ครั้งล่าสุดที่ แพรว มีโอกาสสัมภาษณ์ “วอร์ – วนรัตน์ รัศมีรัตน์” คือสิงหาคมปีที่แล้ว กระทั่งปีนี้เราได้กลับมานั่งคุยกับเขาอีกครั้งในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แม้วอร์จะบอกว่าชีวิตของเขาเหมือนเดิม แทบไม่ต่างจากปีที่แล้ว (ยกเว้นงานที่มากขึ้น) แต่ความคิดของเขาในเรื่องของการทำงานกลับเติบโตขึ้น รวมไปถึงฝีมือการแสดงที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

อัพเดตชีวิต “วอร์-วนรัตน์ รัศมีรัตน์” เติบโตขึ้น เก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด

ผลตอบรับสำหรับซีรี่ส์ กลรักรุ่นพี่ ครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ

“ดีเลยครับ คนอินกับตัวละครมากขึ้นกว่าครั้งแรกที่ฉายเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แม้เค้าโครงเรื่องจะเหมือนเดิม แต่เนื้อหามีมิติ ลงลึกมากขึ้น ในส่วนของบทบาท ‘มาร์ค’ ที่ผมแสดงก็รู้สึกว่าเขาเติบโตขึ้นเยอะ อย่างรอบที่แล้วตอนที่ผมเล่น ผมยังไม่เข้าใจว่าเขาคิดยังไง ไม่เข้าใจที่มาที่ไป เพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างสั้น แต่ ครั้งนี้รู้จักตัวละครมากขึ้น ได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนนิ่ง ๆ มีความสู้คน เชื่อมั่นและบูชา ความรัก รักใครทุ่มให้เต็มร้อย มาร์คมีความคล้ายผมในเรื่องการเชื่อใจคน คือเจอใครผมก็เชื่อใจก่อนเลย เชื่อว่าเขาหวังดีกับเราเสมอ และคิดว่าเขาเป็น คนดี เพราะรู้สึกว่าถ้าผมมองใครในแง่ลบ ตัวเองจะเสียโอกาส เราควร ให้โอกาสคนอื่นก่อน เขาอาจจะกลายเป็นเพื่อนเราก็ได้”

แล้วจุดไหนที่วอร์กับมาร์คแตกต่างกัน

“น่าจะเป็นการสู้ซึ่ง ๆ หน้า ผมเป็นแนวประนีประนอม ปรับตัวตาม คู่สนทนา ดูว่าคนที่เราพูดด้วยเป็นแบบไหน เด็ก ผู้ใหญ่ บุคลิกยังไง ซึ่งต่าง จากตัวละครมาร์ค เวลาเขาไม่ชอบใครจะแสดงออกชัดเจนว่าไม่ยอม ตอนแสดง ยอมรับว่าขัดกับตัวเองมาก บางการกระทำก็ไม่เคยทำมาก่อน เช่น ปากดี หาเรื่องคน ก็ต้องไปหาเรเฟอเรนซ์การแสดงอื่น ๆ ว่าเวลาคนเขาหาเรื่องชกต่อย กันเป็นยังไง ซึ่งระดับความพีคของมาร์คก็หลากหลาย มีทั้งสู้แบบนิ่ง ๆ หรือ สติหลุดไปเลยก็มี”

ถ้าวอร์ไม่ชอบใครจะแสดงออกยังไงคะ

“ถ้าไม่ชอบใครเพราะเรื่องส่วนตัวของเขา ผมไม่ทำอะไรเลย เพราะเรา ไม่มีสิทธิ์ไปกำหนดชีวิตใคร แต่ถ้าการกระทำของเขาส่งผลกระทบต่อเราในด้านที่ ไม่ดี ช่วงหนึ่งอาจจะทนปล่อยไปก่อน เพราะเราเข้มแข็ง พอจะรับได้ แต่ถ้า ถึงจุดที่ไม่ไหวก็ต้องพูด แต่อย่างที่บอก ผมเป็นแนวประนีประนอม ไม่ค่อยพูด ตรง ๆ ไม่อยากให้ใครเสียความรู้สึก”

ได้ร่วมงานกับหยิ่นและพร้อมเป็นครั้งที่สองแล้ว เป็นยังไงบ้าง

“สนุกครับ เรารู้จักกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว สบายใจที่จะทำงานด้วยกัน พอสนิทก็กล้าพูด กล้าดีไซน์บทมากขึ้นว่าควรเล่นแบบไหน ส่งผลให้ตัวละคร มีมิติขึ้น อย่างหยิ่นกับพร้อม บทบาทเขาก็มีการพัฒนามากขึ้น อาจเพราะเขา มีชั่วโมงบินที่มากกว่าเดิมจึงมีประสบการณ์ บวกกับทั้งสองคนมีความพยายาม บทจึ งพั ฒนาก้าวกระโดด ส่ วนบรรยากาศในกองถ่ายก็ สนุ กครั บโดยเฉพาะตอนที่แฟนคลับส่งฟู้ดซัพพอร์ตมาให้ เราก็ลุ้นกันทุกวันว่าจะมีอะไรมาบ้าง ซึ่งแต่ละวัน หน้าตาอาหารจะอลังการมาก”

