กาย ขนิษฐา จิตต์กุศล

อวดโฉมเอ็กซ์คลูซีฟ! จิเวลรี่ชิ้นแรร์สุดเลอค่าของ “คุณกาย-ขนิษฐา จิตต์กุศล”

Alternative Textaccount_circle
กาย ขนิษฐา จิตต์กุศล
กาย ขนิษฐา จิตต์กุศล

เมื่อเอ่ยถึงของรัก แน่นอนว่าสำหรับ “คุณกาย-ขนิษฐา จิตต์กุศล” เครื่องประดับเป็นความเลิฟระดับคลั่งไคล้ เห็นเป็นไม่ได้ ต้องมีเก็บไว้เป็นของสะสม ตะลุยซื้อมาแล้วทั้งในไทยและต่างประเทศ สำหรับโอกาสพิเศษร่วมฉลอง แพรว 43 ปี คุณกายคัดชิ้นพิเศษหายากที่ดีต่อใจมาให้ได้ชมกัน

อวดโฉมเอ็กซ์คลูซีฟ! จิเวลรี่ชิ้นแรร์สุดเลอค่าของ “คุณกาย-ขนิษฐา จิตต์กุศล”

คุณกายเล่าถึงลุคพิเศษที่จัดเต็มมาในวันนี้ว่า “ตั้งใจจัดไฮจิเวลรี่ชิ้นโปรด หายากที่คัดมาแล้วว่าเป็นสิ่งที่รักมากในบรรดาของสะสมทั้งหมด กายอินมากในระดับสู้ตาย มีเงินเท่าไรยอมเทให้หมด (หัวเราะ)

“สำหรับลุควันนี้กายเลือกจิเวลรี่ชิ้นเด่นเป็นสร้อยคอ 2 เส้น คือสร้อยคอเพชรประดับมรกตของร้านราชดำริของไทยเรา คือถ้าเป็นพลอย กายจะไม่กล้าซื้อร้านที่ไม่รู้จัก เพราะพลอยดูยากมาก พลอยที่ดีต้องใส สะอาด ไม่มีขนแมว เศษหิน หรือรอยร้าวแตกข้างใน แต่เราดูไม่ออก อย่างเพชรยังมีใบรับรอง แต่พลอยไม่มี พลอยจริงหรือไม่จริง เผาหรือไม่เผา มาจากแหล่งขุดไหน ฉีดสีเข้าไปหรือเปล่า เราไม่มีทางรู้เลย ขนาดเซียนพลอยบางคนยังดูพลาด เพราะฉะนั้นต้องอาศัยความเชื่อใจล้วนๆ กายซื้ออยู่ 3 ร้าน คือ ราชดำริ, เจมส์ พาวิลเลียน และพริมา เจมส์ เพราะรู้จักกันมา 30 ปี เราเชื่อใจว่าพลอยทุกชิ้นที่เขาคัดมาคือของจริง อีกอย่างมรกตเป็นพลอยที่กายชอบและใช้บ่อยมากที่สุด เพราะชอบสีเขียว แล้วสร้อยคอเส้นนี้คัดมรกตได้อย่างมีคุณภาพ สีเขียวสดฉ่ำ ไม่มีรอยขนแมวเลย มรกตคุณภาพระดับนี้ สีแบบนี้ นับวันยิ่งหายากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดกายได้มาเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยนั้นยังหายากเลย จึงเป็นชิ้นที่รักมากค่ะ

กาย ขนิษฐา จิตต์กุศล

“ส่วนอีกชิ้นที่นำมาใส่ด้วยกันคือสร้อยคอซิปยาว เป็นเพชรประดับไพลินที่ให้สีหวานมาก เป็นชิ้นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ Van Cleef & Arpels ที่ตัวซิปสามารถรูดขึ้นลงได้จริง กับปรับระดับตัวล็อกได้ว่าอยากให้ติดคอหรือปล่อยยาวลงมา เป็นเทคนิคเฉพาะของทางแบรนด์ที่จดลิขสิทธิ์ไว้ กายจึงรู้สึกว่านอกจากงานดีไซน์ของเขาเก๋ไม่เหมือนใครแล้ว ยังเป็นงานนวัตกรรมด้วย อีกความพิเศษของสร้อยคอซิปชิ้นนี้คือเป็นงานไฮจิเวลรี่ ซึ่งไม่ใช่ใครก็ซื้อได้ ต้องได้รับเชิญจากทางแบรนด์ให้ไปชมเท่านั้น ส่วนใหญ่จัดที่ต่างประเทศ โดยภายในงานนอกจากบรรดาเครื่องประดับ 400 – 500 ชิ้นแล้ว ยังมีสร้อยคอซิปแค่ 2 เส้น เป็นเส้นสั้นกับเส้นยาว ใครตัดสินใจก่อนก็ได้ก่อน เส้นนี้กายได้มาช่วงที่เขามาจัดงานในเมืองไทยช่วงโควิด สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจซื้อคือ หนึ่ง เป็นชิ้นเดียวในโลก เนื่องจากแบรนด์จะไม่ทำซ้ำ เขาจะจดไว้เลยว่าชิ้นนี้เป็นของคนนี้ ต่อให้เป็นสร้อยซิปเหมือนกัน แต่หัวซิปจะออกแบบไม่เหมือนกัน และใช้อัญมณีต่างกัน อย่างของกายเป็นเพชรประดับไพลิน ของคนอื่นอาจจะเป็นเพชรมิกซ์กับทับทิม มรกต มุก ดีไซน์ก็จะปรับให้แตกต่างกันด้วย ชิ้นนี้ราคาประมาณสิบกว่าล้าน

กาย ขนิษฐา จิตต์กุศล

“ที่นำมาเสริมทัพความอลังการในลุคนี้คือนาฬิกาล้อมเพชรของ Van Cleef & Arpels จุดเด่นอยู่ที่หน้าปัดรูปนางฟ้าถือคทา ซึ่งทั้งตัวนางฟ้าและคทาสามารถเคลื่อนที่ได้ ตัวคทาจะแทนเข็มนาฬิกา สายทำจากหนังจระเข้ เรือนนี้ประมาณ 6 – 7 ล้าน ส่วนอีกด้านเป็นกำไลซิกเนเจอร์ของ Cartier ทั้งสองชิ้น คือกำไลตะปูประดับเพชรกับกำไลเสือประดับเพชร กายชอบที่ดีไซน์สวย ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นงานไอคอนิกของแบรนด์

กาย ขนิษฐา จิตต์กุศล

“นอกจากนี้ยังมีแหวน Tiffany and Co. เป็นเพชรล้อมแทนซาไนต์ (Tanzanite – พลอยเนื้ออ่อนชนิดหนึ่งที่ให้สีน้ำเงินเหมือนไพลิน) ทางแบรนด์บอกว่ามาจากเหมืองที่ดีที่สุดในโลก เช่นเดียวกับแหวนและต่างหู Serpenti เข้าเซตกันของ Bvlgari ที่ทำจากแทนซาไนต์เหมือนกัน

กาย ขนิษฐา จิตต์กุศล

“จะบอกว่าเครื่องประดับเพชรพลอยนี่เหมือนแพ้ทางกัน คือถ้าอยู่เฉยๆ 3 – 4 เดือน ก็ไม่รู้สึกอะไร เห็นรูปก็ไม่นึกอยากวิ่งไปซื้อ แต่ถ้ามีแบรนด์ไหนชวนไปเข้าร้านนะ จะแบรนด์ไทยหรือแบรนด์นอก ถ้าเห็นอยู่ตรงหน้าแล้วต้องซื้อเลย ไม่สามารถยับยั้งใจได้ เครซี่มาก สามารถซื้อได้ทุกวัน ถ้าเข้าร้าน 7 วัน ก็ซื้อได้ทั้ง 7 วัน ทุกวันนี้เวลาแบรนด์ไหนมาเชิญ ต้องพยายามเตือนตัวเองว่าอย่าไปเลย เพราะกลัวจะห้ามใจไม่อยู่ (หัวเราะ) แต่เหนือสิ่งอื่นใด จิเวลรี่เหล่านี้สามารถเก็บไว้ได้ชั่วลูกชั่วหลาน” 


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 986

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไอเท็มนี้ต้องล่า! Loafer Shoes 5 แบรนด์ไฮเอนด์ เรียบหรูเอาอยู่ทุกลุค

Alternative Textaccount_circle

ถ้าจะให้เลือกรองเท้าที่สาว ๆ ไม่ว่าจะสายหวาน สายเซ็กซี่ หรือสายลุยควรมีติดตู้ที่บ้านไว้สักคู่ ก็คงจะเป็นรองเท้าทรง ‘Loafer’ สีดำ เพราะนอกจากจะหยิบมาสวมใส่สบาย ใส่ได้ทุกลุค ทุกโอกาสแล้ว ยังเป็นทรงที่ยอดฮิตตลอดกาลตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สังเกตได้จากแบรนด์ต่าง ๆ ที่พากันผลิตรองเท้าทรงนี้ออกมาอย่างมากมาย โดยอาจจะปรับเปลี่ยนดีเทลเล็ก ๆ ของรองเท้าเพื่อความแตกต่าง หรือสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์นั่นเอง

Praew Survay เห็นแบบนี้เลยอยากรวบรวมรองเท้าทรง ‘Loafer’ จาก 5 แบรนด์ดังระดับโลกมาให้ทุกคนได้ดูกันว่า แต่ละแบรนด์จะดีไซน์รองเท้าทรงนี้ออกมาเป็นยังไง

สำหรับแบรนด์แรก Christian Dior มากับรองเท้าทรง Loafer เพิ่มส้นเล็กน้อยแต่สุดแสนจะเรียบง่าย โดยความพิเศษของรองเท้ารุ่นนี้อยู่ที่การผสมผสานระหว่างหนังแก้ว กับหนังด้านถือเป็นอีกหนึ่งกิมมิกที่น่าสนใจ พร้อมทั้งประดับด้วยอะไหล่สกรีนคำว่า ‘CHRISTIAN DIOR’ เพิ่มความแพงให้กับรองเท้า

1
2
Dior Code Loafer: Black Brushed Calfskin ราคา 44,000 บาท

Gucci ก็ส่งรองเท้าส่ง Loafers มาท้าชนเช่นกัน โดยเพิ่มดีไซน์ของส้นรองเท้าให้มีความหนาและสูงมากขึ้น ช่วยให้คนสวมใส่มีขาเรียวยาว ก่อนติดอะไหล่สีทองเพิ่มความหรูหราให้กับรองเท้า บอกเลยว่าถ้าเอาไปแมทช์คู่กับถุงเท้าข้อยาวแบบนี้จะทำให้ได้ลุคที่ดูน่ารักสุด ๆ ไปเลย

4
3
Gucci – Women’s loafer with Horsebit ราคา 36,500 บาท

เอาใจสายเท่กันบ้างกับแบรนด์ Celine รองเท้าทรง Loafer เพิ่มส้นเพียงเล็กน้อย แต่โดดเด่นด้วยพู่บนรองเท้าและอะไหล่สีทองสัญลักษณ์แบรนด์ที่ใครเห็นก็รู้ทันทีว่าเป็นของอะไร

5
6
  • MIU MIU – Leather penny loafers

สำหรับคู่นี้บอกเลยว่าสายลูกคุณหนูห้ามพลาด กับ Leather penny loafers รองเท้าหนังสีดำแวบวับกับทรงยอดฮิต เพิ่มความหนาของส้นรองเท้าเป็นพิเศษ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากยูนิฟอร์มของนักเรียนตั้งแต่ยุค 50s และเพิ่มลูกเล่นเล็ก ๆ เป็นอะไหล่ที่ทองบนรองเท้า

7
8
MIU MIU – Leather penny loafers

VALENTINO มาในรองเท้าทรง Loafer ที่เหมาะแก่การสวมใส่ไปทำงาน ด้วยส้นที่ไม่สูงจนเกินไปทำให้เดินสบาย และยังดูสุภาพอีกด้วย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นดีไซน์ก็ไม่น่าเบื่อจนเกินไป เมื่อเพิ่มหมุดสีทองไว้บนรองเท้าและส้นเท้าเป็นดีเทลเล็ก ๆ ให้รองเท้าดูพิเศษมากขึ้น

9
10
VALENTINO – ROMAN STUD BRUSHED CALFSKIN LOAFER 30MM
ราคาประมาณ 39,800 บาท
ใหม่ ดาวิกา ผอม

ดาวิคลั่งผอมเรื่องจริงหรอ? ‘ใหม่ ดาวิกา’ ลงคลิปเผยเหตุผลที่ต้องลดน้ำหนักจนซูบผอม

Alternative Textaccount_circle
ใหม่ ดาวิกา ผอม
ใหม่ ดาวิกา ผอม

ทำไมดาวิถึงคลั่งผอม? ที่ผ่านมาหลายคนเป็นห่วงและทักเรื่องความผอมบ่อยๆ จนล่าสุด นางเอกสาว ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ ได้ทำคลิปเผยเหตุผลที่รูปร่างผอมผ่านทางช่องยูทูบ Davikah Channel โดยยอมรับว่าตัวเองผอมจริงๆ แต่ก็มีเหตุผลที่ต้องผอม

ดาวิคลั่งผอมเรื่องจริงหรอ? ‘ใหม่ ดาวิกา’ ลงคลิปเผยเหตุผลที่ต้องลดน้ำหนักจนซูบผอม 

โดยดาวิได้บอกว่า “สำหรับแฟนคลับที่เป็นห่วงถามไถ่กันเข้ามา ขอขอบคุณทุกกำลังใจและทุกคอมเมนต์ที่เป็นห่วง แล้วก็เฉลยด้วยว่าทำไมถึงได้ดูซูบลง ซึ่งดาวิก็บอกที่ผอมลงเป็นเพราะเรื่องงาน มีโปรเจกต์หนึ่งที่ยังไม่เคยบอกใคร และทุกคนจะได้เห็นช่วงต้นปีหน้า เป็นการตีคาแร็กเตอร์ของตัวเองว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตัวละครที่แสดงว่าต้องน้ำหนักลดลงอีก แต่สปอยล์เยอะไม่ได้ เอาเป็นว่าดาวิลดน้ำหนักก็เพื่อบทละครเรื่องที่ทุกคนจะได้เห็นในต้นปีหน้านั่นเอง และตอนนี้ก็ปิดกล้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างเอาคาแร็กเตอร์นี้ออก อาจจะใช้เวลาพอสมควร เพราะก็มีเอฟเฟกต์ในหลายๆ อย่าง”

ท้ายคลิปดาวิก็ได้วัดรอบเอวโชว์ โดยบอกว่าหลังจากที่ปิดกล้องละคร และดาวิก็ได้ทำน้ำหนักเพิ่มขึ้น มาดูกันว่าตอนนี้เอวเท่าไหร่ ซึ่งผลปรากฏว่าจากเอว 22 นิ้ว ตอนนี้ขึ้นมาเป็น 24 นิ้วแล้ว หายห่วงได้


ข้อมูล : Davikah Channel
ภาพ : davikah

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คนดังคับคั่ง ประชันหน้าฟรอนต์โรว์ ร่วมชมโชว์ TOMMY HILFIGER ท่ามกลางสายฝน

account_circle

คืนบัลลังก์ New York Fashion Week อีกครั้งสำหรับ TOMMY HILFIGER งานนี้เหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลกร่วมชมโชว์ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ใจกลางมหานครนิวยอร์ก

คนดังคับคั่ง ประชันหน้าฟรอนต์โรว์ ร่วมชมโชว์ TOMMY HILFIGER ท่ามกลางสายฝน

เรียกได้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ของแบรนด์ TOMMY HILFIGER ที่กลับคืนสู่รันเวย์ New York Fashion Week ซึ่งงานนี้เป็นการตัวคอลเล็คชั่น TH Monogram รูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ร่วมกับ เฟอร์กัส เพอร์เซล  (Fergus Purcell) กราฟิกดีไซเนอร์และนักวาดภาพประกอบชาวอังกฤษ

สำหรับโชว์ Tommy Factory ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากแอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol) ผู้ซึ่งสร้างตำนานแห่งการสรรเสริญ วัฒนธรรมป๊อปและการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์  แฟชั่นโชว์ผสมผสานในรูปแบบฟิจิทัล (phygital) ครั้งนี้นำเหล่านักสร้างสรรค์ที่มีแนวคิดแห่งอนาคตมากฝีมือจากโลกแฟชั่น ดนตรี ศิลปะและความบันเทิงมารวมกันในที่เดียว

ทั้งนี้ผู้ชมจะเข้าร่วมงานในสถานที่ซึ่งตั้งใจออกแบบไว้ให้ดูเหมือนยังตกแต่งไม่สมบูรณ์และจะถูกดึงเข้าสู่ประสบการณ์ของขั้นตอนในการรังสรรค์แฟชั่นโชว์ร่วมไปกับศิลปินหัวสมัยใหม่มากมาย อาทิ Jon Batiste เดินตามคอนเซ็ปต์นี้โดยการเดินเข้างานในลุคแบบสบาย ๆ  นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของโลกความจริงและโลกเสมือนจริงบนรันเวย์ ที่ดึงดูดผู้ชมเข้าสู่สนามแห่งความคิดสร้างสรรค์ของ Tommy Factory เฉลิมฉลองให้กับคอลเล็คชั่นที่คิดนอกกรอบและสร้างสรรค์ผ่านมุมมองของโลกทุกแบบ

นอกจากนี้โชว์ปิดฟินาเล่ยังได้มือกลองและโปรดิวเซอร์ระดับตำนานอย่าง Travis Barker มาร่วมเล่นเพลงพิเศษสำหรับ Tommy Factory โดยมีฉากหลังเป็นตึกระฟ้าของนิวยอร์ก มหานครแห่งแสงสี

ขณะที่แขกประจำฟรอนต์โรว์ก็แซ่บไม่เบา ยกโขยงความปังมาร่วมประชันกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น kourtney Kardashian, Kris Jenner, Corey Gamble, Richard Quinn, Shawn Mendes, Jon Batiste, Kate Moss, Halima Aden, John Legend, Rickey Thompson, Jaylen Brown, Anthony Ramos และ Paulo André 

รวมทั้งแขกพิเศษที่เป็นสมาชิกแรกเริ่มของ The Factory อย่าง Jane Forth ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์วัยรุ่นคู่บุญของ Andy Warhol นอกจากนั้นยังมีแขกอีกมากมาย ทั้งนักร้อง แรปเปอร์และนักแสดง อาทิ Lady Bunny, Luka Sabbat, Wisdom Kaye, Miss Fame, Law Roach, Martine Rose, Noah Beck, 24k Goldn, Yungblud, Jesse Jo Stark, Latto, Anne Marie, Trippie Red, Riisa Naka, FEWOCiOUS เป็นต้น


