ศรินญา มหาดำรงค์กุล

รักเรียบง่าย แต่น่ารักลงตัวของ ศรินญา มหาดำรงค์กุล-ไมเคิล เบลนีย์ เดวิดสัน

account_circle
ศรินญา มหาดำรงค์กุล
ศรินญา มหาดำรงค์กุล

เส้นทางความรักที่แสนจะเรียบง่าย แต่น่ารักลงตัวของ ศรินญา มหาดำรงค์กุล-ไมเคิล เบลนีย์ เดวิดสัน  เป็นรักในฝันของหลายคน หลายคู่

“รักทุกอย่างที่เป็นเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา รินคอยซัพพอร์ตผมทุกเรื่อง อยู่เคียงข้างกันเสมอ ไม่ว่าผมมีปัญหาอะไร เขาจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี ทำให้ผมรู้สึกว่า..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราคือทีมเดียวกัน”

รักล้นใจวัยใส

‘คุณริน ศรินญา มหาดำรงค์กุล’ เจ้าสาวหมาดๆ จากพิธีวิวาห์ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้เปิดใจกับแพรวว่า

ริน ศรินญา มหาดำรงค์กุล

“สมัยเป็นนักเรียนประจำที่วัฒนาวิทยาลัย บวกกับความที่เป็นลูกคนโต รินจึงมีความเป็นตัวเองสูง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่สไตล์คุณหนู มีวีรกรรมชอบชวนเพื่อนไปแอบดูหนุ่มโรงเรียนอินเตอร์ข้างๆ เห็นเกิ้ล (คุณไมเคิล) สมัยนั้นเขาไว้ผมยาว ดูหล่อคล้ายกอล์ฟ-ไมค์ (หัวเราะ) ตอนหลังเห็นเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ่ายโฆษณาแปรงสีฟันในนิตยสารยังตัดรูปเขาเก็บไว้

“กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย รินเรียนที่ธรรมศาสตร์ เกิ้ลเรียนที่จุฬาฯ  บังเอิญเรามีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จึงมีโอกาสพบกัน ตอนเห็นเขาครั้งแรก ใจรินเต้นตึ๊กตั๊กๆ อาการคงเหมือนคนที่เป็นแฟนคลับดารา มีอาการอายๆ เขินๆ (อีกฝ่ายนั่งฟังแล้วอมยิ้มหวานเชียว) ยังโทรไปเล่าให้เพื่อนที่เรียนมัธยมด้วยกันฟังว่า –เจอคนที่กรี๊ดด้วยละ ซึ่งตอนนั้นต่างคนต่างมีแฟน แต่ต่างก็มีปัญหาจนต้องเลิกรา หลังจากที่เราคุยกัน รินกับเกิ้ลมีหลายอย่างคล้ายกัน เหมือนเราเข้าใจเขา เขาก็เข้าใจเรา

“จู่ๆ วันหนึ่งเขาโทร.หาริน ซึ่งร้อยวันพันปีไม่เคยนะคะ เพราะเราจะคุยกันเวลาเจอในกลุ่ม ตอนนั้นก็รู้แล้วแหละว่าไม่ปกติ คุยกันตั้งแต่สามทุ่มถึงเช้า จึงถามตรงๆ ว่าจีบรินใช่ไหม เขาสารภาพว่าจีบ เราก็กรี๊ดสิ!

คุณเกิ้ล เล่าต่อเขินๆ ว่า “ตอนนั้นพอถูกถามตรงๆ ก็ตอบตรงๆ ว่า ชอบมานานแล้ว เรามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจุกจิกจู้จี้ แต่รินจะชิลๆ สบายๆ อย่างผมชอบเที่ยว Adventure เพราะฉะนั้นสถานที่บางแห่งไม่มีโรงแรมดีๆ ให้พัก ซึ่งรินโอเค สามารถกินง่ายอยู่ง่าย”

