สุดเทพ! 3 CEO พันล้าน กับเคล็ดลับสร้างเงินถุงเงินถังที่ยาจกห้ามเมิน

ซีอีโอ 3 ท่านนี้มีธุรกิจระดับพันล้านอัพ แต่ถึงจะมีเงินมากมายมหาศาล ทว่าพวกเขากลับมีวิธีประหยัดที่น่าทึ่ง!! อ่านแล้วลองประยุกต์ใช้ อย่างน้อยคงช่วยรักษากระเป๋าคุณไม่ให้แฟบไวเกิน…

บุญเกียรติ โชควัฒนา : CEO บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน)

Praew-Fortune2478

ผมเป็นคนประหยัดทุกอย่าง ยาสีฟันยังรีดหลอดเลย แล้วผมพัฒนาเพิ่ม คือ รีดหมดแล้วยังตัดออกมาขูดอีกรอบ…ถ้าของไม่เสียผมก็ไม่ทิ้ง จนในบ้านนี่มีของรกเหมือนกัน (หัวเราะ) น้ำก็ประหยัด เวลาอาบน้ำแล้วถูสบู่จะปิดฝักบัวก่อน ถูเสร็จค่อยเปิด เสื้อผ้าผมมีเยอะมาก แต่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เสื้อแบรนด์ดังไฮโซแพงๆ ผมใส่เสื้อผ้าที่เป็นตัวอย่างของแบรนด์ในเครือ เอามาทดลองใส่จะได้มีคอมเม้นท์ให้เขาได้ว่าดีไม่ดียังไง บางครั้งเสื้อผ้าเยอะไม่มีที่เก็บก็ต้องให้คนอื่นไป รวมถึงของอื่นๆ ด้วย และย้ำกับเขาว่า ถ้าใช้ไม่ได้ก็ให้เอาไปบริจาคคนอื่นต่อ ถ้าเอาไปกองทิ้งไว้ผมไม่ให้

นาฬิกาข้อมือ ผมแทบไม่เคยซื้อแบรนด์แพงๆ ดังๆ ส่วนมากเป็นนาฬิการาคาถูกไม่ถึงหมื่นบาท นาฬิกาที่ชอบจริงๆ ต้องเป็นแบบไม่ใช้แบตเตอรี่ เป็นออโตเมติกแบบเขย่าๆ แล้วเดินต่อ เหตุที่ไม่ใช้แบบที่มีแบตเตอรี่ เพราะนอกจากประหยัดแล้ว ยังช่วยให้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย ที่ออฟฟิศผมมีกระป๋องสำหรับทิ้งขยะที่เป็นพวกแบตเตอรี่ ไม่ใช่หมดแล้วโยนทิ้งใส่ถังขยะเลย แต่จะเก็บไว้ในถุงจนเต็มแล้วค่อยมาทิ้งในถังขยะสำหรับทิ้งของพวกนี้โดยเฉพาะ ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในออฟฟิศไม่กี่แห่งที่มีที่ทิ้งขยะแบบนี้

ของที่ผมใช้ทุกอย่าง ถ้าซ่อมได้ผมก็ซ่อม อย่างรองเท้า ผมก็ซ่อมแบบในหลวงเลย ขณะที่คนสมัยนี้อยู่ในสังคมแบบ Throw Away Society ทุกอย่างทิ้งหมด คำว่า “ซ่อม”หมดไปจากระบบสมอง   ซึ่งเป็นความฉลาดของคนที่คิดผลิตสินค้าขึ้นมา เพื่อจะให้คนสิ้นเปลืองมากขึ้น แต่เขารวยขึ้น เพราะขายของได้เรื่อยๆ ผมว่าเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเวลาซ่อมชิ้นส่วนบางอย่างก็ยังใช้ได้ต่ออีกนานเป็นสิบปี

นิสัยประหยัดนี่ ผมได้มาจากคุณแม่ สมัยก่อนท่านเก็บพวกขวดต่างๆ ใช้หมดแล้วเอามาล้าง เก็บไว้ใส่นั่นใส่นี่ แต่ผมไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าเก็บจริงๆ บ้านผมทั้งหลังคงเต็มไปหมดแล้ว” (หัวเราะ)

ตัน ภาสกรนที : CEO บริษัทอิชิตันกรุ๊ป จำกัด(มหาชน)

_MG_9832rt

รถทุกคัน ผมใช้อย่างน้อย 5 ปี ในชีวิตผมไม่เคยซื้อรถสปอร์ตใช้นะ ผมเป็นคนประหยัด อะไรที่จำเป็นใช้ก็ใช้ ไม่จำเป็นก็ไม่ใช้ ยกตัวอย่างคนขับรถผมจะขึ้นทางด่วนนี่ สุ่มสี่สุ่มห้าขึ้นไป โดนผมด่าแน่ ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ เราไม่ได้รีบไปทำธุระ ก็ไม่ต้องขึ้น อย่าไปดูถูกเงิน 50 หรือ 80 บาท ผมเคยมีรถ แต่ไม่มีเงินเติมน้ำมัน เพราะเคยผ่านประสบการณ์แบบนั้นมา ทำให้รู้ค่าของเงิน แม้จะเป็นจำนวนน้อย แต่วันที่เราไม่มีเงินนั้น กลับมีค่ามาก

