พรหมลิขิตบันดาลชักพา! ย้อนดูจุดเริ่มต้นมหัศจรรย์แห่งรัก 3 คู่หวานพล็อตละครอาย

นุ่น-วรนุช & ต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี

nune3

ข้ามมาที่พรหมลิขิตรักของคู่ที่ 2 ซึ่งเหตุเกิดในงานอีเว้นต์ระดับประเทศ โดยนุ่นย้อนถึงวันที่พบกันครั้งแรกว่า “นุ่นเจอต๊อดครั้งแรกเพราะสิงห์ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานนางงามจักรวาล ปีที่นาตาลีชนะ(พ.ศ.2548) นุ่นกับพี่ดู๋-สัญญา ไปถ่ายรายการที่นี่หมอชิต วันนั้นคนเยอะมาก นุ่นมุ่งแต่เรื่องงานด้วยเลยไม่ได้คุยอะไรกัน”

คุณต๊อดขอค้าน “ผมไปคุยด้วย แต่เขาไม่คุยกับผมต่างหาก ตอนนั้นที่บริษัทผมทำชาเขียว เพิ่งออกรสใหม่

ผมก็เดินเข้าไปนำเสนอว่าดื่มชาเขียวไหมครับ พอนุ่นรับไปดื่ม ผมถามว่าอร่อยไหมครับ นุ่นตอบแค่ ‘ดีค่ะ’ แล้วไม่คุยอีกเลย ผมก็ยังไม่ยอมแพ้นะ ไปกระซิบบอกพี่ดู๋ว่าอยากถ่ายรูปกับนุ่น ซึ่งก็ได้ถ่าย แต่ยืนเรียงกันเป็นแถว(หัวเราะ) มีคุณพ่อ(สันติ ภิรมย์ภักดี) พี่ดู๋ คุณแดง(สุรางค์เปรมปรีดิ์) โดยผมกับนุ่นอยู่คนละมุมเลย แถมถ่ายรายการจบ งานยังไม่ทันเริ่ม นุ่นเดินมาขออนุญาตกลับก่อนเสียอย่างนั้น”

นุ่นเล่าต่อ “ความจริงนุ่นจำได้ว่าไม่ได้มีงานต่อที่ไหน แต่ที่ขอกลับก่อนเพราะไม่สนิทกับใครเลย มาได้คุยกับต๊อดอีกครั้งคือผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทร.มาคุยเรื่องงาน แล้วบอกว่ามีคนปลื้มนุ่นมาก อยากคุยด้วย แล้วส่งสายให้คุย ตอนนั้นคิดว่าเขาเป็นแฟนละครคนหนึ่ง รู้ว่าชื่อต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี แต่ไม่รู้ว่าตระกูลเขาเป็นอย่างไร เรื่องนี้บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ แต่พอรู้แล้วนุ่นก็ถอยเพราะไม่อยากเป็นข่าว ปรากฏว่าเป็นข่าวเยอะมาก”

IMG_3198

nune4

คุณต๊อดช่วยยืนยัน “นุ่นมารู้ประวัติผมก็เมื่อมีข่าวว่าผมเป็นมือที่สาม บ้างก็ว่านุ่นมาคบกับผมเพราะผมรวยกว่า ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ได้คบกันเลย ผลคือนุ่นตัดความรำคาญโดยบอกว่าเราเลิกคุยกันดีกว่า ผมเลยถามนุ่นกลับว่า ตอนที่ยังไม่รู้ว่าผมเป็นใคร ทำไมคุยกันได้ ถ้าเรามีความรู้สึกดีๆ ให้กัน นั่นต้องมาจากตัวผมสิ ไม่ใช่เพราะผมเป็นใคร”

