ล้วงเคล็ดลับความสวยของ “ปรางค์ – อภินรา ศรีกาญจนา” เวิร์กกิ้งวูแมนยุคใหม่ สวย เก๋ มีสมอง

ทุกครั้งที่พูดถึงวงการเซเลบริตี้บ้านเรา มักจะต้องนึกถึงสาวสวย เก่งคนนี้เสมอ ปรางค์ – อภินรา ศรีกาญจนา โดยปกติแล้วเราจะพูดถึงแง่มุมการทำงาน เรื่องราวชีวิตต่างๆ ของเธอซะส่วนใหญ่ แต่วันนี้เราจะนำเสนอเรื่องที่สบายๆ เหมาะกับสาวๆ อย่างเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์แฟชั่น หรือพวกเคล็ดลับความสวย ที่เราไปล้วงลึกถามมาจากปากของเจ้าตัวเองเลยล่ะ

แฟชั่นการแต่งตัววันนี้มาในสไตล์ไหน?

ตามธีมวันนี้เลยค่ะ เป็นสีแดงขาว เกี่ยวกับเรื่องของความรัก และการให้ วันนี้ก็เลยใส่เสื้อแขนยาวสีแดงเป็นลูกไม้ค่ะ เพราะตอนนี้เทรนด์ลูกไม้ก็กำลังมาแรงมากๆ โดยเฉพาะคนที่ผอม แล้วตัวค่อนข้างแบน ใส่เสื้อแล้วประดูกโผล่ ลูกไม้ก็จะช่วยอำพราง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปิดจนมิด มีลูกเล่นให้โชว์ผิว  แล้วก็ใส่กระโปรงเข้ารูปสีขาวของ The parrot bangkok เป็นแบรนด์ไทยค่ะ เพราะวันนี้เรามาจากออฟฟิศด้วย คือปกติปรางค์เป็นคนที่แต่งตัวให้ไปได้ทุกที่ตั้งแต่เช้ายันเย็น จะให้ความสำคัญเรื่องกาลเทศะ

การแต่งหน้าของวันนี้ล่ะ?

วันนี้ปรางค์เน้นที่ลิปสติกสีแดงของ sephora แบบเนื้อแมทค่ะ เพราะเวลาทำงานตอนเช้าที่ออฟฟิศเราจะทาสีนู้ด แต่ถ้าต้องออกมาข้างนอก มาพบเจอเพื่อน หรือว่ามางานเหมือนวันนี้ ปรางค์ก็จะทาสีแดงทับเข้าไปเพื่อให้ดูมีสีสัน ปรางค์ว่าสีมันมีผลกระทบต่ออารมณ์นะ ถ้าเราใช้สีที่มีสีสัน มันก็ช่วยให้เรารู้สึกมีพลัง กระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงดีค่ะ

มีวีดูแลตัวเองยังไงบ้าง?

คือช่วงนี้ปรางค์ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย แต่ว่าปรางค์เป็นคนที่ไม่เคยอดอาหารเลยสักมื้อนะ ไม่ว่าจะตื่นตี 5 ปรางค์ก็พยายามจะกินข้าวเช้า คือต้องกินให้ครบ 3 มื้อ อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะปรางค์รู้ว่าการที่เราไม่ทานข้าวเช้า มันทำให้เราไม่มีแรงทำงาน สิ่งที่สำคัญคือปรางค์ดื่มชาเขียวตลอด เพราะปรางค์เรียนที่ญี่ปุ่นคนที่นั่นเขานิยมดื่มชาเขียวกันเยอะมาก จนทำให้เราเป็นคนที่ไม่ดื่มน้ำเปล่าไปเลย จะดื่มชาเขียวตลอด ปรางค์เลยคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราผิวดี เขาบอกชาเขียวมีอนุมูลอิสระช่วยในเรื่องผิว และควบคุมน้ำหนัก ซึ่งปรางค์ทานตั้งแต่อายุ 18 จนถึงตอนนี้อายุ 26 แล้วก็ยังดื่มอยู่ แต่ต้องดื่มแบบชาเขียวร้อนนะคะ ถึงจะได้ประโยชน์ โชคดีตรงที่เราเป็นคนไม่ดื่มน้ำเย็นอยู่แล้ว ไม่ว่าบ้านเราจะร้อนยังไงปรางค์ก็ไม่ดื่มน้ำเย็น

ส่วนเรื่องการออกกำลังกายปรางค์จะเล่นโยคะไม่ได้ เพราะเป็นคนไม่นิ่งพอ ไม่สามารถเล่นกีฬาหรืออกกำลังกายที่ต้องใช้สมาธิหรือช้าๆ แต่ปรางค์จะพยายามตื่น 7 โมงเช้าทุกวันเพื่อไปฟิตเนส แต่ตอนนี้เราทำงานเยอะมากจนไม่มีเวลาไปออกกำลังกายเลย แต่คุณยายบอกว่าแค่เดินเร็วๆ ก็เหมือนได้ออกกำลังกายแล้ว ตอนนี้ทุกเช้าปรางค์ก็พยายามจะเดินเร็วให้ได้ซัก 30 นาที ให้หัวใจได้สูบฉีด

3

แบรนด์เสื้อผ้าที่ชอบคือ?

ถ้าเป็นแบรนด์ไทยก็คือ asava จะใส่ไปงานเพราะว่าดูเรียบหรู ดูดี ใส่แล้วไม่โป๊ กำลังดี ส่วนแบรนด์นอกปรางค์จะใส่แต่แบรนด์เดิมๆ Emporio Armani, calvin klein แล้วก็ DKNY คือใส่อยู่แค่นี้ จนเพื่อนๆ แซวว่าเป็นผู้หญิงมินิมอล เพราะใส่อยู่แค่นี้จริงๆ ที่ชอบก็เพราะสูทของแบรนด์เหล่านี้คัตติ้งเขาดีมาก สีที่ชอบส่วนใหญ่จะเป็นสีโมโนโทน ขาว เทา ดำ น้ำตาล คือปรางค์เป็นคนชอบสูทตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพราะมันทำให้เราดูเวิร์กกิ้งวูแมนดี

วันสบายๆ แต่งตัวสไตล์ไหน?

อย่างวันเสาร์ – อาทิตย์ ก็ต้องเป็นกางเกงยีนส์ แล้วก็เสื้อเชิ้ตโปโลแขนยาวคือชอบมาก ดูมินิมอล ชิลๆ ดี ส่วนรองเท้าถ้าเป็นส้นสูงก็อาจมีส้นนิดๆ พอ ไม่เอาสูงมาก หรือไม่ก็เป็นรองเท้าสนีกเกอร์ แล้วแต่ว่าจะไปไหนทำอะไร

เสื้อผ้า เครื่องประดับชิ้นไหนที่แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา?

โห ยากจัง (หัวเราะ) น่าจะเป็นกระเป๋านะคะถ้าจำไม่ผิด อาจจะไม่ได้แพงที่สุดแต่เราซื้อด้วยเงินเดือนของเราเอง ราคาประมาณ 4 หมื่นค่ะ ไม่ได้แพงมาก แต่เราชอบใช้บ่อยและสะดวกดี ปรางค์ว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงเวลาเราโตขึ้น พอถึงวัยทำงาน ส่วนใหญ่ก็จะเสียเงินให้กับกระเป๋านี่แหละค่ะ (หัวเราะ)

ไอเท็มชิ้นไหนที่ขาดไม่ได้?

ที่ปรางค์ขาดไม่ได้เลยคือแหวน ปรางค์ซื้อแหวนไว้เยอะมากเลย ส่วนใหญ่จะเป็นแหวนเพชร คือตัวเราชอบเพชรมากเลย ถ้าวันไหนไม่ใส่นี่คือนิ้วโล่ง แล้วมันจะรู้สึกเหมือนลืมอะไร ขาดอะไรไปบางอย่าง แล้วก็มีลิปสติก ลิปมัน พกไว้ตลอดเวลาเพราะว่าปากแห้ง

เรื่อง : saipiroon

ภาพ : อรรณพ อาจหาญ

 

ประกาศชื่อผู้โชคดี : Praew Beauty Blog รับผลิตภัณฑ์ SHU UEMURA คอลเล็คชั่น SHU UEMURA X MAISON KITSUNE มูลค่ารวม 6,850 บาท

ผู้โชคดีได้รับ

Beauty Remix Smokey eye & Cheek Palette

Depsea Hydrability Moisturizing Lip

Curious Eye-Opening Premium Curler

และ Shu Uemura Ultime8 Sublime Beauty Cleansing Oil มูลค่ารวม 6,850 บาท ได้แก่

คุณ Little Duck จากคำตอบจี๊ดๆ ที่ว่า

“ถ้ามีแบรนด์ของตัวเองจะใช้รูป “เป็ด” เป็นสัญลักษณ์ เพราะผู้หญิงไม่ได้เกิดมาเพื่อสวยเหมือนกันทุกคน บางคนก็คงมีปมด้อย ข้อบกพร่อง ของตัวเองเช่นกัน อาจจะคิดว่าตัวเองเป็น Ugly Duckling ด้วยซ้ำ สมัยนี้การแต่งหน้าช่วยเพิ่มความมั่นใจให้สาวๆมากขึ้น Make up is Majic ไม่สวยแต่แซ่บเว่อร์ก็โอนะคะ คริๆ”

ขอแสดงความยินดี ทีมงานจะติดต่อกลับทางเฟสบุ๊คเพื่อจัดส่งของรางวัลค่ะ

รักใช่อุปสรรค! คู่รัก ‘ผู้จัด – นักแสดง’ ปูทางจับมือร่วมงานละคร

ใครจะเมาท์ว่า เป็นคู่รัก คนรู้ใจ แล้วดึงตัว ใช้เส้น ให้มาทำงานร่วมกัน ในฐานะ ผู้จัดละคร – นักแสดง อย่าได้แคร์ เพราะทำงานกับคนคุ้นเคย ก็ช่วยทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายได้นะจ๊ะ ยิ่งช่วงหลัง นักแสดงหลายคนหันมาลองบทบาทใหม่ในฐานะ ผู้จัดละคร การได้คนรู้ใจมาทำงานด้วยเรื่องแรกๆ จึงเป็นเรื่องที่ดีเลยล่ะ เราเลยขออัพเดตงานละครของคู่รัก ผู้จัดฯ – นักแสดงกันซะหน่อย ว่ามีใครบ้าง ไปดูกันเลยจ้า

