ต๊อด - ศิณะ

หันหลังให้ธุรกิจพันล้าน “ต๊อด – ศิณะ อุ่นทรพันธุ์” เลือกชีวิตที่ออกแบบเอง

Alternative Textaccount_circle
ต๊อด - ศิณะ
ต๊อด - ศิณะ

บุกออฟฟิศหนุ่มเซอร์ ต๊อด – ศิณะ อุ่นทรพันธุ์ อดีตนักแสดงหนุ่มที่หันหลังให้วงการบันเทิง รวมถึงธุรกิจครอบครัวมูลค่านับพันล้านบาท เพื่อเลือกชีวิตในฐานะนักออกแบบหนุ่มไฟแรงที่น่าจับตามอง

ต๊อด - ศิณะ

ออฟฟิศสไตล์โมเดิร์นไม้กึ่งปูนที่มีสวนในร่มเป็นไฮไลต์อยู่กลางห้อง เหมาะที่จะช่วยกระตุ้นความคิดของเหล่านักออกแบบให้เกิดไอเดียใหม่ๆ แม้จะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ก็มีการขยับขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในผู้บริหารของออฟฟิศสุดคูลแห่งนี้ก็เป็นคนที่หลายคนรู้จักด้วย เพราะเขาคืออดีตนักแสดงและหนุ่มฮ็อตของวงการบันเทิง ต๊อด – ศิณะ อุ่นทรพันธุ์ ลูกชายคนโตของคุณศิริพงษ์ และคุณเนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเน็ตเวิร์คที่มีมูลค่านับพันล้านบาท

10 ปีที่แล้วเขาหันหลังให้วงการบันเทิง เพื่อไปศึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างเอาจริงเอาจัง และเมื่อ 2 ปีก่อน ทายาทนักธุรกิจพันล้านยังลาออกจากบริษัทของคุณพ่อ เพื่อพิสูจน์ความสำเร็จในเส้นทางที่เขาเลือกเอง ซึ่งแพรวดอทคอมมีโอกาสได้พูดคุย รวมถึงอัพเดตชีวิตของหนุ่มคนนี้ในวัย 33 ปีด้วย ดูเหมือนว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่อายุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคิดที่มีจุดหมายชัดเจน ถึงขนาดบอกว่ามองเห็นตัวเองข้ามช็อตไปในอีก 3 – 4 ปีข้างหน้าของเขาเลยทีเดียว

ต๊อด - ศิณะ

ปัจจุบันนี้รับผิดชอบงานด้านใดบ้าง?

“ผมขอเล่าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้แล้วกันนะครับ ผมไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ประเทศญี่ปุ่นมา 5 ปี พอกลับมาเลยมีความคิดว่าอยากจะทำในสิ่งที่เราได้เรียนรู้มา เลยปรึกษากับครอบครัว เพราะเขาก็อยากให้กลับไปดูแลกิจการที่บ้านและผมเองก็เป็นลูกชายคนโต ตอนแรกเลยตกลงกันว่าถ้าอย่างนั้นทำบริษัทคุณพ่อและเปิดบริษัทตัวเองด้วย แต่ท้ายสุดมันก็มีเรื่องที่เราทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งหากอยากทำอะไรให้ดีสักอย่าง ผมก็ต้องเลือก ผมจึงเลือกในสิ่งที่ผมอยากทำ ซึ่งครอบครัวก็โอเค ดังนั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วผมจึงลาออกจากบริษัทคุณพ่อ และน้องสาว ตาลและเอ้ยก็มาช่วยคุณพ่อทำธุรกิจกับทางครอบครัวต่อไป”

ครอบครัวอุ่นทรพันธุ์
ครอบครัวอุ่นทรพันธุ์

“เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมจึงลาออกจากบริษัทคุณพ่อ และน้องสาว ตาลและเอ้ยก็มาช่วยคุณพ่อทำธุรกิจกับทางครอบครัวต่อไป”


เริ่มต้นกิจการใหม่ด้วยตัวเอง?

