“วุ้นเส้น-วิริฒิพา” เปิดปากครั้งแรกว่าเธอได้ยุติความสัมพันธ์กับ “ณัย พรประภา” มาประมาณ 1 เดือน โดยยืนยันว่าไม่มีมือที่สามอย่างที่หลายคนเข้าใจ

หลังจากที่มีกระแสข่าวลือออกมาว่าสาวสวย “วุ้นเส้น-วิริฒิพา” กลับมาโสดร้อยเปอร์เซ็นต์อีกครั้ง เพราะเลิกรากับหนุ่มนักธุรกิจ “ณัย พรประภา” เดิมทีเหมือนจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่เมื่อบรรดาผู้สื่อข่าวไปสอบถามกับก๊วนเพื่อนสนิทของเธอก็ได้รับคำตอบว่าให้รอฟังจากเจ้าตัวดีกว่า ล่าสุดดาราสาวก็ได้ประกาศชัดเจนยอมรับว่าเธอและหนุ่มคนสนิทห่างกันได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้ว พร้อมยืนยันว่าเป็นการเลิกรากันด้วยดี ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับมือที่สามอย่างที่หลายคนเข้าใจ

ยอมรับเลิกกับ “ณัย” เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของเราสองคน

“จริงๆ ก็เป็นความสัมพันธ์ที่ดีมานะคะ เพียงแต่แค่รู้สึกว่าวันนี้เราเป็นเพื่อนกันเหมาะกว่า คือตกลงกันด้วยดี ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราคุยกันและรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันน่ารักกว่า สาเหตุอาจจะเป็นเรื่องของคนสองคนแหละ แต่เรื่องแบบนี้มันก็ต้องอยู่ที่คนสองคนเรียนรู้กันแหละเนอะ แต่พอสุดท้ายเรียนรู้ไปแล้วรู้สึก คือวุ้นโตแล้ว วุ้นผ่านอะไรมาเยอะมากแล้วค่ะ วุ้นเข้าใจตัวเอง และรู้ว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร ความสุขของตัวเองคืออะไร วันนี้เลยคุยกับเขาไปเลยว่าเป็นเพื่อนกันน่าจะดีกว่าสำหรับเราสองคน”

“วุ้นเส้น” มาร่วมงาน “WATSONS 23rd ANNIVERSARY” ครบรอบ 23 ปี วัตสัน 

เพราะอยากให้คนที่อยู่ด้วยมีความสุข จึงเลือกให้คนรักปรับตัวน้อยที่สุด

“จริงๆ ตอนคบกันเราก็คุยๆ กันบ้าง แต่ว่าไม่บ่อย เพราะวุ้นเป็นคนไม่ค่อยทะเลาะ ถ้าไม่ชอบก็จะชิลๆ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถึงจุดของมันเองที่รู้สึกว่าควรจะพูดได้แล้ว เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของเราสองคน ห่างกัน 3 อาทิตย์แล้วค่ะ ประมาณหนึ่งเดือน จริงๆ วุ้นเป็นคนที่อยากให้คนที่อยู่กับวุ้นปรับน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ วุ้นเป็นคนที่สบายๆ ใครไม่มีเวลา วุ้นก็มีเวลาของตัวเอง วุ้นก็อยู่กับเพื่อนได้ เพราะวุ้นอยากให้เขามีความสุข และอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเอง แต่วุ้นเลือกที่จะเป็นเพื่อนกัน เพราะตอนเป็นเพื่อนกันมันดีกว่า”

ยอมรับความจริง เราต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริง

“ไม่นะคะ เพราะรู้สึกว่าเวลาที่ดูๆ ใคร หรือคุยๆ กับใคร วุ้นก็ดูทีละคนและค่อยเรียนรู้ไป สุดท้ายเส้นทางระหว่างทางจะเป็นยังไง มันก็เป็นเรื่องของคนสองคนแหละ มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถ้าตอนจบเป็นแบบนี้ วุ้นก็ต้องยอมรับความจริง เราต้องอยู่ในโลกของความเป็นจริง มันก็มีเสียใจ แต่วันนี้ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง วุ้นก็มีงานอะไรต้องทำอีกเยอะ”