นัท มีเรีย เบนเนเดดตี้ ชุมนานนท์ – อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์

aum_01_03

aum_01_01

aum_01_02

กำลังติดไฟเร่งสปีดถ่ายทำกันเลย สำหรับซีรีส์เรื่อง เจ้าเวหา ตอน ฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า ที่จะออนแอร์ทางช่อง True4U ของผู้จัดป้ายแดง นัท มีเรีย โดยได้หวานใจก้ามปู อั้ม – อธิชาติ ชุมนานนท์ มาประเดิมบทพระเอกลงละครให้เรื่องแรก ประกบคู่กับนางเอก นุ่น – วรนุช ภิรมย์ภักดี ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้นัทในฐานะผู้จัดละครครั้งแรกทุ่มทุนสร้างเต็มที่ ส่วนหนุ่มอั้มนั้นก็มาพร้อมลุคนายทหารเรือที่พูดได้ว่า เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย เพราะเท่มาก บวกกับหน้าหวานของสาวนุ่นที่รับบทหมอ เรื่องนี้แอคชั่น ดราม่ามาเต็ม! ก็ไม่รู้ซินะว่า เบื้องหลังการถ่ายทำ ความหวานของคู่พระนาง หรือคู่ผู้จัดฯ พระเอก คู่ไหนจะหวานจนมดขึ้นกว่ากัน

 

หน่อย บุษกร วงศ์พัวพันธุ์ – เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธุ์

ken_01_01

ken_01_02

ken_01_03

ย้อนขึ้นมายังผู้จัดละครรุ่นพี่ หน่อย บุษกร กันซะหน่อย เมื่อพลิกบทบาทจากนักแสดงมาเป็นผู้จัดละคร ก็ได้คว้าสามีสุดที่รัก เคน – ธีรเดช วงศ์พัวพันธุ์ มาประเดิมเปิดทางเป็นพระเอกละครเรื่อง รักคุณเท่าฟ้า ให้ ซึ่งมีนักแสดงหญิงชั้นนำหลายคนอย่าง พลอย เฌอมาลย์, ชมพู่ อารยา, เชอร์รี่ เข็มอัปสร ฯลฯ มาร่วมเสริมทัพด้วย จึงทำให้ละครเรื่องแรกของผู้จัดฯ หน่อย ได้รับความสนใจจากสื่อและแฟนคลับกันอย่างมาก และไม่ได้หยุดแค่นั้น ผู้จัดฯหน่อย พระเอกเคน ยังจับมือทำงานร่วมกันอีกครั้งในละครเรื่อง อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ที่ได้คนคุ้นเคยอย่าง ชมพู่ อารยา มาเป็นนางเอก แม้ว่าจะได้รับกระแสติมากกว่าชม แต่งานนี้สาวหน่อยก็ยังตั้งใจทำงานเต็มร้อย ไม่มีท้อแน่นอน

 

จ๊ะ จิตตาภา แจ่มปฐม – เอิร์น นิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล

ja_01_04

ja_01_03

ja_01_02

มาที่คู่รักรุ่นเล็กของผู้จัดฯหนุ่ม-นักแสดงสาวกันบ้าง ที่ถึงแม้จะยังไม่ได้ลั่นประตูวิวาห์เหมือน 2 คู่ด้านบน แต่ความหวานไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่ง เอิร์น นิธิภัทร์ ผู้จัดหนุ่มลูกชายแม่ก้อย ทาริกา มีหวานใจ จ๊ะ จิตตาภามาเป็นนางเอกละครให้ถึง 2 เรื่อง กระแสเด็กเส้นจึงเกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่สาวจ๊ะมีฝีมือซะอย่าง ในละคร นางสาวทองสร้อย ที่จ๊ะเล่นคู่กับปอ ทฤษฎี ก็สร้างเสียงฮา เรียกความสนุกได้ไม่น้อย และอีกละครของผู้จัดฯ เอิร์น ที่ได้จ๊ะ เป็นนางเอก ประกบคู่กับ อาเล็ก ธีรเดช เรื่อง วัยแสบสาแหรกขาด ก็มีแพลนฉายให้ชมในปีหน้า เรื่องราวจะสนุกแค่ไหน คงต้องคอยติดตามกัน จะว่าไปทำงานกับคนสนิท คนรู้ใจนี่ก็ดีไปอีกแบบ ว่าไหมล่ะ

เรื่อง : กัญญาวีร์ วิมลรัตน์
ภาพ : IG @atichart9 @hokhanuman @kun_jun @ja_jittapa @earn76, M-berserk

‘เบเบ้’ มาไกลมาก! โชว์กระบวนท่ายาก ตัวอ่อนขั้นเทพ!

เรียกว่ามาถึงจุดๆ นี้ได้ยังไง ‘สาวเบเบ้- ธันย์ชนก ฤทธินาคา’ เองก็ยังงงเหมือนกัน เพราะเมื่อยิ่งเล่นก็ยิ่งติด จนร่ายกายเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะความตัวอ่อน เหยียดยืดจนจะเล่นกายกรรมได้อยู่แล้ว

Screen Shot 2015-12-13 at 11.15.50 PM copy

Screen Shot 2015-12-13 at 11.16.04 PM copy

 

Screen Shot 2015-12-13 at 11.27.55 PM copy

Screen Shot 2015-12-13 at 11.14.56 PM copy

Screen Shot 2015-12-13 at 11.27.15 PM copyเป็นอีกคนที่ยอมรับว่าเสพติดการออกกำลังกายสุดๆ ถ้าอาทิตย์ไหนไม่ได้ออกจะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สดใส แถมมีแอบเหวี่ยงด้วย เพราะเหงื่อที่ได้จากการออกกำลังกายคือความสุขอย่างหนึ่งที่เกิดจากความทุ่มเท เลยทำให้สาวเบเบ้หลงรักการออกกำลังเกือบอย่างประเภทไม่ว่าจะเป็นต่อยมวย โยคะ ปีนหน้าผา โหนห่วง โหนผ้า ฯลฯ

Screen Shot 2015-12-13 at 11.16.04 PM copy

Screen Shot 2015-12-13 at 11.17.12 PM copy

Screen Shot 2015-12-13 at 11.15.40 PM copy

Screen Shot 2015-12-13 at 11.16.20 PM copyความจริงกว่าจะผ่านมาถึงจุดๆ นี้ได้เธอก็ต้องใช้ความพยายาม และความอดทนอย่างมาก ฝืน ฮึดสู้กับความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ จนเมื่อร่างกายเกิดความเคยชิน ก็จะพบกับความสุข และมีรูปร่างที่เป๊ะเหมือนนางไงละจ๊ะสาวๆ

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : thisisbebe

พยากรณ์ดวงชะตาวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2558

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน  : จะเกิดปัญหาระหว่างทีมงาน ในแผนก หรือในองค์กร ควรหันมาพูดกัน ร่วมมือกัน อย่าทำแต่งานใครงานมัน

การเงิน : ใช้จ่ายเงินเยอะ เก็บๆ ไว้บ้าง

ความรัก : พยายามรื้อฟื้นความทรงจำอันแสนโรแมนติกกันบ้าง เช่น สถานที่เดทครั้งแรก บอกรักครั้งแรก จะได้เติมความหวานชื่นให้คงอยู่ตลอด ส่วนคนโสดระวังเจอคนหลอกลวง ตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์เลยนะจ๊ะ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : อาจถูกแย่งผลงาน หรือถูกหมั่นไส้จากพนักงานที่เห็นใครได้ดีกว่าไม่ได้ ควรเปิดประชุมปรับปรุงความเชื่อที่ยังผิดอยู่ หรือละลายพฤติกรรม
การเงิน : มีเหตุให้ต้องจับจ่ายใช้สอยอยู่เรื่อยๆ

ความรัก : มักมีปัญหากวนใจให้พูดกันไม่ค่อยเข้าใจ ต้องใช้เหตุผล คนโสดจะมีหลายคนมาวิ่งไล่จับกันในหัวใจ จนไขว้เขว ต้องเลือกๆๆ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : ไปได้เรื่อยๆ จนถึงดีขึ้น ได้รับผลตอบรับที่ดี

การเงิน : ใช้จ่ายอย่างประหยัดนะคะ เดี๋ยวจะมีของให้ต้องรับผิดชอบเข้ามา

ความรัก : เปิดใจกันมากขึ้น ส่วนคนโสดเลือกได้นะ ยังไม่ต้องรีบ เพราะดวงบอกว่าจะมีคนนิสัยไม่ถูกใจเข้ามา

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : ช่วงนี้ต้องเร่งทำ เพราะมีแผนลางานยาว

การเงิน : ต้องประหยัดๆ บ้าง เพราะมีแผนต้องใช้เงิน

ความรัก : จะดูแลกันดีขึ้น ส่วนคนโสดจะมีแม่สื่อแม่ชักแนะนำความรักมาให้

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

การงาน : พยายามใจแข็งไว้นะคะ จะถูกขอร้องให้ช่วยงานคนอื่น เพราะท้ายสุดงานเรานั่นละจะไม่เสร็จ

การเงิน : มีเรื่องให้เสียเงินโดยไม่ตั้งใจ

ความรัก : ปล่อยให้คนมีคู่เขาหวานไปฮันนีมูนรอบสองกันก่อน คนโสดครองโสดไปอีกวันนะ

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : งานติดขัด และเยอะขึ้น เพราะต้องทำแทนเพื่อนร่วมทีมที่เริ่มลาหยุดงาน หรือมีเหตุให้มาทำงานไม่ได้

การเงิน : ใช้จ่ายไปกับการซื้อของขวัญให้คนอื่น

ความรัก : วางแผนว่าจะตกแต่งบ้านใหม่ คนโสดก็กำลังตามมาติดๆ มีโอกาสได้เจอคนดีจ้า

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : งานที่ทำด้วยความสามารถพิเศษเฉพาะตัวจะได้รับการพิจารณา จนถึงเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง

การเงิน : เริ่มเก็บเงินได้ ควรนำไปลงทุน เพื่อให้ดอกผลงอกงาม

ความรัก : ใช้คำพูดต่อกันไม่ค่อยดี ลดๆๆ ลงมานิด ส่วนคนโสดกำลังเนื้อหอม เสน่ห์แรง มีคนมาฟรุ้งฟริ้งมากมาย

เรื่องโดย : เนาวรัตน์ สมัครเขตการ

หนุ่มหน้าตายมาแรง ‘เบสท์’ เห็นเงียบๆ แต่แซงเรียบ ซิวแชมป์ ‘The Voice’ คนล่าสุด!

