ช็อกโกแลตซีสต์

เลือกที่รักมักที่ชัง ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ โรคคนรวยที่ไม่ได้ดูหวานน่ากินอย่างชื่อเลย

Alternative Textaccount_circle
ช็อกโกแลตซีสต์
ช็อกโกแลตซีสต์

“ช็อกโกแลตซีสต์” ฟังชื่อก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวหรือน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด แต่ถ้าพูดถึงความน่ากลัวก็ไม่เบาเลยนะ โรคนี้ไม่ได้ดูหวานน่ารับประทานอย่างชื่อเลย เพราะถ้าเป็นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ใครที่เคยมีญาติพี่น้องหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้มาบ้าง คงรู้จักความร้ายกาจของมันเป็นอย่างดี

นี่คือหนึ่งโรคที่สาวๆ มีโอกาสพบเจอได้ มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับช็อกโกแลตซีสต์ที่น่ารู้ และผู้ที่กรุณานำเรื่องราวอันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้เรียนรู้ก็คือ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นายแพทย์มฆวัน ธนะนันท์กูล แพทย์ประจำโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ซึ่งคุณหมออยากเล่าให้ทุกคนเพื่อเป็นกรณีศึกษา จะได้นำไปปรับใช้เพื่อเฝ้าสังเกตตัวเอง จะได้ห่างไกลโรคช็อกโกแลตซีสต์

คุณหมอได้อธิบายให้เราเข้าใจก่อนว่า “ช็อกโกแลตซีสต์เป็นโรคที่ประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง คือ เป็นโรคที่มากับความพร้อม สุภาพสตรีที่มีฐานะดี ความรู้ดี อาชีพการงานดี หน้าตาดี มีความพร้อมในทุกด้านมักจะเป็น แต่กับคุณผู้หญิงที่มีคุณสมบัติตรงกันข้าม คือ ฐานะไม่ค่อยดี ชีวิตค่อนข้างลำบาก ความรู้ไม่ค่อยมาก มักจะไม่เกิดโรคนี้”

แพรวดอทคอม เองก็แปลกใจเหมือนกันว่ามีโรคที่เลือกที่รักมักที่ชังแบบนี้ด้วยเหรอ? คุณหมอจึงเฉลยให้เราฟังว่า “จริงๆ แล้วโรคไม่ได้เลือกคนที่จะเป็นหรอก แต่องค์ประกอบและปัจจัยต่างๆ ของแต่ละคนนั้นเป็นตัวส่งเสริมและเกื้อหนุนโรคหรือไม่ต่างหาก ง่ายๆ ก็คือ สาวๆ ที่มีความรู้ดี มีฐานะ อาชีพการงานมั่นคงดี มักจะแต่งงานและมีลูกช้า ผิดกับคนที่ไม่ค่อยมีความรู้ ฐานะไม่ค่อยดี สาวๆ กลุ่มนี้จะวางแผนชีวิตคนละแบบ คือ จะมีลูกเร็วกว่าสาวๆ กลุ่มแรก ซึ่งการมีลูกเร็วนี่เองที่ทำให้สาวๆ กลุ่มหลังไม่เสี่ยงต่อการเป็นช็อกโกแลตซีสต์”

แล้วความเชื่อที่ว่า คนที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์ หากมีลูกแล้ว ช็อกโกแลตซีสต์ก็จะหาย ความเชื่อนี้เป็นจริงหรือไม่?
“ไม่หายหรอก เชื่อหมอเถอะ ความจริงแล้วคนที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์น่าจะประสบปัญหามีบุตรยากด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องมีลูกแล้วโรคหายนี่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แต่ที่เกิดความเชื่อนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าคนที่ตั้งท้อง ฮอร์โมนของผู้หญิงที่เพิ่มขึ้นมากจะกระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และเมื่อคลอดบุตรแล้วฮอร์โมนจะลดลงทันที มีผลให้เซลล์บุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ฝ่อลง และคุณแม่ที่ให้นมลูก ฮอร์โมนซึ่งกระตุ้นให้สร้างน้ำนมจะมีฤทธิ์ไปกดรังไข่ จึงทำให้ฮอร์โมนเพศต่ำมาก หรือไม่มี ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหยุดการเจริญเติบโตของโรค ถุงเลือดจึงไม่โต หรืออาจจะมีขนาดเล็กลง ความเจ็บปวดก็จะไม่เกิด คนจึงคิดว่าหายจากช็อกโกแลตซีสต์แล้ว จริงๆ คือไม่หาย ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ถ้าคลอดลูกแล้ว ลูกหย่านมแม่ ก็กลับมามีอาการอีกครั้ง จึงเรียกได้ว่า ช็อกโกแลตซีสต์ไม่มีทางหาย ตรงนี้คือความเป็นจริง แม้คุณจะผ่าตัดรักษาแล้วก็ตาม แต่อย่างไรก็มีโอกาสเป็นได้อีก และนี่คือเหตุผลว่าทำไมสาวๆ ที่ความรู้ไม่ค่อยดี ฐานะไม่ค่อยดี จึงไม่ค่อยมีอาการของช็อกโกแลตซีสต์ เพราะกลุ่มนี้มีลูกเร็ว ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงมาก จึงไม่กระตุ้นให้โรคกำเริบ”

