AI สมองกลอัจฉริยะ ที่จะเปลี่ยนชีวิตเราให้ง่ายขึ้น

ทราบหรือไม่คะว่า ทุกวันนี้ที่เรานั่งอ่านข้อมูลต่างๆ ผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ ขณะเดียวกับกันก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีบนโลกดิจิทัลควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะโปรแกรม AI (Artificial Intelligence) ที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ Sci-Fi

การนำเทคนิคต่างๆ มาใช้ จากที่เราเคยมองว่าไกลตัวมากๆ ปัจจุบันระบบ AI ถูกพัฒนาเข้ามาในชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้ง่ายต่อการสื่อสารยิ่งขึ้น แต่ AI ในปี 2017 จะมีความพิเศษอย่างไร ตามมาดูกันเลยค่ะ

AI สมองกลอัจฉริยะ  เร็ว-แรง-เข้าถึงง่าย

• หลักการทำงานของ AI คือ การเขียนโปรแกรมขึ้นมาแล้วป้อนข้อมูลให้ AI เพื่อทำการประมวลผล
• AI มีความฉลาดและแม่นยำสูงมาก จนแทบไม่พบข้อมูลผิดพลาด และทำงานในระยะเวลาที่กำหนด เรียกได้ว่าเลียนแบบโครงข่ายประสาทของสมองของมนุษย์
• AI ถูกสอนให้รู้จักมองเห็นและมีความรู้สึก เช่น Google ได้ทำการทดลอง Deep Dream โดยให้คนสร้างงานศิลปะผ่านความรู้สึกของ AI
• ในอนาคต AI จะถูกพัฒนาให้มีความหลากหลายและมีทบาทในสายงานหลายอาชีพมากขึ้น
• แต่ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทมาก โดยเฉพาะในส่วนของ Chatbot ซี่งจะเป็นจุดที่จุ๊จะแนะนำให้ทุกคนทราบกันต่อไปนี้ค่ะ

Chatbot (แชทบอต) เครื่องมือสื่อสารที่ AI จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น

“แชตบอต (Chatbot)” หรือข้อความตอบกลับอัตโนมัติ สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญคือมีการโต้ตอบด้วยภาษาที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด ทั้งยังสามารถแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ตอบคำถามได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วยระบบ NLP (Natural Language Processing) หรือการเรียนรู้ภาษาที่ซับซ้อนกว่าเดิม

ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่าง โปรแกรม Chatbot ที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน อย่าง Cortana, Siri, หรือ Google Now เหล่านี้ก็ได้ผู้ช่วยที่ชาญฉลาด อย่าง AI เข้ามาช่วย ล่าสุด Facebook ได้เปิดตัว Chatbot เพื่อสามารถให้แบรนด์ต่างๆ ตอบโต้กับลูกเพจ ผ่าน Facebook Messenger ได้ทันทีผ่าน Chatbot และลดแรงงานคน และมอบหน้าที่ให้ Chatbot ดูแลเพจแทนค่ะ

Chatbot ไม่ใช่เพิ่งเริ่มมีนะคะ แต่มีมานานแล้วค่ะ หากยังจำกันได้ก็อย่าง โปรแกรมกวน ๆ ที่ชื่อว่า Simi Simi ที่เคยโด่งดังมากในอดีตที่ผ่านมา

ไม่เพียงเท่านั้น AI ยังถูกนำไปใช้ใน Line อย่าง “บอตน้อย” (@Botnoi) เพื่อนหุ่นยนต์ตัวแรกของไทยได้รับรางวัลในหมวดแชทบอทที่คุยเก่งที่สุดจากงาน Line Bot Award

ความพิเศษของบอทน้อย คือตอบโต้เหมือนกำลังคุยกับคนจริงๆ และไม่ได้เป็นการโต้ตอบแค่ 1ต่อ1 เท่านั้น แต่ยังสามารถคุยแบบกลุ่มได้ มีระบบการแปลภาษา รองรับได้ 4 ภาษา คือ ไทย, อังกฤษ, เนปาล และจีน และมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การหาร้านอาหารในพื้นที่ใกล้เคียง ระบบถามตอบต่างๆ การดูดวงรายวัน ฯลฯ ปัจจุบันมีคน Add Friends แล้วกว่า 350,000 ใน LINE ถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ ค่ะ

หรือแม้กระทั่ง Wongnai Chatbot แอปพลิเคชันรีวิวแนะนำร้านอาหารที่สามารถโต้ตอบและบอกพิกัดร้านอาหาร จนตอนนี้ก้าวขึ้นมาอันดับ 1 ในไทยในการเปิดมิติใหม่ Lifestyle Platform เต็มรูปแบบที่สามารถจ่ายเงินผ่านแอพ E-payment  หรือจัดส่งอาหารผ่าน LINE MAN เป็นต้น

ตอนนี้ทั้งแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ทุกวงการเริ่มปรับตัวและหันมาสนใจ Chatbot มากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อกับลูกค้าผ่านทาง Chatbot กันแล้ว อย่าง ษริษัทยักษ์ใหญ่ใช้เกมออนไลน์และ AI ในการเลือกรับคนเข้าทำงานแล้ว หรือนำ AI มาใช้ในการหาคู่ที่ foxsy, แม้กระทั่ง SMEs e-Commerce ก็เริ่มนำ Chatbot เข้ามาใช้ หรือแม้กระทั่ง Amazon ที่เพิ่งเปิดตัว AWS Chatbot Challenge  บนแพลตฟอร์ม Amazon Lex และ AWS Lambda เมื่อไม่นานมานี้ เป็นต้น

ใครยังไม่เคยเล่นสามารถลองเข้าไปพูดคุยและโต้ตอบกับบอตได้ที่ Botnoi หรือ Wongnai Chatbot ได้นะคะ

ติดตามอัพเดตเรื่องราวโลกดิจิทัลโดยจุ๊-โศรดา ได้ที่ แพรว-Celeb Blog นะคะ แล้วพบกันค่ะ