เปิดใจ ‘จ่าพิชิต & อีเจี๊ยบ’ ประคบคู่ดราม่า…ปากหมา จนดังเปรี้ยง!

ถามจุดเริ่มต้นของเพจ Drama-addict กับอีเจี๊ยบเลียบด่วนมีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
จ่าเริ่มเล่าก่อน “ด้วยความที่ผมเป็นหมอประจำอยู่โรงพยาบาลเกาะลันตา เวลาว่างๆ ก็เล่นเว็บไซต์ทั่วๆ ไป สมัยนั้นยังไม่มีเฟสบุ๊คเลย ผมชอบติดตามอ่านข่าวดราม่าต่างๆ ในพันทิป แล้วรู้สึกว่าน่าสนใจเลยอยากให้มีเพจที่รวมเรื่องราวพวกนี้แบบเป็นเรื่องเป็นราว จึงตั้งเว็บไซต์ดราม่าขึ้นมา ตอนแรกคนไม่ค่อยอ่าน แต่ผมก็เขียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไร ผ่านไปประมาณสัก 6 เดือนเริ่มมีคนเข้ามาอ่านมากขึ้น หลังจากนั้นประมาณ 2 ปีพอเฟสบุ๊คบูมผมก็เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอจากในเว็บไซต์มาเป็นเพจแทนครับ”
พูดจบประโยคปุ๊บเสียงโทรศัพท์จากอีเจี๊ยบที่โทรสายตรงเข้ามาก็ดังขึ้น เลยได้มีโอกาสเล่าบ้าง “ตอนแรกผมทำไม่เป็นหรอก สมัครเฟสบุ๊คยังไม่เป็น  มีเพื่อนช่วยทำเพจให้ ผมเพิ่งเล่นเฟสบุ๊คเป็นตอนทำเพจสมรักพรรคเพื่อเก้ง แล้วเวลาดูทีวี หรือเจอเหตุการณ์อะไรก็เอามาเขียนล้อเลียนในแนวขบขัน สมมติว่าผมดูรายการผีรายการหนึ่งก็ไปเขียนแซวที่เพจเขา พอมีคนเห็นก็ชอบแล้วแคปเจอร์เป็นรูปแชร์ต่อๆ กันไป จนผมเริ่มมีชื่อเสียงจากเพจสมรักพรรคเพื่อเก้งแล้วก็ไหลมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นเพจเจี๊ยบเลียบด่วนทุกวันนี้ครับ”

จ่าแซว  “ใช้คอมฯเป็นก็บุญแล้ว”
เจี๊ยบหัวเราะยอมรับ “ใช่ จ่าจะรู้ดี คุณเคยรู้จักคนที่โง่เรื่องคอมฯ แบบน่าตกใจไหม นั่นแหละผมเลย ทุกคนจะงงว่า เฮ้ย! เป็นแอดมินเพจคนไลค์เป็นล้าน แต่โง่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ จริงครับ ผมโง่จริงๆ ผมยอมรับ ใช้อีเมล์ไม่เป็น ใช้ไมโครซอร์ฟเวิร์ดไม่เป็น เล่นเป็นแต่เฟสบุ๊ค”