“คือบริษัทอินดิยาร์ด (INDEYARD Co., Ltd.) เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการให้บริการที่ปรึกษาด้านออกแบบ ปรับปรุง อสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนพัฒนา ผมทำกับเพื่อนๆ ที่เรียนมาด้วยกันอีก 4 คน รวมเป็น 5 หุ้น

“จากผลงานที่ผ่านมาทำให้หลายคนอาจจะมองว่าผมเปิดมาเป็นบริษัท Architects หรือ Interior Designer จริงๆ สิ่งที่ผมต้องการคืออยากให้บริษัทนี้เป็นบริษัทดีไซน์ หมายถึงว่าสามารถทำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับการออกแบบและดีไซน์ แต่ที่เรารับงาน Architects หรือ Interior Designer เป็นหลักเพราะว่าเราจบทางสายงานนี้มา แต่ไม่ใช่ว่าเราปิดกั้น เพราะพวกนี้เรายังมีประสิทธิภาพพอที่จะทำการออกแบบอย่างอื่น คิดงานอย่างอื่น เช่น โปรดักต์ รวมไปถึง Application ด้วย เพราะผมคิดว่าทุกคนมีคุณภาพในตัวเอง มีความคิดที่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งในยุคนี้คือมันเร็วมาก ผมบอกน้องๆ ว่าถ้ามีความคิดอะไรก็มาคุยกัน เราจะได้ลุยเลย”

ต๊อด - ศิณะ

ความหมายของชื่ออินดิยาร์ด?

“จริงๆ หลายคนก็ถามนะว่ามันคืออะไร ทำไมถึงใช้ชื่ออินดิยาร์ด คือผมจะบอกว่าจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย ผมว่าเราทำงานร่วมกันก็อยากอยู่แบบสบายๆ ไม่ซีเรียส ทุกคนก็เลยช่วยกันคิดชื่อ แล้วมันมีคำหนึ่งที่เพื่อนผมพูดว่า Table in the Backyard ก็คือโต๊ะที่อยู่กลางสวนด้านหลัง ผมว่ามันชิลดี แต่ชื่อมันยาว ผมเลยย่อจนเหลืออินดิยาร์ด”

มาเปิดธุรกิจเองแบบนี้ คุณพ่อให้วิชาหรือคำแนะนำอะไรมาบ้าง?

“คุณพ่อสอนมาเยอะมากเลยครับ ตั้งแต่การบริหาร ดูแลคน ท่านให้คำแนะนำเราค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเรื่องมุมมองในการทำธุรกิจครับ”

เปิดบริษัทมา 2 ปีแล้ว ได้เจอปัญหาที่ยากลำบากจนบางครั้งรับมือไม่ไหวบ้างไหม?

“จริงๆ อุปสรรคก็มีเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่รับมือไม่ไหว เพียงแต่ว่ามันมาเป็นระยะๆ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ซึ่งเราก็ต้องตามเกมให้ทัน”


“จริงๆ อุปสรรคก็มีเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดที่รับมือไม่ไหว เพียงแต่ว่ามันมาเป็นระยะๆ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ซึ่งเราก็ต้องตามเกมให้ทัน”


งานที่รู้สึกภาคภูมิใจที่สุดในตอนนี้?

“คงเป็นงานใหญ่ที่สมุยครับ กำลังจะเริ่มในเร็วๆ นี้ เป็นบ้านพักอาศัย 4 หลังบนภูเขา หลายคนนึกถึงสมุยคงคิดถึงทะเล แต่บ้านบนภูเขาก็มีมุมมองอีกมุมมองหนึ่งที่สวย คิดสภาพว่าเราอยู่บนเขาแล้วสามารถเห็นวิวได้กว้างขึ้น”

ผิวเผินดูเป็นผู้ชายเซอร์ๆ ง่ายๆ สบายๆ แล้วในฐานะผู้บริหาร ต๊อดเป็นผู้บริหารแบบไหน?

