เทรนด์ผม

2 แฮร์กูรูระดับโลก เผยเทรนด์ผมรับ Autumn/Winter 2022 เน้นผสานเทคนิคใหม่

Alternative Textaccount_circle
เทรนด์ผม
เทรนด์ผม

เมื่อสายลมหนาวพัดมากับลมฝนสัมผัสกายอีกครั้ง เหมือนเป็นสัญญาณเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งความสนุกและสีสันแห่งเทรนด์ต่างๆ หยิบคาร์ดิแกนตัวโปรด แล้วออกมาสนุกกับเรา ชวาร์สคอฟ โปรเฟสชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้นำด้านเทรนด์ทรงผมระดับโลก จึงได้อัพเดต เทรนด์ผม ใหม่ประจำฤดูกาล

ซึ่งเทรนด์ผมในซีซั่นนี้ รับรองว่า โดดเด่น สะดุดตา พาหลุดออกจากกรอบเดิมๆ แล้วครีเอตลุคใหม่ที่เข้ากับสาวเอเชียสุดๆ โดย 2 แฮร์กูรูระดับโลก Lesley Jennison Global Color Ambassador Schwarzkopf Professional และ Nick Irwin Global Styling Ambassador Schwarzkopf Professional ที่มาอัพเดตสไตล์ทรงผม ลุคใหม่และเทรนด์สีผมมาแรง สำหรับฤดูกาลใหม่ Essential Look 2:2022 Autumn/Winter Collection

สำหรับงาน Essential Looks หรือเรียกย่อๆ ว่า EL Collection คือเทรนด์คอลเล็คชั่นสีผมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง เน้นความสวยงามแตกต่างมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยเทคนิคใหม่ๆ และเทรนด์สีผมสะดุดตา

Lesley Jennison

Lesley Jennison, Global Color Ambassador Schwarzkopf Professional

ช่างผมชาวอังกฤษ ผู้คร่ำหวอดในวงการทำสีผมระดับโลกมานานกว่า 30 ปี ด้วยความสามารถ สไตล์โดดเด่น บวกกับประสบการณ์ที่ได้สัมผัสเส้นผมของผู้หญิงทั่วโลก โดยเฉพาะเส้นผมของคนเอเชีย ทำให้เธอได้รับความไว้วางใจ จากดีไซเนอร์ชื่อดัง ให้ร่วมครีเอต รันเวย์ ลุค อยู่เรื่อย ๆ อย่างโชว์ของ Alexander McQueen ที่เธอได้ทำงานร่วมกับ เซเลบริตี้แถวหน้าและดาราฮอลลีวู้ดชื่อดังอย่าง Gwyneth Paltrow, Elle MacPherson ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Lesley จึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้หญิงแถวหน้าในวงการสีผมระดับโลกได้อย่างไร้ที่ติ

Nick Irwin

Nick Irwin Global Styling Ambassador Schwarzkopf Professional

Nick Irwin ช่างผมชาวอังกฤษ ที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก ด้วยความรักในการเดินทาง เพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ทำให้เขา กลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลในวงการช่างผมที่น่าจับตามองมากที่สุดในยุคนี้ ด้วยสไตล์การออกแบบทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถดึงเอาโลกแห่งแฟชั่น มาบรรจบกันกับความเป็นศิลปะด้านเส้นผมได้อย่างลงตัว Nick จึงเป็นนิยามใหม่ของความลงตัวด้านการออกแบบ ที่มีคาร์แรคเตอร์โดดเด่น เรียกได้ว่าหาตัวจับยากคงหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ เขายังถนัดงานด้านแฮร์โชว์ และอยู่เบื้องหลังการออกแบบแฟชั่นให้กับนิตยสารชื่อดัง ทำงานให้กับสตูดิโอโฆษณาใหญ่ๆ และเคยร่วมงานกับช่างภาพชั้นนำมาแล้วมากมาย

Essential Look 2:2022 Autumn/Winter Collection เทรนด์ผม สุดชิค แบ่งออกเป็น 3 เทรนด์หลักๆ ประกอบด้วย

Trend 1 : COLLEGIATE
เทรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากยุค 90 ทำให้หวนคิดถึงภาพจำเก่า ๆ ลุคนี้ พาย้อนกลับไปในช่วงเวลาเหล่านั้น แล้วใส่สีสันและออกแบบทรงผมให้มีความโดดเด่น ล้ำสมัย ซ่อนความซุกซนขี้เล่นไว้ให้ดูสนุกสนาน มีชีวิตชีวา

Trend 2 : HOMECORE
ลุคที่จะพาคุณกลับบ้าน พื้นที่ ที่เป็นดั่งเซฟต์โซน ให้ความรู้สึกอบอุ่น สุขุมนุ่มลึก แฝงด้วยความอ่อนโยน น่าค้นหา ดึงดูดทุกสายตาได้ไม่ซ้ำใคร

Trend 3 : POP & PLAY
ปลดปล่อยทุกความรู้สึก หัวเราะ ร้องเพลง เต้นรำ ปลุกความเป็นตัวเองออกมา POP & PLAY ชวนคุณมาเติมเต็มสีสัน ด้วยสีสันจัดจ้าน โดดเด่นไม่เหมือนใคร


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน

เปิดสาเหตุ ‘ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน’ แม้ภายนอกดูสุขภาพแข็งแรง

Alternative Textaccount_circle
ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน
ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน

ความแข็งแรงของร่างกายภายนอกไม่อาจบ่งบอกปัญหาการทำงานภายในร่างกายได้ โดยเฉพาะความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบสำคัญต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่ ‘ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน’

เปิดสาเหตุ ‘ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน’ แม้ภายนอกดูสุขภาพแข็งแรง

พญ.วริษฐา เล่าสกุล แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคหัวใจ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน โดยจำแนกหัวข้อ ‘ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน’ มาอธิบายให้ฟังในอันดับแรก พร้อมแจกแจงปัจจัยเสี่ยง แนวทางการป้องกัน รวมทั้งวิธีรับมืออย่างเหมาะสมและทันท่วงที

‘ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน’ ในผู้ที่สุขภาพแข็งแรงมาก่อน สามารถเป็นได้จากหลายสาเหตุ แต่ก่อนอื่นนั้นอาจต้องดูว่าผู้ที่ไม่มีอาการผิดปกติอะไร ในความเป็นจริงแล้วมีโรคประจำตัวอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นอันตรายต่อหลายระบบสำคัญในร่างกาย เช่น ระบบหลอดเลือดหัวใจ และระบบประสาท เป็นต้น

โดยการเสียชีวิตเฉียบพลันนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุของอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุ และปัจจัยทางสุขภาพของแต่ละคน เช่น

  • หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Death)
  • หลอดเลือดปอดอุดตันเฉียบพลัน (Pulmonary Embolism)
  • หลอดเลือดสมองตีบ หรือ แตกเฉียบพลัน (Stroke)

โดยวันนี้จะกล่าวถึง ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden cardiac death) คือการที่หัวใจหยุดทำงานฉับพลัน ทำให้ไม่สามารถบีบเลือดให้ไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ ทำให้สมอง และอวัยวะสำคัญจะเริ่มขาดเลือดและเสียชีวิตในที่สุด

ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน 2

สาเหตุที่ทำให้เกิด

1. เส้นเลือดหัวใจตีบ (Ischemic Heart Disease) หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นเลือดหัวใจ (Coronary Anomalies)

2. หัวใจเต้นผิดจังหวะ คือ การนำไฟฟ้าของหัวใจผิดปกติไป เช่น การเต้นผิดจังหวะของหัวใจห้องล่าง (Ventricular Fibrillation, Ventricular Tachycardia)

3. โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง (Low Ejection Fraction) หรือ กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ

4. สาเหตุความผิดปกติอื่นที่เกี่ยวกับหัวใจ เช่น หัวใจพิการแต่กำเนิด การเกิดการบาดเจ็บหรือได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณหน้าอก (Commotio Cordis)

ปัจจัยเสี่ยง

  • ภาวะไขมันในเลือดสูงโรคเบาหวาน
  • โรคไตเสื่อม
  • การสูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด
  • ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวมีคนเสียชีวิตเฉียบพลันตั้งแต่อายุน้อย (อายุน้อยกว่า 55 ปี)
  • การมีโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของหัวใจ
ภาวะเสียชีวิตกะทันหัน 1

แนวทางการป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงประวัติเสี่ยงดังที่กล่าวไปข้างต้น
  • คอยสังเกตอาการ หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น เช่น อาการเจ็บหน้าอก อาการวูบ หมดสติ หายใจเหนื่อย ใจ
  • สั่น หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติเกี่ยวกับโรคหัวใจ
  • ตรวจสุขภาพ เพื่อประเมินว่ามีความผิดปกติของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดหรือไม่ โดยในแต่ละบุคคลอาจ
  • มีแนวทางการตรวจรักษาที่ต่างกันไป เช่น ผู้ที่อายุต่ำกว่า 35 ปี ผู้ที่เป็นนักกีฬา และกลุ่มผู้สูงอายุ จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป

ในปัจจุบันมีผู้ที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันประมาณ 3 ล้านคนต่อปีจากทั่วโลก นอกจากการป้องกันและคอยตรวจดูความเสี่ยงแล้ว สิ่งสำคัญคือเราทุกคนควรเรียนรู้วิธีการปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้น (Basic Life Support) ซึ่งมีส่วนสำคัญมากในการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันซึ่งสามารถเกิดกับใครก็ได้


ข้อมูล : พญ.วริษฐา เล่าสกุล แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลนวเวช
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มุกดา นรินทร์รักษ์

ไอโฟนเป็นเหตุ! เปิดเส้นทางนางเอก เจ้าแม่เรตติ้งของ มุกดา นรินทร์รักษ์

account_circle
มุกดา นรินทร์รักษ์
มุกดา นรินทร์รักษ์

มุกดา นรินทร์รักษ์ จากเด็กสาวที่ตัดสินใจร่วมประกวดเวทีมิสทีนไทยแลนด์เพราะอยากได้ไอโฟน! ใครจะคิดว่าที่สุดเธอจะได้โกอินเตอร์เป็นนางแบบอยู่ที่ญี่ปุ่นนาน 3 ปี ก่อนจะกลับมารั้งตำแหน่งนางเอกเจ้าแม่เรตติ้งคนใหม่ของช่อง 7

ไอโฟนเป็นเหตุ! เปิดเส้นทางนางเอก เจ้าแม่เรตติ้งของ มุกดา นรินทร์รักษ์

มุกดา นรินทร์รักษ์

ไอโฟนเป็นเหตุ

“มุกเกิดและโตที่ระนอง เป็นเด็กขี้อาย โลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบเจอใคร แต่ก็ไม่ถึงขั้นเก็บตัว ยังทำกิจกรรมของโรงเรียนได้ ตอนนั้นเคยฝันอยากเป็นนางพยาบาล เพราะป่วยบ่อย ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงนะคะ แค่ร่างกายเหมือนจะเซ้นสิทีฟกับทุกสิ่ง โดนฝนนิดหน่อยก็ไข้ขึ้น เข้าโรงพยาบาลถี่จนชินกลิ่น จึงคิดตามประสาเด็กว่าถ้าทำงานอยู่โรงพยาบาลคงดี

“ที่บ้านเลี้ยงมุกแบบไม่ตามใจ อยากได้อะไรต้องขวนขวายทำเอง เพราะฉะนั้นกว่าจะขออะไรได้คือยากมาก ที่จำได้ไม่ลืมคือตอนเรียนป.6 มุกอยากได้ไอโฟน 4 แต่ตื๊อแม่เป็นสิบๆครั้งยังไงก็ไม่ใจอ่อน ผ่านมา 3 ปี มุกเรียน ม.2 ช่วงปิดเทอมมาพักที่กรุงเทพฯ พี่ชายพาไปเดินห้าง แล้วได้ใบปลิวประกวดรายการมิสทีนไทยแลนด์ ปี2011 พี่ชายไม่ชอบให้มุกอยู่นิ่ง ๆ จึงเชียร์ว่า ‘ไปประกวดสิ’

“ตอนแรกมุกปฏิเสธ คือชอบดูการประกวด แต่ไม่ได้อยากเป็นผู้แข่งขันแต่พี่ยังคะยั้นคะยอ สุดท้ายยกเรื่องโทรศัพท์ที่มุกอยากได้มากมาล่อเป็นของรางวัลบอกว่าถ้าชนะ จะซื้อไอโฟน 4 ให้ จึงตัดสินใจไปเพราะไอโฟน แค่นั้นเลยค่ะ
(หัวเราะ) แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าถ้ากล้าเข้าประกวด แม่ต้องเห็นใจที่เรามีความพยายาม ถึงไม่ชนะก็อาจจะได้โทรศัพท์เป็นรางวัลปลอบใจ

“ตอนอยู่ในกองประกวดมุกคิดอย่างเดียวว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ เพราะอย่างที่บอกว่าโลกส่วนตัวสูง การอยู่รวมกับคนเยอะๆไม่ใช่สิ่งที่ถนัด อธิษฐานทุกวันว่าขอให้โดนคัดออก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ตั้งใจทำตามที่ครูฝึกสอนนะคะ
แค่ไม่เคยคิดถึงชัยชนะ สุดท้ายวันประกาศผลมุกได้ที่ 1 งงมาก กรรมการคงเห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา ซึ่งต้องขอบคุณเวทีนี้นะคะ นอกจากโอกาสดีๆ ในชีวิตแล้ว ที่สุดแม่ยังยอมซื้อไอโฟนให้ด้วย” (หัวเราะ)

มุกดา นรินทร์รักษ์

โชคชะตาพาไปญี่ปุ่น

“พอจบจากเวทีมิสทีนไทยแลนด์ ตอนนั้นมุกเริ่มคิดว่าวงการบันเทิงอาจจะเหมาะกับเรา แต่ยังไม่รู้หรอกว่าจะได้งานอะไร เพราะมีโอกาสไปแคสติ้งที่ช่อง 7 แต่ไม่ผ่าน ด้วยหุ่นที่ยังอวบๆ พูดติดทองแดง แอ๊คติ้งไม่ดี อีกอย่างคือยังเด็กมาก จึงกลับไปเรียนตามปกติ กระทั่งปี2013 เอเจนซี่จากญี่ปุ่นติดต่อมาทางมิสทีนไทยแลนด์ อยากได้นางแบบคนไทยไปเดินเวทีโตเกียว รันเวย์ ปี2013 โดยเขาเดินทางมาคัดเลือกที่ไทย และมุกมีโอกาสไปแคสติ้งด้วย ตอนนั้นหุ่นดีขึ้นแล้ว ปรากฏว่าผ่าน จึงได้ไปเดินแบบที่โตเกียวรันเวย์

“ครั้งนั้นถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นมาก ความรู้สึกคือเหมือนไปเที่ยว แต่เรื่องจริงไม่ใช่เลย ต้องทำงานล้วนๆ ซึ่งมุกก็ตั้งใจเต็มที่ หลังจากนั้นเอเจนซี่ที่ญี่ปุ่นสนใจอยากร่วมงานกับมุก โดยให้ไปทำงาน
อยู่ที่นั่นจริงจัง มุกรีบคว้าโอกาสนั้นไว้ สำหรับเรื่องเรียน ตอนนั้นมุกเรียนอยู่ม.5 ที่โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร ก็ตัดสินใจดร็อปไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะไปนานเท่าไร แต่ปรากฏว่าอยู่ยาว จึงเลือกเรียนทางออนไลน์ตลอด 2 ปี แล้วกลับมาสอบเทียบจนได้วุฒิม.6 พอกลับมาเมืองไทยก็สอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยค่ะ

