จักรกฤษณ์ อนันตกุล แม้ชีวิตจะประสบความสำเร็จ แต่เขากลับเป็นโรคซึมเศร้า

account_circle

Book relieve me…  จักรกฤษณ์ อนันตกุล หรือเหนือ เจ้าของ Helloiamjkstudio ที่เป็นที่รู้จักในฐานะกราฟิกดีไซเนอร์ชาวไทยผู้สร้างผลงานไปไกลระดับโลก มีผลงานทั้งในนิตยสารต่างๆ รวมถึงออกแบบงานอาร์ตให้กับ Facebook, google จนคว้ารางวัล Designer of the years สาขา Illustration design

แม้ชีวิตจะประสบความสำเร็จ แต่เขากลับเป็นโรคซึมเศร้า จนกระทั่งได้เปิดหนังสืออ่านอีกครั้ง ชีวิตจึงพบคำตอบ

อ่านต้านซึมเศร้า 

“หลายปีก่อนผมเป็นโรคซึมเศร้า สาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจากการที่ผมตั้งคำถามในชีวิตเสมอว่า เกิดมาเพื่ออะไร ผมเคยคิดว่า เมื่อมีชื่อเสียงและเงินทอง ชีวิตคงจะพบคำตอบทุกอย่าง แต่กลับไม่ใช่ เพราะพอประสบความสำเร็จ มีทุกอย่าง แต่ภายในใจของผมยังคงว่างเปล่า ผมปิดตัวเอง และเคยทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดข้อมือเพื่อให้เกิดความเจ็บปวดบนร่างกายมากกว่าในใจ  เคยคิดด้วยว่า ถ้าตายไปเลยก็คงจะดี แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าลงมือจริงๆ เพราะผมไม่อยากให้คนที่รักผมอย่างพ่อแม่ หรือแฟนต้องเสียใจ

“ตอนนั้นผมหันเข้าหาหนังสือ อ่านหลายเล่มมาก แต่เล่มที่เปลี่ยนชีวิตผมจริงๆ คือ ไบเบิล เพราะผมเชื่อในพระเจ้าและอยากเข้าใจคำสอนให้มากขึ้น จนกระทั่งได้เจอกับประโยคที่ว่า ‘เมื่อเราได้รับชีวิตจากพระเจ้าแล้ว ให้เราใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น’ ประโยคนั้นช่วยเปลี่ยนชีวิตและทำให้ความเศร้าของผมหายไป พร้อมกับได้คำตอบว่า  เราควรใช้ชีวิตเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นด้วย ผมจึงพยายามหาคำตอบว่า อาชีพนักวาดภาพประกอบจะทำประโยชน์เพื่อคนอื่นได้อย่างไรบ้าง บังเอิญว่าแถวบ้านผมเป็นชุมชน ที่มีแก๊งเด็กเกเรอยู่เยอะ ผมจึงคิดเรื่องการสอนศิลปะโดยไม่คิดสตางค์  เริ่มจากดูว่าเด็กๆ สนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ แล้วพยายามสอนให้เขากล้าแสดงออกผ่านทางผลงาน ให้เขามองหาสิ่งดีๆ จากผลงานของตัวเอง จากเด็กที่เคยเกเรก็ค่อยๆ ดีขึ้น ด้วยศิลปะบำบัด

จากนั้นผมก็มีโอกาสทำงานร่วมกับทางโบสถ์ เพ้นต์รูปที่ช่วยสร้างกำลังใจในสถานพินิจ  เพื่อให้เด็กๆ มีความหวังมากขึ้น ซึ่งผมยังทำทั้งสอนด้านจนถึงทุกวันนี้”