เล่นเอาเซอร์ไพรส์ไปตามๆ กันเมื่อม้ามืดจากเชียงใหม่วัย 25 ปี ‘เบสท์ – ทิฏฐินันท์ อ้นปาน’ เชือดเอาชนะยานแม่ ‘ป้าไก่’ ได้แชมป์ The Voice คนล่าสุดไปครองแล้วจ้า

10646806_941377985877894_6180560062845489573_n

Screen Shot 2015-12-13 at 7.15.26 PM copy

1981869_1128905797125111_8340881357501575827_n

Screen Shot 2015-12-13 at 7.14.46 PM copy

เป็นหนุ่มเงียบๆ หน้าอารมณ์เดียว จนโค้ทโจอี้บอยเคยบอกไว้ว่า ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเบสท์กำลังดีใจ หรือเสียใจ แม้จะเป็นคนนิ่งๆ ดูภายนอกไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็นับว่า เป็นม้ามืดที่ไม่มีใครคาดว่าการแสดงของเขาจะได้รับความนิยม เพราะเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์มีพลัง แต่นุ่มนวล จนชนะใจคนดูไปเต็มๆ

มิชชั่นคอมพรีท…ยินดีด้วยจ้า

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ภาพ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100000171037235

https://www.facebook.com/TheVoiceThailand/?fref=ts

ผ้าอินเดีย

ตามรอยผ้าอินเดีย ในแผ่นดินสยาม ความสวยงามที่แฝงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย

ผ้าอินเดีย
ผ้าอินเดีย

จากหลักฐานทางโบราณคดี และ ประวัติศาสตร์ไทย พบว่าในอดีตประเทศไทยและประเทศอินเดียมีการติดต่อค้าขายกันมาอย่างยาวนาน

และ “ผ้าอินเดีย” ก็เป็นหนึ่งในสินค้าจากอินเดียที่ซื้อขายกันอย่างแพร่หลาย

ราชสำนักไทยในสมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ได้นำเข้าผ้าหลากหลายประเภทจากอินเดียเพื่อใช้ในราชสำนัก ทำให้เกิดการแพร่กระจายของวัฒนธรรมการใช้ผ้าอินเดียมาสู่ไทย ซึ่งยังคงปรากฏหลักฐานให้เห็นจากผ้าราชสำนักในปัจจุบัน

ตามรอยผ้าอินเดีย

ตามรอยผ้าอินเดีย

อาจารย์ประภัสสร โพธิ์ศรีทอง นักวิชาการอิสระ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าอินเดียในประเทศไทย กล่าวถึงประวัติศาสตร์ผ้าอินเดียที่มีความเป็นมายาวนาน ผ้าอินเดียผืนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พบหลักฐานในประเทศอียิปต์ สันนิษฐานว่าเป็นผ้าในศตวรรษที่ ๑๓ –๑๔ แต่ยังคงสภาพค่อนข้างดี ซึ่งกระบวนการพิมพ์ลายผ้าของอินเดียมีความพิเศษ คือ สีที่พิมพ์ลงบนผ้าจะติดทนทาน สีไม่ตก เพราะมีเทคโนโลยีในการใช้สารยึดสีที่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านมาแต่โบราณ และมีการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน

ตามรอยผ้าอินเดีย

ในอดีตกาลผ้าอินเดียที่ประณีตงดงาม ได้เข้ามาเผยแพร่ในรูปแบบของฉลองพระองค์สำหรับกษัตริย์และเครื่องแต่งกายของขุนนางในราชสำนักอยุธยา ซึ่งสืบทอดเป็นธรรมเนียมการแต่งกายของพระมหากษัตริย์และขุนนางไทยต่อเนื่องมายังยุครัตนโกสินทร์ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความต้องการสินค้าผ้าจากอินเดียยังสืบเนื่องต่อมา โดยปรากฏให้เห็นหลักฐานจากผ้าราชสำนักในปัจจุบัน

ตามรอยผ้าอินเดีย

“สยามประเทศอยู่ในโลกของการค้ากับอินเดีย ตั้งแต่สมัยโบราณในสมัยที่อยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และมีการติดต่อค้าขายกับผู้คนมากมายเข้ามาในสยามประเทศ เปอร์เชีย ก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาทำการค้าขาย โดยเฉพาะพ่อค้ามุสลิม ซึ่งมีบทบาทในการค้าผ้ามากพอสมควรในสมัยอยุธยา ประมาณศตวรรษที่ ๑๔-๑๕ มีการติดต่อค้าขาย และเข้ามาเผยแผ่ศาสนาและวัฒนธรรมอิสลามจากเขตตะวันออกกลาง ซึ่งกลุ่มวัฒนธรรมนี้เรียกว่า อินโดเปอร์เชีย  พระมหากษัตริย์จะพระราชทานผ้าเหล่านี้เป็นบำเหน็จรางวัลให้แก่ขุนนางและข้าราชการชั้นสูง รวมทั้งใช้ผ้าเป็นเครื่องยศ โดยจะมีลวดลายเฉพาะ และพระราชทานให้ตามลำดับขั้นของตำแหน่งทางราชการ ซึ่งเป็นธรรมเนียมเดิมของราชสำนักอิสลามเช่นกัน ผ้าที่ได้รับพระราชทานนั้น จะนุ่งต่อเมื่อเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ ถือเป็นเครื่องแบบไปโดยปริยาย”

ตามรอยผ้าอินเดีย

สำหรับผ้าที่ใช้เป็นเครื่องแต่งกายในราชสำนักสยาม มีหลายกลุ่ม อาทิ สมปักปูม มาจากชื่อผ้า ซอมปร็วด แปลว่า ผ้านุ่ง  ซึ่งเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมกัมพูชา เนื่องจากในสมัยอยุธยาตอนต้นได้มีการรับวัฒนธรรมของราชสำนักกัมพูชาเข้ามา ในขณะที่ผ้าอินเดีย ได้มีการบันทึกเรียกว่า สมปักลาย ที่มีการใช้คู่กับ ผ้าสมปักปูม มาโดยตลอด แต่ในระยะหลังการผลิตสมปักปูม มีกำลังการผลิตน้อยกว่าสมปักลาย ทำให้ผ้าลายกลายเป็นที่นิยมมากกว่าในราชสำนัก อีกทั้งผ้าลายเป็นผ้าฝ้าย ทำให้ดูแลรักษาง่าย กว่าผ้าปูมซึ่งเป็นผ้าไหม

ตามรอยผ้าอินเดียตามรอยผ้าอินเดีย

ต่อมาในยุคที่มีภาพถ่ายทำให้ได้พบหลักฐานของการใช้ผ้าอินเดียได้อย่างชัดเจนมากขึ้น  เริ่มตั้งแต่ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ผ้าอินเดียในราชสำนักชัดเจน เช่นเดียวกับที่พบหลักฐานปรากฎตามจิตรกรรมฝาผนัง เช่น มีการนำผ้าอินเดียไปตกแต่งเป็นม่านในพระที่นั่งอนันตสมาคม หรือชุดข้าราชการ อาทิ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์นุ่งผ้าลายเทพพนมก้านขด หรือพระราชครูพราหมณ์ในสมัยหนึ่งก็นุ่งผ้าลายพื้นขาว ซึ่งแสดงถึงมิติในวัฒนธรรมที่ส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่เกี่ยวกับกับศาสนา เป็นต้น

ตามรอยผ้าอินเดีย

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการเปลี่ยนแปลงการแต่งกายที่ค่อนไปทางชาวตะวันตกมากขึ้น แต่ผ้าอินเดียก็ไม่ได้หายไป หลักฐานในเอกสารการค้าพบว่ามีการนำเข้าผ้าลายในสมัยรัชกาลที่ ๕ (ราว พ.ศ. ๒๔๓๐-๒๔๓๑)  จำนวนกว่า ๒ ล้านผืน และมีผ้าลายกลุ่มหนึ่งที่มีลักษณะเป็นดอกเล็กๆ เป็นต้นแบบของผ้าลายไทยในสมัยหลัง คือ ผ้ารุ่นมัสกาติ ซึ่งเป็นผ้าที่อินเดียผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดสยาม ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องแต่งกายลำลองของขุนนางและฝ่ายใน สามัญชนเองก็สามารถซื้อผ้ามัสกาติใช้ได้และยังมีการใช้ผ้าอินเดียแลกข้าวสารอีกด้วย

ตามรอยผ้าอินเดีย

อาจารย์ประภัสสรเล่าอีกว่า “ผ้ามัสกาติ เป็นผ้าอินเดียยี่ห้อแรกๆ ที่เข้ามาในสยามประเทศ และได้รับความนิยมมากในราชสำนัก โดยผลิตผ้าตามลายที่สั่งทำเฉพาะ ทำเป็นบล็อกและพิมพ์ลายลงบนผ้า อาทิ ผ้าพิมพ์ลายอย่าง ถือเป็นผ้าลายพิเศษใช้ในกิจการของราชสำนักโดยเฉพาะ เนื่องจากสั่งทำและนำเข้ามาจากอินเดีย ในระยะแรกจึงเป็นผ้าที่มีลวดลายแบบอินเดีย ต่อมาทางราชสำนักได้สั่งให้ช่างหลวงออกแบบเขียนลายไทยพร้อมทั้งกำหนดสีส่งไปเป็นต้นแบบในการผลิต ผ้าพิมพ์ลายอย่างจึงถือเป็นผ้าที่แสดงถึงภูมิปัญญาของชาวสยามในการออกแบบลวดลายประดับบนผืนผ้า

