เปิดประวัติ 7 หนุ่มหน้าใสจาก ดั่งลมหายใจ Oxygen The Series

Alternative Textaccount_circle

ดั่งลมหายใจ Oxygen The Series

สำหรับเรื่อง  Oxygen The Series เป็นเรื่องราวของกีล์เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่ซึ่งทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด เขาเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงร่วมกันกับน้องๆ คนอื่นโดยมีเจ้าของสถานรับเลี้ยงเป็นผู้มีพระคุณและเปรียบเสมือนมารดาแท้ๆ เนื่องจากเป็นพี่ใหญ่ของที่นั่นเขาจึงเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาโดยตลอด นอกเหนือจากนั้นยังต้องคอยดูแลน้องๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ใหญ่อีกแรง ด้วยเหตุนั้นกีล์จึงเป็นคนใจเย็น อ่อนโยน และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ แม้ว่าชีวิตของเขาจะพบเจอแต่ความยากลำบาก แต่กีล์กลับมีความสุขเทียบเท่าหรืออาจจะยิ่งกว่าผู้ใด เพราะเขามีเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จ นั่นก็คือการทำงานหาเงินเยอะๆ มาเลี้ยงดูและช่วยเหลือแม่ใหญ่ของตน

ขณะเดียวกันโซโล่ซึ่งเพิ่งเข้าเรียนในชั้นปีที่หนึ่งมีชีวิตตรงกันข้ามกับกีล์โดยสิ้นเชิง เขาเกิดมาในครอบครัวมีฐานะ พ่อเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและที่พักขนาดใหญ่ ส่วนแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก เพราะขาดความอบอุ่นจากพ่อที่เอาแต่ทำงาน โซโล่จึงกลายเป็นเด็กดื้อเงียบ เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ สิ่งเดียวที่ช่วยฉุดรั้งเขาเอาไว้คือภาพของแม่ที่ติดอยู่ในความทรงจำ และเครื่องดนตรีอย่างกีตาร์ซึ่งแม่สอนให้เล่นตั้งแต่เด็ก

การได้พบเจอกีล์ที่ทำงานอยู่ในร้านกาแฟของมหาวิทยาลัยเปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนในชีวิตของโซโล่ ภาพรอยยิ้มของกีล์ซ้อนทับกับภาพในความทรงจำของมารดา เขาเฝ้ามองกีล์อยู่ห่างๆ มาโดยตลอดจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว พาตัวเองเข้าไปอยู่ในสายตาของอีกฝ่าย ถูกความอ่อนโยนและรอยยิ้มนั้นผูกมัดเอาไว้จนไปไหนไม่ได้

ยิ่งได้ทำความรู้จักกันมากเท่าไร คนสองคนก็ยิ่งถูกดึงดูดเข้าหากันมากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่ขาดหายและสิ่งที่มีเติมเต็มซึ่งกันและกันทีละน้อยทว่ามั่นคง กีล์สอนให้โซโล่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ขณะที่โซโล่ช่วยให้กีล์รับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่ได้รับการปกป้อง ไม่ใช่เป็นฝ่ายปกป้องอยู่อย่างเดียวอย่างที่เป็นมาโดยตลอด

เมื่อพวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่นานก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่มีต่อกัน แต่ในช่วงเวลาที่มีความสุขโซโล่กลับได้รับสายจากคนของพ่อ การได้ยินชื่อของบิดาทำให้เขาควบคุมสติไม่อยู่ กีล์รับรู้ได้ว่าคนที่ตัวเองชอบมีปัญหากับครอบครัว และมันก็กำลังจะกลายเป็นปัญหาของพวกเขาในอนาคตด้วย

หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสุขไปได้ไม่นาน กีล์ได้รับข่าวจากเพื่อนสมัยเด็กว่าแม่ใหญ่ของเขาที่เดินทางไปเป็นครูอาสาบนเขาป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล เขาเดินทางไปหาแม่ใหญ่ที่โรงพยาบาลทางภาคเหนือ ขณะที่โซโล่จำเป็นต้องอยู่สอบให้เสร็จก่อนจึงไปพร้อมกันไม่ได้ กีล์ได้ใช้เวลาพูดคุยกับผู้มีพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่พวกเขาจะต้องลาจากกันไปตลอดกาล ความรู้สึกที่เหมือนโลกทั้งใบจะถล่มลงมาตรงหน้าทำให้เขาเจ็บปวดจนฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว สิ่งเดียวที่ช่วยให้กีล์ข้ามผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดไปได้คือโซโล่ที่คอยอยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลา

กีล์ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมสั้นๆ ไปกับการอยู่บนเขา เขาเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของแม่ใหญ่ รับรู้ถึงคุณประโยชน์มากมายที่ท่านสร้างไว้ให้ชาวบ้านซึ่งไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าใช้ ความรักและความอ่อนโยนของชาวบ้านที่มีต่อครูใหญ่ผู้มีพระคุณถูกส่งผ่านมาถึงกีล์ เขากลายเป็นครูอาสาชั่วคราวที่นั่น มีโซโล่คอยสนับสนุนอยู่ด้านข้างตลอดเวลา และที่สำคัญคือการขึ้นไปที่นั่นทำให้กีล์ได้พบกับน้องมูน เด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งมองแม่ใหญ่เป็นเหมือนทุกสิ่งเช่นเดียวกันกับเขา

