account_circleพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จไปทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ หรือ Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 60 ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก
เมื่อเสด็จถึงห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และผู้บริหารหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมรับเสด็จ จากนั้นเสด็จไปทรงตัดริบบิ้นเปิดนิทรรศการแสดงพระอัจฉริยภาพด้านการออกแบบเครื่องประดับที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI
โดยรวบรวมผลงานตั้งแต่คอลเล็คชั่นปี 2004 มาจนถึงคอลเล็คชั่นล่าสุดในปี 2017 มากกว่า 70 ชิ้น โดยภายในงานมีการจัดแสดงผลงานการออกแบบเครื่องประดับ และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคอลเล็คชั่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงภาพถ่ายและภาพฝีพระหัตถ์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักออกแบบไทยรุ่นใหม่ในการพัฒนาฝีมือการออกแบบและพัฒนาแบรนด์สู่ตลาดสากล
โดย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ รับสั่งว่า “อยากให้ประเทศไทยเป็นฐานของกำลังการผลิตจิเวลรี่และใช้แบรนด์ SIRIVANNAVARI เป็นแฟล็กชิปสโตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ผลิตยุคใหม่ โดยปัจจุบันแบรนด์ SIRIVANNAVARI เคยไปจัดแสดงยังประเทศต่างๆ อาทิ อิตาลี ฝรั่งเศส หรือญี่ปุ่น ซึ่งทางกระทรวงเองตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในอีก 3 ปีจะผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตจิเวลรี่ชั้นนำของโลก นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเรื่องผ้าไทยที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงริเริ่มไว้ ก็อยากให้ใช้ประโยชน์จากผ้าไทยเป็นส่วนหนึ่งของงานจิเวลรี่ เฉกเช่นที่ SIRIVANNAVARI เคยออกแบบไว้”
1
ภายในงานมีการแสดงแฟชั่นโชว์จิเวลรี่จากนางแบบชั้นนำ
สำหรับคอลเล็คชั่นปี 2004 ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI สร้างขึ้นภายใต้แนวพระดำริ Red Hobby จากเรื่องของความชื่นชอบในผลงานศิลปะรูปแบบป็อปอาร์ต และประสบการณ์ความชื่นชอบรอบๆ ตัว ณ ตอนนั้น เข้ากับวัฒนธรรมกลุ่มย่อยพั้งค์ รวมไปถึงสไตล์ร็อคในยุคปี 1990 มีการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นลูกปัด หิน และวัตถุดิบแปลกใหม่อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยเน้นไปที่สีสันอันสดใสและหลากหลายเป็นหลัก รวมทั้งยังมีการใช้วัตถุดิบเครื่องเงินและโซ่ในการออกแบบเครื่องประดับสำหรับผู้ชายอีกด้วย
คอลเล็คชั่นปี 2005 สร้างขึ้นภายใต้แนวพระดำริ Viva Victorian ถ่ายทอดผ่านการรวมกันของเรื่องราวในยุคสมัยวิกตอเรียนเข้ากับวัฒนธรรมกลุ่มย่อยพั้งค์สมัยใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ที่ฉายในปี 1800 ตอนปลาย เรื่อง “Gangs of New York” อีกทั้งยังมีเรื่องราวของภาพวาดและผลงานศิลปะในอดีต เช่น ผลงานของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
คอลเล็คชั่นปี 2006 ได้ถ่ายทอดผ่านแนวพระดำริ Fly to Nouveau ซึ่งถือเป็นคอลเล็คชั่นที่เรียกได้ว่าสามารถพิสูจน์ถึงความก้าวหน้าของวงการแฟชั่นไทย โดยอยู่ภายใต้ความชื่นชอบในเรื่องราวของมุมมองในอดีต ปี 1920 ด้านการทหารและอุตสาหกรรม รวมไปถึงเรื่องราวของศิลปะรูปแบบอาร์ตนูโว จากศิลปินที่ชื่อว่า Alphonse Mucha จึงเป็นคอลเล็คชั่นที่สามารถรวมเอาความแข็งแรงและอ่อนหวานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวที่สุด
ในปี 2007 เครื่องประดับคอลเล็คชั่นนี้อยู่ภายใต้แนวพระดำริ ฮาร์โมเนียส ที่ผสมผสานความเป็นไทยโบราณเข้ากับแฟชั่นทันสมัย ทำให้เครื่องประดับที่ทรงออกแบบมีรูปลักษณ์ของความเป็นโอเรียนทัล อาวองต์การ์ด แบบไทยอย่างชัดเจน มีลวดลายไทย ลายประจำยาม หรือลายดุนตามลายสถาปัตยกรรมของไทย อีกทั้งยังทรงนำความวิจิตรบรรจงของการแกะสลักไม้ของไทยเข้ามาผสมผสานกับงานเครื่องเงินได้อย่างลงตัว
