เวลาไปเที่ยวแต่ละคนคงมีเป้าหมายหรือมิชชั่นที่แตกต่างกันไป บางคนเน้นเช็กอินแลนด์มาร์ค บางคนรักที่จะชิมอาหารอร่อย หรือบางคนเทใจให้การช็อปปิ้ง แต่สำหรับ “คุณน้อย-ธรรมนิติ์ ภูวเสถียร” เจ้าของรีสอร์ตในเมืองเชียงใหม่และนักสะสมผ้าตัวยง เป้าหมายของเขาอยู่ที่การได้ใส่ชุดผ้าท้องถิ่นที่ออกแบบเองไปถ่ายภาพกับสถานที่ต่างๆ จนถึงตอนนี้ชุดที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกถูกนำพาไปเช็คอินสถานที่ในประเทศต่างๆ มาไม่ต่ำกว่า 100 แห่งแล้ว!

MY PASSION : ผ้าท้องถิ่น
ก่อนที่คุณน้อยจะนำความชอบเรื่องการแต่งตัวและการท่องเที่ยวมาผสมผสานเข้าด้วยกัน มีจุดเริ่มต้นมาจากความชอบในผ้าท้องถิ่น
“ผมสะสมผ้าท้องถิ่นโบราณมากว่าสิบปีแล้วครับ เริ่มจากผมเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพายัพ จากนั้นเปิดรีสอร์ต ‘สวนดอยเฮ้าส์’ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งรวมผ้าหายากทั้งของไทยและเพื่อนบ้าน แต่ความที่ผมไม่ได้เป็นผู้รู้เรื่องผ้า ช่วงแรกจึงเพียงซื้อมาสะสมไว้ ผ้าที่เห็นแล้วตัดสินใจซื้อทันทีมักจะเป็นผ้าท้องถิ่นที่มีลวดลายแปลกตา โดยเฉพาะผ้าโบราณของชนเผ่าต่างๆ

“อย่างผ้าพื้นเมืองของพม่ามีผ้าที่เรียกว่าลุนตยา เป็นผ้าของผู้หญิงและผ้าปะโซของผู้ชาย คนพม่ามาเห็นยังทึ่งเลยว่าผ้าสวยๆ แบบนี้มีอยู่ที่เชียงใหม่ด้วย อย่างผ้าปะโซที่ผมมีเป็นลวดลายหายาก พวกเรขาคณิต สีส้มสด สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง ที่ให้ความรู้สึกโมเดิร์น ร่วมสมัย ส่วนผ้าลุนตยา แม้จะเป็นของผู้หญิง แต่สามารถนำมานุ่งเป็นโสร่งได้สวย โดยเฉพาะสีเขียวขี้ม้าที่ให้ความรู้สึกโก้ ไม่ได้ดูเฟมินีนจัด

“ในการสะสมผ้า เรื่องหนึ่งที่ผมเชื่อมาตลอดก็คือ บางทีผ้าก็เลือกเจ้าของ อย่างครั้งหนึ่งผมกับเพื่อนค้นผ้าออกมาดูด้วยกัน ผมเห็นผืนหนึ่งสวยมาก แต่เพื่อนไม่เห็น จนพอได้ผ้าชิ้นนี้กลับมาแล้วเพื่อนถามว่าได้มายังไง เขายืนยันว่าตอนเลือกเขาไม่เห็น
“หรืออีกครั้งตอนมีคนมาเสนอขายผ้าลื้อเมืองเงิน ซึ่งเป็นผ้าโบราณหายากที่ผมชอบมากและสะสมมานาน แต่ครั้งนั้นเขาเสนอราคาค่อนข้างสูง ผมจึงต้องตัดใจ จากนั้นประมาณครึ่งปีมีคนมาเสนอขายผ้าผืนนี้อีกครั้งในราคาที่ผมสามารถซื้อได้ ซึ่งเห็นปุ๊บผมจำได้ทันที เพราะด้วยลวดลายที่โดดเด่นและตำหนิของผ้า ทำให้รู้สึกว่าในที่สุดเขาก็กลับมาอยู่กับเรา

“ที่ผมชอบผ้าลื้อเมืองเงิน เพราะไม่เพียงมีความสวยงาม แต่ยังมีความเป็นมาน่าสนใจด้วยครับ คือชาวลื้อในเมืองชัยปุระ ประเทศลาวสมัยก่อนแม่จะสอนลูกสาวให้ทอผ้าเตรียมไว้ให้สามีในอนาคตทำเป็นผ้าพาดไหล่ หรือที่เรียกว่าผ้าเช็ด กับย่ามใบเล็กๆ ที่ผู้ชายใช้คล้องคอสำหรับใส่บุหรี่หรือของใช้จุกจิกของตัวเอง เมื่อหญิงสาวเจอชายที่รักก็จะนำผ้าเช็ดและย่ามฝีมือตัวเองไปมอบให้ ซึ่งหากผู้ชายเลือกย่ามของผู้หญิงคนไหนคล้องคอไว้ ถือเป็นสัญญาณตอบรับว่าเขาเลือกเธอแล้ว และเขาจะใช้ผ้าเช็ดผืนนี้ไปตลอดชีวิต จะเห็นว่านอกจากความสวยงามของผ้ายังเต็มไปด้วยเรื่องราว ความหมายที่ลึกซึ้งและโรแมนติก
“เวลาที่ผมได้ผ้าโบราณมาจะดูแลอย่างดี โดยเริ่มจากใช้น้ำยาอย่างดีในการซักเพื่อขจัดคราบสกปรกต่างๆ จากนั้นนำไปผึ่งลมให้แห้งโดยมีเทคนิคคือ ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำ เพื่อไม่ให้สีของผ้าตกหรือไหลลงมาหากัน พอเริ่มแห้งก็นำมารีด แล้วใช้กรรไกรตัดด้ายส่วนที่ชำรุดออกทำให้ได้ผ้าที่มีสีและสภาพสวยงามดังเดิม”