วอร์รู้จักทั้งคู่มา 3 ปีแล้ว อะไรคือสิ่งที่พวกเขาไม่เปลี่ยนไปเลยคะ

“สำหรับหยิ่นคือการเป็นคนตรง ๆ กล้าพูด กล้าตัดสินใจ แม้บางครั้ง เวลาเขาพูดตรง ๆ กับผมมันจะรู้สึกจึ้กอยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่โดยรวมผมว่า การกล้าพูดของเขาเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งผมขาดทักษะนี้

“ในขณะที่พร้อมเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นเสมอ แต่งตัวเก่งไม่เปลี่ยน มีสไตล์ ของตัวเอง ตรงนี้จะต่างจากผมมาก เพราะเราแต่งตัวแบบเน้นฟังก์ชันการใช้งาน ใส่เสื้อที่แฟนคลับซื้อมาให้”

ขออัพเดตหน่อยนะคะ ตอนนี้ถ้าว่างทำอะไรบ้าง

“นานมากแล้ วที่ ผมไม่ ได้ เจอกั บคำว่าว่าง (หั วเราะ) เพราะทำงานเยอะ ที่ จริ งตอนนี้ชีวิตผมค่อนข้างสะเปะสะปะมาก ไม่เป็นเวลา หรือบริหารเวลาไม่ดีก็ไม่รู้นะ ก็ยังคิดกับตัวเองอยู่ มีหลายคนทักว่าผมผอมลง อาจจะเพราะเหนื่อย แค่อยาก นอนให้มากขึ้น ทำให้ช่วงเวลาที่ควรออกกำลังกายหรือกินอาหารน้อยลง แต่ถ้า มีเวลาว่าง ผมก็ยังเล่นดนตรี วาดรูป ดูซีรี่ส์บ้าง เน้นตอนสั้น ๆ แต่ที่ผมติดมาก ในตอนนี้คือโลกโซเชียล บางคืนนอนดึกเพราะมัวแต่ไถไอจี ยิ่งตอนนี้ทำออกมา เป็น Reel เหมือน TikTok ยิ่งดูเพลิน ผมชอบดูแอ๊กเคานต์ทำอาหาร เช่น ทำซูชิ บางทีไล่ดูหมดทุกคลิป จึงหลุดออกจากหน้าจอยากมาก ใครมีวิธีทำให้ หลุดจากโซเชียล แนะนำกันได้นะครับ” (ยิ้ม)

เรื่องที่อินที่สุดล่ะคะ

“ถ้านอกเหนือจากการวาดรูปและเล่นดนตรี ผมยังชอบการไปตกปลา แต่ ชอบตกหมึกมากกว่า เพราะมันง่าย อุปกรณ์ไม่เยอะ ไม่ได้ใช้เวลามาก ว่าง ๆ จะไปกันเป็นแก๊ง หยิ่นกับพร้อมก็ไปด้วย

“สิ่งที่ชอบจากการตกหมึกคือ นอกจากจะได้กินอาหารสด ยังได้เห็น กระบวนการทุกอย่าง พอทำเองก็รู้สึกว่าจานนั้นมีคุณค่า อย่างเวลาจัดการ ปลาหมึก ใช้วิธีจิ้มสมองก็ตายทันทีโดยไม่ทรมาน ผมจะพิถีพิถันกับการแล่เนื้อ เพราะรู้สึกว่าเป็นการให้เกียรติอาหาร ตั้งใจทำและกินให้อร่อยที่สุด ครั้งหนึ่งผม เคยไปตกปลา เจอไต๋เรือที่ไม่ได้ฆ่าด้วยวิธีจิ้มที่สมอง แต่ปล่อยให้ดิ้นอยู่จนตาย ผมสงสาร ไม่อยากให้ตายทรมาน ก็ช่วยใช้มีดจิ้มสมอง เขาถึงตายอย่างสงบ

“นอกจากนี้การตกปลา ตกหมึก ยังฝึกสมาธิ กว่าจะได้ปลา ได้หมึก สักตัวต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยครับ แต่หลัก ๆ คือการเห็นคุณค่าของอาหาร ความพยายามที่จะหามา เวลากินข้าวผมกินหมดทุกอย่าง ไม่เหลือทิ้ง เพราะ เห็นกระบวนการของมัน” 