คุณริน ช่วยเสริมว่า “ความที่เราพัฒนาความสัมพันธ์มาจากการเป็นเพื่อน จึงไปกันได้ทุกที่ เขาจะไปกินข้าวกับเพื่อนดึกดื่น เราก็ไปได้ เพราะเพื่อนเขาก็คือเพื่อนเรา เขาชอบเที่ยวแอดเวนเจอร์ เราเองชอบลุยๆ อยู่แล้วจึงไม่มีปัญหา แล้วนิสัยรินไม่จุกจิก ไม่เคยเช็คโทรศัพท์ เพราะรู้สึกว่าทุกคนต้องมีพื้นที่ของตัวเอง จึงไม่ค่อยไปยุ่งเรื่องของเขา ที่สำคัญเป็นคนตรงๆ ชอบบอกชอบ ไม่ชอบคือไม่ชอบ ไม่ต้องเดากัน” เธอเล่าพลางส่งสายตาให้อีกฝ่าย

“บ้านผมอยู่พุทธมณฑล ตอนเช้าผมขับรถจากบ้านไปรับรินแถวพระราม 9 แล้วพาไปส่งที่ธรรมศาสตร์ รังสิต แล้วค่อยกลับมาเรียนจุที่ฬาฯ ตอนเย็นขับรถไปรับเขาที่มหาวิทยาลัยไปส่งบ้าน แล้วค่อยขับรถกลับบ้าน ทำแบบนี้ทุกวัน ตั้งแต่ที่เริ่มคบกันจนถึงทุกวันนี้

“เราพยายามหากิจกรรมทำด้วยกัน ใช้เวลาด้วยกัน  แม้มีเรื่องทะเลาะกันบ้าง แต่โกรธง่ายหายเร็วทั้งคู่

อย่างเราชอบปีนเขา ซึ่งเหนื่อยมาก โดยเฉพาะห้าร้อยเมตรสุดท้าย พอต่างคนต่างเหนื่อย อาจมีหงุดหงิดใส่กัน แต่สุดท้ายก็ทำให้เป็นความทรงจำร่วมกัน

ด้าน คุณริน เผยต่อว่า “เวลาไปเดินป่าทั้งวัน บางทีใช้เวลา 2-3 วัน โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ มีครั้งหนึ่งเดินขึ้นเขาที่อินโดนิเซีย ซึ่งสูงมาก เหนื่อยมาก พอขึ้นไปถึงยอดเขา ชื่นใจ เห็นวิวเหมือนดูในหนังจูราสสิกปาร์ค เราสองคนหันมามองหน้ากัน ไม่ต้องพูดอะไร แต่ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดี

“การไปทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่ชอบด้วยกัน คือ การที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งเหนื่อย ทั้งกลัว และมีความเสี่ยงต่อความเป็นความตาย อย่างการดำน้ำลึก 50 เมตร อาจทำให้เราตายได้ เวลาที่ทำกิจกรรมแนวนี้ด้วยกันแล้วมีเขาอยู่ข้างๆ ก็เหมือนมีเขาคอยดูแลเรา ความที่เขาอยู่กับเรามานาน แม้แต่ตอนอยู่ใต้น้ำที่สื่อสารไม่ได้ แต่เกิ้ลดูออกว่าตอนนั้นเราเป็นอย่างไร โอเคหรือเปล่า สถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น

“ความต่างที่ชัดเจนของคู่เราคือ เกิ้ลชิล ใจเย็น แต่รินใจร้อนทำอะไรเร็ว พอเราบอกให้ทำอะไรสักอย่างแล้วเขายังไม่ทำ รินจะโมโห แล้วเดินไปทำเองเลย ที่สุดจึงเหมือนเรานำส่วนดีของแต่ละฝ่ายมาเติมเต็มให้กัน เพราะบางทีเราเดือดด้วยอะไรสักอย่าง เขาจะคอยดึงกลับมา” (ยิ้ม)

รักแท้ ‘ไม่’ แพ้ระยะทาง

งานแต่ง ริน ศรินญา มหาดำรงค์กุล

“ช่วงรินไปเรียน MBA การโรงแรมที่สวิสเซอร์แลนด์ เขาอยู่ประเทศไทย ไทม์โซนต่างกัน จึงมีเวลาคุยกันน้อยลง  ความที่กลัวผี รินก็จะสไกป์คุยกับเขาและเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้จนหลับ