“ตอนอยู่ญี่ปุ่นมุกไม่เคยคิดถึงบ้านหรือร้องไห้เลย เพราะชอบอยู่คนเดียวอยู่แล้ว แต่ความยากคือเรื่องงานและการใช้ชีวิตที่นั่นในช่วงแรก อย่างเวลาไปแคสติ้ง เขาจะคัดจากรูปก่อนเจอตัวจริง ถ้ารูปผ่านก็จะพาไปเจอบรรณาธิการนิตยสารต่างๆ แล้วลุ้นอีกทีว่าเขาจะชอบเราหรือเปล่า ที่ญี่ปุ่นเขาชอบนางแบบแนวธรรมชาติ สบายๆ โชคดีที่ส่วนใหญ่ชอบมุก จึงได้เซ็นสัญญาเป็นนางแบบประจำของนิตยสาร Ray อยู่ 3 ปี ตอนแรกที่ไปอยู่มีล่ามคนไทยไปเป็นเพื่อน
1 สัปดาห์เพื่อสอนทุกอย่าง ทั้งวิธีขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นรถบัส ซื้อตั๋ว ช่วงนั้นชิล เพราะมีเพื่อน มารู้ซึ้งตอนที่พี่เขากลับ ยากทุกอย่างตั้งแต่ซื้อตั๋วรถไฟ เพราะภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ไม่แม่น ต้องคอยเปิดดิกภาษาญี่ปุ่นถาม บางที
ก็หลง ใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับตัวได้

“แม้จะได้เซ็นสัญญาอยู่ยาว แต่การแคสติ้งแต่ละงานก็ยังยากอยู่ดี อาจต้องแคสติ้ง 30-40 ครั้งกว่าจะได้งาน 1 ชิ้น  เพราะที่นั่นมีนางแบบเยอะ ทั้งจากจีน บราซิล ฝรั่ง แล้วยังหน้าตาดีมาก ดีที่มุกเป็นนางแบบประจำนิตยสาร Ray ซึ่งเขาการันตีว่าได้ถ่ายงานทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 5 งาน ถ้าพีคก็อยู่ที่ 10 งานจึงไม่ค่อยกดดันเรื่องเงิน ซึ่งการอยู่ญี่ปุ่นค่าใช้จ่ายสูง และมุกออกเองทั้งหมด ไม่อยากรบกวนที่บ้าน หนักหน่อยคือค่าที่พักเดือนละ 5 หมื่นบาท นอกนั้นเป็นค่ากินและใช้จ่าย พอได้เงินก้อนมาต้องรีบแบ่งเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง แยกไว้ต่างหาก”

มุกดา นรินทร์รักษ์

เจ้าแม่เรียกเรตติ้ง

“มุกทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น 3 ปี ได้กลับมาเมืองไทยปีละครั้งเพื่อต่อวีซ่า จึงได้มีโอกาสไปแคสติ้งงานที่ช่อง 7 อยู่ 2 ครั้ง  ปรากฏว่า าผ่าน  ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้อยู่เมืองไทยถาวร ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าถ้าอยู่ที่นี่เราจะรุ่งไหม คำตอบ
คือไม่รู้ แต่อยากลอง คือถ้ามุกอยู่ญี่ปุ่นต่อแล้วพัฒนาภาษา อาจมีโอกาสเติบโตได้งานดีๆ แต่อาจต้องใช้เวลา 7 – 10 ปีกว่าจะมีคนป้อนงานละครหรือได้ออกรายการทีวี แต่ถ้าอยู่เมืองไทย แม้ต้องเริ่มทุกอย่างใหม่ แต่คงง่ายกว่าที่ญี่ปุ่นมาก

“หลังจากเซ็นสัญญา 1 ปีก็ได้เล่นเรื่องแรก ขมิ้นกับปูน แล้วก็มี งานแสดงมาเรื่อยๆ จนมาดังเรื่องมธุรสโลกันตร์ และล่าสุดคือโซ่เวรีที่ฉายที่จีนด้วย ละครทุกเรื่องได้รับกระแสตอบรับดี ต้องขอบคุณตั้งแต่ผู้เขียนบทและทีมงานทุกคน  รวมถึงตัวเองด้วย เวลาแสดงละครมุกจะทำความเข้าใจบท แล้วปล่อยตัวเองไปตามความรู้สึกเต็มที่”

นางเอกโลกส่วนตัวสูง

“ทุกวันนี้มุกยังมีโลกส่วนตัวสูงอยู่นะคะ ถ้าช่วงไหนเหนื่อยหรือเครียดมากก็กลับไปอยู่ในโลกของตัวเอง คืออยู่นิ่งๆ  และจะทำสิ่งที่อยากทำเท่านั้น เช่น อยู่บ้านหรือถ้าอยากไปไหนก็ไปคนเดียว ปกติมุกจะหน้านิ่ง ไม่ค่อยยุ่งกับใคร พูดน้อยด้วยความหน้านิ่งจึงทำให้คนเข้าใจผิดง่ายมาก ทุกวันนี้ก็ยังมีหลายคนคิดว่ามุกดุหรือหยิ่ง บางคนเห็นเราแว่บแรกก็รู้สึกกลัว ซึ่งที่จริงมุกไม่ได้มีอะไร แค่หน้านิ่งเงียบๆ คุยไม่เก่ง บวกกับตาดูดุ จึงง่ายต่อการที่ใครจะเข้าใจผิด แต่ถ้าได้คุยกันความรู้สึกพวกนั้นจะหายไปค่ะ และที่ผ่านมามุกพยายามปรับตัวเยอะ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนตัวเองทั้งหมด แค่ยิ้มให้มากขึ้น

“ต้องขอบคุณแฟนคลับ ทีมงาน และคนรอบข้างที่เข้าใจมุกเสมอมาค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 975

อิเคบานะ ความงดงามในโลกดอกไม้ของ หนูนา มันทนา

account_circle

มัทนา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา หรือ หนูนา สไตลิสต์อิสระที่มักหยิบดอกไม้มาเป็นองค์ประกอบในงานให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น กระทั่งตัดสินใจเรียนจัดดอกไม้แบบอิเคบานะ สไตล์ญี่ปุ่น ที่ต้องอาศัยความประณีต ผสานกับมุมมองความงามที่กว้างออกไป อย่างการหยิบดอกไม้ริมทาง หรือผลไม้ รวมถึงข้าวของมาสร้างสรรค์ผลงานจึงโดดเด่น เปี่ยมด้วยไอเดีย

อิเคบานะ ความงดงามในโลกดอกไม้ของ หนูนา มันทนา

อิเคบานะกฏที่เปิดกว้างความงามในโลกของดอกไม้

“เราโตมาในบ้านที่มีต้นไม้ดอกไม้เยอะ ขนาดวันหยุดยังไปจตุจักรเพื่อซื้อต้นไม้ โตมาทำงานก็เคยทำงานเป็นสไตลิสต์ให้กับนิตยสารแต่งบ้าน ก่อนจะออกมาทำงานอิสระ ทั้งด้านอินทีเรียร์ ถ่ายภาพ ฯลฯ ซึ่งการจัดดอกไม้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในงานด้วย โดยจัดไปตามเซ้นส์ กระทั่งรู้สึกว่า การจัดดอกไม้เป็นงานคราฟต์ที่มีรายละเอียดเยอะ จึงไปเรียนเพิ่มเติมตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว 

        “เราสนใจศาสตร์การจัดดอกไม้แบบ ‘อิเคบานะ’ สไตล์ญี่ปุ่น ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ผสานไปกับความงดงามตามธรรมชาติ เวลาจัดต้องมองให้ลึกถึงรายละเอียด พิจารณาก่อนว่า ความสวยของดอกนี้อยู่ตรงไหน ทำไมจึงสวย เหมือนการจะถ่ายภาพใบหน้าคนถ้าจะถ่ายรูปควรเป็นมุมไหน ทำให้ต้องหยุดคิด พิจารณามากขึ้น

         “การจัดดอกไม้แบบอิเคบานะ มักใช้พื้นที่ว่างให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนประกอบในงาน  ภาพรวมของการจัดดอกไม้นั้นจะต้องคิดถึงการเว้นพื้นที่ว่างระหว่างกันด้วย ถือว่าคือส่วนหนึ่งของงาน จึงจะมีความสวยงามตามธรรมชาติ นึกภาพตามง่ายๆ ถ้าเป็นป่าทึบแน่นทั้งหมด จะดูอึดอัดไป แต่ถ้ามีแอ่งน้ำ มีบึง เป็นส่วนพื้นที่ราบว่าง ก็จะช่วยให้สบายตาขึ้น เรียกว่า อิเคบานะช่วยดึงโครงสร้างความสวยงามตามธรรมชาติมาอยู่ในพื้นที่เล็กๆ

        “สิ่งที่ยากสำหรับในช่วงแรกๆคือกฎค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของการจัดองศาดอกไม้ ที่ต้องตั้งให้ได้ทั้งฉากและมุม ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถฝืนธรรมชาติได้ เช่น กิ่งยาว หรือใหญ่มาก ก็ต้องหาวิธีอื่น เช่น ใช้อุปกรณ์เข้ามาช่วยปรับแต่ง ยึดหรือเสริมให้ได้องศา หรือเปลี่ยนชนิดดอกไม้ไปเลย ซึ่งเคยมีหลายครั้งที่พอมองภาพรวมแล้วรู้สึกว่ายังไม่ใช่ ก็ต้องรื้อแล้วจัดใหม่ทั้งหมด ”

คราฟต์ที่ดีคืองานละเอียด

“งานคราฟต์คือเรื่องของดีเทล เราต้องรู้รายละเอียดทั้งหมด การจัดดอกไม้ไม่ใช่แค่ดูแล้วสวย แต่ต้องเริ่มจากรู้จักธรรมชาติของวัสดุหรือสิ่งที่ใช้ทำงานว่า ดอกไม้ชนิดนั้นมีความอ่อน แข็ง สูงต่ำอย่างไร ถ้าดอกไม้ที่เลือกมาก้านสั้นเกินไปก็อาจจะทำงานบางอย่างไม่ได้ ถ้ากิ่งโค้งมาก หรือตรงมาก ก็ต้องคิดจัดให้ไปตามธรรมชาตินั้นๆ รวมไปถึงต้องดูเรื่องสี ว่าไปในโทนเดียวกัน หรือจัดวางแล้วสวยงามอย่างใจหรือเปล่า

“โชคดีที่เรารู้จักต้นไม้ดอกไม้ไทยเยอะ สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมคือ คือ ดอกไม้ต่างประเทศ จะซื้อมาทดลองด้วยตัวเอง เช่น ทิ้งไว้จนเหี่ยวแล้วบันทึกว่า แต่ละชนิดอยู่ได้นานขนาดไหน ไว้เป็นข้อมูลสำหรับการใช้งาน เพราะบางอีเว้นต์ ดอกไม้ต้องอยู่ในพื้นที่จัดงาน 3-5 วัน เราควรรู้อายุของดอกไม้เป้าหมายว่าทำได้ถึงขนาดนั้นไหม และมีวิธีดูแลรักษาอย่างไร

“ขณะเดียวกันเรื่องของภูมิประเทศก็มีส่วนสำคัญ ถ้าหน้าร้อนดอกไม้จะบานเร็ว และน้ำก็เน่าเร็วเช่นกัน ส่วนหน้าหนาวหรือฤดูฝน ดอกไม้จะอายุยืนกว่า เราอยู่ในเมืองร้อน ถ้าจะใช้ดอกไม้จากต่างประเทศซึ่งราคาสูงก็ต้องดูแลรักษาในสถานที่ที่เหมาะสม เช่น ดอก Snow rose ต้องแช่น้ำแข็งเพราะเขาเติบโตในหิมะ หรือไม่ก็ต้องเก็บอยู่ในตู้เย็นไม่อย่างนั้นเหี่ยวเร็ว

“ปกติเวลาจัดดอกไม้ให้ลูกค้า จะวาดภาพร่างไว้คร่าวๆ เช่น ใช้โทนสีประมาณไหน พื้นผิวเป็นอย่างไร โดยถ้าเป็นงานลูกค้าจะใช้เวลาจัดประมาณ 3 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งเวลานี้จะต้องรวมไปถึงช่วงจัดของเตรียมอุปกรณ์นอกสถานที่ด้วย เช่น การขนดอกไม้ การจัดเตรียมพื้นที่ เรียงอุปกรณ์ แล้วก็ลงมือจัดให้ได้ตามที่วางแผนไว้  แต่ทั้งนี้ขึ้นกับขนาดของงานและความยากง่าย หากงานมีสเกลพื้นที่ใหญ่ ก็ต้องเพิ่มเวลาค่ะ นอกเหนือจากการทำงาน ถ้ามีเวลาว่าง เราชอบทดลองจัดดอกไม้ บางทีจัดเพลินมาก 2 ชั่วโมงก็มี คิดไปจัดไป เพื่อให้งานเกิดความแปลกใหม่ ถ้าเวิร์คก็นำมาใช้กับงานลูกค้าได้ อย่างตอนนี้อินกับดอกเบญจมาศและกล้วยไม้เพราะรู้สึกว่าเข้ากับอะไรง่าย ได้หมด

“สำหรับเราการจัดดอกไม้ คืองานคราฟต์ที่ต้องทำบ่อยๆ ตอนแรก อาจรู้สึกว่ายาก เหนื่อยและเครียด เพราะด้วยธรรมชาติของดอกไม้ ต้นไม้ บางทีก็หัก ล้มหรือร่วง แต่พอยิ่งฝึก ยิ่งดีขึ้น ในที่สุดก็ชิน มือกับตา และความคิดจะทำงานร่วมกันไปเองโดยอัตโนมัติว่า ต้องตัดก้านสั้น ยาวเท่าไร ควรหันอย่างไร แต่เรื่องยากสุดก็ยังไม่สู้ว่า ต้องมีไอเดียอยู่เสมอ เราชอบทำงานที่มีเรื่องราวเบื้องหลัง หรือเกี่ยวข้อง และจะดีถ้าทำออกมาแล้วสามารถสื่อสารเล่าเรื่องราวได้ด้วย”

จินตนาการและแฟนตาซี

        “ปกติสไตล์ของเราคือ จินตนาการและแฟนตาซีค่ะ อาจเพราะโตมากับการอ่านนิทานก่อนนอน จึงหยิบมาใช้บ่อย เช่น เฮเซลกับเกรเทล เรื่องราวของสองพี่น้องที่พลัดหลงในป่าแล้วไปเจอบ้านแม่มด เคยใช้คอนเซ็ปต์นี้ไปจัดดอกไม้ให้เป็นป่า มีความลึกลับ

        “ชิ้นงานที่ชอบมีเยอะเลยค่ะ เช่น งานอีเว้นท์ของแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เขามาในธีม The unusual journey เล่าถึงมิติพิศวง ที่ย้อนกลับไปในยุค 1900 ที่วิทยาศาสตร์เริ่มเข้ามา มีหมอยา แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีศาสตร์ลึกลับเรื่องผี เป็นโจทย์ที่สนุกมาก วิธีการทำงานคือ ค้นหาว่า เหล้าที่เขาใช้มีส่วนผสมอะไรบ้าง พบว่า มีสมุนไพรชื่อ ‘โกศจุฬาลัมพา’ เป็นหญ้าชนิดหนึ่งที่สมัยก่อนช่วยแก้โรคมาเลเรีย หายากมาก แต่ก็ไปตามหาหญ้าชนิดนี้มาตกแต่งในงานจนได้ ส่วนการจัดดอกไม้เราตั้งใจให้ดูแฟนตาซี เป็นแนวป่า มีงู มีลูกตาประดับอยู่  พอลูกค้าเดินเข้ามาในงานก็ชอบมาก ทักเลยว่า กลิ่นหญ้าคือกลิ่นเหล้าใช่มั้ย ประทับใจงานนี้ตรงที่สามารถสื่อสารได้ครบทุกมิติ ทั้งความสวย ลึกลับ ให้การจัดดอกไม้ได้เล่าเรื่องราวสนุกๆไปด้วย