เป็นแนวคิดที่เข้ากับวิกฤติในยุคนี้นะคะ ที่เราเจอปัญหาขยะอาหารล้นโลก

“ใช่ครับ อุตสาหกรรมอาหารส่งผลต่อมลภาวะทางโลกเยอะ ทั้งขยะ แก๊ซ มลพิษต่าง ๆ ซึ่งเราเลี่ยงไม่ได้หรอก เพราะเราไม่ได้ทำอาชีพชาวประมง หรือสามารถออกไปหาปลา แต่เราสามารถปลูกฝังคนให้เห็นคุณค่าของอาหารได้ บางทีผมไปตลาดเห็นปลาเน่า ตายฟรี โดนทิ้งลงถังขยะก็เยอะ ซึ่งชีวิตเขามีค่า กว่านั้น เราทำอุตสาหกรรมอาหารให้ยั่งยืนได้ เช่น ไม่ควรล่าปลาในฤดูวางไข่ เพื่อให้มันมีเวลาเพาะพันธุ์ออกลูกหลาน ผมอินเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยอมรับว่า ตัวเราเองก็ยังทำร้ายสิ่งแวดล้อมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมว่าเราควรหาหนทางทำร้าย ธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด”

มาถึงเรื่องครอบครัวบ้าง ทราบว่าวอร์สร้างบ้านที่กรุงเทพฯด้วย

“ใช่ครับ ตอนนี้รอบ้านเสร็จ แต่ยังอีกหลายเดือนเลย ก่อนหน้านี้แม่ย้าย มาอยู่กรุงเทพฯกับพี่และน้องสาวสักพักแล้ว ส่วนพ่อยังอยู่ที่ขอนแก่น ขณะที่ ผมอยู่คอนโด จึงอยากอยู่ด้วยกัน ตั้งใจเก็บเงินซื้อบ้าน ไม่อยากให้พ่อกับแม่ ทำงานหนักแล้ว อย่างธุรกิจร้านเช่าชุดแต่งงานที่ขอนแก่นตอนนี้ก็เพลาลง ผมอยากให้พ่อแม่ทำในสิ่งที่ชอบ เคยถามท่านว่ามีฝันที่อยากทำมั้ย พ่อยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน (หัวเราะ) ส่วนแม่อยากทำธุรกิจสักอย่าง ผมจึงคิดจะทำอะไรร่วมกับแม่”

แล้วความฝันของวอร์คืออะไรคะ

“ปีนี้ผมอายุ 28 แล้ว เมื่อเทียบชีวิตจากปีที่แล้วมันผ่านไปเร็วมาก ต่างกับสมัยเด็กที่รู้สึกว่ากว่าจะผ่านไปแต่ละปีมันช่างยาวนาน ชีวิตและวิธีการทำงาน ของผมอาจจะยังคล้ายเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือประสบการณ์และมุมมอง การทำงาน การทำงานบางครั้งเหนื่อยมากนะ แต่พอเราได้เห็นผลลัพธ์ มันเป็น กำลังใจให้สู้ต่อ ทำต่อไปอีก และอยากทำให้ดีขึ้นที่จริงผมอยากทำอะไรอีกเยอะ แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะทำไม่สำเร็จ เพราะวินัยไม่ค่อยดี บังคับตัวเองไม่ได้

“อย่างเรื่องเพลง ผมอยากทำงานเพลงของตัวเองมานานแล้ว แต่ด้วย เวลาตอนนี้ สารภาพเลยว่าไม่รู้จะทำตอนไหน และการเริ่มต้นคือเรื่องยาก ผม แต่งเพลงบ้าง แต่จะให้ทำต่อจากที่แต่งไว้ยากมาก บวกกับเราไม่ใช่มืออาชีพด้วย บางทีก็สับสนว่าจะเอาเนื้อเพลงนำก่อนหรือแต่งเมโลดี้ก่อนดี แล้วถ้าเนื้อร้อง ไม่เข้ากับเมโลดี้ที่คิดไว้ล่ะ (หัวเราะ) ผมจะชอบสับสนแบบนี้ ส่วนใหญ่เพลงที่ผม ชอบจะเกี่ยวกับความคิดถึง ทั้งที่จริงผมชอบฟังเพลงแนวเพื่อชีวิตมากนะ แต่ แต่งเองแล้วรู้สึกว่าชีวิตเรายังผ่านอะไรมาไม่เยอะ ยังสู้คนอื่นไม่ได้”

ไอดอลนักร้องของวอร์ยังคงเป็นพี่บอย อิมเมจิ้น อยู่หรือเปล่า

“ใช่ครับ ได้เจอเขาล่าสุดปีที่แล้ว ซึ่งผมเจอในฐานะที่เขาเป็นสถาปนิก ไม่ใช่นักร้อง ตอนแรกคิดว่าจะขอถ่ายรูปดีไหม แต่คิดว่าอย่าเลย กำลังจะเดิน ออกจากประตู ปรากฏว่ามีคนช่วยเรียก เพราะเขารู้ว่าผมปลื้มพี่บอยมาก และ ไปขอพี่บอยให้ถ่ายรูปกับผม นั่นคือการเจอกันครั้งแรกและได้ถ่ายรูปร่วมกัน บอกเลยว่าตื่นเต้นมาก ๆ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน

“ความที่ปลื้มเขามาก ผมจึงขอให้ผู้จัดการเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงาน แฟนมีตติ้งของผมด้วย (จัดวันที่ 6 สิงหาคม) แต่ เขาบอกว่าไม่รับงานคอนเสิร์ตแล้วครับ เพราะติด เลี้ยงลูก ฟังแล้วยิ่งชอบเขามากขึ้นกว่าเดิม เขามี เป้าหมายที่ต้องทำชัดเจน จึงตอบไปว่าไม่เป็นไร ครับพี่ เอาเวลาไปเลี้ยงลูกเลยครับ (หัวเราะ) ผมเคยฟังเพลงเขาที่แต่งให้ลูก เขาบอกว่าลูกคือสิ่งที่ เขาสร้างขึ้นเพื่อจะส่งต่อคำสอนของเขา ให้อยู่ในโลก ที่เขาเชื่อว่ามีสิ่งที่สวยงามอยู่”

วอร์เคยนึกถึงเรื่องการมีลูกบ้างมั้ยคะ

“ผมยังไม่พร้อม ที่สำคัญผมยังไม่มีใครด้วย (หัวเราะ) ลูกคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะเราไม่ได้ มีชีวิตอมตะ ต้องมีลูกเพื่อส่งต่อดีเอ็นเอหรือเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอด แต่ด้วยสภาพแวดล้อมตอนนี้ ผมว่า ชีวิตลูกหลานในอนาคตค่อนข้างอยู่ยาก บวกกับการ มีลูกเราต้องพร้อมจะให้ทุกอย่างกับคนคนหนึ่ง ต้อง มีความมั่นคง ความสุข ที่จะยกทุกอย่างให้เขาได้ ซึ่งผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่มีขนาดนั้น”

เป้าหมายในอนาคตคืออะไรคะ

“อยากสบาย ไม่มีโรคภัย กินอิ่มนอนหลับ ได้ทำสิ่งที่ชอบ เช่น มีเวลาว่างสักอาทิตย์ไปสตูดิโอ ไปวาดรูป ส่วนเงินมีใช้พอประมาณ แต่ความพอประมาณก็ไม่รู้เท่าไหร่นะ จึงต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ว่าต้องมีเงินเท่าไรที่จะพอทำให้ครอบครัวและผมมีความสุข ต้องมีเงินเท่าไรจึงจะสุขภาพดี”

ตอนนี้ถือว่าพอแล้วหรือยัง

(ยิ้ม) “ปีที่แล้วผมคิดว่าอีกนิดก็พอแล้วละ ส่วนปีนี้คิดว่าเกือบพอ สรุปว่าที่ขาดไปก็คือความพอ (หัวเราะ) น่าแปลกนะ ทำไมมันไปไม่ถึงคำว่าพอ สักที อาจเพราะชีวิตยังมีอะไรที่ผมอยากทำอีก มากมายครั บทั้ งเรื่ องงานและเรื่ องส่ วนตั วความพอ จึงขยับเพดานไปตามชีวิตด้วย” 

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 985

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

“มีความสุขที่สุดในชีวิต” เป็นคำพูดที่ “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” ให้สัมภาษณ์ไว้ตอนถ่ายแฟชั่นคู่กับน้องโนล่าลูกสาวสุดที่รักเมื่อปีก่อน (นิตยสารแพรว ฉบับเมษายน 2563) ครั้งนี้นอกจากจะจัดเต็มแฟชั่นเซต + ปกดิจิทัลประเดิมให้ แพรว เป็นครั้งแรกแล้ว เรายังมีนัดอัพเดตชีวิตของเจนี่ หลังจากรับหน้าที่คุณแม่แบบฟูลไทม์เกือบ 2 ปี ซึ่งเธอบอกว่า “ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว ชีวิตแฮ็ปปี้มากๆ ค่ะ”

เปิดชีวิตคุณแม่ฟูลไทม์ของ “เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” ที่มีความสุขแบบเกินต้าน

กลับมารับงานอีกครั้ง เป็นอย่างไรบ้างคะ

“ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องดูแลลูก และด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างทำให้ไม่พร้อม แต่ตอนนี้เจนี่คิดว่า ถึงเวลาแล้ว น้องโนล่าโตขึ้นพอสมควร จึงตัดสินใจกลับมารับงานละครอีกครั้ง ซึ่งจริงๆ ตั้งแต่คลอดก็มี หลายเรื่องติดต่อมานะคะ แต่เจนี่เลี้ยงลูกเอง ไม่มีพี่เลี้ยง ทำเองทุกอย่าง ทุ่มเวลาทั้งหมดให้ลูกเลยค่ะ ถ้ารับงานก็กลัวว่าสมาธิจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยความกังวลและเป็นห่วงว่าจะดูแลลูกได้ไม่เต็มที่ 24 ชั่วโมง จึงรอเวลาที่เหมาะสมมาเรื่อยๆ กระทั่งโนล่าโตพอ สามารถอยู่กับคุณพ่อสองคนได้แล้ว จึงถึงเวลาทำงาน ของแม่แล้วค่ะ เพิ่งเปิดกล้องละครเรื่อง มัดหัวใจยัยซุปตาร์ (คู่กับกลัฟ – คณาวุฒิ) รอสถานการณ์โอเคก่อน จึงเริ่มถ่ายทำค่ะ