12112879_10153692441184294_1068133802_o copy
ได้มีโอกาสเจอกันบ้างไหมคะ

จ่าทำหน้านึก “จริงๆ เรามีนัดมีตติ้งของพวกแอดมินบ้าง อย่างพวกเจ๊ต่าย คุณช่า จะนัดคุยกินสุกี้กัน แต่เจี๊ยบไม่ยอมมา บอกว่านั่งต่อของเล่นอยู่ที่บ้าน คือเอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยเจอหน้า หรือเจอตัวเป็นๆ เลยครับ ขนาดตอนมีตติ้งคุยค่าโฆษณาสติ๊กเกอร์ยังไม่มาเลย”
เจี๊ยบชี้แจง “ผมไม่ได้เปิดเผยตัว แต่จริงๆ อาจจะอยู่แถวนั้นก็ได้ใครจะไปรู้ ฟอร์มเนียน (หัวเราะ)”
แล้วทำไมเจี๊ยบเลียบด่วนถึงไม่ยอมเปิดเผยตัวล่ะคะ
เจี๊ยบอธิบาย “เมื่อก่อนผมจะเปิดเพจของจ่าอ่านตลอด แล้วก็ตามไปอ่านในเว็บไซต์ว่ามีเรื่องราวดราม่าในสังคมอะไรบ้าง เพจจ่าเหมือนเป็นครูหรือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ เพราะตอนนั้นเรายังไม่มีตัวตนเลย เป็นแค่คนอ่านธรรมดา แต่ปัจจุบันก็ยังเปิดอ่านอยู่นะ ตื่นมา 7-8 โมงเช้าก็ต้องเปิดแล้วว่าเมื่อคืนมีเรื่องราวอะไรที่เป็นประเด็นบ้าง เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากเจออยากรู้หรอกว่าจ่าพิชิตเป็นใครที่ไหน อ่านแค่งานเขียนเขาอย่างเดียว ไม่อยากจะไปรู้ตัวตนอะไร แต่ปัจจุบันพอได้รู้จักแล้วยิ่งผิดหวังใหญ่เลย ไร้สาระมาก (หัวเราะ)”
จ่ารีบแย้ง “หืมม คนเราก็ต้องมีโมเม้นท์อย่างนั้นบ้าง”
เจี๊ยบสวน “นั่นแหละเลยทำให้ผมไม่ค่อยอยากให้ใครมารู้จักมาก เพราะกลัวคนมองผมเหมือนอย่างที่ผมมองจ่าปัจจุบันว่าโอ้โห!…ทำไมเป็นคนแบบนี้ คือผมรู้ตัวว่าตัวเองน่าผิดหวังมากครับ จ่าเองก็คงผิดหวังกับผมว่าทำไมถึงโง่อย่างไม่น่าเชื่อขนาดนี้ เกิดมาผมไม่เคยกินปลาไหลย่างญี่ปุ่น แล้วก็ไม่กล้าสั่งด้วยนะ กลัวอายเขา เลยไม่อยากมาให้ใครรู้จักเรามากๆ แค่รู้จักบนหน้าเพจพอแล้ว”

12124565_10153692441204294_461674884_o copy
แล้วเอกลักษณ์ของเพจเจี๊ยบคืออะไรคะ

จ่าตอบแทน “ปากหมาครับ (หัวเราะ) ผมว่าคล้ายๆ กับสภากาแฟที่มีคนมาคุยซุบซิบนินทา แลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งก็เป็นที่นิยมอยู่แล้วในสังคมไทยสมัยก่อน แต่ของเจี๊ยบจะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์มาเป็นในเพจแทน เหมือนรายการที่มีดีเจพูดจาหยาบๆ หน่อย คนไทยก็ชอบอยู่แล้ว อะไรก็ได้ที่มีความเอ็นเตอร์เทน”