        “อีกงานคืออีเว้นท์เปิดตัวสกินแคร์ของ Shishedo ความที่อยากได้ Snow rose เป็นดอกไม้สีขาวอมชมพูไล่เฉดแดงม่วงสวยมาก เพิ่งรู้ตอนจ่ายเงินเสร็จแล้วว่า ดอกไม้ชนิดนี้ต้องอยู่ในตู้เย็นตลอด เพราะตามธรรมชาติเขาเกิดในหิมะ ไม่อย่างนั้นจะเหี่ยว โอ้โฮ… เครียดเลย แต่โชคดีที่เป็นงานกลางวัน ระยะเวลาจัดงาน 1 ชั่วโมง จึงแก้ปัญหาจัดองค์ประกอบอื่นๆ ให้เสร็จไว้ก่อน พอแขกใกล้มาค่อยนำดอกไม้ไปเสียบแช่ในน้ำแข็ง พอน้ำแข็งเริ่มละลายก็ไปหยอดเพิ่ม สุดท้ายก็ผ่านมาได้ งานนี้ประทับใจในแง่ที่สอนให้คิดรอบคอบยิ่งขึ้น”

ความงามจากข้างทาง

        “ไม่เคยยึดติดว่า ต้องเป็นดอกไม้นำเข้า หรือต้องไปซื้อตามร้านเท่านั้นจึงจะสวย เราควรเปิดกว้างเพื่อให้งานไปได้ไกล เพราะพืชและดอกไม้ไม่มียี่ห้อ ถ้าเราไม่ไปกำหนด อย่างดอกไม้ข้างทางก็หยิบมาใช้ได้ ขึ้นกับว่า วางไว้ตรงไหนและอยู่กับอะไร อย่าว่าแต่ดอกไม้ข้างทางเลย เปลือก ราก ฝัก ผลไม้ ก็ใช้ได้หมดถ้าเราว่าสวย ทุเรียนก็เคยลองเอามาใช้จัดกับดอกไม้ได้ค่ะ พอลองจัดดูปรากฏว่า น่ารัก อยู่ด้วยกันกับดอกอื่นๆ ได้ นอกจากทุเรียนเคยลองใช้ ขนุน เมลอน ขอนไม้ที่มีเห็ด ก็น่ารักไปอีกแบบ สุดท้ายการจัดดอกไม้เปิดกว้างมาก ทุกอย่างนำมาใช้ได้หมด แค่ต้องรู้จักพลิกแพลง สื่อสารออกมาเป็นภาพได้”

“งานคราฟต์เป็นงานละเอียด เวลาที่เราต้องทำงานด้านตกแต่งภายใน มีโอกาสได้พบกับทีม ช่างไม้ ช่างอิฐ ช่างปูน ช่างเย็บผ้า ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้ว่า ถ้าช่างคนไหนทำงานเนี้ยบ งานออกมาสวยงามน่าดึงดูด เราเองก็อยากเลือกทีมนั้นเข้ามาร่วมงาน งานจัดดอกไม้ถ้ามองในแง่ความเป็นงานคราฟต์ก็น่าจะไม่ต่างกัน”

นอกจากสวยแล้วยิ่งมีเรื่องราว ด้วยก็ยิ่งน่าค้นหา


เรื่อง Fai

cover

ซูมลุค 3 สาวแฟชั่นไอคอน สวยตะลึงทุกไอเท็ม ขโมยซีนในงาน Lady Dior

Alternative Textaccount_circle
cover
cover

                เปิดตัว Pop-Up Store LADY DIOR แห่งใหม่ และนิทรรศการ ‘LADY DIOR AS SEEN BY’ @ Central Embassy ที่จัดแสดงผลงานศิลปะของเหล่าศิลปินผู้มีชื่อเสียงโดยมีแรงบันดาลใจจากกระเป๋าที่เป็นเอกลักษณ์ไปเมื่อวันก่อน ซึ่งต้องบอกเลยว่างานนี้คับคั่งไปด้วยนักแสดงชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ, ซาร่า เล็กจ์ และต้าเหนิง กัญญาวีร์’ ที่มาในลุคสาวดิออร์ในคอลเล็คชั่น Autumn–Winter 2022-2023 ทั้ง 3 สาวสวยสะดุดตามาก ๆ มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละลุคมีไอเท็มไหนที่น่าสนใจบ้าง

  1. คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ @kimmy_kimberley
2

สำหรับลุคของ ‘คิมเบอร์ลี่’ มีกระเป๋า Medium Lady D-Lite Bag – Black and White Houndstooth Embroidery ราคา 150,000 บาท ที่ช่วยดึงดูดมีความโดดเด่นขึ้น แต่สิ่งที่ต้องยกให้เป็นที่สุดของลุคนี้เลย คือ Dior 62-22 Pump – Black Patent Calfskin and Technical Fabric ราคา 50,000 บาท ซึ่งดีไซน์รองเท้าคู่นี้ดูแปลกตาจากความเป็น Dior ที่เรามักติดภาพว่าต้องมีความ Feminine สูง แต่รองเท้าคู่นี้ถูกดีไซน์ให้มีความทันสมัย และสปอร์ตมากขึ้น จึงถือเป็นหนึ่งไอเท็มที่เป็นความแปลกใหม่และควรไฮไลท์

2. ซาร่า เล็กจ์ @sara_legge

1

ซาร่า เล็กจ์ มาในลุคสุดเซ็กซี่ด้วยเสื้อลูกไม้ซีทรู Second-Skin Top – Black Technical Lace ราคา 83,000 บาท ที่สวมทับบราสีดำข้างใน เสื้อซีทรูตัวนี้ถือเป็นแฟชั่นไอเท็มที่ควรมีสำหรับสาวเซ็กซี่มาก ๆ และยังมี Dio(r)evolution Choker ราคา 22,500 บาท โชกเกอร์ดีไซน์ตัวอักษร Dior  สีทองช่วยเพิ่มความโดดเด่นอีกด้วย

3. ต้าเหนิง กัญญาวีร์ @thanaerngnin

3

สำหรับในลุคของต้าเหนิง ถ้าจะให้เลือกแฟชั่นไอเท็มในคอลเล็คชั่นนี้ ต้องขอยกให้กับ MissDior B1U แว่นตาทรง Butterfly กรอบคริสตัล Swarovski ราคา 44,990 บาท เพราะ แฟชั่นไอเท็มชิ้นนี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ลุคธรรมดา ๆ ของเราดูพิเศษขึ้นมาทันตาได้เป็นอย่างดี

LAAB แอสตร้าเซนเนก้า

แอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสม (LAAB แอสตร้าเซนเนก้า) ได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาโควิด-19 ที่ญี่ปุ่น ประเทศแรกในโลก

Alternative Textaccount_circle
LAAB แอสตร้าเซนเนก้า
LAAB แอสตร้าเซนเนก้า

ยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสม AZD7442 (ส่วนผสมระหว่างแอนติบอดีสองชนิดได้แก่ tixagevimab และ cilgavimab) หรือ LAAB ของแอสตร้าเซนเนก้า ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาในประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 และการรักษาโควิด-19 แบบมีอาการ ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติยานี้เพื่อวัตถุประสงค์เพื่อการรักษา

แอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสม (LAAB แอสตร้าเซนเนก้า) ได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาโควิด-19 ที่ญี่ปุ่น ประเทศแรกในโลก

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น (MHLW) ได้อนุมัติใช้ยา LAAB ในกรณีฉุกเฉินสําหรับผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวอย่างน้อย 40 กิโลกรัม โดยจะใช้กับผู้ป่วยที่ไม่แนะนําให้รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 และผู้ที่อาจมีการตอบสนองต่อวัคซีนป้องกันโควิด-19ไม่เพียงพอ เนื่องจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยผู้รับยา LAAB เพื่อการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อจะต้องไม่เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อในขณะรับยา หรือเพิ่งสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

ในด้านการรักษา ยา LAAB ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกลุ่มผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวอย่างน้อย 40 กิโลกรัม โดยเป็นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 รุนแรงซึ่งไม่ต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจน

ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ คาซึฮิโระ ทาเทดะ แห่งภาควิชาจุลชีววิทยาและโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยโทโฮ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า “โควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในวงกว้าง ประชากรในประเทศญี่ปุ่นจำนวนมาก รวมทั้ง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคประจําตัว และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ยังคงมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิด-19 ยา LAAB จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่จําเป็นยิ่งในการป้องกันในระยะยาวแก่ผู้ที่มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ไม่เพียงพอหลังการฉีดวัคซีน และจะช่วยป้องกันอาการรุนแรงจากโรคโควิด-19 และลดอัตราการเสียชีวิตในผู้ที่ติดเชื้อได้”

ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ อิตารุ มัตสึมูระ ประธานภาควิชาโลหิตวิทยาและโรคไขข้อ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยคินได เมืองโอซึกะ กล่าวว่า “แม้ประเทศญี่ปุ่นจะมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและมาตรการเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่เป็นจํานวนมาก คาดว่าการอนุมัติใช้ยา LAAB จะเป็นทางเลือกในการป้องกันโรคสําหรับผู้ที่ไม่สามารถตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้เพียงพอ เช่น ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือด”

เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceuticals) ของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า “การอนุมัติใช้ยา LAAB ในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นความสำเร็จก้าวสําคัญของเราที่พยายามเสาะหาทุกวิถีทางในการต่อสู้กับโควิด-19 ปัจจุบัน LAAB  เป็นยาที่มีส่วนผสมระหว่างแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวสองชนิดที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้สำหรับทั้งการป้องกันและการรักษาโควิด-19 ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการปกป้องผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง จากโรคร้ายแรงนี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น”

รัฐบาลญี่ปุ่น ทำสัญญาสั่งซื้อ LAAB จำนวน 300,000 ยูนิต (ปริมาณตัวยา tixagevimab และ cilgavimab อย่างละ 150 มก. ต่อ 1 ยูนิต) โดยแอสตร้าเซนเนก้าจะทำงานร่วมกับรัฐบาลและพันธมิตรเพื่อดำเนินการส่งมอบยารอบแรกโดยเร็วที่สุด

การอนุมัติครั้งนี้พิจารณาจากข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากโครงการศึกษาทางคลินิกของ LAABรวมถึงการทดลองการป้องกันโรคก่อนการสัมผัสเชื้อพรูฟเวนท์ (PROVENT) ในระยะที่ 3 และการทดลองการรักษาผู้ป่วยนอกแท็คเคิล (TACKLE) ในระยะที่ 3 และการศึกษาระยะที่ 1 ในประเทศญี่ปุ่น จากการศึกษาพรูฟเวนท์ ยา LAAB  สำหรับฉีดเข้ากล้ามเนื้อขนาด 300 มก. (IM) ในการวิเคราะห์ผลเบื้องต้นพบว่าสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 แบบมีอาการได้ถึง 77% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) อย่างมีนัยสำคัญ (95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 46-90; p <0.001) การวิเคราะห์ผลด้วยการติดตามที่ยาวนานขึ้นแสดงให้เห็นว่ายา LAAB สามารถลดความเสี่ยงสัมพัทธ์ (RRR) ในการติดเชื้อโควิด-19 แบบมีอาการได้ถึง 83% (95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 66, 91) เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก โดยมีค่ามัธยฐานในช่วงระยะเวลาติดตามหลังการได้รับยาไปแล้วถึง 6 เดือน1

ผลลัพธ์หลัก (primary endpoint) ของการทดลองแท็คเคิล พบว่า ยา LAAB สำหรับฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 1 ยูนิต ขนาด 600 มก. สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแบบรุนแรง หรือการเสียชีวิต (จากทุกสาเหตุ) ได้ถึง 50% (95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 15, 71; p=0.010) หลังจากได้รับยาไปแล้ว 29 วัน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) ในผู้ป่วยนอกที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีอาการในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน2

จากการวิเคราะห์แบบ pre-specified ผู้ป่วยโควิด-19 ที่แสดงอาการ และได้รับยาภายในช่วง 3 วันแรก พบว่า LAAB สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรครุนแรง หรือเสียชีวิต (จากทุกสาเหตุ) ได้ถึง 88% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) (95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 9, 98) และยังลดความเสี่ยงถึง 67% (95% ช่วงความเชื่อมั่น (CI) 31, 84) ในกลุ่มที่ได้รับยาภายใน 5 วันหลังแสดงอาการ2

LAAB มีผลข้างเคียงที่ยอมรับได้ดี1,2

ปริมาณการใช้ยาที่แนะนําสําหรับการป้องกันโรคโควิด-19 แบบมีอาการ ในประเทศญี่ปุ่น คือ tixagevimab และ cilgavimab อย่างละ 150 มก. โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อสองจุดต่อเนื่องกัน ในบางกรณีอาจมีการใช้ที่ปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นอย่างละ 300 มก. ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ระบาด ส่วนปริมาณการใช้ยาที่แนะนำเพื่อการรักษาโควิด-19 คือ tixagevimab และ cilgavimab อย่างละ 300 มก. โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อสองจุดต่อเนื่องกัน

ผลการศึกษาในห้องทดลองพบว่ายา LAAB สามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกในปัจจุบัน รวมถึงสายพันธุ์ย่อย BA.5 และ BA.2.3,4

LAAB ยังได้รับอนุมัติให้ใช้เพื่อการป้องกันโรคก่อนการสัมผัสเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกา (อนุมัติการใช้ในกรณีฉุกเฉิน) สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ โดยในปัจจุบัน มีการยื่นเรื่องขออนุมัติใช้ยาเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันและการรักษามากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก 

ภาพประกอบเพียงเท่านั้น

AZD7442 หรือ LAAB ของแอสตร้าเซนเนก้า

AZD7442 (LAAB ของแอสตร้าเซนเนก้า) เป็นยาแอนติบอดีแบบผสม ซึ่งมีส่วนผสมระหว่างแอนติบอดีสองชนิด ได้แก่ tixagevimab (AZD8895) และ cilgavimab (AZD1061) มาจากบีเซลล์ที่ได้รับการบริจาคจากผู้ที่เคยป่วยจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งถูกค้นพบโดยศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิวท์ และได้อนุญาตให้แอสตร้าเซนเนก้านำมาพัฒนาต่อเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2563 โมโนโคลนอลแอนติบอดีของมนุษย์ 2 ตัวนี้จะมีความจำเพาะที่ต่างกัน เพื่อจับกับโปรตีนหนามของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ SARS-CoV-2 ในคนละจุด5 และถูกพัฒนาต่อโดยแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อขยายระยะเวลาครึ่งชีวิต(half-life) เพื่อเพิ่มความยืนยาวของแอนติบอดี และปรับให้มีการจับกันของ Fc Receptor และ Complement ชนิด C1q ที่ลดลง6 โดยการขยาย half-life นั้น สามารถเพิ่มความยืนยาวของแอนติบอดี้ได้มากกว่าสามเท่าเมื่อเทียบกับแอนติบอดี้ทั่วไป7-9 จากข้อมูลของการทดลองในระยะที่ 3 แสดงให้เห็นว่าระดับของแอนติบอดีที่สามารถยับยั้งการเพิ่มจํานวนของไวรัสคงอยู่ได้เป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน1 และการปรับให้มีการจับของ Fc Receptor ที่ลดลงนั้นสามารถลดความเสี่ยงต่อภาวะ antibody-dependent enhancement (ADE) ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่แอนติบอดี้ของเชื้อไวรัสเข้าไปกระตุ้นแทนที่จะยับยั้งการติดเชื้อ10