“สำหรับธุรกิจส่วนตัว ก่อนหน้านี้เป็นช่วงพักค่ะ เพราะเจนี่ทำเองทุกอย่างจริงๆ ถ้าต้องทำงานและ เลี้ยงลูกด้วยคงไม่ไหว เพราะการเลี้ยงลูกสำคัญมากๆ ไม่สามารถแบ่งเวลาไปทำงานอื่นได้เลย พอพร้อมแล้ว จึงกำลังแพลนทำธุรกิจใหม่ แต่ยังบอกได้แค่ว่าเกี่ยวกับสุขภาพเหมือนเดิม” (ยิ้ม)

ติดตาม Nola’s Family อยู่นะคะ บทบาทยูทูบเบอร์เป็นอย่างไรบ้าง

“ขอบคุณค่ะ ยังเป็นมือสมัครเล่นมากๆ Nola’s Family เริ่มมาจากเจนี่ เห็นว่าโนล่าอยู่ในวัยกำลังน่ารัก น่าเอ็นดู มีมุมตลกด้วย จากที่แม่กับพ่อดูแล้ว นั่งยิ้มกันสองคน ก็อยากแชร์มุมน่ารักๆ ของลูกให้คนอื่นดูด้วย ให้ได้ยิ้มไปด้วยกัน

“ยิ่งช่วงนี้โนล่าชอบทำท่าทางเลียนแบบ อย่างถ้าเห็นเจนี่คุยโทรศัพท์ เขาก็ หยิบของเล่นมาทำท่าทางแบบเดินคุยโทรศัพท์ เอามือปิดปากหัวเราะแบบที่เจนี่ทำ (หัวเราะ) เวลาเจนี่นั่งท่าอะไร เขาก็ทำตามทุกอย่าง

“ตอนนี้รายการมี 5 อีพีแล้วค่ะ ลองทำมาเรื่อยๆ และโนล่าชอบดูตัวเองนะคะ เวลาตัดคลิปเสร็จ เจนี่จะเปิดให้เขาดูก่อน ประมาณว่าตรวจงานก่อนออนแอร์ (หัวเราะ) เวลาเห็นตัวเองเขาจะหัวเราะชอบใจ ยกนิ้วแบบเยี่ยมๆ เจนี่ก็สงสัยนะ อายุแค่นี้หนูรู้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอคะลูก”

“โนล่า” เริ่มฉายแววแฟชั่นนิสต้าแบบคุณแม่แล้วด้วยใช่ไหมคะ

“ใช่ค่ะ ทุกอย่างเลย ชอบทำท่าแต่งหน้า ทาครีม และเวลาเจนี่ถ่ายรูป เขาก็จะทำท่าโพสตาม (หัวเราะ) หรือเจนี่ชอบรองเท้ามาก โนล่าก็เช่นกัน เวลาซื้อคู่ใหม่มา เขาจะขอลองด้วย แล้วก็ทำท่าเดินแบบตามแม่ พอบอกให้โพสท่า เขาก็ยกมือขึ้นมาแตะคาง ทำท่าแบบฉันสวย อะไรแบบนั้น (หัวเราะชอบใจ)

“เจนี่ชอบแต่งตัวสไตล์สตรีท มิกซ์แอนด์แมตช์ ก็จะแต่งให้ลูกแบบแมตช์ กันด้วย ซึ่งเขาก็ชอบเวลาที่ได้แต่งตัวกับแม่ ตอนนี้สามารถเปิดตู้เสื้อผ้าเลือก ชุดเองได้แล้วนะคะว่าวันนี้อยากใส่ชุดไหน รวมถึงเวลาไปซื้อของ เขาก็เลือก เองทุกอย่าง

“ถ้าเราเลือกให้แล้วเขาไม่ชอบ เขาจะบอกนะว่าไม่เอา ไม่ใส่ และอีกอย่าง คือเขาไม่ชอบให้เจนี่มัดผม (หัวเราะ) เขาจะชี้บอกว่าแม่ปล่อยผมๆ ซึ่งเจนี่ จะรวบผมเวลาออกกำลังกาย แต่ถามว่าแม่ทำยังไงได้ ก็ต้องยอมค่ะ ปล่อยผม ออกกำลังกายแบบร้อนๆ เหงื่อชุ่มกันไปเลย” (หัวเราะ)

ขออัพเดตกิจกรรมของ Nola’s Family บ้างนะคะ

“ตื่นเช้ามาเราจะออกกำลังกายพร้อมกัน โนล่าก็จะนั่งดูพ่อกับแม่ออก- กำลังกาย จนช่วงหลังเขาทำเป็นแล้วนะคะ เพราะดูทุกวัน จากนั้นก็ทำอาหาร กินข้าว พอหลังมื้อเที่ยงลูกหลับแป๊บนึง และพอตื่นพลังงานจะเยอะมาก ต้องหา กิจกรรมให้เขาทำ บางวันก็พาวิ่งไปสนามเด็กเล่น ซึ่งเวลาออกจากบ้านเขาจะ แฮ็ปปี้มาก จากนั้นก็กลับมากินข้าว เสร็จแล้วเข้านอน เป็นแบบนี้ทุกวันจนเป็น กิจวัตรแล้วค่ะ”

