‘สารวัตรหมี’ พ.ต.ต. ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ ทำหน้าที่หวานใจของนางเอกสาว ‘แพนเค้ก เขมนิจ’ ได้อย่างดีเยี่ยม

   เป็นคู่รักที่คบหากันมานาน และก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว สำหรับ ‘สารวัตรหมี’ พ.ต.ต. ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ ที่รักและดูแลนางเอกสาว ‘แพนเค้ก’ เขมนิจ จามิกรณ์ มาเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไร้ซึ่งงานวิวาห์ ถามกี่รอบ ต่อกี่รอบ ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่พร้อม

ล่าสุด สาวแพนเค้ก จัดงาน Grand Opening Pansy (แกรนด์โอเพนนิ่ง แพนซี่) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “แป้งแพนซี่” แป้งผสมรองพื้นอัดแข็งเนื้อบางเบา ที่ ลานโปรโมชั่น โซนเอ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว งานนี้นางเอกสาวเผยว่า ตนควักกระเป๋าถึง 100 ล้าน เพื่อลงทุนทำธุรกิจในครั้งนี้ พร้อมทั้งอัพเดท เรื่องราวความรัก 8 ปี กับ พี่หมี และเรื่องแพลนวิวาห์ว่าใกล้จะมีข่าวดีกับเขาหรือยัง

พูดถึงงานในวันนี้หน่อยค่ะ
แพนเค้ก : วันนี้ก็เป็นงานเปิดตัวแป้งแพนซี่นะคะ จากอิตาลี บางเบาแต่เอาอยู่ เราเน้นความเป็นธรรมชาติ ใครที่สนใจก็ติดตามได้ในช่องทางของแพนนะคะ ราคามิตรภาพ วันนี้ก็ต้องขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานด้วยนะ แพนก็คิดว่ามันคงถึงเวลาที่เราจะได้ทำอะไรที่เป็นตัวเองและตอบโจทย์จริงๆ ก็เลยลองดูกันสักตั้งหนึ่ง ก็เลยมาที่ความสวยความงาม ลงทุนไปประมาณ 8-9 หลัก ก็เยอะอยู่”
สารวัตรหมี : โดยประมาณก็เยอะอยู่ ตั้งใจทำทุกอย่าง
แพนเค้ก : ก็ตั้งใจให้มันประสบความสำเร็จ ตั้งใจมาก ก็อยากให้มันยืนยาว

เริ่มบุกตลาดแถบเอเชีย
แพนเค้ก : จริงๆ เราเริ่มขายมาก่อนหน้าเกือบเดือนแล้ว ก็ได้ดีลเลอร์จากในเออีซีของเรานี่แหละค่ะ หลายประเทศเหมือนกัน ล่าสุดก็มีกัมพูชามารับของไปเพิ่มเหมือนกัน และทั่วประเทศไทยก็มีคนตอบรับและอยากจะเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน
สารวัตรหมี : ส่วนผมก็เรียกว่าทำทุกอย่างเลย ตั้งแต่ล่างสุดจนถึงบนสุด
แพนเค้ก : ลงมาช่วยเต็มตัวมากๆ เลย
สารวัตรหมี : น้องดูแลด้วยการเลี้ยงข้าวกะเพรา (หัวเราะ) ผมไม่ได้ลงทุนด้วย แต่เราก็ร่วมทุกอย่างเท่าที่เราสามารถช่วยได้เลย ทำทุกอย่างครับ เรื่องให้คะแนนเขา มี 100 ทะลุ 100

ใกล้จะมีข่าวดีหรือยัง
สารวัตรหมี : เดี๋ยวไว้จะบอก แต่ยัง ตอนนี้ยังอยากทำงานให้เรียบร้อยก่อน เอาทีละเรื่อง
แพนเค้ก : ขอให้ขายแป้งให้ได้ก่อน
ความพร้อมขนาดไหนแล้ว
สารวัตรหมี : ตอนนี้แป้งก็จำหน่ายไปหลายประเทศแล้ว ยังไม่ได้คิดว่าจะอีกสักกี่ปี คิดว่าเดี๋ยวให้พร้อมมากกว่านี้ก่อน
แพนเค้กก็เป็นคุณป้ากำลังจะมีหลานคนที่สองแล้ว
แพนเค้ก : ใช่ ก็จะได้ไล่ๆ กัน ที่บ้านก็คงคึกคักขึ้นไปอีก แค่คนแรกเราก็ยังมองภาพไม่ออกว่าบ้านจะเป็นยังไง แต่พอมีอัญชัญก็คึกคัก คนที่สองก็น่าจะสดชื่นกันขึ้นไปอีก
สารวัตรหมี : ก็ให้เป็นคุณป้าคนที่สองไปก่อน

มีแอบคิดเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งไว้บ้างไหม
สารวัตรหมี : ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพร้ส์สิ ถามว่ากดดันไหม เพราะแพนก็มีหลานคนที่สองแล้ว คือไม่กดดันเลยครับ ก็ช่วยกันเลี้ยงหลานครับ
มีคิดภาพแต่งงานไว้บ้างไหม
แพนเค้ก : ตอนนี้คงต้องเลี้ยงหลานก่อน หาเงินให้หลานก่อน ยังไม่มีภาพในหัวเลย จริงๆ เราก็ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าจะเมื่อไหร่ ก็มีอะไรใหม่ๆ ให้เราได้ช่วยกันทำตลอด วันนี้พี่หมีก็ยังคงอยู่ข้างๆ กัน
แฟนๆ ลุ้นตลอดเราเกร็งไหม
แพนเค้ก : แพนไม่เกร็ง กลัวจะเบื่อมากกว่าเพราะเราตอบคำถามเดิม แต่ก็ขอบคุณ ที่อยู่ที่ไหนก็ยังถามกัน
เพราะมีงานอื่นแทรกตลอด งานแต่งเราเลยต้องเลื่อนออกไปหรือเปล่า
แพนเค้ก : ไม่นะ แพนว่าเมื่อถึงจังหวะและเวลามากกว่า
การทำธุรกิจตัวนี้เป็นการสร้างรากฐานด้วยกันหรือเปล่า
แพนเค้ก : จริงๆ พี่หมีไม่ได้ลงอะไรนะคะ พี่หมีมาซัพพอร์ตให้กับแพนและครอบครัว ก็มีน้องสาวแพนและอาจารย์ชนะ เราก็เลือกสิ่งที่เราอยากทำได้ เป็นฐานที่มั่นคงให้ครอบครัวมากกว่า เราก็อยากให้มันควบคู่ไปกับการทำงานของเราด้วย
คบกันมากี่ปีแล้ว
แพนเค้ก : ขึ้นปีที่ 8 ถามว่ายังมีเวลาสวีทกันบ้างไหม ก็เรื่อยๆ นะ ก็อาจจะมีทานข้าวหรือทำกิจกรรมอะไรกันเหมือนเดิม
เป็นการบ้านใหญ่ของเราเลยไหมเรื่องขอแต่งงาน เพราะคนจับตามองเยอะ
สารวัตรหมี : ไม่หรอกครับ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อเวลาทุกอย่างมันลงตัวดีกว่า แต่ปกติไม่ชอบทำเซอร์ไพร้ส์ครับ

ชั่วโมงนี้ถ้าจะบอกว่า “ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร” คือพระเอกดาวรุ่งพุ่งเบอร์แรงที่ฮ็อตสุดๆ เชื่อว่าก็คงจะไม่มีใครเถียง เพราะที่ผ่านมาเขาได้พิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนเห็นกันแล้วผ่านหลากหลายผลงาน จนได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมาการันตี ส่วนตอนนี้ก็กำลังเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ และแม่ยกทั่วบ้านทั่วเมือง ในบทบาทของ “เฮียอี้” ที่เท่ละลายใจซะเหลือเกิน วันนี้ แพรวดอทคอม  จึงจะพาไปพูดคุยกับหนุ่มคนนี้ถึงความสำเร็จและอัพเดทผลงาน บอกเลยว่าคนอะไรก็ไม่รู้ทั้งหล่อ เก่ง แนวคิดดี ควรค่ากับความสำเร็จที่ได้รับจริงๆ

เรียกว่าประสบความสำเร็จสุดๆ กับบทบาทของ “พี่ยิม” จากซีรีส์ Side by Side พี่น้องลูกขนไก่ จนสามารถคว้ารางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาครอง ถือเป็นหนึ่งเรื่องพีคที่สุดในปีนี้