MY INSPIRATION : ชุดหนึ่งเดียวในโลก
ด้วยความสนใจและชื่นชอบเรื่องแฟชั่น การแต่งตัว คุณน้อยจึงนำผ้าที่สะสมไว้มาทำให้เป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้จริง โดยออกแบบและตัดเย็บเองทั้งหมด เพื่อเติมความพิเศษให้ การเดินทาง
“เริ่มจากเวลาไปท่องเที่ยวกับคุณแม่และครอบครัวที่ประเทศต่างๆ ผมอยากให้ทริปเหล่านั้นของเรามีอะไรพิเศษกว่าการถ่ายภาพเพื่อเก็บเป็นความทรงจำ
“วันหนึ่งจึงเริ่มนำผ้าที่สะสมไว้มาเย็บด้วยแพตเทิร์นง่ายๆ เนื่องจากผมชอบแต่งตัว แม้จะไม่เคยทำงานหรือเรียนด้านแฟชั่น แต่ชอบอ่านหนังสือแฟชั่น จึงทำให้ซึมซับมาบ้าง จึงคิดต่อยอดจากโจทย์ที่เรามีคือ จะนำผ้าที่สะสมไว้สร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าหรืองานศิลปะได้อย่างไร ซึ่งถ้านำไปให้ช่างตัด ก็ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายให้ช่างรู้ความต้องการทั้งหมดของเราได้ไหม

“จากคนที่เย็บผ้าไม่เป็นเลย ก็อาศัยถามผู้รู้ ทำเท่าที่ความสามารถมี เย็บชุดง่ายๆ โดยนำผ้าผืนนี้เย็บติดกับผืนนั้น หรือการพับซ้อนเพื่อทำให้เกิดรูปทรง และเริ่มมิกซ์แอนด์แมตช์ นำผ้าลายนั้นมาจับคู่กับอีกผืนเพื่อต่อลายให้ มีความสวยงาม ชุดเก่งของผมคือเสื้อคลุมตัวยาว ซึ่งผมออกแบบและเลือกผ้าจากความชอบ โดยประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์และคาแร็คเตอร์ของตัวเอง
“ส่วนตัวผมเคารพงานของบุคคลทุกคน ไม่ว่าผ้านั้นจะเป็นของชนเผ่าไหนหรือประเทศอะไร ผมจะพยายามไม่ตัดผ้าเพื่อให้คงสภาพเป็นผืนไว้อย่างนั้น ถือเป็นการอนุรักษ์ผ้าไปด้วย จึงใช้การเย็บแบบหลวมๆ ไม่แน่นหนา เหมือนการตัดเย็บทั่วไป เพื่อสามารถเลาะด้ายออกให้ชุดกลับมาเป็นผ้าผืนเหมือนเดิม ยกเว้นว่าถ้าตัดผ้าแล้วจะทำให้ได้ชุดที่ดีขึ้น ได้ลายผ้าที่แปลกตา ช่วยเสริมให้ผ้าดูโดดเด่นและมีคุณค่ายิ่งขึ้น ก็ต้องยอมแลกบ้างครับ”

MY JOURNEY : แฟชั่น & ท่องเที่ยว
อีกหนึ่งความชอบของคุณน้อยคือ การเดินทางท่องเที่ยว ยิ่งเมื่อได้ต่อยอดนำชุดที่ออกแบบเองไปสวมใส่และถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆ ราวกับ ผลงานศิลปะเคลื่อนที่ได้ ก็ยิ่งสร้างความสุขให้มากขึ้น
“ผมรู้สึกว่าทุกชุดที่ผมทำเป็นเหมือนการสร้างสรรค์งานศิลปะ และเมื่องานชิ้นนั้นได้อยู่ในสถานที่ที่ส่งเสริมกัน ยิ่งทำให้ผ้ามีความโดดเด่นงดงามขึ้น ทุกครั้งที่กลับมาดูภาพถ่ายจะได้ความรู้สึกที่พิเศษและเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ครับ
“ในการเดินทางทุกทริปผมชอบใส่เสื้อกับกางเกงสะดอ หรือกางเกงทรงหลวมคล้ายกางเกงเลที่นุ่งแบบทบซ้ายทบขวาแล้วรัดด้วยเข็มขัดเงินเป็นชุดหลัก ส่วนชุดผ้าท้องถิ่นที่ทำส่วนใหญ่เป็นชุดยาวถึงเข่าแบบทูนิก ที่สามารถสวมทับชุดลำลองที่ใส่อยู่ได้เลย ถ้าเป็นช่วงที่อากาศหนาวจะเตรียมตุ้มหรือผ้าทอไว้คลุมทับเพื่อคลายหนาวอีกชั้นด้วย

