‘IRIS: ไอริส…เปรี้ยวที่ใจ วัยไม่เกี่ยว’ หนังดีที่ไม่ได้ทำมาแค่ให้ยายดู แค่คือเสรีชนทุกคนควรดู!

“เคยมีคนบอกฉันว่า ‘คุณไม่ใช่คนสวย และจะไม่มีวันสวย แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะคุณมีสิ่งที่ดียิ่งกว่าความสวย

…คุณมีสไตล์'” ไอริส แอพเฟล แฟชั่นไอคอนสุดจัดจ้านวัย 93 ปี ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงแฟชั่นนิวยอร์กและแฟชั่นโลกมานานหลายทศวรรษกล่าว

ไอริส บาร์เรลล์ แอพเฟล เกิดเมื่อวันที่ 29 ปี 1921 ในครอบครัวย่านควีนส์ เธอหลงใหลข้าวของที่แปลกแตกต่างเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่เด็ก และมีโอกาสฝึกฝนตนเองด้วยการติดตามพ่อไปทำงานในสตูดิโอออกแบบตกแต่งภายใน และช่วยแม่จัดแต่งวินโดว์หน้าร้านอยู่เสมอ

หลังเรียนจบศิลปะจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ไอริสเริ่มทำงานประจำที่ Women’s Wear Daily ตามด้วยการได้ฝึกงานกับ เอลินอร์ จอห์นสัน อินทีเรียดีไซเนอร์ชื่อดัง กระทั่งตัดสินใจก้าวสู่ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในอย่างเต็มตัวในที่สุด

iris3

ปี 1948 ไอริสแต่งงานกับ คาร์ล พาเทล ผู้บริหารบริษัทโฆษณา และทั้งคู่ร่วมกันก่อตั้ง Old World Weavers บริษัทผ้าซึ่งไอริสรับหน้าที่ออกแบบลาย  งานใหญ่ของทั้งสองคือการรับตกแต่งภายในทำเนียบขาว (ภายใต้ยุคประธานาธิบดีถึง 9 คน) และจัดหาคอลเล็กชั่นผ้าให้แก่พิพิธภัณฑ์สำคัญๆ หลายแห่ง (เช่น Metropolitan Museum of Art) ซึ่งทำให้ไอริสมีโอกาสออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสะสมผ้าและแรงบันดาลใจ ก่อนจะขยับขยายเป็นการสะสมเครื่องประดับและเสื้อผ้า อันสะท้อนถึงรสนิยมและสไตล์สุดโดดเด่นของเธอ

ไอริสโด่งดังในฐานะแฟชั่นไอคอน หลังจากพิพิธภัณฑ์ชวนเธอมาจัดแสดงงานสะสมของเธอในชื่อ “Rare Bird Of Fashion”  ซึ่งไม่เพียงทำให้คนวงกว้างได้รู้จักและตื่นตะลึงกับคอลเล็กชั่นเหนือธรรมดาของเธอเท่านั้น แต่บุคลิกก๋ากั่น พูดตรง และสไตล์การแต่งตัวแสนโฉบเฉี่ยวงดงามของเธอยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทั้งดีไซเนอร์และผู้คนทั่วไปอย่างมหาศาล ส่งผลให้เธอก้าวสู่สถานะ “ดาวค้างฟ้าแห่งมหานครนิวยอร์ก” ในวัย 87 ปีและเป็นที่รักของทั้งนิตยสารแฟชั่น (เธอได้ขึ้นปกและลงในเล่มของทั้ง Vogue, Harper’s Bazaar, PAPER, Dazed and Confused), เป็นนางแบบขาประจำของตากล้องชื่อดัง บรูซ เวเบอร์, เป็นพรีเซนเตอร์ให้เครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่าง MAC และเสื้อผ้า Kate Spade  กับยังเป็นอาจารย์พิเศษของ School of Human Ecology แห่ง University of Texas ที่ซึ่งนักศึกษาจะมีโอกาสได้เรียนรู้ทุกแง่มุมของธุรกิจแฟชั่นจากเธอตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์เต็ม

iris4

แม้วัยเด็กของไอริสจะอยู่ห่างไกลจากคำว่าความหรูหราและต้องเติบโตขึ้นมาอย่างชนชั้นกลางค่อนล่างในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ แต่สภาพการณ์เหล่านั้นเองที่หล่อหลอมให้เธอเข้าใจคุณค่าและความหมายของ “งาน” ในแบบที่เราได้ยินแล้วอาจจะอดอิจฉาไม่ได้

“ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงาน” ไอริสกล่าว “ถ้าคุณโชคดีพอจะได้ทำงานที่คุณรัก …ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามก็จะเกิดขึ้นตามมาเอง”

iris1

และด้วยชีวิตสุดเฟี้ยวของสตรีผู้ซึ่งมีความรักอย่างหมดใจต่อแฟชั่น, ศิลปะ และมนุษย์ บัดนี้ ภายใต้ฝีมือของผู้กำกับสารคดีระดับตำนานวัย 87 ปี อัลเบิร์ต เมย์เซิลส์ ก่อเกิดเป็นผลงานภาพยนตร์สารคดีที่ไม่ได้มีดีแค่เป็นหนังแฟชั่น แต่คือเรื่องราวของความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจที่จะทำให้เราได้กระจ่างว่า เพราะอะไรจิตวิญญาณเสรีแสนเปรี้ยวของคุณทวดวัยเฉียดร้อยอย่างไอริสจึงยังคงเปล่งประกายเฉิดฉายแก่คนรุ่นหลังอยู่เสมอ! และท้ายที่สุด นี่คือภาพยนตร์สารคดีที่จะทำให้ผู้ชมได้ตระหนักว่า การแต่งตัว-หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น-การใช้ชีวิต มิใช่อะไรเลยนอกจาก “การทดลอง”

…ดังที่เธอมักกล่าวไว้ว่า “คนเรามีแค่ชีวิตเดียว ….แล้วคุณจะมัวกลัวอะไร?”

 

เกี่ยวกับผู้กำกับอัลเบิร์ต เมย์เซิลส์

iris2

นิวยอร์ก ไทมส์ส ยกย่องเขาเป็น “ครูใหญ่แห่งวงการหนังสารคดี” , ฌ็อง-ลุก โกดาด์ ผู้กำกับฝรั่งเศสระดับตำนาน ชื่นชมเขาในฐานะ “ตากล้องที่ดีที่สุดของวงการหนังอเมริกัน” และสำหรับเรา เขาคือคนทำหนังสารคดีที่มีผลงานน่าจดจำมากมาย ทุกเรื่องเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา และสามารถนำพาเราเข้าไปสัมผัสชีวิตจิตใจของบุคคลในหนังด้วยวิธีนำเสนอที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์

อัลเบิร์ต เมย์เซิลส์ เกิดเมื่อปี 1926 และสร้างชื่อร่วมกับ เดวิด น้องชายของเขาในฐานะผู้บุกเบิกการทำหนังสารคดีแนวทาง Direct Cinema (ถ่ายทอดชีวิตผู้คนโดยไร้ซึ่งบท การจัดฉาก การสัมภาษณ์ หรือแม้แต่การใช้เสียงช่วยบรรยาย) ทั้งสองมีผลงานกว่า 40 เรื่องและจำนวนมากในนั้นได้รับการยกย่องเป็นหมุดหมายสำคัญของแวดวงหนังสารคดีโลก อาทิ Salesman, Gimme Shelter, Grey Gardens เขาเป็นเจ้าของ 2 รางวัล Peabody Awards, 3 รางวัลเอมมี่, 6 รางวัล Lifetime Achievement Awards, รางวัล Columbia DuPont Award และเมื่อปีที่ผ่านมา เขาได้รับ National Medal of Honor จากประธานาธิบดีบารัก โอบามา

เมย์เซิลส์เสียชีวิตในเดือนมีนาคม ปี 2015 ขณะอายุ 88 ปี โดยฝาก Iris ไว้เป็นผลงานกำกับขนาดยาวเรื่องสุดท้าย และเช่นเคย…มันยังคงเป็นผลงานที่สร้างความประทับใจและเป็นที่กล่าวขานถึงในฐานะหนึ่งในหนังสารคดีที่ดีที่สุดของปี

 

 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up