อยู่ดี กินดี สองคำสั้นๆ ที่เขียนง่าย แต่ทำได้ยาก โดยเฉพาะถ้าโจทย์นั้นคือ ทำให้คนทั้งประเทศ

อยู่ดี กินดี สองคำสั้นๆ ที่เขียนง่าย แต่ทำได้ยาก โดยเฉพาะถ้าโจทย์นั้นคือ ทำให้คนทั้งประเทศ

หากนั่นคือภารกิจสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงทำมาตลอดพระชนม์ชีพ โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ทรงเลือกใช้ คือ การประมง ซึ่งหากหมุนเข็มนาฬิกาย้อนกลับไป เมื่อ 60 ปีก่อน ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าใดนัก ทั้งที่มีประชาชนในพื้นที่ห่างไกลจำนวนมาก เข้าไม่ถึงแหล่งโปรตีนที่สำคัญนี้

ก้าวสำคัญของประมงไทย
ในช่วงแรกของรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงตระหนักว่าประชาชนยากจนที่อยู่ในพื้นที่ชนบทยังขาดสารอาหารโปรตีน สัตว์น้ำจำพวกปลาน้ำจืดมีจำนวนไม่เพียงพอกับประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะชาวบ้านในภาคเหนือและภาคอีสานที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ ขณะที่หนองบึงหลายแห่งก็เผชิญกับปัญหาน้ำเน่าเสีย จึงมีพระบรมราโชบายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาการประมงอย่างครบวงจร ทั้งด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การวิจัย การอนุรักษ์สัตว์น้ำ รวมถึงการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรด้านการประมง

พระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเริ่มต้นเมื่อกรมประมงแห่งเมืองปีนังส่งปลาหมอเทศให้กรมประมงไทยมาทดลองเพาะเลี้ยงเมื่อพ.ศ.2492 ปรากฏว่าเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ทนต่อโรคและขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว เมื่อความทราบถึงในหลวงรัชกาลที่9 จึงมีพระราชดำริให้กรมประมงนำพันธุ์ปลาหมอเทศมาทดลองเลี้ยงในพระที่นั่งอัมพรสถานเมื่อปีพ.ศ.2495 หลังจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านจากทั่วประเทศเข้ารับพระราชทานพันธุ์ปลาหมอเทศเพื่อนำไปเลี้ยงต่อ เหตุการณ์ในครั้งนั้นนับเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานเพื่อการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ทำให้คนไทยได้เรียนรู้และสนใจการเลี้ยงปลาอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ

หลังจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีกิจกรรมการศึกษาวิจัยด้านการจัดการทรัพยากรประมงน้ำจืด ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง(ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี, ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดฉะเชิงเทรา, ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่างคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดจันทบุรี, ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดสกลนคร, ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่และศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดนราธิวาส) โดยทรงเน้นให้ทำการทดลองที่สามารถใช้ในท้องที่ได้จริงเพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างวิชาการชั้นสูงกับเกษตรกรทุกคน

หลากหลายพระราชดำริด้านการประมง

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการค้นคว้าวิจัยทางด้านการประมงเพื่อนำความรู้เหล่านั้นส่งต่อให้แก่เกษตรกร และมีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งหรืออุทกภัย เพื่อเป็นบ้านให้สัตว์น้ำดังพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2527 ความตอนหนึ่งว่า

“…ควรดำเนินการพัฒนาการประมงให้เหมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศโดยการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติเช่นห้วยหนองให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาและส่งเสริมให้ราษฎรสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำนั้นได้ทั้งการประมงและการปลูกพืชผักบริเวณรอบๆหนองน้ำด้วยเพราะการขุดบ่อใหม่มักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำหรือน้ำท่วมปลาก็จะหนีไปหมด…”

แนวพระราชดำรินั้นก่อให้เกิดโครงการมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรประมง โดยมีการกำหนดนโยบายส่งเสริมการปล่อยสัตว์น้ำชนิดต่างๆ โดยเฉพาะพันธุ์ปลาชนิดที่เหมาะสมลงในแหล่งน้ำนั้นๆ

อีกปัจจัยสำคัญที่ทรงให้ความสำคัญคือการจัดการทรัพยากรประมงทรงมุ่งมั่นงานด้านการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรประมงควบคู่ไปกับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งกระจายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น โครงการส่งเสริมการเลี้ยงปลาในศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ จังหวัดระยอง ด้วยการสงวนพันธุ์และเพาะพันธุ์สัตว์น้ำพร้อมเร่งรัดปล่อยพันธุ์ปลาชนิดต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาโตเร็วที่เหมาะสมในแต่ละท้องที่ลงในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อให้มีสัตว์น้ำชนิดต่างๆ เป็นแหล่งอาหารโปรตีนของประชาชนไว้บริโภคต่อไป

ในกรณีที่ปลาบางชนิดหายากและมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนลดน้อยลงจนอาจสูญพันธุ์ได้ เช่น ปลาบึก ซึ่งเป็นปลาในอันดับ Catfish ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีอยู่เฉพาะในแม่น้ำโขงเท่านั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทำการค้นคว้าหาวิธีการที่จะอนุรักษ์พันธุ์ปลาชนิดนี้ไว้ พร้อมทั้งทรงให้กำลังใจผู้ค้นคว้าตลอดเวลา กระทั่งสามารถผสมเทียมพันธุ์ปลาชนิดนี้ได้สำเร็จ

การพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ทรงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการศึกษาวิจัยตามแนวพระราชดำริ เพื่อหาแนวทางใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายฝั่งแบบอเนกประสงค์และเกื้อกูลกัน ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี โดยได้มีการพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรมเป็นพื้นที่เพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำแบบพัฒนาผสมผสานกับการอนุรักษ์และปลูกป่าชายเลนทดแทน เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีพระราชดำริในการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำและความขัดแย้งระหว่างนาข้าวกับนากุ้ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดทำ “โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ” จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยการกำหนดเขตเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำให้เป็นสัดส่วน โดยการสร้างเขื่อนป้องกันไม่ให้น้ำเค็มเข้ามาทำความเสียหายให้นาข้าว อีกทั้งยังทรงแนะนำให้ทำระบบบำบัดน้ำเสียจากการเพาะเลี้ยงกุ้งก่อนจะปล่อยทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ รวมทั้งทำระบบชลประทานน้ำเค็มและคลองระบายน้ำเสียแยกจากกัน

ปลานิล MISSION ที่ไม่ IMPOSSIBLE

หากพูดถึงการพัฒนาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ นั่นคือพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงปลานิล ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ (ในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น) เสด็จฯมาทรงเยือนประเทศไทยในเดือนธันวาคม พ.ศ.2507 ในครั้งนั้นในหลวงรัชกาลที่9ทรงต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ และจัดโปรแกรมช่วงหนึ่งให้ไปทอดพระเนตรปลาที่พิพิธภัณฑ์ปลา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งผศ. ดร.ธรณ์ ธำรง- นาวาสวัสดิ์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่าเป็นการทูตหยุดโลก

“หลายคนอาจสงสัยว่ามกุฎราชกุมารจากญี่ปุ่น มหาอำนาจแห่งเอเชีย เสด็จฯมาไทยเป็นครั้งแรก ทำไมเราไม่จัดประชุมให้หนักพูดคุยเรื่องการบ้านการเมืองหรือเศรษฐกิจ แต่แท้จริงแล้วในหลวงรัชกาลที่9 ทรงทราบว่าองค์มกุฎราชกุมารโปรดเรื่องปลาเป็นพิเศษ และในขณะนั้นคนไทยก็ต้องการโปรตีนเพื่อพัฒนาร่างกาย พัฒนาสมอง แต่โปรตีนจากเนื้อสัตว์อื่นล้วนมีราคาแพงเกินกว่าที่ชาวบ้านสามัญชนจะหากินได้ทุกวี่วัน”
หลังจากการทูตครั้งสำคัญในครั้งนั้น วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2508 มกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นก็ทรงน้อมเกล้าฯถวาย ปลาทิโลเปียนิโลติกา(Tilapianilatica) จำนวน50ตัวแด่ในหลวงรัชกาลที่9 ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลี้ยงในบ่อบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตต่อมาได้พระราชทานชื่อเป็นภาษาไทยนี้ว่า ปลานิล ให้เชื่อมโยงกับชื่ออังกฤษ

ในเวลาไม่ถึงขวบปีวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2509 จากปลานิล50ตัวพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานลูกปลานิล 10,000 ตัวแก่กรมประมงนำไปขยายพันธุ์ที่แผนกทดลอง และเพาะเลี้ยงเพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรตามความต้องการซึ่งปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของเกษตรกร เพราะเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย โตไวไม่ว่าปล่อยที่ใดก็ออกลูกออกหลานอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงมีคำร้องขอพันธุ์ปลาเข้ามาที่กรมประมงเป็นจำนวนมากจนผลิตไม่ทันเมื่อความทราบถึงในหลวงรัชกาลที่9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ใช้บ่อปลาที่สวนจิตรลดาช่วยผลิตลูกปลา หากพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็อาจกล่าวได้ว่าจะมีพระมหากษัตริย์ใดในโลกนี้ที่ใช้บ้านของตัวเองเป็นกรมประมงแห่งที่2เพื่อจะช่วยให้ปลากระจายไปถึงคนไทยทั้งประเทศ โดยปลานิลที่เพาะเลี้ยงในสวนจิตรลดาเป็นที่รู้จักกันในนาม ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงจากครั้งที่ได้รับการน้อมเกล้าฯถวาย ซึ่งจะพระราชทานแก่กรมประมง เป็นพันธุ์ปลาพระราชทานแก่ราษฎรในขณะเดียวกันบ่อยครั้งเวลาที่เสด็จฯไปทรงเยี่ยมชาวบ้าน ไม่ว่าที่ใดก็มักจะทรงปล่อยปลาลงแหล่งน้ำด้วยพระองค์เอง เพื่อให้มีทรัพยากรสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ในพ.ศ.2510 องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติได้ขอพระราชทานพันธุ์ปลาที่อุดมด้วยโปรตีนไปบริจาคให้แก่ชาวบังกลาเทศที่กำลังประสบปัญหาภาวะขาดแคลนอาหาร พระองค์พระราชทานลูกปลานิล จำนวน 500,000 ตัวเป็นการช่วยเหลือ

วันเวลาหมุนผ่านจนถึงวันนี้ ปลานิลกลายเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ในปัจจุบันสามารถผลิตปลานิล ได้ปีละ 220,000 ตัน ส่งออกไปทั่วโลก สร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 10,000 ล้านบาท และยังสร้างอาชีพให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอีกนับไม่ถ้วน