“ผมว่าเราอย่าไปยึดติดกับคำว่าผู้บริหารเลย บริษัทเราอยู่กันเป็นพี่เป็นน้องกัน ผมไม่ออกกฎอะไรเลย ผมคิดว่ากฎจะเกิดต่อเมื่อมันมีปัญหาเกิดขึ้น ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรที่เป็นปัญหา ก็ไม่จำเป็นที่ต้องออกกฎ แต่อย่างเดียวที่ผมขอน้องๆ คือ ขอให้ส่งงานให้ผมและเพื่อนๆ ดูให้ตรงตามเวลาเท่านั้น เวลาอื่นๆ อยากทำอะไรตามสบายเลย แต่สุดท้ายต้องส่งงานตรงเวลา”

ต๊อด - ศิณะ

ไม่ว่าจะเป็นความคิดความอ่านดูจริงจังกับชีวิตมากขึ้น?

“มันก็เติบโตตามวัย สมัยนั้นก็แค่เรียน เที่ยว ทำงาน ไม่มีงานเราก็ไม่แคร์ แต่ตอนนี้เราคิดได้แล้วว่าตอนนี้เรามีเป้าหมายอะไร มองไปถึงว่าอีก 3 – 4 ปีข้างหน้าเราจะทำอะไร ถ้าเราอยากเห็นอะไรในชีวิตเรา สำหรับปีนี้อินดิยาร์ดก็มีเป้าหมายอยากให้คนรู้จัก และการปั้นบริษัทต้องใช้เวลา 2 – 3 ปี ตอนแรกๆ อาจมีแกว่งบ้าง แต่ก็จะทุ่มเทให้มากยิ่งขึ้นเพื่อรักษามาตรฐาน”


“สมัยนั้นก็แค่เรียน เที่ยว ทำงาน ไม่มีงานเราก็ไม่แคร์ แต่ตอนนี้เราคิดได้แล้วว่าตอนนี้เรามีเป้าหมายอะไร มองไปถึงว่าอีก 3 – 4 ปีข้างหน้าเราจะทำอะไร ถ้าเราอยากเห็นอะไรในชีวิตเรา”


ในฐานะที่เรียนสถาปัตยกรรม ถ้าเปรียบต๊อดเป็นตึก คิดว่าตัวเองเป็นตึกแบบไหน?

“ผมชอบอาคารสูง ถ้าเป็นดีไซน์คงเป็นแบบมินิมัล แบบว่าไม่ต้องมีอะไร เพราะมันสวยงามในแบบที่มันเป็น ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องนู่นไม่ต้องนี่ จริงๆ ก็คล้ายๆ กับการแต่งตัวของผมนะ ผมชอบใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน และรองเท้าแตะ สบาย ง่าย ใช้ประโยชน์ได้จริง แต่งแบบนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผมจะแต่งแบบนี้ไปหาลูกค้านะครับ (หัวเราะ) สาเหตุที่ผมแต่งแบบนี้ ผมว่ามันง่าย สบาย ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะใส่อะไร วันนี้จะแต่งตัวแบบไหนออกไป ผมซื้อของหรือช็อปปิ้งแป๊บเดียวครับ ส่วนใหญ่ก็ซื้อในยูนิโคล่นี่แหละ”

ต๊อด - ศิณะ

เป็นหนุ่มเซอร์แบบนี้ แต่ก็มีมุมมุ้งมิ้ง โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว?

“โชคดีที่ว่าครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเข้าใจกัน บางเรื่องที่เราหลุดออกไปไม่ถูกต้อง เขาก็จะเริ่มเตือน แต่ก่อนที่จะเตือน เขาก็ปล่อยให้เราได้เดินก่อน บางครั้งอาจจะไม่ได้แสดงออก แต่ลึกๆ แล้วครอบครัวพวกเราห่วงใยกันเสมอ พ่อกับแม่ผมสอนมาให้เป็นคนรักครอบครัวแบบนี้”


“ครอบครัวพวกเราห่วงใยกันเสมอ พ่อกับแม่ผมสอนมาให้เป็นคนรักครอบครัวแบบนี้”


ย้อนกลับมาถามถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้หันหลังให้วงการบันเทิงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว?