“ใช่เลยครับ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้รางวัล วันงานผมติดถ่ายละครเรื่อง เลือดข้นคนจาง ยังบอกพี่ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้กำกับ) ว่าผมอาจจะไม่ไปงาน เพราะกังวลกับละครที่ถ่ายติดพันอยู่ ทั้งๆ ที่เตรียมชุดไว้แล้วนะ แต่พี่ย้งบอกว่า ‘ไปเถอะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยากให้ไป ถ้าไม่ได้รางวัลก็กลับมาถ่ายละครต่อ’ ผมเชื่อพี่ย้งก็เลยไป

“วินาทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง บอกเลยว่าเหวอมากครับ เพราะเคยเข้าชิงหลายรอบแต่ไม่เคยได้ ปีนี้ผมคงดวงดีด้วยมั้ง (ยิ้ม) ผมรู้สึกภูมิใจนะ ที่จริงแค่ได้เข้ารอบก็รู้สึกฟินแล้วนะ เพราะทุกคนที่ได้เข้าชิงคือคนที่ถูกเลือกมาแล้ว ผมดีใจแทนผู้กำกับ (นฤเบศ กูโน) สมกับที่เขาทุ่มเททำงานหนัก สำหรับตัวเอง แม้จะดีใจที่ได้รางวัล แต่ก็รู้สึกว่ารางวัลไม่ใช่ทุกอย่าง มันไม่ได้บอกว่าวันนี้ผมเก่งที่สุด เพราะหลังจากได้รับรางวัล วันถัดๆ ไปที่ผมกลับมาถ่ายละครต่อ ได้เจอนักแสดงที่เก่งกว่าผมเพียบ นั่นคือยังมีคนที่เก่งกว่าผมอีกมากมายที่เขาไม่เคยได้รางวัล เพราะฉะนั้นคำว่ารางวัลไม่ได้เท่ากับเก่งเสมอไป และไม่ได้การันตีว่าคุณได้รางวัลปีนี้แล้วปีหน้าจะต้องได้อีก สุดท้ายรางวัลก็คือรางวัล มันก็ดีที่เรามีติดบ้าน แต่ต้องไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะผมที่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องพัฒนา

“ความท้าทายเรื่องหนึ่งของการเป็นนักแสดงคือ การเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ให้ไกลจากตัวเอง ซึ่งต้องทำงานด้วยความยากลำบากและเหนื่อยมาก พอทำได้ก็จะรู้สึกว่าเข้าถึงคาแร็คเตอร์ที่ต้องแสดงได้แล้ว แต่สุดท้ายทุกคนจะติดหลุมเหมือนกันหมด คือติดคาแร็คเตอร์การเป็นตัวละครตัวนั้น ตอนแสดงเป็นพี่ยิม ผมตั้งใจว่าถ้าจะติดคาแร็คเตอร์นี้ก็ติดให้พอเลยนะ ซึ่งพอถึงจุดที่ต้องวกกลับมาเป็นตัวเอง มันยากกว่าตอนเริ่มมากครับ คนรอบตัวยังทักผมว่าพี่ยิมตลอด การล้างพี่ยิมออกจึงยากและท้าทายมาก”

อีกกระแสความฮ็อตของต่อคือการรับบทเป็น “อี้” ในละคร เลือดข้นคนจาง ทางช่อง one ด้วยเนื้อหาเข้มข้นและทิ้งปมปริศนาไว้มากมายทำให้ผู้ชมเกิดกระแสตั้งคำถามในโซเชียลว่า ใครคือคนฆ่าเฮียประเสริฐ

“อย่าว่าแต่ผู้ชมเลย ตอนอ่านบทเรื่องนี้ไปได้ 2 ตอน ผมและน้องๆ ที่เล่นด้วยกันก็เดากันใหญ่ว่าใครฆ่าเฮียประเสริฐ แล้วผมก็เดา
พลาดไปหลายรอบมาก เพราะนึกไม่ถึงเลยว่าเขาขมวดบทสรุปไว้แบบนี้ (ยิ้ม) การที่เราเล่นอะไรแล้วแฟนๆ ชอบ มันทำให้หายเหนื่อยเลยนะ เรื่องนี้สะท้อนครอบครัวในหลายๆ แง่ ผมเล่นเองก็อินเอง เพราะผมก็มาจากครอบครัวไทยเชื้อสายจีนเหมือนกัน ได้เรียนรู้ความรู้สึกใหม่ๆ อย่างเรื่องหลานนอกกับหลานใน ผมชินกับการเป็นหลานใน เพราะชีวิตจริงใช้นามสกุลของตระกูล แต่ในบทอี้ ผมเป็นหลานนอกตระกูล เนื่องจากต้องใช้นามสกุลของพ่อ เวลาเรียงแถวลำดับเครือญาติก็จะไม่ชินกับความรู้สึกที่เราถูกสั่งให้ไปอยู่ท้ายแถวเรื่อยๆ”