กระเป๋า Hermes

เจาะดีเทล! กระเป๋า Hermes 2 รุ่นหายาก มูลค่ามหาศาล สมเป็นสุดยอดปรารถนาของนักสะสม

Alternative Textaccount_circle
กระเป๋า Hermes
กระเป๋า Hermes

แพรว พาไปยลโฉมกระเป๋า Hermes 2 รุ่นหายาก จากคลังไอเท็มสุดหรูของ “คุณวาสนา รัตนสัญญา” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลิสต์กระเป๋าในฝันที่เป็นสุดยอดปรารถนาของคนชอบความหรูหราและรักแฟชั่น ไม่เพียงความคลาสสิกไร้กาลเวลา แต่ยังคือความหายากและมูลค่าที่ก้าวกระโดด

กระเป๋า Hermes
คุณวาสนา รัตนสัญญา กับ Hermes Birkin 20 Faubourg

เจาะดีเทล! กระเป๋า Hermes 2 รุ่นหายาก มูลค่าเว่อร์วัง สมเป็นสุดยอดปรารถนาของนักสะสม

“วุ้นเชื่อว่าสำหรับสายแฟชั่นต้องมีชื่อกระเป๋า Hermes อยู่ในใจ ซึ่งวุ้นก็คือหนึ่งในนั้นและตามสะสมมาเรื่อยๆ วุ้นชอบหนังเอกซอติก จึงสะสมหนังจระเข้รุ่นเบอร์กิ้น เคลลี่ มินิเคลลี่ พอถึงจุดหนึ่งก็อยากสะสมรุ่นที่ลิมิเต็ดหรือแรร์ไอเท็ม จึงเริ่มที่ Hermes Birkin 20 Faubourg ที่ผลิตสำหรับลูกค้าวีไอพีของ Hermes เท่านั้น รายละเอียดต่างๆ จำลองมาจากแฟล็กชิปสโตร์ ที่ 24 Rue du Faubourg Saint-Honor ซึ่งเป็นที่อยู่ของร้าน Hermes ตั้งแต่ปี 1880 ตอนแรกลังเลว่าจะเหมาะกับคาแร็คเตอร์ตัวเองไหม เพราะสไตล์การแต่งตัวของเราเน้นหรูเรียบเซ็กซี่ ข้าวของที่ใช้เป็นโทนสีดำ ขาว และเบจ แต่คนใกล้ตัวเชียร์ว่าถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง ณ วันที่ซื้อราคาสี่ล้านบาทปลาย ผ่านมาสองปีตอนนี้ราคาขึ้นไปเป็นเจ็ดล้านบาทแล้ว ถือว่าเยอะมากทีเดียว

กระเป๋า Hermes
Hermes Birkin 20 Faubourg ผลิตขึ้นในปี 2019 กระเป๋าใบนี้ถูกจำลองมาจากแฟล็กชิปสโตร์ของ Hermes ที่ 24 Rue du Faubourg Saint-Honor ที่อยู่ของร้าน Hermes อันเก่าแก่ ตั้งแต่ปี 1880 และเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนของสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ Faubourg Birkin จึงสร้างสรรค์จากหนัง 5 แบบ โดยตัวกระเป๋าทำมาจากหนัง Madame Calfskin หูกระเป๋าด้านบน แผ่นปิดกระเป๋า และสายรัดด้านหน้าทำจากหนัง Alligator แบบแมตต์ แผงกันสาดทำจากหนัง Swift บานหน้าต่างทำจากหนัง Epsom และฐานกระเป๋าทำจากหนัง Sombrero ผลิตออกมาจำนวนจำกัดเพียงไม่กี่ใบในโลก ทำให้กระเป๋าใบนี้มูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลา เพราะนักสะสมทั่วโลกต่างต้องการครอบครอง

“อีกใบที่ได้มาล่าสุด Hermes Birkin 25 Cargo วุ้นชอบแคนวาสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คือเป็นคนไม่มีตรงกลาง ถ้าไม่หนังจระเข้ก็ขอแคนวาสไปเลย (หัวเราะ) ความที่ Hermes ไม่ได้ผลิตกระเป๋าแคนวาสมานานแล้ว พอเห็นใบนี้วุ้นชอบทันที เขาดีไซน์ให้มีช่องกระเป๋าด้านหน้าดูน่าสนใจ ตอนแรกก็กังวลว่าสีโทนนี้จะใช้ยาก แต่ปรากฏว่าหยิบมามิกซ์แอนด์แมตช์กับการแต่งตัวง่าย ใช้งานได้จริง ไม่ต้องระวังมาก แล้วรุ่นนี้ยังผลิตออกมาจำนวนจำกัด ตอนนี้ราคาจึงอยู่ที่เกือบสองล้านบาท เป็นอีกใบที่ชื่นชอบในหมู่นักสะสมและคนดังทั่วโลก”

กระเป๋า Hermes
Hermes Birkin 25 Cargo สี Desert/Sesame ฮาร์ดแวร์พาลาเดียม (Palladium) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดทหาร เป็นการผสมผสานของวัสดุ “หนังและผ้าใบ” มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง เพราะเย็บติดกันอย่างแน่นหนา เพื่อให้ทนทานเป็นพิเศษ ตัวกระเป๋าทำจากผ้าใบและเย็บขอบกระเป๋าด้วยหนัง มีช่องกระเป๋าด้านนอกทั้งหมด 4 ช่อง

คุณวุ้นยังให้มุมมองเรื่องการลงทุนในชิ้นแฟชั่นอีกว่า “สำหรับกระเป๋าไม่ใช่ว่าจะเหมาะกับการลงทุนทุกใบ มีแค่บางรุ่นเท่านั้น นอกจากกระเป๋า ถ้ามองเรื่องซื้อสะสมเพื่อลงทุนคือนาฬิกากับเพชร ซึ่งช่วงสองปีที่ผ่านมาราคาขึ้นมาก แม้เพชรจะไม่ง่ายเหมือนทองคำ แต่ถ้าซื้อไว้ในวันที่ราคาดีก็ได้กำไร เพราะเขามีมูลค่าในตัวเอง สมมติ ณ วันที่ซื้อราคาสองแสนบาทต่อกะรัต พอ ณ วันนี้อยากซื้อสองกะรัตขึ้นไป ราคาขยับอยู่ที่หกแสนบาทแล้ว ส่วนเสื้อผ้าวุ้นมองเรื่องการใช้งานที่ไทม์เลสมากกว่า อย่างแจ็กเก็ต Chanel เป็นชิ้นที่หยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็ยังคลาสสิกดูดีเสมอ ราคาที่ซื้อตอนนั้นกับตอนนี้ก็ต่างกันมาก ถ้าเราซื้อสีที่ไม่หวือหวา เวลาผ่านไปนานก็ยังหยิบมาใช้ได้ ของทุกอย่างที่ซื้อให้มองที่ความคุ้มค่า ถ้าราคาถูก แต่ไม่ได้ใช้ สุดท้ายก็เหมือนเสียเงินฟรีอยู่ดี กลับกันถ้าราคาสูง แต่นับวันยิ่งเพิ่มมูลค่า อย่างนั้นถือว่าเกินคุ้ม”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 986

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Oriental Princess ‘New beneficial’ Cover

โอเรียนทอล พริ้นเซส เปิดไลน์อัพ New beneficial ที่สุดแห่งเมคอัพพลังสีสันจากธรรมชาติ

Oriental Princess ‘New beneficial’ Cover
Oriental Princess ‘New beneficial’ Cover

โอเรียนทอล พริ้นเซส เปิดไลน์อัพ New beneficial ที่สุดแห่งเมคอัพพลังสีสันจากธรรมชาติ ผสานการบำรุงด้วยสารสกัดจากราชาแห่งดอกไม้  Peony Flower พร้อมให้คนเอเชียได้ “สวยทุกเวอร์ฉัน”

โอเรียนทอล พริ้นเซส (Oriental Princess) เปิดตัว ‘New beneficial’ การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของที่สุดแห่งเมคอัพพลังสีสันจากธรรมชาติ จากความเชี่ยวชาญเรื่องความงามมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยความเข้าใจคนเอเชีย และยึดมั่นในปรัชญาที่เชื่อในความงามของศาสตร์ตะวันออก โดยนำสารสกัดจากธรรมชาติมารังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์เมคอัพอันทรงคุณค่า ครั้งแรกกับเมคอัพที่ผสานสารสกัดจากดอกพีโอนี (Peony) ราชาแห่งดอกไม้ตะวันออก ที่ให้คุณค่าการบำรุงพร้อมเฉดสีจากธรรมชาติ พร้อมหลอมรวมสีสันอันทรงพลัง คุณค่าการบำรุง และแรงบันดาลใจจากดินแดนตะวันออกที่มีความโดดเด่น และโฉบเฉี่ยวเข้าด้วยกัน มีให้เลือกใช้ได้ครบทุกปัญหาผิว ทุกสเต็ปของการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางที่อัดแน่นด้วยคุณภาพในราคาสบายกระเป๋า เข้าถึงง่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 200 – 700 บาทเท่านั้นสามารถทดลองสีสันผ่าน Makeup Virtual Try-on ได้ที่ www.orientalprincess.com

โอเรียนทอล พริ้นเซส เปิดไลน์อัพ New beneficial ที่สุดแห่งเมคอัพพลังสีสันจากธรรมชาติ

ซึ่งไลน์อัพของ New beneficial ครอบคลุมถึง 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่
(1) ผลิตภัณฑ์ Base Makeup รองพื้น คอนซีลเลอร์  แป้งผสมรองพื้น แป้งฝุ่น และเมคอัพเบส
(2) ผลิตภัณฑ์รอบดวงตา คิ้ว มาสคาร่า อายไลเนอร์ และอายแชโดว์
(3) ผลิตภัณฑ์สำหรับปัดแก้ม
(4) ผลิตภัณฑ์แต่งแต้มริมฝีปาก
(5) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
(6) ผลิตภัณฑ์แปรงแต่งหน้า
โดยผลิตภัณฑ์ New beneficial วางจัดจำหน่ายแล้วที่ ร้านโอเรียนทอล พริ้นเซส 325 สาขาทั่วประเทศ, หรือ Add Line สาขาที่ www.orientalprincess.com และ Lazada, Shopee, Konvy, Line Shopping, TikTok Shop, Grab mart, Lineman mart, Panda Mart หรือ Robinhood Mart และ ช่องทาง Social media ของแบรนด์ หรือเพียง Add Line Official Account : Oriental Princess หรือ ทักแชทช้อปผ่าน LINE สาขา 325 สาขาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม New beneficial ที่สุดแห่งเมคอัพพลังสีสันจากธรรมชาติ ประกอบด้วย

1. ผลิตภัณฑ์ Base Makeup รองพื้นคอนซีลเลอร์แป้งผสมรองพื้นแป้งฝุ่นและเมคอัพเบส

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรองพื้นคอนซีลเลอร์และแป้งมี 6 ซีรีส์ ได้แก่
(1) Ultimate Coverage ปกปิดขีดสุดและลดเลือนริ้วรอยพร้อมกักเก็บความชุ่มชื่นให้กับผิว
(2) Phenomenal Perfect Coverage ปกปิดผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
(3) All Day Sun Protection ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างสูงสุดพร้อมการปกปิดที่เบาสบายเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
(4) RED Natural Whitening & Firming Phenomenon อัพผิวสว่างผสานสกินแคร์และคุมความมันยาวนานถึง 12 ชม.
(5) BB Secret ปรับสีผิวให้กระจ่างใสและสม่ำเสมอตลอดวันพร้อมทั้งบำรุงผิวหน้าด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ
(6) Special Products รวมหลากหลายผลิตภัณฑ์อาทิ Press Powder, Loose Powder, Liquid Concealer และ Pore Minimiser ที่ช่วยยกระดับผิวให้เปล่งประกายกระจ่างใสดูเป็นธรรมชาติโดยมี 3 ไอเทมไฮไลท์ในกลุ่มดังนี้

beneficial BB Secret Lifting & Coverage Cream SPF 30 PA++

บีบีครีมปรับผิวปังได้ทุกเวอร์ชันจากประเทศญี่ปุ่นด้วยประสิทธิภาพการปกปิดแบบ Coverage ปรับผิวทุกเฉดสีใช้ได้ทุกคนให้ผิวดูเรียบเนียนสดใสสุขภาพดีขึ้นผสานสารสกัดธรรมชาติ Peony Extract , Omega 3 และ Vita Skin Complex เติมความชุ่มชื้นผิวให้ผิวแข็งแรงตึงกระชับพร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย SPF 30 PA++ (ปริมาณ 40 g. ราคา 575 บาท)

beneficial All Day Sun Protection Foundation Powder SPF 50 PA++++

แป้งผสมรองพื้นกันแดดที่มาพร้อม 3 เฉดสี (No.01 Ivory, No.02 Sand, No.03 Honey) ช่วยให้ผิวสวยเรียบเนียนพร้อมเผชิญแดดไม่เป็นคราบระหว่างวันคุมมันนาน 6 ชั่วโมงปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกที่คอยทำร้ายผิวและแสงแดดรังสี UVA/UVB ได้สูงสุดระดับ SPF 50 PA++++ และผสาน Mirror Ball Powder ช่วยทำให้แสงตกกระทบอำพรางใบหน้าให้สวยสมบูรณ์แบบกลมกลืนกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ (ปริมาณ 11 g. ราคา 555 บาท)

beneficial Perfect Finish Liquid Concealer

ที่สุดของการปกปิดมิดชิดทุกริ้วรอยคอนซีลเลอร์เนื้อลิควิดบางเบาที่ช่วยลบเลือนรอยดำรอยแดงและรอยคล้ำใต้ตาให้เป็นผิวสวยเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นคราบระหว่างวันผสานการบำรุงด้วยสารสกัดธรรมชาติจาก Peony Extract ให้ผิวชุ่มชื้นเบาสบายพร้อมต่อต้านริ้วรอยและยับยั้งอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิวก่อนวัยในขั้นตอนเดียว (ปริมาณ 7 ml. ราคา 285 บาท)

2. ผลิตภัณฑ์รอบดวงตา คิ้ว มาสคาร่า อายไลเนอร์ และอายแชโดว์

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรอบดวงตามี 4 ประเภท ได้แก่
(1) กลุ่มดินสอเขียนคิ้ว ที่มาพร้อมกับ Applicator หลากหลายสไตล์ให้ทุกคนได้เลือกใช้ตามความถนัด อาทิ แปรงทรงกลม แปรงตัดเฉียง และแปรงหัวตัดที่มาพร้อมมาสคาร่าคิ้ว
(2) กลุ่มมาสคาร่า ช่วยให้ดวงตาหนาฟู และเรียงเส้นสวยตลอดวัน
(3) กลุ่มอายไลเนอร์ เพิ่มความคมชัดให้แก่ดวงตา พร้อมคุณสมบัติที่ติดทนนาน กันน้ำ และเหงื่อไม่ทำให้เยิ้มระหว่างวัน
(4) กลุ่มอายแชโดว์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ รังสรรค์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หลากสีสันเนื้อเนียน เกลี่ยง่าย โดยมี 4 ไอเทมไฮไลท์ในกลุ่มดังนี้

beneficial Brow Designer Eyebrow & Mascara

คิ้วเพอร์เฟกต์แบบมืออาชีพด้วยดินสอเขียนคิ้ว 2 in 1 เนื้อแมทนุ่มทรงหัวตัดให้คิ้วสวยคมติดทนนานมาพร้อมกับมาสคาร่าเม็ดสีแน่นชัดช่วยจัดรูปคิ้วให้เรียงเส้นสวยแบบ 6 มิติผสานสารสกัดธรรมชาติให้ขนคิ้วแข็งแรงเขียนง่ายครบจบในแท่งเดียว (ปริมาณ 0.5 g. 1.4 g. ราคา 345 บาท)

beneficial All Day Wear Eyeshadow

อายแชโดว์ขนาดพกพาสะดวกที่ออกแบบมา 20 เฉดสีให้เลือกแต่งได้ในสไตล์ของตัวเอง ด้วยเนื้อ Crystal Powder ที่เนียนนุ่มเกลี่ยง่ายสีชัดติดทนนาน ผสานสารสกัดธรรมชาติจาก Peony Extract ช่วยต้านอนุมูลอิสระยับยั้งการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา (ปริมาณ 3.8g. ราคา 195 บาท)

beneficial Lengthening Waterproof Mascara

ขนตาเด้งเรียงเส้นด้วยนวัตกรรมการออกแบบมาสคาร่า 2 คุณสมบัติในหนึ่งเดียวย้ำให้ขนตาหนาและยาวแบบเส้นต่อเส้นตั้งแต่โคนจรดปลายมาพร้อมประสิทธิภาพในการกันน้ำและเหงื่อให้ขนตาสวยติดทนยาวนานแต่ล้างออกง่ายเพียงแค่ใช้น้ำอุ่น (ปริมาณ 6 g. ราคา 425 บาท)

beneficial Proliner Eyeliner

อายไลเนอร์สูตรกันน้ำ สีดำเข้มสนิทเพียงเขียนแค่ครั้งเดียว ด้วยขนแปรงเรียวเล็กมอบการเขียนที่เรียบลื่น อีกทั้งยังไม่ทำให้เป็นคราบดำใต้ตา และติดทนนานตลอดวัน อุดมด้วยคุณค่าการบำรุงจากซากุระที่ช่วยลดการระคายเคียง และล้างออก ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ใช้น้ำอุ่น (ปริมาณ 0.6 ml. ราคา 415 บาท)

3.  ผลิตภัณฑ์สำหรับปัดแก้ม

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มบลัชออนมี 5 ประเภท ได้แก่
(1) beneficial Gradation Compact Cheek Colours ผสาน 4 เฉดสีปัดแก้มในตลับเดียวมอบลุคสดใสสุขภาพดียาวนาน
(2) beneficial Ready To Wear Nourishing Face Colours แปรงปัดแก้มเนื้อฝุ่น 2 in 1 มอบแก้มสวยระเรื่อดูธรรมชาติพกพาสะดวก
(3) beneficial Kiss From A Rose Natural Face Tint ทิ้นท์สำหรับแก้มและปากมอบความเลือดฝาดบนผิวหน้าแลดูสุขภาพดี
(4) beneficial All Day Glow Powder Blush บลัชออนเนื้อเนียนนุ่มให้ลุคที่เป็นธรรมชาติเข้าได้กับทุกเฉดผิวโดยมี 2 ไอเทมไฮไลท์ในกลุ่มดังนี้

beneficial All Day Glow Powder Blush

บลัชออนเนื้อเนียนนุ่มพกพาสะดวก สีชัดติดทนนานพร้อมหลากหลาย Texture และมีถึง 10 เฉดสี ให้เลือกแต่งได้ในสไตล์ของตัวเอง ใช้ได้ทุกวันเข้ากับทุกเฉดผิวพร้อมผสานสารสกัดธรรมชาติ Peony Flower Extract ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวชุ่มชื่นเปล่งประกาย และ Silk Mica Powder ให้เนื้อสัมผัสนุ่มลื่นสบายผิวทั้งเนื้อแมทและชิมเมอร์ (ปริมาณ 3.5 g. ราคา 235 บาท)

beneficial Gradation Compact Cheek Colours

บลัชออน 4 มิติที่การันตีความเลอค่าด้วยรางวัลจากนิตยสารชั้นนำมาอย่างต่อเนื่องเนื้อมุกสัมผัสเนียนนุ่มผสาน4 เฉดสีในตลับเดียวช่วยเพิ่มประกายระยิบระยับให้แก้มฉ่ำสวยเนียนอย่างธรรมชาติพร้อมผสานคุณค่าสารสกัดธรรมชาติจาก Peony Extract ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยปกป้องผิวจากการแพ้ระคายเคือง (ปริมาณ 12 g. ราคา 595 บาท)

