กำลังเรียกน้ำตาคนดูด้วยความสงสารจับใจ สำหรับ กุดั่น ที่รับบทโดย เอ๋ มณีรัตน์ ในละครเรื่อง ปีกทอง ทางช่อง GMM25 ที่ทั้งรักและยอมทำทุกอย่างเพื่อ ภูวดล รับบทโดย ฌอห์ณ จินดาโชติ ชายที่กุดั่นรักสุดหัวใจแต่ก็เป็นรักที่ฝ่ายชายเข้าหาเพียงเพื่อผลประโยชน์
ในละครปีกทอง เอ๋ มณีรัตน์ แสดงเป็น กุดั่น หญิงสาวใสซื่อที่ยอมทำแทบทุกอย่างเพื่อ ภูวดล ชายที่รัก ซึ่งภูวดลนั้นก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่กุดั่นคนเดียว กลับใช้ความทะเยอทะยานเอาความหน้าตาดีของตัวเองไปจับผู้หญิงรวยคนอื่นๆ อีก ซึ่งแฟนละครก็ล้วนอิน เศร้าตามเมื่อเห็นกุดั่นร้องไห้เสียใจ และอยากให้กุดั่นตาสว่างเสียที
เห็นในละครดราม่ายอมคนรักแบบนี้ แต่ในชีวิตจริงสาว
เอ๋ มณีรัตน์ เป็นผู้หญิงเข้มแข็งคนหนึ่งที่ผ่านเรื่องดราม่าในชีวิตจริงมากไม่น้อยเลย
เพราะกว่าจะสาวเอ๋จะมาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างทุกวันนี้ เธอเคยทำงานมาทั้ง เป็นลูกมือช่วยคุณพ่อเข็นรถขายโรตี แล้วเปลี่ยนมาเก็บหมากขาย โดยสาวเอ๋จะเป็นคนขับรถกระบะไปขนหมากข้ามไปขายตามต่างจังหวัดต่างๆ อย่างขอนแก่น ชัยภูมิ (สาวเอ๋เกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด) หรือแม้แต่มานั่งกะเทาะเปลือกหมาก นำไปตากแห้งแล้วขายส่งโรงงาน สาวเอ๋ก็เคยทำมาแล้ว
จนกระทั่งคุณพ่อเสียชีวิตกะทันหัน ประกอบกับครอบครัวมีปัญหาด้านการเงิน ซึ่งบ้านเหลือเงินเก็บไม่ถึง 50,000 บาท และสาวเอ๋ต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย สาวเอ๋และคุณแม่จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และเอ๋ก็ได้เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมถึงทำงานหารายได้อย่าง ขายโรตี หรือแม้กระทั่งเป็นพนักงานขายตรง ต้องเดินตามบ้านเพื่อไปขายเครื่องกรองน้ำ สาวเอ๋ก็ทำมาแล้ว ซึ่งผลที่ได้คือ เดินขายทั้งวันแต่ขายไม่ได้ จึงทำให้สาวเอ๋ล้มเลิกแล้วมองหางานใหม่ จนกระทั่งมาเป็นพนักงานขายของตามร้านสะดวกซื้อ แต่ทำได้เพียง 5 วัน สาวเอ๋ก็ตัดสินใจลาออก เพราะมองว่าไม่ใช่ทางของเธอ
วงการมายาไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
หลังจากสาวเอ๋ วัย 18 ปี ตอนนั้นได้เลิกเป็นพนักงานขาย เพื่อนก็ได้ให้เธอไปลองแคสต์เป็นนักแสดงประกอบมิวสิควิดีโอ ปรากฏว่าผ่าน และได้ขยับไปเป็นนักแสดงประกอบเล่นกับ กบ-สุวนันท์ และหนุ่ม-ศรราม ทำงานตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม ได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท แต่ต้องหักให้นายหน้าเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่สาวเอ๋ทนได้ เพราะอยากหาเงินช่วยแม่
เป็นนักแสดงประกอบเกือบปี ทักษะการแสดงดีขึ้นมาก ผู้กำกับสั่งให้ทำอะไร ทำได้ทุกอย่าง อาศัยว่าดูละครเยอะ พยายามจำแอ๊คติ้งนักแสดงคนอื่นๆ จึงได้เพิ่มบทเรื่อยๆ กระทั่งได้มาแคสต์หนังเรื่อง เพื่อนสนิท และได้เล่น ชีวิตจึงเปลี่ยนไปเลย มีงานเข้ามาเรื่อยๆ มีเงินเก็บ จนทุกวันนี้แม่ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว
สาวเอ๋ได้บอกไว้ว่า “แม้งานบันเทิงจะสนุก แต่ก็มีช่วงเวลาที่รู้สึกท้อ อย่างตอนที่เป็นนักแสดงตัวประกอบ เอ๋ต่อแถวกินข้าวผิดแถว ไปต่อแถวนักแสดง เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่ามีเส้นแบ่งระหว่างนักแสดงกับตัวประกอบ จึงมีคำพูดหนึ่งจากคนตักกับข้าวว่า ‘ของเอกซ์ตร้าอยู่ทางโน้น ตรงนี้ของดารา’ แล้วมองเอ๋แบบหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่บอกว่านี่ไม่ใช่ที่ของเธอ พอมองไปที่กับข้าวของนักแสดงประกอบมีเนื้อสัตว์นับชิ้นได้ ไม่เหมือนฝั่งของดารา จึงได้รู้ว่าชีวิตไม่เท่าเทียม
เหตุการณ์นั้นสอนเอ๋ว่า เราจะไม่ลืมวันที่เป็นนักแสดงประกอบว่าเราโดนกระทำแบบไหน เพื่อที่วันนี้ที่เราเป็นดาราจะได้ไม่ทำแย่ๆ กับคนอื่น เพราะทุกคนมีศักดิ์ศรีเหมือนกัน เพียงแค่บางครั้งอาจไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ขึ้นอยู่กับโอกาสที่เราอาจจะเลือกไม่ได้
“ความลำบากที่เจอตั้งแต่เด็ก สอนให้เอ๋รู้จักความอดทน เหนื่อยก็ต้องอดทน ง่วงก็ต้องทน แต่บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตา ทั้งกับเรื่องความรัก เรื่องงาน กับหลายๆ เรื่อง แต่เอ๋มีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าคนเราเลือกเกิดไม่ได้ เพราะเรายังเลือกที่จะเป็นได้
“สิ่งหนึ่งที่ความลำบากมอบให้คือ ได้สัมผัสประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายมากกว่าคนวัยเดียวกันและเอ๋ก็ภูมิใจที่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่”
พูดได้เลยว่า เป็นสาวสตรองคนหนึ่งในวงการบันเทิงเลยล่ะ…
เรียบเรียงโดย : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ที่มา : นิตยสารแพรว ปักษ์ 869 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 เรื่อง ปาจรีย์, ปารัณ
ภาพ : IG @ae_maneerat