account_circleนักออกแบบของไนกี้ต้องการศึกษาต่อไปว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะของรอยบากให้ดีขึ้นได้หรือไม่ นักออกแบบของไนกี้จึงทดลองใช้วัสดุที่เรียกกว่าโอเซติกส์ (auxetics) ที่พื้นรองเท้า วัสดุนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถขยายตัวได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนเมื่อมีแรงกระทำ
นอกจากนี้นักออกแบบของไนกี้ทดลองสร้างรอยบากบนวัสดุโอเซติกส์ก่อนจะเลือกใช้รอยบากแบบดาวสามแฉกที่คล้ายกับรอยบากแบบหกเหลี่ยมที่ไนกี้เคยใช้กับรองเท้าตระกูลฟรีรุ่นก่อนหน้าที่มีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่ง วัสดุโอเซติกส์ที่ไนกี้ใช้ประกอบที่ส่วนกลางพื้นรองเท้านั้นสามารถเลียนแบบร่างกายและเท้าเมื่อมีแรงกระทำ เพราะวัสดุโอเซติกส์รองรับแรงกระแทกได้ดีและสามารถขยายตัวได้พร้อมกันตามขนาดของเท้าเมื่อเท้ากระทบกับพื้นอีกด้วย (ขยายได้ถึง 1 เบอร์รองเท้าตามยาวหรือ 2 เบอร์
ส่วนล่างสุดของพื้นรองเท้าที่มีความยืดหยุ่นได้หลายทางนั้นสามารถยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวของเท้าทั้งการวิ่งและการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ของการพัฒนาส่งผลให้ผู้สวมใส่เป็นผู้สั่งการเท้าแทนที่จะสั่งรองเท้า การพัฒนารองเท้าตระกูลฟรียังสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของไนกี้ที่มุ่งมั่นจะประยุกต์ใช้แนวความคิดใหม่ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมิได้ใช้วัสดุหรือเครื่องจักรใหม่ๆ เลย
ปัจจุบัน นักกีฬาชั้นนำที่ไนกี้ให้การสนับสนุนใช้รองเท้าตระกูลฟรีเพื่อวิ่งจ๊อกกิ้งหรือวิ่งซ้อมเป็นระยะสั้นๆ ในลู่ นอกจากนี้ ไนกี้ยังแนะนำให้นักวิ่งทั่วๆ ไปใช้รองเท้าตระกูลฟรีเพื่อวิ่งเป็นระยะทางสั้นๆ เช่นเดียวกัน สำหรับปี 2019 นี้ ไนกี้นำรองเท้าตระกูลฟรีกลับสู่รากฐานด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกเหมือนวิ่งด้วยเท้าเปล่ามากกว่ารองเท้าตระกูลฟรีรุ่นก่อนหน้า
- ไนกี้ศึกษาการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติและการวิ่งด้วยเท้าเปล่ามาตั้งแต่ปี1989 โดยไนกี้ทำการศึกษา ณ ศูนย์วิจัยด้านการกีฬาของไนกี้ที่เมืองเอกเซเตอร์ รัฐนิวแฮมเชียร์ (Exeter, New Hampshire)
- ไนกี้เป็นผู้ผลิตรองเท้าวิ่งรายแรกๆ ที่เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการวิ่งด้วยเท้าเปล่า และไนกี้เริ่มพัฒนารองเท้าไนกี้ฟรีรุ่นแรกตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 2000
- ไนกี้วางจำหน่ายรองเท้าวิ่งไนกี้ฟรีรุ่นแรกพร้อมกับแผ่นพับขนาดใหญ่ซึ่งอธิบายจุดเด่นของเทคโนโลยีไนกี้ฟรี และเตือนผู้บริโภคไปพร้อมกันว่ารองเท้าวิ่งรุ่นนี้อาจไม่เหมาะสมกับผู้ใช้งานทุกคน