4. ผลิตภัณฑ์แต่งแต้มริมฝีปาก

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มริมฝีปากมี 4 ประเภท ได้แก่
(1) beneficial Cherish Lip Sheer SPF15 ลิปสติกผสมกันแดดสีระเรื่อมอบความอวบอิ่มและบำรุงริมฝีปากในแท่งเดียว
(2) beneficial Deep Velvet Matte Lipstick ลิปสติกเนื้อแมท Velvet ให้ความสัมผัสนุ่มดุจกำมะหยี่พร้อมเม็ดสีที่ติดแน่นทนนานตลอดวัน
(3) beneficial Touchless Matte Liquid Lipstick ลิปสติกแบบน้ำเนื้อแมท5 เฉดสีให้ริมฝีปากดูเบลอสวยและเบาสบาย
(4) beneficial Juicy Glow Watery Lip Tint ลิปกลอสทิ้นท์เอาใจสายวีแกนเนื้อบางเบาให้ริมฝีปากฉ่ำวาวยาวนานด้วยเม็ดสีที่แน่นและเข้มข้นมี 3 ไอเทมไฮไลท์ในกลุ่มดังนี้

beneficial Juicy Glow Watery Lip Tint

กลอสทิ้นท์ปากสวยฉ่ำ ใช้ง่ายเพื่อสายวีแกนเนื้อบางเบาเกลี่ยง่ายไม่เหนอะหนะ สีชัด ติดทนนาน ช่วยให้ปากฉ่ำดูอวบอิ่มสุขภาพดีแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์ พร้อมผสานเมคอัพกับสกินแคร์เข้าด้วยกันเพื่อต่อต้านอนุมูลอิสระและริ้วรอยบนริมฝีปาก (ปริมาณ 3.5g. ราคา 355 บาท)

beneficial Touchless Matte Liquid Lipstick

ที่สุดของลิปแมทสีแน่นแบบ Full Coverage พร้อมเทคโนโลยี Silky Powder เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มเบาสบายเทคนิคเฉพาะของโอเรียลทอลพริ้นเซส (ปริมาณ 3.9 g. ราคา 355 บาท)

beneficial Deep Velvet Matte Lipstick

ลิปสติกเนื้อแมทที่ให้สัมผัสดุจกำมะหยี่ นุ่มลื่น เบาสบายริมฝีปาก ช่วยเติมเต็มและเบลอร่องริมฝีปากให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติด้วยสารสกัดจากตะวันออก Peony Flower Extract และ Vitamin E ช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่ม สีชัด สวยครบจบในแท่งเดียว (ปริมาณ 3.7g. ราคา 375 บาท)

5.  ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มทำความสะอากผิวหน้ามี 4 ประเภท ได้แก่
(1) beneficial Make Off Cleansing Milk Essence สูตรน้ำนมผสานโทนเนอร์ ช่วยลบเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกอย่างถนอมผิว
(2) beneficial Make Off Mild Cleansing Water สูตรน้ำอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ให้ความรู้สึกชุ่มชื่น และสบายผิวหลังการใช้
(3) beneficial Make Off Soothing Cleansing Milk สูตรน้ำนมเนื้อโลชันเข้มข้น ขจัดเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด พร้อมปรับความสมดุลของผิวให้เรียบเนียน อิ่มน้ำ
(4) beneficial Make Off Perfect Eye & Lip Makeup Remover สูตรน้ำในน้ำมันสำหรับรอบดวงตา และริมฝีปาก ช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก

6.  ผลิตภัณฑ์แปรงแต่งหน้า

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแปรงแต่งหน้ามี 9 ประเภท ได้แก่
(1) Pro Foundation Brush แปรงสำหรับเกลี่ยรองพื้นด้วยขนแปรงที่ออกแบบมาพิเศษจากขนสังเคราะห์อ่อนนุ่มพร้อมด้ามแปรงจับถนัดมือสำหรับการลงรองพื้นให้เรียบเนียนให้ผลลัพธ์ที่ผิวเรียบเนียนไร้ที่ติปกปิดอย่างป็นธรรมชาติสามารถใช้กับรองพื้นทุกชนิด
(2) Pro Powder Brush แปรงปัดแป้งขนนุ่มฟูที่สามารถใช้ได้กับแป้งฝุ่นและแป้งอัดแข็งด้วยขนแปรงที่นุ่มสบายผิวเป็นพิเศษ
(3) Pro Blush Brush แปรงปัดแก้มที่ถูกดีไซน์มาเป็นพิเศษเพื่อให้รองรับกับรูปหน้าแบบต่างๆได้เป็นอย่างดีแต่งพวงแก้มให้สวยเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
(4) Pro Lip Brush แปรงทาลิปสติกขนแปรงนุ่มช่วยให้ทาปากได้อย่างสวยไร้ที่ติโดยสามารถสร้างขอบปากได้อย่างง่ายดายด้วยหัวแปรงโค้งมนขนาดเล็กพกพาสะดวก
(5) Pro Eye Colour Brush แปรงสำหรับทาตาช่วยเกลี่ยสีตาให้กลมกลืนและกำหนดน้ำหนักของสีได้อย่างสวยงามตามต้องการ
(6) Pro Blender Brush แปรงสำหรับเบลนด์อายแชโดว์ได้อย่างเนียนฟุ้งสวยช่วยเพิ่มมิติให้กับดวงตาอย่างมืออาชีพ (7) Pro Eye Definer Brush แปรงสำหรับเขียนขอบตาและเกลี่ยอายแชโดว์ด้วยปลายแปรงขนาดเล็กจึงสามารถเกลี่ยเส้นขอบตาได้อย่างคมชัดให้ผลลัพธ์ที่เนียนสวยสมบูรณ์แบบ
(8) Pro Angle Brow Brush แปรงสำหรับเขียนคิ้วหัวแปรงแบบตัดเฉียงช่วยสร้างกรอบคิ้วได้อย่างสวยคมเกลี่ยให้สีกระจายดูมีมิติกลมกลืนเป็นธรรมชาติ
(9) Pro Retractable Blush Brushไอเทมเด็ดของกลุ่มแปรงแต่งหน้าซึ่งเป็นแปรงปัดแก้มแบบพกพาที่มีขนหนานุ่มสบายผิวและสะดวกสบายในการใช้งาน

“ริต้า – กรณ์  – กวิณท์ ณรงค์เดช” กับแฟชั่นเซ็ตพิเศษ

account_circle

“ริต้า – กรณ์  – กวิณท์ ณรงค์เดช” กับแฟชั่นเซ็ตพิเศษ

ที่แรก ที่เดียว ใน #PraewDigitalCover

จัดเต็มความพิเศษในโอกาส นิตยสารแพรว ครบรอบ 43 ปี กับภาพแฟชั่นเซ็ตพิเศษจาก “ศรีริต้า – กรณ์ และน้องกวิณท์ ณรงค์เดช”  บนปก #PraewDigitalCover

ชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ ทั้งบทบาทภรรยา คุณแม่ และนักธุรกิจ

“ตั้งแต่แต่งงาน ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตริต้าเลยค่ะ จากเดิมที่ริต้าทำงานทุกวัน ทั้งงานในวงการ และธุรกิจของตัวเอง แบรนด์ออกานิก้า แต่พอแต่งงานปุ๊บ ริต้าต้องทั้งเรียนรู้บทบาทใหม่ในชีวิต ทั้งการเป็นภรรยาของคุณกรณ์ เพราะการที่เราแต่งงานกับเขา เราก็อยากจะเป็นภรรยาที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการดูแลคุณกรณ์ ในทุกๆ มุม ทุกๆ ด้าน ริต้าอยากช่วยเติมเต็มเขาในทุกๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องงาน ที่ล่าสุด ริต้าได้เข้าไปช่วยงานที่ ‘ไรมอน แลนด์’ ด้วยค่ะ

“และอีกบทบาทหนึ่งที่เรียกว่า ชะตาฟ้าลิขิต ก็คือการเป็นคุณแม่ของน้องกวิณท์ (ยิ้ม) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทท้าทายมากๆ สำหรับริต้า และ น้องกวิณท์ ทำให้ครอบครัวมีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม มีความสุข”

คุณแม่ในแบบริต้า เป็นอย่างไรคะ

“ริต้าศึกษาข้อมูลเยอะมากค่ะ ตั้งแต่เขาอยู่ในท้อง ทั้งอ่าน หาข้อมูล หาความรู้เยอะมาก อย่างตอนนี้ กี่สัปดาห์แล้ว พัฒนาการเป็นอย่างไร ช่วงสัปดาห์ไหนที่ลูกจะเริ่มพัฒนาตา หู การรับรู้ การได้ยิน และเราควรทำอะไร เพื่อช่วยเรื่องพัฒนาการของเขา

“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือการออกกำลังกายที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ รวมถึงการฟังเพลงที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของเขา จนกระทั่งคลอดลูก ริต้าก็ทำการบ้านเยอะมาก

“และสิ่งสำคัญ คือ ริต้ากับคุณกรณ์คุยกันตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องเลยว่า เราจะเป็นพ่อแม่แบบไหน จะเลี้ยงลูกยังไง จะสอนเขายังไง จนกระทั่งพอลูกคลอดมา เราก็ทำแบบนั้นจริง ๆ แต่ริต้าว่าสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดของการเป็นแม่ คือ สัญชาตญาณของความเป็นแม่ เราจะรู้ได้เองโดยธรรมชาติว่า เราต้องทำอย่างไร ถ้าลูกร้อง ต้องทำอย่างไร ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมชาติจริงๆ ค่ะ

“และริต้า จะไม่ตีกรอบลูกว่าต้องทำแบบนั้น แบบนี้ และจะไม่เป็นคุณแม่ที่กังวลเกินไป ริต้าอยากให้เขาเติบโตแบบธรรมชาติ อยากเล่นอะไรก็เล่น ให้เขาได้ผจญภัยกับโลกกว้างด้วยตัวเอง ริต้าชอบพากวิณท์ไปสวนสัตว์ ไปเที่ยวทะเล เพราะอยากให้เขาได้เห็นสิ่งต่างๆ มากที่สุด”

เป็นคุณแม่ที่ไม่ค่อยกังวลใช่ไหมคะ

“ริต้าวิตกน้อยกว่าคุณกรณ์เยอะ (หัวเราะ) คุณกรณ์จะค่อนข้างระวัง แต่ริต้าอยากให้เขาได้ใช้ชีวิตตามประสาเด็ก ตามวัยของเขา โดยมีเราคอยดูแลอยู่ข้างๆ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของคุณพ่อคุณแม่ ที่ต้องไม่ปิดกั้นเขาเกินไป จนทำอะไรไม่ได้เลย ฉะนั้นต้องหาจุดตรงกลาง เพื่อให้เขาได้ผจญโลกกว้างและได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง”

ขอแชร์เคล็ดลับดูแลตัวเองให้สวย เป๊ะ ตลอดกาล แบบ ริต้า หน่อยค่ะ

“จริงๆ ขอสารภาพก่อนเลยว่า ริต้ากินเยอะมากๆ เอนจอยกับการกินมากค่ะ”

คุณกรณ์ ช่วยยืนยัน “ผมชอบริต้าที่เขาเป็นคนดูแลตัวเองตลอด แต่ขณะเดียวกันเขาจะมีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับการกิน และไม่เคยอดอาหารเลย”

ริต้า เสริม “ใช่ค่ะ ริต้า enjoy eating มาก แต่คนไม่ค่อยเชื่อ (ยิ้ม) ทั้งกินมื้อดึก กินแป้ง กินของทอด เพียงแต่ริต้าดูแลตัวเองอยู่ตลอด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จึงทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกาย after burn effect ดีกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย ซึ่งไม่ใช่ว่าจู่ๆ ออกกำลังกายแล้วจะผอมเลย แต่เราต้องมีวินัยในการออกกำลังกาย ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอมาตลอด

“ยอมรับว่า ริต้าต้องบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายนะคะ เพียงแต่ไม่ได้หักโหม แม้แต่ตอนที่ตั้งท้อง ริต้าก็ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายได้ขยับ เลือดลมสูบฉีด และเวลาออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารเอนโดรฟิน ทำให้มีความสุข ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลไปยังลูกในท้องด้วย”

: อ่านบทสัมภาษณ์เพิ่มเติม ได้ใน นิตยสารแพรว ก.ย. 65 คอลัมน์ Luxury Living : เปิดบ้าน “ณรงค์เดช” ที่แรกและที่เดียว พูดคุยกับคู่รัก “กรณ์ ณรงค์เดช และ ริต้า – ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช” ถึงเรื่องราวชีวิตคู่ ความทรงจำ และความน่ารักของ น้องกวิณท์ ลูกชายสุดที่รัก


เรื่อง Minim

ช่างภาพ วรสันต์ ทวีวรรธนะ
สไตลิสต์ UnseenUp

แต่งหน้า Isabella, Hollyhua

ทำผม AlexanD, Aohair

ผู้ช่วยสไตลิสต์ จิรพรรณ บุดดาวงศ์

เสื้อผ้า Hermès, Fendi, Versace

#PraewDigitalCoverXSririta #ศรีริต้า #Sririta #Praewmag

Battle for Better ระหว่างโพสต์ด่าลอยๆ กับทักด่าในแชทส่วนตัว Cover

Battle for Better โต้วาที อะไรเจ็บกว่า ระหว่างโพสต์ด่าลอยๆ กับทักด่าในแชทส่วนตัว

Battle for Better ระหว่างโพสต์ด่าลอยๆ กับทักด่าในแชทส่วนตัว Cover
Battle for Better ระหว่างโพสต์ด่าลอยๆ กับทักด่าในแชทส่วนตัว Cover

หลายคนคงเคยที่จะโพสต์ด่าลอยๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้กำลังจะกลายเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกันเป็นปกติ ไปแล้วถ้าเราไม่หันกลับมาฉุกคิด ตั้งสติให้ดี เพราะการบ่น หรือพ่นอะไรลอยๆ มันคือความตั้งใจที่จะให้คนรอบข้างได้สำเหนียก ถึงความไม่เหมาะสม ไม่เป็นอย่างที่เราคิด เป็นการบูลลี่ที่สร้างความเจ็บปวด เจ็บใจจากการทำร้ายกันด้วยการโพสต์ด่าลอยๆ แบบนี้

Battle for Better โต้วาที อะไรเจ็บกว่า ระหว่างโพสต์ด่าลอยๆ กับทักด่าในแชทส่วนตัว

KOL ชวนคิด โพสต์ด่าลอยๆ ในที่สาธารณะ เจ็บกว่า ด่าในแชทส่วนตัว

แฮชแท็ก #ให้ไซเบอร์บูลลี่จบที่รุ่นเรา ที่ดีแทคหยิบยกมาให้สังคมได้ตระหนัก กันมานาน 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวทวิตได้ฉุกคิดถึงการบูลลี่ทางออนไลน์ ล่าสุด John Winyu KOL twitter แถวหน้า ผู้บริหาร Spokedark.tv ที่มีผู้ติดตามในทวิตเตอร์มากถึง 1.9 ล้านราย ได้เปิดกระทู้ ‘โพสต์ด่าลอยๆแบบสาธารณะ เจ็บกว่า ทักด่าในแชทส่วนตัว’  แสดงทรรศนะในประเด็นนี้ว่า ‘เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นคนโพสต์ Topic เป็นเรื่องอะไร ถ้าคนที่โพสต์ลอยๆไม่ได้สนิทกัน ก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าเป็นคนใกล้ตัวหรือคนสนิทโพสต์ด่าลอยๆ อาจจะรู้สึกเจ็บนิดนึง เพราะจริงๆทักแชทมาคุยกันตรงๆ ได้ไง โพสต์ลอยๆ ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ยิ่งผิดใจกันขึ้นไปอีก’ ซึ่งต่างก็มี KOL ในทวิตเตอร์ อย่าง บิ๊กคลุงยอดนักสืบ ที่มีผู้ติดตามในทวิตเตอร์มากถึง 1.4 ล้าน ได้เข้ามาแสดงความเห็นต่างกัน ‘ว่าเจ็บทั้งสองแบบ แต่แบบที่สอง ถ้าทักมาคุยกันดีๆตั้งแต่แรก เคลียร์ใจกันในเรื่องที่ติดค้าง หรือมีประเด็นกัน น่าจะมีโอกาสจบประเด็นนั้นๆได้ มากกว่าโพสต์ลอยๆ’ ในขณะที่ Tptour และ koyykois ที่มีคนฟอล 4.1 หมื่น มองเป็นประเด็น ที่ควรให้เกียรติกันมากกว่า และแนะนำที่จะทักไปคุยส่วนตัว การโพสต์ด่าลอยๆทำให้ผิดใจกัน สู้ทักมาด่ากันตรงๆ เลยดีกว่า

การโพสต์ด่าลอยๆ เป็นประเด็นบูลลี่ ที่ยังต้องสร้างการรับรู้ จำให้ขึ้นใจ และลงมือทำตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มที่ตัวเราเอง อย่างน้อยก็ย้อนมาสำรวจตัวเราเองว่าเคยเผลอ ด่าลอยๆ ไปบ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ที่เกิดมาก็มีพร้อม account twitter, TIK TOK สร้างโปรไฟล์สวยหรู ดูดี แต่ไม่ควรเอาพฤติกรรมโพสต์ด่าลอยๆ มาทิ่มแทงตัวเองทำให้เสียโปรไฟล์ จนเพื่อนๆหรือคนที่ฟอล ต้องอยากอันฟอล ในช่วงข้ามวัน

ชมสด ผู้ว่าชัชชาติ โต้วาที กับนักเรียนมัธยมต้น

ดีแทค #ให้ไซเบอร์บูลลี่จบที่รุ่นเรา เปิดประเด็นสุดฮอต ที่พบเห็นในโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นโพสต์ที่ดูจะเป็นเรื่องปกติกันไปแล้ว ใน twitter โดยคัดเอาประเด็น ‘โพสต์ลอยๆให้คนอื่นร้อนตัว’ ซึ่งเป็นที่น่าขบคิดจากหนึ่งใน 13 วิธีไซเบอร์บูลลี่ในสื่อสังคมออนไลน์ ที่สำคัญไซเบอร์บูลลี่น่ากลัวและรุนแรง เพราะการกลั่นแกล้งถูกขยายกว้างไปในทุกพื้นที่สาธารณะทั่วโลก ดูรายละเอียด 13 วิธีไซเบอร์บูลลี่ในสื่อสังคมออนไลน์ ได้ที่ https://safeinternetlab.com/brave/brave-to-know