“จริงๆ แล้วทุกคนเข้าใจผิดว่าผมหันหลังให้วงการ (หัวเราะ) ทุกคนเข้าใจกันผิดนะครับ ผมไม่ได้หัน (ยิ้ม) จริงๆ มันเริ่มจากที่ผมทำงานและแบ่งเวลาในชีวิตไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ ตอนนั้นผมบอกตรงๆ ว่าผมค่อนข้างเด็ก เอาแต่ใจ และคิดอยากทำอะไรเราก็ทำ ตอนนั้นผมตั้งใจทำเต็มที่ทั้งงานและเรื่องเรียน แต่พอเราโฟกัสหลายอย่าง ทำให้ผมรู้ว่าอาจจะเรียนไม่รอด ผมก็เลยคิดว่าเราอาจจะต้องตัดอะไรออกก่อน เลยเลือกตัดเรื่องงานและโฟกัสที่การเรียน เพราะคิดว่ามันตรงกับสิ่งที่ผมชอบมากกว่า อีกอย่างมันเหมือนกับได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราสามารถทำให้พ่อและแม่ภูมิใจได้ในระดับหนึ่ง และตัวผมเองมีความคิดว่าในฐานะลูก เราก็อยากจะทำให้ท่านทั้งสองภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการใช้ชีวิต และผมคิดว่าตอนนี้ท่านก็คงอยากเห็นความสำเร็จของลูกในทางใดสักทาง เมื่อผมเลือกทางนี้ ผมก็ตัดสินใจที่จะทำทางนี้ให้ดีที่สุด ตอนนี้ท่านก็คงเป็นห่วงและกำลังมองดูอยู่ห่างๆ”

5 ปีที่ผ่านมา ไปญี่ปุ่นเพื่อเรียนปริญญาโทใช่หรือเปล่า?

“ผมไม่ได้เรียนโทครับ ผมไปเรียนเฉพาะทางที่ Tokyo Mode เกี่ยวกับ Interior Designer คือเด็กญี่ปุ่นพอเรียนจบมัธยมปลายจะออกไปทำงานประมาณ 2 ปี แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อในสิ่งที่เขาชอบในมหาวิทยาลัยหรือเฉพาะทาง ซึ่งการเรียนเฉพาะทางที่ญี่ปุ่นเปิดกว้างมาก มีหมดทุกสายอาชีพ”

ต๊อด - ศิณะ

เป็นอย่างไรบ้างกับการใช้ชีวิตในต่างแดนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา?

“อย่างแรกคือการอยู่ที่นั่นแตกต่างจากที่อยู่เมืองไทยมากๆ ใช้ชีวิตเอง ศึกษาเอง ใช้ความรู้ของตัวเอง ตอนไปแรกๆ ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่นเลยครับ ไปเรียนเอาที่นั่นเลย เวลาใครพูดอะไร เราก็จะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่โชคดีว่าตอนแรกมีเพื่อนที่เป็นคนไทยอยู่ด้วย เขาก็จะช่วยเหลือ แต่พอเพื่อนเริ่มกลับ เราก็ต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง พยายามที่จะสื่อสารกับเขา และคลาสที่ผมเรียนเป็นคลาสภาษาญี่ปุ่น ไม่ใช่คลาสอินเตอร์ เลยทำให้เราต้องยิ่งฝึกฝนมากๆ

“สำหรับคนที่ไปเที่ยว หลายคนบอกว่าญี่ปุ่นดีเลิศ (เสียงสูง) ลองไปอยู่สิ! เที่ยวกับอยู่จริงๆ นี่คนละเรื่องกันเลย เพราะทุกคนเขาค่อนข้างจริงจัง อย่างแรกคือเรื่องมารยาทที่ต้องให้เกียรติคนอื่นเสมอ สองคือเรื่องเวลา สำคัญมาก นัดกี่โมงต้องมาให้ตรง ถ้าช้าเขานับเวลาเป็นนาที ซึ่งตรงนี้ถ้าพูดจริงๆ มันก็ดีนะ และทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองไปด้วย ตอนนี้ที่บ้านก็จะเรียกผมว่าผู้คุมกฎไปแล้ว” (หัวเราะ)


“เรื่องเวลาสำคัญมาก นัดกี่โมงต้องมาให้ตรง ถ้าช้าเขานับเวลาเป็นนาที ซึ่งตรงนี้ถ้าพูดจริงๆ มันก็ดีนะ และทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองไปด้วย ตอนนี้ที่บ้านก็จะเรียกผมว่าผู้คุมกฎไปแล้ว”


เป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ และคบใครก็คบนานด้วย?