ทำอาหารเองทุกวันเลยเหรอคะ

“ทำบ่อยค่ะ ทั้งของคุณลูกและคุณพ่อ แต่ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้เจนี่ ทำอาหารไม่เป็นเลยนะคะ แต่พอมีลูก อะไรที่ทำไม่เป็นหรือไม่เคยทำ กลายเป็น ทำได้หมด อย่างหุงข้าวที่เคยไม่เป็น แต่ตอนนี้บอกเลยว่าเซียนมาก (หัวเราะ) ไม่ต้องวัดตวงน้ำแล้ว เป๊ะมาก

“ส่วนกับข้าว แรกๆ ก็เปิดดูสูตร ดูวิธีทำในออนไลน์บ้าง แต่ตอนหลังใช้วิธี ปรับเอาตามสูตรของเจนี่เอง จนตอนนี้ลูกอยากกินอะไร จะข้าวผัด สปาเกตตี บะหมี่ จะต้ม จะผัด จะนึ่ง แม่จัดให้ได้หมด”

ลูกชอบเมนูอะไรที่สุดคะ

“เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ เจนี่จะเตรียมให้เขาอย่างน้อยสองเมนู เผื่อว่าอันนี้ ไม่ชอบ หรือเกิดเบื่อ ไม่อยากกิน ก็จะได้มีอีกเมนูไว้สำรอง ซึ่งโชคดีว่าเขากินง่าย และยังชอบผักมากกว่าเนื้อสัตว์ด้วย

“อย่างช่วงนี้เขาชอบเมนูเส้น เจนี่ก็ทำสปาเกตตีบ่อยหน่อย โดยเปลี่ยนเส้น เป็นแบบต่างๆ บางวันเส้นเกลียว บางวันเป็นรูปมิกกี้เม้าส์ ให้มีความหลากหลาย ลูกจะได้ไม่เบื่อ ส่วนแม่ชอบข้าว ถ้าวันไหนลูกเบื่อเส้นก็กินข้าวกับแม่ได้” (หัวเราะ)

สำหรับเจนี่ จากวันแรกที่เป็นคุณแม่ จนวันนี้น้องโนล่าจะ 2 ขวบแล้ว เปลี่ยนไปอย่างไรบ้างคะ

“เปลี่ยนสุดๆ เลยค่ะ ทุกอย่างเลย ก็เหมือนกับตอนเป็นเด็กเราก็เป็น แบบหนึ่ง พอวัยรุ่นก็เป็นอีกแบบ พอแต่งงานใช้ชีวิตคู่ก็ปรับไปอีก“แล้วพอมีลูกก็เปลี่ยนแบบสุดๆ อีกครั้ง ตอนนี้ทุกอย่างของเรามีลูกเป็น อันดับแรก ส่วนความรู้สึกเราเป็นอันดับรองมา เราทำทุกอย่างได้เพื่อเขา พยายาม วางไว้ให้เขาหมดทุกอย่าง เพราะรักเขา อยากดูแลทั้งกายและใจให้ดีที่สุดค่ะ ตัวเราเองเมื่อก่อนอาจใจร้อน อยากทำอะไรก็ทำเลย ตอนนี้เวลาทำอะไรจะคิดถึง ลูกก่อน ใจเย็นขึ้นประมาณ 50 เท่า มันเป็นไปโดยอัตโนมัติเลยค่ะ จริงๆ นะ

“อย่างก่อนหน้านี้เจนี่ไม่เคยคิดภาพตัวเองให้นมลูกเลยนะ แต่ตัดภาพ มาตอนนี้คือโนล่าเพิ่งเลิกดูดนมแม่ ทั้งที่จะ 2 ขวบแล้ว (โนล่าเกิด 28 พฤศจิกายน 2562) เพื่อนๆ ยังบอกว่าเจนี่ให้นมนานมาก อึดเหลือเกิน เพราะให้นมเองจากเต้า และต้องปั๊มนมเก็บไว้ด้วย เจนี่คิดว่าส่วนหนึ่งเพราะยังไม่ได้เริ่มถ่ายละคร มีเวลา ให้เขาเต็มที่ เจนี่จึงอยากทุ่มทุกอย่างให้

“เจนี่ชอบเวลาที่ลูกกินนมแม่นะ เหมือนเป็นสายใยความรักของแม่กับลูก และเวลาที่มองตากัน นอนกอดกัน หลับไปพร้อมกัน มันเป็นความผูกพันที่ ยิ่งใหญ่มาก ๆ พอตอนนี้ลูกหย่านมแม่แล้ว เจนี่เหมือนอกหักเลยค่ะ กลายเป็น เราเองที่ต้องอดทน เพราะลูกเริ่มโตแล้ว”