และยังต่อยอด จัดกิจกรรมโต้วาที Battle for Better จากผู้ว่าชัชชาติ และน้องๆโรงเรียนมัธยมต้นในสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร จะมาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ผ่านญัตติ ‘สร้างวัฒนธรรมออนไลน์ ผู้ใหญ่ต้องเปิดใจมากกว่าเด็กรุ่นใหม่ต้องรับฟัง’

พบกันวันอาทิตย์ 25 กันยายน 2565 16.00-17.00 น. ในเทศกาลเด็กและเยาวชน “BKK เรนเจอร์ รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง’ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง หรือติดตามการถ่ายทอดสดได้ที่ dtac Twitter #dtacSafeInternet

Four Seasons Private Residences Bangkok Cover

ที่สุดของไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ด้วยบริการและการจัดการระดับอัลตร้าลักชัวรี่

Four Seasons Private Residences Bangkok Cover
Four Seasons Private Residences Bangkok Cover

ที่สุดของไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ด้วยบริการและการจัดการระดับอัลตร้าลักชัวรี่โดยโฟร์ซีซั่นส์มาพร้อมกับสุดยอดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับชีวิตเหนือระดับ พร้อมให้เข้าอยู่แล้ววันนี้

โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ (Four Seasons Private Residences Bangkok) เป็นโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์หรูระดับโลกอย่างโฟร์ซีซั่นส์โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (Four Seasons Hotels and Resorts) โดยโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ถือเป็นโครงการที่พักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเครือของโฟร์ซีซั่นส์ตั้งอยู่ ณ คุ้งน้ำเจ้าพระยาที่ถือเป็นโค้งน้ำที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นำเสนอการบริการระดับตำนานตามมาตรฐานของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกและส่วนกลางเหนือระดับโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเจ้าพระยาเอสเตทโดยอาคารไพรเวท เรสซิเด้นซ์นั้นตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงแรมระดับอัลตร้าลักชัวรี่อย่างโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ที่ได้เปิดบริการแล้วทั้งในส่วนของห้องพักสวีท วิลล่าสุดหรูสปา ศูนย์สุขภาพ ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง ห้องอาหารไฟน์ ไดนิ่ง ตลอดจนบาร์ที่ล้วนกวาดหลากหลายรางวัลมาแล้วจากสถาบันและสื่อต่างๆทั่วโลกทั้งสามโครงการมีทางเดินส่วนกลางริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันร่มรื่นยาวกว่า 350 เมตร ซึ่งถือเป็นทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความยาวที่สุดในกรุงเทพฯ

ที่สุดของไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ด้วยบริการและการจัดการระดับอัลตร้าลักชัวรี่

ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบอันโดดเด่นโก้หรูรูปทรงเรขาคณิตที่งดงามเหนือกาลเวลา ประกอบกับความสูงของอาคารกว่า 73 ชั้นและจำนวนเรสซิเด้นซ์ทั้งหมด 366 ยูนิต ทำให้โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กลายเป็นหนึ่งในสุดยอดแลนด์มาร์คริมน้ำของกรุงเทพฯทั้งยังโดดเด่นด้วยการออกแบบที่เป็นห้องมุมทั้งหมด จึงทำให้เจ้าของเรสซิเด้นซ์สามารถชื่นชมความงามของแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนรามาที่มีพื้นหลังเป็นมหานครกรุงเทพฯ ทอดยาวไปจนสุดสายตา สวยงามดั่งภาพวาดทั้งในเวลากลางวัน ยามเย็น และยามค่ำคืนโดยมีตั้งแต่หนึ่งห้องนอน ไปจนถึง Sky Mansion

โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ ถือเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับระดับโลกและโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ถือเป็นโครงการโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์แห่งแรกในประเทศไทย และถือเป็นโครงการแห่งแรกที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำของแบรนด์ในทวีปเอเชียโดยเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัทคันทรี่ กรุ๊ปดีเวลลอปเมนท์ ผู้พัฒนาและลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความแตกต่างไม่เหมือนใคร และโฟร์ซีซั่นส์โฮเทล แอนด์รีสอร์ท

โฟร์ซีซั่นส์คลับ (Four Seasons Club) พื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อ 3 ชั้น ได้รับการออกแบบอย่างโอ่โถงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา และเมืองจากมุมสูงได้อย่างงดงาม ตั้งอยู่ระหว่างชั้น 64 ถึง 66 พร้อมบริการสำหรับเจ้าของร่วมและแขกโดยเฉพาะ โดยมีพนักงานของโฟร์ซีซั่นส์คอยดูแลอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิดโดยมีหลากหลายสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่ได้จำกัดแค่เพียงเลาจน์ และบาร์ส่วนตัว แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ เช่น สกายโยคะ สตูดิโอห้องฟิตเนส และสระว่ายน้ำบนยอดตึกที่มอบวิวมหานครกรุงเทพฯ แบบ 180 องศา และยังเป็นหนึ่งในสระว่ายน้ำในโครงการที่พักอาศัยที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วยนอกจากนี้ยังให้บริการด้านธุรกิจและความบันเทิงอย่างห้องประชุมบอร์ดรูม ห้องพักผ่อนสำหรับเด็กโต ห้องรับชมภาพยนตร์ ห้องวาดรูป และห้องดนตรี นอกเหนือจากสิ่งอำนวยความสะดวก ณ โฟร์ซีซั่นส์ คลับ บริเวณเดอะ เดค (The Deck) ชั้น 3 ของโครงการยังก็มีพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างใหญ่ กับฟิตเนส เซ็นเตอร์อุปกรณ์มาตรฐานโลก ห้องทำสปา สระว่ายน้ำอินฟินิตี้ ที่เสมือนว่ายอยู่ริมแม่น้ำ ตลอดจนสระเด็ก สนามเด็กเล่น คลับสำหรับคุณหนูๆ ที่ให้ผู้พักอาศัยได้มาใช้เวลาคุณภาพร่วมกับคนพิเศษได้เช่นกัน และเพื่อตอกย้ำการเป็นสุดยอดที่พักริมน้ำ บริเวณริเวอร์ ฟร้อนท์ พรอมานาดก็มีริเวอร์เลาจน์คอยบริการ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเข้าโครงการส่วนตัวที่มีสถานที่รับรองแขกของเจ้าของเรสซิเด้นซ์ที่สามารถนั่งได้ทั้งบริเวณเลาจน์ในอาคารและบริเวณกลางแจ้งก็รับลมชมวิวแม่น้ำได้อย่างเต็มที่ ในบริเวณชั้นเดียวกันนี้ยังมีห้องกรูมมิ่งสำหรับสัตว์เลี้ยงไว้สำหรับเจ้าของเรสซิเด้นซ์สามารถจองเพื่อดูแลสี่ขาแสนรักได้ทุกวันอีกด้วย

โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์รายล้อมด้วยร้านอาหารและบาร์ชื่อดังระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านหยู้ ทิง หย้วน (Yu Ting Yuan) ร้านอาหารจีนกวางตุ้งระดับมิชลินหนึ่งดาว ร้านโค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค (Côte by Mauro Colagreco) ที่ได้รับรางวัลมิชลินหนึ่งดาวซึ่งเป็นร้านอาหารในเครือของเชฟมิชลินสามดาวซึ่งเป็นเจ้าของร้านมิราซูร์ (Mirazur) ร้านที่ได้รับรางวัลอันดับหนึ่งใน The World’s 50 Best Restaurants ปี 2019 ส่วนค็อกเทลบาร์อย่างบางกอกโซเชียล คลับ (BKK Social Club) ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับรางวัลอันดับ 10 บาร์ที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย และเจ้าของรางวัล Michter’s Art of Hospitality Award ประจำปี 2022 จาก Asia’s 50 Best Bars นอกจากนี้ ทั้งสองโรงแรมยังมีบริการร้านอาหารหลากหลายประเภททั้งอาหารไทย อาหารฝรั่งเศส อาหารอิตาเลี่ยนหรือจะเป็นเลาจน์สุดหรูสำหรับจิบน้ำชายามบ่ายถึงสองแห่ง

อีกหนึ่งความโดดเด่นของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพนั้นคือศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจรโดยโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีบริการสปาและฟิตเนส ณ เออร์เบิน เวลเนส เซ็นเตอร์ (Urban Wellness Centre) บนพื้นที่มากกว่า 2,500 ตารางเมตรที่จะเปิดเร็วๆนี้ และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพก็มีบริการสปาที่เน้นฟื้นฟูร่างกายควบคู่ไปกับจิตใจที่ออกแบบให้เข้ากับเฉพาะบุคคลซึ่งได้เปิดบริการมาแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่งจนได้รางวัลการันตี

โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง 64 หนึ่งในถนนประวัติศาสตร์ และศิลปะของกรุงเทพฯที่มีทั้งแกลเลอรีศิลปะ ห้างร้านทั้งทั่วไป และร้านขายงานดีไซน์คาเฟ่สุดเก๋ ร้านอาหารตั้งแต่ระดับหรูไปจนถึงร้านอาหารข้างทางชื่อดังที่ถูกลิสต์อยู่ในมิชลินไกด์ ตั้งอยู่เรียงรายอยู่ตลอดทั้งเส้นทาง

ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของชีวิตริมน้ำอย่างเหนือระดับ การบริการระดับตำนานอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบโฟร์ซีซั่นส์และประสบการณ์ระดับโลกทั้งด้านการกินดื่มทุกระดับและศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทำให้โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ นั้นมีความแตกต่างเหนือระดับกว่าคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรี่อื่นๆ โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ พร้อมให้ย้ายเข้าพักแล้ววันนี้ โดยท่านสามารถติดต่อลงทะเบียนเพื่อเข้าชมสถานที่แบบ private tour และจับจองเป็นเจ้าของเรสซิเด้นซ์ล๊อตสุดท้ายได้ที่ www.chaophrayaestate.com หรือโทร +66 (0) 2 675 2888

cover

ลุคเท่ ๆ ก็เอาอยู่! แมทช์กระเป๋า Christian Dior ไปกับ 4 นักแสดงระดับท็อป

Alternative Textaccount_circle
cover
cover

หนึ่งแบรนด์ที่อยู่ในวงการแฟชั่นมานานแสนนาน และยังคงความ Feminine, Classic & Timeless ไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย คือ Christian Dior แบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่มีจุดกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 นับจากการได้ออกคอลเล็คชั่นแรก และใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถไต่ระดับจนขึ้นไปเป็นแบรนด์ระดับโกลบอลได้ อีกทั้งในปี ค.ศ. 1948 ดิออร์ก็ได้ขยับขยายตัว เปิดสโตร์แห่งใหม่ บนถนน  Fifth Avenue และ 57th Street ของมหานครนิวยอร์ก ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จมากจริง ๆ

ไม่ว่าจะดีไซน์ หรือการตลาดที่ดึงเหล่า ดารา ศิลปินผู้มีอิทธิพลระดับโลกมาร่วมงานมากมาย เลยทำให้แบรนด์ยังอยู่ในสายตาของผู้คนตลอดเวลา และคงยืนอยู่ได้อย่างแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ถ้าพูดถึงแบรนด์ Christian Dior หลายคนคงหนีไม่พ้นที่จะคิดถึงความ Feminine หรืออาจเปรียบเหมือนคุณหนูผู้อ่อนโยน แต่ความจริงแฟชั่นของแบรนด์ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่กรอบแบบนั้นเสมอไป เพราะไอเท็มแต่ละชิ้นสามารถนำไปแมทช์ให้ได้ลุคที่แตกต่างออกไปได้

เราเลยเลือกแฟชั่นไอเท็มยอดฮิตอย่าง กระเป๋า ของ Christian Dior พร้อมกับไอเดียการแมทช์ลุคสุดเท่ของเหล่าศิลปินดาราทั้งไทย และเกาหลีมาให้ทุกคนได้ดูกัน

เริ่มจาก โบว์ เมลดา นักแสดงหญิงดีกรี Thai Supermodel และอดีตศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปของไทย วง Kiss Me Five ที่หยิบ Lady Dior: Sage Green Cannage Lambskin แมทช์คู่กับ เสื้อกล้ามขาว และกางเกงยีนส์สีเข้มพร้อมหมวกแก๊ปสกรีนลาย ทำให้ได้ลุคสุดเท่ไปโดยปริยาย

2
13
MEDIUM LADY DIOR BAG: Sage Green Cannage Lambskin
ราคา 210,000 บาท

นักแสดงไทยอีกหนึ่งคนที่เมื่อพูดถึงแบรนด์ Christian Dior จะขาดคน ๆ นี้ไปไม่ได้เลย นอกจาก ‘คิมเบอร์ลี่’ เพราะเธอเป็น Friend of The House ของแบรนด์นั่นเอง สำหรับแฟชั่นไอเท็มที่เธอหยิบมาแมทช์ในลุคเท่ ๆ แบบนี้ คือ Medium Dior Vibe Hobo Bag: White Cannage Lambskin ด้วยดีไซน์ที่มีความโมเดิร์นมากขึ้น จึงทำให้ไอเท็มนี้ไม่ได้มีความ Feminine มากจนเกินไป ยิ่งนำมาแมทช์คู่กับ เสื้อครอป กางเกงยีนส์ขายาว และสนีกเกอร์แบบนี้ ก็ยิ่งได้ลุคที่เท่มากขึ้นไปอีก

3

หรือจะเป็นลุคแบบกึ่ง Formal ใส่สูทสีดำ เพิ่มแว่นกันแดด แล้วคาด Dior Vibe Hobo Bag ไว้ ก็ได้ลุคที่เท่ไปอีกแบบ

4
5
16
Medium Dior Vibe Hobo Bag: White Cannage Lambskin
ราคา 130,000 บาท

มาดูฝั่งเกาหลีกันบ้าง ถ้าต้องขาดคนนี้ไปคงไม่ใช่ Christian Dior นั่นคือ ‘คิมจีซู’ กับตำแหน่ง Global Brand Ambassador ที่เธอก็ต่างนำกระเป๋าของดิออร์มาแมทช์ลุคเท่ ๆ ชิค ๆได้มากมาย ไม่ว่าจะหยิบกระเป๋า Lady Dior: Latte Cannage Lambskin ใบนี้มาจับคู่กับเสื้อยืดแขนกุดสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์สีอ่อน ก่อนคลุมทับด้วยแจ็กเก็ตสีดำอีกที เป็นลุคที่ใส่ง่ายและเท่สุด ๆ ไปเลย

6
17
Midium Lady Dior Bag: Latte Cannage Lambskin
ราคา 210,000 บาท

สำหรับลุคต่อมาของจีซู ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความสบายและคล่องตัวเอาไว้ กับเสื้อสเวตเตอร์แขนกุดสีฟ้า และกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ พร้อมด้วยสนีกเกอร์เสริมส้น ก่อนถือ Mini Lady Dior Bag: Black Ultramatte Cannage Calfskin ใครจะไปคิดว่ากระเป๋าใบจิ๋วสุดน่ารักใบนี้จะนำมาแมทช์กับลุคเท่ ๆ แบบนี้ได้เหมือนกัน

7
18
Mini Lady Dior Bag: Black Ultramatte Cannage Calfskin
ราคา 180,000 บาท

และแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงรุ่น Lady Dior เท่านั้นที่เธอเลือกมา แต่ยังมี DIOR CARO BAG ที่จีซูนำมาใส่คู่กับลุคแจ็คเก็ตหนังและกางเกงหนังสีดำก็ทำให้ได้ลุคเท่ๆ อีกหนึ่งลุค

8
14
MEDIUM DIOR CARO BAG: Black Supple Cannage Calfskin
ราคา 160,000 บาท

หรือจะเอามาแมทช์คู่กับชุดลายปริ้นท์เข้าเซตก็ดูเข้าท่า เมื่อเอาไปใส่กับบูทหนังยาว ๆ แบบนี้แล้วยิ่งดูเข้ากับ DIOR CARO BAG สุด ๆ

9
12
LARGE DIOR CARO BAG: Black Quilted Macrocannage Calfskin

อีกหนึ่งคนสำหรับนักแสดงจากเกาหลีใต้ กับ ‘แพซูจี’ Spokesperson ของแบรนด์ ที่จะเห็นได้ว่า ในซีรีส์เรื่องดังอย่าง Start-Up เธอถือกระเป๋าจาก Christian Dior อยู่หลายใบด้วยกัน ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตประจำวันของเธอ แม้ในวันสบาย ๆ ซูจียังเลือกหยิบกระเป๋า Mini Dior Lady มาใส่คู่กับเสื้อไหมพรมบาง ๆ และกางเกงขายาวสีดำ และรองเท้าผ้าใบ ให้ลุคเบสิกแต่เท่มาก ๆ เลยทีเดียว

11
15
MINI LADY DIOR BAGBlack Cannage Lambskin
ราคา 180,000 บาท

ข้อมูล: www.instyle.com
ภาพ : Instagram @bow_maylada, @kimmy_kimberley, @sooyaaa__ และ @skuukzky

ALLY

ส่องแฟชั่นสุดปังยุค 70’s ของ ALLY ในมิวสิกวิดีโอ “Boys Like You”

Alternative Textaccount_circle
ALLY
ALLY

นอกจากเพลง Boys Like You ของ ALLY หรือ “แอลลี่-อชิรญา นิติพน” ศิลปินจากค่ายเพลง 411 Music จะทำให้แฟนๆสะดุดหูลุกมาร้องมาเต้นกันสนั่นลั่นเมือง แฟชั่นสุดปังของมิวสิกวิดีโอก็เป็นกระแสเช่นกันโดยเฉพาะคอสตูมที่นำแฟชั่นยุค 70 ผสมผสานกับยุคใหม่ให้ดูสวยโดดเด่นขึ้นทำให้หลายคนยกนิ้วให้แอลลี่ว่าทุกลุคในมิวสิกวิดีโอคือ สวย เลิศ ปัง ต๊าชแบบสับๆไปเลย มาดูกันว่าแต่ละลุคในมิวสิกวิดีโอ Boys Like You ใส่ใจใส่ดีเทลอะไรบ้าง มาส่องไปพร้อมๆกัน!