ถูกมองว่าเปลี่ยนแฟนบ่อย ทั้งที่ 10 ปีมีแฟน 2 คน 

“เดี๋ยวนะ ขออยู่คนเดียวก่อนจ๊ะ แป๊บหนึ่ง พักก่อน โห 10 ปีมีแฟนมาสองคน ก็ไม่ได้เยอะ แล้วเวลาคุยกับใครวุ้นเป็นคนจริงจังมาก และซีเรียสเรื่องความรัก ไม่ได้คบเล่นๆ ไม่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ ไม่มีเรื่องมือที่สาม”

ความสัมพันธ์จบลงด้วยดี เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วในแบบของเรา

“ความรักมันเปลี่ยนตามประสบการณ์ เปลี่ยนตามสิ่งที่เราเจอมาอยู่แล้ว แต่ว่าความเป็นเรา หรือการที่เราอยู่กับใคร เราก็ยังเหมือนเดิม เพราะเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วในแบบของเรา และวุ้นไม่เคยทำอะไรที่ผิด หรือว่าทำอะไรที่มันไม่ดี ฉะนั้นวันนี้ถ้าเรารู้ว่าเราทำดีที่สุด เราก็จะเจ็บน้อยหน่อย”

เรียกว่าเป็นการแถลงข่าวที่ชวนเบาหวานขึ้นจริงๆ สำหรับคู่ของ นักแสดงหนุ่ม “ณัฏฐ์ เทพหัสดินฯ” กับแฟนสาวนอกวงการ “นาน่า-ธันยา เมี้ยนมนัส ” เพราะในงานแถลงข่าวแต่งงานที่จัดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คู่บ่าวสาวเปิดเผยความรู้สึกถึงงานครั้งสำคัญนี้ ทั้งยังเทคแคร์กันตลอดการสัมภาษณ์ จนผู้สื่อข่าวหลายคนอิจฉาตาร้อนเลยทีเดียว

นักแสดงหนุ่ม “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” และเจ้าสาว “นาน่า-ธัญยม เมี้ยนมนัส” 

คำสัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว

เรียกว่าเป็นคู่รักที่มีความหวานและโรแมนติกเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ พิธีการเมื่อช่วงเช้าเป็นอย่างไรบ้าง ?

ณัฏฐ์ : พิธีเมื่อช่วงเช้าก็มีแขกผู้ใหญ่เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผมเองก็รู้สึกตื้นตันและก็ดีใจ เพราะปกติผมจะมีโอกาสได้ไปแต่งานของคนอื่น แต่สำหรับงานนี้ เป็นงานที่ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกับเรา มันก็เลยรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ แถมยังมีโมเม้นต์หลายโมเม้นต์ เวลาที่ผู้ใหญ่ให้พร มันก็รู้สึกเหมือนจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ครับ วันนี้เหมือนเป็นวันที่เราได้เริ่มต้นชีวิตคู่กับคนข้างๆ โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และครอบครัวทั้งสองฝ่าย มาร่วมแสดงความยินดี ก็รู้สึกดีใจมากๆ เลยครับสำหรับคำอวยพรทุกๆ คำอวยพร

เจ้าสาวมีโมเม้นต์น้ำตาไหลบ้างหรือเปล่า ?

นาน่า : ก็น้ำตาซึมนิดหนึ่งค่ะ ตอนที่เขาเดินเข้ามารับ ตอนที่เขาให้คำมั่นสัญญา มันก็รู้สึกได้ว่าน้ำตาซึม

บรรยากาศช่วงแห่ขันหมาก ช่วงกั้นประตู เรารู้สึกตื่นเต้นไหมที่ต้องรอเขามาหา ?
นาน่า : ก็แอบดูเขาอยู่เหมือนกันค่ะ ยังได้ยินเขาร้องเพลงอยู่เลย ตอนนั้นก็รู้สึกว่าอยากจะเดินไปดูเขาข้างหน้านะ แต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่นั่งรออยู่ข้างหลัง

เจ้าบ่าวให้คำมั่นสัญญาอะไรกับเราบ้าง ?