จากการศึกษา พรูฟเวนท์ (PROVENT) ระยะที่ 3 ในการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine มีข้อมูลเบื้องต้น สนับสนุนว่า AZD7442 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน แสดงถึงการลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคโควิด-19 แบบมีอาการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (77% ของการวิเคราะห์เบื้องต้น 83% การวิเคราะห์มัธยฐานที่ระยะเวลา 6 เดือน) เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo)  การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงการป้องกันไวรัสที่ยาวนานอย่างน้อย 6 เดือน1มากกว่า 75% ของจำนวนผู้เข้าร่วมการศึกษาพรูฟเวนท์ (PROVENT) มีโรคประจำตัว ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรง ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและอาจมีภูมิคุ้มกันตอบสนองไม่เพียงพอต่อการรับวัคซีน

ผลการทดลองแท็คเคิล (TACKLE) การศึกษาระยะที่ 3 สำหรับการรักษาโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้ป่วยนอก ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet Respiratory Medicine แสดงให้เห็นว่า AZD7442 ของแอสตร้าเซนเนก้า สามารถป้องกันการการเกิดโรคแบบรุนแรง หรือการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ ได้อย่างมีนัยสำคัญทางคลินิกและทางสถิติ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) โดยการรักษาด้วย AZD7442 ในระยะเริ่มต้นของโรคนั้น สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น2  การทดลองแท็คเคิลดำเนินการศึกษาผู้ร่วมโครงการที่เป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งมีอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 เล็กน้อยถึงปานกลางในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน นอกจากนั้น 90% ของผู้เข้าร่วมโครงการมีโรคประจำตัวและภาวะต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงจากโรคโควิด-19 เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคอ้วน โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจ หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิ

ยา AZD7442 ที่กำลังพัฒนาอยู่นี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงเงินทุนจากหน่วยงานด้านสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ  ภายใต้การกำกับดูแลของ Office of the Assistant Secretary for Preparedness and Response และ Biomedical Advanced Research and Development Authority ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม และ Joint Program Executive Office for Chemical, Biological, Radiological and Nuclear Defense ภายใต้สัญญาหมายเลข W911QY-21-9-0001

ภายใต้ข้อตกลงกับแวนเดอร์บิวท์ แอสตร้าเซนเนก้าจะจ่ายส่วนแบ่งค่าสิทธิจากยอดขายในอนาคต

อ้างอิง

  1. Levin MJ, et al. Intramuscular AZD7442 (Tixagevimab–Cilgavimab) for Prevention of Covid-19.    N Engl J Med. 2022;386(23):2188-2200
  2. Montgomery H, et al. Efficacy and Safety of Intramuscular Administration of AZD7442 (Tixagevimab/Cilgavimab) for Early Outpatient Treatment of COVID-19: The TACKLE Phase 3 Randomised Controlled Trial. Lancet Respir Med. Published online June 7, 2022. doi.org/10.1016/S2213-2600(22)00180-1
  3. US Food and Drug Administration FACT SHEET FOR HEALTHCARE PROVIDERS: EMERGENCY USE AUTHORIZATION FOR EVUSHELDTM (Tixagevimab Co-Packaged with Cilgavimab). Available at: https://www.fda.gov/media/154701/download [Last accessed: August 2022]
  4. Vector Engineering Lab et al. COVID CG. Available at: https://covidcg.org/ [Last accessed: August 2022]
  5. Dong J, et al. Genetic and Structural Basis for SARS-CoV-2 Variant Neutralization by a Two-Antibody Cocktail. Nat Microbiol. 2021;6(10):1233-1244
  6. Loo YM, et al. AZD7442 Demonstrates Prophylactic and Therapeutic Efficacy in Non-Human Primates and Extended Half-Life in Humans. Sci Transl Med. 2022;14(635):eabl8124
  7. Robbie GJ, et al. A Novel Investigational Fc-Modified Humanized Monoclonal Antibody, Motavizumab-YTE, Has an Extended Half-Life in Healthy Adults. Antimicrobial Agents and Chemotherapy. 2013;57(12):6147-6153
  8. Griffin MP, et al. Safety, Tolerability, and Pharmacokinetics of MEDI8897, the Respiratory Syncytial Virus Prefusion F-Targeting Monoclonal Antibody with an Extended Half-Life, in Healthy Adults. Antimicrob Agents Chemother. 2017;61(3)
  9. Domachowske JB, et al. Safety, Tolerability and Pharmacokinetics of MEDI8897, an Extended Half-Life Single-Dose Respiratory Syncytial Virus Prefusion F-Targeting Monoclonal Antibody Administered as a Single Dose to Healthy Preterm Infants. Pediatr Infect Dis J. 2018;37(9):886-892
  10. van Erp, EA et al. Fc-Mediated Antibody Effector Functions During Respiratory Syncytial Virus Infection and Disease. Front Immunol. 2019;10(MAR)

Cover

เอาอยู่ทุกสไตล์! 5 แบรนด์ดังระดับโลก กับ ‘พีพี กฤษฏ์’ สายแฟตัวจริง

Alternative Textaccount_circle
Cover
Cover

หากพูดถึงคนที่มีสไตล์การแต่งตัวที่หลากหลาย โดดเด่น และสะดุดตา จะพลาดคน ๆ คนนี้ไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ ‘พีพี กฤษฏ์’ นักแสดงมากความสามารถอีกหนึ่งคน ที่ฝากผลงานการแสดงอันโด่งดัง ทั้งในไทยและโกอินเตอร์ไกลไปถึงต่างประเทศ ในบท ‘โอ้เอ๋ว’ จากซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ พร้อมผลงานเพลงยอดฮิตอย่าง I’ll Do It How You Like It ที่ถูกพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง เรียกได้ว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถมากจริง ๆ

นอกจากผลงานการแสดงและเพลงที่โด่งดังแล้ว สไตล์การแต่งตัวของเขาก็เป็นที่จับตามองมาโดยตลอด เรียกว่าเป็นคนที่เทสต์แฟชั่นดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยการ Mix & Match เสื้อผ้า เครื่องประดับ และรองเท้าที่ลงตัว สามารถดึงความโดดเด่นของแต่ละลุคที่ตัวเองสวมใส่ออกมาได้เป็นอย่างดี และยังสามารถแต่งตัวได้หลากหลายสไตล์ ทำให้มองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อแต่ยังสนุกกับการแต่งตัวของเขาไปด้วยทุกครั้ง วันนี้แพรวดอทคอมเลยรวม 5 ลุค จาก 5 แบรนด์ระดับโลกที่ พีพี กฤษฏ์ เลือกใส่มาให้ทุกคนได้ดู เป็นไอเดียในการแต่งตัวของเรากัน

เริ่มต้นกันด้วยลุคสุดเท่ จากแบรนด์ Celine ลุคนี้เป็นการแมทช์กันง่าย ๆ ระหว่างเสื้อกล้ามครอปกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสามส่วน แต่ความโดดเด่นอยู่ที่การโชว์ขอบ Underwear มีตัวพิมพ์อย่างคำว่า Celine ติดอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นแทรนด์ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ พร้อมสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลช่วยเพิ่มสีสันในลุคนี้ให้ไม่ดูจืดชืดจนเกินไป และยังทำให้เน้นดีเทลขอบ Underwear ให้ชัดขึ้นไปอีก ก่อนจะสวมรองเท้าบูทสุดเก๋ประดับด้วยคริสตัลเป็นชื่อแบรนด์บนขอบรองเท้าเพื่อคอมพลีทลุค

1

ลุคถัดมาเป็นลุคสบาย ๆ ดูอบอุ่น จากแบรนด์ Prada ที่โดดเด่นด้วยโทนสีสบายตาอย่างฟ้าพาสเทลของเสื้อไหมพรมดีไซน์คอวี แมทช์กับกางเกงผ้าไนลอนสีดำมีกิมมิคเป็นกระเป๋าสามเหลี่ยมตรงปลายกางเกง เพิ่มความแฟชั่นด้วยรองเท้าหนัง Loafers พร้อมถุงเท้ายาวสีดำ และสวมหมวกบักเก็ตยีนส์เป็นอันปิดลุค

2

ลุคที่สามกับแบรนด์ Louis Vuitton มาในยีนส์ทั้งตัวทั้งเสื้อแจ็คเก็ตและกางเกง ลูกเล่นของลุคนี้อยู่ที่ดีไซน์ยีนส์สองสี ที่ยืนพื้นด้วยสีดำและตัดด้วยสีน้ำเงินเข้ม มีดีเทลโบว์ที่เข้ามาเพิ่มความเก๋ และเพิ่มความแฟชั่นด้วยเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างแว่นตาและกระเป๋า Crossbody ทรงกล่องใบจิ๋ว

3

ลุคต่อมา จากแบรนด์ Valentino เป็นลุคที่มีความคุณหนู ผู้ดีสุด ๆ ด้วยการเลือกเสื้อสเวตเตอร์สีกรมสกรีนลายของแบรนด์มาสวมทับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับให้เห็นปกและปลายแขนเสื้อเชิ้ต ใส่คู่กับกางเกงยีนส์ขาบานสีน้ำเงินเข้ม ก่อนคาดเข็มขัดหนังหัวเข็มขัดเป็นสัญลักษณ์แบรนด์เพิ่มความโดดเด่นของลุค

4

และลุคสุดท้ายเป็นลุคที่มีความแฟชั่นสุดๆ คือ ลุคออลแบล็ค จากแบรนด์ Balenciaga เสื้อท็อปครอปแขนยาว เผยให้เห็นขอบ Underwear ที่สกรีนชื่อแบรนด์  ใส่คู่กับกางเกงยีนส์สีดำทรงข้าม้าตัวใหญ่ คาดเข็มขัดหนังสีดำ โดดเด่นด้วยหัวเข็มขัดสัญลักษณ์แบรนด์สีเงิน และเพิ่มความแฟชั่นเข้าไปอีกขั้นด้วยแว่นกันแดดทรง Rectangle และรองเท้าแตะคู่ใหญ่

5

พระเอกหล่อบอกต่อ! ชี้เป้า 3 ซีรีส์ 3 สัญชาติ แนวโรแมนติก ดูแล้วกระชุ่มกระชวยใจ

Alternative Textaccount_circle

เนื่องจากตอนนี้มีซีรีส์ทางฝั่งเอเชียสนุกๆ หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น ออกมาให้แฟนซีรีส์ได้ติดตามกัน ล่าสุดทาง MONOMAX เลยเอาใจเหล่าสาวๆ และคอซีรีส์มัดรวม 3 ซีรีส์ 3 สัญชาติ แนวโรแมนติก รวมถึงแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญ ส่งตรงลงจอให้ได้ชมกันแบบเต็มอิ่ม บอกเลยว่านอกจากตัวซีรีส์ดีและดังอยู่แล้ว เจอพระเอกของเรื่องเข้าไป จะทำให้ยิ่งจะถอนตัวไม่ขึ้น

พระเอกหล่อบอกต่อ! ชี้เป้า 3 ซีรีส์ 3 สัญชาติ แนวโรแมนติก ดูแล้วกระชุ่มกระชวยใจ

เปิดด้วยพระเอกจากซีรีส์จีนสุดฟิน  “หวังจื่ออี้”  จากไอดอลอดีตสมาชิกวง NINEPERCENT สู่นักแสดงชายจีนดาวรุ่ง จากเรื่อง  “บทเรียนรักฉบับนายเพลย์บอย Why Women Love” ในบท กู้เจียซิน ไฮโซหนุ่มหล่อที่ต้องมาเป็นกุนซือความรักให้นางเอกสาวผู้ไม่เคยมีรัก  ขอบอกเลยว่าความหล่อและความเท่ของ หวังจื่ออี้ เรื่องนี้ดีงามมากจนกระพริบตาไม่ได้ เรื่องราวความรักที่ค่อยๆ ก่อเกิดตัวขึ้นจะหวาน ฟิน จิ้น จิกหมอนขาดขนาดไหนไปตามดู ได้ที่ https://www.monomax.me/title/103871-why-woman-love.html

ต่อด้วยพระเอกสุดหล่อมาดนิ่งจากแดนกิมจิ  “จินกู”  การคัมแบคผลงานการแสดงในรอบ 3 ปี ในมินิซีรีส์เรื่อง “24 ชั่วโมง ลุ้นล่าฆาตกร A Superior Day” เรื่องราวสุดระทึก ในค่ำคืนอันเป็นฝันร้าย 24 ชั่วโมง ของชายคนหนึ่งที่พยายามจะจัดการฆาตกรต่อเนื่องที่อยู่ข้างห้องของเขา เพื่อช่วยชีวิตลูกสาวที่ถูกลักพาตัวไป ร่วมลุ้นระทึกการไล่ล่าในครั้งนี้ไปพร้อมกับรับชมความหล่อที่เย็นชาแต่แฝงด้วยความดุดัน ทาง https://www.monomax.me/title/103868-a-superior-day.html

ปิดท้ายด้วยหนุ่มหล่อละมุนฉายาคิวท์บอยนักแสดงแถวหน้าจากญี่ปุ่น “อิโต้ เคนทาโร่”   หรือ  นางาโอะ คันจิ จากซีรีส์ญี่ปุ่นสุดคลาสสิก “กลรักกรุงโตเกียว Tokyo Love Story”  เรื่องราวความรักที่ชวนปวดหัวของหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งในใจกลางมหานครโตเกียว ซึ่งสาวๆ ที่ได้ดูเรื่องนี้จะต้องโดนหนุ่มอิโต้ตกกันไปเป็นแถว ด้วยรอยยิ้มที่น่ารักบวกกับใบหน้าหล่อใสดูเป็นหนุ่มที่น่าทะนุถนอม โดยจะทำให้ยิ้มตามไม่หุบ รับชมทาง https://www.monomax.me/title/103852-tokyo-love-story.html

สาวๆ ที่อยากพิสูจน์ความหล่อของ 3 หนุ่ม อย่าพลาดซีรี่ส์ที่แนะนำนะคะ แล้วมากรี้ดไปด้วยกัน xoxo


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชาอึนอู

เบ้าหน้าฟ้าประทาน ชาอึนอู ทำให้ นักวาดการ์ตูน อยากลาออกจากงาน

Alternative Textaccount_circle
ชาอึนอู
ชาอึนอู

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากพูดถึง ชาอึนอู (Cha Eun Woo) นักแสดงและศิลปินหนุ่มเกาหลีใต้ ความหน้าตาดีของหนุ่มคนนี้มักตกเป็นประเด็นให้ใครๆ พูดถึงทุกที ไม่ว่าเป็น หนุ่มหล่อขั้นเทพ,เบ้าหน้าฟ้าประทาน,วิชวลของวง ASTRO,ใบหน้าที่หนุ่มๆ เกาหลีใต้อยากศัลยกรรมตามมากที่สุด ฯลฯ จนมีประโยคฮิตที่ว่า “ชาที่ดีที่สุดคือ ชาอึนอู” เรียกว่าแม้ว่าจะไม่ใช่แฟนคลับ แต่หลายคนก็ยังหลงใหลในความหล่อของหนุ่มคนนี้

ชาอึนอู

และเมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องเล่าที่ท้อนถึงความงามของหนุ่มคนนี้ออกมาอีกครั้ง โดย Joana นักเขียนเว็บตูนของเว็บไซต์ Naver ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้โดยเธอบอกว่า “เมื่อไม่นานมานี้เธอได้เข้าร่วมงานงานหนึ่งที่มีหนุ่มอึนอูมาร่วมงานด้วย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เห็นนักแสดงหนุ่มคนนี้กับตาตัวเอง โดยทันทีที่ศิลปินกลุ่ม ASTRO เข้ามาในงานทุกสายตาจับจ้องไปที่พวกเขา โดยเฉพาะอึนอูเป็นชายหนุ่มที่ดึงดูดใจมาก ความหล่อของเขาทำให้เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์จริงๆ และในเวลาต่อมาจึงรู้ว่าหนุ่มคนนี้ชื่อ ชาอึนอู”

อย่างไรก็ตามนักเขียนคนดังกล่าวยังบอกอีกว่า ดาราหนุ่ม ดูเหมือนตัวละครที่หลุดออกมาจาก Webtoon (แพลตฟอร์มการ์ตูนดิจิตอล) มันจะมีประโยชน์อะไรที่ Cha Eun Woo เดินไปทุกที่ด้วยหน้าตาแบบนั้น เขาเหมือนกับพระเอกที่ก้าวออกมาจากโลกการ์ตูน นั่นทำให้เธอรู้สึกอยากจะลาออกจากงาน

ชาอึนอู 001
ชาอึนอู 002
ชาอึนอู 002
ชาอึนอู 003
ชาอึนอู 004

ข้อมูลจาก : www.kdramastars.com

ลิซ่า-ลลิษา

ชัยชนะของ ลิซ่า-ลลิษา “ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์! แต่มันคือสิ่งที่เธอควรได้รับ!”