ตอนที่คลอดใหม่ๆ เจนี่เล่าว่าห่วงลูกมาก กังวลทุกอย่าง ตอนนี้ชิลขึ้นหรือยังคะ

“กังวลน้อยลงมากค่ะ เพราะเขาโตขึ้น สามารถทำนู่นนี่เองได้ แม่ก็ไม่ต้อง เป็นห่วงขนาดนั้นแล้ว บวกกับเจนี่ก็อยู่ด้วยตลอด จึงค่อนข้างมั่นใจในความ ปลอดภัย

“เจนี่เลี้ยงลูกแบบชิลๆ ให้เล่น ให้ลองทำทุกอย่าง ไม่ห้ามเลย เพราะ อยากให้เขาได้ทำทุกสิ่งที่ชอบ ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาชอบด้านไหนเป็นพิเศษ แต่ที่เห็นบ่อยๆ คือชอบเต้นค่ะ (หัวเราะ) ชอบออกกำลังกาย ชอบทุกอย่างที่ พ่อแม่แนะนำหรือพาไป โดยไม่งอแงเลย ยกเว้นเวลาที่นอนไม่พอหรือหิว แค่นั้นเองค่ะ”

เจนี่ปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ บ้างไหมคะ

“ช่วงแรกๆ มีบ้าง แต่ตอนหลังเจนี่ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้เองตามธรรมชาติ เลยค่ะ ซึ่งความที่เคยเลี้ยงหลานมาก่อน (น้องบีน่าและน้องบรู๊คลินของคุณแม่ นานา ไรบีนา) ทำให้เราเข้าใจว่าเด็กวัยนี้เป็นอย่างไร แต่มีวิดีโอคอลคุยกับนานา อัพเดตชีวิตเรื่องโน้นเรื่องนี้เป็นประจำค่ะ”

เรื่องโรงเรียนของลูกล่ะคะ เตรียมตัวอย่างไรบ้าง

“ตอนแรกเจนี่เตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว ความจริงโนล่าต้องเข้า Pre Kindergarten หรือเตรียมอนุบาลตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่ด้วยสถานการณ์ โควิด-19 ทุกอย่างจึงเลื่อนออกไป และต้องเปลี่ยนแผนใหม่หมดเลย

“แต่โนล่าเรียนรู้เร็วมาก อย่างเวลาจะออกจากบ้านทุกวันนี้ต้องมีทั้งหน้ากาก มีหมวก พอเปิดประตูรถปุ๊บ เขาจะทำท่าใส่หน้ากาก ทันที เป็นอัตโนมัติของเด็กสมัยนี้ว่าถ้าออกจากบ้านต้องมี หน้ากากนะ เพราะเจนี่บอกเขาตลอดว่าหนูต้องใส่หน้ากาก นะลูก เดี๋ยวไม่สบาย”

คุณพ่อหรือคุณแม่ ใครใจดีกว่ากันคะ

“แม่ใจดีไหมคะ (หันไปถามโนล่า) คิดว่าแม่นะคะ เพราะค่อนข้างตามใจเขาและแทบไม่ดุลูกเลย ส่วนหนึ่ง เพราะเราใกล้ชิดลูกมากๆ จึงไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ต้อง เป็นห่วงหรือดุกัน และเจนี่เห็นลูกร้องไห้ไม่ได้หรอก”

เจนี่กับมิกกี้มีแบ่งหน้าที่ดูแลลูกกันไหมคะ

“เราสองคนช่วยกันทำทุกอย่าง ไม่ได้แบ่งชัดๆ บางวันลูกตื่นตอนกลางคืน ตอนเช้าเจนี่จะบอกมิกว่า ขอนอนอีกนิดนะ เขาก็จะพาลูกลงมากินข้าวก่อน คือ เราช่วยกันได้หมด และมิกก็สามารถดูแลลูกได้ทุกอย่าง ยกเว้นให้นมแค่นั้น (หัวเราะ)

“เจนี่คิดว่าการที่เราสองคนเลี้ยงลูกเอง ทำให้เราได้ ใกล้ชิด ได้เห็นทุกการเติบโตของเขา อย่างตอนสมัยเจนี่ ก็ไม่ได้มีพี่เลี้ยงและนอนกับพ่อแม่ ทำให้เราชอบความ รู้สึกที่ได้กอด ได้หอมกัน มันอบอุ่นมากๆ เจนี่จึงอยากใช้ เวลาอยู่กับลูกในช่วงเวลานี้ให้มากที่สุด เพราะเราไม่สามารถ ย้อนเวลาหรือนำความรู้สึกตอนที่เขาเล็กๆ กลับมาได้

“ยอมรับเลยนะ ตั้งแต่มีลูกจนถึงตอนนี้ เจนี่ไม่เคย หลับสนิทเต็มอิ่มสักคืน เพราะเขามักจะตื่นมาตอนตี 3 แบบว่าอยากให้แม่กอด แม่หอม หรือบางครั้งลูกขยับ เรา ก็ตื่นตามอัตโนมัติเลยค่ะ ฉะนั้นแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ยอม เพราะเป็นความเหนื่อยที่มีความสุขที่สุด”

