บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าว “เอส แอนด์ พี 50 ปี 50 เมนูในตำนาน” และ “เทศกาลข้าวแช่” เพื่อสืบสานตำนานอาหารไทยที่อยู่คู่กับคนไทยมานานพร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “ข้าวแช่ S&P อร่อย ชื่นใจ” นำแสดงโดย แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ และ อลิศ ธนัชศลักษณ์ ฮัดสัน โดยมี ภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการบริษัท ประเวศวุฒิ ไรวา รองประธานกรรมการบริษัท เกษสุดา ไรวา ประธานคณะกรรมการบริหาร วิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กำธร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการผลิต อรรถ ประคุณหังสิต ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการธุรกิจ เอส แอนด์ พี ปรมา ไรวา ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ เอส เอ็น พี พร้อมไฮไลท์พิเศษแนะนำเคล็ดลับการรับประทานข้าวแช่ โดย มณีสุดา ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร และ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ร่วมงาน ณ ห้อง 205 ชั้น 2 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในวันที่ 14 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เอส แอนด์ พี จะดำเนินธุรกิจครบรอบ 50 ปี นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ แบรนด์ เอส แอนด์ พี เดินทางมาจนถึงครึ่งศตวรรษ และเป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคเสมอมา เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้แก่ทุกคนในครอบครัว ควบคู่ไปกับการเติบโตของสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ เป็นร้านอาหารไทย เค้กและเบเกอรี่ แบรนด์ที่ลูกค้าเลือกใช้บริการมากที่สุดในประเทศไทย สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในโอกาสที่ เอส แอนด์ พี เข้าสู่ปีที่ 50 มี 3 ด้าน ดังนี้ 1. Trusted Quality เอส แอนด์ พี มุ่งมั่นพัฒนา นำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้แก่ทุกคนในครอบครัว 2. Future Growth สร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่น ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร ลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน รวมถึงพนักงาน เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง 3. Sustainability Development ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

ในปีนี้ เอส แอนด์ พี จะออกแคมเปญ และจัดกิจกรรมพิเศษมากมายเพื่อเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี ภายใต้ธีม “โลกสดใส ชีวิตสุขสันต์” (Healthy Life – Happy World) โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว รวมถึงแคมเปญ เอส แอนด์ พี  50 ปี 50 เมนูในตำนาน จะมีทั้งเมนูพิเศษที่นำกลับมาขายใหม่ อาทิ เมนูก๋วยเตี๋ยวกุ้งสับ-เนื้อสับ เมนูยำมะเขือย่างเนื้อปูไข่กุ้ง เมนูยำผักบุ้งกุ้งกรอบ เมนูกุ้งกระเบื้อง และเมนูซิกเนเจอร์ที่ขายดีตลอดกาล อาทิ เมนูข้าวคลุกกะปิ ซึ่งเป็นเมนูขายดีอันดับหนึ่งในปี 2565 มียอดขายจำนวน 165,812 จาน เมนูข้าวไก่อบ เมนูข้าวผัดอเมริกัน เมนูข้าวหน้ากุ้งผัดพริกขี้หนู เมนูเส้นจันท์ผัดไทกุ้งสดจัมโบ้ และเมนูข้าวซอยน่องไก่ นอกจากนี้ยังมีเมนูข้าวแช่-ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ เอส แอนด์ พี อาหารไทยสมัยโบราณที่ปัจจุบันหาทานได้ยาก เนื่องจากมีกระบวนการทำอย่างพิถีพิถัน และมีจำหน่ายเฉพาะช่วงหน้าร้อนเท่านั้น

‘เอส แอนด์ พี’ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 จัดงาน “เอส แอนด์ พี 50 ปี 50 เมนูในตำนาน” และ “เทศกาลข้าวแช่” ตอกย้ำผู้นำธุรกิจอาหาร เติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน

กำธร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการผลิต บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “เอส แอนด์ พี เป็นผู้นำธุรกิจอาหารอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เรามีการควบคุมคุณภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การลงไปให้องค์ความรู้แก่เกษตรกร ในการร่วมพัฒนาวัตถุดิบ เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และยังเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร ผ่านกระบวนการผลิตที่มีการควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนให้ตรงตามมาตรฐาน อาหารทุกจานของ เอส แอนด์ พี เราปรุงสดใหม่ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ รสชาติ และความสะอาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ปัจจุบัน เอส แอนด์ พี มีโรงงานทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ โรงงานอาหาร 1 แห่ง และมีโรงงานเบเกอรี่อีก 3 แห่ง โดยโรงงานทั้ง 4 แห่ง มีกำลังการผลิตอาหารและเบเกอรี่ปริมาณกว่า 12,000 ตันต่อปี รวมถึงจัดตั้ง S&P Smart Distribution Center บางนา-ตราด กม.23.5 เป็นศูนย์กลางด้านการวางแผนคลังสินค้า และการขนส่ง เพื่อบริหารจัดการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ เช่น ติดตั้งโซล่าร์ รูฟ (Solar Roof) ที่โรงงานเบเกอรี่บางนา-ตราด กม.23.5 และโรงงานอาหารลาดกระบัง เพื่อใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต ส่งเสริมการผลิตเบเกอรี่รักษ์โลกจากพลังงานทางเลือก ลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เค้กกล้วยหอม บัตเตอร์เค้ก มาร์เบิลเค้ก พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ช่วยทำให้กระบวนการการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังนำระบบเทคโนโลยีหุ่นยนต์อัตโนมัติ RPA (Robotic Process Automation) มาใช้ในกระบวนการทำงาน ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน และทำให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มณีสุดา ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของแคมเปญเทศกาลข้าวแช่ว่า “สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารเทศกาลข้าวแช่ เอส แอนด์ พี ได้นำเสนอคอนเทนต์และวางแผนสื่อประชาสัมพันธ์ โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เกิดความสนใจและตัดสินใจซื้อข้าวแช่มารับประทาน ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “ข้าวแช่ เอส แอนด์ พี อร่อย ชื่นใจ” ซึ่งได้ “แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์” และ “อลิศ ธนัชศลักษณ์ ฮัดสัน” มาช่วยตอกย้ำความอร่อยและสดชื่นของเมนูข้าวแช่ เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้หวานฉ่ำ ดยสื่อสารผ่านสื่อทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และสื่อในร้านเอส แอนด์ พี เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ สำหรับชุดข้าวแช่-ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้เซตใหญ่ จำหน่ายราคาชุดละ 298 บาท สามารถรับประทานที่ร้านหรือซื้อกลับบ้าน และสำหรับช่องทาง S&P Delivery 1344 สามารถสั่งชุดข้าวแช่-ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้เซตเล็ก ในราคาชุดละ 198 บาท และท่านที่ต้องการรับประทานข้าวแช่อย่างเดียวมีจำหน่ายในราคาเพียงชุดละ 145 บาท

ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ เอส แอนด์ พี ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ “รักษ์โลก” ที่สามารถย่อยสลายได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเหมาะที่จะซื้อไปเป็นของฝากในโอกาสสำคัญต่างๆ เช่น ฝากผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือสำหรับงานจัดเลี้ยง ประชุมสัมมนาต่างๆ”

กิจกรรมภายในงาน โดย มณีสุดา ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร พร้อมด้วยดารานักแสดง แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ได้มาแนะนำเคล็ดลับการรับประทานข้าวแช่ พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ! สำหรับสมาชิก S&P Card รับส่วนลด 10% สะสมคะแนน และสามารถแลกคะแนนซื้อข้าวแช่ได้ในราคาเพียง 1 บาท  พบกับความอร่อย สดชื่น ของข้าวแช่ เอส แอนด์ พี ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2566                                                                                  

