ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุก เปรมชัย กรรณสูตร ประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ เป็นเวลา 16 เดือน ใน 3 ข้อหา แต่หลุดข้อหาครอบครองซากเสือดำ

นับตั้งแต่ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เข้าตรวจสอบพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งมีหนึ่งในสมาชิกคือ เปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ ได้มีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง รวมทั้งซากเสือดำ ในครอบครอง จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ของประชาชนค่อนประเทศ

ล่าสุดมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย เป็นเวลา 16 เดือน ไม่รอลงอาญา ใน 3 ข้อหา 1.ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า น 2. ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  3. ข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้แต่ในส่วนของข้อหาที่หลายคนจับตามองเรื่องที่ครอบครองซากเสือดำนั้น ประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทยหลุดข้อหาดังกล่าว แต่พวกอีก 3 คน ต้องถูกรับโทษในข้อหานี้พร้อมกับข้อหาเก็บของป่าด้วย

ข้อมูลจาก : http://www.amarintv.com

กลับตาลปัตร ไฮโซปุ๊บปั๊บ ปฏิเสธข่มขืนสาวเกาหลีและไม่เคยรู้จัก “ซึงรี” อดีตสมาชิก Big Bang ลั่นตนต่างหากคือเหยื่อ

หลังจาก  “ซึงรี” อดีตสมาชิก Big Bang และหุ้นส่วนผับฉาว Burning Sun ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีจัดหาบริการประเวณีแก่บุคคลอื่น สื่อท้องถิ่นก็ได้มีการพยายามขุดคุ้ยเรื่องราวให้มากที่สุด ซึ่งในเวลาต่อมาเรื่องอื้อฉาวกลายเป็นโดมิโน เมื่อมีการขยายผลไปสู่ประเด็นอื่นๆ ยาเสพติด, วิดีโอเซ็กส์ , การค้าบริการทางเพศ และ การข่มขืน แต่ว่าสิ่งที่น่าตกใจสำหรับคนไทยที่ทั้งสนใจและไม่สนใจวงการบันเทิงแดนโสม ก็คือมีรายงานข่าวว่ามีชายไทย 2 คนได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

สถานีโทรทัศน์ jtbc รายงานว่า สาวเกาหลีคนหนึ่งได้เข้าไปเที่ยวที่คลับ Burning Sun เธอดื่มวิสกี้ไปเพียง 1 แก้วและสลบไป ทั้งที่ปกติแล้วเธอเป็นคนคอแข็งพอสมควร สาวคนดังกล่าวเล่าว่าเธอตื่นขึ้นมา และพบกับผู้ชายไทย เธออ้างว่าถูกข่มขืน ทั้งยังบังคับให้ถ่ายภาพรูปยิ้ม โดยพูดว่า “กิมจิ” ซึ่งรูปที่สื่อนำออกมาเสนอเป็นภาพปกปิดใบหน้า แต่สุดท้ายชาวเน็ตเกาหลีก็ได้เจอและระบุว่าภาพดังกล่าวก็คือเจ้าของอินสตาแกรม @puppup_foodlife  ต่อมามีการเปิดเผยว่าเป็นอินสตาแกรมของ ไฮโซปุ๊บปั๊บ หรือ “ชวนท รัตตกุล” ผู้บริหารบริษัท ออริจิ้น ฟู้ด จำกัด ทายาทเจ้าของโรงเรียนดัง และยังเป็นหลานชายของ ดร.พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2562 เซเลบริตี้หนุ่มได้ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างหมดเปลือกผ่านรายการ “โหนกระแส” ช่อง 3 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย”

ทันทีที่เข้าสู่รายการเซเลบริตี้หนุ่มได้ปฏิเสธ พร้อมเผยว่าตนเองโคตรซวยและเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ ปุ๊บปั๊บเล่าว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือนธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว เขาเดินทางไปเกาหลีใต้พร้อมกับเพื่อนอีกหนึ่งคนเพื่อไปตระเวนชิมอาหาร ตามสไตล์คนรักการกิน แต่วันนั้นหลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ เพื่อนของเขาได้ชวนไปผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้โรงแรมประมาณ 400 เมตร ชื่อว่า Burning Sun นั่นคือครั้งแรกที่เขาได้ยินและได้ไปผับแห่งนี้

