คุณอั๋นเคยเป็นเจ้าของฟาร์มแมวเปอร์เซีย Zenithi Cattery เลี้ยงแมวด้วยความรักและใส่ใจ การันตีด้วยการได้รับรางวัล Grand Champions ของสมาคม CFA Cattery of Distinction-Tier III Superior ซึ่งถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย แต่วันดีคืนดีเกิดอาการแพ้ขนแมวอย่างหนัก ต้องปิดฟาร์ม แล้วเปลี่ยนมาเลี้ยงสัตว์หายากอย่างที่เคยเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก อย่างนกคาสโซวารี่ เต่าเฮอร์แมนน์ แต่มีชนิดหนึ่งที่คุณอั๋นยกให้เป็นที่สุดของที่สุด คือรักที่สุดและหายากที่สุด
รักที่สุด และหายากที่สุด “นกกระเรียนหัวมงกุฎ” ของ พงศ์เดชณ์ พงศ์ไพโรจน์
นั่นคือ“นกกระเรียนหัวมงกุฎ” ที่เป็นตระกูลหนึ่งของนกกระเรียน พบในทุ่งหญ้าสะวันนา ทวีปแอฟริกา ทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า เป็นนกประจำชาติของยูกันดา เป็นสัตว์ป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ แต่สามารถนำเข้าและส่งออกได้ถูกต้องตาม
กฎหมาย เป็นไปตามอนุสัญญาไซเตส (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ) ซึ่งนกกระเรียนได้รับการอนุญาตให้ค้าได้ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายหรือลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว
คำถามแรกคือทำไมคุณอั๋นจึงอยากเลี้ยง เพราะถ้าเทียบระหว่างแมวเปอร์เซียกับนกกระเรียน เรียกว่าห่างไกลกันลิบลับ
“ตั้งแต่เด็ก อายุประมาณ 4 ขวบ แม่ชอบพาผมไปเที่ยวสวนสัตว์ที่ห้างพาต้าพอได้เห็นนกกระเรียนหัวมงกุฎครั้งแรก ผมก็ชี้บอกแม่เลยว่าอยากได้ พอโตขึ้นก็พยายามตามหา เคยติดต่อขอซื้อจากสวนสัตว์เอกชนแห่งหนึ่ง แต่เขาไม่ยอมขายให้
“ที่หายากขนาดนี้เพราะเพาะพันธุ์ยาก เนื่องจากเป็นนกที่ออกไข่ปีละครั้งเท่านั้น แล้วไข่ที่ออกมามีจำนวนน้อยมากที่จะมีโอกาสฟักเป็นตัว ส่วนใหญ่จะฝ่อไปจนเมื่อ 6 ปีที่แล้วผมลองเสิร์ชหาในกูเกิล ปรากฏว่ามีคนนำเข้ามาขายในเมืองไทย อย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 5 ตัว ผมรีบนัดเข้าไปดูที่ร้านทันที ปรากฏว่าเหลืออยู่ 3 ตัว แล้วตอนนั้นอายุประมาณขวบเศษ เพราะสีที่ขนและหัวยังขึ้นไม่เต็มผมจึงเลือกตัวผู้และตัวเมียมา 1 คู่ ตั้งใจนำมาผสมพันธุ์และให้เขามีครอบครัวเล็กๆที่บ้านเลย (ยิ้ม)
“ผมตั้งชื่อเป็นภาษาแอฟริกา ตัวผู้ชื่อชิโอเกะ (Chioke) แปลว่า ของขวัญจากพระเจ้า ส่วนตัวเมียชื่อชิชา (Shisha) แปลว่า สนุกสนาน”
สำหรับวิธีเลี้ยงและดูแลนั้น คุณอั๋นบอกว่าเลี้ยงง่ายกว่าที่คิด “ผมเลี้ยงปล่อยในสวนที่บ้าน ให้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีกรง แค่ทำอ่างน้ำเล็กๆตื้นๆให้เขาไปลงอาบน้ำเล่นน้ำ ส่วนอาหารการกินก็ให้อาหารไก่ทั่วไปผสมกับอาหารนกเขา ข้าวกล้อง ข้าวเปลือก บางวันก็เสริมวิตามินด้วยหนอนนก จิ้งหรีด และปลาตัวเล็กๆ ส่วนอากาศไม่เป็นปัญหา เพราะบ้านเราร้อนน้อยกว่าบ้านเขา จึงอยู่ได้สบายเลย สำหรับพื้นฐานนิสัยไม่ดุ สามารถใช้ชีวิตกับนกพันธุ์อื่นในบ้านได้ อย่างนกกระเรียนญี่ปุ่น หงส์ขาว แต่เขาดื้อมาก ชอบรื้อต้นไม้ เรียกว่าถอนรากถอนโคนเลย ทำเอาผมปวดหัวบ่อยๆ” (หัวเราะ)
หลังจากคุณอั๋นเลี้ยงคู่นี้มาประมาณ 4 ปี ชิชาก็ออกไข่ 3 ฟอง ขนาดใหญ่กว่าไข่ห่าน เป็นสีฟ้าอ่อนๆ แต่ปรากฏว่าไข่ฝ่อ ไม่เป็นตัว ถัดมาปีที่แล้วออกทั้งหมด 4 ฟอง 2 ฟองไม่ฟักเป็นตัว อีกฟองตายในไข่ และหนึ่งเดียวที่เหลือก็คือ “น้องเซเลบ” ตัวนี้