ตามรอยผ้าอินเดีย

“ความที่อินเดียเป็นแหล่งผลิตผ้าป้อนตลาดโลก จึงทำให้ปัจจุบันผ้าของอินเดียได้รับการจัดเป็นนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก บวกกับอินเดียมีช่างฝีมือที่สร้างสรรค์ผ้า ซึ่งสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เริ่มตั้งแต่ยุคอุปถัมภ์จากมหาราชา โดยมีบันทึกไว้ในสมัยราชวงค์โมกุล มีช่างทอผ้า ๔,๐๐๐ คน ที่ทำงานให้กับราชสำนัก และแม้ว่าปัจจุบันเมื่อระบบอุปถัมภ์เสื่อมสลายไป แต่เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่ส่งเสริมด้านงานฝีมือ จึงยังสืบสานงานในรูปแแบบดั้งเดิม เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบ เพื่อให้ตอบสนองตลาดปัจจุบัน อย่างเมืองสุหรัด ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ผลิตดิ้นเงิน ก็เปลี่ยนเป็นผลิตดิ้นพลาสติค แต่ยังมีการผลิตดิ้นเงินผสมอยู่บ้าง แต่ราคาค่อนข้างสูง

“สำหรับแหล่งผ้าอินเดียซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ ตลาดผ้าอเมห์ดาบาด  ในรัฐคุชราต ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมุมไบ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถไปเลือกซื้อหาผ้าพิมพ์ลายคุณภาพดี เช่น ผ้ามัสรู ที่มีลักษณะมันวาวคล้ายผ้าไหม แต่เนื้อบางเบาเหมือนฝ้าย, ผ้าบานดานี ผ้าฝ้ายย้อมลายที่มีลักษณะเป็นปุ่มปมคล้ายผ้าหนามขนุนของไทย เป็นต้น”

เรียบเรียงโดย : saipiroon

ที่มา : พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

ภาพ : พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

‘เทศกาลคริสต์มาส’ วันแห่งความสุขของเจ้าชายจอร์จ เตรียมฉลองพร้อมครอบครัวเคมบริดจ์

สมาชิกครอบครัวเคมบริดจ์ เตรียมฉลองเทศกาลสุดพิเศษด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา 4 พระองค์ ที่พระตำหนักอานเมอร์ฮอลล์ ในมณฑลนอร์ฟอล์ก

ทั้งนี้จะเป็นคริสต์มาสแรกสำหรับเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ ส่วนเจ้าชายจอร์จ พระชนมายุ 2 พรรษา ทรงทราบดีแล้วว่าคริสต์มาสคืออะไร และทรงพอพระทัยกับเทศกาลนี้มาก ๆ เสียด้วย

GettyImages-499116088

เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ ตรัสถึงเทศกาลคริสต์มาสในปี 2015 นี้ ว่า พระองค์อาจไม่ได้บรรทมมากนักในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งเป็นคืนวันคริสมาสอีฟ เนื่องด้วยความตื่นเต้นต่าง ๆ แถมต้องคอยป้องกันการโจมตีกล่องของขวัญที่คอยล่อตาล่อใจมือน้อย ๆ เพราะเด็ก ๆ ชอบที่จะจู่โจมแกะกระดาษห่อของขวัญสีสันสวย ๆ และชอบการประดับแสงไฟวิบวับ

 

“ตอนนี้เรามีลูก 2 คน คนหนึ่ง (ทรงหมายถึงเจ้าชายจอร์จ) ชื่นชอบคริสต์มาสสุด ๆ และค่อนข้างไม่อยู่นิ่ง ส่วนอีกคน (ทรงหมายถึงเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์) ยังคงเป็นเบบี๋อยู่ มันคงต้องเป็นอะไรที่ท้าทายมากแน่ ตอนนี้จอร์จ 2 ขวบแล้ว รู้แล้วว่าคริสต์มาสคืออะไร รู้แล้วว่ามีของขวัญ ซึ่งหมายความว่า จะได้ของเล่นมากขึ้น นั่นแหละคือสิ่งที่เด็ก ๆ ทุกคนต้องการ จอร์จชอบคริสต์มาสมาก ต้องกระโดดดึ๋ง ๆ ไปมาเป็นกระต่าย และคอยตื่นตลอดกลางดึกมานั่งคอยว่าถึงคริสต์มาสหรือยัง”

GettyImages-479559636

“เราคงไปโบถส์ในวันคริสต์มาสเช่นเดียวกับครอบครัวอื่น ๆ (คาดว่าเป็นโบถส์ เซนต์ แมรี่ แม็กดาลีน ร่วมกับสมาชิกราชวงศ์) หลังจากเสร็จสิ้นพิธีที่โบถส์แล้ว ก็จะเป็นช่วงเวลาสำหรับของขวัญ เราจะรอดูเวลาที่จอร์จพยายามแกะกระดาษห่อของขวัญแบบเอาจริงเอาจัง”

 

“การมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ทำให้ประสบการณ์ในวันคริสต์มากพิเศษและแตกต่างออกไป และคงจะดีมากหากปีนี้เราจะมี white christmas (ทรงหมายถึงหิมะตกขาวโพลน) เพราะเราไม่มีหิมะตกในช่วงเทศกาลมาหลายปีแล้ว” เจ้าชายวิลเลียม พระราชทานสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ Big Issue

เรื่อง : Ladyfern
ภาพ : Getty Image

ดูดวง 12 ราศี ประจำวันที่ 10 ธ.ค. – 25 ธ.ค. 58

เช็คดวงแม่นๆ กับแพรวพยากรณ์ ครบทุก 12 ราศี ทั้งเรื่องการงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

เรื่อง :โสรัจ

ที่มา : คอลัมน์ แพรวพยากรณ์ นิตยสารแพรว ฉบับ 871 ปักษ์ 25 ธันวาคม 2558

พยากรณ์ดวงชะตาวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2558

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน  : จะได้รับการแนะแนว หรืออบรมเพิ่มเติม ขอให้เตรียมความพร้อมและตั้งใจดีๆ หากผ่านไปได้จะมีผลถึงอนาคตที่ดี
การเงิน : มีเกณฑ์ต้องใช้เงินไปผ่อนบ้านกับรถ

ความรัก : มีคนเข้ามาทำให้รำคาญใจ หงุดหงิด ต้องทำใจ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : อาจได้โยกย้าย หรือเปลี่ยนที่อยู่ ซึ่งจะทำให้ดีขึ้น
การเงิน : จะตัดสินใจเล่นหุ้น หรือซื้อกองทุนแบบระยะยาว เป็นการสะสมเงินอีกวิธี

ความรัก : หวานชื่น ราบรื่น แต่สำหรับคนโสด หรือคนตกพุ่มม่ายวันนี้รับบทนายสถานี สับหลีกรถไฟไม่ให้ชนกัน

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : จะมีปัญหาเรื่องลูกน้องมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือกินแรงคนอื่น ค่อยๆ ใช้ไม้นวมนะคะ เพื่อให้เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การเงิน : ต้องควักกระเป๋าจ่ายให้คนอื่นอยู่ร่ำไป จนอาจเสียรู้คน

ความรัก : แม้จะมีคู่เป็นตัวเป็นตนอยู่ก็ตาม มีเรื่องให้ต้องตัดสินใจเลือกคนใดคนหนึ่ง ส่วนคนโสดก็ยังมีเรื่องคู่เข้ามาให้เพลียใจ

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : ราบรื่นดี ทำงานด้วยความสบายใจ

การเงิน : มีเรื่องให้ต้องใช้สอยจับจ่ายจนเอ็นมือจะขาด

ความรัก : ชิลด์ๆ หลังจากเคร่งเครียดกันมานาน ส่วนคนโสดก็รักษาสถานภาพได้อีก 1 วัน

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

การงาน : มีเรื่องให้ต้องขบคิดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

การเงิน : มีโชค รับทรัพย์เข้ามาเรื่อยๆ

ความรัก : คนมีคู่อยู่กันด้วยความไม่เข้าใจกัน ก็หนักใจเป็นธรรมดา คนโสดพัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขั้นจริงจังเลยนะเนี่ย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : ประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดคิด มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และจะมีมิตรร่วมงานใหม่ๆ เข้ามา

การเงิน : มีติดขัดเป็นธรรมดา แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

ความรัก : มีปัญหากันตลอด พูดกันไม่เกิน 3 คำก็หงุดหงิดใส่กันแล้ว ใจเย็นๆ มีเหตุผลกันหน่อย คนโสดก็กำลังกลุ้ม เลือกไม่ถูก

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : มีคนเข้ามาขอให้ช่วยเหลือ จะผ่านไปได้ด้วยความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของเรา

การเงิน : มีเข้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มเก็บเงินได้

ความรัก : อย่าตามใจตัวเองนัก ต้องฟังเสียงคนรอบข้างบ้าง คนโสดกำลังอยู่ในช่วงหมดโปรโมชั่น ต้องใช้ความอดทน อดกลั้นเยอะหน่อย ตัดสินใจดีๆ ว่าจะต่อหรือจะปล่อยให้หมด

 

 

พระฉายาลักษณ์แบบ Close Up ครั้งแรก เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ทรงละม้ายคล้ายใครมากที่สุด?

จากการฉายพระรูปล่าสุดของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทำให้สาธารณะชนได้ชื่นชมพระบารมีของเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ ในวัย 6 เดือนเศษ และได้เห็นพระพักตร์อย่างชัด ๆ เป็นครั้งแรก

หลายคนจึงมีคำถามว่า เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ ทรงละม้ายคล้ายใครมากที่สุด ซึ่งเมื่อพินิจดูแล้ว เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ ทรงมีพระเนตร (ตา) สีฟ้า เช่นเดียวกับเจ้าชายวิลเลียม และทรงมีพระปราง (แก้ม) ยุ้ยเหมือนกับพระปรางของเจ้าชายจอร์จ สำหรับสีพระเกศา (ผม) ของเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ มีสีเข้มเช่นเดียวกับเจ้าหญิงแคเธอรีน ส่วนพระนาสิก (จมูก) ทรงได้จากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระอัยกา (ปู่) เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ ทรงมีส่วนคล้ายกับบุคคลในครอบครัวองค์ละเล็กองค์ละน้อย

ทั้งนี้ไม่ว่าจะทรงมีพระพักตร์ละม้ายคล้ายใครในราชวงศ์ก็ตาม แต่เชื่อว่าพระองค์คงเป็นเจ้าหญิงที่มีพระสิริโฉมงดงามเหมือนกับพระมารดาของพระองค์อย่างแน่นอน

 

เรื่อง : Ladyfern

ภาพ : Getty Image

Behind the scene (คลิป) : Praew Fortune 2016

ส่งท้ายปีในเล่มพิเศษ Praew Fortune ฉบับนี้ได้คู่จิ้นคู่ดัง ญเดชน์-ญาญ่า มาขึ้นปก บรรยากาศการถ่ายแฟชั่นเซ็ตนี้จะหวานขนาดไห­น วันนี้ทีมงานแพรวเก็บภาพมาให้ชมกันแล้วที่­นี่เท่านั้น

