จากเด็กกำพร้าสู่ เจ้าชายซาอุฯ (ปลอม) Anthony Gignac วัย 52 ผู้ใช้ชีวิตสุดหรูเยี่ยงมหาเศรษฐี หลอกเงินนักลงทุนต่างชาติกว่า 26 คน สูญเงินกว่า 8 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 274 ล้านบาท ไปดูกันว่าเขามีวิธีการอย่างไร
ชีคเก๊! ปลอมตัวเป็นเจ้าชายซาอุฯ 30 ปี ใช้ชีวิตดุจมหาเศรษฐี หลอกเงินนับร้อยล้าน

Anthony Gignac เด็กกำพร้าชาวโคลอมเบีย ซึ่งถูกครอบครัวมิชิแกนรับเลี้ยงในปี 1977 ได้ปลอมตัวเป็น เจ้าชายคาลิด บิน อัล-ซาอูด แห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียมานานถึง 30 ปี โดยมหากาพย์การเป็นนักต้มตุ๋นแอนโทนีได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เขาย้ายกลับไปแคลิฟอร์เนียในปี 1987 ซึ่งในตอนนั้นเขาได้รับบัตรประจำตัวประชาชนในนามของ Khalid al-Saud
แอนโทนีในวัย 17 ปีได้หนีออกจากบ้าน และในปี 1991 ได้เริ่มต้นอาชีพนักต้มตุ๋นในวัย 21 ปี โดยการปลอมตัวเป็นเจ้าชายซาอุฯ ซึ่งวีรกรรมแรกที่เขาทำคือ การหลอกลวงโรงแรม Regent Beverly Wilshire โดยเป็นค่าห้องพักและอาหารจำนวน 3,488 ดอลลาร์ และ ค่ารถลีมูซีนอีก 7,500 ดอลลาร์
ทั้งนี้ กลโกงของแอนโทนีคือ มักจะบอกกับเหยื่อ โดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้ภายหลัง แต่ไม่เคยปรากฏตัว ซึ่งส่วนใหญ่เหยื่อก็มักจะไม่คิดเงิน และมอบเป็นของขวัญให้กับเขา

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 แอนโทนีใช้ชื่อของเจ้าชายซาอุฯ ในการซื้อสินค้าที่ Saks Fifth Avenue และ Neiman Marcus ในนามบัญชีของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียเป็นจำนวนเงิน $28,000 ดอลลาร์

อีกหนึ่งในกลโกงที่ใหญ่ที่สุดของ แอนโทนีคือเขาได้โน้มน้าวให้ American Express ออกบัตรเครดิตแพลทินัมให้กับในวงเงิน 200 ล้านดอลลาร์ โดยใช้ชื่อของ เจ้าชายคาลิด บิน อัล-ซาอูด แอนโทนีให้เหตุผลกับสถาบันการเงินว่า เขาทำบัตรหายและหากไม่ทำบัตรใหม่ให้ทันเวลา กษัตริย์ซัลมาน พระบิดาของคงจะไม่พอใจ คำขอของเขาจึงได้รับการอนุมัติและ American Express ได้ออกบัตรใหม่ให้ “เจ้าชาย” พร้อมวงเงินเครดิตที่ร้องขอ
จนกระทั่งในปี 2003 แอนโทนีได้ถูกจับหลังจากพยายามขึ้นเงินด้วยเช็คมูลค่า 29,000 ดอลลาร์ในพระนามที่แท้จริงของเจ้าชาย Al Saud เขาถูกตัดสินจำคุก 77 เดือน