Alternative Textaccount_circle
ลิซ่า-ลลิษา
ลิซ่า-ลลิษา

แม้จะผ่านไปหลายวันแต่ก็เชื่อว่าชาว บลิ๊งค์ ยังคงไม่มูฟออนง่ายๆ สำหรับข่าวดีการได้รับรางวัลของ 4 สาว BLACKPINK ในงาน MTV Video Music Awards 2022 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยล่าสุด สถานีโทรทัศน์แห่งชาติของเกาหลีใต้ Arirang TV ได้มีการนำเสนอสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับเหล่าศิลปินที่โดดเด่นไปด้วยความสามารถ ซึ่งมีชื่อได้รับรางวัลในงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นวงBTS,วงSEVENTEEN รวมถึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ BLACKPINK ที่คว้ารางวัล Best Metaverse Performance จากเพลง Ready For Love และ รางวัล Best K-Pop จากเพลง LALISA ผลงานโซโล่เดบิวต์ของ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล

ลิซ่า-ลลิษา
ลิซ่า-ลลิษา 01

โดยในช่วงหนึ่ง “เบอร์นี่ โช” (Bernie Cho) ประธาน DFSB Kollective บริษัทเอเจนซี่เกาหลีใต้ที่เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ตลาดเพลงด้านการจัดจำหน่ายเพลงเคป๊อปทั่วโลก ได้พูดถึงความสำเร็จ ของ BLACKPINK ที่เกิดขึ้นงาน MTV Video Music Awards 2022 ว่า “การที่พวกเธอได้รับรางวัล Best Metaverse Performance เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก แม้การลงคะแนนจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ นั่นทำให้เห็นถึงพลังของ BLACKPINKที่มีอย่างมากมาย”

สำหรับในส่วนสองชัยชนะในตำนานของลิซ่า จากผลงานศิลปินเดี่ยว “LALISA” ประธาน“เบอร์นี่ โช” ผู้เคยออกมาเปิดเผยว่า อยากจะยกลิซ่าเป็นกรณีศึกษาเนื่องจากผลงานเดี่ยวในปี 2021 ของเธอประสบความสำเร็จอย่างสุดขีดในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าต้นสังกัดของเธอจะมีการโปรโมทน้อยมาก ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ไม่ควรแปลกใจเลยกับการที่ลิซ่าชนะรางวัลในหมวด Best K-POP อย่างที่ทราบกันลิซ่าเป็นไอดอลที่มีจำนวนผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากที่สุดถึง 81.5 ล้านคน ด้วยการโหวตเพียงไม่กี่ครั้งของแฟนๆ จำนวนที่มากมายรับประกันได้เลยว่าเธอจะชนะ”

“หากเรียก BLACKPINK เป็นเกิร์ลกรุปแห่งศตวรรษ ตัวลิซ่าเองก็เป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล เธอทำลายสถิติมากมายจากผลงาน “LALISA” และ “MONEY” ดังนั้นอย่างน้อยการชนะรางวัล “Best K-Pop” ก็สมเหตุสมผลดี ดังนั้นการที่เธอได้รับรางวัลจาก MTV Video Music Awards 2022 เป็นเพียงการพิสูจน์เพิ่มเติมว่าเธอเป็นที่รักและชื่นชมในฐานะศิลปินมากเพียงใด” “เบอร์นี่ โช” กล่าว

Jaspal Scholarship Program Cover

ยัสปาลเดินหน้ายกระดับวงการแฟชั่นไทยมอบทุนการศึกษาให้ นศ. แฟชั่นดีไซน์จาก 5 สถาบันในโครงการ Jaspal Scholarship Program

Jaspal Scholarship Program Cover
Jaspal Scholarship Program Cover

ติดปีกดีไซเนอร์คลื่นลูกใหม่ผ่านโครงการสนับสนุนแบบครบวงจรครั้งแรกของไทย!

บริษัท ยัสปาล จำกัด จัดพิธี มอบทุนการศึกษาให้แก่นิสิตนักศึกษาสาขาแฟชั่นดีไซน์ จำนวน 6 คน ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นในโครงการ Jaspal Scholarship Program นอกจากทุนการศึกษาทุนละ 200,000 บาท รวม 1,200,000 บาท แล้วน้อง ๆ ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ตรงในการฝึกงานกับแฟชั่นดีไซเนอร์มืออาชีพของแบรนด์ดังต่าง ๆ ในบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ผ่านโครงการ “Jaspal Designer Mentorship Program” โดยโครงการ Jaspal Scholarship Program นับเป็นโครงการเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ครั้งแรกของวงการแฟชั่นเมืองไทยที่มอบการสนับสนุนแบบครบวงจร ซึ่งครอบคลุมทั้งทุนการศึกษาในสถาบันที่สังกัดอยู่ไปจนถึงโอกาสการทำงานกับเหล่านักออกแบบมืออาชีพเพื่อปูพื้นฐานสู่การสร้างอาชีพการงานที่มั่นคงต่อไปในอนาคตมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการแฟชั่นไทย ผ่านการสนับสนุนดีไซเนอร์คลื่นลูกใหม่พร้อมสร้างเครือข่ายนักออกแบบไทยที่เข้มแข็งและขับเคลื่อนวงการแฟชั่นไทยให้ก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง

ยัสปาลเดินหน้ายกระดับวงการแฟชั่นไทยมอบทุนการศึกษาให้ นศ. แฟชั่นดีไซน์จาก 5 สถาบันในโครงการ Jaspal Scholarship Program

โดยนิสิตนักศึกษาทั้ง 6 คน ผู้ชนะทุนการศึกษาและได้รับโอกาสฝึกงานกับดีไซเนอร์แบรนด์ดังในบริษัทฯ ได้แก่

1. สร้อยธิดา สุดารักษ์ จากวิทยาลัยการออกแบบ สาขาวิชาแฟชั่นดีไซน์ มหาวิทยาลัยรังสิต

2. ณัฐณิชา ธรรมวาริน จากคณะมัณฑนศิลป์ สาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย มหาวิทยาลัยศิลปากร

3. ประภาพร ธิติโสตถิกุล จากคณะมัณฑนศิลป์ สาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย มหาวิทยาลัยศิลปากร

4. นนทพัทธ์ สีโสฬสสกุล จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

5.หทัยฉัตร องคสิงห์ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ

6. เสฏฐวุฒิ บุญลาภ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

คุณวิสิทธิ์ สิงห์สัจจเทศ — CEO บริษัท ยัสปาล จำกัด กล่าวในพิธีมอบทุนการศึกษาว่า “ยัสปาล ในฐานะบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยมายาวนานถึง 75 ปี เรามุ่งมั่นสร้างแบรนด์แฟชั่นที่เข้ามาเติมเต็มความสุขและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาโดยตลอด ยัสปาลเชื่อมั่นในความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมไอเดียที่แตกต่างและสดใหม่ เราจึงเดินหน้าสนับสนุนความสามารถของเหล่ายังก์ดีไซเนอร์ผ่านกิจกรรมหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงโครงการ Jaspal Scholarship Program ที่เราจัดขึ้นมาครั้งแรกในปีนี้ และเชื่อมั่นว่าโครงการฯ จะมอบทักษะและประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่หาไม่ได้จากห้องเรียน และเชื่อว่าน้อง ๆ จะสามารถนำองค์ความรู้ด้านการออกแบบแฟชั่นที่ยัสปาล ไปต่อยอดสู่เส้นทางการเป็นดีไซเนอร์ในอนาคต เพื่อร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่นของไทยให้เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน”

นางสาวหทัยฉัตร องคสิงห์ นักศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ Jaspal Scholarship Program กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจในตัวเองและเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้รับคัดเลือกจากบริษัทยัสปาลให้ได้รับทุนการศึกษา รวมถึงโอกาสอันดีจะได้ทำงานร่วมกับพี่ ๆ ดีไซเนอร์ ในบริษัทแฟชั่นชั้นนำที่มีชื่อเสียงโด่งดังแล้วก็ดีใจมาก ๆ ที่จะได้มีโอกาสลงสนามการทำงานออกแบบจริงเพื่อเรียนรู้การสร้างแบรนด์ สร้างคอลเลกชันกับเหล่าดีไซเนอร์มืออาชีพของบริษัทต่อไป”

นายเสฏฐวุฒิ บุญลาภ นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพกล่าวขอบคุณบริษัทยัสปาล จำกัด สำหรับโครงการสนับสนุนนักออกแบบรุ่นใหม่ที่ริเริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยนี้ว่า“ผมต้องขอบคุณยัสปาล ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาแฟชั่นดีไซน์ได้แสดงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ผมคิดว่าโครงการสนับสนุนแบบนี้ช่วยเปิดโอกาสสู่เส้นทางการเป็นดีไซเนอร์มืออาชีพของพวกเราได้และอยากให้มีกิจกรรมดี ๆ ในลักษณะนี้ต่อไปอีกทุกปีครับ”

คุณเควินทร์ สิงห์สัจจเทศ Brand Director บริษัท ยัสปาล จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการ Jaspal Scholarship Programกล่าวว่า “ผมเห็นถึงความตั้งใจของน้อง ๆ ทุกคนที่ได้รับทุนการศึกษา ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นมาเป็นดีไซเนอร์มืออาชีพและสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่ต่อไปโดย Jaspal Scholarship Program ถือเป็นโครงการที่จะเตรียมความพร้อมให้ดีไซเนอร์ดาวรุ่งด้วยหลักสูตรเข้มข้น น้อง ๆ สามารถนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาผสานกับการทำงานในวงการแฟชั่นจริง ๆ นอกจากทุนการศึกษาแล้ว เรายังมอบโอกาสการทำงานผ่านโครงการ Jaspal Designer Mentorship Program อีก 1 ปีหลังจบการศึกษา ซึ่งจะได้ศึกษางานจากดีไซเนอร์จากแบรนด์ดัง ๆ ในบริษัท ยัสปาลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วิธีการสร้าง Mood Board ไปจนถึงการพัฒนาคอลเลกชัน ทำให้เข้าใจองค์ประกอบการทำงานในธุรกิจแฟชั่นได้อย่างถ่องแท้ เพื่อสร้างนักออกแบบที่เปี่ยมศักยภาพประดับวงการแฟชั่นเมืองไทยต่อไป

กงฮโยจิน

ออร่าเจ้าสาวจับ กงฮโยจิน สวย สดใส ฉลองฤดูร้อนแบบฉบับ Piaget

account_circle
กงฮโยจิน
กงฮโยจิน

ออร่าเจ้าสาวจริงๆ สำหรับ กงฮโยจิน นักแสดงตัวท็อปฝั่งเกาหลี ที่พ่วงตำแหน่ง Piaget แบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กับแฟชั่นแคมเปญล่าสุดเพื่อเฉลิมฉลองฤดูร้อนที่สดใสในแบบฉบับของเพียเจต์

ออร่าเจ้าสาวจับ กงฮโยจิน สวย สดใส ฉลองฤดูร้อนแบบฉบับ Piaget

นักแสดงสาวเกาหลี กงฮโยจินปรากฏตัวในภาพและวิดีโอแคมเปญชุดใหม่ด้วยอิริยาบทสบายๆ บนเก้าอี้ชายหาดคัลเลอร์ฟูล ภายใต้แสงอาทิตย์ที่จัดจ้าน ชายหาดผืนกว้าง และทะเลสีฟ้าใส

โดยเธอเลือกคอมพลีตลุคด้วยการมิกซ์เครื่องประดับจากคอลเล็คชั่น Possession เข้าด้วยกันอย่างทันสมัย อาทิ แหวนหลากดีไซน์ที่แมตช์กับตุ้มหูไวท์โกลด์ และ โรสโกลด์ เรือนเวลาสายหนังจระเข้สีแดง ไปจนถึงสร้อยคอคอลเลคชั่น Sunlight ที่หยิบมาเลเยอร์กับสายสร้อยเส้นยาวจาก Possession ได้อย่างลงตัว

ในฐานะนักแสดง นักเขียน นักออกแบบ และแฟชั่นไอคอน กงโฮยจินเรียกได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงจำนวนมากในเกาหลีและทั่วโลก

ขณะที่ล่าสุด Management SOOP ต้นสังกัดของ “กงฮโยจิน” ได้ออกมายืนยันว่านักแสดงสาวจะเข้าพิธีแต่งงานในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมที่ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งงานจะจัดขึ้นแบบเป็นการภายใน มีครอบครัว ญาติ และคนสนิทเข้าร่วมพิธีเท่านั้น และอยากจะให้ทุกคนอวยพรให้กับทั้งคู่ในการเริ่มต้นชีวิตด้วยกัน


เรื่อง : Nitcha,Snowblack

โจ ธนจักร สินรัชตานันท์

เปิดวาร์ป! ว่าที่คุณหมอหนุ่มหล่อ “โจ-ธนจักร” ลูกพี่ลูกน้องของ “มิว-นิษฐา”

Alternative Textaccount_circle
โจ ธนจักร สินรัชตานันท์
โจ ธนจักร สินรัชตานันท์

ว่าที่คุณหมอ “โจ-ธนจักร สินรัชตานันท์” ลูกพี่ลูกน้องของ “มิว-นิษฐา” ที่หลังเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์จาก University of British Columbia ก็กลับมาช่วยดูแลธีรพลคลินิกของคุณพ่อ นพ.ชลทิศ สินรัชตานันท์ คุณหมอศัลยกรรมความงามอันดับต้นของเมืองไทย ควบคู่ไปกับการเรียนแพทย์ที่จุฬาฯ หนุ่มคนนี้มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้งนักกีฬากังฟู นักมายากล บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ แถมยังเคยชิมงานละครด้วย เรียกว่าเก่งครบเครื่องจริงๆ

เปิดวาร์ป! ว่าที่คุณหมอหนุ่มหล่อ “โจ-ธนจักร” ลูกพี่ลูกน้องของ “มิว-นิษฐา”

ทำไมเก่งหลายอย่างจังเลยคะ

(ยิ้ม) “ผมชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาน่ะ อย่างความสนใจในสายวิทยาศาสตร์อาจมาจากสมัยเด็ก คุณป้าชอบปลูกต้นไม้ แล้วท่านอธิบายเรื่องราวของแต่ละ ต้นให้ฟังว่ามันเติบโตยังไง ทำให้ผมอินกับเรื่องชีววิทยา โดยไม่รู้ตัว ตอนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็รู้ว่าตัวเอง ต้องมาทางสายชีวะแน่ๆ ซึ่งปกติชีวะจะแบ่งเป็นสองสาย คือด้านสุขภาพกับสิ่งแวดล้อม ใจผมเทมาอย่างหลัง จึงเลือกเรียนที่ University of British Columbia ประเทศแคนาดา ซึ่งเด่นเรื่องนี้