สำคัญที่สุดคือการที่คนไทยทั้งประเทศมีแหล่งโปรตีนราคาไม่แพง ที่หาซื้อได้ง่าย ปลานิลกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีขายอยู่ทั่วประเทศ ไม่ว่าในภัตตาคารหรือร้านอาหารข้างทาง เป็นปลาที่คนไทยทั้งประเทศได้กิน สมดังพระราชปณิธานที่อยากให้คนไทยได้กินดีอยู่ดี

โดยหนึ่งในพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับพระราชปณิธานเรื่องการประมง ที่ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ณ อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ความตอนหนึ่งว่า

“…ประโยชน์อันพึงประสงค์ของการพัฒนานั้นก็คือความผาสุกสงบความเจริญมั่นคงของประเทศชาติและประชาชนแต่การที่จะพัฒนาให้บรรลุผลเป็นประโยชน์ดังกล่าวได้จำเป็นที่จะต้องพัฒนาฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนให้อยู่ดีกินดีเป็นเบื้องต้นก่อน…จึงอาจพูดได้ว่าการพัฒนาก็คือการทำสงครามกับความยากจนเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนโดยตรงเมื่อใดก็ตามที่ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีและประเทศชาติมีความสงบมีความเจริญเมื่อนั้นการพัฒนาจึงจะถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นชัยชนะของการพัฒนาอย่างแท้จริง…”

เมื่อนำเรื่องราวตั้งแต่บรรทัดแรกของบทความนี้มาต่อรวมเป็น จิ๊กซอว์ จะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริเรื่องการประมงอย่างเป็นระบบที่สมบูรณ์ ตั้งแต่การเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ การพัฒนาและรักษาแหล่งน้ำ จนถึงการที่ทำให้เกษตรมีปลาให้จับ และคนไทยได้กินปลาอย่างยั่งยืน ทรงเล็งเห็นว่าการประมงคือกระดูกสันหลังข้อหนึ่งของชาติ จึงทรงให้ความสำคัญมาโดยตลอด ดังเช่นปรากฏการณ์เรื่องปลานิล ซึ่งอาจเรียกได้ว่านี่คือ ยุทธศาสตร์เรื่องของปลาที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดในโลก เป็น Mission Impossible ที่กลายเป็นความจริงแล้ว

ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เล่าต่อถึงประเด็นนี้ว่า “หลักการของการประมงโลกคือทำให้มีแหล่งโปรตีนราคาถูกให้คนทั้งโลกมีโอกาสได้กินปลาและเมื่อย้อนเวลากลับ60ปีก่อนมีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้แต่โชคดีมีคนหนึ่งคนที่รู้และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาตลอดนั่นคือในหลวงรัชกาลที่9ทรงทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าเป็นไปได้เรื่องปลานิลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคำถามต่อมาคือพระองค์ทำได้อย่างไรผมว่าคงมีคำตอบเดียว

“นั่นคือ ความรักที่ทรงมีต่อพสกนิกร”

ข้อมูลและภาพ : นิตยสารแพรวฉบับ 915

รู้จัก “สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน” ราชินีผู้พลัดถิ่น

วันนี้แพรวดอทคอมจะพาทุกคนมารู้จักกับราชวงศ์อิหร่าน ซึ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งราชวงศ์ที่ไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก เพราะหลังจากการปฏิวัติอิสลามล้มล้างระบอบราชาธิปไตย เมื่อปีพ.ศ. 2522 สมเด็จพระจักรพรรดิโมฮัมหมัด เรซา เสด็จสวรรคตต่างแดน ส่วนพระราชวงศ์คนอื่นๆ ได้ประทับลี้ภัยยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี และสมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน เมื่อครั้นเสด็จพระราชดำเนินเยือนอิหร่าน เมื่อปีพ.ศ. 2510

สมเด็จพระจักรพรรดิโมฮัมหมัด เรซา สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน และเจ้าชายเรซา ปาห์ลาวี มกุฎราชกุมารแห่งอิหร่าน

 

สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน

บุคคลในราชวงศ์อิหร่านที่เราจะพาทุกคนมารู้จักกันในวันนี้คือ สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน เพราะพระองค์ยังทรงมีบทบาทสำคัญและเป็นที่จับตามองของสื่อต่างชาติ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ของพระราชวงศ์ต่างประเทศ ก็ยังได้รับการถวายพระเกียรติยศเสมอ และในตอนนี้พระองค์ได้ใช้พระชนม์ชีพส่วนใหญ่อยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน ณ ปัจจุบัน

สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน (นามเดิม ฟาราห์ ดีบา) เข้าพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับสมเด็จพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี และได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินี จนกระทั่งสถาปนารัฐอิมพีเรียลอิหร่าน จึงได้เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี (ชาห์และชาห์บานู) มีพระราชโอรส 2 พระองค์ และพระราชธิดา 2 พระองค์ ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชนมายุ 79 พรรษา ไปเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา 

ย้อนไปด้านการศึกษา จักรพรรดินีฟาราห์ทรงศึกษาภายในประเทศในโรงเรียนอิตาเลียน ที่เตหะราน จากนั้นทรงย้ายไปยังโรงเรียนฌาณส์ เดอ อาร์ก ฝรั่งเศสจนกระทั่งมีพระชนมายุ 16 พรรษา และหลังจากนั้นทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนราซี 

สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน ณ ปัจจุบัน

พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในวัยเยาว์และทรงกลายเป็นกัปตันทีมบาสเก็ตบอลประจำโรงเรียนของพระองค์ หลังจากทรงจบการศึกษาจากโรงเรียนราซี พระองค์ทรงสนพระทัยในสถาปัตยกรรมโดยเข้าศึกษาต่อที่สถาบันศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

แม้ว่าตอนนี้สมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน จะไม่ได้อยู่ในบทบาทของราชินีแล้ว แต่อย่างที่เกริ่นไปในตอนแรก เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมงานต่างๆ ก็ยังคงได้รับการถวายพระเกียรติยศอยู่เสมอ


 

ข้อมูล : IG@royalworldthailand 

ภาพ : IG@royalworldthailand

 

พ่อแม่เตือนต้องฟัง! อุทาหรณ์ความรักของ 2 สาวคนดัง ชีวิตเกือบพังเพราะไม่ฟังใคร

พ่อแม่เตือนต้องฟัง! อุทาหรณ์ความรักของ 2 สาวคนดัง ชีวิตเกือบพังเพราะไม่ฟังใคร …อาจจะเป็นคำที่ดูโบราณ แต่มันก็คือเรื่องจริงที่ว่า “ผู้ใหญ่เขาอาบน้ำร้อนมาก่อน” เด็กรุ่นใหม่อาจจะเถียงว่าแล้วใครเขาอยากจะอาบน้ำร้อนล่ะ ก็เลือกอาบน้ำอุ่นๆสิ! แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้

ตัวอย่างของคนในวงการบันเทิงมีให้เห็นมากมาย บางทีการอยู่ในวงการนี้เราก็ต้องวางตัวให้เป็นและฟังหูไว้หู อย่าไปมั่นใจกับอะไรง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ หลายครั้งที่เห็นข่าวเรื่องความรักที่เหมือนจะดีแต่ก็ดันเกิดการผิดพลาด พาชีวิตพังไม่เป็นท่าก็มีให้เห็น ล่าสุดกับกรณีที่ดาราสาวฝั่งวิกหมอชิตหายหน้าหายตาไปจากบ้านกว่า 8 เดือน โดยไม่ติดต่อพ่อแม่ มารู้อีกทีคือตอนนี้กำลังตั้งครรภ์กับแฟนหนุ่มแล้ว ก็ทำเอาพ่อแม่ฝ่ายหญิงกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นาน จนต้องออกมาบอกกับสื่อ ตอนนี้สถานการณ์ก็ยังคลุมเครือ เอาเป็นว่าเราก็ไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุมันเกิดจากอะไรกัน แต่ก่อนหน้านี้ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้ว ขอยกเคสจาก 2 สาวคนดังที่เคยตกเป็นข่าวเรื่องความรัก ที่พ่อแม่นั้นไม่ปลื้มฝ่ายชายสักเท่าไหร่มย้อนให้ดูเป็นอุทาหรณ์ ว่าจริงๆแล้ว เราจะเชื่อใครก็ตาม แต่อย่าลืมฟังพ่อแม่บ้างก็น่าจะดี

ษา-วรรณษา ทองวิเศษ

อดีตรองมิสไทยแลนด์เวิลด์ที่ยุคหนึ่งเธอจัดว่าเป็นสาวสวยอันดับต้นๆของวงการบันเทิง เรื่องราวความรักของเธอที่โด่งดังสุดๆก็คงจะเป็นตอนที่รักกับร็อคเกอร์รุ่นใหญ่แห่งตำนาน ซึ่งเคยแต่งงานมีลูกมาแล้ว ซ้ำยังจบกับภรรยาเก่าแบบไม่ดี จนมีการแฉเรื่องพฤติกรรมของเขา ทางด้านสาวษาซึ่งตอนนั้นแม้จะได้ยินข่าวมา รวมถึงคุณแม่ของเธอเองจะเตือนเรื่องนี้อยู่เป็นประจำแต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ผ่านไปไม่นานหลังจากที่คลอดลูก เธอก็ต้องออกมายอมรับว่าได้เลิกรากับร็อคเกอร์หนุ่ม และกลายมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว

จุดจบของความรักครั้งนี้ของสาวษา นอกจากเจ้าตัวเองที่ต้องเสียใจแล้ว คนที่เสียใจที่สุดที่เห็นลูกเศร้าก็คือคุณแม่ และก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ข้างเธอและรักเธอด้วยความจริงใจที่สุด ซึ่งคอยช่วยเหลือดูแลลูก จนตอนนี้แม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่เธอกับแม่และลูกของเธอก็แฮ็ปปี้กับชีวิตมากขึ้นกว่าเก่า

ปุ๊กกี้ -ปริศนา พรายแสง

อดีตนักร้องยุค 90s ที่โด่งดังสุดๆ เจ้าของเพลงฮิตติดหูมากมาย สมัยนั้นเรียกว่าเส้นทางการเป็นนักร้องของสาวปุ๊กกี้กำลังไปได้สวยเลยทีเดียว แต่ก็ต้องมาสะดุดกับเรื่องความรัก ซึ่งตอนนั้นเธอตั้งท้องกับนักร้องรุ่นพี่ในค่ายและแต่งงานอยู่กินเป็นครอบครัว แต่ทางฝ่ายคุณแม่และคุณยายไม่เห็นด้วย จนมีข่าวว่าสาวปุ๊กกี้ทะเลาะกับคุณยายและคุณแม่อย่างรุนแรง