นาน่า : คำมั่นสัญญาเหรอ จำได้หรือเปล่า (หันไปถามณัฏฐ์)

ณัฏฐ์ : จำได้ครับ (หัวเราะ) จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ เพราะผมกับนาน่าเราก็ไม่ได้สวีทหวานแหววอะไรกันมากอยู่แล้ว แต่เราก็บอกกันว่า ไม่ว่าชีวิตหลังจากนี้จะเจออะไร เราก็สัญญาว่าจะจับมือกันไว้แบบนี้ และจะไม่ปล่อยกันไปไหนครับ เหมือนกับที่เขาไม่เคยปล่อยมือผมไปไหนเลย ผมเองก็จะไม่ปล่อยมือเขาเหมือนกัน

เจ้าสาวล่ะให้คำสัญญาอะไรกับเจ้าบ่าวของเราบ้าง ?

นาน่า : ก็เช่นกันค่ะ นาน่าก็จะไม่ไปไหน เราก็จะสู้ต่อไป สู้ไปด้วยกัน

กว่าจะผ่านด่านแต่ละประตูมาได้โหดไหม ?

ณัฏฐ์ : มีประมาณ 6-7 ด่านครับ ถามว่าด่านไหนโหดสุด จริงๆ โหดทุกด่านครับ แต่มีเพื่อนเจ้าบ่าวดีครับ (หัวเราะ) เพื่อนเจ้าบ่าวช่วยทุกด่านเลย ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ แล้วก็จะมีเสียซองเยอะที่ด่านสุดท้ายแหละครับ พี่เกล้ากับพี่โช (หัวเราะ) แต่ก็สนุกดีครับ เพราะว่าจริงๆ เราเตรียมซองมาเยอะมาก แล้วประตู 2-3 ประตูแรก เขาเอาแค่ประตูละซอง เราก็แบบหู้ย เหลือซองเต็มเลย ตอนท้ายๆ ก็เลยเหมือนแจกซองเพิ่มเยอะๆ ครับ(ยิ้ม) ก็เพื่อความสนุกสนานนะครับ ไม่ได้ซองเงินเยอะอะไรครับ

สินสอดทองหมั้นเท่าไหร่ ?

ณัฏฐ์ : ก็ตามสมฐานะของคุณนาน่า แต่ว่าขออนุญาตไม่เปิดเผยแล้วกันครับ ว่าเป็นตัวเลขเท่าไหร่อะไรยังไง ก็มีเงินสดจำนวนหนึ่ง ที่ดิน 2 แปลง แหวนเพชร แหวนหมั้นครับ เพชรวงเล็กๆ (หัวเราะ) แล้วก็มีเครื่องเพชร ที่เป็นเครื่องเพชรชุดใหม่ แล้วก็มีเครื่องเพชรที่เป็นของคุณย่าครับ คุณหญิงเพลิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ก่อนคุณย่าจะเสีย คุณย่าได้เรียกหลานทุกคนเข้าไปหา แล้วก็บอกว่าสำหรับหลานชาย จะให้เครื่องเพชรมาชุดหนึ่ง เป็นตุ้มหูหยกล้อมเพชร เป็นของเก่าของคุณย่านี่แหละครับ แล้วคุณย่าก็พูดไว้ว่าก่อนคุณย่าเสีย บอกว่า (เสียงสั่น) อยากจะให้เอามาเป็นสินสอดทองหมั้นขอภรรยาแต่งงานครับ ซึ่งวันนี้ก็ได้ทำตามความตั้งใจของคุณย่าแล้วครับ (ยิ้ม)

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับของที่ไม่ใช่แค่มีมูลค่าทางทรัพย์สิน แต่ยังมีคุณค่าทางจิตใจอีกด้วย ?

นาน่า : รู้สึกโชคดี รู้สึกตื้นตันค่ะ แล้วก็จะเก็บรักษาไว้อย่างดีเลย ไว้ให้ลูกหลานต่อไป (ยิ้ม)

ความประทับใจซึ่งกันและกัน ?