คุณหมอได้เล่าประสบการณ์ให้เราฟังว่า
“โดยส่วนตัวแล้วหมอเชื่อว่าช็อกโกแลตซีสต์น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ด้วย เพราะหมอเคยรักษาคนไข้อยู่คนหนึ่งที่มารักษาด้วยโรคนี้ ผ่าคนพี่ไปไม่นาน คนน้องก็ตามมารักษาโดยโรคเดียวกันและอาการเดียวกัน รักษาน้องคนที่สองไปไม่นาน ก็มีคนที่สามจากครอบครัวเดียวกันมารักษาด้วยโรคนี้อีก หมอจึงเชื่อว่าโรคนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แต่ที่คุณหมอในต่างประเทศหรือคุณหมอส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่ค่อยกล่าวถึงเรื่องเหตุผลทางพันธุกรรมนี้ก็เพราะว่าสภาพสังคมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ขนาดครอบครัวในทุกวันนี้เล็กกว่าสมัยก่อนมาก แต่ละครอบครัวมักมีลูกไม่เกิน 2 คน บางครอบครัวมีคนเดียว โอกาสที่หมอจะได้ตรวจรักษาโรคกันทั้งครอบครัวแบบนี้จึงมีน้อย เราจึงไม่อาจทราบได้แน่ชัดว่าช็อกโกแลตซีสต์มีความเกี่ยวพันกับเรื่องของพันธุกรรมมากน้อยแค่ไหน แต่โดยประสบการณ์ของหมอที่รักษามา คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน”

คุณหมอได้เล่าให้เราฟังถึงกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่า
“เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือที่เราเรียกว่าช็อกโกแลตซีสต์นี้ ไม่ใช่ว่าจะเกิดที่รังไข่ได้ที่เดียว สามารถเกิดได้หลายที่และเกิดได้หมด ที่กระเพาะปัสสาวะ ที่ตับ หมอเคยผ่าตัดกรณีหนึ่งที่แปลกมาก เรียกว่าฉีกตำราไปได้เลย คือ คนไข้มีอาการเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตที่ช่องปอด ทำเอาหมอถึงกับงงมากว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ในตอนแรกคนไข้คนนี้ไปรักษาตัวอยู่หลายที่ โดยไปหาหมอด้วยอาการไอเป็นเลือด ซึ่งแน่นอนว่าหมอฟังแล้วก็ฟันธงเลยว่าน่าจะเป็นโรคปอดหรือวัณโรค จึงเอกซเรย์ปอดดู ก็พบเหมือนมีอะไรอยู่ภายในปอด หมอจึงคิดว่าเป็นเชื้อวัณโรคแน่ๆ จึงสั่งยาวัณโรคให้คนไข้ไปรับประทาน คนไข้รับประทานยาอยู่หลายเดือน แต่อาการก็ยังคงเหมือนเดิม รักษาจนเกิดความท้อแท้ จนในที่สุดเดินมาพบหมอที่นี่

“หมอจึงซักประวัติและเห็นความผิดปกติตรงที่ว่า คนไข้รายนี้จะไอเป็นเลือดทุกครั้งที่มีประจำเดือน ตอนที่ไม่มีประจำเดือนก็จะปกติ แต่มีอาการปวดท้องร่วมด้วย หมอจึงสงสัยเรื่องช็อกโกแลตซีสต์ แต่ก็ต้องการความแน่ใจ จึงส่งไปเอกซเรย์ปอดอีก คราวนี้จึงเห็นว่ามีเลือดอยู่ในปอด หมอจึงทำการปรึกษากับหมอเฉพาะทางท่านอื่นๆ คุณหมอท่านอื่นจึงเห็นว่าควรส่งเข้าตรวจ MRI จึงส่งคนไข้ไปตรวจ หมอในทางปอดบอกว่าปอดของคนไข้ไม่ได้มีความผิดปกติ แต่ทำไมมีเลือดในปอดได้ ทุกคนก็ประหลาดใจว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้อย่างไร ทีนี้หมอก็ต้องจัดการตรวจภายใน ช่วงนั้นก็ต้องมีการให้ยาเพื่อกดรังไข่ให้ฝ่อ เป็นการลดฮอร์โมนลง ปรากฏว่าเมื่อให้ยาแล้ว เลือดตรงช่องปอดกลับลดลง และคนไข้ก็ไม่มีอาการไอเป็นเลือดอีกเลย ก็ต้องเรียกว่าเป็นกรณีที่แปลกประหลาดและน่าศึกษามาก แต่จากกรณีเหล่านี้ทำให้หมอเข้าใจได้ว่า เยื่อบุโพรงมดลูกสามารถไปเจริญเติบโต ณ จุดไหนก็ได้ จึงเป็นอะไรที่อันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว”

หวังว่าคุณสาวๆ จะเสียสละเวลามาอ่านกันสักนิด และเมื่ออ่านแล้ว ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเอง หากพบความผิดปกติ ให้รีบไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจอาการตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่โรคจะลุกลาม ก็น่าจะเป็นการดีที่สุด


เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพ : Pexels

Praew Recommend

keyboard_arrow_up