ชีวิตครอบครัวของสาวปุ๊กกี้หลังจากแต่งงานมีลูกก็เงียบหายไป เธอใช้ชีวิตครอบครัวกับนักร้องรุ่นพี่มาได้ 7 ปี หลังจากนั้นก็มีข่าวว่าทั้งคู่เลิกรากันจนถึงขั้นขึ้นศาล และสาวปุ๊กกี้ก็แทบไม่ได้เจอลูกของเธออีกเลย ปัจจุบันนี้สาวปุ๊กกี้เธอแต่งงานมีครอบครัวใหม่อีกสองครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดกับสามีคนที่สามก็ดูเหมือนชีวิตครอบครัวของเธอก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่เธอก็ต้องประคองความรักให้ดีที่สุดเพราะยังมีลูกชายตัวน้อยที่เธอต้องดูแลอยู่ด้วย

 

ใครจะผิดจะถูกยังไงเอาเป็นว่าจะทำอะไรสิ่งที่ต้องคิดถึงมากๆก็คือ คุณพ่อคุณแม่นี่แหละ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์สุดท้ายคนที่ไม่มีวันทิ้งเราไปไหนยังไงก็หนีไม่พ้นพวกเขา ดังนั้นดูแลหัวใจตัวเอง ดูแลหัวใจคนอื่นแล้ว อย่าลืมดูแลหัวใจพ่อแม่กันด้วยนะ

 

 

เดินทางฟรี จอดฟรี! ร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ที่สนามหลวง ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น

ผนึกกำลังภาครัฐ – เอกชน ร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลพื่อบริการประชาชนที่จะเดินทางไปยังบริเวณงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ภาครัฐและเอกชนร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อบริการประชาชนที่จะเดินทางไปยังบริเวณงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร บริเวณท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 25 – 30 ตุลาคม 2560


รถเวียรับ-ส่ง (Shuttle Bus)

ศูนย์การค้า โชว์ ดีซี พระราม9 – สนามหลวง (บ้านมนังคศิลา) วันที่ 25 ตุลาคม 2560  เวลา 8.00 น. – วันที่ 27 ตุลาคม 2560  เวลา 19.00 น. รถออกทุก 30 นาที พร้อมบริการที่จอดรถฟรี!

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – สนามหลวง (สถานีตำตรวจนางเลิ้ง) วันที่ 26 ตุลาคม 2560  เวลา 6.00 น. – วันที่ 27 ตุลาคม 2560  เวลา 6.00 น. พร้อมบริการที่จอดรถฟรี! ที่จอดรถระยะยาว (Long Term Parking) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ท่าอากาศยานดอนเมือง – สนามหลวง (สนามม้านางเลิ้ง) วันที่ 26 ต.ค. 60 เวลา 8.00 น. – 24.00 น.พร้อมบริการที่จอดรถฟรี! พื้นที่ชั้น 2 – 3 อาคารจอดรถ 5 ชั้น และบริเวณอาคารคลังสินค้า 3 และ 4 ท่าอากาศยานดอนเมือง

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 –สนามหลวง (แยกปากคลองตลาด) วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต บางใหญ่ – สนามหลวง (แยกอรุณอมรินทร์)  วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ศาลายา – สนามหลวง (แยกอรุณอมรินทร์) วันที่ 26 ตุลาคม 2560   ให้บริการตลอด 24 ชม.

เมืองทองธานี (ลานริมทะเลสาบเมืองทองธานี) – สนามหลวง (โรงแรมรัตนโกสินทร์) 23-31 ตุลาคม 2560เวลา 05.00 -24.00 น. โดยรถจะออกวิ่งทุกๆ 10 นาที

สโมสรตำรวจ – สนามหลวง (สนามม้านางเลิ้ง) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม. พร้อมบริการที่จอดรถฟรี!ในสโมสรตำตรวจ

สนามกีฬาธูปะเตมีย์ -สนามหลวง (สนามม้านางเลิ้ง) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ  -สนามหลวง (สนามม้านางเลิ้ง) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.พร้อมบริการที่จอดรถฟรี!ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

เมกา + อีเกีย บางนา กม.8 – สนามหลวง (บ้านมนังคศิลา) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม. พร้อมบริการที่จอดรถฟรี! เมกา บางนา และ อีเกีย บางนา

ไบเทคบางนา –  สนามหลวง (บ้านมนังคศิลา) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม. พร้อมบริการที่จอดรถฟรี!ศูนย์การประชุมไบเธคบางนา

แอร์พอร์ตลิ้งมักกะสัน  – สนามหลวง (บ้านมนังคศิลา) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

พุทธมณฑลสาย 4 – สนามหลวง (แยกอรุณอมรินทร์)  ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต – สนามหลวง (สนามม้านางเลิ้ง) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.พร้อมบริการที่จอดรถฟรี!ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ มักกะสัน – สนามหลวง (บ้านมนังคศิลา) ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.พร้อมบริการที่จอดรถฟรี!จุดจอดรถแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ สถานีมักกะสัน, สถานีพญาไท,สถานีมักกะสัน,สถานีราชปรารภ,สถานีหัวหมาก,สถานีทับช้าง และ สถานีลาดกระบัง

อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ -(แยกวิสุทธิกษัตริย์) วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

หมอชิต2  – สนามหลวง (แยกวิสุทธิกษัตริย์) วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

หัวลำโพง – (แยกปากคลองตลาด) วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

สายใต้ใหม่ – สนามหลวง (แยกอรุณอมรินทร์)  ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

สนามม้านางเลิ้ง – สนามหลวง (แยกวิสุทธิกษัตริย์) วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.

เอกมัย –  สนามหลวง (แยกปากคลองตลาด) วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ให้บริการ 21-31ตุลาคม 2560  เวลา 5.00 -24.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2560  ให้บริการตลอด 24 ชม.


รถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT)

รถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) จากสถานีสาทร – สถานีราชพฤกษ์ เปิดให้บริการฟรี วันที่ 25 -27 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น.


รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS)

ให้บริการฟรีตลอดสายในวันที่ 26 ต.ค.2560  ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. (บัตรแรบบิทไม่หักเงิน – เที่ยว)


รถไฟฟ้ามหานคร (MRT)

MRT สายสีน้ำเงิน เปิดให้บริการฟรีตลอดสาย ตั้งแต่ 25 – 27 ตุลาคม 2560  โดยเฉพาะวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 05.00 – 03.00 น. จำนวน 2 แห่ง คือ อาคารจอดรถสถานีลาดพร้าว และ อาคารจอดรถสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

MRT สายสีม่วง เปิดให้บริการฟรีตลอดสาย ตั้งแต่ 25 – 27 ตุลาคม 2560  โดยเฉพาะวันที่ 26 ตุลาคม 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 – 03.00 น. ส่วนในวันที่ 25 และ 27 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 05.00 – 01.00 น. เพิ่มเป็น 4 แห่ง คือ อาคารจอดรถสถานีคลองบางไผ่,อาคารจอดรถสถานีสามแยกบางใหญ่,อาคารจอดรถสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ และ อาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี


รถไฟฟ้า แอร์พอร์ต ลิ้งค์ (Airport Rail Link)

รถไฟฟ้า แอร์พอร์ต ลิ้งค์ (Airport Rail Link) เปิดให้บริการฟรีตลอดสาย ตั้งแต่ 25 – 27 ตุลาคม 2560  โดยเฉพาะวันที่ 26 ตุลาคม จะเปิดให้บริการถึงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 27 ตุลาคม 2560


เรือโดยสารและเรือข้ามฟาก

ให้บริการฟรีในวันที่ 26 ตุลาคม 2560  ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น.  ส่วนเรือโดยสารคลองผดุงกรุงเกษม ตั้งแต่ท่าเรือหัวลำโพง – ท่าเรือตลาดเทวราช และเรือโดยสารคลองภาษีเจริญ จากท่าเรือเพชรเกษม 69 – ท่าเรือประตูน้ำภาษีเจริญ เปิดให้บริการฟรี 25-27 ตุลาคม 2560


ภาพและข้อมูลจาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

บิ๊กตู่

บิ๊กตู่รีวิวเอง..บิวตี้บล็อกเกอร์หลบไป! ครีมรวงข้าว ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ส่งเสริมอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร

Alternative Textaccount_circle
บิ๊กตู่
บิ๊กตู่
วันนี้ แพรวดอทคอม จะพาสาวๆ ไปทำความรู้จักกับ Beauty Blogger คนใหม่ไฉไลกว่าคนไหนๆ ที่ผ่านมา แถ่น..แทน..แท้นน..ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือบิ๊กตู่ นั่นเองค่า ท่านขา แพรวดอทคอม แซวเล่นเฉยๆ นะคะ
ภาพจาก IG : comedysthailand

เผอิญเห็นว่าเมื่อหลายวันก่อนท่านได้ลองทา LANADENE : Jasmine Rice Age Defying Facial Cream ครีมรวงข้าว ซึ่งผลิตจากงานวิจัยที่พบสารสกัดจากข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีปริมาณฟีนอลิคสูง และมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ด้านเอนไซม์ไทโรซิเนส เพื่อพัฒนาเป็นตำรับเวชสำอางรูปแบบครีมน้ำมันในน้ำที่มีความคงตัวทางเคมีและกายภาพดีไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ผ่านการทดสอบอาสาสมัคร สามารถลดรอยหมองคล้ำและริ้วรอยได้ดีตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ยังสามารถกระชับผิวและเพิ่มความเรียบของผิวดี ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 1 2 และ 8 ตามลำดับ ตลอดจนได้รับความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ในด้านของความหนืด สี กลิ่น การกระจายตัวของครีม การซึมซาบบนผิว ความเหนอะหนะและความชุ่มชื้น โอ้โห นี่ขนาดแค่ได้เห็นท่าทาครีมของท่านก็น่าสนใจแล้วค่ะ พอมาอ่านคุณสมบัติยิ่งน่าใช้เข้าไปใหญ่

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรดังกล่าวเริ่มโครงการจากการที่นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมสวนสมุนไพรภายใต้โครงการสวนพฤกษศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาราชา ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เมื่อครั้งที่ได้เดินทางไปประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ส่วนกลางและคณะกรรมการกรอ. กลุ่มภาคเหนือตอนบน ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 และในโอกาสนั้น ได้มีนโยบายให้ มฟล.ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ‘เชียงรายเมืองสมุนไพรครบวงจร’ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักด้านการวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมการผลิต สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการพัฒนากำลังคนด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้าน เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เมืองสมุนไพรให้เป็นรูปธรรม เป็นต้นแบบการจัดการอุตสาหกรรมสมุนไพร

และผลการดำเนินงานในปี 2560 มฟล. ได้ดำเนินการจัดตั้งโรงงานผลิตยาสมุนไพรต้นแบบในการผลิตยาแผนโบราณตามมาตรฐาน GMP/PICs เพื่อให้เป็นโรงงานต้นแบบในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากงานวิจัย การยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเป็นห้องปฏิบัติการจริงสำหรับนักศึกษาสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เพื่อนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย ซึ่งได้จัดทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบ จำนวน 11 ชนิด ภายใต้แบรนด์ ‘เจ้าคุณวัน’ ด้วยแนวคิด  “The Power of Nature” ได้นำสมุนไพรไทยมาวิจัยและพัฒนาต่อยอดด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสมในยุค Thailand 4.0 ยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย สร้างความมั่นใจสู่ผู้บริโภค อีกทั้งยังส่งเสริมอาชีพให้กับเกษตรกรผู้ปลูกและผลิตวัตถุดิบสมุนไพร ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างมั่งคั่งและยั่งยืน

สาวๆ คนไหนสนใจ อยากลองแบบบิ๊กตู่บ้าง สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย สมุนไพร – ข้าวไทย ของมฟล. ได้ที่ M–Store ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โทร.0 – 5391-7020 – 1 หรือ [email protected]

ข้อมูล : www.mfu.ac.th
เรียบเรียง : PP_แพรวดอทคอม
ภาพจาก : comedysthailand / มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง MFU / M-Store

1 ปีเต็มที่ไม่เคยหยุด ‘กราบพ่อ’ 9 คนบันเทิงเผยความรู้สึกนี้ไม่มีวันลืม!

ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง 9 คนบันเทิง ‘กราบพ่อ’ กับความรู้สึกที่ไม่มีวันลืม!

คนบันเทิง กับความรู้สึกที่ไม่มีวันลืม ตลอด 365 วันแห่งความอาลัย และนับตั้งแต่เปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีประชาชนจำนวนมากที่ไปด้วยใจภักดี เช่นเดียวกับ 9 คนดังที่เดินทางไปกราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายครั้ง ด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ  

แอน ทองประสม

“แอนก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่เป็นลูกของพ่อ ในช่วงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าอยากไปอยู่ใกล้ๆ แอนไม่มีเหตุผลเลยว่าไปทำไม ไม่ได้คิดอะไรเลย แค่รู้สึกว่าเสร็จงานแล้วต้องไปหาพ่อ ก็แค่ไปกราบหนึ่งที แล้วพูด 2-3 คำ เพื่อขอกำลังใจจากพระองค์ท่าน มีเรื่องราวหลากหลายที่ไปคุยกับพระองค์ท่านตลอดเวลา แอนไปติดต่อกันเป็นเดือนๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก จนได้มีโอกาสเข้าไปกราบพระองค์ท่านในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งความรู้สึกต่างกันเลยนะ วันที่แอนต่อคิวแล้วเดินไปกับประชาชนทั่วไป เห็นตายายและเด็กๆที่เรารู้สีกว่าเป็นหนึ่งเดียว แอนจำภาพนั้นได้ตลอดเวลา หรือต่อให้ไม่ได้เดินทางถึงตรงนี้ ถ้าใจเรารักและเชื่อฟังคำสอนของพระองค์ท่าน แอนเชื่อว่าศรัทธาอยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ”

ภาพ : @atinnabhan

เชอรี่- เข็มอัปสร สิริสุขะ

“ครั้งแรกๆที่ไปกราบค่อนข้างทำใจลำบากเหมือนกัน พยายามที่จะเข้มแข็งมากๆ แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ไปมาประมาณ 7-8 ครั้ง มีทั้งแบบที่ไปในฐานะเจ้าภาพเข้าไปกราบในพระบรมมหาราชวัง แล้วก็ไปยืนต่อแถวรอเข้าไปกราบเอง เป็นอีกบรรยากาศที่ชอบ
 ได้เห็นความตั้งใจของประชาชนคนไทยทุกคน ทำให้รู้สึกว่าเรารักกันจริงๆ มีอาสาสมัคร จิตอาสาไปช่วยกัน เราไม่เคยคิดเลยว่าเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯจะมีผู้คนที่คอยช่วยเหลือกันได้ขนาดนี้ พอผ่านช่วงนั้นไปก็จะเป็นบรรยากาศที่สงบเงียบ

“เวลาที่คิดถึงพระองค์ท่านเมื่อไหร่ก็จะแวะไปตลอด หรือบางทีแค่ไปนั่งอยู่ริมกำแพงเป็นชั่วโมงๆ แล้วระลึกถึงพระองค์ท่าน ก็เหมือนได้อยู่ใกล้ๆ อย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดนึง แล้วทุกครั้งที่ไปทำให้นึกถึงสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำ แล้วเราก็จะพยายามสืบสาน ถึงมันจะเทียบกันไม่ได้ ถึงเราจะเป็นแค่ละอองธุลีพระบาทจริงๆ แต่เราก็พยายามที่จะทำเพื่อที่จะได้รู้สึกว่าพระองค์ท่านยังอยู่กับเราตลอดไป”

ภาพ : @cherrykhemupsorn

เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ

“เคยมีโอกาสไปกราบพระองค์ท่านบริเวณหน้าประตูวัง คืนวันที่รู้ว่าพระองค์ท่านสวรรคต ขับรถไปเลยตอนตี 2 แล้วก็ได้ไปอีกหลายครั้ง แต่จะอยู่แค่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ไปกราบ ไปนั่งสมาธิ ส่งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ท่านได้พักและอยู่ในที่ที่สบายที่สุด”

ภาพ : @toeyjarinporn

ซงซงคัพเพิล

รู้จักโรงแรมหรู The Shilla Seoul ของคู่รัก “ซงซงคัพเพิล” ที่นี่แหละจัดงานแต่งของซุปตาร์

ซงซงคัพเพิล
ซงซงคัพเพิล

รักษาแผลใจจนเกือบจะหายดีแล้ว หลังจากคู่รัก “ซงซงคัพเพิล” ซงจุงกิ-ซงฮเยคโย ประกาศวิวาห์หวานอบอุ่น โดยฤกษ์งานมงคลของทั้งคู่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 (อีกไม่กี่วันแล้ว อยากร้องไห้)

หลังจาก แพรวดอทคอม พาไปส่องเพื่อนเจ้าบ่าว งานดีระดับพรีเมี่ยม ที่ช่วยให้หัวใจสาวๆ กลับมากระชุ่มกระชวยได้อีกครั้ง วันนี้เลยขอพาไปทำความรู้จักกับโรงแรมหรูระดับท็อปของเกาหลี ที่ทั้งคู่เลือกให้เป็นสถานที่แต่งงาน นั่นคือ โรงแรม เดอะ ชิลลา โซล (The Shilla Seoul) โรงแรมหรูระดับท็อปของเกาหลีใต้ ที่ได้รับเสียงคำชื่นชมจากผู้มาใช้บริการทั้งชาวเกาหลี และชาวต่างชาติ อาทิ ไทย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ มาเลเซีย ฯลฯ ว่าดีเยี่ยม! รวมถึงยังได้เสียงคอมเมนต์มาว่าเป็นยิ่งกว่าโรงแรมระดับ 5 ดาวอีกด้วย

ซงซงคัพเพิล พร้อมการ์ดแต่งงานอย่างเป็นทางการ

สำหรับโรงแรม เดอะ ชิลลา โซล (The Shilla Seoul) ตั้งอยู่ในเขตจุง (Jung-gu) ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวดังเช่น หอคอย N Seoul สวนนัมซาน พระราชวังชางเคียงกุง ตลาดทงแดมุน

The Shilla Seoul

The Shilla Seoul ได้รับการตั้งชื่อตามสมัยราชวงศ์ชิลลา (57 ปีก่อนคริสต์ศักราช-ค.ศ.935) ซึ่งเป็นยุคทองแห่งความมั่นคั่งด้านศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นในเรื่อง การผสมผสานความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมได้อย่างลงตัว รวมถึงสไตล์การตกแต่งแบบ East-meets-West ที่ได้นักออกแบบชื่อดัง Peter Remedios ผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกระดับโลกมาดีไซน์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมโรงแรมแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือแม้แต่คนเกาหลีเองชื่นชอบมากที่สุด รวมถึงยังได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ต้อนรับคนระดับสูง เช่น บุคคลสำคัญ นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี นักธุรกิจ และเหล่าเซเลบริตี้ คนดัง จำนวนมากอีกด้วย

ส่วนทางด้านห้องพักระดับลักซ์ชัวรี่ของโรงแรมนี้ก็มีให้เลือก 464 ห้อง ซึ่งราคาแต่ละห้องอยู่ที่ประมาณเกือบหมื่น-สองหมื่นกว่า รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ล้วนครบวงจร เช่น บริการสปา สระว่ายในร่ม WiFi ฟรี รถบริการรับส่งฟรี ฟิตเนส เป็นต้น และที่สำคัญ The Shilla Seoul ยังเป็นโรงแรมปลอดบุหรี่อีกด้วย

ทราบข้อมูลโรงแรมที่ “ซงซงคัพเพิล” เลือกแล้ว ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่า อยากเห็นงานแต่งของทั้งคู่เร็วๆ (หยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตา พร้อมส่งยิ้มยินดีให้เบาๆ)

ซงซงคัพเพิล

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ข้อมูล: https://www.lhw.com/hotel/The-Shilla-Seoul-Seoul-Koreawww.expedia.co.th,
ภาพ: https://www.lhw.com/hotel/The-Shilla-Seoul-Seoul-Korea#propinfowww.booking.comwww.imgrum.org #ซงฮเยคโย

10 สไตล์คอเสื้อชุดแต่งงานที่เจ้าสาวไม่ควรพลาด

account_circle

อินเตอร์มาก! สินค้าหัตถศิลป์ไทยวางขายใน “Starbucks” ทุกสาขาทั่วประเทศ

ถ้าพูดถึงสตาร์บัคส์ ทุกคนนึกถึงอะไรกันบ้าง ร้านกาแฟ เครื่องดื่มรสชาตินุ่มลิ้น บรรยากาศดี ถือแล้วเลิศ หรือโปรโมชั่น 1 แถม 1 เชื่อว่าทุกคนจะคิดถึงสตาร์บัคส์ในมุมที่ต่างกัน แต่สตาร์บัคส์ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ยูนีคไปอีก เพราะตอนนี้ เขาร่วมกับ SACICT หรือ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ร่วมกันออกสินค้าเพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เราจะทำให้งานคราฟต์มีชีวิต และร่วมสมัยกับไลฟ์สไตล์” สู่ลูกค้าชาวไทยผ่านร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศ

นายเมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สตาร์บัคส์ มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อสนับสนุนและให้โอกาสชาวไทยในภูมิภาค ในอาชีพงานฝีมือ เพื่อสร้างรายได้ และเปิดโอกาสให้หัตถศิลป์ของไทยเป็นที่รู้จัก ผ่านกลุ่มลูกค้าสตาร์บัคส์ที่หลากหลายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยลูกค้าสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้ ได้ที่ร้านสตาร์บัคส์ทั้ง 303 สาขาในประเทศไทย อาทิ ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ จากชุมชน

มร. เมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง (ขวา) กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย นางอัมพวัน พิชาลัย (ซ้าย) ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)