นอกจากการเป็นนักแสดงแล้ว ต่อยังเริ่มบทบาทใหม่ของตัวเองด้วยการจับไมค์ร้องเพลงครั้งแรกด้วย  

“สำหรับ Into the Light ออนแอร์ทางช่อง LINE TV ทุกวันพฤหัสบดี (เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ) เป็นโปรเจ็กต์เกี่ยวกับการร้องเพลงครับ คล้ายๆ รายการเพลงของต่างประเทศ สมมติว่าวันนี้เป็นธีมอากาศหนาว เราก็เลือกเพลงที่มีความสอดคล้องมาร้อง บางวันก็เปลี่ยนไปเล่นเกมหรือคุยขำๆ บ้าง ผมว่าการร้องเพลงยากนะ แต่พอมาเรียนแล้วรู้สึกอินมาก จนอยากจะเอาดีทางนี้เลย ไม่ได้ถึงขั้นอยากเป็นนักร้อง แค่ผมชอบคนเสียงเพราะ มันเท่อะ (หัวเราะ) แล้วผมค่อนข้างโชคดีที่หูดี ไม่มีปัญหาเรื่องร้องเพี้ยน มีแค่ร้องเสียงสูงเกินโน้ต แล้วพบว่าตัวเองชอบร้องสไตล์ดรามาติกแบบ Sam Smith ผมชอบพลัง ความเสียงสูงโหยหวนของเขา แค่ยืนนิ่งๆ ก็ส่งพลังไปได้ทั้งฮอลล์ ยากมาก สิ่งที่ท้าทายในการร้องเพลงคือการสะบัดลูกคอ เช่น เวลาจะร้องคำว่า ‘ลา’ ก็จะต้องสะบัดลูกคอให้ต่อเนื่องเป็น ‘ลา…ลา…ลา…ลา’ กว่าจะทำได้ต้องฝึกสะบัดนานมาก”

สำหรับในปีหน้า หนุ่มคนนี้ก็ยังฮ็อต คิวงานแน่นต่อเนื่อง

“ปีหน้ามีละครและซีรี่ส์ให้ได้ชมกันแน่ๆ ครับ พร้อมกับคอนเสิร์ต 9 × 9 (ไนน์ บาย นาย) ช่วงมีนาคม และที่เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ที่สุดสำหรับผมคงเป็นการได้อ่านเรื่องราวของพระมหาชาดกในโครงการ ‘บารมีดีที่ต้น’ ที่จะบันทึกเสียงเล่านิทานของศิลปินหลายๆ ท่าน ซึ่งผมได้อ่านตอน อุเบกขาบารมี เป็นตอนที่พระพุทธเจ้าเกิดเป็นพญากระบือ สอนเกี่ยวกับความอดทนอดกลั้น ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ผมภูมิใจมากนะ เพราะเด็กรุ่นใหม่หลายคนอาจจะรู้สึกว่าศาสนาเป็นเรื่องเชย แต่ผมว่าศาสนาช่วยขัดเกลาจิตใจ ซึ่งผมได้รับเรื่องนี้เต็มๆ ช่วงที่บวชเณร จึงอยากบอกหลายคนว่า ถ้าคุณเปลี่ยนความคิดสักหน่อย จะรู้ว่ายังมีคนไม่เชยอีกหลายคนที่เข้าวัดครับ”

ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 939

ภาพ : @thanapob_lee

เจนี่ และ มิกกี้ เผยชีวิตหลังแต่งงาน ฝ่ายชายรับยังเขินไม่กล้าเรียกภรรยา ขณะที่นางเอกโพสต์ถึงความประทับใจที่มีค่า แม้เงินพันล้านก็ซื้อวินาทีแห่งความสุขไม่ได้

เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับหวานใจหนุ่มรุ่นน้อง

ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับงานแต่งงานที่ถูกจับตามองมากที่สุด ของนางเอกสาวเจ้าบทบาท เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับหนุ่มรุ่นน้องทายาทตระกูลเก่าแก่ มิกกี้ – นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร โดยเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2561 ทั้งคู่ได้จัดพิธีมงคลขึ้นที่ เบเนดิก สตูดิโอ ต่อมาในวันที่ 20 ต.ค. 2561 ได้จัดพิธีให้คำมั่นสัญญาและฉลองแต่งงานขึ้นที่โรงแรม Cape Fahn เกาะเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลเกาะสมุย ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าปิดเกาะฉลองกันเลยทีเดียว

