ชื่อของยีนส์ “Mc” เป็นที่รู้จักมานาน มีทั้งกางเกงยีนส์ ผลิตภัณฑ์แฟชั่นอื่นๆ ที่ทำจากยีนส์ จนหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นแบรนด์นอก ที่จริงแล้วแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ผลิตยีนส์แบรนด์เดียวของคนไทย ที่สร้างแบรนด์แข็งแกร่งมานานกว่า 40 ปี และความสำเร็จทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้การนำของ “สุณี เสรีภาณุ” ซีอีโอนักคิดหญิง แน่นอนว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินเอื้อม ซึ่งวันนี้แพรวดอทคอมจะพาไปชื่นชมอีกหนึ่งความสำเร็จของผู้บริหารหญิงเก่งคนนี้ กับบ้านสุดอลังการที่เธอสร้างเองกับมือจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
365 วันของ “เธอ” เริ่มต้นที่นี่
“บ้านสวน” อาณาจักรส่วนตัว บนที่ดินแปลงสวยขนาด 8 ไร่ย่านชานเมือง แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตรงกลางมีบ่อน้ำขนาด 2 ไร่เศษ ขนาบด้วยถนนซ้ายและขวา มองเห็นอาคาร 3 หลังอยู่เรียงรายโดยรอบ ผู้มาเยือนเลือกได้ว่าจะขับรถ อ้อมไปฝั่งซ้ายหรือขวา ถ้าไปฝั่งซ้ายจะพบกับอาคารชั้นเดียวสไตล์ลอฟต์ เน้นการใช้โครงสร้างเหล็กกับกระจกบานใหญ่ เพื่อเชื่อมมิติของธรรมชาติภายนอกกับภายในอาคาร เจ้าของอาณาจักรเรียกเรือนหลังนี้ว่า “เรือนริมน้ำ” เพราะสามารถเปิดประตูรั้วออกไปชมคลองสวยน้ำใสด้านหลังได้สบายๆ ซึ่งที่นี่เป็นเหมือนห้องประชุมหรือสถานที่จัดเวิร์คช้อปของพนักงานบริษัท รวมทั้งเป็นที่แฮ้งเอ๊าต์สนุกๆ ของทีมงาน
ถัดไปเป็น “เรือนไม้” ตกแต่งสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ผสมผสานโอเรียนทัล มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องสปาและห้องนวด ส่วนหลังสุดท้ายซึ่งอยู่สุดอีกฝั่งของที่ดินคือ บ้านโมเดิร์นคอนเทมโพรารี ที่เรานั่งคุยกันถึงที่มาในการสร้างบ้านพักและเรือนต่างๆ แยกย่อยเป็นกลุ่ม

คุณสุณีเริ่มเรื่องให้เราฟังว่า “ความที่ชอบขับรถดูที่ดิน เมื่อ 7 ปีที่แล้วแถวนี้มีแต่ทุ่งนาปลูกข้าว เหมือนที่ต่างจังหวัด เวลามีฝนตกฟ้าร้องหรือมีพายุ ชาวบ้านยังยิงปืนขึ้นฟ้าไล่ฝนตามความเชื่อโบราณกันอยู่เลย แต่พอหันกลับไปอีกด้าน มีเครื่องบินขึ้นบิน เป็นภาพที่ต่างกับฟีลลิ่งท้องนามาก ทำให้รู้สึกชอบที่ดินแปลงนี้ ทั้งยังมีขนาดกะทัดรัด สัดส่วนสวย บวกกับเรามีอินเฮ้าส์อาร์คิเท็กต์อยู่แล้ว จึงให้เขาเขียนแปลนบ้านออกมาเป็นแนวโมเดิร์นคอนเทมโพรารี

“การเขียนแบบบ้านหลังนี้ไม่ได้เริ่มจากโครงสร้างภายนอกเหมือนบ้านอื่น แต่เริ่มจากฟังก์ชันการใช้งานในบ้านก่อน อย่างแรกคือ ขอเพดานสูง 4.50 เมตร มีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องทำงาน ห้องนอนเจ้าของบ้าน ห้องนอนแขก ห้องครัวไม่ต้อง มีแพนทรี่เล็กๆ ก็พอ เพราะวางแผนว่าจะอยู่แค่เสาร์-อาทิตย์
“ทีแรกตั้งใจว่าจะปลูกไม้กินได้ จึงเรียกที่นี่ว่า ‘บ้านสวน’ แต่พอจ้างแลนด์สเคปมาดู เขาให้ปลูกแต่ต้นไม้ให้ร่มเงา เราจบบัญชีจุฬาฯมา แน่นอนว่าเด็กจุฬาฯอินกับต้นจามจุรี จึงปลูกต้นจามจุรีและไทรกวนอู ทุกวันนี้มีค้างคาวมาอาศัยเต็มเลย เช้าๆ มีนกหลายพันธุ์ ทั้งนกกระจอก นกพิราบ นกเอี้ยง นกกางเขน บินเล่นรอบบ้าน ถ้าจอดรถทิ้งไว้ เขาจะมาเกาะกระจกมองข้าง แม้ตื่นเช้ามาจะเห็นอึนกเต็มหน้าบ้าน แต่สภาพแวดล้อมเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกว่าได้อยู่กับธรรมชาติ มีแรงในการทำงานมากขึ้น ถ้าเทียบกับ 3 ปีที่อยู่คอนโดย่านสาทร เป็นเหมือนกล่องที่ทำให้รู้สึกอึดอัด จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ทุกวัน ไม่คิดกลับไปอยู่กล่องอีก”