เซเลบริตี้เผยว่านอกจากตนและเพื่อนชายชาวไทยอีกหนึ่งคนแล้ว วันนั้นยังมีเพื่อนที่เป็นคนเกาหลี (ไม่ใช่คนดัง) มาร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งกลุ่มของตนมีประมาณ 10 คน และโต๊ะตั้งอยู่กลางร้าน ไม่เป็นห้องวีไอพีแต่อย่างใด ไม่นานหลังจากที่เข้าไปผับแห่งนี้ก็มีสาวคนหนึ่ง (ผู้หญิงที่อ้างว่าถูกข่มขืน) เข้ามาหาที่โต๊ะ เธอชวนคุยและดื่มเหล้าด้วยกัน แต่เมื่อคุยกันไปสักพักก็รู้สึกถูกคอ จึงยืนเต้นด้วยกัน แต่ก็มีบางจังหวะที่หันไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น ผู้หญิงคนนี้จึงแสดงท่าทีค้อนใส่ไม่พอใจ

จากนั้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูมีใจแน่ๆ เซเลบริตี้หนุ่มจึงตัดสินใจที่จะเต้นกับผู้หญิงคนนี้คนเดียว เมื่อกอดเธอ เธอก็กอดตอบ จึงคิดว่าถูกคอกันและได้มีการแลกคอนแท็ค ทั้งยังได้ถ่ายรูปร่วมกันที่ผับแห่งนั้น ไฮโซหนุ่มเผยต่อว่าได้อยู่ที่นั่นประมาณ 2 ชั่วโมงจนกระทั่งตี 2 จึงได้บอกหญิงสาวว่าจะกลับโรงแรม ผู้หญิงคนนั้นได้เดินตามมา  ไฮโซหนุ่มยืนยันว่าเธอมีสติสัมปชัญญะเต็มร้อยไม่มีการแบกเข้าโรงแรม และยังบอกอีกว่าสาวคนดังกล่าวยังช่วยชี้บอกทางกระทั่งมาถึงห้องพักด้วย

“ชวนท รัตตกุล” กล่าวว่าหลังจากที่เข้าไปในห้องด้วยกันก็เกิดความสัมพันธ์ หลังจากนั้นสาวคนดังกล่าวยังดูแฮ็ปปี้และยิ้มปกติ ทั้งยังมาขอให้ตนถ่ายรูปด้วยกัน ตนจึงได้มอบผ้าพันคอจากเมืองไทยให้เป็นของขวัญ แล้วเธอก็ได้กลับไป กระทั่งเช้าวันต่อมาก็มีตำรวจประมาณ 10 คน มาหาที่โรงแรม และบอกว่าผู้หญิงคนดังกล่าวได้มาแจ้งความพร้อมกับแฟน ว่าตนขโมยโทรศัพท์และมอมยาข่มขืนเธอ ตอนนั้นจึงรู้สึกตกใจมาก ตำรวจได้มีการเช็คอย่างละเอียดรวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิด และเห็นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนี้อ้างคดีจึงจบไป

ทั้งนี้เซเลบริตี้ตระกูลดังยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์  การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวปกติจึงไม่ได้พกเงินไปเยอะ ดังนั้นเรื่องติดสินบนตำรวจไม่มีทางเกิดขึ้นเลย และเกี่ยวกับผับ Burning Sun ถ้าทราบมาก่อนว่าผับแห่งนี้มีปัญหาเขาจะไม่เข้าไปอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก : รายการ “โหนกระแส”

โลกยิ่งล้ำวิวัฒนาการอะไรๆ ก็เปลี่ยนไป แม้แต่ตำนานผีโบราณ ก็ถูกนำมาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็น หนังผีไซไฟแนวใหม่ปี 2019 “ SisterS กระสือสยาม”

นับเป็นผู้กำกับรุ่นเก๋าที่มีไอเดียพรั่งพรูพลิกโฉมหน้าวงการภาพยนตร์ไทยอยู่ตลอดเวลาสำหรับ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ที่ล่าสุดกำลังจะมี “SisterS กระสือสยาม” ภาพยนตร์ไทยแอ็คชั่น-ระทึกขวัญร่วมทุนสร้างครั้งแรกของสองค่ายใหญ่ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ” ออกฉายให้ได้ลุ้นระทึกไปกับเรื่องราวและภาพตื่นตาตื่นใจของตำนานผีไทยอย่าง “กระสือ” ในรูปแบบใหม่ ซึ่งผู้กำกับดังได้เล่าถึงไอเดียและการสร้างผลงานชิ้นนี้ โดยกล่าวว่า

“เรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังผีเต็มรูปแบบเรื่องแรกของผมเลย เพราะผมรู้สึกว่าผูกพันมาตั้งแต่เด็กที่ชอบการ์ตูนและหนังเรื่อง ‘กระสือสาว’ ตอนนั้นเป็นเรื่องแรกที่เราได้เห็นกระสือเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน พอมารู้ตัวว่าเราชอบทำหนัง ความคิดเกี่ยวกับเรื่อง ‘ผีกระสือ’ ก็ผุดขึ้นมา และพยายามมองให้เป็นกระสือที่ต่อยอดมาจากวิถีของกระสือที่อยู่กับชาวบ้านตามต่างจังหวัด แล้วถ้ามันมาอยู่ในเมืองจะเป็นอย่างไร

ทีนี้ผมก็มาตีความใหม่ว่า ยุคนี้หลายอย่างเปลี่ยนไป วงจรชีวิตของผีกระสือก็ต้องเปลี่ยนไป แล้วผีกระสือผมว่าเป็นผีที่ค่อนข้างที่จะหลุดจากคำว่าวิญญาณ เพราะมันมาจากร่างคนจริงๆ ในตอนปกติแต่ถอดหัวได้ พอคิดไปคิดมาก็กลายเป็น Sci-Fi มาอยู่ในร่างคนเหมือนเอเลียนเลยนะครับ เวลาออกหากินก็ถอดหัวออกไปแล้วกลับเข้ามาได้ ผมก็ตีความตรงนี้ในเชิงวิทยาศาสตร์ของผมเข้าไปก็เลยกลายเป็นแอ็คชั่นไซไฟ บวกกับผีไทยตามความเชื่อและความเป็นเมืองในยุคปัจจุบัน รวมถึงความผูกพันตามสายเลือด ความเป็นครอบครัวพี่น้องเข้าไปด้วย และเรื่องนี้เป็นหนังที่ค่อนข้างท้าทายผมที่จะทำออกมา อยากจะทำให้คนยุคนี้ได้กลัวเหมือนที่ผมเคยกลัวตอนเด็กๆ ยอมรับว่าโจทย์นี้ยากมากๆ การใส่ใจในการทำเทคนิคให้สมจริงมากที่สุด และการตีความต่างๆ ของผมไม่ว่าจะเป็นลักษณะการลอย การถอดหัวกระสือ และพวกภาพต่างๆ ผมว่าคนที่ชอบดูหนังน่าจะมาดู อยากให้ลองมาดูกัน และจะกลายเป็นความแตกต่างที่น่าสนใจ ผมเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นครับ”

ผู้กำกับมากฝีมือ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” 

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเกี่ยวกับความรักความผูกพันของสองสาวพี่น้อง สายเลือดเดียวกัน“คนหนึ่งเกิดมาเพื่อฆ่า อีกคนเกิดมาเพื่อล่า” การต่อสู้กับชะตากรรมที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง “โมรา” (มิวนิค นันท์นภัส) สาวน้อยวัย 16 ปี ที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติกับร่างกายของเธอที่ออกอาการจนน่าสงสัยมากขึ้นทุกที เธอกำลังถูก “ราตรี” (หญิง รฐา) นางพญากระสือที่ดำรงชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวบนโลกมนุษย์มานานหมายเอาชีวิตจากความแค้นที่ฝังลึกในอดีตกับตระกูลของพวกเธอ จึงถึงเวลาที่ “วีณา” (โจ้ พลอยยุคล) พี่สาวผู้ยอมเสียสละทั้งชีวิต ต้องออกโรงปกป้องน้องสาวผู้อ่อนแอให้รอดพ้นจากเงื้อมือของเหล่าศัตรู ก่อนที่จะต้องสูญเสียน้องสาวไปตลอดกาล….เตรียมกลายร่างใหม่ แหวกทุกความระทึก 4 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

โจ้ พลอยยุคล

หญิง รฐา

มิวนิค นันท์นภัส

ภาพจาก : สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล