เจาะมุมมอง ‘สิริกุล พรหมชาติ’ นักการตลาด ที่ไม่เดินเกมตามทฤษฎีการตลาด

“ใครๆ ก็บอกว่าช่วงแรกของการทำธุรกิจมักจะมีปัญหา แต่สำหรับพี่แล้ว ตอนนี้ที่สินค้ากำลังเป็นที่ต้องการของผู้ใช้ต่างหากที่ทำให้เรามีปัญหา”

ประโยคสั้นๆ ที่เป็นการเปิดบทสนทนาของคุณหยก-สิริกุล พรหมชาติ เจ้าของแบรนด์ Migabee บริษัท Migabee Thailand เกี่ยวกับมุมมองด้านการทำธุรกิจตลอดระยะเวลา 4 ปี ในการสร้างแบรนด์ภายใต้ความมุ่งมั่นที่ต้องการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพให้กับทุกคน ซึ่งเบื้องหน้าแห่งความสำเร็จที่ทุกคนมองเห็น เบื้องหลังของการทำงานประกอบไปด้วยรายละเอียดที่มากกว่านั้น

จุดเริ่มต้นของ Migabee Thailand

“พี่เป็นคนที่ชอบงานด้านการตลาดมาก ที่ผ่านมาก็ได้ทำงานด้านยา อาหารเสริม เครื่องมือแพทย์มาตลอด และมีโอกาสได้ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมาบ้าง แต่เป็นการทำการตลาดออฟไลน์ทั้งหมด พอมีเวลาว่างหลังจากทำงานก็ลองมานั่งศึกษาตลาดออนไลน์ดู จนสุดท้ายก็เกิดเป็นไอเดียว่า ‘ถ้าเราลองทำบ้างจะเป็นยังไงนะ’ 

คือตอนนั้นพี่อยากลองหาอะไรทำเล่นๆ ที่นอกเหนือจากงานประจำ อยากขายอะไรที่ตอบโจทย์คนแบบตัวพี่เอง ซึ่งเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เป็นคนที่ชอบหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ และเป็นคนที่เลือกใช้แต่ของดีๆ เท่านั้น โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่ต้องมาสัมผัสกับหน้าเรา จะเลือกมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้พี่ยังเป็นคน Work Hard Play Hard และชอบใช้แต่ของดีๆ มีคุณภาพ เลยพยายามมองหาของที่กล้าใช้กับตัวเอง และมั่นใจที่จะชวนคนอื่นมาใช้ด้วย ก็เลยมีโอกาสได้มารู้จักกับแบรนด์ Migabee ของประเทศเกาหลี ก็ลองเอามาใช้ดู ปรากฏว่าปัญหาริ้วรอยรอบดวงตามันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เลยยิ่งทำให้พี่ลงลึกเข้าไปศึกษาถึงส่วนผสมต่างๆ ตรวจสอบแหล่งที่มา โรงงานผู้ผลิต จนสุดท้ายก็คือสนใจอยากนำมาขาย

อีกหนึ่งจุดสำคัญที่น่าสนใจมากๆ ก็คือส่วนผสมหลักที่เป็นสารจาก Seabuckthorn ซึ่งเป็นสุดยอดของสารสกัดที่มีวิตามินซีมากกว่าผลไม้ทั่วไปถึง 15 เท่า มีงานวิจัยมากมายให้การยอมรับและตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ทั่วโลก ซึ่งตอนนั้นเมื่อ 4 ปีที่แล้วยังไม่มีเครื่องสำอางหรือสินค้าตัวไหนที่มีส่วนผสมหลักตัวนี้เลย จุดนี้เองที่ทำให้มั่นใจว่าสินค้าที่มีความแตกต่าง มีจุดขายชัดเจน และยังไม่มีคู่แข่ง ถ้าพี่นำเข้ามาขายก็น่าจะขายได้ และถ้าขายไม่ได้พี่ก็พร้อมใช้เอง ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการนำ Migabee Seabuckthorn Serum เข้ามาจำหน่ายที่ประเทศไทย

ฉีกทุกกฎของนักการตลาด

“ตลอด 4 ปีที่มาของ Migabee Thailand บนตลาดออนไลน์ พี่ไม่เคยทำตามหลักการหรือทฤษฎีอะไรเลย จะเน้นการสู้ด้วยคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก ไม่เคยใช้สื่อเพื่อชี้นำโน้มนาวให้กับลูกค้าว่าต้องเชื่อเรา หรือแม้แต่การจ้างรีวิวโดยใช้คนดังๆ มาถือสินค้าก็ไม่เคยทำ พี่ใช้การแนะนำแบบเพื่อนสู่เพื่อน โดยอาศัยแพลตฟอร์มดิจิทัล อย่างเฟซบุ๊ก ส่วนการทำโปรโมชั่นก็จะทำแค่ปีละ 1 ครั้ง เพื่อขยายตลาดหาลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงการตอบแทนลูกค้าเก่า ทั้งหมดนี้เองที่เป็นจุดแข็งที่พิสูจน์แล้วว่ามันประสบความสำเร็จได้จริง ถ้าสินค้าของเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือปัญหาต่างๆ ของลูกค้าได้ 

พี่เชื่อว่าการตลาดที่แท้จริงมันไม่มีขอบเขต และเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องทำ 1 2 3 4 แต่เราใช้ประสบการณ์ในการทำงานและมุมมองของตัวเองในการตัดสินใจปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์ทางการตลาด เพราะการตลาด การขาย รวมไปถึงพฤติกรรมของลูกค้า คือปัจจัยแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้เปลี่ยนแปลงทุกวัน ตัวเราเอง ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนให้ทัน เพื่อมุ่งที่จะนำเสนอสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่เราวางไว้

แน่นอนว่าการทำธุรกิจย่อมมีทั้งปัญหาและแรงกดดัน แต่ภายใต้ความกดดันกลับทำให้พี่มีแรงผลักให้ทำงานได้ดีขึ้นนะ คงเป็นเพราะพี่ชอบทำงานภายใต้ความกดดัน บวกกับการทำงานตรงนี้มันคือความสนุก ความรัก ความชอบงานในเนื้องาน รวมไปถึงความท้าทายที่รู้สึกว่าต้องทำให้ได้ เลยยิ่งทำให้พี่รักและสนุกกับสิ่งที่ทำอยู่ ทุกวันนี้ไม่เคยคิดว่าการทำแบรนด์ Migabee เป็นงานเลยนะ มันเหมือนงานอดิเรก เป็นการขายออนไลน์ที่อยู่ตรงไหนก็ทำได้  ยิ่งมีคนชื่นชมสินค้า ก็ยิ่งมีกำลังใจในการทำให้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

ก้าวต่อไปของ Migabee Thailand

“อย่างที่บอกไปว่า 4 ปีที่ผ่านมา Migabee Thailand ไม่เคยเสียเงินเพื่อการโฆษณาหรือสร้างกระแสอะไรทางการตลาดออนไลน์เลย รวมถึงไม่เคยเสียเงินเพื่อจ้างรีวิวสินค้าและรีวิวต่างๆ ที่เห็นทั้งหมดมาจากลูกค้าที่ใช้จริงบอกต่อเรา เราจึงขออนุญาตลูกค้าใช้รีวิวนั้นมาบอกต่อ นโยบายหลักของ Migabee Thailand คือ ไม่จ้างรีวิว ลูกค้าซื้อแล้วซื้อซ้ำ แนะนำเพื่อนมาซื้อ 

ดังนั้นกลยุทธ์ของปีหน้า ก็ยังคงเน้นเรื่องของการนำเสนอสินค้าที่ดีมีคุณภาพสู่บุคคลทั่วไปให้รับรู้ให้มากยิ่งขึ้น โดยใช้สื่อการตลาดออนไลน์แบบให้ข้อมูลที่เป็นจริงและถูกต้องกับลูกค้าเท่านั้น พี่ตั้งใจที่จะให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น โดยจะเพิ่มระบบสมาชิกเพื่อให้ลูกค้าเก่าได้รู้สึกเป็นครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์เรามากขึ้น รวมถึงการขยาย Product Lining ที่มีคุณภาพดีภายใต้แบรนด์ Migabee ให้มากขึ้น

ส่วนอีกทางหนึ่งก็คือขยายฐานลูกค้าใหม่ และมุ่งเรื่องการทำ e-commerce เต็มตัวเพราะโลกออนไลน์เรามีลูกค้าที่ต้องการสินค้าทั่วโลก ก่อนหน้านี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราบอกกับตัวเองเสมอว่าเรามาทำงานนี้เล่นๆ ทำเป็นงานอดิเรก และเราไม่พร้อมจะโต อยากก้าวไปอย่างช้าๆ แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ และลูกค้าที่เป็นตัวชี้วัดว่า สินค้าของเรามันมีโอกาสที่จะขยายตลาดออกไปได้อีก ตอนนี้ก็คงถึงเวลาแล้วที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น”

Praew Recommend

keyboard_arrow_up