เสร็จสิ้นลงไปอย่างงดงามสำหรับการจัดการแข่งขันขี่ม้าโปโลหญิงการกุศล รายการ “ควีนส์คัพ พิงค์ โปโล 2023” (Queen’s Cup Pink Polo 2023) ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อหารายได้มอบให้โครงการมะเร็งเต้านม มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ที่จัดโดยบี.กริม นำโดย มร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม ในฐานะนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นันทินี แทนเนอร์ อุปนายกสมาคมฯ ประธานจัดการแข่งขันขี่ม้าโปโลหญิงการกุศล เมื่อวันวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566ที่ผ่านมา  ณ สนามไทย โปโล แอนด์ อีเควสเทรียน คลับ พัทยา ในรอบชิงชนะเลิศปีนี้ เป็นการแข่งขันระหว่างทีมเจ้าภาพไทย โปโล (Thai Polo) ประเทศไทย และทีม Milano Polo ซึ่งทีมชนะเลิศได้ถ้วยพระราชทานฯ ไปครอง ได้แก่ ทีม ไทย โปโล (Thai Polo) ประเทศไทยเฉือนชนะไปด้วยคะแนน 6 ต่อ 2.5 คะแนน ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ที่ส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน  ภายในงานมีผู้มีเกียรติไปร่วมงานทำการกุศลร่วมกันอย่างอบอุ่น อาทิ ม.ล.อุบลวดี ชยางกูร, คุณหญิงฟิโนล่า จาฏามระ, ประดาป พิบูลสงคราม, ดวงฤทัย กสิโสภา, มูนา อับบาส มะห์มูด รอฎี เอกอัครราชทูตบาห์เรน ประจำประเทศไทย, นายกุสตาโบ อัลร์โต มาร์ติโน เอกอักครราชทูตอาร์เจนตินาประจำประเทศไทย, เจตน์ โศภิษฐ์พงศธร ฯลฯ

“ควีนส์คัพ พิงค์ โปโล 2023” (Queen’s Cup Pink Polo 2023) การแข่งขันขี่ม้าโปโลหญิงการกุศล หารายได้มอบให้โครงการมะเร็งเต้านม

นันทินี แทนเนอร์ นักกีฬาขี่ม้าโปโลหญิงคนแรกของไทย ในฐานะประธานจัดการแข่งขันฯ เผยว่า “พิงค์ โปโล” เป็นการแข่งขันขี่ม้าโปโลหญิงเพื่อการกุศล มีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้มอบให้โครงการมะเร็งเต้านม มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ  ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยผู้ป่วยและต้านภัยจากโรคมะเร็งเต้านมอย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวทาง “ป้องกัน รักษา และดูแล” รวมถึงการรณรงค์ให้ผู้หญิงไทยได้รับความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งจึงอยากเชิญชวนให้ผู้หญิงมารวมพลัง ช่วยสร้างประโยชน์ให้สังคมด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมมูลนิธิฯ ผ่านกิจกรรมการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโล “พิงค์ โปโล” ที่มีนักกีฬาเป็นผู้หญิงทั้งหมด รวมถึงการส่งเสริมกีฬาโปโลของไทยให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่ สามารถเข้าสู่การแข่งขันระดับนานาชาติได้ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญเพื่อสังคมอันสร้างสรรค์เปี่ยมคุณค่า ซึ่งได้รับการตอบรับด้วยดีเสมอมา”

รองศาสตราจารย์นายแพทย์กฤษณ์ จาฏามระ ผู้ก่อตั้งและประธานมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า “โรคมะเร็งเต้านมเป็นภัยคุกคามชีวิต เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของผู้หญิงไทย ดังนั้นต้องรณรงค์ให้ผู้หญิงใส่ใจดูแลสุขภาพเพื่อให้ห่างไกลจากมะเร็งเต้านม ศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2550 เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศล โดยเป็นศูนย์บำบัดและดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมอย่างครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ถือเป็นศูนย์ที่ดีที่สุดในด้านของเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยที่พักของผู้ป่วยระยะสุดท้าย สำหรับผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วยที่กำลังทำการรักษาแต่ขาดแคลนที่พักอาศัย ศูนย์กิจกรรมในระหว่างวันเพื่อผู้ป่วยและอาสาสมัคร ศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรม ตลอดจนศูนย์วิจัยและวินิจฉัยโรคมะเร็งเต้านมเพื่อผู้หญิงทุกคน เปรียบเสมือนที่พึ่งพิงของผู้หญิงที่ต้องเผชิญโรคร้าย โดยให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”