Look 1 : ลุคเปิดตัวของแอลลี่นำเสื้อคริสตัลอันโดดเด่นมาสร้างกระแสตั้งแต่แรกเห็น แฟชั่นชุดนี้ทำให้หวนคิดถึงแฟชั่นยุค 70’s โดยเฉพาะกางเกงขาม้า การนำคริสตัลเเละเสื้อปักเลื่อมแมทกับโทนสีดำเป็นความเซ็กซี่ที่พอดีเเต่ทรงพลัง

ALLY LOOK 1

Look 2 : ผ้าทวีตคัดต่อกับยีนส์สไตล์ Upcycle ที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกเเฟชั่น ด้วยการนำเสื้อผ้าวินเทจ หรือเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาออกเเบบเละตัดเย็บเพื่อให้เกิดดีไซน์ใหม่ ทั้งสวยเก๋ เเละถือเป็นชิ้นงานโบว์แดงอันสร้างสรรค์

ALLY LOOK 2

Look 3 : กางเกงหนังเงาเเละถุงเท้าตาข่ายเป็นเหมือนตัวเเทนของความเปรี้ยวซ่า เเสนเเซ่บ กลิ่นอายของสาวร็อคเเต่ยังคงความน่ารัก สดใสไว้ด้วยเสื้อสายเดี่ยวตกเเต่งผ้าลูกไม้เปิดไหล่ เป็นการสไตลิ่งที่คอนทราสแต่กลับลงตัว

ALLY LOOK 3

Look 4 : เซ็กซี่ปนหวานสไตล์ดิสโก้ในยุค 70’s ช่วงเวลาเเห่งความรุ่งโรจน์ของขาเเดนส์ ถูกนำมาปรับให้เข้ากับสไตล์ในปัจจุบันที่ทันสมัย ผสมผสานกับโทนสีชมพูที่ช่วยส่งลุคของ แอลลี่ ที่ดูโตขึ้นให้ยังคงไว้ด้วยความสนุกเเละสดใส

ALLY LOOK 4

ติดตามความเคลื่อนไหวของ แอลลี่ ได้ทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย ของ 411 Music ไม่ว่าจะเป็น YouTube : 411ent , Official Fan page : fouroneoneent , ทวิตเตอร์ และอินสตราแกรม @411ent

Reprise Flow For Good Day 2022-Cover

รีไพร์ส ประเทศไทย จับมือ Whoscall แบ่งปันองค์ความรู้ด้านดิจิตอลพร้อมเสริมแนวทางห่างภัยจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กว่า 80 คน

Reprise Flow For Good Day 2022-Cover
Reprise Flow For Good Day 2022-Cover

บริษัท รีไพร์ส ประเทศไทย จำกัด (Reprise Thailand) หน่วยธุรกิจภายใต้ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส (IPG Mediabrands) นำโดย นายศุภฤกษ์ ตั้งเจริญศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีไพร์ส ประเทศไทย จับมือพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง Whoscal lนำโดยคุณฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ Thailand Country Marketing Lead Gogolook ประเทศไทย จัดกิจกรรมแบ่งปันความรู้ด้านดิจิตอลและการป้องกันภัยจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และ SMS เถื่อนแก่น้อง ๆ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เกือบ 80 คน เนื่องในวัน Reprise Community Day ที่เป็นวันจัดกิจกรรมเพื่อสังคมประจำปีของทางบริษัทฯโดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเข้ามอบอาหารกล่องให้แก่กลุ่มสตรีผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี เนื่องในเดือนของวันสตรีสากลอีกด้วย

รีไพร์ส ประเทศไทย จับมือ Whoscall แบ่งปันองค์ความรู้ด้านดิจิตอลพร้อมเสริมแนวทางห่างภัยจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กว่า 80 คน

นายศุภฤกษ์ ตั้งเจริญศิริ กล่าวว่า “รีไพร์ส ประเทศไทย ไม่ได้เพียงแต่ต้องการที่จะยกระดับ Total Digital Marketing Solution ให้แก่ลูกค้าและวงการ Digital Marketing ในประเทศไทยเท่านั้น เรายังเล็งเห็นและให้ความสำคัญด้านสังคมอีกด้วย กิจกรรมอบรมครั้งนี้เราได้พันธมิตรทางธุรกิจ Whoscall ที่มาให้ความรู้ที่น่าจะเป็นประโยชน์จากภัยของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมอย่างมากในทุก ๆ วันนี้ โดยกิจกรรมครั้งนี้ตอกย้ำพันธกิจด้านสังคมที่ชัดเจนของเราที่เข้าช่วยเหลือสังคมในประเด็นที่เป็นปัญหาอยู่ ณ ปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง”

มาส์ก

อยากผิวสวยเริ่ด! 5 เทคนิคเลือกมาส์กให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า เพื่อผลลัพธ์สุดปัง

Alternative Textaccount_circle
มาส์ก
มาส์ก

ความอ่อนล้า ความเครียด และมลภาวะต่างๆ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับคนเมือง ทำให้ใครหลายๆ คนอาจพบว่าขั้นตอนการดูแลผิวในแต่ละวันอาจจะไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมากระจ่างใส เปล่งประกาย ได้ตามที่ใจคุณปรารถนา การดูแลปรนนิบัติผิวอย่างถูกวิธีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ผิวของเรานั้นสวยสุขภาพดีอยู่เสมอ ซึ่งการใช้มาส์กที่มีคุณสมบัติพิเศษจึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการดูแลและฟื้นฟูสภาพผิว แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและความงาม ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงภัทรพร ภัทรากร จึงขอแนะ “วิธีเลือกใช้มาส์กอย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ผิวสวยในแบบที่ต้องการ” 

5 เทคนิคเลือก มาส์ก ให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า เพื่อผลลัพธ์สุดปัง

All Posts

แพทย์หญิงภัทรพร ภัทรากร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะวิธีเลือกใช้มาส์กอย่างถูกวิธีว่า “ในแต่ละวันผิวหน้าของเราต้องเผชิญกับมลภาวะและสิ่งสกปรกมากมาย บางครั้งการล้างหน้าและทาครีมบำรุงก็อาจไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูสภาพผิวได้ การใช้มาส์กที่มีคุณสมบัติพิเศษจึงเป็นวิธีบำรุงผิวที่ง่ายและรวดเร็ว ช่วยดูแลปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพกว่าการบำรุงทั่วๆ ไป เรียกได้ว่าเป็นการบำรุงขั้นพิเศษ (Special Care) เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวของเรา ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีมาส์กให้เลือกใช้หลากหลายชนิด การเลือกใช้มาส์กที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิวก็จะช่วยให้มาส์กสามารถทำงานและได้ผลลัพธ์อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  • ผิวมัน ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนธรรมชาติ เพื่อดูดซับความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกตกค้าง และช่วยกระชับรูขุมขนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ อาทิ สารสกัดจากแตงกวา, กุหลาบ, น้ำมันรำข้าว เพื่อเพิ่มคุณค่าการบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น
  • ผิวแห้ง ควรเลือกใช้มาส์กที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างยาวนาน  อาทิ สารสกัดจากทรีฮาโลส สารสกัดจากอูกอน สารสกัดจากใบชิโซะ หรืออาจใช้ Sleeping mask หรือ Overnight mask โดยพอกทิ้งไว้ทั้งคืนและล้างออกในตอนเช้า
  • ผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกใช้มาส์กที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติจากใบชิโซะ อโลเวล่า แตงกวา หรือดอกคาโมมายล์
  • ผิวที่มีปัญหาผิวหมองค้ำ หรือจุดด่างดำ ควรเลือกมาส์กที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูความกระจ่างใสของผิว มีส่วนผสมของสารสกัดจากผลองุ่น สารสกัดจากรากต้นหม่อน รวมถึงมาส์กมีส่วนผสมของวิตามิน ซี และสาร AHA เพื่อกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว และปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • ผิวที่มีปัญหาริ้วรอย ควรเลือกมาส์กที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูความแข็งแรงของเซลล์ผิวจำพวกเปปไทด์, โคคิวเท็น, คอลลาเจน, เชียร์บัตเตอร์, ชาเขียว และอะโวคาโด ซึ่งส่วนผสมดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความยีดหยุ่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย โดยใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

เคล็ดลับการมาส์กหน้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรเริ่มจากการทำความสะอาดผิว หากแต่งหน้าควรเช็ดเครื่องสำอางค์ออกด้วยคลีนซิ่ง ออย์ (Cleansing oil) หรือคลีนซิ่ง วอเตอร์ (Cleansing water) แล้วล้างตามด้วยผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดหน้าอย่างเฟเชียล คลีนเซอร์ (Facial cleanser) จากนั้นซับหน้าพอหมาดๆ แล้วมาส์กหน้าได้เลย โดยไม่ต้องรอให้แห้ง เพราะหากผิวแห้งแล้วจะทำให้การดูดซึมสารบำรุงต่างๆ จากตัวมาส์กลดลง สำหรับผิวปกติถึงผิวมัน สามารถใช้ผ้าขนหนูซับน้ำอุ่นโปะลงบนผิวเพื่อเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่แต่ไม่แนะนำวิธีนี้สำหรับคนที่มีสภาพผิวแห้ง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งเพิ่มขึ้นได้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการมาส์กหน้าอยู่ที่ 15-20 นาที หากทิ้งมาส์กไว้เกินเวลาจนมาส์กเริ่มแห้ง จะเกิดกระบวนการออสโมซิส โดยจะดูดความชุ่มชื้นออกจากผิวหน้ากลับคืนไปสู่แผ่นมาส์กแทน

ส่วนมาส์กโคลนหรือแบบล้างออก (Wash off) หากรู้สึกว่าหน้าเริ่มแห้งตึงก็สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำสะอาด ไม่จำเป็นต้องล้างโฟมหรือเจลล้างหน้าซ้ำ ส่วนมาส์กแบบชนิดลอกออก (Peel off) หรือรับเบอร์มาส์ก (Rubber Mask) จะมีทั้งที่ต้องล้างออกหลังการมาส์กและไม่จำเป็นต้องล้างออก ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดของผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญคือควรทาครีมบำรุงผิวหลังการมาส์กหน้าทุกครั้ง ส่วนสาวๆ คนไหนที่มีเวลาน้อย หรือต้องออกงานสำคัญแบบเร่งด่วน สามารถเลือกมาส์กที่เน้นการฟื้นคืนความชุ่มชื้นกระจ่างใสสู่ผิวได้ เพียงมาส์กก่อนการแต่งหน้า 15 นาที เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า ง่ายๆ เพียงเท่านี้เราก็สามารถอวดผิวสวยอย่างมั่นใจได้แล้ว

การมาส์กหน้านั้นมีประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพมากมายหลายประการ โดยเฉพาะการกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้ผลัดเปลี่ยนเป็นเซลล์ใหม่ ช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม ลดความมัน กระชับรูขุมขน ใบหน้าดูขาวกระจ่างใส ช่วยแก้ไขปัญหาผิวแห้ง ผิวมัน ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การมาส์กหน้าที่ถูกวิธีและดีต่อสุขภาพผิวนั้น ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวของคุณแห้งหรือขาดน้ำได้ ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาส์กหน้าจึงอยู่ที่ประมาณ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ก็จะช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดีทีเดียว”

ด้านเซเลบริตี้สาวสวยต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเผยเคล็ดลับการดูแลผิวให้สวย กระจ่างใส เปร่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ 

เริ่มที่สาวหวาน ญาดา รุ่งวัฒนภักดิ์ กล่าวว่า “การมาส์กหน้าถือเป็นวิธีฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก และง่ายที่สุดในทุกๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง หรือในวันที่เร่งรีบต้องออกไปทำงาน ไปงานเลี้ยง หรือพบปะเพื่อน อย่างช่วงนี้เป็นช่วงหลังคลอดเราก็ไม่สามารถทำเลเซอร์ ฉีดผิว หรือเสริมความงามแบบอื่นได้ การใช้มาส์กจึงเป็นวิธีที่ง่ายและทำได้เลยที่บ้าน โดยเราจะเลือกมาส์กให้เหมาะกับสภาพผิวในช่วงเวลานั้นๆ อย่างช่วงที่ผิวค่อนข้างแห้งก็จะเลือกใช้ อีสเทิร์น ออร์เชิร์ด อินเทนซีฟ ไฮเดรติ้ง แฟเชียล มาส์ก เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นพิเศษ หรือช่วงไหนที่พักผ่อนน้อย ผิวหน้าหมองคล้ำดูไม่สดใสก็จะเลือกใช้ รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก โดยจะมาส์กหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

ถัดมาที่สาวเซเลบริตี้ยุคใหม่ ณัฐสิมา ศิริสุนทร เล่าว่า “การมาส์กหน้าถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลา สาเหตุมาจากสภาพอากาศ การพักผ่อนรวมถึงการทำกิจวัตรประจำวัน เราจึงมีมาส์กหน้าหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม อย่าง ดีท็อกซิฟายอิ้ง เคลย์ มาส์ก จะใช้มาส์กหน้าก่อนเข้านอนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการดีท็อกซ์ผิว ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกตกค้างให้ออกจากรูขุมขน ทำให้เวลาทาครีมบำรุงผิว ผิวจะซึมซับเนื้อครีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากวันไหนต้องไปออกงานด่วนข้างนอก ก่อนแต่งหน้าก็จะเลือกใช้ รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก มาส์กหน้าก่อนแต่งหน้า 15 นาที เพื่อปรับสภาพผิวและเพิ่มความกระจ่างใส แล้วตามด้วยการแต่งหน้าตามปกติ เพียงเท่านี้ผิวหน้าก็จะสวย สดใส ไม่โทรมแล้ว”

ปิดท้ายที่สาวสมาร์ท วีรานันท์ สดากรวงศ์วัชร์ เผยว่า “เราเป็นคนที่ผิวค่อนข้างแห้ง นอกจากการทาครีมบำรุงผิว และทานอาหารเสริมแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มาส์กหน้าชนิดที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเป็นพิเศษอย่าง อีสเทิร์น ออร์เชิร์ด อินเทนซีฟ ไฮเดรติ้ง แฟเชียล มาส์ก ซึ่งหลังจากการใช้มาส์กตัวนี้แล้วรู้สึกได้เลยว่าผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น เวลาทาครีมบำรุงผิวก็จะซึมซับเข้าผิวได้ง่าย หรือช่วงไหนมีเวลาไปทะเลก็จะมาส์กหน้าด้วย ดีท็อกซิฟายอิ้ง เคลย์ มาส์ก เพื่อปลอบประโลมผิวจากแสงแดดและดูดซับความมันส่วนเกิน รวมถึงสิ่งสกปรกที่ตกค้างตามรูขุมขน หรือหากช่วงไหนที่ต้องทำงานหนัก พักผ่อนน้อยก็จะเลือกใช้ รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก เพื่อเป็นการฟื้นคืนความกระจ่างใส และสร้างความสดชื่นให้กับผิวอีกด้วย”


ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘มีดวงคบเพื่ออะไรบางอย่าง ภาพตรงหน้ากับความเป็นจริงจึงไม่ตรงปก’ ดวงรายวัน 22 กันยายน 2565

‘มีดวงคบเพื่ออะไรบางอย่าง ภาพตรงหน้ากับความเป็นจริงจึงไม่ตรงปก’

ดวงรายวัน 22 กันยายน 2565

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายศิลปะ ศิลปิน ความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ หากวันนี้คุณจะเข้าสู่การแข่งขัน ไม่ว่าจะประมูลงาน ประกวดผลงาน หรือสอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์  สื่อมวลชน หรืองานส่งเสริมการขายทุกชนิด คาดว่าคุณจะได้รับข่าวดี มีเฮ

การเงิน  :  ร่ำรวยๆ เงินทองไหลมาเทมา มีโอกาสได้เงินพิเศษ หรือเงินรางวัล ค่าคอมฯ ก็ควรเก็บไว้บ้าง อย่าเพิ่งไปซื้อของฟุ่มเฟือย หรือเลี้ยงเพื่อนฝูงหมดล่ะ

ความรัก  :  จริงๆ แล้วคุณสามารถรับผิดชอบทั้งงานในบ้านและงานนอกบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่จะด้วยความน้อยใจหรืออย่างไร ทำให้วันนี้อารมณ์คุณขึ้นลงง่ายมาก เดี๋ยวก็อยากให้ทุกคนอยู่ใกล้แบบไม่คลาดสายตา แต่เดี๋ยวก็อยากให้ไปไกลๆ   คนโสด คุณมีเสน่ห์มากมาย แต่เป็นไปได้ว่าจากความผิดหวังในอดีตที่ร้าวลึกจนไม่สามารถเริ่มต้นใหม่กับใครได้ง่ายๆ แม้จะเห็นโครงการแต่งงานอยู่ตรงหน้าก็ตาม  

สุขภาพ  :   ระวังเรื่องการรับประทานนิดนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมัน ความดัน เบาหวาน ตัวอันตรายที่มากับอาหาร คาดว่าจะสะสมอยู่ในร่างกายจนใกล้จะแสดงสัญญาณเตือนแล้ว จึงควรลดละเลิกของหวาน ของมันบ้าง

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจสายบุญ สายธรรมะ สาย CSR เพื่อสังคม แม้คุณจะได้รับการนับหน้าถือตาในสังคม รวมถึงได้ทำงานกับผู้มีชื่อเสียงมีอำนาจและบารมี แต่อาจสวนทางกับเรื่องรายได้  วันนี้จึงเป็นไปได้ว่าคุณจะรับผิดชอบงานหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มรายได้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่

การเงิน  :   เป็นไปได้ว่าผู้ใหญ่จะอุปถัมภ์ ประกอบกับคุณก็ขยัน หนักเอาเบาสู้ด้วย จึงสามารถหาเงินได้มากขึ้นอย่างที่ต้องการ

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าคุณจะทำงานหนักขึ้นจนไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเลยทีเดียว ซึ่งผู้ใหญ่ในครอบครัวก็เห็นใจ เป็นไปได้ว่าจะช่วยเหลือในเรื่องหน้าที่การงานให้กับคุณด้วย   คนโสด  วันนี้อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องความรัก คิดถึงเรื่องเงินไว้ก่อน เพราะคุณมีโอกาสได้พบผู้มีบุญบารมีที่จะช่วยเหลือในเรื่องเงินทอง ชื่อเสียง และความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน

สุขภาพ  :   ภูมิแพ้มาแล้วจ้า ยิ่งหากวันนี้คุณโหมงานหนักโดยไม่ได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา จึงมีโอกาสที่ร่างกายจะพ่ายแพ้ให้กับอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ยิ่งหากเป็นไซนัสยิ่งจะกำเริบได้ง่ายๆ  

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน  :  หากคุณมีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์สูงมาก ซึ่งคุณก็คาดหวังความสำเร็จอย่างแรงกล้าเสียด้วย แต่เพราะดวงการงานยังไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขลุกขลักไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารทางราชการ มีโอกาสเป็นคดีความได้ทั้งทางแพ่ง และอาญา แต่ก็ยังไม่นับว่าเลวร้ายไปเสียทุกอย่าง เพราะคุณยังมีผู้ใหญ่ผู้หญิงที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนคุณอยู่ ดังนั้น วันนี้ควรเข้าหาเธอ  