พบกับนิตยสารแพรว ฉบับพิเศษ “Praew Fortune” ได้แล้ววันี้ทุกแผงหนังสือชั้นนำทั่วประเท­ศ

ชวน 5 นางเอกหุ่นเป๊ะ คลายข้อสงสัย ‘กินอะไรเล่าเธอ ถึงได้งามแสนงาม’

เพราะหน้าสวย ผิวใส หุ่นเป๊ะ เป็นสุดยอดปรารถนาของสาวๆ แพรวดอทคอมมีเรื่องว่าด้วยจริตการกินของ 5 นางเอกคนดังที่เชื่อว่าน่าจะสร้าง inspiration ให้ผู้หญิงหลายคนได้ ตามนี้

พลอย-เญอมาลย์ บุญยศักดิ์
ploy
เห็นแรงเปรี้ยวแซ่บอย่างนี้ ใครจะเชื่อว่าสาวพลอยมีวิญญาณแม่ศรีเรือนในตัวด้วยนะ

“ส่วนใหญ่พลอยจะทำเมนูง่ายๆ กินที่บ้านค่ะ เช่นก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับผงกระหรี่เส้นใหญ่,ลาซานญ่า, พาสต้าซอสเนื้อ ซึ่งพลอยมีเคล็ดลับว่าต้องหมักเนื้อในบรั่นดีประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้นุ่ม(พอเราแซวว่าเนี่ยนะเมนูง่ายๆ โอ้ววว… พลอยเลยเปิดวิดีโอการทำอาหารที่เธออัดคลิปไว้ในมือถือให้ดูประกอบ) วันไหนอยากเฮลตี้ก็ทำ ปลาย่างกับมะเขือเทศ

“พลอยเคยมีช่วงที่ไม่ค่อยมีวินัยเรื่องการกินและออกกำลังกายเท่าไหร่ เพราะเหนื่อยจากการทำงาน พลอยว่าเราควบคุมอาหารได้ แต่อย่าเคร่งครัดมาก เพราะถ้าถึงวันที่ตบะแตก มันอาจจะแตกแบบระเบิด พลอยเคยอดข้าว แต่ข้างในหิวมาก

วันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วงง เห็นชามบะหมี่สำเร็จรูปตั้งอยู่ ฉันกินไปตั้งแต่เมื่อไหร่(หัวเราะ) แนะว่าพยายามออกกำลังกายบ้าง อาจจะไปวิ่งประมาณชั่วโมงครึ่ง หรือไม่ก็ว่ายน้ำ แล้วกินให้พอดี ถ้าอยากผอมแต่ปากไม่หยุดกิน ไม่มีทางอยู่แล้ว”
เห็นด้วยก้าบบบ

พรีม-รณิดา เตชสิทธิ์
พรีม
ละคร ‘ทางผ่านกามเทพ’ เพิ่งลาจอไปพร้อมกับเสียงเซ็งแซ่ว่าสาวพรีมดูตัวบางร่างน้อยขึ้นจมเลย ไปทำอะไรมา

“ถ้าเป็นช่วงไดเอต พรีมจะมีเมนูที่กินประจำคือแซลมอนคู่กับผักสดสลับผักลวก แต่ถ้าวันไหนที่ต้องใช้แรงเยอะ จะเปลี่ยนจากปลาเป็นอกไก่ย่าง พรีมเป็นพวกทําใจไม่ให้กินลําบากค่ะ อดอาหารเมื่อไหร่แรงหมดทันที พยายามใช้วิธีออกกําลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง แต่ความที่ตารางชีวิตไม่แน่นอน พรีมจึงซื้อเครื่องออกกําลังกายมาไว้ที่บ้านเลย เน้นเรื่องบอดี้เวทกระชับสัดส่วน เล่นโยคะและวิ่งเป็นหลัก โชคดีว่าพรีมชอบกินผักมาก เพราะนอกจากกินแล้วมีประโยชน์ ยังเข้ากับไลฟ์สไตล์ความงามของตัวเองอีก วันไหนพรีมว่าง คุณแม่จะช่วยหั่นมะเขือเทศมาให้โปะทั่วหน้า ใช้เวลาประมาณ 20 นาที รู้สึกว่าหน้ากระจ่างใสขึ้นเลยค่ะ”
เขาเรียกจัดสวย 2 in 1 เนอะพรีม

มิน-พีชญา วัฒนามนตรี
min
พจมาน เวอร์ชั่น 2015 ที่เชื่อว่าไลฟ์สไตล์การกินของเธอต้องเป็นที่อิจฉาของสาวทั้งโลกแน่ๆ

“หลายคนอิจฉาที่มินกินเท่าไรก็ไม่อ้วน ขณะที่มินก็อิจฉาคนอื่นๆ เพราะน้ำหนักไม่เพิ่มสักที ทั้งที่ว่างเมื่อไหร่ความสุขสุดๆ ของมินคือกิน กิน และกิน มินกินเก่งจนโดนล้อว่าปอบเข้าสิงหรือเปล่ากินยาถ่ายพยาธิไหม(หัวเราะ) เคยกินข้าวหมูทอดกระเทียม 2 จาน ตามด้วยสเต๊กเนื้อ แล้วยังโซ้ยก๋วยเตี๋ยวได้อีกชาม เด็ดกว่านั้นคือสามารถไปกินส้มตําปูปลาร้า ปิดท้ายด้วยเค้กโปรดกับเพื่อนต่อได้อีก นี่แค่มื้อเดียวนะ(ยิ้ม)

“เวลามินกลับขอนแก่น พูดแล้วต้องกลืนน้ำลาย ร้านประจําที่แวะทุกครั้งคือ ‘ร้านเอกปลาเผา’ ไปแล้วต้องสั่งสุดยอดความอร่อยสองอย่าง ส้มตํานัวและปลาเผาเกลือ เขาใช้ผักปลอดสารพิษกินแล้วสบายใจ ส่วนของหวานต้อง ‘ร้านชัยมหาเบเกอรี่’ ตําบลในเมือง เขามีเอแคลร์ลูกโตไส้เต็ม ยิ่งกินยิ่งอร่อยไม่เลี่ยน อีกเมนูหนึ่งที่มินรักมากคือสุกี้แห้งสูตรคุณยายมินเอง อร่อยจนขอติดดาวให้ หมูนิ่มเส้นเหนียวนุ่มน้ำจิ้มรสกลม-กล่อมไม่มีที่ไหนเหมือน

“เคล็ดลับการดูแลตัวเองของมินซึ่งน่าจะถือเป็นเรื่องดีคือไม่ลืมที่จะกินข้าวเช้า หากไม่ได้กินจะรู้สึกเหนื่อยและเพลีย ส่วนวันไหนนอนน้อย มินมีเคล็ดลับที่ทําให้สดชื่นตลอดวันคือจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ซึ่งช่วยได้มาก แถมผิวไม่แห้งด้วย เรียกว่าท้องอิ่มหน้าเด้งนี่แหละทีเด็ดของมิน”

สาวๆ ฝากถาม… สลับร่างกันม้ายยย

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
esther
นางเอกน้องนุชที่ปีนี้มาแรงมากมาย ในจอแฟนๆ อาจจับเธอไปคู่จิ้นกับพระเอกร่วมเรื่อง ฌอห์ณ จินดาโชติ แต่รู้ป่ะว่านอกจอเธอมีชายหนุ่มครีเอทเมนูให้นะจ๊ะ

“น้องชายค่า(หัวเราะ) โชคดีเขาชอบทํากับข้าว เอสเธอร์เลยได้ลองเมนูใหม่บ่อยๆ วันก่อนเขาเพิ่งโชว์ฝีมือผัดหมี่แกงเขียวหวาน อร่อยมว้าก แล้วถ้าอยากกินอะไร ออเดอร์ขอไป เขาก็ใจดีทําให้นะ คุณแม่เองก็ชอบทําอาหาร โดยเฉพาะไก่อบเวลาเอสเธอร์อยู่บ้านจึงได้อิ่มอร่อยตลอดๆ

“ถามเอสเธอร์เรื่องเข้าครัวหรือคะ(หัวเราะ) ไม่ถนัดเลยค่ะ แต่ถ้าเรื่องชิม เอสเธอร์จัดให้ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เวลาไปกินข้าวนอกบ้าง เอสเธอร์ชอบไปกับครอบครัวหรือกับเพื่อนๆ จะได้ชิมหลายอย่าง อย่างละคําสองคํา แต่เชื่อไหมคะ…พอเห็นเมนูหน้ามืดทุกที อยากกินทุกสิ่งจนลืมตัวสั่งมาเต็มโต๊ะ แล้วพอน้ำหนักขึ้นก็เครียด(หัวเราะ)

“เอสเธอร์ชอบอาหารไทยรสจัด โดยเฉพาะอาหารปักษ์ใต้อย่างคั่วกลิ้ง แกงเหลือง รวมถึงส้มตํารสแซ่บ แต่ถ้าเป็นฟิวชั่น เอสเธอร์เป็นแฟนคอฟฟี่บีนส์ บาย ดาวค่ะ ชอบไปสาขาเอกมัย เมนูโปรดคือสปาเกตตีคาร์โบนาร่า ยําผักบุ้งกรอบราดหน้า ส่วนของหวาน ชอบเค้กมะพร้าวใบเตยอร่อยมาก(ลากเสียงยาว) เนื้อเค้กเนียนนุ่มผสมเนื้อมะพร้าวอ่อนหอมกลิ่นใบเตย
หรือจะเป็นช็อกโกแลตเค้กกินได้ทุกวันทุกมื้อ แหม…พูดแล้วก็อยากไปขึ้นมาทันที(หัวเราะ)

ว้าว… แฟนคลับ รู้แหล่ง meet&greed เอสเธอร์แล้วนะ

ชมพู่-อารยา เอ. ฮาร์เก็ต
chompoo

ภาพ :IG@chomismaterialgirl

เจ้าแม่กินคลีนเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยที่กล้าพูดว่าเธอมาถึงวันนี้ได้เพราะความเฮิร์ทเป็นปฐม