หัตถกรรมผ้าฝ้ายหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ถูกนำมาสร้างสรรค์ตัดเย็บเป็นชุดตุ๊กตาหมีสตาร์บัคส์ หรือ งานกระเป๋าผ้าเย็บมือ ซึ่ง SACICT ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ พัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ ต่อยอดการฝึกอาชีพงานเย็บผ้าของผู้ด้อยโอกาสจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาได้ใช้เวลาพัฒนาตัวเอง สามารถกลับมาดำรงชีวิต มีอาชีพและเป็นคนดีของสังคมได้อย่างปกติสุข”

นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) กล่าวว่า “ครั้งนี้นับเป็นความร่วมมือจากภาคเอกชนอย่างเต็มรูปแบบ ในการเข้ามาร่วมส่งเสริมผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์จากสมาชิกศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศจากจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถุดิบ สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์จากชุมชนฯ สู่ช่องทางการจัดจำหน่ายระดับสากล ซึ่ง SACICT เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะช่วยสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยสนับสนุนภาพลักษณ์งานศิลปหัตถกรรมของไทยไปสู่สังคมปัจจุบันในวงกว้างอีกด้วย”

งานศิลปหัตกรรมเพื่อการผลิตและจำหน่าย ณ ร้านสตาร์บัคส์ 303 สาขาทั่วประเทศ ประกอบด้วย

กระเป๋าผ้าเย็บมือ

 

กระเป๋าผ้าเย็บมือ ในโครงการความร่วมมือพัฒนาผลิตภัณฑ์ระหว่าง SACICT กับ กรมราชทัณฑ์ พัฒนาทักษะงานฝีมือแก่ผู้ด้อยโอกาสจากทัณฑสถานหญิงกลางในโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่ทรงจัดตั้งเพื่อให้ความช่วยเหลือและเป็นกำลังใจกับกลุ่มผู้ที่ก้าวพลาด ขาดโอกาส ใช้เวลาในการพัฒนาตัวเอง ให้กลับมาดำรงชีวิต มีอาชีพและเป็นคนดีของสังคมได้อย่างปกติสุข

ชุดตุ๊กตาผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ โดยฝีมือครูช่างศิลปหัตถกรรมของ SACICT จากกลุ่มทอผ้าสีธรรมชาติหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ซึ่งให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบธรรมชาติพื้นถิ่น อาทิ สีฟ้า ได้จากครามซึ่งเป็นพืชไม้พุ่มขนาดเล็ก สีเหลืองได้จากแก่นขนุนและแห้ม พืชเมืองร้อนแถบจังหวัดสุรินทร์ ศรีษะเกษ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการบำบัดน้ำเสียจากการย้อมก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ของเราเป็นการเสริมสร้างพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง

ถาดจักสานกระจูด วัตถุพื้นบ้านผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ฝีมือทายาทช่างศิลปหัตถกรรมของ SACICT จากกลุ่มกระจูดวรรณี จ.พัทลุง


 

ใครที่เห็นแล้วสนใจ อยากจับจองเป็นเจ้าของก็สามารถเลือกซื้อสินค้าหัตกรรมที่มีคุณค่าเหล่านี้ได้ ณ ร้านสตาร์บัคส์ใกล้บ้านคุณ โดยกระเป๋าผ้าเย็บมือพร้อมวางขายตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมนี้ ในขณะที่ถาดจักสานกระจูด และตุ๊กตาหมีผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติจะวางขายเป็นลำดับถัดไปเร็วๆนี้ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.starbucks.co.th

 

พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

ได้ใช้ชัวร์!! เตรียมพร้อม 9 ข้อ ก่อนร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

Alternative Textaccount_circle
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ
เชื่อว่าประชาชนหลายล้านคนทั่วประเทศ เฝ้ารอคอยที่จะเข้าถวายดอกไม้จันทร์ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในช่วงระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 กันอย่างเนืองแน่น

แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเตรียมความพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะด้านสุขภาพร่างกายของตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากตัวเองจะไม่เจ็บป่วยและติดขัดแล้ว ยังไม่เป็นภาระต่อผู้อื่นด้วย ซึ่ง นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้สร้างความโศกเศร้าให้กับประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก และเพื่อเป็นการถวายความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ประชาชนจะเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นจำนวนมาก ดังนั้น กรมการแพทย์ จึงมีคำแนะนำสำหรับประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีดังกล่าว ดังนี้

  1. ก่อนออกเดินทาง ควรศึกษาเส้นทางการจราจร และเส้นทางเดินรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง เรือ รถไฟฟ้า ให้ละเอียด ทั้งขาไปและขากลับ
  2. ผู้เข้าร่วมงานทุกคน โดยเฉพาะกรณีที่เป็นผู้ป่วยเรื้อรัง/ผู้สูงอายุ/เด็ก ควรเขียน ชื่อ-สกุล หมายเลขโทรศัพท์ของญาติและผู้ที่ติดต่อได้ ระบุโรคประจำตัวที่เป็น โรงพยาบาลที่รักษาเป็นประจำ ประวัติการแพ้ยา พกติดในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกง
  3. หากมาเป็นหมู่คณะ/ผู้สูงอายุที่มากับญาติ ควรเขียนรายละเอียดตามข้อ 3 ให้ชัดเจน
  4. ก่อนออกเดินทางควรพักผ่อนให้เพียงพอ กินข้าวและดื่มน้ำให้อิ่มพอประมาณเท่านั้น อย่ากินเยอะเกินไป พร้อมทั้งเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
  5. สิ่งที่ควรพกมาด้วยร่มสีดำ (ถ้าเป็นไปได้ขอเป็นสีดำหรือเทา) หมวก ยาดม ลูกอม พาวเวอร์แบงค์ น้ำดื่มสำหรับไว้จิบระหว่างทาง ยาประจำตัว อาหารแห้งพวกแซนวิชพกง่ายดี
  6. ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านให้เรียบร้อย
  7. หากรู้สึกแน่นหน้าอก วิงเวียน หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม รีบแจ้งผู้เข้าร่วมที่อยู่ใกล้ๆ ทันที
  8. คนที่รู้ตัวว่าอั้นไม่ไหว ชอบเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ใส่แพมเพอร์สขนาดเหมาะสมกับร่างกายไว้ (มีทั้งของผู้ใหญ่และเด็ก)
  9. สวมรองเท้าหุ้มส้นสีดำ อาจจะเป็นรองเท้าผ้าใบก็ได้ ใส่ง่าย เดินคล่องเหมาะสำหรับเดินนานๆ

นอกจากนี้กลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว หากสุขภาพไม่แข็งแรง ควรรับชมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ทางโทรทัศน์ เพื่อป้องกันเหตุอื่นๆ ไว้ก่อน

ทั้งนี้ กรมการแพทย์ ได้จัดบุคลากรปฏิบัติงานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการร่วมการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งหน่วยแพทย์ ชุดแพทย์เคลื่อนที่ดูแลประชาชน เพื่อให้บริการทั้งภาวะปกติและเหตุฉุกเฉิน โดยจะมีหน่วยรักษาพยาบาลบริเวณรอบมณฑลพิธี ประจำพระเมรุมาศจำลอง ซุ้มดอกไม้จันทน์ เพื่อให้การดูแลผู้ที่มาร่วมงานพระราชพิธีได้อย่างทั่วถึง

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (www.dms.moph.go.th)

ช็อกวงการแฟชั่น! “Coach” เปลี่ยนชื่อเป็น “Tapestry” พร้อมปรับโฉมให้สดใสขึ้น

ถือว่าเป็นข่าวที่ได้ยินแล้วแทบไม่อยากเชื่อ เพราะบริษัทผลิตเครื่องหนังชื่อดังระดับโลกอย่าง Coach ที่มีอายุถึง 76 ปี กำลังจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Tapestry (ทาเพสทรี) แล้ว

ทั้งนี้เพื่อเป็นการต้อนรับแบรนด์อื่นๆ ที่ได้ย้ายมาอยู่ในสังกัดเดียวกันให้มีมาตรฐานเหมือนกัน โดยการเปลี่ยนชื่อใหม่จะมีผลในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 นี้แล้ว คือเร็วมากกก และเมื่อมีกระแสข่าวนี้สะพัดออกไป โค้ชเลิฟเว่อร์ก็ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ ที่ต้องใช้ชื่อใหม่ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสินค้าให้ดูวัยรุ่นขึ้นด้วย

แม้ Coach จะเริ่มต้นมาในฐานะบริษัทเจ้าของแบรนด์เครื่องหนังที่มีแบรนด์ในเครือเพียงแบรนด์เดียวและใช้ชื่อเดียวกันทั้งบริษัทและแบรนด์ แต่เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา ทาง Coach Inc. ได้ซื้อกิจการแบรนด์รองเท้าระดับโลกอย่าง Stuart Weitzman และเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา Coach Inc ก็เข้าซื้อ Kate Spade ต่อทันที

 

แน่นอนว่าเมื่อ Coach Inc. ต้องเป็นบริษัทแม่ทัพนำแบรนด์อื่นๆ ที่เพิ่งซื้อมาไว้ในสังกัดเดียวกัน และเพื่อกำหนดทิศทางให้ไปด้วยกันได้ จึงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เริ่มจากการเปลี่ยนชื่อที่เดิมใช้ชื่อ Coach และกำลังจะเปลี่ยนมาเป็น Tapestry ทั้งนี้คาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะช่วยรักษามาตรฐานของแบรนด์ในเครือให้อยู่ในระดับเดียวกันโดยไม่มีแบรนด์ไหนด้อยไปกว่ากัน

วิคเตอร์ หลุยส์ ประธานบริหารของบริษัท Coach Inc. อธิบายเหตุผลที่เลือกชื่อใหม่นี้ว่า “ทางแบรนด์ได้ทำการค้นคว้ามาแล้วว่าเป็นชื่อที่เหมาะสม สามารถสะท้อนตัวตนของทุกแบรนด์ได้ รวมถึงต้องแสดงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้ด้วยชื่อ Tapestry ซึ่งมีความหมายว่าสีสันแห่งความสุข เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ความสดใส และนับตั้งแต่สิ้นเดือนนี้เป็นต้นไป นักลงทุนจะเห็นชื่อย่อของแบรนด์เป็น TPR ในตลาดหุ้น”

สุดท้ายจากกระแสที่ชาวเน็ตไม่พอใจเรื่องชื่อใหม่ของแบรนด์ ทางวิคเตอร์ หลุยส์ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า “คนที่ไม่พอใจกำลังโฟกัสผิดจุด เนื่องจากทุกคนคิดว่าเรากำลังเปลี่ยนชื่อแบรนด์ ซึ่งไม่ใช่ แต่ที่ดำเนินการอยู่เป็นการสร้างตัวตนของบริษัทใหม่สำหรับ Coach ในฐานะเฮ้าส์ของแบรนด์ต่างๆ ส่วนเรื่องการเปลี่ยนชื่อองค์กรของบริษัท ทางเราก็คิดกันมาสักพักแล้ว แต่เพิ่งจะตัดสินใจเปลี่ยนหลังจากที่ได้ Kate Spade มา”