การเงิน  :  มีโอกาสที่คุณจะสร้างรายได้จากวาสนาและบารมี รวมถึงผู้ใหญ่ผู้หญิงให้การสนับสนุนด้วย แต่วันนี้ด้วยความใจดีของคุณที่จะช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าจะมีวาระโอกาสพิเศษที่สมาชิกในบ้านจะได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่คาดว่าบรรยากาศจะไม่รื่นเริงบันเทิงใจ เพราะคุณกับคู่มาแบบแค่เพียงในนามเท่านั้น คนโสด  หากคุณกำลังอยู่ในห้วงความสุขกับคนรัก เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะได้พบปะสนทนากับผู้คนในสังคมอีกด้วย ซึ่งมีโอกาสที่จะเปลี่ยนสถานะกับคนรักได้เลยนะเนี่ย

สุขภาพ  :  อวัยวะที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ หัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหัวใจทุกชนิด รองลงมาคือสายตา ตระกูลต้อมาเยือนแล้ว นอกจากนั้นหากเพิ่งผ่าตัดหรือผ่าคลอด ควรระวังแผลมีโอกาสอักเสบ

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจทางด้านติดต่อประสานงาน การบริหารจัดการ และการให้บริการคำปรึกษาในด้านต่างๆ ที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อสื่อสาร รวมถึงงานส่งเสริมการขายทุกประเภท แม้คุณจะมีปฏิภาณไหวพริบที่ดีเยี่ยม รับผิดชอบงานชั้นยอด แต่วันนี้ทางที่ดี ไม่ควรเป็นวัน (วู) แมนโชว์ ใจร้อน ตัดสินใจอย่างวู่วาม ควรรับผิดชอบงานในหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง  

การเงิน  :   มีโอกาสที่คุณจะได้เงินจากการลงทุน แต่ก็ไม่ควรคาดหวังมากกว่านั้นด้วยการทุ่มเงินลงไป เพราะมีความเสี่ยงที่คุณจะเสียรู้ให้กับคนใกล้ชิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงควรมีสติ

ความรัก  :  วันนี้คาดว่าอารมณ์คุณเปลี่ยนแปลงง่ายมาก เดี๋ยวก็โรแมนติก อยากอยู่ใกล้ๆ คู่ชีวิตตลอดเวลา แต่เดี๋ยวก็ไม่ไว้ใจ หวาดระแวงสูง คนโสด  เช่นกันค่ะ วันนี้คาดว่าคุณจะโรแมนติก วาดฝันถึงความรักไว้อย่างสวยงามจนถึงขั้นแต่งงานกันเลย แต่อีกใจก็หวาดระแวง ไม่ไว้ใจซะงั้น   

สุขภาพ  :   หากคุณมีปัญหาเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ และมดลูกอยู่ ทางที่ดีควรรีบไปเช็กๆๆ โดยด่วน เพราะคาดว่าจะมีการพัฒนามากขึ้น

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   หากคุณกำลังถูกลดบทบาทความสำคัญ หรือเพื่อนร่วมงานชิงลาออกไปโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า วันนี้คาดว่าคุณต้องใช้ความสามารถในทางวาทศิลป์เจรจาในเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทอง ชื่อเสียง และความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อเปลี่ยนความคิดเจ้านายจากที่เขาไม่เคยสนใจให้กลับมาให้โอกาสคุณให้ได้  

การเงิน  :  วันนี้มีโอกาสเสียรู้เสียเงินเสียทองให้กับคนใกล้ตัวอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์นะคะ ซึ่งคุณก็พยายามที่จะทำงานหนัก เก็บเงินเก็บทองสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่  

ความรัก :   วันนี้เป็นไปได้ว่าอารมณ์คุณจะเปลี่ยนแปลงง่ายมาก เดี๋ยวคุณก็เรียกร้องเวลาจากครอบครัว แต่เดี๋ยวคุณก็ทำงานโดยไม่สนใจครอบครัว คนโสด  มีโอกาสที่คุณจะได้พบกับคนที่ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ทั้งเงินทอง ชื่อเสียง และตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่ด้วยอารมณ์ก็จะทำให้คุณฝืนคบกันไป   

สุขภาพ  :  หากคุณกำลังหักโหมทำงานจนไม่ได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา คาดว่าโรคประจำตัวที่เป็นอยู่จะส่งสัญญาณเตือนขึ้นมา รวมถึงสุขภาพจิตด้วย

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจกับเพื่อนสนิท (ผู้หญิง) ทางด้านงานบันเทิง ศิลปะศิลปิน ความสวยงาม รวมถึงสินค้าและบริการที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ วันนี้หากคุณจะติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน หรือทำงานทางด้านภาษาแล้วล่ะก็  ควรระวังเอกสารทางราชการจะเกิดความผิดพลาด สามารถเป็นคดีความได้ทั้งทางแพ่งและอาญา ทางที่ดีควรคัดสรรเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ มาเป็นหุ้นส่วนหรือปรึกษาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ  

การเงิน  :   มีโอกาสที่คุณจะสร้างรายได้อย่างมั่นคงด้วยวาสนาและบารมีของตัวเอง แต่ขณะเดียวกันวันนี้คุณก็จะมีรายจ่ายสูงถึงสูงมากกับคนรักและเพื่อนสนิท

ความรัก :   เป็นไปได้ว่าเพื่อนสนิทจะเข้ามาตีท้ายครัวนะคะ แม้ว่าคุณกับคู่จะอยู่ด้วยกันเพราะเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ตาม แต่สามีใครก็รักอะเนอะ แม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ยอมไม่ได้ คนโสด  วันนี้เป็นไปได้ว่าแฟนที่ออกหน้าออกตาอยู่ในสังคม ก็เพราะจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วคุณสนิทกับเพื่อนหญิงมากกว่า  

สุขภาพ  :  อวัยวะที่ควรให้ความสำคัญที่สุดคือ หัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ นอกจากนั้นมีโอกาสที่คุณจะป่วยด้วยโรคเลือด หรือโลหิตจาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นความดัน และน้ำในหูไม่เท่ากันอยู่แล้ว ระวังจะกำเริบ  

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน :   หากคุณคาดหวังความสำเร็จอย่างแรงกล้า จนทุ่มเททำงานอย่างไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณจะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นและฉกฉวย ทั้งผลประโยชน์และตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างบ้าคลั่ง เป็นไปได้ว่าจะเกิดการขัดแย้งจนถึงขั้นงานสะดุดหยุดลงกลางคัน แต่ก็นับได้ว่ายังไม่สุด เพราะคุณจะได้ผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดคอยส่งเสริมสนับสนุนให้คุณทำงานได้อย่างที่ตั้งใจไว้

การเงิน  :  มีโชคทางการเงินและการลงทุน รวมถึงผู้ใหญ่ให้ความอุปถัมภ์สนับสนุนด้วย แต่ถึงอย่างไรวันนี้ก็ไม่ควรทุ่มเงินลงทุนกับตัวที่ยังไม่เห็นผลตอบแทนชัดเจน

ความรัก   :  หากวันนี้คุณเชื่อมั่นและมีความเป็นตัวเองสูงมาก เป็นไปได้ว่าคุณจะเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขที่สุด จนมีความเสี่ยงที่จะไปถึงขั้นมีปากเสียงกัน โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การไม่ให้เกียรติกัน คนโสด  คุณรักง่ายหน่ายเร็วนะคะ โดยวันนี้มีโอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การแย่งชิงเลยทีเดียว เป็นไปได้ว่าคุณจะทิ้งเขาง่ายๆ อย่างไม่เหลือเยื่อใยเลย  

สุขภาพ  :   มีโอกาสที่คุณจะได้รับบาดเจ็บจากการทะลาะวิวาท รวมถึงการขับขี่ จึงควรระมัดระวังตัวเองให้ดี อย่าประมาท อย่าใจร้อน

เหนื่อยแต่สุขหัวใจ เผยหลักในการทำงานของ ปลา-อัจฉรา คือ แพชชั่น

account_circle

เผยความสำเร็จในการเป็นนักธุรกิจด้านอาหารแถวหน้าของไทย ของ ปลา ไอเบอร์รี่ (iberry) หรือชื่อเต็ม ๆ ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ ซีอีโอผู้ก่อตั้งแบรนด์ร้านอาหารไทยชื่อดัง

เหนื่อยแต่สุขหัวใจ เผยหลักในการทำงานของ ปลา-อัจฉรา คือ แพชชั่น

จากก้าวเล็กๆ ของธุรกิจไอศกรีม โฮมเมดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพที่ประสบความสำเร็จ จนแตกแขนงเป็นอาณาจักรแบรนด์ดังร้านอาหารไทยที่หลายคนรู้จัก อาทิ กับข้าว กับปลา , รสนิยม , โรงสีโภชนา , ทองสมิทธิ์ , เจริญแกง และอีกมากมายภายในห้างดัง ล่าสุดขอก้าวออกมาสแตนอโลน กับอาหารต่างชาติภายใต้แบรนด์ใหม่ แฟรนส์ บลัช&กรีนส์ (FRAN’S Brunch & Greens) และ อันเกิม-อันก๋า (Ăn Cơm Ăn Cá) ณ ซอยงามดูพลี สาทร 1 โดย คุณปลา เปิดใจถึงความสำเร็จให้ฟังผ่านรายการ “DNA TALK บุกคนต้นแบบ” ว่า

“อันที่จริงแล้วเราไม่ใช่นักธุรกิจร้อยเปอเซ็นต์ แต่เป็นนักคิด หัวใจหลักคือทำตามแพสชั่น บอกตรง ๆ ยังไม่เคยคิดภาพใหญ่ขนาดนี้มาก่อน คิดแค่รถไอศครีมติดโลโก้ส่งตามสาขาต่าง ๆ แค่นั้น เพราะตอนเด็ก ๆ แค่ทำไปเรื่อย ๆ จนมีคนเสนอพื้นที่มาใหญ่มาเรื่อย ๆ เราก็คิดว่ามันใหญ่เกินตัวเราด้วยซ้ำ

อย่างที่บอกทำเพราะแพสชั่นบวกกับเราเป็นคนชอบทำอาหาร เลยขอลองเริ่มดูหน่อยละกัน ก็เกิดลูกคนแรกคือร้าน กับข้าว กับปลา ขึ้นมาค่ะ และจากนั้นลูกก็ดกมาตลอด ยาวมาเป็นร้านอาหารไทยต่าง ๆ ที่ทุกคนเห็นกันแหละค่ะ มีหลายคนถามไม่เหนื่อยหรอ? เหนื่อยมากค่ะ แต่เราชอบความเหนื่อย เรามีภาพในหัว เราอยากเห็นคอนเซ็ปต์อาหารแบบนี้ มองร้านอาหารเหมือนสิ่งมีชีวิต แล้วอยากสร้างให้มันเป็นจริง พอทำสำเร็จแล้วมันสะใจ ทำให้มันเป็น Happy Problem ทำงานส่วนตัวให้เป็นงานอดิเรก ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรเราก็พร้อมที่จะเหนื่อยอย่างมีความสุข

อีกอย่างคือให้ความสำคัญกับทีม เราเคี่ยงบ่าเคียงไหล่อยู่กันแบบครอบครัว เมื่อธุรกิจเราอัปเวลไปเรื่อยๆ เรายิ่งต้องมีทีมงานที่เก่งพากันไปแบบครอบครัว Iberry Group ค่ะ”


ไอดอลหญิง ไหล่สวย

4 ไอดอลหญิง ที่ถูกมองว่า ‘ไหล่สวย’ สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานความงามเกาหลี

Alternative Textaccount_circle
ไอดอลหญิง ไหล่สวย
ไอดอลหญิง ไหล่สวย

การที่มีบ่าและไหล่ทำมุม 90 องศา ถือเป็นลักษณะสวยงามที่หลายคนในเกาหลีปรารถนาที่จะมี แม้จะส่วนใหญ่มาจากพันธุกรรมก็ตาม และนี่คือ 4 ไอดอลหญิงเคป็อป ที่ชาวเน็ตเกาหลีมองว่า พวกเธอมี ‘ไหล่สวย’ สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานความงามเกาหลี ซึ่งองค์รวมของ สะบักไหล่ และต้นแขนบางๆ ทำให้พวกเธอดูเซ็กซี่และมีสัดส่วนสวยงามน่ามอง 

4 ไอดอลหญิง ที่ถูกมองว่า ‘ไหล่สวย‘ สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานความงามเกาหลี

1. ลีอา (ITZY)

กระดูกไหปลาร้าที่โดดเด่นและไหล่ตรงของลีอา มักได้รับคำชมจากแฟนๆ ชาวเกาหลี แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างเพรียว แต่ไหล่ที่กว้างของเธอก็ดูโดดเด่น

2. เจนนี่ (BLACKPINK)

เจนนี่มักสวมเสื้อเปิดไหล่บ่อยๆ ซึ่งไหล่ที่โค้งมนของเธอทำให้เธอดูสง่างามไม่น้อย

3. แทยอน (Girls’ Generation)

ไหล่ที่โค้งมนทำมุมของแทยอนดูสวยเพรียวบาง เมื่อเธอประดับด้วยสร้อยคอโช้คเกอร์ ยังช่วยเน้นย้ำถึงรูปร่างที่สวยงามของเธอ

4. แชยอง (TWICE)

แชยองโชว์ไหล่เฉียงด้านข้างในชุดคอสูง ในทำนองเดียวกัน เมื่อเธอใส่เสื้อเปิดไหล่เน้นความตรงของไหล่ ก็ยิ่งดูสวยโดดเด่น


ข้อมูล : koreaboo

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แอนนา เสืองามเอี่ยม

เอ็กซ์คลูซีฟ! คุ้ยทุกแง่มุม “แอนนา เสืองามเอี่ยม” กองขยะหล่อหลอมชีวิตให้รู้คุณค่าตัวเอง

Alternative Textaccount_circle
แอนนา เสืองามเอี่ยม
แอนนา เสืองามเอี่ยม

ถึงวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ผู้คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ (Miss Universe Thailand 2022) ที่มาพร้อมกับฉายา “นางงามที่เติบโตมาจากกองขยะ” และสตอรี่จับใจ จนจุดกระแสสังคมหลากหลายด้าน ทั้งฝั่งที่ชื่นชมยินดีกับเส้นทางการดำเนินชีวิตที่ไม่ย่อท้อ ในขณะที่อีกกระแสก็ว่าเป็นการสร้างสตอรี่ให้ดราม่าคว้ามงเก่ง

แพรว นัดพบกับ “แอนนา” เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวหลากหลายด้านในชีวิตของเธอ ตั้งแต่วัยเยาว์ในบ้านที่พ่อแม่ทำงานเก็บขยะ การเติบโตในฐานะเด็กวัด จนถึงวันที่ประสบความสำเร็จ คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก่อนจะพบว่าไม่ว่าใครจะมองอย่างไร ไม่สำคัญเท่าเรามองชีวิตตัวเอง เพราะแม้ผู้หญิงคนนี้จะเติบโตมาท่ามกลางขยะ แต่ชีวิตขับเคลื่อนไปด้วยพลังของความรักที่เต็มเปี่ยม ทั้งความรักจากพ่อแม่ จากคนรอบข้าง สำคัญที่สุดความรักที่เธอมีให้ตัวเอง

เอ็กซ์คลูซีฟ! คุ้ยทุกแง่มุม “แอนนา เสืองามเอี่ยม” กองขยะหล่อหลอมชีวิตให้รู้คุณค่าตัวเอง

ขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 อีกครั้งนะคะ ย้อนกลับไปความรู้สึกบนเวทีตอนที่ทราบว่าได้รับตำแหน่งเป็นอย่างไรคะ

“จำได้ว่าตอนที่จับมือลุ้นตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์กับเพื่อน ๆ นางงาม แอนนาพยายามท่องชินบัญชรในใจ แต่สติไปแล้ว คือท่องไม่จบ โอ๊ย ถึงท่อน ไหนแล้ว เพราะตื่นเต้นมาก กระทั่งตอนประกาศชื่อคือช็อกมาก ไม่รู้เลยว่าต้องทำตัวอย่างไร ต้องร้องไห้หรือเปล่า ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าเป็นวันสุดท้ายของเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เลย แต่รู้สึกเหมือนเป็น Episode สุดท้ายของแคมเปญหนึ่งเท่านั้น

“กระทั่งวันรุ่งขึ้น ตอนให้สัมภาษณ์สื่อแล้วเขาให้เล่าตั้งแต่วันแรกที่ เข้าร่วมประกวดจนถึงวันที่ได้รับมงกุฎ จึงได้มานั่งทบทวนตัวเองว่าเจออะไรมาบ้าง เท่านั้นแหละ น้ำตามาเลย เข้าใจแล้วว่าการร้องไห้เพราะความสุขคืออะไร ไม่ได้ เสียน้ำตาเพราะเหนื่อย แต่รู้สึกตื้นตันใจว่ามีคนคอยให้กำลังใจและซัพพอร์ตเรา มาตลอด คือเวทีนี้ทำให้มีคนรักแอนนามากขึ้น รู้สึกว่าการสู้ด้วยตัวคนเดียว ก็ส่วนหนึ่ง แต่การเดินทางที่มีคนคอยซัพพอร์ตเราขนาดนี้มีความหมายมาก ทั้งทีมพี่เลี้ยงและแฟนนางงาม พอคิดถึงตรงนี้ก็เลยเข้าใจฟีลลิ่งของนางงามตอน รับมง (กุฎ) แล้วว่าต้องรู้สึกอย่างไร จากแต่ก่อนที่เคยสงสัยว่าเขาร้องไห้กันทำไม วันนั้นคือเข้าใจแล้วว่าเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ”

ทราบว่าก่อนหน้านี้เคยแอบซ้อมรับตำแหน่งมาบ้าง

“ใช่ค่ะ แอนนาชอบจินตนาการ แล้วก็เชื่อเรื่องกฎแรงดึงดูดมาก ๆ จึง จินตนาการตั้งแต่เริ่มประกวดเลยว่าเวทีเป็นแบบนี้นะ เรากำลังทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอเห็นชุดราตรี เห็นมงกุฎของจริง ก็ค่อย ๆ เติมเข้าไปในจินตนาการให้ภาพชัด และสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นการเสริมกำลังใจให้ตัวเอง แล้วพอช่วงใกล้วัน ประกวดรอบท้าย ๆ แอนนาซ้อมเดินและซ้อมจับมือกับโค้ชตลอด โดยจินตนาการ ความรู้สึกตอนรับตำแหน่งเลยว่าเป็นอย่างไร เห็นภาพเวที เห็นตัวเอง เห็น ทุกอย่าง แล้วทุกครั้งที่ซ้อมก็ขนลุกตลอด หรือเรามีสัมผัสพิเศษก็ไม่รู้ (หัวเราะ) หรืออาจจะเพราะแอนนาอินและตั้งใจอยากมายืนอยู่ตรงนี้ให้ได้จริงๆ

“แล้วพอวันที่ได้รับตำแหน่งและมงกุฎจริงๆ เชื่อไหมคะ เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับตอนซ้อมเลย นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่แน่ใจว่านี่ใช่เรื่องจริงไหม ซ้อมอยู่หรือเปล่า แอนนาว่าสุดท้ายแล้วการที่เราคิดเรื่องดีก็เป็นเหมือนกำลังใจ ให้ตัวเอง และเสริมให้สิ่งที่หวังเกิดขึ้นจริง หรือการที่เจอแต่เรื่องแย่ อาจเป็น เพราะเราคิดไม่ดีกับตัวเองก็ได้นะ เพราะฉะนั้นคิดบวกไว้ก่อนดีกว่า”