“บางทีเราเรียนหนัก คุยนานไม่ไหว เกิ้ลจะระแวง มีหึงบ้าง เพราะสมัยก่อนติดต่อผ่านอินเตอร์เน็ทยาก ต้องขอเบอร์ รอให้ได้รับอนุญาต ช่วงนั้นจึงทะเลาะกันบ่อย ผ่านสไกป์บ้าง โทรศัพท์บ้าง เคยคุยกันถึงขนาดว่าจะเลิกกัน แต่เกิ้ลเขาไม่เลิก ไม่เลิกก็ไม่เลิก จึงคบมาเรื่อยๆ

คุณเกิ้ล อธิบายว่า “ตอนนั้นผมคิดว่า เรื่องอะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไป ไม่รื้อฟื้นมาคุย เพราะเราเห็นมาเยอะแล้วว่า บางคู่เลิกกันด้วยเรื่องเล็กน้อยมาก แต่พอคุยกันไปทะเลาะกันมา กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตอนหลังผมพยายามเปลี่ยนแนวการพูดคุย แทนที่จะถามว่าเขาไปไหน ไปกับใคร ก็เปลี่ยนเป็นถามว่า – วันนี้อยากเล่าเรื่องอะไรให้ฟังบ้าง สถานการณ์จึงดีขึ้น

“ผ่านไปหกเดือน ผมไปเรียนต่อปริญญาโทด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน ที่ประเทศฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นไทม์โซนเดียวกัน ทำให้มีโอกาสไปเจอเพื่อนเขา เขาเองก็มีโอกาสมาเจอเพื่อนผม จึงมีความสบายใจมากขึ้น วันหยุด ผมขับรถ 11 ชั่วโมงจากฮอลแลนด์ข้ามเยอรมัน ไปหารินที่สวิสฯ”

“คู่ของเราคบกันมา 11 ปี กว่าจะแต่งงาน ซึ่งรินคิดว่าการใช้เวลาร่วมกันมาตลอดนี่แหละ ที่ทำให้เราเรียนรู้จนรู้ใจกันว่าใครชอบ หรือไม่ชอบอะไร การทะเลาะกันก็เป็นส่วนหนึ่งของตรงนั้น อย่างช่วงไปเรียนต่างประเทศ ตอนนั้นคบกันได้ 3-4 ปีแล้ว ระหว่างที่เกิ้ลทำวิทยานิพนธ์ที่ฮอลแลนด์ รินไปอยู่กับเขาที่อพารต์เมนต์ ทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่ชินต้องปรับตัว เช่น ใครล้างจานไม่ล้างจาน ใครนอนปิดไฟ-เปิดไฟ คือได้เรียนรู้การอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน ทำให้เราเห็นนิสัยใจคอกัน ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติ เราไม่มีทางเห็นหรอก

“ตลอดเวลาที่คบกัน เกิ้ลมีความเสมอต้นเสมอปลาย เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น พยายามหาเวลามาอยู่ด้วย คือให้เราอยู่ในชีวิตเขาเสมอ แม้แต่ตอนเริ่มทำงาน รินช่วยที่บ้านทำโรงแรมสวิสโฮเทลแถวรัชดาภิเษก และงานของศรีทองพาณิชย์ ดูแลด้านการตลาดนาฬิกาแบรนด์ต่างๆ ส่วนเกิ้ลอยากเป็นนักบินเครื่องบินพาณิชย์ จึงตัดสินใจเรียนด้านการบิน พอดีติดเรื่องโควิด-19 จึงยังไม่ได้เรียนต่อ แต่ช่วยงานบริษัทที่จะเปิดทำธุรกิจเครื่องบินทะเลหรือเครื่องบินน้ำในไทย ซึ่งถ้าเปิดน่านฟ้าเมื่อไหร่ เขาคงกลับไปสอบเป็นกัปตัน อย่างที่บอก บ้านเขาอยู่ไกล แต่ยังขับรถมาหาทุกวันไม่เคยบ่น จนบางทีรินเกรงใจ บอกเขาว่าไม่ต้องก็ได้นะ แต่เขาบอกว่า อยากเห็นหน้า อยากทานข้าวด้วย คือเขาไม่เคยเบื่อเรา และเราก็ไม่เคยเบื่อเขา