ถ้าจะให้สรุปที่วิคเตอร์ หลุยส์ ได้ออกมาชี้แจงคือ บริษัท Coach จะเปลี่ยนเป็นชื่อ Tapestry แต่ชื่อแบรนด์ Coach ยังอยู่นะจ๊ะ สาวกแบรนด์อย่าเพิ่งตกใจไป


 

ข้อมูล : Coach Inc

ภาพ : world.coach.com , Twitter@KimBhasin , fashionweekdaily.com , butterboom.com

 

สำนักพระราชวังเชิญชวนชาวไทย ร่วมส่งภาพแห่งความทรงจำระลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙

ภาพของพ่อหลวงในความทรงจำของเราทุกคนอาจจะเหมือนกันในมุมที่เราต่างได้เห็นพระองค์ทรงงานหนักมาตลอด 70 ปี เชื่อว่าคนไทยทุกคนจะไม่มีวันลืมภาพของพ่อที่ทรงงานเพื่อพวกเรา และนอกจากภาพเหล่านี้ก็ยังมีภาพประวัติศาสตร์อีกมายที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลานับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตจนถึงปัจจุบัน

ผู้คนมากมายได้บันทึกภาพการเดินทางมากราบถวายสักการะพระบรมศพ และการทำกิจกรรมจิตอาสาในด้านต่างๆ ที่ประชาชนมุ่งปฏิบัติเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และน้อมถวายพระราชกุศลซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริที่จะให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการประมวลภาพเหตุการณ์แห่งความทรงจำนับแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ซึ่งบันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา

เพื่อรวบรวมไว้เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความจงรักความภักดีและความศรัทธาของเหล่าพสกนิกรที่มีต่อพระองค์  อันจะเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ โดยมีพระราชดำริให้มีการนำภาพที่จัดส่งมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ไปจัดแสดงให้ประชาชนได้ร่วมกันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยและประเทศชาติตลอดไป

สำนักพระราชวังขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วทุกมุมโลก ร่วมส่งภาพแห่งความทรงจำและระลึกถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในมุมมองต่างๆ ที่ประชาชนได้บันทึกภาพไว้นับแต่วันเสด็จสวรรคต วันที่ 13 ตุลาคม 2559 โดยสามารถจัดส่งภาพเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรก  ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2560  และช่วงที่สองหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560
ทั้งนี้สามารถส่งภาพได้ไม่เกินคนละ 10 ภาพ โดยระบุชื่อและนามสกุลของผู้ถ่ายภาพ วัน เวลา และสถานที่ของภาพ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ และส่งมาที่
e-mail  :  [email protected]
ทางเว็บไซต์  https://photokingrama9.ohm.go.th
หรือทางไปรษณีย์  ที่
– สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ 904 พระที่นั่งอัมพรสถาน ถนนนครราชสีมา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
ฝ่ายทะเบียนกองกลาง อาคาร 601 สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ถนนศรีอยุธยา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
– กองเผยแพร่พระราชกรณียกิจ สำนักพระราชวัง อาคารศาลาลูกขุนใน ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ผู้ส่งภาพเข้าร่วมกิจกรรมยินดีให้ส่วนราชการในพระองค์นำภาพไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ได้ สามารถดูรายละเอียดได้ที่  เว็บไซต์ https://photokingrama9.ohm.go.th และสอบถามที่กองเผยแพร่พระราชกรณียกิจ  โทร. 02 – 220 – 7200 ต่อ 3401 – 3407

ข้อมูล : kingrama9.th

ภาพ : msnbc.com , Mint Smooth

‘ขุ่นพระ เกิดไรขึ้น สาววันนี้รักความเป็นโสด’ เช็คเลย ดวงวันที่ 19 ตุลาคม 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันพฤหัสที่ 19 ตุลาคม 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน :  งานส่วนใหญ่เป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก เกี่ยวข้องถึงระหว่างประเทศก็ราบรื่น ไม่มีปัญหา ได้รับการสนับสนุนจากเจ้านาย คนใกล้ชิด และบริวาร

การเงิน : ได้มาแบบปาฏิหาริย์ แล้วท่านก็จะช่วยเหลือคนอื่นมากจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก : วันนี้ท่านเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ เดี๋ยวก็อยากอยู่กับคนรัก เดี๋ยวก็อยากทำงาน จนคนที่อยู่ด้วยสับสน คนโสด  มีแววว่ายังคงเป็นโสดอีกหนึ่งวัน

สุขภาพ : ระวังภูมิแพ้อากาศ หรือกระทั่งผิวหนังจนทำให้เกิดการคันและอักเสบ

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน : ท่านถูกวางตัวว่าต้องเป็นหลักในธุรกิจของครอบครัว แต่ให้ระวังความมั่นใจในตัวเองจะทำให้ถูกใส่ร้ายป้ายสีจากเพื่อนร่วมงานหรือบริวาร จนต้องใช้ความสามารถในการเอาตัวรอด

การเงิน  : หมุนเงินเก่ง เป็นหลักให้ทุกคนได้ ระวังการใช้จ่ายด้วยอารมณ์จะทำให้สูญเงินอย่างเปล่าประโยชน์

ความรัก :  วันนี้เป็นเรื่องของการช่วยกันทำมาหากินมากกว่าความรักแบบชู้สาว คนโสด ท่านยังฝังใจกับรักครั้งแรก จนไม่กล้าเริ่มใหม่ ขออยู่คนเดียวก่อน

สุขภาพ : ระวังจะเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิดกับอวัยวะในช่องท้อง กับมดลูก

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  : ท่านที่ทำงานเกี่ยวกับการให้คำปรึกษา ท่านยังไม่สามารถฟันธงได้ ต้องใช้เหตุผลในการทบทวน และชั่งน้ำหนักหาเหตุผลประกอบการตัดสินก่อน

การเงิน : หมดกับการทำบุญและการกุศล

ความรัก : วันนี้ท่านค่อนข้างขี้หึง ขี้น้อยใจ และแสนงอน เรียกร้องความสนใจ คาดหวังกับคนรักจนทำให้รู้สึกไม่พอใจและหงุดหงิดง่าย คนโสด ท่านชั่งใจมากมายว่าจะอยู่เป็นโสด หรือมีคู่ดี

สุขภาพ :  ระวังเรื่องการขับถ่าย อย่าอั้นปัสสาวะ จะทำให้ระบบกรวยไต และกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  : ท่านจะเริ่มออกเดินทางเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองฝัน เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการทำงาน การติดต่อเจรจาทางธุรกิจจะประสบความสำเร็จ แต่ควรทำคนเดียวหรือเฉพาะในครอบครัว

การเงิน : วาจาเป็นทรัพย์ พูดเท่านั้นจึงจะรวย

ความรัก : หากท่านเคยทะเลาะกันหรือเลิกราไป วันนี้จะได้เขากลับมาช่วยในเรื่องให้คำปรึกษาทางธุรกิจ คนโสด เคยได้ยินคำว่า คนเกิดวันพุธโลเลไหม วันนี้ท่านเป็นแบบนั้น

สุขภาพ : ระวังเรื่องของระบบหมุนเวียนเลือด ความดัน ระบบน้ำเหลืองและต่อมไร้ท่อต่างๆ ควรหมั่นรับประทานผักและผลไม้มากๆ

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน : ท่านรู้สึกอึดอัด ร้อนรุ่มไปหมด ทั้งกับเพื่อน เจ้านาย และบรรยากาศ เพราะการทำงานผิดพลาด ซึ่งท่านพยายามเรียกร้องขอความเห็นใจ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ ควรอยู่นิ่งๆ ก่อน

การเงิน :  ร้อนเงิน เพราะต้องนำไปใช้หนี้แทนคนอื่น

ความรัก : วันนี้จะเกิดการเข้าใจผิด อาจเพราะเรื่องมือที่สาม จนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว แม้ท่านพยายามงอนง้อแล้วเขาก็ไม่กลับมา คนโสด ไม่ต้องใจร้อนรีบเลือกนะคะ เพราะลึกๆ แล้วท่านอยากอยู่คนเดียวมากกว่า

สุขภาพ : ควรระงับความเครียดและอารมณ์โกรธ เพราะจะมีผลเสียต่อสุขภาพกายและจิต

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  : ท่านอาจติดปัญหาเรื่องอสังหาริมทรัพย์ บ้านและที่ดิน ผลิตผลที่มาจากดินทุกประเภท แต่ท่านมุ่งมั่นพยายามที่จะหาทางออกให้ได้ ระวังจะเกิดการตัดสินใจผิดพลาด จนเหตุการณ์แย่ลง วันนี้ขอให้เชื่อเซ้นส์ตัวเอง

การเงิน :  เกิดวิกฤติ ระวังถูกหลอกซ้ำอีก

ความรัก :  วันนี้ท่านกำลังมีปัญหาในเรื่องของทรัพย์สินร่วมกัน ซึ่งไม่สามารถตกลงกันได้ อย่าใจร้อน ค่อยๆ คุยกัน คนโสด ท่านหลงรักคนง่ายมาก ระวังถูกหลอกนะจ๊ะ

สุขภาพ  :  ระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะช่วงขาและข้อต่างๆ พวกโรคเก๊าท์ หรืออัมพฤกษ์ อัมพาต

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : ท่านยังคงเหน็ดเหนื่อยในการปกครองบริวาร ตั้งสติให้ดี เป็นหลักให้กับพวกเขาให้ได้ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

การเงิน : ระวังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินที่ไม่ถูกระบบ

ความรัก :  วันนี้คู่จะเป็นหลักให้กับท่าน คนโสด จะได้ไปปาร์ตี้ หรืองานสังคม ก็จะได้เจอคนถูกใจ ระวังตัวหน่อยนะคะ อาจถูกรวบหัวรวบหางเลย

สุขภาพ : อย่ากลั้นปัสสาวะ จะทำให้กรวยไตอักเสบ

เปิดภาพ “เจ้าชายเอ็มมานูเอลแห่งเบลเยียม” พระชันษา 12 ปี ทรงพระสิริโฉมยิ่งนัก

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันประสูติของเจ้าชายเอ็มมานูเอลแห่งเบลเยียม ซึ่งเป็นพระราชบุตรพระองค์ที่ 3 และพระราชโอรสพระองค์สุดท้อง ในสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปป์ และสมเด็จพระราชินีมาธิลด์แห่งเบลเยียม ทรงอยู่ในลำดับที่ 3 ของการสืบราชสันตติวงศ์เบลเยียม โดยปีนี้เจ้าชายเอ็มมานูเอลแห่งเบลเยียม มีพระชันษา 12 ปี เรียกได้ว่าพระชันษายังน้อยแต่เป็นเจ้าชายที่ทรงพระสิริโฉมยิ่งนัก