แอนนา เสืองามเอี่ยม

ย้อนกลับไป แอนนาคิดว่าอะไรที่ทำให้ชนะใจกรรมการจนครองตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ได้สำเร็จคะ

“ความเป็นตัวเองค่ะ เวทีนี้สอนเยอะมาก โดยเฉพาะการรู้คุณค่าของตัวเอง ความจริงแอนนาเคยประกวดมาหลายเวที ก่อนหน้านี้เคยกดดันตัวเองมามาก พยายามทำอะไรก็ได้ให้คนอื่นชอบเรา จะพูดหรือทำอะไรก็จะคิดตลอดว่าถ้าพูด แบบนี้เขาจะโอเคไหม ถ้าทำแบบนี้เขาจะชอบเรามากกว่าหรือเปล่า เขาจะรัก เราไหม ซึ่งกลายเป็นว่าไม่เป็นตัวเองเลย เพราะนำความคิดคนอื่นมากำหนด การกระทำตลอด

“แต่ด้วยบริบทของเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ที่ต้องการผู้หญิงที่รู้คุณค่า ในตัวเองและสามารถส่งต่อคุณค่านี้เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม การเป็นตัวเอง จึงดีที่สุด ถ้าใครจะรักเรา ก็ให้เขารักในแบบที่เราเป็น พอแอนนามาประกวดเวทีนี้ จึงไม่ได้ต้องการจะ‘Impress’ หรือทำให้ใครประทับใจในแบบที่ผ่านมา แต่เรา ต้องการจะ‘Express’ แสดงความเป็นตัวตนออกมาให้คนได้เห็นว่าเราเป็นแบบนี้

“แต่กว่าจะคิดได้ก็ทำการบ้านหนักมากนะคะ ว่าคุณค่าในตัวเราคืออะไร ก่อนจะพบว่าก็คือเรื่องราวของเราเอง ว่าเราเป็นใครมาจากไหน ซึ่งก็คือนางงาม ที่เติบโตจากกองขยะ เพราะพ่อแม่ทำอาชีพเก็บขยะ แม้จะไม่ได้มีพร้อมเท่าคนอื่น แต่เรามีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งพอยอมรับในตัวเองได้ ไม่ฝืนเป็นอะไรที่ไม่ได้เป็น เราจึงสนุกและเต็มที่กับทุกกิจกรรม กรรมการก็น่าจะ เห็น ทำให้เราดูน่าสนใจขึ้น อยากรู้ประวัติเรามากขึ้น ประกอบกับสตอรี่ของ แอนนาอาจจะเหมาะสมกับคอนเซ็ปต์ของปีนี้ที่เป็นTheNewBeginning หรือ การเริ่มต้นใหม่ด้วยค่ะ”

อะไรที่ทำให้กล้าเล่าเรื่องตัวเองที่อาจเป็นเรื่องน่าอายสำหรับบางคนได้อย่างไม่ปิดบังคะ

“ความจริงสมัยยังเด็ก เวลาใครถามก็เคยรู้สึกอายนะ ว่าทำไมพ่อแม่เรา ต้องทำอาชีพนี้ด้วย ซึ่งเป็นความไม่รู้ของเด็ก แต่พอเราโตขึ้น พบว่าอาชีพของ พ่อแม่ก็สุจริตและมีเกียรติ ทุกอาชีพล้วนมีคุณค่า ไม่มีใครด้อยกว่าใคร อย่าง แอนนาก็เรียนจบมาได้ด้วยอาชีพที่พ่อแม่ทำเพื่อหาเงินส่งเสียเรา แล้วทำไมเรา จะไม่ภูมิใจในตัวพ่อแม่ล่ะ แต่กว่าจะคิดได้ก็ต้องใช้เวลาสะสมและตกตะกอนทาง ความคิดพอสมควร ต้องบอกว่าการผ่านเวทีประกวดนางงามแต่ละเวทีช่วยสอน ให้แอนนาค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับตัวเอง และสอนให้รู้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาและ คนรอบตัวที่ดีกับเรามีค่าแค่ไหน

“พอเดินทางมาถึงวันนี้ แอนนาคิดว่าทุกคนมีเรื่องราวที่สามารถเล่าและ สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้หมด ชีวิตเราผ่านอะไรมาเยอะ เสียน้ำตาก็หลายครั้ง แต่ชีวิตไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถ้าเล่าแล้วทำให้คนอื่นร้องไห้ เสียใจ ไม่เกิดประโยชน์ อะไรก็คงไม่เล่า แต่ถ้าชีวิตที่คนมองว่าลำบากนี้สามารถนำไปเล่าแล้วสร้างอิมแพ็กต์ ในทางที่ดี เป็นพลังบวกให้คนอื่นได้ ฟังแล้วฮึดสู้ ทำให้เขามีกำลังใจ ช่วยให้ เขาประสบความสำเร็จ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แอนนาก็ยินดีและ ภาคภูมิใจที่จะเล่าค่ะ ดีใจด้วยซ้ำที่เราสามารถนำชีวิตที่ผ่านมาส่งต่อคุณค่าในชีวิต ให้คนอื่นได้ ให้เขารู้ว่าแม้ชีวิตจะลำบาก แต่เราก็สามารถสร้างคุณค่าให้คนอื่นได้เช่นกัน”

ถ้าอย่างนั้นช่วยเล่าถึงวัยเด็กที่เติบโตมาจากกองขยะและวัดให้ฟังได้ไหมคะ ว่าสิ่งแวดล้อมหล่อหลอมให้เป็น “แอนนา” อย่างทุกวันนี้อย่างไร

“แอนนาเติบโตมาในครอบครัวพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับขยะค่ะ พ่อ (สมชาย เสืองามเอี่ยม) เป็นพนักงานเก็บขยะเขตตลิ่งชัน ส่วนแม่ (สมพร ศรีบุญเรือง) เป็นพนักงานกวาดขยะ แต่ทั้งสองท่านหย่ากันตั้งแต่สมัยแอนนาอยู่ อนุบาล ตอนแรกแอนนาอยู่กับคุณพ่อก่อน แต่ความที่ท่านต้องออกไปทำงาน ตั้งแต่ตี 3 – 4 แล้วด้วยสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างอันตรายกับเด็กผู้หญิงที่ต้องอยู่ คนเดียว คุณทวดซึ่งเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดช่างเหล็ก ตลิ่งชัน จึงขอให้พ่อพาแอนนา มาอยู่กับท่านและแม่ที่วัดแทนตั้งแต่ ป.3 จนถึงมหาวิทยาลัยเลย

“ตอนอยู่วัดแอนนาอยู่กับแม่ในห้องที่เป็นผนังไม้สี่ด้านเล็ก ๆ กับหลังคา ส่วน คุณทวดอยู่อีกห้อง แล้วใช้ห้องน้ำรวมกัน เช้ามาถ้ามีเรียนทวดก็จะตื่นมาต้มไข่ ให้กินแต่เช้า แต่ถ้าวันไหนไม่มีเรียนก็จะได้กินข้าวก้นบาตรพระกับทวด ซึ่งจะมา ตอน 10 โมง กิจวัตรประจำวันหลังกินข้าวก็ล้างจาน ซักผ้า อ้อ ช่วยทวด ตำหมากด้วย เพราะสำหรับเด็กมองเป็นเรื่องสนุก เหมือนของเล่น ตำไปก็แอบ ชิมไปด้วย ฝาดมาก ไม่รู้ทวดกินได้อย่างไร (หัวเราะ) ถ้าวันไหนพ่อเก็บของเล่น จากกองขยะมาซ่อมให้เล่น ก็จะถือว่าเป็นของพิเศษหน่อย จะดีใจมาก

“เวลาเล่าเรื่องนี้ หลายคนอาจมองว่าลำบากจัง น่าสงสาร แต่แอนนา ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยนะคะ อย่างของเล่นจากขยะ เราก็มองว่าจุดประสงค์ของ การเล่นคือการทำให้เด็กสนุก ไม่ได้วัดที่มูลค่า ดีใจด้วยซ้ำที่คุณพ่อนำมาให้ หรือการกินข้าวก้นบาตรพระก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกน้อยใจ เพราะการกินข้าวจะมา จากไหนไม่สำคัญ ขอแค่อิ่มก็สบายใจแล้ว ชิลมาก ส่วนการอยู่วัดก็เป็นเรื่องดี เพราะสำหรับเด็กผู้หญิงแล้ว การมีที่อยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อม ที่ปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งโชคดีว่าแอนนาอยู่วัด พอ เรารู้สึกปลอดภัยก็จะมีความสุข สบายใจ และสนุกขึ้นมาเอง แม้จะไม่ได้อยู่แบบพ่อแม่ลูกพร้อมหน้าพร้อมตา แต่พ่อแม่ ก็รักแอนนามาก ทวดก็รัก และยังมีแม่ชีท่านอื่น ๆ ที่คอยดูแล เหมือนเราเป็นลูกหลาน จึงไม่เคยรู้สึกขาดอะไรเลย โชคดี ด้วยซ้ำที่คนรอบตัวรัก เข้าใจ และเติมเต็มให้เรา อย่างทุกวันนี้ ก็มีทั้งคนรอบตัวดี ๆ มีทีมที่เอ็นดูและทำทุกอย่างให้เราโดยไม่ ต้องการสิ่งตอบแทน แอนนาว่าสิ่งสำคัญคือไม่ว่าเราจะอยู่ในมิติ ไหน ขอแค่เราเลือกมองแต่มิติที่มีความสุข เราก็จะมีความสุข”

แอนนา เสืองามเอี่ยม

จุดเริ่มต้นของการอยากเป็นนางงามเกิดขึ้นได้อย่างไรคะ

“ความจริงแอนนาก็เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปที่รักสวยรักงาม ชอบดูของสวย ๆ งาม ๆ แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจเวทีนางงาม จริง ๆ คือตอนเป็นเชียร์ลีดเดอร์สมัยเรียน ม.ปลายที่โรงเรียน มหรรณพาราม เนื่องจากพี่ที่สอนเต้นลีดฯตอนนั้นมีเพื่อนอยู่ ในทีมประกวดของมิสทีนไทยแลนด์ ซึ่งกำลังหาเด็กไปประกวด อยู่พอดี เราก็เลยคิดว่าลองไปประกวดดูดีกว่า เพราะรักสวย รักงามอยู่แล้ว เวทีนี้อาจจะทำให้สวยและมีชื่อเสียงขึ้น ตอนแรก ก็คิดว่าไปเล่น ๆ แต่ปรากฏว่าไม่เข้ารอบเลยตั้งแต่แรก จากที่ คิดว่าจะลองเล่น ๆ กลายเป็นร้องไห้หนักมาก เรียกว่าเป็นครั้งแรก ที่เผชิญกับความล้มเหลว จากนั้นก็เลิกประกวดไปพักใหญ่เลย หันไปโฟกัสเรื่องเรียนแทน กระทั่งตอนเรียนปี 2 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สาขาการโรงแรม มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ก็ได้มีโอกาสกลับมาประกวดนางนพมาศของ มหาวิทยาลัย ซึ่งครั้งนั้นชนะอันดับ 1 ทำให้รู้ว่า อ๋อ…การจะไป ประกวดอะไร ต้องทำการบ้านศึกษาเรื่องบริบทของเวทีก่อน แต่เวทีแรกเราไปแบบไม่รู้อะไรเลย จึงตกรอบ

“หลังจากนั้นถ้ามีเวลาตรงกับเวทีไหน แอนนาก็จะลอง ประกวดดูบ้าง แต่ยังโฟกัสเรื่องเรียนเป็นหลัก ความจริงตอนแรก ตั้งใจอยากเป็นแอร์โฮสเตสด้วย เพราะสมัยเด็กไม่ค่อยได้เที่ยว เนื่องจากพ่อแม่ทำงานหนักทั้งวัน อย่างเก่งคือได้นั่งรถขยะไป กับพ่อ จึงคิดว่าถ้าเป็นแอร์ฯจะเป็นการทำงานที่ได้เงินด้วย ได้ เที่ยวด้วย แต่ปรากฏว่าพอเรียนมหาวิทยาลัยจบปุ๊บ โควิดมาจ้า จึงต้องเปลี่ยนความคิด จากแอร์ฯมาหางานประจำทำก่อน เริ่ม จากไปเป็นพนักงานที่คลินิกทันตกรรม แล้วก็มาเป็นพนักงานที่ ร้านขายขนมปัง จากนั้นได้ไปแคสต์งานกับ RS ปรากฏว่าโชคดี ได้เป็นทั้งนักแสดงและเออี (พนักงานขาย) ไปพร้อมกันเลย ซึ่ง กลายเป็นจังหวะให้ได้เข้าสู่เวทีประกวดมาเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ ประสบความสำเร็จ (นางสาวถิ่นไทยงามและเวทีนางสาวไทย ปี 2020 ก่อนหน้านั้นก็มี Miss Mobile Thailand 2018) อาจ เพราะประสบการณ์ยังน้อย และความคิดความอ่าน มายด์เซต ยังไม่เท่าตอนนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นการเก็บประสบการณ์ที่ดีค่ะ”

แล้วกับเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ล่ะคะ เข้ามาประกวดได้อย่างไร เตรียมตัวหนักแค่ไหนคะ

“ความจริงแอนนาฝันไว้ตั้งแต่เริ่มเข้าเส้นทางการประกวด แล้วว่าเวทีใหญ่ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่อยากลงประกวดเป็น ที่สุดท้ายคือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ พอรู้ตัวแล้วจึงทำการบ้านกับทีมหนักมาก เพื่อศึกษาว่าบริบทของเวทีนี้คืออะไร เขาต้องการหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติแบบไหน อย่างที่บอกไป กระทั่งตัดสินใจว่าจะลงประกวดตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่พี่แอนชิลี (แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส) ได้มงกุฎ

“พอตัดสินใจแล้วก็เริ่มจากการรักษารูปร่างให้สมส่วนตั้งแต่ตอนนั้น ออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วก็เริ่มติวเรื่องข่าวสารบ้านเมือง เพราะตอนนั้นแอนนา ยังทำงานเป็นนักแสดงและเออีให้กับบริษัท RS ทางช่อง 8 คือทำทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังแทบจะ 7 วันเลย วันธรรมดาทำงานเออีตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม พอเสาร์ – อาทิตย์รับงานนักแสดง เรียกว่าทำงานตลอดจนแทบไม่รู้ข่าวสารบ้านเมืองเลย จึงต้องอัพเดตเรื่องข่าวมากหน่อย นอกจากนี้ก็มีฝึกการพูด ฝึกเพอร์ฟอร์แมนซ์ ซึ่งต้องทำทุกอย่างนี้หลังเลิกงานตอน 1 ทุ่ม กว่าจะฝึกเสร็จก็ราวเที่ยงคืน ทำ แบบนี้แทบทุกวัน ยกเว้นวันไหนเหนื่อยมากจริง ๆ ก็อาจจะขอพักบ้าง แต่ทั้งหมด ที่ทำคือสนุกนะคะ ด้วยความชอบเรียนรู้ แม้จะเหนื่อย แต่ตื่นมาก็หาย

“กระทั่งหนึ่งเดือนก่อนการประกวดจริงจะเริ่ม แอนนาก็ลาออกจากงาน ประจำทั้งเออีและนักแสดง เพราะอยากทุ่มเทให้กับการประกวดเต็มที่ ไม่ได้ อยากฝึกแค่ 4 – 5 ชั่วโมงต่อวัน แต่อยากฝึกทั้งวันไปเลย ตารางช่วงนั้นจึงแน่น หน่อย แต่ละวันจะฝึกไม่เหมือนกัน บางวันก็ถ่ายรูป ถ่ายลุคบุ๊กบ้าง ที่เน้นคือ สปีชและเพอร์ฟอร์แมนซ์ ฝึกการเดิน โพส หมุนตัว ประมาณ 4 ชั่วโมง รวมถึงการออกกำลังกายกับเน้นการสร้างคอนเทนต์ด้วยค่ะ เพราะแอนนา ต้องการสร้างฐานแฟนคลับ จะได้มีกำลังใจคอยซัพพอร์ต จากที่แต่ก่อนไม่เคย เล่นโซเชียลเลย จู่ ๆ ก็อัพไอจีรัว ๆ เพื่อน ๆ คงตกใจ (หัวเราะ) เป็นหนึ่งเดือน ที่ใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก”

พอเข้าสู่ช่วงประกวดจริงๆ เป็นเหมือนที่คิดไว้ไหมคะ

“มีทั้งเหมือนและไม่เหมือนที่คิดไว้ค่ะ เพราะในโลกความเป็นจริงไม่มีอะไร ได้ดั่งใจไปทุกอย่าง บางเรื่องที่เราเตรียมตัวมาเยอะ ก็คาดหวังเยอะ รู้สึกว่าเรา น่าจะทำได้ดีกว่านี้ อย่าง Episode หนึ่งที่ชื่อว่า ‘Rock the Runway’ ที่ให้ผู้เข้า ประกวดเดินบนกระดานที่วางบนน้ำ แอนนาตีโจทย์ว่าเขาต้องการผู้หญิงที่เดินได้ โดยไม่ตกน้ำ แต่ความจริงคือเราจะตกหรือไม่ตกน้ำก็ได้ ขอแค่มีความมั่นใจ แต่พอเราตีโจทย์ว่าต้องไม่ตกน้ำ ทำให้การเดินดูเกร็งไปหมด ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มั่นใจ เพราะกลัวตกตลอดเวลา ทำให้ไม่ได้คะแนนตามที่หวัง วันนั้นกลับมา ร้องไห้กับพี่เลี้ยงหนักมากว่า ‘ทำยังไงดี หนูตีโจทย์ผิด ได้คะแนนไม่ดีเลย’ ซึ่ง โชคดีว่าพี่เลี้ยงช่วยให้สติว่านี่เพิ่งเป็น Episode แรก ๆ จะทำพลาดไปบ้างก็ ไม่เป็นไร ดีด้วยซ้ำที่พลาดตั้งแต่แรก ๆ ต่อไปจะได้แก้ไขถูก จากนั้นแอนนาก็ ร้องไห้ออกมาหมด คือเป็นประเภทร้องแล้วต้องร้องให้เต็มที่ แล้วค่อยเริ่มใหม่ วันรุ่งขึ้นก็คิดแค่ว่าวันนี้ฉันต้องดีกว่าเมื่อวานให้ได้ ซึ่งกลายเป็นว่าเราปลดล็อก ตัวเองมาก ๆ ใน Episode ต่อมาที่เป็น Swimsuit Competition หรือชุดว่ายน้ำ คือถ้าให้วิจารณ์ตัวเอง รู้ว่าเราดีขึ้นแบบก้าวกระโดดมาก เพราะพอตีโจทย์ถูก มีความมั่นใจในตัวเอง ก็พบว่าเราทำได้นี่”