นอนน้อย แต่คุณแม่ยังดูสดใสและหน้าเด็กอยู่เสมอ

(ยิ้ม) “นี่เลข 4 แล้วนะ เจนี่พยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ กินอาหารที่ดี และเจนี่กับมิกกี้อออกกำลังกายทุกวัน มีคาร์ดิโอ ยกเวต และวิ่งให้ได้อย่างน้อย วันละ 4 กิโลเมตร

“ส่วนอาหารก็คุมนะคะ แต่ไม่ถึงขนาดกินคลีน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเรา ต้องให้ชีวิตมีความสุขด้วย อย่างวันนี้อยากกินข้าวมันไก่ ก็อาจจะเปลี่ยนจากข้าวมัน เป็นข้าวธรรมดา คือพยายามบาลานซ์ให้อยู่ตรงกลาง แล้วช่วงให้นมลูก อะไรที่ เรากินก็ส่งต่อไปถึงลูกด้วย ฉะนั้นเวลาจะกินอะไรก็ต้องนึกถึงลูกด้วย

“หลักๆ เจนี่เชื่อว่าแค่ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดี ดื่มน้ำเยอะๆ โดยทำ อย่างสม่ำเสมอจะช่วยได้ค่ะ อีกอย่างคือไม่นอนดึก อย่างเจนี่สองทุ่มก็อยู่บนเตียง หลับแล้ว ซึ่งอันนี้สำคัญนะ เพราะฮอร์โมนเด็กจะหลั่งตอนประมาณเที่ยงคืน ฉะนั้นต้องห้ามนอนดึกค่ะ

“เจนี่นอนเร็วแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนมีลูกอีกนะ แม้บางวันดูซีรี่ส์สนุกแค่ไหน ติดลมยังไง สามทุ่มต้องปิดทันที เจนี่จึงเลือกดูตอนกลางวัน (หัวเราะ) เพราะไม่งั้น เราจะอยากดูให้จบ แบบขอต่ออีก 10 นาที ต่อไปเรื่อยๆ สรุปไม่ได้นอนเลยค่า

“การดูแลตัวเองดีจะทำให้ความอ่อนเยาว์คงอยู่กับเราไปนานๆ ซึ่งนอกจาก จะมีรูปร่างที่ดีแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อจะได้อยู่กับลูก ให้ได้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ”

ขอขยับมาที่ความหวานของคุณพ่อคุณแม่บ้าง มีแอบลูกไปสวีตกันบ้างไหมคะ

“ไม่มีเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ความพิเศษก็ไม่น้อยลงนะคะ อย่างในวันพิเศษ วันเกิด วันครบรอบ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม จริงอยู่ที่ตั้งแต่มีลูกเราไม่ได้ไปเที่ยว กันสองคนเลย แต่เจนี่กับมิกเข้าใจ ไม่เคยงอนหรือน้อยใจกันเลยนะคะ เรา มีความสุขที่จะอยู่กับลูกตลอดเวลา ได้สัมผัสความรักอีกแบบหนึ่งค่ะ

“สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือมิกยังดูแลเจนี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือดูแลลูกด้วย (ยิ้ม) มิกมีความสม่ำเสมอ ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เขาไม่เคยขาดเลย อย่างเวลา เจนี่ไปทำงาน เขาก็สั่งอาหารไปให้ที่กอง เพราะเขารู้ว่าเราทำงานเหนื่อย อาจ ไม่มีเวลาดูเรื่องนี้ และเขารู้ว่าเราชอบกินอะไร ก็จะคอยดูแลเสมอ เขาอาจรู้สึกว่าเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เรา แต่เจนี่คิดว่าเป็นความชื่นใจมากๆ (ยิ้ม)

“สำหรับเราไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่หรือหรูหรา แต่มีคุณค่าทางจิตใจ แค่ความดี ที่เราสองคนมีให้กัน ความเสมอต้นเสมอปลาย มันคือสิ่งที่ดีที่สุดของกันและกัน แล้ว เป็นอะไรที่ดีพอดีกับชีวิต อาจจะไม่ต้องสวีตหรือจัดเซอร์ไพร้ส์ยิ่งใหญ่ให้กัน แค่ทุกวันเรามีความสุขก็ดีที่สุดแล้วค่ะ อย่างที่บอกว่าพอแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก เจนี่สัมผัสได้ถึงความรักอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ ความรักที่มั่นคงค่ะ”

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 975

ภาพเพิ่มเติม : @janienineeleven

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

การกลับมาของ “เจนี่” กับแฟชั่นเซ็ตจัดเต็ม! ในแพรว

ทริคคีพความ อ่อนเยาว์ ของ “เจนี่ อัลภาชน์” อายุเกือบแตะเลข 4 แต่ยังดูเด็กไม่สร่าง

เปิดใจเอ็กซ์คลูซีฟ! ความสุขที่แท้จริงของ ‘เจนี่’ บทบาทคุณแม่ที่เฝ้ารอมาทั้งชีวิต