จักรกฤษณ์ อนันตกุล

อ่านเปิดโลก

“ที่จริงชีวิตผมผูกพันกับหนังสือตั้งแต่เด็ก เพราะสมัยนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ ให้เล่น จึงหยิบหนังสือของแม่มาอ่าน ซึ่งท่านมีหนังสือหลายประเภท และการที่ผมมีอาชีพนักวาดภาพประกอบได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเคยได้อ่านเรื่องราวของอาชีพนักวาดภาพประกอบ  เช่น พี่โอ่ง กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์  ทำให้ผมรู้ว่า มีอาชีพอย่างนี้ด้วยนะ ตอนนั้นไม่รู้หรอกครับ ว่าผมอยากเป็นนักวาดภาพประกอบหรือเปล่า แต่การอ่านก็เหมือนเปิดโลกให้กับเรา ยิ่งอ่านมากก็เหมือนการสั่งสมข้อมูล

“สำหรับอาชีพการวาดภาพประกอบนั้นเกี่ยวข้องกับการอ่าน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะทักษะที่สำคัญคือต้องอ่านและจับใจความสำคัญจากตัวหนังสือออกมาเป็นภาพให้ได้ การอ่านเยอะๆ จะช่วยให้เราพัฒนาการเข้าใจหัวใจของการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น”

หนังสือ…เบื้องหลังความสำเร็จ

“แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นหนังสือที่ทำให้ผมมีจินตนาการในสมองเยอะขึ้น ทำให้ผมกล้าที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งอาจารย์ที่สอนศิลปะผมเคยบอกว่า สมองคนเราจะพัฒนาขึ้นได้ด้วยการอ่าน

“ผมชอบอ่านเรื่องการจัดการความคิดและจินตนาการ ตอนนี้กำลังอ่านเรื่อง ‘จดโน้ตแบบนี้สมองชอบจัง’  ของ โคนิชิ ชื่อเรื่องดูอาจฟังดูไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับศิลปะ แต่จริงๆ มันสอนเรื่องการจัดการข้อมูลได้ดีมาก เพราะในฐานะคนทำงานศิลปะ หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เรารู้จักแปลงข้อมูลที่เป็นตัวอักษร ให้กลายเป็นรูปภาพได้ง่ายและมีระบบมากขึ้น

“นอกจากหนังสือด้านศิลปะแล้วผมยังอ่านอีกหลากหลายประเภท ทั้งปรัชญาชีวิต รวมถึงเรื่องการเงิน เพราะผมทำธุรกิจด้านดีไซน์  อย่างตอนนี้ผมอ่านเรื่อง ‘พระเจ้าเป็นเจ้าของบริษัท’ ของสแตนลี แทม ที่เล่าถึงชีวิตของเจ้าของธุรกิจคนหนึ่ง เขายกหุ้นบริษัทครึ่งหนึ่งให้พระเจ้าดูแล ซึ่งผมรู้สึกว่า เป็นแนวคิดที่แปลกดี  หนังสือเล่มนี้สอนให้ผมไม่โฟกัสถึงความสำเร็จ แต่ให้เราคิดถึงการทำงาน หรือการทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ และจะทำอย่างไรให้คนอื่นได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากการทำงานของเรา และอีกเล่มที่ผมยังอ่านทุกวันก็คือ ไบเบิลครับ เพื่อช่วยสอนและขัดเกลาชีวิตให้ดีขึ้น”

ทำไมต้องอ่าน

“การอ่านทำให้ได้รับความรู้มาพัฒนาตัวเอง อีกอย่างคือ ทำให้มีสมาธิ

เพราะถ้าหมกมุ่นอยู่ในความคิดจะฟุ้งซ่าน แต่การที่ได้จดจ่อกับการอ่านทำให้สมาธิไม่หลุดออกนอกกรอบ และที่สำคัญมากคือ ฝึกจินตนาการ เพราะหนังสือไม่มีภาพ อย่างเวลาอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้จะอ่านเรื่องเดียวกัน แต่ภาพความคิดของเรากับเพื่อนอาจไม่เหมือนกัน  ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่างและหลากหลายยิ่งขึ้น”

เพราะเหตุนี้หนังสือจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตครับ

จักรกฤษณ์ อนันตกุล

Praew Recommend

keyboard_arrow_up