ภาพงานฉลองวันคล้ายวันประสูติเจ้าชายเอ็มมานูเอล ซึ่งมีสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปป์ สมเด็จพระราชินีมาธิลด์แห่งเบลเยียม (เรียงตามพระชันษา) เจ้าหญิงเอลิซาเบธ เจ้าชายกาบรีแยล เจ้าชายเอ็มมานูเอล และเจ้าหญิงเอเลออนอร์ ร่วมฉลองอย่างอบอุ่น

1

สมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปป์ สมเด็จพระราชินีมาธิลด์แห่งเบลเยียม และเจ้าชายเอ็มมานูเอลแห่งเบลเยียม

จากภาพในวันคล้ายวันประสูติ ทำให้แพรวดอทคอมได้เห็นพระพักตร์ของเจ้าชายเอ็มมานูเอลแห่งเบลเยียมแบบเต็มๆ จึงอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้รู้จักพระองค์กัน เพราะถ้าพูดถึงราชวงศ์เบลเยียมคนไทยก็อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่

ไม่แปลกถ้าจะไม่คุ้นพระพักตร์ราชวงศ์เบลเยียม เพราะถ้าเทียบกับราชวงศ์อื่นๆ ในยุโรปแล้ว ถือได้ว่าราชวงศ์เบลเยียมเปิดตัวน้อยที่สุด ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวทำให้ภาพที่เผยแพร่สู่สาธารณชนมีค่อนข้างน้อย แต่สื่อเองก็เฝ้ามองพระราชธิดาและพระราชโอรสของสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปป์กับสมเด็จพระราชินีมาทิลด์อย่างใกล้ชิด เพราะอย่างเจ้าหญิงเอลิซาเบธก็ทรงเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่งมาตั้งแต่พระชนม์ 12 ชันษา

ด้วยความที่ไม่ค่อยเปิดบ้านให้ใครได้เข้าไปทำความรู้จักสักเท่าไหร่ ก็ทำให้สื่อต่างชาติสนใจราชวงศ์เบลเยียมอยู่ไม่น้อย สัเกตได้จากทุกครั้งที่เสด็จออกงานจะได้รับแสงเฟรชรัวแบบไม่มียั้งกันเลยทีเดียว

เสด็จออกงานพร้อมสมเด็จพระราชินีมาทิลด์ ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2560

1

สมเด็จพระราชินีมาทิลด์และเจ้าชายเอ็มมานูเอล

ด้านการศึกษาพระราชโอรสและพระราชธิดาในสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลลิปป์ และสมเด็จพระราชินีมาธิลด์แห่งเบลเยียม เสด็จกลับเข้าทรงศึกษาในโรงเรียนในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา โดยเจ้าชายเอ็มมานูเอล ทรงศึกษา ณ โรงเรียนยูเรก้า เมืองเคสเซิลโล

เจ้าหญิงเอลิซาเบธ เจ้าชายกาบรีแยล เจ้าชายเอ็มมานูเอล และเจ้าหญิงเอเลออนอร์เสด็จออกงานพร้อมกันในวันที่ 21 กรกฎาคม 2557

1

เจ้าหญิงเอลิซาเบธและเจ้าชายเอ็มมานูเอล

 


 

ข้อมูล : IG@royalworldthailand

เรียบเรียง : Hana_แพรวดอทคอม (ฮานะ)

ภาพ : IG@royalworldthailand , worldroyalfamily , www.semana.es , 

Royal Fashions
1

งดงามเกินบรรยาย พระเมรุมาศจำลอง ใน 6 ภูมิภาคประเทศไทย

ประมวลภาพ พระเมรุมาศจำลอง ประกอบงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใน 6 ภูมิภาคของประเทศไทย

หลังจากที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐบาลจัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง 85 แห่ง ทั่วประเทศไทย เพื่อให้คนไทยทุกคนได้มีส่วนร่วมถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร  โดยโปรดเกล้าฯให้ออกแบบอย่างสมพระเกียรติ เช่นเดียวกับพระเมรุมาศจริง ล่าสุดทั้งหมดได้เสร็จสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

โดยในกรุงเทพมหานครยังได้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถวายดอกไม้จันทน์ เป็นพื้นที่ที่ใกล้กับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยจัดสร้างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ พระลานพระราชวังดุสิต จำนวน 1 แห่ง สี่มุมสนามหลวง จำนวน 4 แห่ง คือ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) สวนนาคราภิรมย์ ลานปฐมบรมราชานุสรณ์รัชกาลที่ 1 (เชิงสะพานพุทธฯ) ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และตามสี่มุมเมืองกรุงเทพมหานครอีก 4 แห่ง คือ สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) พุทธมณฑล ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นอกจากนี้ได้จัดสร้างซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ขนาดใหญ่และขนาดกลางตามวัดและสถานที่ต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 104 แห่งอีกด้วย

อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้ได้มีการเปิดเผยภาพพระเมรุมาศจำลอง ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศออกมา แม้ว่ารูปแบบโครงสร้างจะเป็นแบบเดียวกัน แต่การตกแต่งโดยรอบพระเมรุมาศในแต่ละจังหวัดกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งดงามเกินบรรยาย วันนี้ แพรวดอทคอม เลยถือโอกาสรวบรวมภาพ พระเมรุมาศจำลอง ใน 6 ภูมิภาค ของประเทศไทยมาให้ได้ชมกัน


ภาคกลาง 

พระเมรุมาศจำลองลานพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร

ภาพจาก Facebook : Sarakorn Poungsawat

สถานที่จัดพระเมรุมาศจำลองกรุงเทพมหานคร : เขตดุสิต พระลานพระราชวังดุสิต,เขตวัฒนา โรงพิมพ์สำนักงานกินแบ่งรัฐบาล,เขตพระนคร สวนนาคราภิรมย์,เขตพระนคร ลานปฐมบรมราชานุสรณ์ พระพุทธยอดฟ้า
เขตพระนคร ลานคนเมือง,เขตบางนา ศูนย์นิทรรศการ และการประชุมไบเทคบางนา,เขตลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง,อำเภอลำลูกกา สนามกีฬาธูปะเตมีย์ และ อำเภอพุทธมณฑล พุทธมณฑล

พระเมรุมาศจำลองสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดชัยนาท

ภาพจาก Facebook : Jatunan Nantawisoot

สถานที่จัดพระเมรุมาศจำลองภาคกลาง : จังหวัดกำแพงเพชร สนามกีฬาจังหวัดกำแพงเพชร,จังหวัดชัยนาท สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ,จังหวัดนครนายก ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดนครปฐม พุทธมณฑล และศาลากลางจังหวัด,จังหวัดนครสวรรค์ ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดนนทบุรี วัดบัวขวัญ,จังหวัดปทุมธานี สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปเตมีย์) และศาลากลางจังหวัดหลังเก่า,จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลานด้านหน้าพระราชวังโบราณ,จังหวัดพิจิตร วัดท่าหลวง,จังหวัดพิษณุโลก ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ,จังหวัดเพชรบูรณ์ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์,จังหวัดลพบุรี วัดสิริจันทนิมิต,จังหวัดสมุทรปราการ ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดสมุทรสงคราม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร,จังหวัดสมุทรสาคร วัดเจษฎาราม,จังหวัดสระบุรี ลานวงเวียนพระพุทธบาท,จังหวัดสิงห์บุรี พุทธมณฑลจังหวัดสิงห์บุรี,จังหวัดสุโขทัย โรงเรียนวัดไทยชุมพล,จังหวัดสุพรรณบุรี วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร,จังหวัดอ่างทอง ศาลากลางจังหวัด และ จังหวัดอุทัยธานี วัดสังกัสรัตนคีรี


ภาคเหนือ

พระเมรุมาศจำลอง ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่

ภาพจาก Facebook : Nuwat Chanthachanthuek

สถานที่จัดพระเมรุมาศจำลองภาคเหนือ : จังหวัดเชียงราย สนามบินเก่าฝูงบิน 416,จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ,จังหวัดลำพูน สนาม อบจ.ลำพูน,จังหวัดลำปาง มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง,จังหวัดแพร่ สนามหลวงจังหวัดแพร่,จังหวัดน่าน วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง,จังหวัดพะเยา ลานอเนกประสงค์หลังเทศบาลฯ ริมกว๊านพะเยา,จังหวัดแม่ฮ่องสอน สนามกีฬาเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน,จังหวัดอุตรดิตถ์ วัดพระแท่นศิลาอาสน์


    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พระเมรุมาศจำลองวัดสุปัฏนารามวรวิหาร จังหวัดอุบลราชธานี

 ภาพจาก : Vittawat Suphaesariyakul

สถานที่จัดพระเมรุมาศจำลองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดกาฬสินธุ์ ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดขอนแก่น วัดป่าแสงอรุณ,จังหวัดชัยภูมิ ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดนครพนม ศาลางกลางจังหวัดหลังเก่า,จังหวัดนครราชสีมา ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดบึงกาฬ ที่ว่าการอำเภอเมือง,จังหวัดบุรีรัมย์ ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า,จังหวัดมหาสารคาม ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดมุกดาหาร ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดยโสธร ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดร้อยเอ็ด ลานสาเกต บึงผลาญชัย,จังหวัดเลย ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดศรีสะเกษ ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดสกลนคร ศาลากลางจังหวัด
จังหวัดสุรินทร์ ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดหนองคาย วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง,จังหวัดหนองบัวลำภู วัดพิศาลรัญญาวาส พระอารามหลวง,จังหวัดอำนาจเจริญ ศาลากลางจังหวัด,จังหวัดอุดรธานี สนามทุ่งศรีเมือง และ จังหวัดอุบลราชธานี วัดสุปัฏนารามวรวิหาร

ริชชี่พาย้อนรอย การเสด็จในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผืนป่าเขียวขจีที่ถูกพลิกฟื้นด้วยน้ำพระทัย

นางเอกช่อง 3 ริชชี่ ทายาทรุ่นที่ 4 ผู้สืบเชื้อสายชาวเขาเผ่าลาหู่ เผยเรื่องราวการเสด็จดอยปู่หมื่นของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงพลิกป่าฝิ่นให้กลายเป็นไร่ชาอัสสัม พืชเศรษฐกิจที่นำป่าเขียวขจีและความร่มเย็นมาสู่ชาวดอย

ทิวทัศน์ดอยปู่หมื่น

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  บรมนาถบพิตร เสด็จฯที่บ้านดอยปู่หมื่น ในปี 2513 เพื่อเยี่ยมราษฎรชาวเขาเผ่าลาหู่หรือมูเซอร์ ทั้งยังได้พระราชทานไก่ หมู แพะ ลิ้นจี่ มะม่วง ให้แก่นายจะฟะ ไชยกอ ซึ่งเป็นบิดา ผู้นำหมู่บ้านในขณะนั้น เพื่อไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ 2515 พระองค์ท่านได้นำชาพันธุ์อัสสัมซึ่งเป็นชาต้นแรกพระราชทานให้แก่นายจะฟะ ไชยกอ คุณตาของนางเอกสาว ริชชี่ – อรเณศ ดีคาบาเลส ผู้นำหมู่บ้านในขณะนั้น เพื่อส่งเสริมให้ชาวเขาปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอย ตัดไม้ทำลายป่า