3 หลัง3 สไตล์
เมื่อเปลี่ยนแผนมาเป็นการอยู่ถาวร ฟังก์ชันต่างๆ ในบ้านที่ดีไซน์ไว้เริ่มไม่ตอบโจทย์ความต้องการ จึงเป็นที่มาของการสร้างเรือนบริวารอื่นๆ ตามมา ดังที่เธอเล่าว่า “จุดที่เรารู้สึกเองว่าฮวงจุ้ยดีที่สุดคือ ตำแหน่งบ่อน้ำกลางที่ดิน แต่คนรู้จักแนะนำว่าไม่ควรสร้างบ้านตรงนั้น เพราะจะเสียพื้นที่อื่นๆ ไปเลย เนื่องจากบ้านหลังใหญ่กินเนื้อที่ทั้งซ้ายและขวา เราจึงสร้างบ้านไว้มุมๆ เหลือพื้นที่ไว้ปลูกต้นไม้ และเมื่อคิดจะมาอยู่ประจำจึงสร้าง ‘เรือนไม้’ ตรงกลาง มีสระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำ สามารถนั่งเล่นนอนเล่น อ่านหนังสือได้สบาย

“ส่วนเรือนถัดไปเป็นสไตล์ลอฟต์ ใช้โครงสร้างเหล็กมาเล่นให้ดูเป็นอินดัสเทรียลดีไซน์หน่อยๆ เพราะส่วนตัวชอบเหล็ก ไม้ ทองเหลือง ยีนส์ และหมุดอยู่แล้ว ที่นี่สามารถนั่งกินข้าว พักผ่อน อาบน้ำ ทำนันทนาการทุกอย่างได้หมด ทุกวันนี้บ้านเราเป็นเหมือนเล้านจ์ของเพื่อนฝูงที่จะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ บางทีเครื่องบินออกตี 1 เพื่อนก็แวะมาอาบน้ำแต่งตัวที่นี่ก่อน แล้วค่อยออกไป หรือคนไหนเครื่องบินลงตอนเช้า ไม่อยากเจอรถติดก็แวะมาอาบน้ำ กินข้าวเช้าก่อน โดยที่บางครั้งเราไม่ต้องอยู่บ้านก็ได้ เขาสามารถใช้ถนนอีกฟากหนึ่งขับไปที่ ‘เรือนไม้’ และ ‘เรือนริมน้ำ’ ได้เลย หรือถ้าบริษัทจะทำแผนธุรกิจหรือทำเวิร์คช้อปนันทนาการ ก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ใช้เรือนนี้จัดประชุมทำเวิร์คช้อปได้สบาย ประหยัดเวลาการเดินทาง แต่ได้บรรยากาศโล่งๆ อารมณ์เหมือนอยู่ต่างจังหวัด”
โต๊ะทำงาน + เครื่องคิดเลข ของสำคัญ ต้องมีทุกที่
“เพราะเราสามารถนั่งทำงานได้ทุกที่ สามารถกินข้าวและทำงานโต๊ะเดียวกันได้ เพราะเวลาเราทำงาน อุปกรณ์หลักๆ ที่ใช้คือ ‘หลักคิด’ หรือแนวความคิดต่างๆ พอจะลงรายละเอียดเรื่องตัวเลขจึงค่อยใช้เครื่องคิดเลขและกระดาษ ที่นี่จึงมีเครื่องคิดเลขเยอะ ไม่ว่าไปประเทศไหนต้องซื้อเครื่องคิดเลขหลากแบบกลับมาด้วย ขนาดลูกคิดใช้ไม่เป็น ยังซื้อเลย เพราะชอบตัวเลขที่ไม่โกหก เมื่อก่อนเคยมีคนถามว่าซื้อบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายนาฬิกาสิบกว่าแบรนด์เพราะอะไร เหตุผลก็เพราะว่าสำหรับเรา นาฬิกาไม่ใช่แค่บอกเวลา แต่เป็นไลฟ์สไตล์การทำงานจำเป็นต้องตรงเวลา เพราะเวลามีจำกัด บวกกับเรียนด้านบัญชีมาด้วยจึงคุ้นกับการคิดตัวเลขตลอดเวลา