ผลงานทรงออกแบบคอลเล็คชั่นเครื่องประดับ (Bijoux Collection) ซัมเมอร์ ปี 2015 โดดเด่นด้วยตัวเรือนทองที่แสดงถึงสัญลักษณ์และลวดลายต่างๆ ที่สื่อถึงความหมายอันดีงามตามความเชื่อในสมัยนีโอคลาสสิก อาทิ ผึ้งบ่งบอกถึงความเป็นอมตะ ช่อมะกอกคือมงกุฎแห่งชัยชนะ ในขณะที่รวงข้าวสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เครื่องประดับทุกชิ้นผลิตจากทองเหลืองเคลือบด้วยสีทองขาวและสีทองฮามิลตัน ประดับด้วยอัญมณีเพื่อเพิ่มความโก้หรู เช่น แอเมทิสต์ โรสควอร์ตซ์ มุกน้ำจืด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพลอยสังเคราะห์เจียระไนพิเศษหลากหลายสี ทั้งสีเขียวมรกต สีเหลืองอำพัน สีเขียวมะกอก และสีชมพูแซปไฟร์ โดยยังคงเอกลักษณ์ของ SIRIVANNAVARI ไว้ได้อย่างลงตัว
คอลเล็คชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ ปี 2016 มีกลิ่นอายของศิลปะแนวโรแมนติกซิสม์ (Romanticism) และอิมเพรสชั่นนิสม์ (Impressionism) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสไตล์ภาพวาดของเรอนัวร์ (Renoir) และโมเน่ต์ (Monet) ซึ่งทำให้คอลเล็คชั่นนี้ดูอ่อนหวาน มีความเป็นผู้หญิง แต่ก็ยังคงความเซ็กซี่และโมเดิร์นสปอร์ต เฉกเช่นผู้หญิงของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ดังเห็นได้จากสร้อยโช้กเกอร์โลหะทองประดับด้วยไข่มุกที่นำมาร้อยเป็นผลเคปกูสเบอร์รี่ สนับมือและแหวนรูปนกฮัมมิ่งเบิร์ด ไปจนถึงต่างหูทองประดับหินพิมพ์กราฟิกลายนกฮัมมิ่งเบิร์ด
คอลเล็คชั่นประจำสปริง/ซัมเมอร์ 2017 เรื่องราวแห่งความรักของชายหญิงคู่หนึ่งจากการเดินทางในท้องทะเลอันไกลโพ้นราวเทพนิยาย ที่เปี่ยมด้วยความทรงจำ ความโรแมนติก และความโศกเศร้าภายใต้ท้องนภาอันกว้างใหญ่ ซึ่งโอบล้อมไปด้วยประกายแห่งแสงจันทร์ ดวงดาวที่พร่างพราย และเส้นขอบฟ้าที่ไม่รู้จบ
อันเป็นบทพระนิพนธ์ในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ คือแรงบันดาลพระทัยหลักในการทรงงานออกแบบคอลเล็คชั่นประจำสปริง/ซัมเมอร์ 2017 ที่โดดเด่นด้วยงานปักชั้นครู ไปจนถึงลายกราฟิกฝีพระหัตถ์ ดังเห็นได้จากสร้อยประดับอัญมณีรูปดาว พระจันทร์ ม้าน้ำ แหวนลงยาสัญลักษณ์ตัว S ประดับมุกและลาปิส (Lapis) ต่างหูรูปพระจันทร์เสี้ยว ต่างหูเปลือกมุก และ Ear Cuff รูปดาว ไปจนถึง Hand Cuff ลงยา ไฮไลท์ของคอลเล็คชั่นเครื่องประดับคงหนีไม่พ้นเทียร่าโลหะทองรูปดาวและพระจันทร์ประดับมุก พร้อมหวีสับทองในดีไซน์เดียวกัน สร้อยโช้กเกอร์โลหะทองรูปดาวและตกแต่งด้วยโซ่ทองระย้า รวมถึงสร้อยสังวาลย์คล้องลำตัวที่ทำจากไข่มุกและโลหะทองรูปปะการัง
นอกจากนิทรรศการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านการออกแบบเครื่องประดับในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ การแสดงอัญมณีและเครื่องประดับครอบคลุมทุกประเภทสินค้าแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ มากมาย อาทิ นิทรรศการ The Niche Showcase คัดสรร 5 กลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche Markets ที่กำลังมาแรง เช่น กลุ่มสินค้า Beyond Jewelry หรือกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ซึ่งใช้อัญมณีประดับตกแต่ง กลุ่มผู้ประกอบการ The New Faces จัดแสดงเครื่องประดับสุดวิจิตรฝีมือ SMEs ไทยจากแหล่งผลิตแถวหน้าทั่วไทย การประกวดทับทิมเม็ดงาม 60 เม็ด หรือ World Ruby Contest โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT กิจกรรมสัมมนาให้ความรู้และคำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ บริการทดสอบอัญมณีเคลื่อนที่บริการภายในงานโดยสถาบันชั้นนำ
ภาพ : IG@sirivannavari_shop