ก่อนจะไปชมการแข่งขันขี่ม้าโปโลหญิงการกุศล “ควีนส์คัพ พิงค์ โปโล 2023” ชิงถ้วยพระราชทานฯ  ได้มีการแข่งขันขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ประเภทบุคคลเรียกน้ำย่อย ซึ่งผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ได้แก่ วรปรัชญ์ สิทธิจู จาก ทีมไทย โปโล คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง ในงานยังพบกับกิจกรรมหลากหลายจากการออกร้านของผู้สนับสนุน อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม การทำหมวกแฟชั่น เพ้นท์หน้า ขี่ม้าแคระ และไฮไลท์ของงานคือแฟชั่นโชว์สุดสง่าบนหลังม้า นำขบวนโดย นันทินี แทนเนอร์ นักกีฬาขี่ม้าโปโลหญิงคนแรกของไทย ประธานจัดการแข่งขันฯ แล้วยังมีเหล่านางแบบนายแบบกิตติมศักดิ์ อาทิ กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ มากับภรรยา คริสติน่า บำรุงรักษ์ พร้อมลูกสาวตัวน้อยน้องวาเลนติน่า-เอริก้า บำรุงรักษ์, ดร.จิตรลดา ศุภชัยมงคล, ปณิตา ศรไทยเทวา, เด็กหญิงภาโรทัย เฮงตระกูล, รสิตา ภมรมาศ, ศศิวิมล ดารารัตนโรจน์, เซรีนา มา, แพทย์หญิงรุ่งไพลิน รัตนชีวร, อังคนางค์ ซากีร่า บำรุงสรณ์, รนิดา นกไทยเจริญ, อิสรีย์ สุวรรณวิทย์, เด็กหญิงหฤทัย ชุติมาพงศ์รัตน์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้รุ่นเยาว์ อาทิ เด็กชายไอศูรย์ พันธ์คงชื่น ,เด็กหญิงเอ็มมิลีชีวัน เฮฟเฟอร์แนน, เด็กหญิงทรรศิกา โอภากุล หลานสาวของยืนยง โอภากุล, เด็กชายณัฐวิโรจน์ ธัญญารัชตะ ฯลฯ ร่วมแสดงแบบบนหลังม้าด้วย

ด้าน เอส -กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ ที่มาร่วมแสดงแฟชั่นโชว์บนหลังม้ากับภรรยา คริสติน่า บำรุงรักษ์ พร้อมลูกสาวตัวน้อยน้องวาเลนติน่า-เอริก้า บำรุงรักษ์ วัย 2 ขวบเศษ กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ตนเองและภรรยามาร่วมเดินแบบหลังจากเคยเป็นแขกมาร่วมงานเมื่อหลายปีก่อน และถือเป็นงานที่อบอุ่นที่ทั้งไทย โปโล มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ และแขกผู้มีเกียรติได้มาทำบุญร่วมกัน ตนเองรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญในครั้งนี้เพื่อเป็นหนึ่งกระบอกเสียงให้ผู้หญิงทุกวัยได้ตระหนักรู้ถึงภัยของมะเร็งเต้านม ประกอบกับภรรยาเคยเป็นนักกีฬาขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวางของประเทศเยอรมัน ซึ่งลูกสาวชอบกีฬาขี่ม้ามาก ไม่กลัวที่จะอยู่บนหลังม้า การแสดงแบบบนหลังม้าจึงถือเป็นประสบการณ์ที่พิเศษและเต็มไปด้วยความสุขทั้งครอบครัว

อีกหนึ่งสีสันที่พลาดไม่ได้คือ ประเพณี “สตอมปิ้ง ดิวอทส์ Stomping Divots” ของผู้เข้าชมการแข่งขัน ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติของกีฬาขี่ม้าโปโล การย่ำหญ้าเพื่อกลบหลุมในสนาม และกลบรอยเท้าม้าจากการแข่งขัน โดยเหล่าสุภาพสตรีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ต่างลงสนามร่วมกันย่ำหญ้าอย่างสนุกสนาน ปิดท้ายด้วยรมอบรางวัล Best Dress Awards และ Best Hat Awards ให้แก่บรรดาแขกผู้เกียรติที่มาร่วมงาน ซึ่งผู้คว้ารางวัล Best Hat Awards ไปครองได้แก่ เซรีน่า มา ส่วนรางวัล Best Dress Awards ตกเป็นของ สุวนา ปิยะพิสุทธิ์ ที่แต่งกายมาในชุดธีมสีชมพูหวาน

