Piaget "Limelight Gala"
Piaget "Limelight Gala"

เพียเจต์พาสำรวจคีย์พีซเด่นจากซีรีส์ Piaget “Limelight Gala” ที่เหล่าสุภาพสตรีใฝ่ฝันอยากมีไว้ประดับข้อมือ กับ 2 ลุคห้ามพลาดที่เมซงนำมาถอดรหัสให้ได้ชมในซีซั่นนี้ อย่าง Limelight Gala High Jewellery และ Limelight Gala Precious

สวยสะดุดตา Piaget “Limelight Gala” เรือนเวลาที่สุภาพสตรีใฝ่ฝัน

Limelight Gala High Jewellery

เรือนเวลาชั้นสูงล่าสุดที่ชวนสะดุดตาด้วยซิกเนเจอร์ทางด้านดีไซน์ของเมซง ทั้งยังผสมผสานความแตกต่างของเพชรเจียระไนหลากคัท ไม่ว่าจะเป็น บริลเลียนต์คัต, ทรงบาแก็ตต์ และ ทรงมาร์คีส์ได้อย่างน่าหลงใหล และนี่คือดีเทลแบบโคลสอัพที่แบรนด์รวบรวมมาให้ชม

The Marquise Cut

Piaget "Limelight Gala"

ทรงมาร์คีส์ถือเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของเมซง เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสมีประสงค์ให้ช่างฝีมือเจียระไนเพชรทรงใหม่ที่สะท้อนถึงรอยยิ้มงดงามของมาดามอันเป็นที่รักอย่าง ‘Marquise de Pompadour’ ซึ่งซิกเนเจอร์คัตเลื่องชื่อนี้ได้สะท้อนประกายงามอย่างเป็นเอกลักษณ์บนชิ้นงานที่เมซงรังสรรค์มานับไม่ถ้วน ตั้งแต่คอลเลคชั่น Haute Joaillerie patrimony ในยุคเริ่มแรก ไปจนถึงนาฬิกาจิวเวลรี่ที่เปิดตัวในช่วงทศวรรษที่ 1960 และอีกหลากหลายไอเท็มคุ้นตาในปัจจุบัน

The Art of Stone Setting

Limelight Gala High Jewellery เป็นมากกว่านาฬิกาจิวเวลรี่ทั่วไป เพราะนี่คือผลลัพธ์แห่งความสำเร็จที่หลอมรวมศาสตร์ที่บ่มเพาะความเชี่ยวชาญมากว่าทศวรรษ อย่างการทำทองและการฝังอัญมณีไว้ด้วยกัน และนี่คือความน่าสนใจก่อนจะกลายมาเป็นเรือนเวลาชั้นสูงที่สะท้อนนิยามของคำว่า “เพอร์เฟกต์”

– เมซงใช้เวลากว่า 175 ชั่วโมง ในการประดับเพชร 250 เม็ดทั่วทั้งตัวเรือนไวท์โกลด์

– ประกายงามของเพชรที่ประดับบนชิ้นงาน ก็พิเศษต่างกันไปตามการเจียระไน ตำแหน่งและรูปแบบในการฝังเพชร ซึ่งเมซงประยุกต์ใช้ถึง 4 เทคนิคด้วยกัน อาทิ claw setting สำหรับเพชรทรงมาร์คีส์, snow setting สำหรับบริเวณหน้าปัด, channel setting สำหรับเพชรทรงบาแก็ตต์ ปิดท้ายด้วย grain setting สำหรับเพชรบริลเลียนต์คัตบนสายรัดข้อมือ

– เพื่อดึงเอาประกายงาม สีสันและเอกลักษณ์ของอัญมณีชนิดนั้น ๆ ออกมาให้เด่นชัดที่สุด การฝัง     อัญมณีจึงเป็นศาสตร์ที่อาศัยชั้นเชิงของช่างทองในอเตลิเยร์ไม่แพ้กัน หากกล่าวว่าความเป็นเลิศทางเทคนิคอยู่ในดีเอ็นเอของช่าง ทักษะงานศิลป์ก็คืออีกหนึ่งสกิลที่ถูกผนวกเข้าไปในทุกขั้นตอน

– ไม่เกินจริงสำหรับคำว่า “เพอร์เฟกต์” เพราะนอกจากความงามต้องเป็นที่ประจักษ์ gem-setter ยังต้องรักษามู้ดแอนด์โทนของชิ้นงานให้ไล่เรียงเฉดสีกันอย่างกลมกลืน ซึ่งการฝังอัญมณีแต่ละชนิดก็ใช้เทคนิคที่ต่างกันออกไป โดยคำนึงถึงฟังก์ชั่นและสุนทรียศาสตร์ในการออกแบบ ไปจนถึงองค์ประกอบอื่น ๆ อย่าง ความเปราะบาง ความโปร่งใส การเจียระไน และขนาดของอัญมณี

