การออกแบบที่เรียบง่าย ซับซ้อน และเหนือการเวลา สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากความคิดสร้างสรรค์ของ Silvia Venturini Fendi ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์แผนกเครื่องประดับและเสื้อผ้าบุรุษของ FENDI ซึ่งในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่กระเป๋า Peekaboo ได้ถูกออกแบบขึ้นในปี ค.ศ. 2008
โดยหนังสือ Peekaboo-K ได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไอคอนของกระเป๋าใบนี้ รวมถึงแนวคิด ความประณีต นวัตกรรม วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และการตีความของกระเป๋า Peekaboo ผ่านแต่ละซีซั่น ทั้งในแง่ของรูปร่าง ขนาด ความสามารถในการใช้งาน ใจความสำคัญ และ ความเป็นตัวตนของกระเป๋า
กระเป๋า Peekaboo เปิดตัวครั้งแรกกลางสปอร์ตไลท์บนรันเวย์ของคอลเลคชั่น Women’s Spring/Summer 2009 โดยคอลเลคชั่นทั้งหมดถูกนำเสนอในวอลลุ่มที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบของเส้นเว้าโค้งและเอวที่รัดรูป ที่ถูกตัดเย็บด้วยความประณีตดูสะอาดตาเปรียบเสมือนรูปทรงผ่าตัด (Surgical Shape)
Silvia Venturini Fendi กล่าวว่า “ความเรียบง่ายคือความแปลกใหม่อย่างแท้จริง ในเวลานั้น ฉันอยู่ในช่วงกำลังมองหารูปแบบของความร่วมสมัย ที่ยังคงทั้งความดั้งเดิมและทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงที่มีความซับซ้อนมากที่สุด เช่นเดียวกับในทุกวันนี้ที่ความเรียบง่ายได้ถูกนำมาออกแบบภายใต้แนวคิดของความหรูหราที่ซ่อนอยู่ คล้ายกับความแตกต่างระหว่างวัสดุที่หลากหลายสำหรับโครงสร้างภายใน และวัสดุที่สำคัญสำหรับโครงสร้างภายนอก ซึ่งเป็นหนึ่งโอกาสเมื่อผู้หญิงได้รับคำแนะนำให้เดินรอบๆ พร้อมกับปลดและเปิดกระเป๋าไว้
ความขี้เล่นของชื่อ Peekaboo มาจากคำว่า “peek-a-boo, I see you” (จ๋ะเอ๋ เจอเธอแล้ว) ซึ่งเป็นการละเล่นดั้งเดิมของเด็ก ในตอนแรก Silvia Venturini Fendi ตั้งชื่อกระเป๋าว่า ‘Hide-and-Seek’ (ซ่อนหา) แต่กลับกันในที่สุดแล้วเธอเลือกชื่อ Peekaboo ซึ่งเป็นชื่อที่แสดงออกถึงความประหลาดใจของช่องต่างๆภายในกระเป๋าได้ดีที่สุด เมื่อบิดตัวล็อกกระเป๋าจะเผยให้เห็นถึง ‘รอยยิ้ม’ เบื้องหลังอันเป็นเอกลักษณ์ของกระเป๋ารุ่นนี้ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่คาดไม่ถึงและคงเป็นความงามที่ซ่อนอยู่ อีกทั้งยังมีความหรูหราเทียบเท่ากับโครงสร้างภายนอก
กรอบและโครงสร้างของกระเป๋า Peekaboo มาพร้อมรูปทรงแบบดั้งเดิมของสี่เหลี่ยมคางหมู (trapezoid) ซึ่งเป็นรูปร่างที่สะอาดตาและเรียบง่าย มีความเป็นรูปทรงเลขาคณิต แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเส้นเว้าโค้ง จากการศึกษาเกี่ยวกับความตรงข้ามกัน ระหว่างความเรียบง่ายและความแตกต่างของพื้นผิวของวัสดุรวมไปถึงสีอันล้ำค่า ซึ่งการเล่าเรื่องอย่างมีนัยยะนั้นกล่าวถึงความคลาสสิกในรูปแบบใหม่ ซึ่งคือแฟชั่นเชิงศิลปะที่มีความละเอียดอ่อน และ เป็นส่วนตัว โดยรูปลักษณ์ที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน
หนังสือ Peekaboo-K เป็นหนังสือที่ต้องถูกค้นพบและเปิดประสบการณ์ใหม่ เช่นเดียวกันกับกระเป๋า Peekaboo โดยหนังสือเล่มนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด เพื่อรวบรวมแก่นแท้ของกระเป๋า Peekaboo และเปิดเผยแง่มุมต่าง ๆ มากมายของกระเป๋ารุ่นนี้
โดยเริ่มจากภายนอก ซึ่งหน้าปกของหนังสือเป็นหน้าปกแบบแอกโซโนเมตริก (axonometric) พร้อมกับรูปร่างสามมิติที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋า Rose Black PeekabooISeeU ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความซับซ้อนและการอยู่เหนือการเวลา
ด้านในของหนังสือนำเสนอรูปภาพของคอลเลคชั่นกระเป๋า 80 ใบจากคลังข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของ FENDI หนังสือเล่มนี้ถูกแบ่งเป็น 4 บท โดยแต่ละบทจะมี 20 หน้า ซึ่งนำเสนอภาพจากมุมมองความคิดสร้างสรรค์และภาพถ่ายเชิงพาณิชย์ของช่างภาพทั่วโลก พร้อมนำเสนอข้อความสั้น ๆ จาก ‘Friend of the House’
บทนำของหนังสือ Peekaboo-K เป็นบทสนทนาที่รวบรวมความคิดเห็นของผู้หญิงสามคนแต่ละช่วงวัยของครอบครัว FENDI ได้แก่ Silvia Venturini Fendi, Delfina Delettrez Fendi และ Leonetta Luciano Fendi
Chapter 1 – การปรับแต่งพื้นผิว (Revising textures)
จากการทดลอง การแกะสลัก การเจาะแต่ง และงานฉลุบนพื้นผิวของชิ้นงานที่ไอคอนิกนั้น กระเป๋า Peekaboo ในฐานะลัทธิคลาสสิก (cult classic) ได้นำไปสู่การรังสรรค์ขึ้นใหม่ด้วยวัสดุและการเคลือบมากกว่า 1,000 รายการ อีกทั้งยังมาในหลากหลายขนาดอีกด้วย
ในบรรดานักวิจารณ์แฟชั่นที่มีอิทธิพลมากที่สุด Sophie Fontanel นักข่าวและนักเขียนชาวฝรั่งเศส ได้ให้คำตอบของเธอเองสำหรับคำถามที่ว่า “ทำไม Peekaboo ถึงเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์แฟชั่น”
Peter Langer ช่างภาพชาวเยอรมัน ผู้ทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานอันมีภาพลักษณ์ที่หลากหลาย เพื่อถ่ายทอดจุดบรรจบของความเป็นจริงและจินตนาการของกระเป๋า Peekaboo ในขณะที่แต่งเติมสีสันให้รูปภาพ
Chapter 2 – ผ้าแคนวาส (Canvas)
ด้วยความร่วมมือจากเหล่าสถาปนิก ดีไซเนอร์ ศิลปิน และนักสร้างสรรค์ระดับนานาชาติ ที่ได้รับเชิญจาก FENDI มาร่วมแปลงโฉมให้กระเป๋าให้เป็นผลงานชิ้นเอก โดยการปรับแต่งผ้าแคนวาสสีขาว Peekaboo หรือสร้างสรรค์กระเป๋าในเวอร์ชันของตัวเองเนื่องในโอกาสพิเศษสำหรับ Maison