นุ่นพยักหน้าสนับสนุน “คำถามที่เจอบ่อยมากช่วงนั้นคือแต่งงานกับต๊อดแล้วไม่ต้องทำงานใช่ไหม แต่ที่แรงๆ คือถามว่าเวลาเจอผู้ใหญ่ทางบ้านต๊อด นุ่นทำอย่างไร เอาประสบการณ์จากการเล่นละครมาใช้ในชีวิตจริงหรือเปล่า นุ่นนับสิบในใจแล้วตอบไปว่าถ้าชีวิตจริงต้องเล่นละครตลอดเวลา คงเหนื่อย นุ่นจะเล่นละครเฉพาะเมื่อนับ 5-4-3-2 พอคัตปุ๊บ นุ่นกลับมาเป็นตัวเอง สารภาพว่าเจอคำถามแบบนี้ก็พยายามทำใจ โชคดีที่ทางครอบครัวของต๊อดเข้าใจ โดยเฉพาะคุณแม่(อรุณี ภิรมย์ภักดี) ซึ่งใจดีกับนุ่นมาก ให้คำแนะนำนุ่นในหลายๆ เรื่อง จนคนรอบตัวยังออกปากว่านุ่นโชคดี”

วิลลี-เยลหลี แมคอินทอช

willie1

คู่สุดท้าย พรหมลิขิตรักเริ่มต้นในแบบฉบับคู่กัดคู่อริ โดยเยลหลีเป็นฝ่ายเริ่มต้นเล่า “คู่เราถ้าเป็นแฟนกันตั้งแต่ครั้งแรกอาจจะไม่ยาวนานมาถึงวันนี้ก็ได้ เยลหลีเชื่อเรื่องเวลาที่ถูกต้องมากกว่า เราคลาดกันมาหลายครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ถ่ายแบบกันบนเรือ วันนั้นเยลหลีได้ยินเขาปากเสียพูดว่าจะจีบนางแบบทั้งหมด เลยไม่ชอบหน้า ผู้ชายคนนี้เจ้าชู้แน่นอน พอเจอกันครั้งต่อมาที่เดินแบบด้วยกันโดยเขาเป็นนายแบบคนเดียวที่นางแบบทุกคนต้องเข้าไปล้อมรอบ ยังจำได้ เยลหลีคิดในใจว่าอย่ามามองหน้าฉันนะ

วิลลีเสริม “ตอนนั้นเป็นชุดสุดท้ายแล้ว โจทย์คือนางแบบทุกคนต้องเข้ามาล้อมผม ซึ่งเยลหลีเข้ามาแบบเซ็กซี่มาก

ปลดกระดุมสองเม็ดยั่วยวนป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ผมน่ะรู้ว่าเขาเกลียด ดูจากรัศมีเฮ้ากวงแผ่กระจายชัดเจนขนาดนั้น เลยไม่มองหน้า แต่พอก้มลงนิดหนึ่งก็เหมือนมองนมเขา เขาร้อง ไอ้บ้า แล้วจับเสื้อปิดฉับ ผมคิดว่า อะไรวะ ทำอะไรก็ผิด”

willie3willie2วิลลี-เยลหลี10979532_431018693755450_1875393983_n12357615_859701184145645_715373559_n

เยลหลีเล่าต่อ “จากนั้นต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ได้เจอกันบ้างตามงาน จนกระทั่งต่างคนต่างเลิกกับแฟน แล้วไปเดินแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมดุสิต หลังเสร็จงานเขาชวนกินข้าว แล้วถามว่าเธอไม่มีใคร ฉันก็ไม่มี มาเป็นแฟนกันไหม เยลหลีบอกไม่ดีหรอก ต่างคนต่างเพิ่งเลิกกับแฟน อาจรู้สึกว่าอีกคนเป็นตัวแทน เยลหลีไปเมืองนอกดีกว่า แล้วก็ไปอยู่แอลเอสองปี”

วิลลีพ้อ “เขาไม่ยอมรับรักผมง่ายๆ แต่ผมน่ะชอบเขาตั้งแต่บนเรือโน่นจึงต้องพยายาม ลงทุนบินไปหาเพราะอยากได้ ซึ่งได้ผล หลังจากไปนั่งรอเขาเรียน พาไปกินข้าว ยอมไปเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกสารพัด วันจะเดินทางกลับ

ผมถามคำถามที่ถามซ้ำซากอยู่หลายปีว่า เราเป็นแฟนกันหรือยัง คราวนี้เขาตอบโอเค ผมเลยกลับมาบวชก่อน(หัวเราะ)”

 

ที่มา : คอลัมน์ “สัมภาษณ์” นิตยสารแพรว

ขอบคุณภาพ : @nottvisrut, @chommaterialgirl, @williemc666 www.narakornphotography.com

Praew Recommend

keyboard_arrow_up