เจี๊ยบเสริมบ้าง ”ผมเป็นคนปากไว ชอบยอกย้อนคน ซึ่งก็มาจากความเป็นตัวตนของผมจริงๆ เลยอาจจะทำให้เด่นกว่าชาวบ้านตรงที่ผมขายความเป็นตัวเอง จริงๆ เวลาคุยกับเพื่อนผมก็เป็นแบบนี้ ส่วนมากจะออกแนวตลกนะ บางคนอาจจะว่าแรง แต่คนที่ได้ยินส่วนมากขำๆ มากกว่า ไม่ค่อยมีใครโกรธหรอก”
“ผมว่าสิ่งที่ทำให้เพจได้รับความนิยมเพราะคนไทยเครียด เวลาโพสต์เรื่องราวมีประโยชน์ซีเรียสจริงจัง คนจะไม่ค่อยอ่าน แล้วก็โดนเม้นท์ว่าเรื่องนี้ไม่เอาได้ไหม ในขณะที่ถ้าโพสต์ตุ๊กตาบ้าๆ บอๆ อะไรไป กลับมีคนมากดไลค์หลายหมื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังจำเป็นต้องสอดแทรกเรื่องราวหนักๆ ไว้หน่อย เพียงแต่ว่าผมอาจจะสอดแทรกในแบบที่มีช็อคโกแลตเยอะ ถ้าผ่าช็อคโกแลตเข้าไปถึงจะเจออะไรให้ได้เตือนสติกันบ้าง เพราะอย่างแรกที่ผมพยายามทำในโลกโซเซียลทุกวันนี้คือ พยายามดึงๆ สติกันไว้ ไม่ถึงขนาดออกมาสวนกระแสมากนัก จะไม่บอกว่าต้องไปทางนั้นทางนี้ แค่พูดแนะนำมากกว่า เพราะผมกลัวก ไม่เหมือนอย่างจ่าที่ชอบสวนกระแสเลยโดนยำเละเทะ”
จ่าส่งสียงยอมรับ “ผมมีโจทย์มหาศาลเลย เพราะไปขัดเรื่องผลประโยชน์เยอะ อย่างเรื่องขายยาลดความอ้วย ครีมปรอท ผมขัดขวางมาเยอะมาก เรียกว่าพอเรานำเสนออีกฝั่ง คนก็จะถีบให้เราไปอีกฝั่ง แต่ยังไงเราก็ทำตามสิ่งที่เราเชื่อต่อไปแหละ”
พอมียอดคนไลค์เยอะ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องของการค้า มีติดต่อเข้ามาเยอะไหมคะ
จ่าชี้แจง “เพจผมไม่รับโฆษณา เพราะคอนเซ็ปต์ส่วนตัวผมคิดว่าเรามีพื้นที่เพจคนตามเยอะก็ควรจะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่น หาข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับสังคมอย่างเรื่องทางการแพทย์ ยาลดความอ้วนที่กินแล้วอันตรายถึงชีวิต หรือพวกข้อมูลทางการแพทย์ผิดๆ ที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต ผมจะเป็นฝ่ายเข้าไปชี้แจงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ไม่เคยคิดเอาพื้นที่ตรงนี้มาใช้หาประโยชน์ส่วนตัว อีกอย่างคือรายได้ส่วนตัวผมก็โอเคอยู่แล้ว ไม่ได้หวังอะไรเพิ่มเติม ไม่เหมือนของเจี๊ยบหรอกครับที่รับโฆษณาโพสท์ละหลายหมื่น เงินเยอะครับ”

เจี๊ยบรีบปฏิเสธทันที “ลือกันไป เดี๋ยวคนก็เชื่อจริงๆ หรอกว่ารวย (หัวเราะ) คือ เรื่องเกี่ยวกับการลงโฆษณาผมมีคุณม่อนผู้จัดการส่วนตัว คอยดูแลให้ทั้งหมด ผมไม่รู้เรื่อง แทบจะทำตามสั่งเลย เพียงแต่ตอนเริ่มทำก็แค่กำหนดนโยบายว่าสินค้าแบบไหนที่น่าจะเหมาะกับเพจมากที่สุด”

จ่าทนไม่ได้ขอเผา “คือคนจ้างเป็นเอเจนซี่น้องผมเอง แล้วบางทีสั่งงานไปอย่างเรื่องงานโฆษณาช่วยเหลือช้าง ไอ้เจี๊ยบบอกกลับว่าให้คิดมาเลยก็ได้แล้วเดี๋ยวโพสต์ให้ สุดท้ายน้องเขาก็ต้องมาใช้ผมเป็นคนวาดแล้วเอาไปลงเพจมัน เงินก็ไม่ได้สักบาท”

เจี๊ยบแก้ตัว “คือถ้าเรื่องไหนที่ไม่มีความรู้ผมจะไม่กล้าพูด แล้วจะให้มานั่งทำกราฟฟิก แค่ลากเส้นผมยังทำไม่เป็นเลย”

12162624_10153692441214294_2089116692_o copy
แล้วกำหนดไหมคะว่าวันหนึ่งต้องลงกี่โพสต์

จ่าตอบนิ่งๆ “ตามอารมณ์เลยครับ คือผมจะนำเสนอเรื่องที่คนควรจะรู้และเป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่างล่าสุดกับประเด็นที่มีคุณแม่คนหนึ่งออกมาบอกว่าลูกถูกคนในโรงเรียนกลั่นแกล้ง แล้วเรียนต่อไม่ไหวต้องออกกลางคัน พอเราเข้าไปอ่านก็รู้สึกว่าน่าสนใจนะ แล้วก็เอาเรื่องมาแชร์ ผมคิดว่าประเด็นแบบนี้สังคมน่าจะได้อะไรบ้าง เพราะประเด็นการกลั่นแกล้งในโรงเรียนก็เป็นประเด็นที่เราพบเจอในสังคมไทย”
ต่างกันกับของอีเจี๊ยบ “ส่วนของผมแน่นมากครับ วันหนึ่งจะมีคนติดต่อเข้ามาอย่างต่ำต้องมี 5 ราย แล้วคุณม่อนจะสกรีนอีกที ก็พยายามจะให้ได้อาทิตย์ละ 3 ตัว หรือถ้าอยากลงกันมากนักก็พยายามให้ได้วันเว้นวัน แต่ส่วนมากไม่ค่อยได้หรอกครับ เพราะลูกค้าก็พยายามจะยัดเข้ามาลงให้ได้”

จ่าแซว “คุณม่อนจะคัดแบรนด์ที่ไม่มีผลเสียต่อเพจอย่างเช่นพวก ยาเหน็บริดสีดวง ยาระบาย ยาถ่าย”

เจี๊ยบสวนกลับ “ใครจะเหมือนจ่าเน้นอุดมการณ์ทำเพื่อสังคม คือผมชื่นชมเขานะ แต่ว่าถ้าให้ทำแบบเขาคงไม่ได้ เพราะผมโง่จนน่าตกใจ เลยต้องรอดูจากของจ่าว่าเขาจะเปิดประเด็นอะไร ผมก็ศึกษาดูก่อน แล้วถ้าเข้าใจดีค่อยตาม ผมไม่ค่อยเป็นหัวหอกอะไรเท่าไร เพราะไม่มีความรู้”

จ่าแอบเหน็บ “ลืมไปว่าเดี๋ยวนี้ระวังตัว เพราะตั้งแต่โดนบังยีขู่ฟ้องก็ต้องหาข้อมูลทางกฏหมายแน่นปึก”

เจี๊ยบเล่าความรู้สึก  “เราไม่มีความรู้เรื่องกฏหมายก็ตกใจสิครับ โดนเว็บไซต์สมาคมฟุตบอลขึ้นชื่อประกาศหราเลยว่าจะฟ้อง เป็นใครก็ต้องตกใจ คือผมก็รู้ตัวเองว่าตอนนั้นห้าวเกินไป แล้วผิดกฏหมายด้วย

11984441_10153713535564294_430080758_o copy
เจอเรื่องดราม่ากันบ่อยไหมคะ

เจี๊ยบรีบระบาย “โอ้ย…บ่อยครับ แต่ว่าดับเร็ว ไม่ค่อยกลายเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็มีอยู่เรื่อยๆ ทุกอาทิตย์ แต่ถ้าเริ่มลามมากเกินไปผมจะลบคอมเม้นท์นั้นทิ้งก็แค่นั้น ที่เกลียดมากที่สุดคือการประจารกัน ยิ่งเรื่องการเมืองถ้ามีใครไม่เห็นด้วย อีกฝ่ายหนึ่งก็จะขุดชื่อพ่อชื่อแม่ ที่ทำงาน รายได้ มาประจาน ซึ่งผมว่าเกินไป”