“อีกสิ่งหนึ่งที่บ้านเรามีเยอะคือ เก้าอี้หลากสไตล์ วางไว้ตามห้องและมุมต่างๆ เราไม่เคยนับนะว่ามีกี่ตัวแล้ว เพราะที่โกดังยังมีเก้าอี้ ทำจากไม้และผ้า คล้ายเก้าอี้ผู้กำกับหนัง สามารถพับกางนั่งได้อีกจำนวนมาก ที่ชอบเก้าอี้เพราะเป็นของที่ได้ใช้จริง เหมือนของทุกอย่างในบ้านที่ล้วนใช้ประโยชน์ได้ แม้ทุกวันนี้จะมีเก้าอี้เยอะแล้ว แต่ก็ยังชอบซื้ออยู่เรื่อยๆ (ยิ้ม)

“ส่วนการตกแต่งภายในเราทำเองหมด เลือกของเอง จัดวางเอง บางชิ้นอาจไม่ได้เข้ากันเป๊ะ แต่เราเลือกใช้ตามที่อยากใช้ ถ้าไม่หยิบมาใช้เดี๋ยวพังเสียก่อน (ยิ้ม) ของทุกชิ้นที่ใช้แต่งบ้านได้มาจากเวลาไปเที่ยว แล้วเจออะไรสวยงามก็ซื้อไว้ มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ของไทยและต่างประเทศ แล้วลิสต์เป็นบันทึกเก็บไว้ว่ามีอะไรบ้าง เวลาจะใช้ค่อยดูว่าอะไรชิ้นไหนเหมาะกับบ้านหลังไหน เพราะยังมีบ้านที่หัวหินและเชียงใหม่ด้วย พอจะแต่งบ้านหรืออยากปรับแต่งมุมไหนก็เปิดลิสต์เลือกได้เลย บางครั้งก็ย้ายของแต่งบ้านจากบ้านนั้นไปบ้านนี้ เสียค่าขนส่งกันไป ส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าไปตั้งหน้าตั้งตาหาเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งตอนที่อยากแต่งบ้าน จะเป็นการเค้นตัวเองเกินไป ฉะนั้นเวลาเจออะไรที่ชอบก็ซื้อเลย ความสนุกในการตกแต่งบ้านจึงจะเกิด หรือลองยกชิ้นนั้นชิ้นนี้จากโกดังมาลองวางดู ถ้าวางแล้วไม่ชอบค่อยโยกออก วางชิ้นอื่นแทน
“ทุกอย่างใช้ความชอบของเราเป็นหลัก อย่างโต๊ะรับประทานอาหาร เชื่อว่าหลายคนถ้ารู้ว่าทำจากไม้จำปา ซึ่งในอดีตคนนิยมใช้ทำโลงศพ คงไม่ค่อยกล้าใช้ (ยิ้ม) แต่เราชอบความยาวและการตกแต่งขาโต๊ะด้วยทองเหลือง หรือประตูบ้านเป็นไม้ตะเคียนที่มียางไหลตลอดเวลา แรกๆ ต้องขูดตะปุ่มตะปํ่ายางออก เดี๋ยวนี้น้อยลงแล้ว

“ส่วนการเลือกโทนสีตกแต่งบ้าน เน้นว่าทุกที่ต้องมีสีน้ำเงินแทรก เพราะชอบสีอินดิโก (สีคราม) ที่ใช้ย้อมผ้ายีนส์ เป็นเหมือนดีเอ็นเอของเราไปแล้ว จนคนญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจด้วยกันบอกว่าถ้าเจาะเลือดเราออกมาคงมีสีอินดิโกอยู่ด้วยแน่ (ยิ้ม) เพราะเราทำธุรกิจยีนส์มานาน อย่างโซฟาบุด้วยผ้ายีนส์ เราก็เลือกของ Ralph Lauren ซึ่งเขาผลิตออกมาพอดี เป็นเหมือนการระบุดีเอ็นเอของเรา เพิ่มสีสันด้วยเก้าอี้หนังสีน้ำตาล ขาทองเหลือง เป็นเก้าอี้ที่ใช้นั่งใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้าน”

เรียกว่าน่าอยู่มาก สวยงามอลังการและมีรายละเอียดที่พิถีพิถันสุดๆ สมกับเป็นอาณาจักรของซีอีโอนักคิดคนนี้จริงๆ แต่ถ้าเพียงเท่านี้ยังไม่เต็มอิ่มจุใจคนรักบ้านทั้งหลายล่ะก็ สามารถตามไปชมความน่าอยู่ของบ้านหลังนี้แบบเต็มๆ กันได้ที่ นิตยสารแพรว ฉบับ 936 เลยค่ะ
ที่มา : นิตยสารแพรวฉบับ 936