เห็นว่าตอนสมัยเรียนเป็นนักดนตรีด้วยหรือคะ
ครับ ตอนเรียนมัธยมที่เซ็นคาเบรียล ผมบ้าเล่นดนตรีมาก เป็นมือเบสและฟอร์มวงชื่อ ‘โชเล่’ เข้าประกวด Hotwave Music Award เคยเข้ารอบ 30 วงสุดท้ายด้วย เลยมีความฝันอยากเป็นนักดนตรี ถึงกับโดดเรียนไปซ้อมดนตรีตลอด แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ที่ธรรมศาสตร์ฯ ผมมุเรียนหนักมาก ทำให้ไม่ได้จับเครื่องดนตรีอีกเลย นี่ก็ไม่ได้เล่นมา 5 ปีแล้วครับ
แล้วปั้นเริ่มเข้าวงการได้อย่างไรคะ
ก่อนหน้านี้ไปเจอกับพี่เอ-ศุภชัย แถวๆ หอตรงมหาวิทยาลัย แล้วขอไลน์ติดต่อไป ตอนแรกพี่เอจะให้ผมเป็นนักข่าว บอกว่าจังหวะเสียงผมได้ ผมก็เคยไปแคสต์นะ แต่ไม่ติด (หัวเราะ) จำได้เลยว่าตื่นเต้นมาก เพราะยังไม่เคยเรียนแอ๊คติ้งเลย หลังจากนั้นถึงได้เข้าคอร์สเรียนแอ๊คติ้งมา 2-3 คอร์ส จริงๆ ผมเป็นคนขี้อายมากนะ แต่พอต้องมาแสดงในคลาสแอ็คติ้งคิดว่าเราจะมามัวเขินไม่ได้ เลยลุยเต็มที่ ก็พบว่าเริ่มรู้สึกสนุกและชอบการแสดง จนได้มีโอกาสมาแคสต์บทละครเรื่อง ‘ใต้เงาจันทร์’ ซึ่งคาแร็คเตอร์ตัวละครตัวนี้ยังหาคนเล่นไม่ได้สักที จนสุดท้ายก็มาเป็นผมครับ
ที่บ้านว่าอย่างไรบ้างคะ
ตอนแรกเขาก็ยังงงๆ ว่ามาสายนี้ได้อย่างไร เพราะตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่เคยมีแววว่าจะเป็นนักแสดงได้เลย อย่างที่บอกว่าเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออก เต็มที่ก็มีแค่ประกวดเปียโน เล่นดนตรี แต่พอได้เข้ามาจริงๆ ผมคิดว่าในเมื่อเรามีโอกาสมากกว่าคนอื่นก็ต้องเต็มที่สักครั้ง ทางบ้านก็ผลักดันผมเต็มที่ พูดแล้วอย่าขำนะ ครั้งแรกที่แม่เห็นผมในทีวีนี่ โอย… เขากรี๊ดลั่นบ้านเลย (หัวเราะ)
เล่นละครเรื่องแรกก็รับบทชายรักชายแบบนี้ ไม่กลัวคนดูติดภาพหรือคะ
แรกๆ แอบกลัวเหมือนกันนะ แต่แล้วก็คิดได้ ตัวจริงเราไม่ได้เป็น ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร จริงไหม แต่ยอมรับว่าแอบมีเขินๆ เหมือนกัน อย่างมีฉากหนึ่งที่ผมต้องจ้องตากับ ‘เพื่อน คณิน’ ก็คิดหนักเหมือนกันนะ ก่อนเข้าฉากเลยมานั่งจ้องตากันก่อน ก็แปลกๆ ดีครับ(หัวเราะ) หลังละครจบฟีดแบคถือว่าดีนะสำหรับเรื่องแรก ส่วนมากจะจับผมไปจิ้นกับผู้ชาย ไม่โกรธนะ ตรงข้ามคือรู้สึกดีที่คนดูๆ แล้วอินกับสิ่งที่เราแสดง แต่ละครเรื่องต่อไปที่ผมจะเล่น ‘พรหมลิขิตรัก’ นั่นก็เปลี่ยนไปอีกบทบาทเลย เป็นแนวพีเรียดสมัยรัชการที่ 6 ผมรับบทเป็นคุณชาย ซึ่งอาจจะช่วยลบภาพของตัวละครเดิมๆ ได้
มีผู้ชายเข้ามาคุยเยอะไหมคะ
มีเหมือนกันนะ คือผมก็ไม่รู้ว่าเขาคิดว่าผมเป็นหรือเปล่า บางคนไลน์มาคุยก็มี หรืออย่างเวลาไปเดินห้างฯ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมสังเกตว่ามีผู้ชายมองผมเยอะขึ้น(หัวเราะ) แต่คิดซะว่ามีคนรักดีกว่ามีคนเกลียดครับ
แล้วตัวตนจริงๆ ของปั้นเป็นอย่างไร
อย่างที่บอกเลยครับว่าผมเป็นคนขี้อายมาก ยิ่งเวลาเจอผู้หญิงยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเราเรียนโรงเรียนชายล้วนมา ตอนเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ก็มีเพื่อนผู้หญิงแทบจะนับคนได้ เพระไม่กล้าคุย เขินหน้าแดงตลอด ก็พยายามปรับตัวนะครับ คนภายนอกจะมองว่าปั้นขรึมๆ ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าได้รู้จักจริงๆ ก็จะรู้ว่าผมสนุกสนานบ้าบอไปตามเรื่อง แล้วก็เป็นผู้ชายบ้าช้อปปิ้ง ชอบแต่งตัว ชอบแฟชั่น สำคัญคือทรงผมต้องเป๊ะ แล้วจะรู้สึกมั่นใจเวลาออกจากบ้านครับ(หัวเราะ)
ถามถึงเรื่องหัวใจหน่อย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
ก็มีคุยๆ อยู่บ้างครับ ผมจะชอบผู้หญิงหมวยๆ เหม่งๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน (หัวเราะ) แล้วที่สำคัญคือต้องรักครอบครัว เพราะผมเป็นแฟมิลี่แมนมากๆ รักใครรักจริง ซึ่งนิสัยแบบนี้ก็เป็นผลเสียนะครับ เพราะเวลาเลิกกันนี่เฮิร์ทหนักเลย จำได้ตอนอยู่ปี 2 ช่วงนั้นแย่มาก แต่ผมเป็นคนที่ถ้ามีปัญหาอะไรจะไม่เก็บมาคิดอยู่เดียว จะคุยกับเพื่อน กับครอบครัวตลอด ด้วยความที่ผมมีพี่ชาย 2 คน ส่วนตัวเองเป็นน้องคนสุดท้อง เวลาอยู่บ้านเลยมีแต่คนคอยดูแลเทคแคร์ครับ
เพราะฉะนั้นสำหรับผมแล้ว ครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่อบอุ่นและมีค่าที่สุดครับ
เรื่อง : apinya
ภาพ : เนาวพจน์