“ชมมองว่า เรื่องการกินมีความสำคัญ 70 เปอร์เซ็นต์เลย มาเข้าใจชัดๆ ตั้งแต่ช่วงแรกที่ออกกำลังกายหนัก แต่น้ำหนักดันขึ้น ทั้งตกใจและเจ็บใจว่าอะไรนี่ เลยโทรปรึกษาพี่แมร์(กาละแมร์)ว่า เจ๊…ชมต้องเริ่มยังไง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการกินอาหารคลีนอย่างจริงจัง หลีกเลี่ยงของทอด รวมถึงอาหารหรือขนมที่มีนมเป็นส่วนประกอบ เพราะร่างกายเราไม่ได้มีเอนไซม์สำหรับย่อยนมวัว แล้วพยายามหาแหล่งโปรตีนจากอย่างอื่น ชมมีเพื่อนที่ชอบกินเบเกอร์รี่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ ปรากฏว่าพอเธอมีลูก เด็กก็แพ้นมวัว ชมไม่อยากให้ลูกตัวเองเป็นแบบนั้น

“แล้วพอกินคลีนได้พักหนึ่งก็ทำให้ชมอยากทำอาหารเมนูง่ายๆ แรงบันดาลใจเริ่มจากพี่แมร์อีกแล้ว เห็นนางทำข้าวหน้าถั่วเน่าก็อยากเข้าครัวบ้าง วันแรกของการทำอาหารคลีนกินเองคือ ไปซื้อหม้อหุงข้าว เพราะไม่มี(หัวเราะ) จากนั้นซื้อถั่วเน่าสำเร็จรูป ไข่ปลาแซลมอน ลวกกระเจี๊ยบ แล้วมาโปะข้าวญี่ปุ่น โรยสาหร่ายนิดหน่อยเป็นอันเรียบร้อย

“เล่าอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าชมเลิกกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตนะ ในหนึ่งสัปดาห์จะมีมื้ออาหารแบบนั้นประมาณ 2-3 มื้อ เพียงแต่ถ้าเลือกได้จะเลือกอาหารญี่ปุ่นก่อน เพราะใกล้เคียงกับอาหารคลีนมากที่สุด”
เอ้า…จัดตามสาวชมไปเลยจ้า สาวๆ

พยากรณ์ดวงชะตาวันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2558

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน  : มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
การเงิน : มีโครงการที่จะไปกู้หนี้ยืมสิน หรือทำสัญญาซื้อขายเพิ่ม

ความรัก : ญาติๆ จะเข้ามาป่วนจนเป็นเหตุให้ชีวิตคู่ต้องมึนตึงกันบ้าง ส่วนคนโสดต้องพยายามทำไม่รู้ไม่เห็น เพราะดวงบอกว่า จะได้พบรักแรกโดยบังเอิญ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : จะมีปัญหารุมเร้า จนอยากเปลี่ยนงานหรือย้ายแผนกหนีเลยทีเดียว
การเงิน : มีพิเศษเข้ามา แต่รายจ่ายก็จ่อคิวรออยู่ เจียดเงินไปปล่อยปลาบ้าง

ความรัก : ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอให้หนักแน่นในสถาบันครอบครัวไว้นะคะ คนโสดหรือผู้ที่ตกพุ่มม่ายก็เช่นกัน ก็กำลังกังวลว่า ตัวเองจะโดนหลอกหรือเปล่า ชิลๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : งานเข้าอย่างต่อเนื่อง เหมือนทำเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที หลีกหนีก็ไม่ได้ด้วย คิดบวกไว้ว่า เรามีความสามารถ นายจึงไว้ใจให้ทำงาน

การเงิน : ติดขัดไปหมดทุกทาง เหมือนจะได้ๆ จะไม่ได้ เหมือนมีคนมาขัดลาภ

ความรัก : มีขัดใจกันบ้าง ยังตกลงกันไม่ลงตัวว่าจะซื้ออะไรก่อนดี ระหว่างบ้าน รถ หรือที่ดิน คนโสดหรือคนที่ตกพุ่มหม้าย ก็กำลังรอจังหวะบอกเลิกคนที่คบอยู่

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : รู้สึกเหมือนตัวเองทำงานแทนคนอื่นอยู่ร่ำไป ควรปรับเปลี่ยนแก้ไขที่ระบบ

การเงิน : มีการลงทุนใหม่ๆ และจะได้ดอกผลเข้ามาด้วย

ความรัก : ถึงเวลาที่จะต้องปรับตัวและทำความเข้าใจกัน คนโสดก็ระวังตัวระวังใจไว้หน่อย จะมีรักเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

การงาน : วันนี้ก่อนเซ็นรับเอกสารหรือทำสัญญาใดๆ ดูให้ดี จะเกิดความผิดพลาดได้

การเงิน : มีเงินเข้า แต่ก็จะออกไป เพราะมีคนมาชวนลงทุน

ความรัก : เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น อย่าลืมดูแลใส่ใจกันเรื่องสุขภาพให้มาก คนโสดก็หวงสถานภาพโสดเหลือเกิน จับปลาหลายมือไม่ดีนะ เดี๋ยวหลุดหมด คราวนี้โสดสมใจเลย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : งานออกดอกออกผล เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว รวมถึงความตั้งใจก็ไม่มีใครเต็มที่ได้เท่าเรา

การเงิน : ควักให้กับการจัดงานเลี้ยงสังสรร

ความรัก : คนโสดจะได้พบปะเพื่อนเก่า ระวังถ่านไฟเก่าคุนะขอรับ

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : งานเข้าไม่หวาดไม่ไหว เพราะปฏิเสธคนไม่เป็น ต้องหัด Say No! บ้างนะคะ

การเงิน : กำลังจัดสรรเงินเพื่อซื้อของขวัญ และของกำนัลให้ผู้ใหญ่

ความรัก : คนโสดหรือผู้ที่ตกพุ่มม่าย หลังจากเลือกมานาน ก็ถึงเวลาที่จะคิดจริงจังกับคนรักเสียที

เรื่องโดย : เนาวรัตน์ สมัครเขตการ

ส่องสไตล์ 2 เซเลบหน้าเด็กเวอร์ ไม่น่าเชื่อว่ามีลูกแล้ว!

ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นตัวบุคคลยืนยัน คงไม่เชื่อว่า คุณอร – ณธพร เอื้อวันทนาคูณ เจ้าของพายแบรนด์ April’s Bakery และคุณเก๋ – โสภิน รองรัตน์ เจ้าของสปากระเป๋าและรองเท้า Leather Solute จะเป็นคุณแม่แล้ว เพราะทั้งคู่ยังดูเด็ก สดใส และเป๊ะเวอร์สุดๆ

อร – April’s Bakeryอร 2

อร 1“หลายคนถามว่าเปิดร้านเบเกอรี่ ต้องชิม ต้องกินอยู่ตลอดเวลาแต่ทำไมไม่อ้วน จริงๆ อรกินเก่งมากค่ะ แต่อรค่อนข้างใส่ใจดูแลสุขภาพ ทั้งเรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกาย ทุกอาทิตย์มีครูมาสอนโยคะที่บ้าน อรเล่นโยคะมากว่า 10 ปีแล้ว ส่วนเรื่องอาหารก็ไม่ถึงขนาดควบคุมว่าต้องกินอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้ามื้อไหนกินขนมเยอะ ก็จะรู้ว่ามื้อต่อไปต้องเน้นเมนูผักเป็นหลักScreenshot_2015-12-11-12-08-06

Screenshot_2015-12-11-12-08-15“ส่วนเรื่องการแต่งตัว ชอบรองเท้าคัทชูหรือส้นสูง ส่วนรองเท้าผ้าใบแทบไม่มีเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าไม่เข้ากับบุคลิกและสไตล์ของตัวเอง ที่เป็นแบรนด์โปรดก็คือ MANOLO BLAHNIK, Christian Louboutin และ Chanel ค่ะ ส่วนกระเป๋าอรชอบ Hermes กับ Chanel ตรงที่ดีไซน์เรียบๆ แมทช์ได้กับทุกชุด สามารถถือลุยได้ทุกที่ จุของได้เยอะ และที่สำคัญผ่านไปกี่ปีก็ยังคงความสวยไม่ตกเทรนด์ ใบโปรดที่รักที่สุดคือ Hermes สีเหลืองค่ะ เพราะค่อนข้างหายาก และเป็นสีโปรดของอรด้วย”

เก๋ – Leather Soluteเก๋ 1“เก๋ค่อนข้างใส่ใจดูแลตัวเอง อย่างเมื่อก่อนจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออาทิตย์ละ 3 วัน แต่ตั้งแต่มีลูก เลยเปลี่ยนมาวิ่งกับลู่วิ่งที่บ้านแทน เก๋ 2“สไตล์การแต่งตัวของเก๋ เน้นดีไซน์แบบเรียบ โก้ สามารถใส่ทั้งทำงานและไปงานตอนเย็นต่อได้ ส่วนใหญ่เน้นเป็นสีเอิร์ธโทน เก๋ชอบใส่เกาะอก ไม่ว่าจะเป็นจัมพ์สูทเกาะอก หรือเดรสเกาะอก อย่างตอนเช้าไปทำงานก็ใส่แจ๊กเก็ตคลุม พอตกเย็นก็ถอดเสื้อคลุมออกไปงานต่อได้เลย เสื้อผ้าส่วนใหญ่เก๋สั่งตัดค่ะ เพราะสามารถเลือกสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ ทั้งแบบ ทั้งสี และที่สำคัญพอดีตัว แต่ถ้าเป็นเสื้อผ้าลายพริ้นต์ เก๋ยอมให้แบรนด์เดียวเลยคือ Emilio Pucci เพราะลายสวยมาก ส่วนใหญ่จะซื้อเป็นเดรสสำหรับใส่ออกงานScreenshot_2015-12-11-12-10-16

Screenshot_2015-12-11-12-10-36“แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือ กระเป๋า ตอนนี้มีประมาณ 50 กว่าใบค่ะ ที่ใช้บ่อยสุด คือ Hermès เพราะสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับชุดได้ง่าย และเป็นแบรนด์ที่ทำสีสวยมาก ซึ่งกระเป๋าเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ เพราะเป็นทั้งแอ็กเซสซอรี่ส์ประจำตัว เป็นของสะสม”

เรื่อง : Minim

ภาพ : โยธา, IG @ornapril, @kaetor

‘IRIS: ไอริส…เปรี้ยวที่ใจ วัยไม่เกี่ยว’ หนังดีที่ไม่ได้ทำมาแค่ให้ยายดู แค่คือเสรีชนทุกคนควรดู!