คุณเกิ้ล บอกทันที “ผมรักทุกอย่างที่เป็นเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา รินคอยซัพพอร์ตผมทุกเรื่อง อยู่เคียงข้างกันเสมอ ไม่ว่าผมมีปัญหาอะไร เขาจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี ทำให้ผมรู้สึกว่า..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราคือทีมเดียวกัน” คุณเกิ้ลเล่าเสียงซาบซึ้ง ก่อนจะหักมุม…

หลบไป! ระเบิดลง

“แต่ถ้าเขาโมโห สภาพตอนนั้นจะเหมือนนรกบนดินเลยละ ที่ผมเห็นชัดสุดๆ คือ เรื่องขโมยกินไก่”

ฝ่ายหญิงขำก่อนรีบชี้แจง “ตอนนั้นไปปีนเขากันที่มาเลย์ฯ ปีนเสร็จเดินลงมาแบบทั้งเหนื่อยทั้งหิวแถวนั้นหาของกินไม่ได้เลย ต้องกลับมาโรงแรม แต่รถแวะเติมน้ำมันในปั๊ม ซึ่งมีร้านไก่ทอด รินถามเกิ้ลว่าเอาอะไรไหม จะลงไปซื้อไก่ เขาบอกว่าเหนื่อยมาก ไม่ต้องซื้อเผื่อ รินจึงซื้อเฉพาะของตัวเองสองชิ้น พอกลับถึงห้องพัก คิดว่าอาบน้ำเสร็จจะกินไก่ให้มีความสุข จังหวะนั้นเกิ้ลถามรินว่า ขอชิมนิดหนึ่งได้ไหม เราก็บอกว่าได้ คิดว่านิดเดียวไง พอออกมาอีกที.. ไก่หมด! รินโกรธมาก เพราะแถวนั้นไม่มีอะไรขายแล้ว ก็เลยบ่นๆๆ ชุดใหญ่เลย เล่าตอนนี้ขำนะคะ แต่ตอนนั้น ขำไม่ออกเลยนะ โกรธมาก” (เน้นเสียง)

คุณเกิ้ล พยายามแทรก “ผมขอโทษเขาแล้วนะ แต่เขาโวยไม่หยุดเลย จนผมเข้านอนแล้ว ยังตามมาเปิดผ้าห่มบ่นต่ออีก” (หัวเราะ)

คุณรินโวยต่อ “ที่สุดเขาพูดว่า  “ทนไม่ไหวแล้วเว้ย” แล้วเดินออกจากห้องไปเช็คอินที่โรงแรมฝั่งตรงข้าม ปล่อยให้รินนอนคนเดียว เช้าเขากลับมา ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถามรินว่าหิวไหม จะไปซื้อไก่ให้ (หัวเราะ) หลังจากเหตุการณ์นั้น เกิ้ลจะถามก่อนทุกครั้งว่า อันนี้แน่ใจแล้วนะว่าไม่กิน…ไม่กินแล้วแน่นะ…งั้นเกิ้ลขอนะ” (หัวเราะ)

“แล้วเวลารินโมโห บางทีชอบพูดคำสุภาษิตไทยเปรียบเปรย แต่ความที่บ้านเขาเป็นฝรั่ง พอเราพูดปุ๊บ เขาจะขอให้อธิบายให้ฟัง แล้วคิดดูสิ คนกำลังบ่นหรือโมโห ต้องมาอธิบายว่าประโยคนี้หมายถึงอะไร จนกลายเป็นหายโกรธไปเลย” (หัวเราะ)

So Sweet Or Not?