ในปี ค.ศ. 2023 Kengo Kuma สถาปนิกชาวญี่ปุ่นได้สร้างสรรค์กระเป๋า Peekaboo โดยใช้เทคนิคการทอผ้า yatara ami ซึ่งเป็นการนำเส้นไม้ไผ่มารังสรรค์เป็นผ้าตาข่าย ในตอนต้นเขาได้เน้นย้ำถึงความรู้สึกของเจ้าของกระเป๋าว่ามีความสำคัญต่อการดึงดูดใจในกระเป๋าใบนี้อย่างยั่งยืน
Isabelle Wenzel ศิลปินและช่างภาพชาวออสเตรีย ได้ทำการสำรวจขอบเขตระหว่างการออกแบบและงานศิลปะ ซึ่งเป็นการออกแบบที่มีลักษณะเส้นโค้งและการใช้สี เปรียบเสมือนการเคลื่อนไหวของมนุษย์ภายใต้การสร้างสรรค์ของบรรพบุรุษ
Chapter 3 – สัญชาตญาณการเสาะหาเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด (Eclectic Instinct)
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัสดุที่หลากหลายและการอ้างอิงถึงการรวบรวมเอกลักษณ์ของกระเป๋า Peekaboo ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแดนไกลสร้างสรรค์ผลงานภายใต้จิตวิญญาณของความสนุกสนานแต่ยังคงความประณีต ซึ่งเป็นแก่นแท้ของกระเป๋าใบนี้
นักร้อง-นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลง และ นักแสดง อย่าง Chloe Bailey เป็นหนึ่งในกระบอกเสียงสำคัญของคลื่นลูกใหม่ที่สะท้อนถึงกระแสศิลปะในระดับนานาชาติ เธอได้เข้าร่วมพร้อมกับ Halle น้องสาวของเธอในแคมเปญ #MeAndMyPeekaboo ซึ่งเป็นแคมเปญเกี่ยวการมองถึงอนาคต สัญลักษณ์ของสิ่งใหม่ และซึ่งคัดสรรจากสิ่งที่ดีที่สุด
Sebastian Lager ช่างภาพชาวออสเตรียถ่ายทอดเรื่องราวผ่านรูปภาพ ให้ความสำคัญกับแนวคิดที่อิสระ เขาได้ใส่อุปกรณ์ประกอบฉากที่ผลิตจากกระดาษเข้าไปในรูปภาพ เพื่อสมดุลขอบเขตของการล้อเลียน
Chapter 4 – FENDI Graphia
รหัสและข้อความ คุณค่าและสัญลักษณ์ กระเป๋า Peekaboo จารึกการออกแบบของเมซงโรมัน (Roman Maison) ตั้งแต่โลโก้สะท้อน FF ไปจนถึงแถบ Pequin รวมทั้งกราฟิกและสัญลักษณ์นามธรรม
Naomi Watts นักแสดงสาวผู้มีพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในหลากหลายแง่มุม เธอสามารถเปิดเผยความเป็นตัวตนของเธอได้อย่างอิสระโดยเธอได้เข้าร่วมในแคมเปญ #FENDIPeekaboo ซึ่งเป็นการริเริ่มด้านดิจิตอล ในปี ค.ศ. 2021 รวมทั้งได้แสดงออกถึงจิตวิญญาณของผู้หญิงในแบบ FENDI
Adrien Dubost ช่างภาพจากกรุงลอนดอน ผสมผสานรูปทรงเรขาคณิตเข้ากับสีโทนอุ่น โดยวางกระเป๋า Peekaboo บนโครงสร้างอันเป็นรูปทรงและลายเส้นเฉพาะเพื่อเน้นให้เห็นถึงแก่นแท้ของกระเป๋า
ตั้งแต่พริบตาไปจนถึงเผยรอยยิ้ม Peekaboo-K เป็นการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของสิ่งที่กระเป๋า Peekaboo นำเสนอถึง FENDI ซึ่งคือคุณลักษณะอย่างเป็นทางการ ผสมผสานรสนิยมอันซับซ้อนของความขี้เล่นและความละเอียดอ่อนที่แสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและแฝงการล้อเลียนอย่างมีนัยยะ เหนือสิ่งอื่นใดคือบุคลิกที่แข็งแกร่ง งานฝีมือ และ ผลงานชิ้นเอก