4. ห้องวิจัยด้านการกีฬาของไนกี้จะตรวจสอบรองเท้าวิ่งที่พัฒนาขึ้นใหม่ด้วยเกณฑ์ชี้วัดทางจลนพลศาสตร์ 5 ประการ
(Five kinematic parameters)เพื่อตรวจสอบว่ารองเท้ารุ่นนั้นๆ ควรเป็นรองเท้าวิ่งตระกูลฟรีหรือไม่ - ตัวเลขที่อยู่ในชื่อรองเท้าวิ่งตระกูลฟรีนั้นสื่อถึงระดับความรู้สึกเมื่อสวมใส่ว่าใกล้เคียงกับการวิ่งด้วยเท้าเปล่าเพียงใด
โดยเลข 0 คือเท้าเปล่า และเลข 10 คือความรู้สึกเมื่อวิ่งโดยสวมใส่รองเท้าวิ่งทั่วๆ ไป
ทั้งนี้ในปี 2019 รองเท้าวิ่งตระกูลไนกี้ฟรี ยังคงเป็นรองเท้าสำหรับการวิ่งระยะทางสั้นๆ และไนกี้ได้ตอกย้ำถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ด้วยการเสริมชั้นโฟมที่แข็งแต่มีรูปทรงแบนกว่าเดิมบริเวณส่วนกลางของพื้นรองเท้าเพื่อให้ระยะห่างระหว่างเท้ากับพื้นลดลง (จนใกล้เคียงกับรองเท้าตระกูลฟรีรุ่นแรกที่วางจำหน่ายในปี 2004 ที่ไนกี้พัฒนาให้ผู้สวมใส่รู้สึกใกล้เคียงกับการวิ่งด้วยเท้าเปล่า) และช่วยให้เท้าเคลื่อนไหวได้เป็นธรรมชาติกว่าเดิม ส่วนกลางของพื้นรองเท้ารุ่นใหม่นี้มีรอยบากทั้งที่บริเวณด้านบนและล่างสุด รองรับการบิดและงอเท้า รอยบากที่ไนกี้สร้างขึ้นนั้นมีความลึกแตกต่างกันโดยอ้างอิงจากข้อมูลการเคลื่อนไหวของรูปเท้า และรอยบากยังอยู่ในบริเวณที่เท้ามีการบิดงอหรือขยายตัวเพื่อเสริมการเคลื่อนไหวและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติขณะสวมใส่มากยิ่งขึ้น
หน้ารองเท้าของรองเท้าวิ่งไนกี้ ฟรี รุ่นปี 2019 นั้นเรียบง่าย เนื่องจากประกอบขึ้นจากผ้าตาข่ายที่บางและยืดหยุ่น เข้ากับเชือกผูกในรุ่น 5.0 ที่ดูเข้ากับหน้ารองเท้า ส่วนรุ่น 3.0 นั้นเป็นโครงสร้างแบบไร้เชือกผูก โดยมีโครงสร้างหน้ารองเท้าอีกชั้นช่วยเสริมความกระชับแต่มีความเพรียวบางเสมือนเป็นผิวหนังอีกชั้น นอกจากนี้ รองเท้าตระกูลฟรีรุ่นปี 2019 ยังมีเอกลักษณ์ทางการออกแบบที่สะท้อนถึงอิทธิพลของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์แบบเชิงลึก (เช่น เส้นสายบนรองเท้าบางเส้นที่ได้รับอิทธิพลมาจากรูปร่างของเท้า) โดยไนกี้ได้ทำให้ตราสัญลักษณ์มีขนาดเล็กลง เพื่อเน้นย้ำว่ารองเท้าตระกูลฟรีเป็นรองเท้าวิ่งสำหรับการวิ่งระยะสั้นอย่างแท้จริง
สำหรับรองเท้าวิ่งไนกี้ ฟรี รัน 5.0 (Nike Free RN 5.0) รุ่นปี 2019 และรองเท้าวิ่งไนกี้ ฟรี รัน ฟลายนิต 3.0 (Nike Free RN Flyknit 3.0) รุ่นปี 2019 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ทั้งทางเว็บไซต์ nike.com และที่ร้านไนกี้บางสาขาในราคา 3,600 บาทและ 5,000 บาท ตามลำดับ
อ่านเรื่องราวอื่นๆ เกี่ยวกับแฟชั่นรองเท้าได้ที่นี่