ศรินญา มหาดำรงค์กุล-ไมเคิล เบลนีย์ เดวิดสัน

“รินไม่ค่อยโรแมนติก แต่เกิ้ลมีพอสมควร ความที่เขาเป็นลูกครึ่ง การแสดงออกด้วยการกอด หอมแก้มเป็นเรื่องธรรมดา รินมีความชิลๆ แมนๆ ไม่ได้โรแมนติกมาก ขนาดครบรอบวันขอเป็นแฟนกัน ก็ต้องถามเกิ้ล ซึ่งทุกวันที่ 23 ธันวาฯ เกิ้ลจะ Happy Anniversary จัดเต็มเลย ดอกไม้ต้องมา เขาชอบให้ดอกกุหลาบสีแตกต่างกัน และนับจำนวนดอกด้วย ตอนรับ เราก็รับเฉยๆ แต่เขาบอกให้เรานับจำนวนดอกกุหลาบ แล้วไปหาความหมายของจำนวนดอกกุหลาบจากอินเตอร์เน็ตเอา บางทีไม่มีโอกาสอะไร เขาก็ให้ เพราะชอบทำเซอร์ไพร้ส์

“ส่วนรินเคยเซอร์ไพร้ส์เขาสองครั้ง เมื่อห้าปีที่แล้ว แอบได้ยินเขาคุยกับเพื่อนว่าอยากได้เข็มทิศเครื่องบินรบอังกฤษสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นของสะสมที่เกิ้ลชอบ รินก็ไปหามาให้จากอังกฤษ ซึ่งหายากมาก วางแผนว่าจะนำไปให้เขาในวันเกิด ให้เขาตื่นเต้น แต่ของยังส่งมาไม่ถึงสักที ในที่สุดเราทนไม่ไหว บอกให้เขารู้ก่อนของมาถึง เพราะเก็บความลับไว้ไม่ไหวไง (หัวเราะ)

“อีกครั้งคือในงานปาร์ตี้สละโสด Bachelor Party ที่จริงเพื่อนผู้ชายควรจัดกันเอง แต่พวกเขามาปรึกษารินว่าควรทำอย่างไร เพราะเขาเห็นว่าเราเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกันอยู่แล้ว จึงคิดวางแผนให้โอกาสพวกผู้ชายเขามีโมเม้นท์ทะลึ่งตึงตังของเขาไปก่อน ช่วยวางแผนคลุมหัวเกิ้ล แล้วลักพาตัวไปเที่ยว ซึ่งเกิ้ลคงจะเครียด เพราะก่อนหน้านี้ รินบอกเขาว่า จองดินเนอร์ฉลองวันครบรอบเป็นแฟนไว้ มาให้ตรงเวลานะ แต่เกิ้ลกลัวไปไม่ทันนัด เพราะเวลาตรงกันพอดี กลัวรินรอแล้วจะบ่น พอเปิดผ้าคลุมหัวออก เจอเพื่อนๆ นั่งกันเต็ม เขาก็สั่งอาหาร สั่งเครื่องดื่มกัน รินตามเข้าไปในงานทีหลัง พอเห็นรินเท่านั้นแหละ เกิ้ลเหวอเลย กลายเป็น Surprise กันไป รินจึงเป็นผู้หญิงคนเดียวในงานสละโสดผู้ชาย แล้วดันเป็นคนคิดเอง จัดเอง สนุกเอง เหมือนเป็นงานสละโสดของตัวเอง” (หัวเราะ)

แต่งงานกันนะ

“ตอนขอแต่งงาน ไม่ได้เซอร์ไพร้ส์มาก เพราะคุณแม่รินทักมาก่อนแล้วว่าถึงเวลาแต่งงานได้แล้วนะ แต่เกิ้ลเขาพยายามทำเซอร์ไพร้ส์ตอนพารินไปทานอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะ ด้วยการซ่อนแหวนขอแต่งงานไว้ในจานขนม พอเปิดฝาออก มีแหวนอยู่ข้างใน แล้วเขาก็ขอแต่งงาน ยังไม่ทันพูดจบ เขาซึ้งน้ำตาไหลเอง (ยิ้ม) ส่วนรินไม่มีน้ำตาเลย กลายเป็นต้องปลอบเขาแทน ตอนหลังเขาเฉลยให้รู้ว่ามีกล้องซ่อนไว้ตรงโน้นตรงนี้ พอสวมแหวนเสร็จ พารินขึ้นชั้นสองของร้าน ซึ่งเพื่อนๆ ขึ้นไปรออยู่บนนั้นหมดแล้ว พอเดินขึ้นไปเท่านั้นแหละ เพื่อนๆ เฮกันลั่น