“พอเข้าไปเรียนจริงๆ จึงรู้ว่าสาขานี้เรียนไม่ลึก แต่ต้องรู้รอบด้าน ทั้งเรื่องพืช ระบบนิเวศ ดิน ภูมิศาสตร์ สัตว์ มีแตะเคมีเล็กน้อย ไปจนถึงเศรษฐศาสตร์ ต้องศึกษาการบริหารจัดการ ไปจนถึงสังคมวิทยา และจิตวิทยาด้วย สำหรับคนที่เรียนจบสาขานี้ ต่อไป อาจเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย แต่สำหรับผมแค่ อยากเรียนให้ได้ความรู้ เพราะทุกวันนี้สิ่งแวดล้อมเป็น สิ่งสำคัญ”

มีประเด็นสิ่งแวดล้อมเรื่องไหนที่สนใจเป็นพิเศษไหมคะ

“ที่ผมติดใจคือความจริงประเทศเรามีระบบนิเวศ ที่สมบูรณ์ ทั้งเรื่องความเหมาะสมทางสภาพอากาศ ดิน ต้นไม้ เรียกว่าแคนาดายังสมบูรณ์ไม่เท่า แต่สิ่งที่เขาเด่น กว่าคือระเบียบในการจัดการสิ่งแวดล้อมที่เขาทำได้ ค่อนข้างดี ซึ่งถ้ามองย้อนกลับมาที่บ้านเรา มีหลายเรื่อง ที่ผมรู้สึกเสียดาย อย่างคลองในกรุงเทพฯที่จริงเป็นเสน่ห์ ของเมืองไทย แต่ไม่ได้มีการรักษาให้ยั่งยืน โดนถมเป็น ถนนไปมาก ถ้ามีการจัดการที่ดี สิ่งแวดล้อมจะดีตาม”

โจ ธนจักร สินรัชตานันท์

ถัดจากเรื่องวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องอะไรคะ

“กังฟูครับ (ยิ้ม) ผมเริ่มเรียนกังฟูมาตั้งแต่ ป.6 เพราะชอบออกกำลังกาย แล้วได้เจอกับเหล่าซือท่านหนึ่ง มาจากวัดเส้าหลิน ต้องเล่าก่อนว่าผมกับคุณย่าชอบดูหนัง ที่เฉินหลงแสดง พอมีโอกาสเรียนจึงอินมาก ฝึกมาเรื่อยๆ

“กระทั่งช่วง ม.ปลายผมย้ายไปเรียนที่สิงคโปร์ ก็ได้ เป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งกีฬากังฟูที่นั่น ทั้งในประเทศและ นอกประเทศ อย่างมาเลเซีย เวียดนาม แมตช์ที่ถือว่าโหด สำหรับผมคือตอนที่แข่งกับมาเลเซีย ตอนนั้นคู่แข่งเก่ง กว่ามาก ผมจึงซ้อมหนัก ซึ่งที่จริงกีฬาชนิดนี้ซ้อมหนัก ไม่ได้ เพราะร่างกายจะพัง ตอนไปแข่งก็ลุ้นมากว่าจะ ชนะไหม สุดท้ายก็ได้เหรียญเงินกลับมา ดีใจมากครับ

“ทุกวันนี้ผมก็ยังเล่นกังฟูอยู่นะ ชอบในความเป็น กีฬาที่ได้ใช้ร่างกายทุกส่วน ต้องฝึกทั้งความแข็งแกร่ง ความ ยืดหยุ่น เพื่อนผมหลายคนก็มาขอให้ผมสอนให้”

แล้วนักมายากลกับบาร์เทนเดอร์ล่ะคะ

“เกิดขึ้นตอนไปเรียนที่แคนาดาครับ ได้เปิดหูเปิดตา หลายด้าน รวมถึงเรื่องมายากลและการเป็นบาร์เทนเดอร์ ต้องเล่าย้อนนิดหนึ่งว่าผมสนใจเรื่องมายากลตั้งแต่ เรียนมัธยม จุดเริ่มต้นคืออยากแกล้งเพื่อน จึงหาทริค ง่ายๆ จากยูทูบ กะจะอำให้เพื่อนตกใจ โดยพับกระดาษ วางไว้แล้วทำท่ายิงปืน ทำให้กระดาษล้ม ปรากฏว่าเพื่อน ไม่ได้ตกใจ แต่ทึ่งว่าเราทำได้ ผมจำโมเมนต์นั้นได้เลยว่า ชอบฟีดแบ็กที่ผู้คนทึ่ง คือไม่ได้รู้สึกเท่หรอก แต่รู้สึกดี ที่เขาอึ้ง

“พอไปอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ที่นั่นเล่นกลกันเยอะ นิยมจ้างนักมายากลไปเล่นตามปาร์ตี้ งานแฟร์ต่างๆ ผมก็เริ่มเล่นกับเพื่อน 4-5 คนในมหาวิทยาลัย ฝึกจากคลิปใน ยูทูบ ตั้งแต่ทริคเบสิกทั่วไป กับซื้อหนังสือมาอ่าน ซึ่ง เล่มหนามาก เหมือนตำราเรียนแพทย์เลยครับ เพราะ มายากลเป็นศาสตร์ที่มีมากว่าพันปีแล้ว นอกจากนี้ผมก็หา นักมายากลเก่งๆ มาสอนให้ ไม่ได้จ้างเขานะ คือวงการนี้ ค่อนข้างแคบ รู้จักกันหมด ก็ใช้วิธีไปตีซี้ ชวนเขากินข้าว คุยกันเรื่องมายากล บางครั้งคุยติดลม ผมเคยถึงขั้นหอบ กระเป๋าไปนอนกับเขาก็มี ซึ่งเขาก็ค่อยๆ สอนให้ แล้วแต่คน ว่าใครจะยอมถ่ายทอดให้ขนาดไหน บางคนปล่อยหมด บางคนก็เก็บทริคที่เขาต้องใช้ทำมาหากิน ซึ่ง ผมว่าศาสตร์นี้เรียนกันไม่มีวันจบหรอก เพราะมีทริคใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ

“หลังจากพอมีความรู้ ผมกับเพื่อนก็ก่อตั้งสมาคมมายากลขึ้นเป็นครั้งแรกในมหาวิทยาลัยเลยครับ ตอนนั้นได้รับความสนใจเยอะมาก พอมีงานปาร์ตี้เขาก็ชวนพวกผมไปเล่น ช่วงแรกฟรี ตอนหลังผม ทดลองเก็บเงิน เขาก็จ่าย จนเริ่มได้ลูกค้าวงกว้าง เช่น ไปเล่นตามงานออฟฟิศ จนถึงงานใหญ่อย่าง งานสภากาชาดที่แวนคูเวอร์

“ประสบการณ์ที่ผมชอบมากคือได้ไปแสดงที่สมาคมของนักเรียนจีนที่แคนาดา เป็นสมาคมใหญ่ ในมหาวิทยาลัย สนุกตรงที่ผมรู้จักกับเพื่อนหลายคนที่นั่น พอขึ้นเวทีทุกคนคุ้นหน้าเราอยู่แล้ว ดูไป ก็หยอกกันไป คุยกันเฮฮาดีครับ”

โจ ธนจักร สินรัชตานันท์

เวลาแสดงมายากล ขึ้นโชว์เดี่ยวหรือมีทีมด้วยคะ

“แล้วแต่โจทย์เลยครับ การเล่นมายากลมี 2 แบบ คือ Close up ที่ให้นักมายากลเดินไปทั่วงาน ถ้าเจอลูกค้าคนไหนยืนว่างๆ เราก็เข้าไปเล่นโชว์ให้ดู ซึ่งงานสภากาชาดเป็นแบบนี้ กับอีกแบบคือแสดง บนเวที มักเป็นงานแต่งงานหรือคอนเสิร์ต ซึ่งผมชอบการแสดงบนเวทีมากกว่า สนุกกว่า เล่น รอบเดียวจบ บวกกับคนดูเยอะ ประมาณ 50-300 คน”

เคยคิดการแสดงเองด้วยไหมคะ

“ยังครับ นักมายากลมี 2 สาย คือคิดมายากลเอง เล่นเอง กับสายที่เน้นการแสดง โดยมีทีม คิดให้ ผมถนัดอย่างหลัง คือเราแสดงไป โดยมีคนช่วยคิด หรือบางครั้งถ้าเราชอบทริคไหนมากๆ ก็ขอซื้อ ลิขสิทธิ์จากเขามาเล่น”

เคยพลาดบ้างไหม

“บ่อยครับ ถือเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเวลาผิดห้ามแสดงออก ต้องเนียนๆ ไป เป็นอีกทักษะที่ ต้องหัดเลยนะ กับเวลาเจอคนดูสายโหด ที่ในวงการเรียกผู้ชมประเภทนี้ว่า Tough Cookie คือคุกกี้ ชิ้นนี้แข็งมากเลย เคี้ยวไม่ลง ไม่ว่าเราแสดงอะไรไป เขาก็ไม่รับ นักมายากลจะต้องหัวไว สำหรับผมไม่มีเทคนิครับมือตายตัว ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

“ที่เคยเจอคือคนดูตื๊อไม่เลิก คอยพูดว่าเมื่อกี้ยูทำอย่างนี้เหรอ บางคนเอามือเข้ามาล้วง รุกล้ำ พื้นที่ส่วนตัว ช่วงแรกที่เพิ่งแสดง เจอแบบนี้ก็หัวร้อนเหมือนกัน แต่แสดงออกไม่ได้ ต้องเป็นมืออาชีพ คือไม่สนใจเขา เล่นให้จบแล้วหนีออกมา ซึ่งถ้าเล่นไปนานๆ เราจะเดาออกได้เลยว่าคนดูคนไหน ที่มีแนวโน้มจะเป็นแบบนี้ ทางที่ดีที่สุดคืออย่าปะทะ”

ทุกวันนี้ยังเล่นมายากลอยู่หรือเปล่าคะ

“น้อยลงแล้วครับ มีเล่นให้เพื่อนๆ ดูบ้าง ไม่ได้รับเป็นงานเหมือนสมัยอยู่แคนาดา แต่ผมยัง ศึกษาวิธีการเล่นมายากลอยู่เรื่อยๆ นักมายากลที่ผมชอบคือเดวิด คอปเปอร์ฟีลด์ เขาเก่งในเรื่อง ทักษะและแสดงเก่ง อีกคนคือหลิวเชียน คนนี้ทั้งแสดงเก่งและหยอกล้อกับคนดูเก่งมากครับ”

โจ ธนจักร สินรัชตานันท์

มาถึงเรื่องบาร์เทนเดอร์บ้าง

“จุดเกิดเหตุคือตอนผมเรียนปี 2 ครับ (หัวเราะ) เพื่อนชอบวานให้ไปซื้อเครื่องดื่มสำหรับปาร์ตี้ ปัญหาของผมคือพอเข้าไปในร้านแล้วงงมาก เพราะเหล้ามี หลากหลายชนิด เลือกไม่ถูกว่าควรซื้ออะไร ตัดสินใจเข้าคอร์ส เรียนเลยว่ามีกี่แบบ ได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ไม่เป็นไร อย่างน้อย มีความรู้ติดตัว ซึ่งพอได้เรียนจริงๆ ก็ต้องบอกว่าตกหลุมรัก

“ความน่าสนใจคือเหล้าแต่ละชนิดมีวัตถุดิบต่างกัน พอ นำมาผสมจะได้รสชาติที่ต่างกัน ไม่ตายตัว อีกเรื่องที่ผมชอบ คือวัตถุดิบของเหล้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเตกีลา รัม มาจาก พืชทั้งหมด ซึ่งวกกลับไปถึงความสนใจของผมที่มีต่อพืช ตอนนั้นผมซื้อหนังสือ The Drunken Botanist มาอ่าน ผู้เขียน บอกว่าเหล้าแต่ละประเภททำมาจากอะไร พืชชนิดไหน อ่าน เพลินเลย

“อีกสิ่งที่สนุกคือลีลาในการชง เพราะสุดท้ายรสชาติขึ้นอยู่ กับลูกค้าว่าชอบแบบไหน แต่ลีลาน่ะมากมาย แทนที่จะหยิบช้อนเฉยๆ อาจมีท่าควงนู่นนี่ ซึ่งยากมาก ที่เล่านี่ผมยังทำไม่ได้นะ (หัวเราะ) หลังจากเทคคอร์สที่แคนาดาสั้นๆ ช่วงปิดเทอมปี 2 ผมได้กลับมาอยู่เมืองไทย 3-4 เดือน ก็ไปลองเป็นบาร์เทนเดอร์ ที่ The House Club โรงแรม W Hotel ตอนนั้นเห่อ อยากลอง ความรู้ที่เรียนมา สิ่งที่ผมชอบที่สุดจากการเป็นบาร์เทนเดอร์คือ ได้พูดคุยกับลูกค้า เพราะบรรยากาศของบาร์คือผู้คนรีแล็กซ์ ไม่ว่า คุณจะอยู่สถานะอะไร ลูกน้อง หัวหน้า ฯลฯ มันถูกละลาย ไปหมด ทุกคนสามารถเป็นเพื่อนกันได้”

บาร์เทนเดอร์โจมีสูตรเด็ดที่ใครชิมก็ชมไหมคะ

“สูตรพีน่าโคลาดาครับ ผมได้มาจากเม็กซิโก ใช้น้ำมัน มะพร้าว เหล้ารัม สับปะรด ผสมกะทิเล็กน้อย อร่อยมาก”

แล้วเรื่องเรียนล่ะคะ จบกลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่

“ผมกลับมาประมาณ 3 ปีที่แล้วครับ ตอนนี้กำลังเรียนต่อ แพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเรียนทั้งหมด 6 ปี ผมเหลือเรียน อีก 3 ปีก็จะจบออกมาเป็นหมอเลย คือนอกจากได้ความรู้ ยังเอามาปรับใช้กับธุรกิจของครอบครัวซึ่งเป็นคลินิกศัลยกรรม ด้วย

“ผมเรียนพร้อมกับทำงานที่บ้านไปด้วย เช่น ต้อนรับ แขกวีไอพีที่มาใช้บริการ ทำงานร่วมกับทีมขาย ตั้งแต่การบริหาร หน้างานจนถึงหลังใช้บริการ ดูว่าลูกค้าอยากทำโปรแกรมอะไร แล้วคอยให้คำแนะนำเบื้องต้น เลือกแพทย์ตามความเหมาะสม

“แม้จะเป็นธุรกิจของครอบครัว แต่ก็มีความยากและท้าทาย อุปสรรคของการทำธุรกิจครอบครัวคือความคิดเห็นไม่ตรงกัน อย่างเรื่องมาร์เก็ตติ้งสมัยคุณพ่ออาจใช้ไม่ได้ในยุคนี้ บวกกับสื่อ เทคโนโลยี พฤติกรรมของผู้บริโภคแตกต่างไป ก็ต้องปรับตัว บวกกับเดี๋ยวนี้มีคลินิกศัลยกรรมมากมาย ซึ่งผมคิดว่าวงการ ศัลยกรรมจะอยู่ได้ก็ด้วยฝีมือของหมอและความศรัทธาของลูกค้า สำหรับคลินิกเรานับว่าโชคดีที่ได้รับความไว้วางใจเยอะ”

นอกจากสายธุรกิจ ทราบว่าโจเคยลองงานบันเทิงมาบ้าง

“ใช่ครับ มีพี่ๆ ชวนผมให้ไปลองถ่ายโฆษณา ล่าสุดได้ รับเชิญให้รับบทเป็นแม็กกี้ในเรื่อง ให้รักพิพากษา ก็สนุกดี นะครับ คือเป็นศาสตร์การแสดงที่คล้ายมายากล ถ้าในอนาคต มีโอกาสเข้ามาอีก ผมก็อยากจะลองทำดูครับ”