ริชชี่ร่วมเก็บใบชากับชาวบ้าน

นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ผ่านไปกว่า 45 ปีแล้วที่พื้นที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาพลิกฟื้นด้วยน้ำพระทัยได้กลายเป็นไร่ชาอัสสัม พืชเศรษฐกิจที่นำรายได้มาสู่ชาวเขา ซึ่งวันนี้ริชชี่ – อรเณศ ดีคาบาเลส นางเอกช่อง 3 เคลียร์คิว พาขึ้นดอยบ้านเกิด พบปะชาวเขาเผ่าลาหู่บนดอยปู่หมื่น จ.เชียงใหม่ ซึ่งงานนี้เจ้าตัวก็บอกว่าเป็นปลื้มแบบสุดๆ ที่ได้รับเกียรติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำโดยนาย อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมในกิจกรรม Village Tourism 4.0 ภายใต้โครงการ Village To The World ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น ขานรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความเจริญและยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชนบทให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และยังเป็นบ้านเกิดของสาวริชชี่อีกด้วย

ริชชี่ร่วมทำการแสดงกับชาวบ้าน

โดยริชชี่ได้เล่าเรื่องราวในฐานะทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล “ไชยกอ” ลูกหลานของปู่หมื่น โดยเจ้าตัวบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจมาก เพราะชาต้นแรกที่ได้รับพระราชทานมา นอกจากจะเป็นเกียรติกับครอบครัวแล้ว ยังสามารถช่วยชาวเขาทุกคนที่อยู่บนดอยปู่หมื่นด้วย นางเอกสาวกล่าวต่อไปว่า เรื่องประวัติความเป็นมาของครอบครัวที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เธอในฐานะลูกหลานชาวเขา รับรู้เรื่องราวมาตั้งแต่เด็ก คล้ายเป็น “นิทาน” ที่เล่าสืบต่อกันมาของครอบครัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 เปรียบเสมือนผู้นำทางความคิดมาตั้งแต่เด็ก ท่านให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับครอบครัว เรามีโอกาสได้รับใช้พระองค์ท่าน ได้ดูแลชนเผ่าจากรุ่นสู่รุ่น และในเมื่อเรามีโอกาสได้อยู่ในสื่อ ริชอยากจะเป็นตัวแทนบอกให้ชาวเขารุ่นหลังๆรู้ถึงความรักของพระองค์ท่านที่มีต่อชาวเขาว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน ริชไม่อยากให้เด็กชาวเขารุ่นหลังลืมว่าประเทศไทยของเรามีสถานที่สวยงามน่าอยู่ และมีธรรมชาติที่งดงามเพราะใคร ในฐานะลูกหลานรุ่นที่สี่ ก็มีความตั้งใจจะสานต่องานที่จะพัฒนาเรื่องชา เพราะเป็นสิ่งที่ดีต่อชาวเขาทุกคน โดยตั้งใจที่จะต่อยอดในเรื่องของ “การตลาด” เพื่อจะทำให้พันธุ์ชาพระราชทานโด่งดังไปในต่างประเทศ

ชมธรรมชาติ จิบชาอัสสัม

งานนี้สาวริชชี่ก็อาสาพาเที่ยวดอยปู่หมื่นที่อยู่ท่ามกลางภูเขาสูง อากาศเย็นสบาย เช้าๆก็มีไอหมอกลอยต่ำมาคลอเคลีย และหากใครชอบกิจกรรมท้าทาย ที่นี่ก็มีเส้นทางเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติและความงามของน้ำตก นั่นคือ น้ำตกปู่หมื่น หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า น้ำตกงวงช้าง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารลาหู่แบบดั้งเดิม พร้อมทั้งได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวลาหู่อีกด้วย ส่วนกิจกรรมไฮไลท์บนดอยปู่หมื่นแห่งนี้เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการเก็บใบชาอัสสัม ซึ่งเป็นชาที่ชาวบ้านเคยได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชนบนดอยปู่หมื่นจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับชาวเขา ในงานไทยเที่ยวไทย ระหว่างวันที่ 2 – 5 พฤศจิกายน 2560 จะมีการจำหน่ายชาอัสสัม ณ ฮอลล์ 3 และ 4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

6 เหตุเลื่อนงานแต่งที่แขกเหรื่อควรเข้าใจ

account_circle

ไม่มีบ่าวสาวคู่ไหนอยากให้แผนแต่งงานที่วางไว้อย่างดิบดีมีอันต้องเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเกิดต้องเจอกับ 6 เหตุ เลื่อนงานแต่ง ดังต่อไปนี้ เราก็ขอให้แขกทุกคนเข้าใจบ่าวสาว เมื่อทราบข่าวแล้ว ขอเพียงไม่มีคำถามต่อเนื่อง ไม่มีการเม้าแบบผิดๆ เท่านี้ก็ช่วยให้กำลังใจทั้งคู่ได้แล้วค่ะ

1. เหตุเกิดเพราะ “สถานที่”

มีมาแล้วนะคะที่การเลื่อนงานแต่งงานเกิดจากสถานที่ทำพิษโดยไม่ตั้งใจ เช่นเกิดเหตุไม่ดีกะทันหันอย่างไฟไหม้ ทำให้คุณไม่สามารถหาสถานที่จัดงานใหม่ได้ทัน จำเป็นต้องเลื่อนงานออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

2. เหตุเกิดเพราะ “บุคคลสำคัญเสียชีวิต”

ไม่มีใครอยากให้เหตุนี้เกิดขึ้นกับตัวอย่างแน่นอน แต่เรื่องที่ว่านี้ก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้และห้ามกันไม่ได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงๆ บ่าวสาวจะต้องมีสติและอย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเศร้านานเกินไป เพราะงานแต่งที่แพลนไว้ตรงหน้าจะเสียหายมากกว่าที่คิด เนื่องจากมีหลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นถ้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะเลื่อนควรรีบแจ้งกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายให้ครบถ้วน รวมถึงแขกทุกคน

3. เหตุเกิดเพราะ “ภัยพิบัติทางธรรมชาติ”

ธรรมชาติเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมกะทันหัน แผ่นดินไหวโดยไม่มีสัญญาเตือนภัย ซึ่งหากสร้างความเสียหายหนักก็จำเป็นจนต้องเลื่อนกำหนดงานแต่งงานออกไปก่อน และโดยส่วนมากงานแต่งมักจะจัดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดแล้ว

4. เหตุเกิดเพราะ “ภัยทางการเมือง”

บางครั้งเหตุบ้านการเมืองก็ทำให้งานแต่งของคุณต้องสะดุดลงไป เพราะความปลอดภัยในการจัดงาน ความสะดวกในการเดินทางของแขกเหรื่อ ซึ่งอาจทำให้บ่าวสาวต้องตัดสินใจเลื่อนงานแต่งที่วางไว้ออกไปเพื่อความปลอดภัยของแขกทุกคน

5. เหตุเกิดเพราะ “กลัวฝน”

อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่มั่นใจ หรือเกิดอาการไม่พร้อมทางใจกะทันหัน ทำให้ต้องขอเวลาแยกย้ายกันไปคิดทบทวนให้ถี่ถ้วน ซึ่งถ้าคุณรู้ใจตัวเองก่อนที่งานจะเกิดแล้วคุยกันเพื่อหาข้อสรุป ถือเป็นเรื่องที่ดีกว่าการที่ต้องแต่งงานเพียงเพราะรับผิดชอบคำพูดหรือเรื่องไปถึงผู้ใหญ่แล้วแก้ไม่ทัน เพราะนั่นมีผลต่อชีวิตคู่ระยะยาวอย่างแน่นอน

6. เหตุเกิดเพราะ “เจ็บป่วยขั้นหนักและอุบัติเหตุขั้นรุนแรง”

สองเหตุนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกันที่เรามั่นใจมากๆ ว่า เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าคุณเจ็บป่วยแบบว่าเข้าห้องผ่าตัดหรือเป็นหวัดรุนแรงที่มีแนวโน้มแพร่เชื้อโรคได้ง่ายๆ รวมถึงเจอกับอุบัติเหตุที่ต้องนอนโรงพยาบาล จะให้ดื้อดึงกัดฟันมาร่วมงานคงไม่เหมาะ ถ้าเจอแบบนี้เข้าไป แขกเหรื่อไม่ว่ากันหรือก เชื่อสิ

พอเพียงไม่เบียดเบียนใคร อั้ม-บี กระบอกเสียงจัดทำ “หมวกเลขเก้า” รายได้ช่วยคนตาบอด

หมวกเลขเก้า ปรากฏตัวอักษร “พอเพียงนี้ อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น…” พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ คำสอนเหล่านี้ก็ยังคงนำมาใช้ เตือนใจแก่คนไทยได้เสมอ 

หากแต่พอเพียงแล้ว การได้ส่งต่อสิ่งดีๆ ความช่วยเหลือไปยังผู้คนที่ร่างกายอาจไม่พร้อมสมบูรณ์ตามที่เราสามารถทำได้ ก็เป็นเรื่องที่ช่วยให้โลกใบนี้รวมถึงจิตใจทุกคนเกิดความภาคภูมิใจต่อตัวเองและอิ่มเอมใจไปด้วย อย่างล่าสุดหนุ่มมาดเซอร์ดีกรีดีไซเนอร์สายเลือดใหม่ แพ็ค-ปกรณ์ วงษ์กิตติไกรวัล เจ้าของแบรนด์เครื่องประดับ Missile (มิสไซล์) ก็ได้ผุดโปรเจ็กต์ดีๆ โดยได้ทำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานช่วยเหลือคน เกิดเป็น “หมวกเลขเก้า” ที่ได้นักแสดง นางแบบสาว อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ และบี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ มาร่วมเป็นกระบอกเสียง

จุดเริ่มต้นของหมวกเลขเก้า มาจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงถือเป็นพระอริยะบุคคล เป็นบุคคลอันประเสริฐผู้มีคุณธรรมสูง และมีคำสอนให้คนไทยได้ยึดเตือนสติ เตือนจิตใจในการดำรงชีวิตเสมอ ซึ่งในหมวกเลขเก้า ได้นำคำสอนเรื่องพอเพียงมาปักเป็นตัวอักษรเพื่อใส่ไว้บนศีรษะ อีกนัยหนึ่งคือเพื่อน้อมระลึกถึงคุณความดีของพระองค์เหนือหัว โดยรายได้ส่วนหนึ่งของหมวกเลขเก้าที่จัดจำหน่ายใบละ 689 บาท จะมอบให้แก่ มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์

 


เรื่อง: บะหมี่กุ๊งกิ๊ง_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @beenamthipofficial @aum_patchrapa @missilebangkok

keyboard_arrow_up