“เราจัดพิธีหมั้นที่บ้านไปเมื่อกลางปีที่แล้ว เชิญญาติสนิทของสองฝ่ายประมาณ 40 คนมาร่วมงาน มีเฒ่าแก่สู่ขอ แห่ขันหมากจากหน้าประตูเข้าบ้านมาแบบไทย มีแหวนหมั้นสามกะรัต สินสอดครบถ้วนตามประเพณี

“ช่วงปลายปีเพิ่งจัดพิธีแต่งงานสำหรับเลี้ยงรับรองแขกผู้ใหญ่ที่ห้องบอลรูม โรงแรมสุโขทัย มีประธานฯสองท่าน คือ คุณชวน หลีกภัย ประธานวุฒิสภา ซึ่งรู้จักกับคุณปู่ (เจ้าสัวดิลก มหาดำรงค์กุล –เสียชีวิตแล้ว) ส่วนทางบ้านเกิ้ลเป็นดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม)

“ส่วนงานเย็น รินเคยพูดกับเกิ้ลว่าอยากแต่งงานในสวน เพราะชอบงานเล็กๆ แต่อบอุ่นแบบฝรั่ง จึงเชิญเพื่อนสนิทมากล่าวให้เราสองคน และนำรูปที่เราทำกิจกรรมร่วมกันมา 11 ปี มีทั้งขับเครื่องบิน ดำน้ำ ปีนเขา มาใช้ในงาน นอกจากจะทำให้งานดูสนุกขึ้นแล้ว ยังได้ฟีดแบ็คจากเพื่อนๆ ว่าเป็นภาพที่เป็นตัวของเราเองจริงๆ ไม่ต้องใช้รูปถ่ายพรีเวดดิ้งเหมือนใคร และรินไม่ชอบให้มีสมุดเซ็น เพราะคงไม่ได้มานั่งอ่าน จึงเปลี่ยนเป็นโพลารอยด์คอนเนอร์แทน โดยให้เพื่อนๆ ถ่ายรูป แล้วเขียนอวยพรใส่ในรูปโพลารอยด์ หนีบเป็นเดคเคอเรชั่นทั่วงาน พองานจบ เก็บภาพเป็นที่ระลึกได้อีก ทำให้ทุกคนรู้สึกสนุกและเป็นกันเอง”

ลูกเขยคนแรกของครอบครัว ในฐานะที่เป็นเขยป้ายแดงต้องปรับตัวไหม

ไม่นะครับ เพราะผมอยู่กับครอบครัวนี้มา 11 ปีแล้ว รู้จักใกล้ชิดทุกคน ครอบครัวรินอบอุ่นมาก ต้อนรับผมอย่างดีตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้”

ฝ่ายหญิง เสริมว่าบ้านรินมีกฎข้อหนึ่ง คือ ทุกเสาร์-อาทิตย์ ต้องทานข้าวเที่ยงด้วยกัน คุณย่า (คุณกัลยา) มักจะมีคำสอนดีๆ มาบอก คุณปู่ก็สอนให้เห็นค่าของเงิน คุณพ่อคุณแม่ริน (คุณกฤษฎา-คุณวิภาวรรณ) โตที่อเมริกาด้วย ท่านสอนเสมอว่า เราต้องรู้จักรับผิดชอบและดูแลตัวเอง ไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องมารับภาระเลี้ยงดูใคร ข้อดีคือทำให้เราสองคนสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรใดๆ จากนี้เป็นการใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ช่วยเหลือกัน “เพราะตอนนี้เราคือทีมเดียวกันแล้ว”


เรื่อง : ดั่มดั๊มพ์

ภาพ : Remind 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up