ปรึกษาพี่มิวบ้างไหมคะ

“พี่มิวเคยพาผมไปช่อง 3 พร้อมกับให้คำแนะนำเรื่องการวางตัว เช่น อย่าทำอะไรเสียหาย แต่ ส่วนใหญ่เราคุยเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องงานครับ เราเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณพ่อของพี่มิวเป็นน้องชาย ของคุณแม่ผม ผมอายุห่างกับพี่มิวไม่เกิน 5 ปี เริ่มมาสนิทและแฮ้งเอ๊าต์กันตอนโตแล้ว เรื่องที่พูดคุย กันตอนนี้ก็จะมีเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องแฟน เราจะถามในฐานะที่เขาโตกว่าและได้มุมมองของความเป็น ผู้หญิงครับ ที่จะเจอเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยก็เวลาไปทริปครอบครัว

“เป็นธรรมเนียมของบ้านเราที่จะจัดทริปใหญ่พาอาม่าไปเที่ยวปีละครั้ง มีผมกับพี่มิวและลูกพี่ลูกน้อง คนอื่นซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 สมัยเด็กเราต้องไปกับคุณพ่อคุณแม่ พอพวกเราโตขึ้นก็จัดทริปไปเที่ยว กันเองได้แล้ว เช่น ไปเกาหลี ไต้หวัน อย่างตอนที่ผมเรียนอยู่แคนาดา พี่มิวต้องบินไปทำงานที่แอลเอ พวกเราญาติๆ ก็จะนัดเจอกันที่แอลเอครับ เป็นทริปสนุกๆ ตามประสาเด็กวัยรุ่น ส่วนใหญ่คือนั่งเมาท์กัน ในโรงแรม เรียกว่าเมาท์ไปได้เรื่อยๆ ทุกเรื่องครับ

“ถ้าอยู่ที่เมืองไทย ญาติๆ มักจะชอบมารวมตัวกันที่คอนโดผม เพราะมีบาร์ไว้ชงเครื่องดื่มเสิร์ฟให้ ทุกคน บางครั้งก็เล่นมายากลโชว์ด้วย หรืออย่างน้องชายผมเป็นสายนักดนตรี ก็จะจัดงานสังสรรค์ เฮฮาเป็นประจำ“แต่ช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด ผมกับพี่มิวไม่ได้เจอกันเลยครับ พอพี่มิวท้อง เราก็เป็นห่วง ความปลอดภัย หรืออย่างอาม่าเองก็อายุมากแล้ว จึงยังไม่ได้มีโอกาสรวมญาติ ผมยังไม่มีโอกาสเจอ น้องมารินตัวจริงเลย เห็นผ่านออนไลน์อย่างเดียว คุยกันทางไลน์ตลอด คอยอัพเดตกันเรื่อยๆ ครับ”

สำหรับโจ พี่มิวเป็นอย่างไร

“ช่วงที่พี่มิวเข้าวงการบันเทิง ผมไปเรียนที่แคนาดาแล้ว เริ่มเห็นพี่มิวเป็นนางเอกเอ็มวี จากนั้นก็ เป็นนางเอกละคร พี่มิวขยันและตั้งใจมาก ผมว่านิสัยเขามีเสน่ห์ บวกกับหน้าตาสวย แล้วมีทักษะเรื่อง การแสดงด้วย จึงไม่แปลกใจเลยที่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้”

โจมองอนาคตไว้ยังไง หรือมีอะไรที่อยากเรียนเพิ่มเติมอีกไหมคะ

“สิ่งที่อยากจะเรียนรู้เพิ่มเติมในอนาคตคือโหงวเฮ้งครับ ผมว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของโหราศาสตร์ แต่มีหลักการอย่างอื่นเข้ามาผสมด้วย ผมชอบศาสตร์ของตะวันออกนะ ซึ่งหลายๆ อย่างก็ค่อนข้างตรง ตอนนี้กำลังเริ่มศึกษาอยู่

“แต่ถ้าเป็นภาพรวมของชีวิต ผมไม่มองยาวๆ เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน จะมองแค่ 3-5 ปีข้างหน้า หน้าที่หลักก็ยังคงเป็นเรื่องเรียน ส่วนงานด้านอื่นๆ ถ้ามีโอกาสเข้ามา ผมก็อยากจะคว้าไว้ พยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ครับ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 978

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

รู้จักสาวเก่ง “เพชร-ศสิพร อำนวยเดชกร” พี่สาวที่แสนดีของ “พีพี-กฤษฏ์”

งานดีไม่แพ้น้องชาย! คุยลึกถึงตัวตน “แบงค์-ชินดนัย ภูวกุล” พี่ชายแบมแบม

แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ ถอดบทเรียนวิธีคิดผิดๆ จนทำให้เผชิญวิกฤต โรคแพนิค

‘หากแอบรักเจ้านาย วันนี้ก็แอบไปก่อน เพราะมีดวงว่าของแซ่บจะมาถึงในเร็ววัน’ ดวงรายวัน 1 กันยายน 2565

‘หากแอบรักเจ้านาย วันนี้ก็แอบไปก่อน เพราะมีดวงว่าของแซ่บจะมาถึงในเร็ววัน! ‘
ดวงรายวัน 31 สิงหาคม 2565

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายเอ็นเทอร์เทน เช่น นักร้อง นักดนตรี พิธีกร สถานบันเทิง เครื่องดื่ม ฯลฯ หากคุณมีการเสนองานหรือโครงการอะไรไปแล้ว หรือกำลังจะเสนอ เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะยังไม่ผ่านการพิจารณาโดยง่าย ยังคาราคาซัง ก็อย่าเพิ่งใจร้อน โวยวายหรือเรียกร้องใดๆ เพราะเดี๋ยวจะมีผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ตัวท้อปมาร่วมเป็นทีมงานคอยให้คำปรึกษา

การเงิน  :  ร้อนๆ มีรายจ่ายเข้ามาทุกช่องทาง คุณจึงพยายามหารายได้จากทุกช่องทางเหมือนกัน รวมถึงจากงานสีเทา หรือธุรกิจที่ซ่อนเร้นไม่เปิดเผย ซึ่งวันนี้คาดว่าจะได้มาจากแรงส่งเสริมของทีมงานและผู้บังคับบัญชา   

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าคุณจะหลงกับบางสิ่งบางอย่าง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งวันนี้คาดว่าน่าจะเป็นสถานบันเทิง ก็ต้องระวังจะถูกทั้งผู้ใหญ่ รวมถึงคู่ของคุณเข้าใจผิดได้ คนโสด   หากคุณกำลังหลงอยู่กับแสงสีมายา วันนี้มีโอกาสที่คุณจะเก็บกระเป๋าตามเขาไป แต่ก็เป็นไปได้ว่าผู้ใหญ่จะไปตามกลับมา

สุขภาพ  :   มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาในช่องปากและระบบทางเดินหายใจ  ซึ่งอาจเป็นปัญหารุกรานไปถึงระบบทางเดินอาหาร

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านติดต่อสื่อสาร โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน  รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา เป็นไปได้ว่าคุณจะบุกเบิกงานใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานประจำเลย แต่มีความท้าทายและแข่งขันสูง เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวกับงานทางน้ำ หรือการแพทย์อย่างไรก็ตามความสำเร็จของคุณไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ ต้องแลกด้วยพลังกายพลังใจที่แรงกล้า  

การเงิน  :   คุณมีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงด้วยวาสนาและบารมีของคุณ แต่วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะหมดเงินเพราะช่วยเหลือคนรัก หรือความรักจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก  :   หากคุณเพิ่งแต่งงานอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน จริงๆ แล้วคู่คุณก็ให้เกียรติและยอมรับคุณกับครอบครัวเขาอย่างดี แต่วันนี้คาดว่าคุณจะรู้สึกไม่มั่นคง ด้วยการนำชีวิตคู่ของคุณไปเปรียบเทียบกับคู่อื่นๆ คนโสด  คุณกำลังตกหลุมรักเจ้านายหรือรุ่นน้องที่ทำงานอยู่หรือเปล่า หากใช่ก็ค่อยๆ ดูกันไป อย่าเพิ่งรีบตกลงปลงใจ เพราะคุณมีโอกาสพลาดของดีของแซ่บที่จะมาถึงในเร็ววันนี้ก็ได้

สุขภาพ  :   จริงๆ แล้วคุณดูแลรักษาสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องระวังอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในเวลาที่คุณประมาท ซึ่งวันนี้มีโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บที่กระดูกและฟันได้นะคะ ต้องระวัง   

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางศิลปะ ศิลปิน ความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับศาสนา สายบุญ สายธรรมะ สาย CSR เพื่อสังคม หากธุรกิจหรืองานคุณกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี วันนี้หากจะให้ดีควรเตรียมแผนสำรองไว้หน่อย เพราะมีโอกาสที่คุณจะเซอร์ไพร์สจนไปไม่ถูก แต่ก็ต้องรีบหาทางออกให้กับตัวเองอย่างรีบด่วนที่สุด

การเงิน  : หากเคยหมุนเวียนคล่องตัวไม่ติดชัด ครอบครัวก็ให้ความอุปถัมภ์ดีมาตลอด วันนี้เป็นไปได้ว่าจะมีเรื่องให้เงินเข้ามือขวาออกมือซ้ายอยู่ตลอดเวลา

ความรัก :   หากคุณเคยเป็นผู้นำในบ้าน ดูแลทั้งงานบ้านและงานนอกบ้านอย่างไม่มีที่ติ ซึ่งผู้ใหญ่ในครอบครัวก็แฮปปี้กับคุณอย่างดี แต่วันนี้มีโอกาสที่คุณจะไปหลงใหลคลั่งไคล้กับคนบางคนจนเป๋ไปได้ คนโสด   คุณมีเสน่ห์มากนะคะ ยิ่งวันนี้คุณมีดวงที่จะหลงใหลใฝ่ฝันกับใครง่ายๆ ด้วยสิ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ใหญ่ที่จะเป็นด่านคอยคัดสรรให้

สุขภาพ  :  หากกำลังเอ็นจอยกับการรับประทานจนน้ำหนักเริ่มขึ้น ก็ต้องระวังอวัยวะพวกขา เข่า และข้อต่างๆ ที่จะมีปัญหากับการรองรับน้ำหนักตัวที่มากขึ้น รวมถึงโรคต่างๆ เช่นเก๊า อัมพฤกษ์ จนถึงอัมพาต

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน การเงินการธนาคาร ระบบสาธารณสุข การแพทย์ ฯลฯ เป็นไปได้ว่าคุณจะถูกกลั่นแกล้งถูกแทงข้างหลัง จนทำให้คุณถูกลดบทบาทความสำคัญ หรือเพื่อนร่วมใจคู่บารมีมีโอกาสที่จะลาออกไปโดยไม่บอกกล่าวกันก่อนล่วงหน้า แล้ววันนี้ไม่ว่าคุณจะเรียกร้องหรือร้องเรียน ขอความเห็นใจใดๆ ก็ไม่มีความหมาย  

การเงิน  :   มีดวงถูกขัดผลประโยขน์ ต้องเสียรู้และเสียเงินอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ให้กับคนรัก หรือคนใกล้ชิด จึงไม่ควรหลงเชื่อคำพูดที่มีหลักการและเหตุผล เพราะคุณจะตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าจะยังมีปัญหามือที่สามเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตคู่ของคุณอยู่ แล้ววันนี้ไม่ว่าคุณพยายามจะร้องขอความเห็นใจเพียงไร แต่เขาก็ไม่สนใจ   คนโสด   หากวันนี้คุณกำลังแอบรักใครอยู่ เป็นไปได้ว่าคุณกำลังพยายามเป็นมือที่สาม เพราะเขามีเจ้าของแล้ว

สุขภาพ  :  จริงๆ แล้วคุณมีสุขภาพแข็งแรงจึงไม่ค่อยใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองมากนัก แต่วันนี้สิ่งที่คุณต้องดูแลอย่างดีคือ สุขภาพจิต ที่จะอ่อนไหวเปราะบางกับปัญหาต่างๆ เป็นไปได้ว่าจะเครียดมากถึงเครียดที่สุด

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :    สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายบันเทิงเริงรมย์ ศิลปะ ศิลปิน ความคิดสร้างสรรค์ ความสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำองค์กร CEO ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เจ้าของธุรกิจ ฯลฯ  จริงๆ แล้วคุณเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกายพลังใจที่จะนำพาองค์ไปสู่ความสำเร็จ ยิ่งวันนี้ยิ่งเพิ่มความคิดและจินตนาการเข้าไปอีก ดังนั้น คุณจึงคาดหวังความสำเร็จไว้สูงมากและทุ่มเททำงานอย่างไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว  

การเงิน  :   คุณสามารถใช้เงินทำงานสร้างรายได้ที่สูงให้กับตัวเองได้ แต่วันนี้ต้องระวังเรื่องการลงทุน พวกเซ็นสัญญา การค้ำประกัน เพราะมีโอกาสที่คุณจะถูกมิจฉาชีพหลอกได้

ความรัก :   คุณค่อนข้างซีเรียส จริงจังไปเสียทุกเรื่อง โดยเฉพาะกับเรื่องคู่ชีวิตหากอยู่ด้วยกันมายาวนานแล้วล่ะก็ วันนี้คุณอาจเริ่มคิดสองจิตสองใจแล้วว่า จะอยู่คนเดียวดีไหม คนโสด  มีโอกาสได้พบกับแฟนเก่า หรือติดต่อกลับมา ซึ่งหากไปๆ กลับๆ ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง คราวนี้ก็ไม่น่าจะคลาดกันแล้วล่ะ

สุขภาพ  :   ควรให้ความสำคัญกับการขับถ่ายบ้าง ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย หากติดเชื้อรุนแรงเป็นไปได้ว่าจะเข้าสู่กระแสเลือด

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน และงานส่งเสริมการขายทุกชนิด เป็นไปได้ว่าคุณจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับงานทางศาสนา งานบุญ งานกุศล และงาน CSR เพื่อสังคม ซึ่งทางที่ดีวันนี้คุณไม่ควรยึดติดในอีโก้ จนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเลย เพราะมีโอกาสที่จะเกิดการขัดแย้ง จนถึงขั้นงานสะดุดหยุดลงกลางคัน แล้วหากงานเกิดความผิดพลาดเสียหาย คุณก็จะถูกซ้ำอีกต่างหาก

การเงิน  :  หากคุณได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ วันนี้มีโอกาสที่คุณจะเดือดร้อนเรื่องเงิน อาจเป็นหนี้จากบัตรเครดิต จนคุณต้องเร่งหาเงินจากทุกๆ ช่องทาง   

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าอารมณ์คุณจะไม่ปกติ เหวี่ยงวีนง่ายมาก ยิ่งวันนี้มีโอกาสที่คุณจะพบเจอกับหลายเรื่อง นอกจากชีวิตคู่ที่กำลังมีปัญหาแล้ว ยังมีโอกาสที่จะมาจากผู้ใหญ่ได้ด้วย  คนโสด  หากคุณตัดสินใจที่จะเป็นรักที่ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยของใครแล้ว วันนี้ก็ต้องระวังผู้ใหญ่จะรู้ แล้วจะห้ามปรามคุณนะคะ

สุขภาพ  :    ภูมิแพ้มาแล้วจ้า วันนี้เป็นไปได้ว่าคุณจะแพ้อากาศ หายใจไม่สะดวก จามบ่อย หากเป็นไซนัสอยู่แล้ว ระวังจะกำเริบ แต่อยากแน่ใจก็ควรตรวจ ATK ด้วย เพราะตอนนี้แยกไม่ออกแล้ว ระหว่างแพ้อากาศกับโควิด

