สายลับ-วีระชัย เด็กปั้นสายเลือดใหม่ ของ ปิ๊ก-ฌาณฉลาด
สายลับ-วีระชัย จัดเป็นนักแสดงหนุ่มสายเลือดใหม่ที่น่าจับตามองคนหนึ่งจากเชียงใหม่ เด็กปั้นคนต่อไปของ ‘ปิ๊ก ฌาณฉลาด’ จ้า
บอกเล่าความเป็นมาของตัวเองหน่อย
“ผมเรียนปวช.สายช่างจบที่เทคนิคเชียงใหม่ครับ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงได้เพราะบังเอิญพี่ปิ๊กไปเชียงใหม่ แล้วมีรุ่นพี่คนหนึ่งรู้จักกับคนที่เคยทำงานกับพี่ปิ๊ก เขาเลยแนะนำให้ไปลองดู สุดท้ายก็โดนหลอกมาอยู่กรุงเทพฯ (หัวเราะ) เรียนแอ๊คติ้ง ร้องเพลง เดินแบบ จริงๆ ผมเริ่มจากการเดินแบบก่อนแล้วถึงมาเล่นละคร ก็ชอบทั้งสองอย่างนะครับ อย่างเดินแบบก็ไม่ง่ายนะ แต่เป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้วก็เลยรู้สึกสนุก ส่วนละครก็ได้ไปในสถานที่ต่างๆ สนุกไปอีกแบบครับ
เห็นว่าพอมาทำงานตรงนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลย
“ครับ เพราะผมเป็นคนติดแม่มาก กรุงเทพฯ เป็นที่ๆ ผมไม่เคยคิดจะมาอยู่เลยด้วยซ้ำ เพราะผมชอบความสงบ และธรรมชาติ ไม่ชอบความแออัดวุ่นวาย แต่เมื่อต้องมาอยู่จริงๆ ก็ต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องการเดินทาง วิถีชีวิตทุกอย่าง การวางตัว รวมไปถึงการกินก็ต้องเปลี่ยน ตอนแรกที่มาอยู่ยอมรับว่าค่อนข้างอึดอัด กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีซอยเยอะมาก ผมไม่รู้เลยว่าโซนไหนเป็นโซนไหน เวลาขึ้นแท๊กซี่ก็จะโทรถามพี่ที่รู้จักว่าผมจะมุ่งหน้าไปที่สักที่หนึ่งจะต้องขึ้นฝั่งไหน แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ ชีวิตก็มีวิธีลงของมันเอง พอปรับตัวได้ก็สบายแล้ว
แล้วมาอยู่กับพี่ปิ๊กเป็นอย่างไรบ้างคะ
“เขาก็สอนเรื่องการวางตัว การเข้าสังคม จริงๆ ถ้าว่างผมจะเข้าออฟฟิศ บางทีไม่มีอะไรทำก็เข้า เพราะไม่มีที่ไป ก็ไปอยู่กับเขา เพื่อนๆ ในแก๊งค์นี้ผมจึงสนิทหมด อย่างลีนา (ลลินา ชูเอ็ทท์) เวลาเรียนแอ๊คติ้งจะได้จับคู่กันตลอด ส่วนไอซ์ (ภาณุวัฒน์) ก็สนิท เพราะเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันที่เชียงใหม่ แต่ที่แสบสุดเลยคือ แฟรงค์กี้ (วีรภัฎ) เพราะเราต้องไปเกาหลีเพื่อไปคุยธุระกับผู้ใหญ่ที่นั่นด้วยกัน จำได้ว่าไปอยู่ประมาณอาทิตย์กว่าๆ ปวดหัวมาก เพราะต้องอยู่ห้องเดียวกัน แฟรงค์กี้เป็นคนที่แสบมาก เราไปกันตอนหน้าหนาว อุณภูมิติดลบ 6 องศา แต่แฟรงค์เปิดหน้าต่างนอน บอกว่าร้อน แล้วก็ย้ายไปนอนหน้าฮีตเตอร์ ให้ผมนอนข้างหน้าต่าง จึงต้องทนนอนหนาวๆ แบบนั้นทั้งคืน
ถามถึงมุมมองความรักหน่อยค่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
“เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆ มันคือการที่เราต้องเข้าใจ และยอมรับกันและกัน ถึงจะเกิดคำว่ารัก แล้วผมว่ายุคสมัยนี้ความรักค่อนข้างฉาบฉวย และไวเกินกว่าที่จะเรียกว่ารัก ยิ่งพอมาทำงานที่กรุงเทพฯ ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็ยิ่งได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากคนรอบข้าง แต่ละคนก็จะมีมุมมอง และความเชื่อแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นในสังคม เราว่ารุ่นเราเร็วแล้วนะ แต่เด็กสมัยนี้เร็วกว่าเราเยอะ ทำให้รู้สึกว่าต้องมีสติมากสำหรับการที่เราจะรักใครสักคน
“โดยส่วนตัวผมชอบผู้หญิงอายุมากกว่า มีความคิด มีเหตุผล ไม่ชอบผู้หญิงเหวี่ยงวีน หรือจู้จี้มาก เพราะเราก็มีโลกส่วนตัวสูง ชอบคนที่ต่างเข้าใจมุมของกันและกัน ดูแลตัวเองได้ ตอนนี้ยอมรับว่ามีคนคุยๆ กันอยู่ ก็ตามวัยครับ ยังอยู่ในช่วงที่เราพอมีประสบการณ์ได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง มีสติกับการที่เราจะคุยกับใครสักคน ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเวลาทำงานบางทีเราก็ควรมีคนที่คุยในทุกๆ เรื่องได้สักคน
“มีเพื่อนคู่คิดไว้เป็นมิตรข้างกายครับ” (ยิ้ม)
เรื่อง : apinya
ภาพ : เนาวพจน์, spy_v
ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่
www.facebook.com/praewmagazine
Instagram : @praewmag
และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
- Praew E-magazine
- NaiinPann
- Ookbee