“ไปญี่ปุ่นนอกจากภาษา ผมก็ได้เพื่อนนี่แหละครับ อย่างในวงการบันเทิงก็เป๊ก (เปรมณัช สุวรรณานนท์) เขาเป็นเพื่อนคนแรกของผมในวงการบันเทิงเลยนะ (ยิ้ม) ตอนแรกผมไม่ค่อยอยากรู้จักหรอก (หัวเราะ) แต่พอเริ่มคุยกันแล้วมันเหมือนกับว่าเป็นคนที่คอยช่วยเหลือ คอยดูแลกัน เราเริ่มต้นมาพร้อมๆ กัน ก็เลยพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พัฒนาจากคนรู้จักเป็นเพื่อนจนถึงปัจจุบันนี้ แต่เขาเลือกเดินทางนี้ต่อ ส่วนผมขอเปลี่ยนทางเดิน แต่ความสัมพันธ์เราก็ยังเหมือนเดิม และตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว ก็ยังเป็นสามีที่ดีอีกด้วย ส่วนกับโอ๊ต (ปราโมทย์ ปาทาน) จริงๆ รู้จักกันมา 3 ปีในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนพี่เป๊ก วงซีล มาก่อน เขาทำร้านด้วยกันแถววังหิน ชื่อ People On Pause Cafe’ เราจะไปแฮ้งเอ๊าต์ที่นี่กันบ่อย แล้วโอ๊ตก็เป็นเพื่อนกับเป๊กด้วย มันก็เลยกลายเป็นการรวมเข้ามา”

เป๊ก - เปรมณัช กับต๊อด
เป๊กและต๊อด

แฮชแท็กประจำตัวของต๊อด #คืออะไรก็ได้ ในทางกลับกัน สำหรับต็อดมีอะไรไม่ได้บ้างไหม?

“อย่างที่บอกไปตอนแรก เรื่องเวลากับอย่าคุกคามผม ผมจะไม่ชอบเท่าไหร่ เช่น ถ้าไม่รู้จักกันเลย แต่แบบมากอดคออะไรแบบนี้ มีพื้นที่ให้ผมนิดนึง ให้ผมได้เลือกว่าจะเดินต่อหรือถอยหลังดี อีกอย่างผมจะไม่คุยกับคนที่ไม่รู้จัก เพราะผมไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร หลายคนจึงมองว่าผมหยิ่ง แต่ถ้าพูดตามจริง ผมก็ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงจริงๆ”

#คืออะไรก็ได้

มุมมองความรักในวัย 33 ปี?

“ผมมองว่าความรักเป็นสิ่งที่ทุกคนโหยหา ไม่ว่าจะจากพ่อแม่ คนรอบข้าง แต่มันก็จะมีสิ่งที่โลกมันเป็นคือ ทุกคนอยากจะมีคู่ที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผมมองว่าความรักไม่ใช่เรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือว่าอะไร มันมีได้ แต่เราต้องรู้จักลิมิตตามกฎเกณฑ์ของสังคม เมื่อก่อนผมไม่ได้คิดอะไร มองว่าแค่นี้เอง ทำไมถึงเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งปัจจุบันผมมองว่าการเปิดตัวในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มันก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เราได้เห็นมากขึ้นผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยที่ไม่ต้องบอกคนก็เข้าใจได้ ผมว่าเราเองรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าเป็นอะไร แต่อะไรที่เป็นประเด็น และจริงๆ คนอยากรู้อะไร ผมว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว”

กว่าจะได้ทำในสิ่งที่ชอบไม่ใช่เรื่องง่าย เชื่อว่าความมุ่งมั่นที่มีเต็มร้อยจะพาให้เขาและธุรกิจที่ปั้นเองกับมือไปได้ไกลแน่นอนค่ะ


เรื่อง : นนทพร สุทธิพิบูลย์

ภาพ : tnatong

Praew Recommend

keyboard_arrow_up