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายการเกษตร เช่น เกษตรกร นักออกแบบตกแต่งสวน ศิลปวัฒนธรรม โอท็อป โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวกับสาธารณะประโยชน์ สาธารณะกุศล มูลนิธิ จิตอาสา สังคมสงเคราะห์ ฯลฯ เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะได้ใช้ทักษะความสามารถ และเทคนิคและประสบการณ์ในการติดต่อประสานงาน การเจรจาต่อรอง และการประนีประนอม เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

การเงิน  :  มีโอกาสที่คุณจะได้ซื้อ-ขายที่ดินทางการเกษตร ต้นไม้ ผลไม้ เป็นไปได้ว่าจะเป็นในลักษณะการกุศล มูลนิธิ หรือในรูปของการบริจาคก็ได้    

ความรัก   :   หากคุณกำลังอยู่ในบทบาทเป็นที่ปรึกษาของสมาชิกในครอบครัว วันนี้สิ่งตอบแทนกลับมาคือครอบครัวที่อบอุ่น ให้การดูแลและใส่ใจกับคุณอย่างดีทีเดียว คนโสด   วันนี้มีโอกาสที่คุณจะได้พบกับหนุ่มในฝัน ซึ่งเขาก็รักและจริงใจกับคุณด้วยสิ

สุขภาพ  :   สำหรับผู้ที่มีกิจกรรมที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะปวดขาตั้งแต่สะโพกลงมาจนถึงเข่าและข้อเท้า จึงควรพักขาบ้าง

ณรงค์เดช

อบอุ่นหัวใจ “กรณ์ – ริต้า” เซอร์ไพรส์เบิร์ดเดย์ “กพ ณรงค์เดช”

account_circle
ณรงค์เดช
ณรงค์เดช

วันคล้ายวันเกิด “กพ – กฤษณ์ ณรงค์เดช” ครบรอบ 52 ปี น้องชายหนึ่งเดียว “กรณ์ ณรงค์เดช” จัดแฟมมิลี่ทริปเซอร์ไพรส์พี่ชาย ยกครอบครัวบินลัดฟ้าไปฉลองวันเกิดที่ประเทศเวียดนามเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

อบอุ่นหัวใจ “กรณ์ – ริต้า” เซอร์ไพรส์เบิร์ดเดย์ “กพ ณรงค์เดช” จัดแฟมมิลี่ทริปกับโมเมนต์ครอบครัวสุขสันต์

เป็นโมเมนต์ที่แสนอบอุ่นหัวใจ เมื่อคุณพ่อ “เกษม ณรงค์เดช” หลานแฝด “น้องภัทร – ณภัทร และ น้องพิม – พิมพ์พิศา ณรงค์เดช”พร้อมด้วย “ริต้า – ศรีริต้า และ กวิณท์ ณรงค์เดช” ภรรยาและลูกชาย ร่วมเฟรมเบิร์ดเดย์ “พี่กพ” อัดแน่นไปด้วยสารแห่งความสุขเพราะถือเป็นทริปที่ครอบครัวได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน

พอไปส่องอินสตาแกรม@kornnarongdej “กรณ์ ณรงค์เดช” ก็เขียนข้อความน่ารักๆ ถึง “พี่กพ” ว่า ‘A little birthday surprise for our @krisnarongdej พวกเราพาพี่กพมา surprise birthday กันที่เวียดนาม แฮปปี้กันทั่วหน้า แต่แฮปปี้สุดคือกวิณท์ ดูได้จากรูป’ เห็นแล้วก็ยิ้มตาม เพราะดูเหมือนสมาชิกคนเล็กของบ้านอย่าง “กวิณท์” จะมีความสุขที่สุดเพราะทั้งคุณปู่เกษม คุณลุงกพ และ พี่แฝด ภัทรพิม คอยป้อนขนมไม่ขาดปาก เป็นภาพที่ละมุนมากๆ 

ส่วนน้องสะใภ้ “ริต้า” ศรีภรรยาคนสวยของ “กรณ์” ก็โพสต์ข้อความถึง “พี่กพ” บนอินสตาแกรม @sriritajensen ‘Happy birthday ka p @krisnarongdej We love you so much nakaa ขอให้มีความสุขมากๆ มีแต่คนดีๆ อยู่รอบกาย ขอบคุณที่เอ็นดูและดูแลริต้าเป็นเสมือนน้องสาวคนนึงนะคะ’

          เป็นครอบครัวสุขสันต์ หมั่นดูแลกันและกัน ที่น่ารักมากๆ อีกหนึ่งครอบครัว


G-BEAT Cover

‘เก้า สุภัสสรา – เต๋า URBOYTJ’ จัดโชว์สุดพิเศษภายในงาน G-BEAT “LIFE IS A GAME” สนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้กล้าปลดล็อกเปลี่ยนโลก

G-BEAT Cover
G-BEAT Cover

G-BEAT (จี บีท) แบรนด์พรีเมียมเอนเนอร์จีดริ๊งก์น้องใหม่มาแรง เปิดตัว “เก้า – สุภัสสรา ธนชาต” และ “เต๋า – จิรายุทธ ผโลประการ หรือ เต๋า URBOYTJ” เป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์อย่างเป็นทางการ พร้อมจัดงาน “LIFE IS A GAME” ซึ่งในงานนอกจากเก้าและเต๋าจะจัดโชว์สุดพิเศษเปิดตัวเอ็มวีเพลง Life is a game ให้ร่วมสนุกด้วยกันแล้วก็ยังจัดการแข่งขันเกม ROV แมตช์สำคัญระหว่างทีม TalonEsports แชมป์โลก ROV ที่มาปะทะกับพรีเซ็นเตอร์อย่างสาวเก้าแท็กทีมสตรีมเมอร์ตัวท็อปให้ได้ลุ้นผู้ชนะไปพร้อมกัน ณ เฮ้าส์ ออฟ อิลลูมิเนชั่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล @เซ็นทรัลเวิลด์

‘เก้า สุภัสสรา – เต๋า URBOYTJ’ จัดโชว์สุดพิเศษภายในงาน G-BEAT “LIFE IS A GAME” สนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้กล้าปลดล็อกเปลี่ยนโลก

เต๋า – จิรายุทธ ผโลประการ หรือ เต๋า URBOYTJ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังกล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับสาวเก้า – สุภัสสรา และได้แต่งเพลง ‘Life is a game’ ให้กับแบรนด์ G-BEAT เครื่องดื่มเอนเนอร์จีดริ๊งก์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาทำเพลงและเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับจี บีท ร่วมกันกับเก้าเป็นครั้งแรกในฐานะพรีเซ็นเตอร์คู่ ผมดีใจมาก ๆ ครับเพราะว่าเราอยู่กันคนละสายงาน น้องเป็นนักแสดง ส่วนผมเป็นศิลปิน การมาเจอกันถือว่าเป็นโอกาสที่ดีครับ ในส่วนของผลงานเพลง Life is a game ผมได้แรงบันดาลใจมาจากตัวเองและคนรอบตัว โดยเนื้อหาจะเกี่ยวกับการลุกขึ้นมาสู้ชีวิตด้วยตัวเอง สร้างพลังใจให้กับคนที่กำลังหมดไฟ ซึ่งหลังจากเอ็มวีได้ปล่อยออกไปกระแสตอบรับกลับมาดีมาก ดีใจที่ทุกคนชอบกัน ยังไงก็ฝากเอ็มวี Life is a game และฝากติดตามผลงานของพวกเราทั้งคู่ในอนาคตในฐานะพรีเซ็นเตอร์คู่ของแบรนด์เครื่องดื่มเอนเนอร์จีดริ๊งก์จี บีทด้วยนะครับ”

เก้า – สุภัสสรา ธนชาต นักแสดงสาวมากความสามารถกล่าวถึงความรู้สึกของเธอที่ได้มาร่วมงานกับแบรนด์และ เต๋า URBOYTJ เช่นเดียวกันว่า “เก้ารู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์และร่วมงานกับจี บีท รวมทั้งทีเจด้วย นี่เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของพวกเรา ซึ่งทีเจเป็นคนที่เท่มาก ๆ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสนุก เห็นแล้วก็อยากเท่ อยากแรปได้แบบเค้า ตอนถ่ายเอ็มวี Life is a game ด้วยกัน เก้าว่าคอนเซ็ปต์และเนื้อร้องรวมถึงตัวเอ็มวีของเพลงมันดีมาก ชูความหลากหลายและสดใหม่ CG อลังการ ซึ่งหลังเปิดตัวเอ็มวีไปคนก็พูดถึงเยอะมาก ยังไงก็ฝากติดตามดูเอ็มวี Life is a game ของทีเจกับเก้าด้วยนะคะ”

โดยภายในงานยังมีกระบอกเสียงและตัวแทนของคนรุ่นใหม่ มาร่วมปลดล็อกเปลี่ยนโลกไปด้วยกัน อาทิ เบเบ้-ธันย์ชนก ฤทธินาคา, ซิลวี่ – ภาวิดา มอริจจิ, ธาม – ธามไท แพลงศิลป์, จอร์จ – ปรีโรจน์ เกษมศานติ์ (จอร์จ RUBSARB), ก้อย – อรัชพร โภคินภากร, เบียร์ – ภัสรนันท์ อัษฎมงคล (บิซกิส เบียร์), ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ, พลอย – พลอย หอวัง, ภูเขา- พิชฌ์พสุภัทร วงศ์อำไพ, รอด – บุญรอด อารีย์วงษ์,จุง – อาเชน ไอย์ดึน, ดัง-ณัฎฐ์ฐชัย บุญประเสริฐ และโจวปลื้ม – ณัฐรดา ธรรมปัญญา

สามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ G-BEAT – Life is a game, beat it หรือ จี บีท ปลดล็อกเปลี่ยนโลก ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่
Website : www.g-beat.com
Facebook Page : https://www.facebook.com/gbeatenergy/
Instagram : @gbeatenergy
LINE OA : @g-beat
Youtube Channel : G-BEAT
Shopee : https://shopee.co.th/G-BEAT
Lazada : https://lazada.co.th/G-BEAT
และร้านสะดวกซื้อทาง 7-Eleven

Cover2

ลายนี้ฆ่าไม่ตาย! สนีกเกอร์ Leopard จาก Vault by Vanz สวยคลาสสิกมาทุกยุค

Alternative Textaccount_circle
Cover2
Cover2

รองเท้าผ้าใบสุดคลาสสิกที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก ‘Vault by Vanz’ ที่ครั้งนี้กลับมาแบบไม่ธรรมดา ด้วยการเพิ่มลูกเล่นลาย Leopard ลงบนรองเท้าผ้าใบให้ดูพิเศษมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำร่วมกับ Wacko Maria แบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่นที่มีลายปริ้นท์เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

หนึ่งในประโยคที่ Atsuhiko Mori ให้สัมภาษณ์ คือ “อยากทำลายเสือดาวร่วมกับ Vans และ Wacko Maria มาโดยตลอด นับเป็นหนึ่งในลวดลายที่จะเท่ตลอดไป” ถือเป็นประโยคที่น่าสนใจ เมื่อเขาพูดว่าลายเสือดาวเป็นลวดลายที่เท่ตลอดไป ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง เพราะลายนี้มักปรากฏอยู่บนแฟชั่นไอเท็มหลายชิ้นจนเป็นที่คุ้นตา แต่เรากลับไม่เคยรู้สึกว่าเป็นลายที่เอ้าท์เลย ทำให้กลายเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าลายเสือดาวเป็นหนึ่งในลายที่ยังคงความคลาสสิกตลอดกาล

และลาย Leopard สุดเท่ลายนี้ก็ได้ถูกนำมาพิมพ์ลงบนรองเท้า ‘Vault by Vanz’ มีทั้งหมด 3 สี ทั้งสีน้ำตาล สีเทา และสีพีช ที่นำไปแมตช์กับการแต่งตัวได้หลากหลายสไตล์ สามารถเลือกใส่กับเสื้อผ้าโทนสีเรียบ ๆ เน้นความโดดเด่นที่รองเท้า หรือจะใส่เป็นลายเสือดาวทั้งตัวก็ดูมีสไตล์ไปอีกแบบ นอกจากนี้หลายคนอาจคิดว่ารองเท้าลายนี้ใส่ได้เฉพาะผู้หญิง แต่ความเป็นจริงนั้นสามารถใส่ได้ทุกเพศ และถือเป็นรองเท้า Unisex อีกคู่ที่ควรมีติดตู้ เพราะไม่ว่าจะหยิบมาใส่ตอนไหนก็ไม่มีทางตกเทรนด์แน่นอน

Vanz1
Vanz3
Vanz2
ส้ม มารี กระดูกสันหลังคด

‘ส้ม มารี’ เผยสาเหตุที่เกิด ‘กระดูกสันหลังคด’ และจะสามารถรักษาหายได้หรือไม่

Alternative Textaccount_circle
ส้ม มารี กระดูกสันหลังคด
ส้ม มารี กระดูกสันหลังคด

หลังจากที่นักร้องสาวสวย ‘ส้ม มารี‘ (มารี เออเจนี เลอเลย์) โพสต์ภาพนั่งหันหลังชมวิวแม่น้ำ และเสื้อที่สวมก็แหวกด้านหลังจนทำให้เห็นแนวกระดูกสันหลังที่คดผิดรูป เหล่าแฟนคลับหลายคนจึงเป็นห่วง ซึ่งสาวส้มก็ได้เผยว่า “หมอยืนยันไม่อันตราย”

‘ส้ม มารี’ เผยสาเหตุที่เกิด ‘กระดูกสันหลังคด‘ และจะสามารถรักษาหายได้หรือไม่

และสาวส้มก็ได้โพสต์ไอจีสตอรี่ตอบคำถามที่หลายคนเป็นห่วงถามไถ่อาการเข้ามาว่า “ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ ตั้งแต่ลงรูปนั้นไป คนทักแบบ dm แตกมากๆ ดีใจที่มีคนรักและเป็นห่วงเยอะขนาดนี้ จริงๆ รู้เรื่องหลังตัวเองคดมานานมากๆ แล้ว เคยเอ็กซ์เรย์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งตอนนั้นคุณหมอคนก่อนก็บอกเหมือนกันว่า ไม่ได้อันตราย ไม่ได้คดเยอะ ใช้ชีวิตต่อไปได้ปกติ”

พร้อมโพสต์ภาพที่เอ็กซเรย์กระดูก ตรวจที่รพ.เฉพาะทาง ซึ่งหมอยืนยันว่าไม่อันตราย แต่จะทำให้กลับมาตรงก็คงทำไม่ได้ โดยสาวส้มยังเผยอีกว่า “เคล็ดลับเอวเอส..วัยรุ่นกระดูกคด จริงๆ รู้ตัวมาหลายปีแล้วว่ากระดูกสันหลังคด เคยตรวจมาก่อน คุณหมอก็บอกว่าไม่ได้ต้องทำอะไร วันนี้ลองมาตรวจอีกสักที สรุปก็คล้ายเดิมฮะ คุณหมอบอกว่า 14 องศาไม่ได้อันตราย และด้วยอายุขนาดนี้ไม่น่าคดเพิ่มแล้ว คุณหมอบอกว่าไม่ต้องทำอะไรค่ะ ใช้ชีวิตไปปกติได้เลย ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง การจะทำให้มันกลับมาตรง คือทำไม่ได้นะคะ เพราะร่างกายเราปรับไปกับโครงสร้างของเราแบบนี้ไปแล้ว และการจัดกระดูกไม่ช่วยอะไร”

และคลิปด้านล่างนี้ สาวส้มได้เผยว่า ทำไมกระดูกสันหลังถึงคด? #วัยรุ่นกระดูกคด

DM แตก! หลังจากลงรูปที่เห็นหลังคด ก็มีคนส่งข้อความมาให้กำลังใจเยอะมาก และก็ถามมาว่าเกิดจากสาเหตุอะไร วันนี้ส้มจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์กับหลายๆ คน


ข้อมูลและภาพ : Zom Marie , zommarie

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

keyboard_arrow_up