นับเป็นการแข่งขันขี่ม้าโปโลหญิงการกุศลที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 ซึ่งนอกจากความสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นแล้ว ผู้ร่วมงานยังได้อิ่มเอมใจไปกับการได้ร่วมทำบุญช่วยเหลือสังคมทุกปีอีกด้วย

Jim Thompson (จิม ทอมป์สัน) แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกของเมืองไทย เปิดตัวคอลเลกชัน Home Furnishings Spring Collections 2023 จาก 3 แบรนด์ดังในเครือทั้ง Jim Thompson, No.9 Thompson และ Fox Linton นำเสนอผลิตภัณฑ์สิ่งทอระดับหรูที่ตอบโจทย์การตกแต่งทุกรูปแบบ โดยเปิดตัวคอลเลกชันอย่างเป็นทางการ ณ โชว์รูมผ้าตกแต่งบ้านจิม ทอมป์สัน สาขาสุรวงศ์ ผ่านการตกแต่งห้องตัวอย่างสุดหรูทั้ง 11 สไตล์ ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวไทย ดาว-วิชดา สีตกะลิน

โชว์รูมสาขาสุรวงศ์ นับเป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของแบรนด์ จิม ทอมป์สัน โดยเป็นโชว์รูมสาขาแรกของบริษัทฯ ซึ่งเปิดดำเนินการโดยตัวคุณจิม ทอมป์สันเอง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1967 เพียงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังมาเลเซียและหายสาบสูญไปเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ในปีเดียวกัน

จิม ทอมป์สัน ชวนยลโฉมแฟล็กชิปสโตร์คอนเซ็ปต์ใหม่ สัมผัสธีมการตกแต่ง 11 สไตล์ โชว์ความหรูอลังการด้วยผลิตภัณฑ์คอลเลกชันล่าสุด “Jim Thompson Home Furnishings Spring Collections 2023”

โชว์รูมผ้าตกแต่งบ้านที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวแห่งการออกแบบนี้ ตั้งอยู่ภายในแฟล็กชิปสโตร์ จิม ทอมป์สัน สาขาแรกบนถนนสุรวงศ์ ซึ่งผู้มาเยือนจะได้สัมผัสถึงแนวคิดการตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นภายในอาคารประวัติศาสตร์อันน่าจดจำหลังหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งพร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษอันน่าประทับใจให้ผู้มาเยือนทุกคน โดยมีทั้งโซนร้านจำหน่ายสินค้าแฟชั่นบริเวณชั้น 1 และ 2 ด้วยพื้นที่กว้างขวางถึงประมาณ 1,000 ตารางเมตร ส่วนบริเวณชั้น 3-5 เป็นโซนห้องตัวอย่างและศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าตกแต่งบ้าน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตรเช่นกัน

บริเวณชั้น 4 และ 5 จัดแสดงสินค้าจากหลากแบรนด์ดังทั้ง Jim Thompson และ No.9 Thompson รวมไปถึงแบรนด์จากอังกฤษอย่าง Fox Linton ตลอดจนผลิตภัณฑ์สิ่งทอในเครือจิม ทอมป์สัน ซึ่งมีทั้งคอลเลกชันสินค้าล่าสุด ผ้าไหม พร้อมทั้งผ้าตกแต่งบ้านชนิดต่างๆ โดยมีการแยกจำหน่ายปลีกแก่ลูกค้าทั่วไป ทั้งยังมีพื้นที่ทำงานเพื่อให้นักออกแบบมืออาชีพและลูกค้าสามารถเลือกหาแบรนด์ผ้าเพื่อการตกแต่งได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับพื้นที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นโซนใหม่ นำเสนอแนวคิดการตกแต่งของนักออกแบบ ดาว-วิชดา สีตกะลิน พร้อมจัดแสดงสินค้าของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ และของโบราณมากมายจากแบรนด์ดังของไทย อย่าง Lotus Arts de Vivre, Muse Design และ Art Resources ตลอดจนผลงานจากแบรนด์ช่างฝีมือเชียงใหม่ทั้ง De Siam และ Studio 21