– ที่ “Atelier de l’Extraordinaire” คือ แหล่งบ่มเพาะเหล่าช่างฝีมือชั้นเลิศที่เดินตามปรัชญา ”Always do better than necessary” ของเพียเจต์อย่างยึดมั่น แต่ละชิ้นงานจึงไม่ใช่การออกแบบตามกระแส แต่เป็นการสร้างสรรค์เรื่องราวบทใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง อย่างเช่น Limelight Gala High Jewellery ชิ้นนี้ ที่     ท้าทายขีดจำกัดด้วยการปรับแต่งรูปแบบการฝังอัญมณีให้หลากหลาย เพื่อให้เกิดประกายในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม

The Limelight Gala Precious

Piaget "Limelight Gala"

Radiance, intensity, และ vibrancy คือ 3 คำจำกัดความของ Limelight Gala Precious โดยไฮไลท์อยู่ที่สีเขียวของหน้าปัด    มาลาไคท์ ท่ามกลางซาวอไรต์และเพชรรายล้อม โดยเกณฑ์ที่เมซงหยิบมาใช้ในการเลือกมาลาไคท์ คือ มีโทนสีเขียวเข้มตัดสลับลวดลายกับวงสีอ่อน, มีเส้นโค้งเว้า และต้องปราศจากผลึกแทรกตามโครงสร้างของอัญมณี

Limelight Gala Precious คือ เรือนเวลาที่ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ และถ่ายทอดนิยามใหม่จากคอลเลคชั่น patrimony ของเมซงในอดีต กับตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 32 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยหน้าปัด   มาลาไคท์ที่มาพร้อมวงกลมประดับเพชร ณ ตำแหน่งศูนย์กลาง ซึ่งแต่ละเม็ดถูกฝังอย่างประณีตด้วยเทคนิค snow setting

Tsavorites

ความท้าทายของเมซงในครั้งนี้ นอกจากจะต้องสรรหาซาวอไรต์ที่ไล่เฉดสีงดงามแล้ว แต่ละเม็ดต้องผ่านกระบวนการเจียระไนแบบ    บริลเลียนต์คัตเพื่อส่งมอบแสงระยิบระยับให้เด่นชัดที่สุด ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการใช้รูปแบบการเจียระไนนี้กับกลุ่มหินสี ในแง่ทางสุนทรียศาตร์ จำนวนเหลี่ยมของซาวอไรต์ก็ถูกเจียระไนให้เท่ากับเหลี่ยมของเพชรอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังปรับแต่งสัดส่วนให้รับกับฐานรองได้อย่างไร้ที่ติ

ขณะที่การแสวงหาก็ใช้เวลาอยู่หลายเดือนเพื่อให้ได้เฉดสีตามมาตรฐานที่เมซงกำหนด เพราะไม่เพียงแค่ร้อยเรียงอย่างวิจิตรบนเรือนเวลาแต่ละชิ้นเท่านั้น แต่นัก   อัญมณีศาสตร์ต้องการนำเสนอเฉดสีให้กลมกลืนทั่วทั้งคอลเลคชั่นอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นอีกเหตุผลว่า ทำไมความยากในการตามหายิ่งทวีคูณ

Limelight Gala Precious จับคู่สายรัดข้อมือที่คราฟต์ขึ้นอย่างประณีตด้วยวัสดุชนิดเดียวกัน โดยแบรนด์เลือกใช้เทคนิคหัตถศิลป์เก่าแก่อย่าง Palace Décor มาผสานไว้ได้อย่างแยบยล มอบสัมผัสที่พลิ้วไหวราวกับชุดเดรสโอต์ กูตูร์ ที่หรูหรา ขอบตัวเรือนประดับเพชร 174 เม็ด และซาวอไรต์ 22 เม็ด ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 22 ชั่วโมงในการตกแต่ง ทั้งยังเสริมความเป็นเลิศด้วยการใส่ระบบกลไกอัตโนมัติที่ผลิตขึ้นในโรงงานของเมซง อย่าง 501P1 ไว้อีกด้วย

และนี่คืออีกบทพิสูจน์ของแบรนด์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสรรค์เรือนเวลาในมิติที่แตกต่างออกไป โดยที่ไม่ละทิ้งเทคนิคระดับสูงแม้แต่น้อย กับ 2 คีย์พีซเด่นจากซีรีส์  Limelight Gala อย่าง Limelight Gala High Jewellery และ Limelight Gala Precious ที่พร้อมเจิดจรัสไปกับเหล่าสุภาพสตรี

Praew Recommend

keyboard_arrow_up