จ่าเสริม “ผมว่าคนเริ่มเสียสติเรื่องการเมืองแล้ว อย่างประเด็นล่าสุดที่มีพยาบาลไปขอเงินจากคุณตัน อิชิตัน เพื่อไปซื้อรถพยาบาล แทนที่จะคุยกันว่าการที่พยาบาลออกมาทำแบบนี้เหมาะสมหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่ามีคนไปขุดประวัติเขาว่าเคยไปชุมนุมประท้วงอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งผมว่าไร้สาระมาก ตอนนี้แอดมินของหลายๆ เพจจะระวังเรื่องการเมืองกันมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นคอนเท้นท์อะไรก็ตาม ถ้ามีการเมืองเข้ามาแทรก พินาศหมด บางคีย์เวิร์ดแทบพูดไม่ได้ ต้องพูดกว้างๆ เพราะถ้าพูดถึงสีไหน พรรคอะไร แป็ปเดียวโดนถล่มเละ”

เจี๊ยบยกประเด็น “อย่างตอนมีม็อบนั่นแรงมาก เพราะพูดอะไรไม่ได้เลย พูดปุ๊ปมาปั๊ป แค่ผมโพสต์ว่าอนุเสาว์รีย์ปิดนะครับ รถติด ใครจะไปแถวนั้นควรหลีกเลี่ยงเส้นทาง ไม่ได้มีอะไรเลย แต่แค่นั้นแหละก็มากันใหญ่เลย หาว่าผมชี้เป้าว่าตรงนั้นมีชุมนุม ขนาดโพสต์รูปหมารูปแมวก็ยังโยงไปการเมืองได้ จนต้องปิดเพจไปเลย ผมว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือ เราต้องไม่แกว่ง เพราะช่วงแรก ผมก็เคยเป๋ อย่างประเด็นที่ไปขอดูนมแฟนเพจ เพราะเคลิ้มไง มีผู้หญิงสาวๆ สวยๆ มาคุยด้วยหลังไมค์เพียบ ไม่เคยมีคนมาสนใจเยอะขนาดนี้มาก่อน เราก็ห้าว หื่น ห่าม จนกลายเป็นประเด็น โดนด่าไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วนะ เพราะเข็ดโดยสมบูรณ์แบบครับ”

จ่าแอบตัดพ้อ “ทำไม่เพจเจี๊ยบมีสาวมาให้ดูนม แต่ของผมมีแต่เรื่องขอความช่วยเหลือ (หัวเราะ)”
แล้วเจอคนแอนตี้บ้างไหมคะ
เจี๊ยบตอบอย่างอารมณ์ดี “ผมไม่ค่อยรู้สึกนะ คือด้วยความที่เจอบทเรียนมาเยอะ รู้สึกว่าถ้าเราหลักดีเสียอย่างก็โอเค อาจมีคนหมั่นไส้บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้มาตามจองล้างจองผลาญอะไรผม เวลามีปัญหาอะไรผมจะปรึกษาจ่าตลอด แต่จ่าไม่ค่อยปรึกษาผม จะใช้งานผมมากกว่า ชอบให้ผมโพสต์ หรือแชร์เรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ตลอด”

จ่าเสียงดังอารมณ์ขึ้น “หืม…ทำอย่างกับยอมโพสต์ให้ ส่งไปกี่เรื่องไม่เห็นแชร์สักเรื่อง พวกประเด็นดีๆ ช่วยเหลือสังคมไม่เห็นแชร์เล๊ยย…(ลากเสียงสูง)”
เจี๊ยบรีบฟ้องกลับ “อ่าวก็เพจผมเป็นเพจตลก แต่มันจะให้เพจผมเป็นเพจเพื่อสังคมให้ได้อ่ะ”

จ่าแย้ง “อ้าว… ก็แบ่งๆ ไปได้ อย่างเพจผมยังมีโฆษณาหาเลือด บริจาคเลือดช่วยเหลือหมาแมวอยู่เป็นระยะ”

เจี๊ยบไม่ยอมแย้งกลับบ้าง “เพจผมก็มีลงนะ ไปดูได้เลย ลงแทบทุกวันจนจะกลายเป็นเพจหมาแมวอยู่แล้ว จริงๆ ไม่ว่าจะลงเรื่องอะไรก็ตาม ที่สำคัญเลยคือ ต้องรักษาคอนเซ็ปต์ และมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ถึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ครับ”

เรื่อง : apinya
ภาพ : โยธา

Praew Recommend

keyboard_arrow_up