หลังแอนโทนีได้ถูกจับกุม เขาได้สารภาพผิด และถูกตัดสินให้จำคุก หลังจากออกมาจากคุกเขาก็ได้ก่อเหตุซ้ำ โดยในระยะเวลา 30 ปี แอนโทนีได้ถูกจำคุก จำนวน 11 ครั้ง เนื่องจากแอบอ้างเป็นเชื้อพระวงศ์ของซาอุดีอาระเบีย และล่าสุด เขาได้ถูกเขาถูกจับกุมที่ The John สนามบินนานาชาติ F Kennedy ขณะกลับมาจากทริปสุดอลังการที่ฮ่องกง ปารีส ดูไบ และลอนดอน ซึ่งแอนโทนีถูกตัดสินจำคุก 18.5 ปีในข้อหาแอบอ้างเป็นราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย และหลอกลวงนักลงทุนต่างชาติ
อะไรที่ทำให้ แอนโทนี ถึงเป็นนักต้มตุ๋นมาได้นานถึง 30 ปี ?
เนื่องจาก แอนโทนีได้รับบัตรประชาชนในนามของ Khalid al-Saud อีกทั้งหน้า LinkedIn เขายังได้ปลอมแปลงประวัติต่างๆ เช่น ประวัติด้านการศึกษา แน่นอนว่าแอนโทนีได้ปลอมแปลงประวัติให้เหมือนกับเจ้าชายตัวจริงเพื่อความแนบเนียน

อีกหนึ่งวีกรรมเด็ดที่เกิดขึ้นคือ แอนโทนีอ้างกับ เจฟฟรีย์ ซอฟเฟอร์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันว่าต้องการลงทุน 440 ล้านดอลลาร์ในการบูรณะ Fontainebleau โรงแรมอันเก่าแก่ในไออามี ในตอนนี้เจฟฟรีย์เองก็ได้หลงกลในคารมของแอนโทนีโดยเขายังได้มอบบัตรของขวัญจำนวน $50,000 ดอลลาร์ให้กับเขา
แต่ในที่สุดเรื่องก็ดันมาโป๊ะแตก เมื่อทั้งคู่ได้นัดทานมื้อค่ำกันที่ห้องอาหารสุดหรู ซึ่งเมนูที่แอนโทนีสั่งในค่ำคืนนั้นคือ Prosciutto หรือ พาร์มาแฮม อาหารเรียกน้ำย่อยที่ทำจากหมู นั่นทำให้ เจฟฟรีย์ถึงกับสงสัยว่า อิสลามไม่กินหมู แต่ไฉนเลย เจ้าชายคาลิดถึงทานเมนูนี้
การสอบสวนอย่างละเอียดจึงเกิดขึ้น และเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียคนหนึ่งได้เปิดเผยว่า เจ้าชายคาลิดที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือ แอนโทนีที่หนีไปอีกเช่นเคย
อินสตาแกรม เป็นของคู่ นักต้มตุ๋น


แอนโทนี ไม่ใช่นักต้มตุ๋นรายแรกที่ใช้ช่องทางอินสตาแกรมอัพเดทไลฟ์สไตล์ของตัวเองให้ดูหรูหรา ในช่วงที่ แอนโทนีถูกปล่อยตัว เขาก็ได้กลับมาทำพฤติกรรมซ้ำ โดยสวมรอยเป็นเจ้าชายคาลิดอีกเช่นเคย ซึ่งเขาได้หลอกว่าอาศัยอยู่ในเพนต์เฮาส์บนตึกระฟ้าในย่านหรูของฟิชเชอร์ไอส์แลนด์ ไมอามี อีกทั้งยังอ้างว่าเป็นเจ้าของตึกทั้งหลัง ซึ่งมีเพื่อนบ้านอย่าง Oprah Winfrey และอดีตนักเทนนิส Andre Agassi Anthony Gignac


ซึ่งเขายังชอบโพสต์ภาพนาฬิกาจากแบรนด์หรูหลายสิบเรือน ภาพอัญมณีละลานตา รวมไปถึงรถหรูยี่ห้อต่างๆ ที่ติดทะเบียนฑูต อาทิ เฟอร์รารี ลัมโบร์กินี และโรลส์-รอยซ์ และการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ สัตว์เลี้ยงคู่ใจที่มักใส่เสื้อผ้า พร้อมด้วยกระเป๋าแบรนด์หรู
หลังจากที่ แอนโทนีถูกจับกุม เขาให้การกับศาลว่า “สิ่งที่ผมทำ ผมผิดเอง และผมขอยอมรับเรื่องเหล่านั้น” และเขายังได้บอกกับศาลด้วยว่า “ผมไม่ใช่สัตส์ประหลาด”
ที่มา : luxurylaunches.com, forbes.com, discover.hubpages.com