ทั้งนี้ล่าสุด เจนี่ ได้โพสต์ข้อความลงอินสตาแกรมส่วนตัวบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจที่เกิดขึ้น ระบุว่า “เพราะหลายๆอย่างในชีวิตไม่ได้วัดกันที่คุณค่าของเงิน แต่เป็นความสุขของจิตใจ แขกทุกคนที่มาในงานจึงเป็นคนที่สำคัญที่สุดมากกว่าตัวเจนเองด้วยซ้ำ ขอบคุณแขกทุกคนสำหรับความทรงจำที่มีค่าเพราะต่อให้เอาเงินพันล้านมากองตรงหน้าก็ซื้อวินาทีแห่งความสุขแบบนี้ไม่ได้ 💕 @mickey.a.np #jmlovechapterone”

ขณะที่ฝ่ายชายได้เปิดใจถึงเรื่องเดียวกันนี้ พร้อมเผยถึงชีวิตหลังแต่งงาน ระหว่างการมาร่วมงานแถลงข่าวความร่วมมือในการพัฒนาโครงการ “Holistic Wellness Residence” ณ โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ โดยบอกว่าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป เหมือนเดิมก่อนที่จะแต่งงาน สำหรับความหวานนั้นเจ้าตัวบอกว่าก็หวานเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะมีออกสื่อมากขึ้น

เมื่อถามถึงสถานะที่เปลี่ยนไป หนุ่มนักออกกำลังกายบอกว่า “ตอนแรกๆ ไม่กล้าเรียกภรรยาขนาดนั้นเพราะว่าไม่ชิน แต่ว่าตอนนี้ชินแล้วครับ ชีวิตก็เริ่มลงตัวหลายๆ อย่าง”
ในส่วนของงานที่สมุยเขาบอกว่าเป็นงานเล็กๆ มีแขกประมาณ 70 คน มีครอบครัว เพื่อน ที่เรารักและสนิท รู้สึกอบอุ่นดี กับที่หลายคนมองว่าอลังการนั้นจริงๆ แล้ว ก็พยายามทำให้มันเรียบง่ายที่สุด เพียงแต่ ว่าเจ้าสาวเป็นคนใส่ใจรายละเอียดมาก ตนเลยเป็นฝ่ายคอยสนับสนุน”

อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงงบประมาณในงานแต่งงานหวานใจของนางเอกสาวบอกว่าเหมาะสม ดีกว่าสิ่งที่เราได้สิ่งที่ภาพออกไป และความรู้สึกที่เราได้กลับมาก็คุ้มค่า พร้อมปฏิเสธเจ้าสาวไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายเพียงคนเดียว โดยเขาบอกว่าตามมารยาทแล้ว ฝ่ายชายเป็นคนจัดการ แต่ว่าเราก็คุยกัน บางส่วนหรือส่วนไหนเขาจัดการ เรื่องเงินเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่แล้ว แต่เราสองคนคุยกันเลยไม่มีอะไร

ภาพจาก : Instagram @janienineeleven @mickey.a.np @mhongliostudio @naga_naga #jmlovechapterone

หลังจากปล่อยให้ลุ้นมาพักใหญ่ว่าจะมีข่าวดีเมื่อไหร่ ล่าสุด นักแสดงสาว หญิง-รฐา พร้อมกับหวานใจ ตุลย์-ตุลยเทพ ได้ออกมาแย้มแล้วว่า ใกล้จะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้

เป็นคู่รักที่มีความหวานและความน่ารักจนคนโสดและคนไม่โสดตาร้อนกันเป็นแถวเลย สำหรับคู่ของนักแสดงสาวมากความสามารถ หญิง-รฐา โพธิ์งาม กับหนุ่ม ตุลย์-ตุลยเทพ เอื้อวิทยา ด้วยอายุที่ไม่น้อยทำให้คู่นี้ถูกจับตามองเรื่องวิวาห์มาตั้งแต่ตอนคบกันใหม่ๆ กระทั่งถึงวันนี้