ครอบครัวผมตอนนี้ จะกินอาหารในโรงแรมหรูทุกมื้อก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องกิน เสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าแบรนด์เนมไม่ใช่ว่าผมไม่มี แต่ไม่ใช่ว่าอะไรรุ่นใหม่มาก็ต้องซื้อ ซึ่งผมมีวิธีสอนลูกในเรื่องนี้ อย่างโทรศัพท์มือถือ เขาอยากได้แบรนด์ดีๆ ผมก็ให้เขาเก็บเงินซื้อเอง ไม่ใช่ว่าอยากได้แล้วร้องไห้จะเอา หรือเวลาขึ้นเครื่องบิน นอกจากผมกับภรรยาที่นั่งชั้นบิสิเนส ส่วนลูกๆ นั่งชั้นอีโคโนมีหมด ซึ่งจะได้ผลสองอย่าง คือ ลูกรู้ค่าของเงินและได้สอนตัวเองว่า อยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อ ส่วนลูกน้องจะได้เห็นว่า ขนาดลูกเจ้านายยังต้องประหยัด

ถ้าเล่ามากกว่านี้ คงจะตกใจ…เวลาผมเข้าห้องน้ำปัสสาวะ ต้องเรียกลูกเมียด้วย เพราะก่อนจะกดน้ำ ผมคิดว่ากดทีหมดน้ำไป 3 ลิตร ผมก็จะเรียกลูกกับเมียมารอ ลูกมาฉี่ต่อ แล้วจะถามภรรยาว่าจะมาฉี่ไหม ถ้าฉี่ก็เป็น 3 คน เท่ากับประหยัดน้ำไป 6 ลิตร เรื่องนี้มีคนถามว่าไม่กลัวจะติดเชื้อเหรอ จะติดยังไง เพราะเราเป็นพ่อแม่ลูกกัน แล้วผมไม่ได้ฉี่แล้วทิ้งไว้นี่ครับ

ตู้เย็นที่บ้านผมก็เหมือนกัน มีห่อกับข้าวที่เหลือจากที่กินนอกบ้านห่อกลับมาเยอะเลย ถ้าทำกับข้าวกินในบ้าน ผมกินอะไร แม่บ้านก็กินกับข้าวเดียวกัน เขาอยู่มานาน 20 กว่าปีแล้ว ลูกๆจะเรียกเขาว่า พี่ เราเหมือนอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน บ้านผมอยู่กันแบบนี้มาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ผม เรื่องประหยัดจึงอยู่ในสายเลือดไปแล้ว

จิระพันธ์ อุลปาทร : CEO บริษัท สุมิพล คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตชั้นนำของประเทศ

จิรพันธ์

โดยนิสัยส่วนตัว ผมเป็นคนค่อนข้างประหยัดอยู่แล้ว ไม่ค่อยวัตถุนิยมเท่าไหร่ ผมทำงานมา 40 ปี ซื้อรถแค่ 2-3 คัน คันหนึ่งใช้นานเป็น 10-20 ปี รถที่ใช้ก็ไม่ใช่รถหรูหรือรถสปอร์ต เพราะไม่ชอบว่านั่งแล้วจม ขับลำบาก ต้องชะเง้อคอจนเมื่อย
ปกติผมเป็นคนเรียบง่าย กินง่ายมาก สมัยก่อนตอนอายุน้อยๆ ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม กินอาหารในโรงครัวเหมือนกัน คนอื่นกินไปบ่นไป อันนั้นอันนี้ไม่อร่อย แต่ผมไม่เคยบ่น กระทั่งพวกคนทำครัวพูดว่า คนที่น่าจะบ่นก็ไม่เคยบ่น แต่คนที่ไม่น่าบ่นกลับบ่นมาก เดี๋ยวนี้ผมก็ยังเป็นอย่างนั้นเรื่องการกิน ส่วนของแบรนด์เนมมีใช้บ้าง เท่าที่ควรใช้เพราะต้องเข้าสังคม เช่น นาฬิกา รองเท้า
ผมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ธรรมดา แบรนด์แพงๆ ตัวละเป็นหมื่นนี่ไม่เคยซื้อ เวลาไปดีพาร์ทเมนต์สโตร์ ผมจะเดินเข้าไปตรงกระบะที่เขาลดราคาก่อน ยิ่งเจอของถูกใจก็จะซื้อทีเดียวหลายตัว ตอนจ่ายเงินรู้สึกแฮปปี้ที่ได้ของถูกและดี ถ้าเป็นพวกกาแฟยี่ห้อดังๆ ผมไม่เคยซื้อดื่ม เวลาไปไหนกับครอบครัว ลูกๆ เขาเดินเข้าไปซื้อที่ร้านกาแฟเหล่านั้น ผมก็เดินแยกเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วไปกดกาแฟเย็นแก้วละสิบกว่าบาท มีความรู้สึกว่ารสชาติดีกว่าเสียอีก เป็นอย่างนี้จริงๆ ครับ …สำหรับผมแล้วกาแฟอะไรก็เหมือนกัน ผมติดมาตั้งแต่ยังเด็ก กินกาแฟแก้วละบาท ให้ไปกินกาแฟแก้วละ 120 บาท ผมทำใจไม่ค่อยได้(หัวเราะ)

เรื่อง : ชวัลณัฏฐ

ภาพ : อิทธิศักดิ์ วรสันต์ เนาวพจน์

Praew Recommend

keyboard_arrow_up