ศัษยา เวชาเนน กรรมการผู้จัดการธุรกิจสินค้าตกแต่งบ้านของ จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า “สินค้าคอลเลกชันใหม่ของเรานำเสนอความหรูหราที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและไม่เป็นทางการมากนัก ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์สิ่งทอระดับลักซ์ชัวรี่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม และเราภาคภูมิใจที่ได้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายของผลิตภัณฑ์ผ้าตกแต่งบ้านจิม ทอมป์สัน ได้อย่างงดงามเหนือระดับ”

ทีมงานของจิม ทอมป์สัน ทำงานร่วมกับนักออกแบบตกแต่งภายในชื่อดัง ดาว-วิชดา สีตกะลิน นำเสนอการตกแต่งห้องที่สวยงามทั้ง 11 ดีไซน์ ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์สิ่งทอของจิม ทอมป์สัน สามารถอวดความงามเฉิดฉายในการตกแต่งแบบต่าง ๆ ได้อย่างน่าตื่นตา และกระตุ้นให้ผู้มาเยี่ยมชมเกิดแรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้านของตนเอง

ดาว-วิชดา สีตกะลิน นักออกแบบตกแต่งภายในชื่อดังชาวไทย กล่าวถึงความตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับจิม ทอมป์สัน ว่า “แรงบันดาลใจในการออกแบบและแนวทางการมิกซ์แอนด์แมตช์ผลิตภัณฑ์ ก่อให้เกิด ‘การผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ’ ขององค์ประกอบต่าง ๆ ในงานออกแบบครั้งนี้ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอของจิม ทอมป์สัน ได้ผสานวัตถุดิบที่แตกต่างในกระบวนการผลิตเพื่อสร้างสรรค์กลุ่มโทนสีใหม่ที่ให้สัมผัสของสิ่งทอที่ไม่ซ้ำใครและดีไซน์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อันงดงาม กล่าวได้ว่านี่คือผลิตภัณฑ์ที่จะมอบความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้งานอย่างแท้จริง”

“แนวคิดการออกแบบก็คือการจัดแสดงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ผ้าตกแต่งบ้านของจิม ทอมป์สัน ซึ่งสามารถนำมาสร้างสรรค์สุนทรียภาพและบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ นอกเหนือจากการเป็นแบรนด์ผ้าไหมชื่อดังได้ตามจินตนาการอย่างไม่รู้จบ” ดาว-วิชดา กล่าวเสริม

ไฮไลต์การตกแต่งห้อง 5 สไตล์ที่ห้ามพลาดในโชว์รูมจิม ทอมป์สัน สาขาสุรวงศ์

Wild Ember : สะดุดตาด้วยประกายแวววับของสีทอง บรอนซ์ และเหลืองมัสตาร์ดที่สว่างไสว ตัดกับผนังเหลือบเงาสไตล์ Metal Moiré ที่ถักทอด้วยเส้นไหมเงางามแบบเมทัลลิกสลับด้ายดำ ช่วยสร้างความลึกลับและน่าหลงใหลให้กับห้องนี้ พร้อมการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผ้าม่าน Railay สีทองมันวาวที่งามหรูในทุกรายละเอียด เสริมด้วยลวดลายสัตว์สไตล์ชนเผ่าที่สอดรับกับของประดับอย่างลงตัว ทั้งกระจกเงาติดผนังหุ้มหนังลายจุดและโคมไฟตั้งโต๊ะที่สวยแปลกตาจาก Muse Design ช่วยเพิ่มบรรยากาศของการผจญภัยอันน่าตื่นใจให้กับห้องอันสง่างามแห่งนี้

Haute Hues : ห้องนั่งเล่นอันหรูหรา โดดเด่นด้วยการผสมผสานลวดลายอันซับซ้อนที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความสนุกสนานอันไร้ขีดจำกัด ผ่านรูปทรงเรขาคณิตและสีสันมากมาย บวกกับการใช้เฟอร์นิเจอร์รูปทรงอิสระและของตกแต่งจาก Art Resources