โดยเมื่อปีที่แล้ว “หญิง” ถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องที่มีหมอดูทักว่าจะได้แต่งงาน ซึ่งเจ้าตัวก็แบ่งรับแบ่งสู้เพราะเพิ่งจะคบหาดูใจกันอย่างจริงจังไม่เท่าไหร่ ทว่าล่าสุดมีแววมากขึ้น เมื่อสาว “หญิง” และหนุ่ม “ตุลย์” ได้แย้มในงานเปิดตัว “D24Orga” ที่ ร้าน EVERDAY CAFE ย่าน RCA เกี่ยวกับเรื่องแต่งงานว่าอาจมีขึ้นในปีหน้านี้

โดยดาราสาวกล่าวถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่า “หลังคบกันมาปีครึ่ง ก็มีอะไรให้เรียนรู้กันเรื่อยๆ ปรับตัวกันไป ก็มีบางอย่างที่ตุลย์เซอร์ไพร้ส์บ้างเวลามีเรื่องบางอย่างขึ้นมา แต่ละคนมีวิธีจัดการกันคนละแบบ”

ในส่วนเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งนั้นหญิงกล่าวว่า “เราคุยกันตั้งแต่เริ่มคบแล้ว หญิงพูดกับพี่ตุลย์เสมอว่า คนเราถ้าอยู่ด้วยกัน รักกัน หญิงไม่อยากปล่อยเวลาให้ไม่เข้าใจกันนานเกินไป โชคดีที่พี่ตุลย์เวลาเขาทำหญิงงอน แล้วเขาจะสงสัยว่าพี่ทำอะไรผิดเหรอ เขาจะถามเลย แล้วหญิงก็จะบอกว่าหญิงไม่ชอบอันนี้ แบบนี้เราก็จะเคลียร์กัน ปรับมาเจอกันตรงกลาง”

เมื่อถามถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่ “วุ้นเส้น-วิริฒิพา” แซวหญิงว่าจะแต่งงานปีหน้า เรื่องนี้เธอยิ้มๆ ก่อนตอบว่า “คือวุ้นรู้มาว่าเรามีดวงแต่งงาน แต่ว่าก็คงไม่ได้เป๊ะอะไรขนาดนั้น เพราะส่วนตัวก็เชื่อดวงครึ่งหนึ่ง เชื่อตัวเราครึ่งหนึ่ง ก็ต้องมาลุ้นว่าหมอดูทายถูกหรือเปล่า แม่นหรือเปล่า”

ขณะที่เมื่อถาม”ตุลย์” ว่าพร้อมไหม หนุ่มหวานใจของดาราสาวก็บอกว่า “ถ้า 31 ธ.ค. ปีหน้า ก็พอมีเวลาอยู่ น่าจะเตรียมตัวทัน” พร้อมกับส่งยิ้มเขินๆ โดยหนุ่มตุลย์ยังบอกอีกว่าได้คุยกับแม่น้อยบ้าง แต่ไม่ได้คุยเป็นทางการ

ด้าน “หญิง-รฐา” เอ่ยว่า “มันก็ค่อนข้างพร้อม แต่ถ้าถามตัวหญิงเอง ไม่เคยแต่งงานเลย ก็รู้สึกว่าการต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับคนหนึ่ง ซึ่งหญิงใช้ชีวิตกับแม่ตลอด ก็ไม่รู้ว่าเราต้องปรับตัวยังไง ใช้ชีวิตแบบไหน ตอนนั้นคงต้องถึงเวลา ค่อยเป็นค่อยเรียนรู้กันไป”

อย่างไรก็ตามเมื่อถูกถามว่าเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนหรือเปล่า? “หญิง” บอกว่า “ไม่กลัวค่ะ เสื้อกันฝนมี” นักแสดงสาวกล่าว

ณัย-ประณัย คือคนที่ วุ้นเส้น-วิริฒิพา กำลังศึกษาดูใจมาเกือบ 2 ปีแล้ว นักแสดงสาวเผยขอคบแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ

   เป็นไปตามคาดของหลายๆ คน สำหรับคู่รักที่เพิ่งควงกันไปเปิดตัวในงานแต่งของ “เจนี่-มิกกี้” ที่สมุย สำหรับ ไฮโซ ณัย-ประณัย พรประภา กับ นักแสดงสาว วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็มักจะควงกันไปไหนมาไหนอยู่บ่อยๆ แต่ล่าสุดในงานแต่งเพื่อนซี้ เจนี่ ดูเหมือนว่าสาววุ้นจะประกาศให้รู้ว่าไฮโซณัยคนนี้แหละคือหวานใจตัวจริง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา วุ้นเส้น ได้มาร่วมงานซิทดาวดินเนอร์ TBM GALA DINNER 2018 งานนี้เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างหมดเปลือก พร้อมยอมรับว่ารู้จักกับไฮโซณัยมาเกือบ 2 ปีแล้ว