“การเดินทางแต่ละครั้งผมจะพับแยกชุดไว้เป็นชุดๆ เพื่อให้หยิบออกมาใช้ได้สะดวกและไม่ยับ โดยแต่ละวันจะแบ่งชุดใส่กระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก 2-3 ชุด ลากไปตามที่ต่างๆ เมื่อถึงสถานที่นั้นก็เลือกว่าชุดไหนเข้ากับบรรยากาศโดยรอบที่สุด แล้วนำออกมาใส่ถ่ายภาพ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง จึงต้องเตรียมไปเผื่อเลือก
“บังเอิญว่าชุดที่เตรียมไปมักจะเข้ากับสถานที่โดยไม่ได้นัดหมาย (หัวเราะ) ทั้งสีและลวดลายช่วยเสริมให้ภาพถ่ายออกมาดูกลมกลืน และความที่ผ้ามีลวดลายสวยงามอยู่แล้ว จึงเตะตาคนที่เห็น โดยเฉพาะคนที่ชอบสะสมผ้า นี่เองที่ทำให้การไปเที่ยวของผมดูแปลกตาขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมสนุกกับการสร้างสรรค์ชุดใหม่ๆ สำหรับการเดินทางทุกครั้ง

“อย่างตอนไปเที่ยวเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เรามีแพลนไปที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ วัดเก่าแก่ของที่นั่น เผอิญว่าผมนำผ้าเขียนเทียนของชาวเขาในประเทศจีน ยาวประมาณ 6–7 เมตร หน้าแคบประมาณคืบกว่าไปด้วย ตอนนั้นก็คิดว่าทำอย่างไร อยากใช้ผ้าผืนนี้คลุมจังเลย แต่เพราะเป็นผ้าหน้าแคบจึงต้องมีชุดด้านในที่เข้ากัน ผมจึงเลือกใส่ชุดอินดิโกสีน้ำเงินเข้มไปยืนตรงทางเข้าวัดที่เป็นเสาไม้สีส้มๆ ทุกอย่างออกมาเข้ากันอย่างลงตัว เสริมให้ชุดดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากๆ หรืออีกครั้งที่เป็นผ้าจากเมืองเกียวโต ได้มาจากวัดที่มีความเป็นมาเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งพายุหรือเทพเจ้าแห่งลม และบังเอิญว่าวันที่ผมใส่ชุดนี้มีลมและฝนพอดี ทำให้ชุดดูพลิ้วไหวเข้ากับเรื่องราว ภาพจึงสวยขึ้นอีก
“ทริปแรกๆ ผมคิดว่าเป็นความบังเอิญที่ชุดของเราเข้ากับสถานที่นั้นพอดี แต่พอบ่อยเข้าก็รู้สึกว่าอาจเป็นความโชคดีหรือพรหมลิขิต (ยิ้ม) และผมจะใส่ 1 ชุดต่อ 1 สถานที่เท่านั้น จึงทำให้ได้ภาพไม่ซ้ำกันเลย ส่วนใหญ่ผมชอบเที่ยวประเทศแถบเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม พม่า หรือภูฏาน ไม่ค่อยได้ไปแถบยุโรป เพราะไปกับคุณแม่ ท่านอายุเยอะแล้ว การเดินทางไกลจึงค่อนข้างเป็นอุปสรรค และส่วนตัวผมก็ชอบเอเชียมากกว่า ทั้งบรรยากาศ วัฒนธรรม แถมยังเข้ากับลายผ้าที่มีอีก (ยิ้ม)

“จนถึงตอนนี้ผมมีชุดที่สร้างสรรค์ไว้กว่า 100 ชุด เดินทางไปกว่า 100 สถานที่ คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะแบ่งให้คนอื่นๆ ได้ชมความงามของผ้า เหล่านี้ด้วย จึงจัดเป็นนิทรรศการ ‘นิรมิตภูษา มนตราเมืองเงิน’ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นนิทรรศการลักษณะแฟชั่นโชว์แบบนิ่ง คือการใช้หุ่น โดยผมต้องการให้ผู้ชมได้ต่อยอดมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นว่าผ้าโบราณหรือผ้าท้องถิ่นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทำเป็นชุดต่างๆ ได้จริง รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ พวกผ้าเช็ดย่ามที่หาชมยาก ก็นำมาจัดแสดงให้ได้ชมกันด้วยครับ เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครได้ใช้ความรัก ความชอบส่วนตัวไปต่อยอดเป็นอะไรบางอย่างที่น่าภาคภูมิใจได้อีก”
ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 942