A Homage to Dawnridge : โดดเด่นด้วยภาพ Golden Sunburst ของ Tony Duquette มอบความงามอลังการของลายแสงอาทิตย์อันสลับซับซ้อนที่แผ่ออกทั่วทุกทิศทางจรดเพดานด้านบน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณที่งดงามด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจาก DeSiam ซึ่งให้สีสันสดใสและลวดลายแปลกใหม่ เข้ากันอย่างลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์จากคอลเลกชัน Dawnridge ของ Duquette ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดอันประณีต ผสานกับม่านโรมันหลังโซฟาในเฉดสีสดตัดกับพื้นหลังซึ่งเป็นภาพพิมพ์ของ Sortelegium พร้อมเติมเต็มด้วยกิ่งปะการังและงานศิลป์สไตล์เอเชีย ซึ่งเป็นคอลเลกชันที่จัดแสดงภายในบ้านของ Duquette

ด้วยแรงบันดาลใจจากห้องอาบแดดของ Duquette ที่ Dawnridge การตกแต่งห้องนี้จึงเต็มไปด้วยรายละเอียดอันน่าหลงใหล ทั้งกรอบประตู บานหน้าต่าง และกระจกแบบตะวันออกที่ตกแต่งด้วยลายปะการังสีแดงสดตัดกับวอลล์เปเปอร์ลายหินมาลาไคต์สีเขียวมรกตอันน่าพิศวงของ Tony Duquette อย่างลงตัว ผู้ออกแบบยังได้สร้างสรรค์โลกอันลึกลับที่เต็มไปด้วยลวดลายที่ตัดกัน ร่วมกับการใช้พาเล็ตต์สีอันน่าพิศวง เน้นการใช้ผ้าลายแปลกตา มู่ลี่ไม้ไผ่ และการตกแต่งขอบและชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ได้สวยแปลกตา อย่างโคมระย้ารูปปะการังที่จับคู่กับกระเปาะโคมไฟขนาดใหญ่พร้อมห้อยพู่สีแดงสดราวกับชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซ

At Kachama’s : ตกแต่งด้วยหมอนอิงทอมือเส้นใยสวยแปลกตาผสานกับโทนสีส้มสนิมเหล็ก โดยนำแรงบันดาลใจจากคุณกาชามาศ เปเรซ (Kachama Perez) ช่างทอผ้าจากเชียงใหม่ผู้ชื่นชอบการใช้วัสดุจากธรรมชาติในประเทศไทย นับตั้งแต่ไม้ไผ่ เปลือกหอย ไปจนถึงเปลือกต้นมะพร้าว เพื่อนำมารังสรรค์สิ่งทอแบบดั้งเดิมขึ้นใหม่อย่างประณีต ทำให้งานออกแบบแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์และกลิ่นอายของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ตกแต่งห้องด้วยผ้าบุผนังจากแบรนด์ดังของฝรั่งเศสอย่าง Élitis ซึ่งเป็นการตีความผลงานของคุณกาชามาศในรูปแบบดิจิทัล รวมถึงชิ้นงานทอมือดั้งเดิมของเธอซึ่งจัดแสดงไว้โดยรอบ สื่อถึงเอกลักษณ์พื้นถิ่น ความประณีต และความเคารพในวัฒนธรรมชาติพันธุ์ แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำพิเศษ เช่น โคมไฟกลางห้อง ก็ทำจากตะกร้าเก็บใบชาของภาคเหนือ

Home Furnishings Spring Collections 2023 ของจิม ทอมป์สัน คือการประกาศถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอคุณภาพ ความหรูหรา และความสร้างสรรค์ของแบรนด์สู่ผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่เป็นมากกว่าสินค้าผ้าไหม เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่แตกต่างกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้โชว์รูมแห่งนี้ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาดสำหรับนักออกแบบและคนรักบ้านทุกคนที่กำลังแสวงหาแรงบันดาลใจในการตกแต่ง ซึ่งห้องตัวอย่างทั้ง 11 แบบจะมอบประสบการณ์แห่งความหรูหรางดงามแก่ผู้มาเยือนอย่างไม่มีวันลืม

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.jimthompsonfabrics.com/