ณ ที่แห่งนั้นกีล์ได้พบทั้งคุณค่าของการมีชีวิต ได้รับรู้ถึงความรักมากมายที่โซโล่มีให้ แม้ความเศร้าในใจไม่อาจจางหายไปได้โดยง่าย ทว่าก็เบาบางลงในทุกวินาที ‘คิดถึงได้แต่อย่ายึดติด’ นั่นคือคำพูดของโซโล่ที่เคยผ่านความเจ็บปวดเช่นเดียวกันมาก่อน

หลังจากใช้เวลาอยู่บนเขาในช่วงปิดเทอมต้น เมื่อกลับไปอีกครั้งกีล์ก็ได้เจอกับพ่อของโซโล่ที่รอพบเขาอยู่ กีล์แสดงจุดยืนของตัวเองว่าเขาจะยังคงรักโซโล่ต่อไป ไม่คิดยอมแพ้แม้จะรู้ว่าท่านกำลังต้องการให้เขากับลูกชายของตัวเองเลิกกัน แต่ท้ายที่สุดทุกสิ่งที่พ่อโซโล่พูดกลับเป็นการทำเพื่อพวกเขา ท่านให้โอกาสกีล์ได้คิดถึงหนทางในอนาคต ได้คิดว่าหากเรียนจบไปแล้วและโซโล่ต้องกลับไปรับช่วงต่อ เขาจะทำอย่างไร จะยังคงรักกันไปอย่างนี้ได้จริงๆ หรือไม่

ทันทีที่เปิดเทอมสองกีล์ก็ต้องเริ่มฝึกงานอย่างจริงจัง สถานที่ฝึกงานของเขาคือรีสอร์ททางภาคใต้ เขากับโซโล่จำเป็นต้องแยกกันเพราะความจำเป็น ถึงอย่างนั้นโซโล่ก็ยังตั้งใจจะบินไปหาคนรักในทุกอาทิตย์ เพราะเขาทนไม่ได้หากกีล์ต้องอยู่ไกลสายตา แต่กลับถูกพ่อของตัวเองห้ามเอาไว้

ทันทีที่รู้ว่าโซโล่กำลังทรมานตัวเองเพราะถูกพ่อบังคับให้อยู่ที่เดิม ไม่ยอมให้มาหาเขา กีล์ทั้งเป็นห่วงและเป็นกังวล เขาเดินทางข้ามจังหวัดกลับไปหาโซโล่ทั้งที่ฝึกงานเหนื่อยจนแทบขาดใจ ทว่าการได้พบเจอกันโดยมีเพื่อนของโซโล่คอยช่วยเหลือกลับไม่น่าดีใจอย่างที่คิด โซโล่ถูกคำพูดจริงจังของคนที่เป็นห่วงเขามากและไม่เคยดุกันเลยสักครั้งทำให้รู้สึกตัว

สถานการณ์ระหว่างโซโล่กับพ่อเริ่มดีขึ้นเมื่อเขายอมเปิดใจเริ่มต้นใหม่ ในขณะเดียวกันกีล์ก็ให้คำตอบกับพ่อของโซโล่อย่างชัดเจน เขาตัดสินใจได้แล้วว่าหนทางในชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้จุดหมายปลายทางที่เคยหวังไว้ว่าจะทำงานเพื่อหาเงินไปใช้เลี้ยงดูแม่ใหญ่จะไม่อาจเป็นไปได้อีก แต่ก็มีจุดมุ่งหมายอื่นเข้ามาแทนแล้ว กีล์ต้องการอยู่เคียงข้างโซโล่ ถ้าการทำงานในสายที่เรียนมาจะทำให้ทุกสิ่งยากลำบาก เขาก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนทุกอย่าง ตอนที่เขาเลือกเรียนวิศวกรรม เขาเรียนเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี และน่าจะช่วยให้มีเงินเยอะๆ เอาไปใช้ดูแลแม่ใหญ่ได้ แต่ในเมื่อตอนนี้เป้าหมายเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำสิ่งเดิมอีกต่อไป… นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กีล์เลือกเรียนต่อในสายงานบริหารฯ​ เพื่อให้สามารถทำหน้าที่เลขาฯ ของโซโล่ได้ในอนาคต

หลังจากที่กีล์ฝึกงานจบ พวกเขาได้ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมอย่างเต็มที่ โซโล่พาคนรักไปอังกฤษ พวกเขาได้พบเจอกับน้องมูนซึ่งถูกพ่อของโซโล่รับเป็นลูกบุญธรรมอีกครั้ง ก่อนโซโล่จะพากีล์ไปหาแม่ของเขา แนะนำกีล์ให้แม่ของเขารู้จัก และบอกท่านว่าในที่สุดเขาก็ได้พบเจอกับความสุขของตัวเองแล้ว


 

 

Praew Recommend

keyboard_arrow_up