“เคยมีคนบอกฉันว่า ‘คุณไม่ใช่คนสวย และจะไม่มีวันสวย แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะคุณมีสิ่งที่ดียิ่งกว่าความสวย

…คุณมีสไตล์'” ไอริส แอพเฟล แฟชั่นไอคอนสุดจัดจ้านวัย 93 ปี ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงแฟชั่นนิวยอร์กและแฟชั่นโลกมานานหลายทศวรรษกล่าว

ไอริส บาร์เรลล์ แอพเฟล เกิดเมื่อวันที่ 29 ปี 1921 ในครอบครัวย่านควีนส์ เธอหลงใหลข้าวของที่แปลกแตกต่างเป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่เด็ก และมีโอกาสฝึกฝนตนเองด้วยการติดตามพ่อไปทำงานในสตูดิโอออกแบบตกแต่งภายใน และช่วยแม่จัดแต่งวินโดว์หน้าร้านอยู่เสมอ

หลังเรียนจบศิลปะจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ไอริสเริ่มทำงานประจำที่ Women’s Wear Daily ตามด้วยการได้ฝึกงานกับ เอลินอร์ จอห์นสัน อินทีเรียดีไซเนอร์ชื่อดัง กระทั่งตัดสินใจก้าวสู่ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในอย่างเต็มตัวในที่สุด

iris3

ปี 1948 ไอริสแต่งงานกับ คาร์ล พาเทล ผู้บริหารบริษัทโฆษณา และทั้งคู่ร่วมกันก่อตั้ง Old World Weavers บริษัทผ้าซึ่งไอริสรับหน้าที่ออกแบบลาย  งานใหญ่ของทั้งสองคือการรับตกแต่งภายในทำเนียบขาว (ภายใต้ยุคประธานาธิบดีถึง 9 คน) และจัดหาคอลเล็กชั่นผ้าให้แก่พิพิธภัณฑ์สำคัญๆ หลายแห่ง (เช่น Metropolitan Museum of Art) ซึ่งทำให้ไอริสมีโอกาสออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสะสมผ้าและแรงบันดาลใจ ก่อนจะขยับขยายเป็นการสะสมเครื่องประดับและเสื้อผ้า อันสะท้อนถึงรสนิยมและสไตล์สุดโดดเด่นของเธอ

ไอริสโด่งดังในฐานะแฟชั่นไอคอน หลังจากพิพิธภัณฑ์ชวนเธอมาจัดแสดงงานสะสมของเธอในชื่อ “Rare Bird Of Fashion”  ซึ่งไม่เพียงทำให้คนวงกว้างได้รู้จักและตื่นตะลึงกับคอลเล็กชั่นเหนือธรรมดาของเธอเท่านั้น แต่บุคลิกก๋ากั่น พูดตรง และสไตล์การแต่งตัวแสนโฉบเฉี่ยวงดงามของเธอยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทั้งดีไซเนอร์และผู้คนทั่วไปอย่างมหาศาล ส่งผลให้เธอก้าวสู่สถานะ “ดาวค้างฟ้าแห่งมหานครนิวยอร์ก” ในวัย 87 ปีและเป็นที่รักของทั้งนิตยสารแฟชั่น (เธอได้ขึ้นปกและลงในเล่มของทั้ง Vogue, Harper’s Bazaar, PAPER, Dazed and Confused), เป็นนางแบบขาประจำของตากล้องชื่อดัง บรูซ เวเบอร์, เป็นพรีเซนเตอร์ให้เครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่าง MAC และเสื้อผ้า Kate Spade  กับยังเป็นอาจารย์พิเศษของ School of Human Ecology แห่ง University of Texas ที่ซึ่งนักศึกษาจะมีโอกาสได้เรียนรู้ทุกแง่มุมของธุรกิจแฟชั่นจากเธอตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์เต็ม

iris4

แม้วัยเด็กของไอริสจะอยู่ห่างไกลจากคำว่าความหรูหราและต้องเติบโตขึ้นมาอย่างชนชั้นกลางค่อนล่างในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ แต่สภาพการณ์เหล่านั้นเองที่หล่อหลอมให้เธอเข้าใจคุณค่าและความหมายของ “งาน” ในแบบที่เราได้ยินแล้วอาจจะอดอิจฉาไม่ได้

“ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงาน” ไอริสกล่าว “ถ้าคุณโชคดีพอจะได้ทำงานที่คุณรัก …ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามก็จะเกิดขึ้นตามมาเอง”

iris1

และด้วยชีวิตสุดเฟี้ยวของสตรีผู้ซึ่งมีความรักอย่างหมดใจต่อแฟชั่น, ศิลปะ และมนุษย์ บัดนี้ ภายใต้ฝีมือของผู้กำกับสารคดีระดับตำนานวัย 87 ปี อัลเบิร์ต เมย์เซิลส์ ก่อเกิดเป็นผลงานภาพยนตร์สารคดีที่ไม่ได้มีดีแค่เป็นหนังแฟชั่น แต่คือเรื่องราวของความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจที่จะทำให้เราได้กระจ่างว่า เพราะอะไรจิตวิญญาณเสรีแสนเปรี้ยวของคุณทวดวัยเฉียดร้อยอย่างไอริสจึงยังคงเปล่งประกายเฉิดฉายแก่คนรุ่นหลังอยู่เสมอ! และท้ายที่สุด นี่คือภาพยนตร์สารคดีที่จะทำให้ผู้ชมได้ตระหนักว่า การแต่งตัว-หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น-การใช้ชีวิต มิใช่อะไรเลยนอกจาก “การทดลอง”

…ดังที่เธอมักกล่าวไว้ว่า “คนเรามีแค่ชีวิตเดียว ….แล้วคุณจะมัวกลัวอะไร?”

 

เกี่ยวกับผู้กำกับอัลเบิร์ต เมย์เซิลส์

iris2

นิวยอร์ก ไทมส์ส ยกย่องเขาเป็น “ครูใหญ่แห่งวงการหนังสารคดี” , ฌ็อง-ลุก โกดาด์ ผู้กำกับฝรั่งเศสระดับตำนาน ชื่นชมเขาในฐานะ “ตากล้องที่ดีที่สุดของวงการหนังอเมริกัน” และสำหรับเรา เขาคือคนทำหนังสารคดีที่มีผลงานน่าจดจำมากมาย ทุกเรื่องเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา และสามารถนำพาเราเข้าไปสัมผัสชีวิตจิตใจของบุคคลในหนังด้วยวิธีนำเสนอที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์

อัลเบิร์ต เมย์เซิลส์ เกิดเมื่อปี 1926 และสร้างชื่อร่วมกับ เดวิด น้องชายของเขาในฐานะผู้บุกเบิกการทำหนังสารคดีแนวทาง Direct Cinema (ถ่ายทอดชีวิตผู้คนโดยไร้ซึ่งบท การจัดฉาก การสัมภาษณ์ หรือแม้แต่การใช้เสียงช่วยบรรยาย) ทั้งสองมีผลงานกว่า 40 เรื่องและจำนวนมากในนั้นได้รับการยกย่องเป็นหมุดหมายสำคัญของแวดวงหนังสารคดีโลก อาทิ Salesman, Gimme Shelter, Grey Gardens เขาเป็นเจ้าของ 2 รางวัล Peabody Awards, 3 รางวัลเอมมี่, 6 รางวัล Lifetime Achievement Awards, รางวัล Columbia DuPont Award และเมื่อปีที่ผ่านมา เขาได้รับ National Medal of Honor จากประธานาธิบดีบารัก โอบามา

เมย์เซิลส์เสียชีวิตในเดือนมีนาคม ปี 2015 ขณะอายุ 88 ปี โดยฝาก Iris ไว้เป็นผลงานกำกับขนาดยาวเรื่องสุดท้าย และเช่นเคย…มันยังคงเป็นผลงานที่สร้างความประทับใจและเป็นที่กล่าวขานถึงในฐานะหนึ่งในหนังสารคดีที่ดีที่สุดของปี

 

 

 

EAT CLEAN STYLE by YANEE อร่อยฟินเฟร่อ ไม่ต้องเจอแต่จืดชืด

ระยะนี้ มีแต่คนนิยมกินคลีน แพรวดอทคอม จึงคัดเลือกเมนูคลีนๆ รสชาติอร่อยฟินเฟร่อ สไตล์คุณญาณี จงวิสุทธิ์ มานำเสนอ นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังทำกินอร่อยได้แบบง่ายๆ …บอกเลยว่างานนี้ต้องจัดกันหน่อย!

1. ผัดไทยเส้นมะละกอ 

EAT CLEAN1

สมัยก่อนอยากกินผัดไทย แต่ไม่อยากกินเส้น จนมีวันหนึ่งนานมาแล้ว น้องเล็ก – ดวงกมล ศรัทธาทิพย์แนะนำว่า ทำไมไม่ลองขูดมะละกอใส่ลงไปละ เท่านั้นแหละ ญาณีนึกขึ้นได้ เฮ้ย…จริงว่ะ ลองทำดูสิ เส้นมะละกอเหนียวๆ รสชาตินัวๆ จึงเป็นที่มาของผัดไทยเส้นมะละกอ ที่คุณญาณีกล้าพูดว่าทำกินก่อนใคร

เครื่องปรุง

1. กระเทียมสับ / หอมแดงซอยสับเล็กๆ ฝอยๆ/ ไชโป๊  ส่วนมากไชโป๊จะหวานเจี๊ยบและเค็มปิ๊ด เพราะฉะนั้นพอซอยเสร็จให้แช่น้ำ ยกขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ถ้าชิมแล้วหวานเค็มปิ๊ดปั๊ดไป ก็เอาลงแช่น้ำอีก

2. กุ้งแห้ง/ เต้าหู้  ปกติผัดไทยใช้เต้าหู้เหลือง แต่ญาณีไม่อยากกินเค็มมาก ใช้เต้าหู้ขาวแล้วกัน นำมาหั่นเต๋าใหญ่ เต๋าเล็กแล้วแต่ศรัทธา

3. เส้นมะละกอซอย/ ถั่วงอก/ กุยช่าย  หั่นเป็นต่อนๆ เหมือนที่เห็นตามร้านผัดไทย และเตรียมเผื่อไว้กินเป็นเครื่องเคียงด้วยนะคะ