“ทีแรกผมตั้งใจให้แม่กกไข่เองตามธรรมชาติ แต่เขากกเฉพาะกลางวันเท่านั้น ผมกลัวว่าไข่จะเน่า จึงนำไปไว้ในตู้ฟักไข่อัตโนมัติที่สั่งซื้อมาจากต่างประเทศ สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และคอยกลับไข่ให้อีกด้วย แต่แปลกมาก ไม่รู้ว่า ชิโอเกะกับชิชารู้ได้อย่างไรว่าลูกอยู่ในตู้ฟักไข่ เขาจะมาวนเวียนเฝ้าหน้าตู้ตลอดเลย
“พอฟักไข่ประมาณ 28 วัน เซเลบก็กะเทาะเปลือกออกมา อยู่ในตู้ต่อ ประมาณ 7 วัน แล้วนำมากกไฟต่อที่คอก ซึ่งผมต้องคอยป้อนอาหารให้เขาทุก 2 ชั่วโมง จะเป็นพวกอาหารลูกไก่ อย่างหนอน จิ้งหรีด โดยเอานิ้วเขี่ยที่ปากเขาเหมือนบอกให้เขารู้ว่ากินได้ เขาถึงจะกิน ถ้าปล่อยไว้เขาจะไม่ยอมกินเอง
“ถือว่าเป็นสัตว์ที่โตเร็วมาก เซเลบอายุครบหนึ่งขวบเดือนตุลาคมนี้ แต่โตเท่าแม่แล้ว ด้วยขนาดตัวแล้วน่าจะเป็นตัวเมีย เพราะตัวเมียจะลำตัวเล็กและเตี้ยกว่าตัวผู้ ทุกวันผมจะปล่อยให้น้องเดินเล่นในสวนกับพ่อแม่ช่วงกลางวัน พอตอนค่ำ ก็จะให้กลับไปนอนในห้องกระจก ไม่ต้องมีเบาะอะไรพิเศษ เพราะเขาเป็นนกที่ยืนหลับตามพื้นทั่วไป”
ด้วยความเชื่องและความฉลาดของน้องเซเลบ ทำให้คุณอั๋นหลงรักเป็นที่สุด
“น้องเซเลบติดผมมาก เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ เขาฉลาด คือถ้าผมร้องเรียก เขาจะวิ่งมาหาเลย คงรู้ว่าถ้าเรียกคือต้องมีอะไรให้กิน (หัวเราะ) แต่พอเด็กที่บ้านเรียกไม่มานะ และเชื่องกว่าพ่อแม่มาก ผมสามารถอยู่ใกล้ชิโอเกะกับชิชาได้แต่ไม่ยอมให้จับ สำหรับเซเลบชอบให้ผมลูบหัว ลูบคาง สามารถเอาตัวมากอด หรือหอมได้หมด และเขาเป็นเด็กขี้อ้อน ชอบเอาหน้ามาซบบนตัก ผมอยู่ตรงไหน เขาจะชอบมาอยู่ตรงนั้นด้วย เดินไปมาจิกโน่นจิกนี่ตามประสา ผมว่าเขาอ้อนมากกว่าแมวอีกนะ แล้วสายตาจะไว ช่างสังเกต มีอะไรแปลกปลอมเข้ามาในบ้าน อย่างแมวหลงเข้ามา เขาจะร้อง (คุณอั๋นบอกว่าถ้าโตเต็มวัย เสียงจะดังเหมือน หวูดรถไฟ) และกางปีกขู่ ทำให้เรารู้เลยว่ามีอะไรเข้ามาในบ้าน
“ตอนนี้น้องเซเลบยังลงอ่างน้ำไม่เป็น ผมต้องจับอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง โดยใช้สายยางฉีดน้ำให้ ไม่ต้องเช็ดตัว ปล่อยให้แห้งเอง แต่ต้องดูวันที่อากาศแห้งๆ ที่ฝนไม่ตก กันไม่ให้ป่วย โชคดีว่าตั้งแต่เลี้ยงมาไม่เคยป่วยเลย ค่อนข้างแข็งแรงทั้งครอบครัว
“ผมเลี้ยงมา 6 ปี รู้สึกผูกพัน เห็นเขาทุกวันไม่เคยรู้สึกเบื่อ ยิ่งดูยิ่งสวย ผมเลี้ยงสัตว์มาเยอะ สัตว์แต่ละชนิดก็จะมีความพิเศษของแต่ละสายพันธุ์ แต่เซเลบมีความพิเศษหลายอย่าง คือลูบหัวลูบคางเล่นได้เหมือนแมว เรียกก็มาเหมือน
หมา ผมแฮ็ปปี้มาก สมกับที่รอคอยเขามา ปีนี้ชิชาเพิ่งออกไข่มาอีก 3 ฟอง กำลังฟักอยู่ในตู้ รอลุ้นอยู่ หวังว่าจะได้น้องมาเป็นเพื่อนวิ่งเล่นกับเซเลบ”
คุณอั๋นยังฝากถึงผู้ที่สนใจอยากจะเลี้ยงนกกระเรียนหัวมงกุฎบ้าง
“อันดับแรกต้องดูสถานที่ก่อนครับ เพราะเป็นนกที่ค่อนข้างตัวใหญ่ ควรมีพื้นที่กว้างๆให้เขาเดินเล่น ได้กางปีก ถ้าจะเลี้ยงในกรงผมไม่แนะนำ เพราะจะอึดอัดอย่างสวนสัตว์สามารถเลี้ยงในกรงได้ เพราะขนาดกรงใหญ่มาก นอกนั้นไม่ต้องดูแลอะไรพิเศษ แค่ต้องให้ความรักเขาอย่างเต็มที่
“ผมเชื่อว่าถ้าสัตว์อยู่กับเราแล้วมีความสุข สุขภาพเขาก็จะดีตามครับ”
ที่มา : นิตยสารแพรว 975