นาน่า : เขาเป็นคนน่ารัก รักครอบครัว แล้วเขาดูแลครอบครัวเขาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ก็นับถือในการที่เขาเลี้ยงดูครอบครัวเขาจริงๆ ภูมิใจค่ะ (ยิ้ม) ก็มั่นใจว่าเขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี

ณัฏฐ์ : คือผมไม่รู้ว่าทุกคนเคยรู้สึกไหม ว่าเวลาเจอคนที่มีรังสีของความใจดี เขาเป็นคนมีจิตใจดี แล้วมันออกมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วมันรู้สึกได้จริงๆ ว่าคนนี้เป็นคนจิตใจดี น่ารัก เหมือนเป็นคนขั้วบวกครับ ผมอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกว่าเรามีความสุข จากเรื่องบางเรื่องที่เราคิดลบๆ เขากลับทำให้เราคิดในอีกมุมหนึ่งที่เราสบายใจขึ้น โดยที่เราไม่รู้ว่าเขาตะขิดตะขวงใจฝืนตัวเอง อีกอย่างเขาไม่เคยพยายามจะเปลี่ยนคนรอบข้างเขาเลย แต่ว่าเขาจะใช้ความรัก แล้วก็ความใจดีของเขา เอาชนะทุกอย่าง ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนที่สนิทกับนาน่าจะสัมผัสได้ว่านาน่าเป็นคนจิตใจดีจริงๆ แล้วก็เขาเป็นคนคิดถึงคนรอบข้างก่อนเสมอ เขาจะคิดถึงตัวเองเป็นคนสุดท้าย ซึ่งผมว่าสำหรับผม คนแบบนี้ในสมัยนี้ค่อนข้างหายาก แล้วพอได้เจอเขา ก็รู้ว่าไม่อยากจะปล่อยให้ไปไหนครับ (ยิ้ม) ขออนุญาตเก็บไว้เอง

วางแผนครอบครัวหลังจากนี้อย่างไรไว้บ้าง ?

ณัฏฐ์ : ตั้งใจว่าจะมีน้องเลย เพราะว่าโตกันทั้งคู่แล้ว สาเหตุที่เราแต่งงานกัน เพราะอยากจะเริ่มต้นครอบครัวใหม่ด้วย ซึ่งนาน่าเขายังอยากเที่ยวก่อน แต่อีกใจเขาก็อยากจะรีบมี ดังนั้นก็คงจะปล่อยธรรมชาติครับ ถ้าติดหรือไม่ติดดูกันอีกที อีกอย่างพอแต่งงานเสร็จ งานเราก็ไม่ได้หนัก เราเลยตั้งใจว่าช่วงปลายปีจะไปฮันนีมูนกัน แต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะไปที่ไหนเลยครับ

เรือนหอเตรียมพร้อมไว้แล้วหรือยัง ?

ณัฏฐ์ : ก็เป็นบ้านหลังที่อยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว สร้างด้วยกันมา จริงๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่เราแต่งงานเพราะทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ทั้งเรื่องบ้านและอะไรหลายๆ อย่าง เรื่องงานที่ค่อนข้างลงตัวแล้ว

ระยะเวลาที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันประมาณกี่ปีแล้ว ?

ณัฏฐ์ : คบกันมา 4-5 ปี ตัดใจซื้อบ้าน ตอนที่เราคบกัน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจว่าเราอยากอยู่กับคนนี้ อยู่ดีๆ ก็ไปซื้อบ้านกับเขาเฉยเลย มันก็เป็นอะไรที่บอกเราเป็นนัยๆ ว่า เราอยากอยู่ใกล้ๆ เขา นั่นหมายความว่าเราคิดถูกแล้วที่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิต เพราะจริงๆ คุณนาน่าไม่ได้เป็นแค่แฟน แต่สำหรับผมคุณนาน่าเป็นคู่ชีวิตที่เป็นได้ทุกอย่าง เป็นทั้งเพื่อน พี่ น้อง เหมือนแม่อีกคนด้วยในบางครั้ง รู้สึกว่าเขาเป็นให้เราได้ทุกอย่างจริงๆ มันมากกว่าคนรักครับ