วิธีทำ 

1. ใส่น้ำมันลงไป ถ้าอยากโลว์แฟตไม่ต้องใส่เยอะ เปิดไฟกลาง พอร้อนฉ่าๆ โยนกระเทียมและหอมแดงซอยสับเล็กๆ ฝอยๆ ลงไป ตามด้วยไชโป๊ กุ้งแห้ง เต้าหู้

2. จากนั้นเร่งไฟแรง ใส่เส้นมะละกอสับลงไปให้ฉ่า เพราะพวกผักต้องทำระยะเวลาสั้นๆ มั่นใจและไว ไม่อย่างนั้นผักสลบ (ผักเป็นสีเขียวๆดำๆ) ถ้าไม่มั่นใจ ไฟไม่ต้องแรงมาก

3. น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บหอมๆ ลงไปคลุกเคล้า ถ้ายังไม่เค็ม ลุยน้ำปลาเลย ถ้าชอบพริกป่นโปรยลงไปเลย แต่ถ้าใครไม่กินเผ็ดแยกได้ ใส่ถั่วงอกและกุยช่าย เพราะสุกง่ายมาก โรยถั่วคั่วเอง ปิดเตา จบ

เมนูนี้แนะนำให้ทำทานใน 1 วัน อย่าเก็บ ถ้าทิ้งไว้นานหลังจากผัดเสร็จ เห็นมีน้ำออกมาเยอะ ไม่ต้องตกใจ น้ำผักจะออกมาเอง เวลาตักทาน เอียงๆ ให้สะเด็ดน้ำหน่อย ตักทานแห้งๆ อร่อยแน่นอน

2. เต้าหู้ผัดซ้อสงา

Eat CLEAN2

ด้วยความที่ดิฉัน ชอบกินเต้าหู้ จึงเป็นที่มาของเมนูเต้าหู้ผัดซอสงา แต่ขอบอกว่าการเลือกเต้าหู้ให้อร่อยต้องแล้วแต่โชคชะตาวาสนา ถ้าเจอเต้าหู้แข็งมากๆ หมายความว่าเขาใส่แป้งเยอะ ทำให้เปรี้ยว  แนะนำให้ต้มในน้ำเดือดก่อน ค่อยนำมาทำอาหาร แต่ถ้าดูนิ่มนวล อ่อนหวาน จึงจะอร่อยเด็ด

เครื่องปรุง 

1. เต้าหู้อร่อยๆ 

2. น้ำมัน / กระเทียมสับ/ ซอสงาสีขุ่นของญี่ปุ่น (สำหรับจิ้มกับชาบู)/ งาคั่ว/ ต้นหอม หั่นประมาณหนึ่งนิ้ว แล้วแต่อัธยาศัยบ้านใครบ้านมัน

วิธีทำ 

1. เทน้ำมันลงกระทะ โยนกระเทียมสับลงไป ไฟอาจโฉ่ฉ่านิดหนึ่ง เจียวกระเทียมกับน้ำมันจนหอม

2. หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นพองาม ลงผัดกับกระเทียม ลดเป็นไฟกลาง เดี๋ยวเต้าหู้ติดกระทะแล้วแตก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เพราะรสชาติเข้ากันได้ อารมณ์กลมกลืนมากกว่า

3.ใส่ซอสงาลงไป (เมนูนี้ ไม่ใส่น้ำตาลนะคะ เพราะซอสงามีความหอมหวานอยู่แล้ว) เติมน้ำลงไปนิดหน่อย อยากได้น้ำอิลกฉกแฉกแค่ไหนเรื่องของคุณ แต่เมนูนี้ต้องปริ่มๆ น้ำนิดหน่อย ไม่ใช่แห้งกั้ก เต้าหู้จะติดกระทะ

4. พอทุกอย่างได้ที่ตามต้องการ ชิมดู แล้วคุณจะรู้เองว่าหอมอร่อยขนาดไหน จากนั้นโปรยงาที่คั่วและบุบนิดหน่อยลงไป (เพราะงาเมื่อถูกทุบจะหอม) โปรยมากน้อยแค่ไหน เชิญตามสบาย โรยต้นหอมที่หั่นเป็นต่อนๆ ลงไป หรือจะเอาพริกขี้หนูสไลซ์ลงไปคลุกด้วยพอให้เผ็ดปะแล่มๆ ก็ได้

3.ข้าวต้มปลาญาณี

Eat Clean3

สมัยดิฉันและพี่ชายเด็ก ๆ เลิกเรียนกลับถึงบ้าน อย่างแรกที่พวกเราตักกินกันเอร็ดอร่อยคือ  ข้าวต้มปลาอินทรีสูตรป้า ซึ่งเธอใส่ขึ้นฉ่าย ขิง และเต้าเจี้ยว รวมในน้ำแกง พวกเรากลับถึงบ้านก็ตักน้ำแกงใส่หม้อ โยนข้าวลงไปต้ม เวลาจะกินแค่ปรุงรสนิดหน่อย ด้วยการใส่พริกน้ำส้มที่มีอยู่ในครัวป้า…อร่อยที่สุด

เครื่องปรุง 

1. ปลาอินทรี  ดิฉันพิสูจน์แล้วว่า เมื่อนำปลาอินทรีหนังดำทำข้าวต้ม ช่างให้รสชาตินัว เนื้อแข็งแต่นิ่มนวล ไม่แข็งกระด้างเหมือนปลาอินทรีหนังขาว

2. ขึ้นฉ่ายฝรั่งหรือขึ้นฉ่ายไทย/ ตังฉ่าย/ ขิงซอย/ รากผักชี/ กระเทียม/ น้ำปลา/ ซีอิ๊วขาว/ พริกไทย/ เต้าเจี้ยว

วิธีทำ 

1. เมื่อได้ปลาอินทรีมาปั๊บ ให้หั่นเป็นต่อน ๆ ขนาด 1 นิ้วกำลังสวย คุณจะกินกี่คนก็กะปริมาณซื้อปลาอินทรีเอาเอง ดิฉันไม่ชอบพุงปลา จึงเลือกต่อนหลังพุงแทน จากนั้นแล่กระดูกตรงกลางและครีบข้างๆ ออก เก็บไว้ต้มเป็นน้ำสต๊อก

2. นำปลาอินทรีที่หั่นเรียบร้อยแล้วลวกพอสะดุ้งแป๊บเดียว ออกแนวกึ่งดิบมากกว่าสุก เพื่อลอกหนังปลาออกง่าย แต่ถ้าคุณไม่แคร์หนังปลา ไม่ต้องลวก

3. นำก้างและครีบที่ลอกออกลงต้มในน้ำ ทำเป็นน้ำสต๊อก ให้เดือดจนหอมๆ ค่อยนำก้างปลาและครีบให้น้องแมวกินต่อ จากนั้นนำน้ำสต๊อกเทใส่หม้อตามปริมาณที่จะกิน โยนรากผักชีที่ล้างสะอาดแล้ว 2 – 3 รากหรือมากกว่านั้น ตามแต่ปริมาณคนกินและความชอบ ทุบพอบุบๆ ใส่ลงไปเพื่อให้ได้กลิ่นหอม

4. โยนกระเทียมที่ปอกเป็นกลีบๆ ลงหม้อ ส่วนจะใช้กระเทียมกลีบเล็กหรือใหญ่ แล้วแต่ความชอบ แต่ถ้าเป็นกระเทียมกลีบเล็กจะหอมกว่ากลีบใหญ่

5. เมื่อน้ำเริ่มเดือดเข้าที่เข้าทาง ให้ปรุงรสเบาๆ เริ่มจากใส่ตังฉ่ายก่อน กรุณาล้างน้ำให้สะเด็ด สักสองน้ำเพื่อลดความเค็ม เติมเต้าเจี้ยวลงไป ถ้าขาดรสอะไรค่อยเติมน้ำปลา ซีอิ๊วขาว ปรุงรสอะลุบตุ้บตั้บ  ชิมจนถูกใจ อย่าขาดพริกไทยนะคะ จากนั้นค่อยๆ หยิบชิ้นปลาลงไป ขยุ้มขิงซอยละเอียดลงไป ตามด้วยขึ้นฉ่ายสับเป็นชิ้นๆ โยนลงไปให้เปื่อยสุกในน้ำซุป

7. เวลาจะกิน แค่นำน้ำแกงลงหม้อ ใส่ข้าวลงไปต้ม ปรุงรสด้วยพริกขี้หนูซอยน้ำส้ม ก่อนเสิร์ฟโรยกระเทียมเจียว แค่นี้รสชาติก็นัวแล้ว

รูปพี่ตุ๊ก ญาณี

Yanee’s Tip

การทำอาหารทุกอย่างที่เกี่ยวกับปลา ห้ามคนเด็ดขาด เดี๋ยวเขาโกรธเราแล้วจะปล่อยกลิ่นคาวออกมา ส่วนการทำข้าวต้มปลา อย่าปล่อยให้น้ำเดือดพล่าน เพราะจะทำให้เนื้อปลาแตก ไม่สวย ควรให้เดือดแต่พองาม

ประกาศชื่อผู้โชคดี Beauty Speak นิตยสารแพรว ปักษ์วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558

รายชื่อผู้โชคดีได้รับ บริการออกแบบคิ้วกับ “ลีแอนส์” จำนวน 10 รางวัล มีดังนี้
Leanne's-03

1. คุณกรกฎ ไตรทศลีลา กรุงเทพฯ
2. คุณสิรินันท โพธิเสถียร นนทบุรี
3. คุณพัชรกัญญ์ หนุนภักดี นนทบุรี
4. คุณชนัญชิดา เชียงวันนา กรุงเทพฯ
5. คุณสุวรรณา ม่วงวิเชียร นนทบุรี
6. คุณชลานนท์ โรจนแสง นนทบุรี
7. คุณเพ็ญทิพา ภัทรนาวิก นนทบุรี
8. คุณปาริชาติ เร่งพินิจ กรุงเทพฯ
9. คุณอภิรดี ศักดิ์สมวาศ ระยอง
10. คุณนิชาภา ทองศรีสังข์ สมุทรปราการ

ทั้งนี้ผู้โชคดีทั้ง 10 ท่าน ทางนิตยสารแพรวจะจัดส่งของรางวัลไปให้ถึงบ้าน

keyboard_arrow_up