งานแต่งเจนี่ที่สมุยเป็นอย่างไรบ้าง
“สนุกค่ะ ไปกันหลายวันเลย ประมาณ 3 วัน งานจริง ๆ มีแค่วันเดียว แต่เราก็อยู่ต่อ เพื่อนกำลังมีความสุข ก็เลยอยากจะอยู่ข้างๆ เวลาที่เพื่อนแฮ็ปปี้”
เจนี่ดูแฮ็ปปี้มาก
“เขาแฮ็ปปี้มาก วุ้นบอกเขาเลยว่างานนี้มันไม่ได้เหมือนฝัน แต่มันเกินกว่าที่ฝันไว้ เพราะถ้าฝันเราจะไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกว่ามันรู้สึก มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความรู้สึกต่างๆ นี่น้ำตาแตกกันตลอดเวลาเลยค่ะ เราเห็นเลยว่าเขามีความสุข น้ำตาที่ออกมามันคือน้ำตาแห่งความสุขของเขาจริงๆ เจนี่เขาเตรียมงานด้วยตัวเองทุกอย่าง ถามเขาว่าจะให้ช่วยอะไร จะให้ทำอะไร รู้สึกว่าไม่มีใครได้ทำอะไรเลย เพราะมันเป็นงานที่เขาตั้งใจทำทุกอย่าง ของทุกอย่างทุกชิ้น เขาเลือกเองหมด อาหาร ของบนโต๊ะทานข้าว เป็นแบบที่เขาต้องการจริงๆ ซึ่งมันก็ออกมาดีมากๆ”

มีข่าวลือว่าเจนี่ทุ่มเงินจ่ายเพื่องานแต่งในฝันเองหมดเลย
“เรื่องเงินวุ้นว่าไม่ใช่ประเด็นอะไร วุ้นไม่ได้ไปรู้ขนาดนั้นว่าใครเป็นคนจ่ายหรือไม่จ่าย แต่วุ้นว่าเขามีความรักดีๆ ให้กัน วุ้นว่าทุกอย่างที่มันออกมาวันนั้นมันดี เรื่องเงินไม่ได้สำคัญอะไร ทุกคนอยากให้งานออกมาดี แล้วงานก็ดีมากๆ จริงๆ”
เห็นบรรยากาศแล้วอยากจะแต่งงานอีกสักรอบไหม
“ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น วันนั้นก็ไม่ได้มีคิดอะไร ไม่ได้คิดเรื่องตัวเองเลย เห็นเพื่อนแฮ็ปปี้เราก็แฮ็ปปี้ไปกับเพื่อนมากๆ”
ในงานเราได้ดอกไม้ด้วย
“มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไหม ตัววุ้นเองก็ไม่ค่อยได้ดอกไม้เท่าไร ก็แปลกใจเหมือนกันว่าวันนั้นทำไมถึงได้ แล้วแต่คนเชื่อแล้วกัน เพราะบางคนได้เป็น 10 ช่อแล้วยังไม่มีแฟนเลยก็มี ก็มีไปแย่งนิดนึง แต่ไม่ได้ไปแย่งกับเขามาก เวลาเขาส่งสิ่งดีๆ มาเราก็อยากจะเต็มที่ แต่ไม่ได้คิดว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง”
เจนี่เขาก็ยุให้เราแต่งเลย
“ยุกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้คิดมากอะไร ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ในทริปนี้ก็มีแซวเยอะ”
ในทริปนี้คู่เราก็หวาน
“ไม่อยากจะพูดว่าใครหวาน เพราะยังไงก็สู้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้อยู่แล้ว ก็ถือว่าโอเค มาร่วมงานดีๆ อยากให้เราไปแล้วมีความสุข”
เราก็มีภาพคู่ด้วย
“ตอนที่รูปนี้ลงนี่รู้เลยว่าต้องโดนแซวแน่ๆ อันนั้นเขาเป็นครอบครัวกันไปแล้วเรายังเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่เลย ถ้าเพิ่งรู้จักกันคงเขิน แต่อันนี้คือรู้จักกันมานาน อยู่กันมานานแล้ว เลยไม่เขินอะไรมาก ตัวเขาเขิน ก็ต้องมีนิดหน่อยแหละ”

เหมือนเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
“วุ้นไม่ได้คิดว่าต้องตั้งใจเปิดหรือไม่เปิดอะไร เราปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติมาตั้งแต่แรก ก็ไม่ได้ปิดอะไร แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะก็ไม่รู้ว่าต่อไปมันจะเป็นยังไง ไปแล้วทุกฝ่ายแฮ็ปปี้ ไปร่วมยินดีกันก็โอเคแล้ว”
ปกติเราได้พาณัยไปเจอเพื่อนในแก๊งบ่อยไหม
“ไม่ค่อยนะ ครั้งนี้คือหนักสุดแล้ว ไปหลายวัน ดูทุกคนก็เอ็นดูเขา”

เพื่อนๆ ก็แต่งงานกันไปหมดแล้วนะ
“ไม่ต้องเร่งค่ะ เพิ่งจะเริ่มได้แป๊บเดียวเอง เอาตรงๆ ไม่อยากพูดอะไรเลย เพราะไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเป็นยังไง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เราก็ให้เกียรติเขา คุยกับเขาอยู่คนเดียว มันเป็นวิถีชีวิตของคนที่เป็นคู่กันอยู่แล้วที่เราค่อยๆ ดูกันไป ไม่ต้องกดดันว่ามันจะต้องไปอะไรขนาดนั้น ถ้าวันหนึ่งมันจะมีมันก็คงมี ทุกวันนี้วุ้นมีความสุขแล้วเพราะวุ้นไม่ได้คาดหวังอะไร มันมีความสุขมากๆ ทำทุกวันให้มันสบายๆ ถ้าไปคาดหวังว่าพรุ่งนี้เธอต้องดีกว่านี้ พรุ่งนี้เธอต้องทำอะไรให้ฉัน วุ้นว่าแบบนี้อยู่กันไปแล้วอึดอัด วุ้นอยากให้มาคบกับวุ้นแล้วต้องมีความสุขกว่าเดิม”
เห็นเพื่อนๆ มีครอบครัวอยากจะมีบ้างไหม
“ตอนนี้คงยัง ยังไม่เห็นภาพอะไรแบบนั้นของตัวเองตอนนี้ ใครๆ ก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นในอนาคตอยู่แล้ว แต่วุ้นไม่ได้คาดหวังว่าจะเมื่อไร”
พอเขามาอยู่ในบรรยากาศนั้น เขามีคุยกับเราถึงอนาคตบ้างไหม
“ไม่มี วุ้นคิดว่าเขายังไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องแบบนี้หรอก วุ้นคิดว่าค่อยๆ ไปช้าๆ ดีกว่า เพื่อนๆ ก็มีแซวกันตามประสาแหละ เราก็บอกว่าเพิ่งจะแป๊บเดียวเอง เขาก็เขินตลอด เขาเอาชีวิตรอดกลับมาได้แบบตัวแดงๆ นิดนึง โดนไปเยอะ”

เพราะเขาอายุน้อยกว่าด้วยไหม
“ถ้าเลือกได้ ใครๆ ก็ไม่อยากมานั่งโฟกัสว่าเราเด็กกว่าหรือผู้ใหญ่กว่า เอาว่าคุยกันแล้วรู้เรื่อง สบายใจก็พอ ไม่ได้คิดเรื่องอะไร ถ้าแก่กว่าอาจจะคุยกับเราไม่รู้เรื่องก็ได้ วุ้นคิดว่าให้มันเป็นอย่างนี้ไปก่อนช้าๆ วุ้นไม่กล้าเยอะ เราผ่านอะไรมาเยอะ เลยอยากขอค่อยๆ ดูไป สุดท้ายถ้ามันเป็นยังไงก็อย่าซ้ำเติมวุ้นแล้วกัน ช่วยดูไปพร้อมๆ กัน ให้กำลังใจกันก็พอ ตอนนี้ก็เกือบๆ จะ 2 ปีแล้ว ยังยิ้มได้ทุกวัน ยังไม่มีเสียน้ำตาไป ถ้าวันไหนเสียน้ำตาเมื่อไร จะประกาศนะคะ”
ดูเข้ากันได้ดี
“ก็ดีค่ะ ไลฟ์สไตล์เข้ากันได้”

ภาพจาก IG @phuphamok @pranaip @vjwoonsen