แอนนา เสืองามเอี่ยม

ชุดว่ายน้ำถือเป็นชุดปราบเซียนของผู้หญิง ต่อให้สวยแซ่บแค่ไหนก็จะมีจุดที่ไม่มั่นใจในรูปร่าง แอนนามีวิธีเรียกความมั่นใจอย่างไรคะ

“จริงค่ะ ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าไม่ว่าจะมีสัดส่วนดีแค่ไหน ก็คงไม่สามารถ จะมีรูปร่างตรงใจ ตรงมาตรฐานของคณะกรรมการทุกคนได้ เพราะแต่ละคนชอบ ไม่เหมือนกัน ดังนั้นแอนนาคิดว่าเวทีนี้กรรมการคงไม่ได้มองแค่รูปร่าง แต่ มองหาความมั่นใจ ซึ่งเกิดจากการยอมรับในรูปร่างและหุ่นของตัวเองให้ได้ก่อน ถ้าเรารักตัวเองมากพอ และพอใจว่านี่คือทรวดทรงของฉัน ที่แม้จะไม่ได้ถูกใจ ทุกคนหรือตรงตามมาตรฐาน แต่ก็ไม่ได้แย่ พอเรามั่นใจแล้ว มันจะออกมา ทางแววตา พี่อแมนด้า (อแมนด้า ออบดัม) สอนว่า ถ้าเราสามารถส่งอินเนอร์ และความมั่นใจผ่านสายตาออกไปได้ คนดูจะรู้สึกว่าเรากลมกล่อมหมดเลย แต่ถ้าเรารู้สึกไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง เขาจะไม่มองหน้า แต่จะไปมองหาว่าอะไร ที่ทำให้เราไม่มั่นใจ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องมั่นใจในตัวเองก่อน

“ซึ่งสำหรับแอนนา โมเมนต์นั้นเราเต็มที่ที่สุดแล้ว ต้องเดินต่อจาก ‘อาย – กันยารัตน์’ คือความจริงเป็นเพื่อนกันนะคะ แต่ความที่อายหุ่นสับมาก ในหัว ตอนนั้นคือต้องบอกตัวเองว่า ‘เธอสวยใช่ไหม…ได้ ฉันสวยกว่า’ (หัวเราะ) แล้วก็ เดินเลยค่ะ บอกตัวเองไปตลอดทางว่า ‘ฉันสวย มองมาที่ฉันสิ!’ ซึ่งพอเรามั่นใจ ก็รู้สึกว่าทำได้ดีเลยค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำได้ดีทุกวันนะคะ แอนนาถือคติว่า พลาดแล้วก็แค่นำมาคุยกับทีมเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น ทำอย่างไรก็ได้ให้เราค่อย ๆ มั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นทุกวัน เหมือนกราฟที่ไต่ขึ้นเรื่อย ๆ”

อีกเรื่องที่แอนนาได้รับคำชมมากคือการตอบคำถามที่แสดงถึงทัศนคติที่ดี อยากรู้เคล็ดลับการตอบคำถามให้จับใจกรรมการและผู้ฟัง

“แอนนาใช้วิธีคิดว่าทุกข้อที่กรรมการถามมาเกี่ยวเนื่องกับชีวิตเราทั้งหมด ถ้าเรากลัวและคิดว่าคำถามนั้นอยู่นอกบริบทของชีวิตเรา เราจะตอบไม่ได้เลย ดังนั้นพอได้ยินคำถามปุ๊บ แอนนาจะคิดก่อนเลยว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องหรือสามารถ เชื่อมโยงกับชีวิตเราอย่างไรบ้าง พอรู้แล้วก็จะสามารถหาคำตอบที่มาจากชีวิตเราได้ แอนนาเชื่อว่าไม่มีใครรู้จักเราเท่าตัวเราเอง ถ้าเราพูดออกมาจากความจริงที่เกิด ในชีวิต ทุกคนจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์และความรู้สึกว่าเราจริงใจจริง ๆ

“อย่างคำถามที่แอนนาคิดว่าตัวเองตอบได้ดีและชอบมากที่สุดคือตอนที่ ให้เปรียบเทียบว่าตัวเองเป็นดอกไม้ชนิดไหน แล้วแอนนาตอบว่า ‘ดอกบัว ที่ แม้ว่าจะเกิดมาจากโคลนตม แต่สุดท้ายดอกบัวสามารถสวยสง่าบนผืนน้ำได้ อย่ายึดมั่นว่าเราเกิดมาจากอะไร แต่จงยึดมั่นว่าเราเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้ด้วย พลังของเรา’ เพราะรู้สึกว่าเป็นคำตอบที่สั้น กระชับ และกลมกล่อม ซึ่งเหมือน เรามีแรงบันดาลใจที่จะตอบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เนื่องจากวันที่เปิดตัวมงกุฎ แล้ว เห็นว่ามงกุฎมีสัญลักษณ์ของนกยูงกับดอกบัว ซึ่งสื่อถึงความสง่างาม ก็รู้สึกเลย ว่ามงกุฎนี้มีอะไรเชื่อมโยงกับเรามาก แล้วทีมพี่เลี้ยงก็ส่งข้อความมาให้กำลังใจ เราว่า ‘แอนนาดูนะ สัญลักษณ์ของมงกุฎนี้เหมือนตัวเธอเลย’ ก็เลยคิดว่าดอกบัว นี่แหละคือตัวเรา แม้จะมาจากโคลนตม เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือก ที่จะเป็นได้ ขอแค่มี Power of Resilience คือรู้จักปรับตัว ล้มก็ลุก ไม่ยอมแพ้ ยึดมั่นเข้าไว้ เราก็จะประสบความสำเร็จได้ ตอนที่ได้ยินคำถามนี้ก็นึกถึงคำพูด ของพี่เลี้ยงขึ้นมาเลย จึงตอบไปแบบนั้น ทำให้ทุกคนสัมผัสถึงตัวตนเราได้ และ มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย นี่ก็แอบคิดนะว่าเหมือนมงกุฎถูกสร้างมา เพื่อเราเลย” (หัวเราะ)

แอนนาพูดตลอดว่าเชื่อในเรื่องการพัฒนาตัวเอง ถ้าให้ยกตัวอย่างเรื่องที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดคือเรื่องอะไรคะ

“น่าจะเป็นเรื่องการพูดนี่แหละค่ะ เมื่อก่อนแอนนาพูดเหมือนท่องแคมเปญมาเลย ‘แอนนาคิดว่าโลกเราสมัยนี้…’ (ท่องให้ฟังเป็นตัวอย่าง) นั่นก็เพราะอย่างที่เล่าว่าเราพยายามทำให้คนอื่นชอบ แต่พอเราเรียนรู้และฝึกซ้อมมากขึ้น พัฒนาขึ้น ก็รู้ว่าจงพูดในสิ่งที่คิดและรู้สึก แล้วทุกคนจะเข้าใจว่าเราจะสื่อสารอะไร อาจจะไม่ได้เป็นคำพูดที่สวยหรู แพตเทิร์นงดงาม ภาษาทางการ หรือตรงแกรมมาร์ แต่ จุดประสงค์ในการพูดคือ หนึ่ง คนอื่นฟังแล้วเข้าใจ สอง รู้ว่าแอนนารู้สึก อย่างไร ซึ่งจะมีอิมแพ็กต์กว่ามาก แอนนาคิดว่าเรื่องนี้ตัวเองประสบความสำเร็จ ประมาณหนึ่งนะคะ เวลาที่เราตอบคำถามแล้วทุกคนรู้สึกตาม ก็เป็นพัฒนาการ ที่เกิดจากการเรียนรู้และฝึกฝนมาตลอด”

โปรเจ็กต์ที่มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คนนี้อยากทำให้เมืองไทยมากๆ คืออะไรคะ

“มีสองเรื่องค่ะ อย่างแรกเลยคือการศึกษา เพราะแอนนามีประสบการณ์ตรง อย่างที่รู้กันว่าแอนนาไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยสมบูรณ์แบบ แต่แม่บอกเสมอว่าการศึกษาจะเปลี่ยนชีวิตได้ แม่จบแค่ ป.6 ความจริงแม่รัก การเรียนมาก แต่เรียนต่อไม่ได้เพราะฐานะไม่อำนวย แต่เพื่อน ๆ ที่เรียนจบดี ๆ ได้ มีฐานะดี ชีวิตดีทุกคน แม่จึงสนับสนุนเรื่องการเรียนมาก ยอมทำงานสามที่ ต่อวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งกวาดขยะ เป็นแม่บ้าน และพนักงานล้างจาน เพื่อ ส่งแอนนาเรียน ซึ่งพอถึงวันหนึ่งที่เราเรียนจบ ประสบความสำเร็จด้านการศึกษา ชีวิตก็เปลี่ยนไปจริง ๆ มีโอกาสเข้ามามากมาย มีผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือ ได้เจอ การทำงานที่ดี และยังได้เข้าสู่เส้นทางนางงามและรับมงกุฎอย่างทุกวันนี้ ซึ่งการที่ แอนนาออกมาพูดก็เพื่อย้ำว่าการศึกษานั้นสำคัญจริง ๆ อยากให้สังคมช่วยกัน ดูแลคนข้างหลังที่ยังต้องการความช่วยเหลือและยังเผชิญความลำบากอยู่

“ซึ่งกว่าที่แอนนาจะเรียนจบได้ก็ลำบากมากจริง ๆ ทั้งที่การศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรเป็นสิ่งที่เด็กไทยทั้งประเทศควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน แต่ยังมีเด็กอีกหลายคน ที่เข้าถึงการศึกษาได้ยากมาก แม้รัฐจะมีทุนการศึกษาให้ แต่กว่าจะได้ค่าเทอม จากรัฐก็ไม่ง่าย แอนนาเองต้องเสียค่าเดินทาง ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือ ต้อง เรียนให้ดี กว่าจะได้ค่าเทอมที่รัฐจัดให้ หรือทุนจากบางหน่วยงานของรัฐก็ต้อง ทำความดีแลก ต้องเก็บขวดพลาสติก บริจาคเลือด เพื่อสะสมเป็นคะแนน เป็นหน่วยกิจแต่ละเทอมจึงจะได้ทุน หรือบางทีบอกทุนเรียนฟรี แต่จบออกมา ต้องใช้ทุน แอนนาจึงรู้สึกว่าถ้าเราบอกว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ แล้วทำไมจึง ไม่มีการสนับสนุนให้เต็มที่ ให้การศึกษาโดยไม่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรมากมาย แอนนายังโชคดีที่แม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ขณะที่บางบ้านที่แย่กว่าเรา ถ้าตื่นขึ้นมา แล้วเขาต้องเลือกระหว่างหนังสือเรียนกับข้าวหนึ่งจาน เป็นใครก็ต้องเลือกข้าวก่อน ซึ่งแอนนาคิดว่ามันไม่ควรจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ถ้าการศึกษาสำคัญ เด็กควร ได้รับการศึกษาฟรีทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งค่าเดินทาง ค่าเครื่องแบบ แบบเรียน อุปกรณ์การเรียน ฯลฯ แอนนาจึงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นกระบอกเสียงให้คนได้รู้ ว่ายังมีเด็กอีกมากมายที่รอความช่วยเหลือตรงนี้อยู่”

อีกเรื่องที่อยากทำล่ะคะ

“ขยะค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่ทำงานเกี่ยวกับขยะ แอนนาจึงอยากพูด สองประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ประเด็นที่หนึ่งคือ เรื่องของอาชีพ ‘คนเก็บขยะ’ แต่ก่อน คนมักคิดว่าอาชีพเก็บขยะไม่มีเกียรติ เพราะเกี่ยวข้องกับสิ่งสกปรก แต่ขอถาม หน่อยว่าถ้าไม่มีอาชีพนี้แล้วโลกจะเป็นอย่างไร ใครจะทำ ความจริงไม่ใช่แค่อาชีพ พนักงานเก็บขยะเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายอาชีพที่ถูกลดทอนคุณค่า ทั้ง ๆ ที่เขา ก็ทำประโยชน์เพื่อสังคม แอนนารู้สึกว่าถ้าอาชีพสุจริตใดไม่มีประโยชน์ต่อสังคม มันก็คงไม่มีอาชีพนั้นเกิดขึ้นมา ดังนั้นตราบใดที่อาชีพนั้นยังสุจริต ก็ถือว่า มีประโยชน์ต่อสังคมและทุกคนหมด ไม่อยากให้ใครดูถูกใคร

“นี่ขนาดแอนนาได้มงกุฎ ยังมีคนมาคอมเมนต์ว่าเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แล้วทำไมพ่อยังต้องทำงานเก็บขยะอยู่อีก ทำให้แอนนานึกสงสัยว่า อ้าว แล้วการเก็บหรือกวาดขยะไม่ดีตรงไหนคะ ทำไมยังมีคนมองว่าอาชีพนี้ด้อยกว่าอาชีพ อื่น ทั้งที่ทำประโยชน์ให้สังคมเหมือนกัน สำหรับแอนนาภูมิใจมากที่พ่อเราคือ ผู้พิทักษ์ความสะอาด (น้ำเสียงภาคภูมิใจ) แอนนาจึงอยากเป็นกำลังใจให้คนทำงาน ภูมิใจในหน้าที่ของเขา และอยากเป็นกระบอกเสียงในการรณรงค์ให้คนในสังคม ยอมรับ ให้เกียรติ และให้คุณค่ากับผู้คนที่ทำอาชีพนี้ด้วยค่ะ

“ประเด็นที่สองคือ เรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งความจริงเป็นเรื่องเบสิกมาก ทุกคนทำได้ แต่ไม่ค่อยมีใครทำ อย่างการช่วยกันคัดแยกขยะ เพื่อนำบางส่วน ไปรีไซเคิล หรือการเปลี่ยนจากถุงพลาสติกมาเป็นถุงผ้าให้มากที่สุด คือประเด็น เรื่องขยะกับสิ่งแวดล้อมนั้นอาจจะไม่ได้เห็นผลกระทบชัดเจนสั้น ๆ แต่มันจะค่อย ๆ สะสมขึ้นเรื่อย ๆ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในอนาคตแน่นอน จึงอยาก รณรงค์ให้การเก็บขยะ คัดแยกหรือลดขยะ เป็นหน้าที่ของทุกคนในสังคม เริ่ม จากวันนี้เลย ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่เริ่ม แรก ๆ อาจรู้สึกไม่สะดวก เพราะไม่ชิน แต่เดี๋ยวนี้ผู้คนเริ่มเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้ามากขึ้น แอนนาคิดว่าเราค่อย ๆ ปรับตัวไป ค่อย ๆ ทำจนเป็นนิสัยให้เคยชินและติดตัวไป อนาคตก็จะช่วยเปลี่ยน โลกได้ค่ะ

“ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเข้าพบและพูดคุยกับอาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ขยะ และมลพิษ ในกรุงเทพฯเหมือนกัน พวกเรามิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ทั้ง 5 คนก็อาสากับอาจารย์ ไปว่า ถ้ามีโครงการอะไรที่จะให้ช่วยรณรงค์ ขอให้แจ้งพวกเราได้เลย ยินดี ช่วยอย่างเต็มที่ อยากเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนช่วยกันค่ะ”

แอนนา เสืองามเอี่ยม

สิ่งที่มาพร้อมกับการเป็นคนของสังคมคือคำวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ แอนนามีวิธีรับมือกับคำพูดเหล่านี้อย่างไรคะ

“ความจริงแอนนารู้สึกว่าหลายคอมเมนต์แรง จนไม่รู้ว่าเรื่องไหนแรงที่สุด แต่อย่างที่บอกว่าเวทีนี้สอนให้รักตัวเอง และทำทุกอย่างโดยไม่ต้องการให้ใคร มาประทับใจหรือชอบเรา เรามาเพื่อที่จะแสดงตัวตนของเราให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็น แบบนี้ ดังนั้นถ้าใครจะชอบหรือไม่ชอบเราก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ถ้าใครติเพื่อก่อ แอนนาก็จะรับฟังแล้วนำไปพัฒนาตัวเองต่อไป แต่ถ้าติโดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย ก็อยู่ที่เราแล้วว่าจะเลือกเก็บไว้ไหม แอนนาว่าสุดท้ายแล้วคนที่เราควรฟังมาก ที่สุดคือคนที่รักเรา ที่รู้จักเนื้อแท้ของเราจริง ๆ และตัวเราเอง ดังนั้นถ้าคำพูด ไหนเป็นทองก็เก็บไว้ คำพูดไหนเป็นหินก็โยนทิ้งไป ชีวิตยังมีดราม่าอีกเยอะ ถ้า ใส่ใจไปกับทุกคอมเมนต์ แอนนาคงเป็นไบโพลาร์แล้ว

“แต่ก็อยากฝากบอกถึงคนที่เขียนคอมเมนต์ว่าทุกคำพูดที่คุณเขียนมา คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคนฟังรู้สึกอย่างไร อยากให้กลั่นกรองความคิดก่อนพูดหรือ เขียนออกมา ว่าถ้าคุณโดนคำพูดแบบนี้บ้างจะรู้สึกอย่างไร แล้วหลาย ๆ ครั้ง บางคำพูดก็แสดงกิริยาหรือความคิดของผู้พูดเองนะคะ อยากให้ลองเอาใจเขามาใส่ ใจเรา ถ้าพูดแล้วคุณยังรู้สึก เขาก็รู้สึกได้เหมือนกัน เพราะเราก็มนุษย์เหมือนกัน”

ในฐานะมิสยูนิเวิร์ส แอนนามองว่าคุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่ไหน

“คุณค่าของผู้หญิงเราน่าจะมีหลายอย่างประกอบกัน แต่สำคัญที่สุด คือ การรักตัวเอง อาจพูดง่าย แต่ทำยาก แต่ถ้าเราไม่รักตัวเองจริง ๆ เราจะหลงทาง ทันที ต้องมั่นใจก่อนว่าทุกอย่างที่คุณทำ ไม่ว่าจะทำผิดหรือถูก จะมีตัวคุณเอง ที่คอยซัพพอร์ตตัวเองอยู่ จงเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ ถ้าคิดไตร่ตรองมาดีแล้วให้ลงมือ ทำเลย เพราะต่อให้ออกมาไม่ดี คุณจะยังมีตัวคุณอยู่เคียงข้างตัวเองเสมอ แล้ว เชื่อไหม คุณจะกล้าทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ถ้ารักตัวเองได้ คุณจะมั่นใจ ในตัวเอง และไม่ว่าจะเจอกับอะไร คุณก็จะรู้ว่าตัวเองมีค่าพอ และไม่เก็บเอา เรื่องไม่เป็นเรื่องหรือเรื่องล้มเหลวมาใส่ใจ”

ขอวิธีรักตัวเองแบบที่แอนนาพูดถึงว่าต้องทำอย่างไรคะ

“ง่ายมากค่ะ สังเกตไหมคะว่าเวลาทำอะไร เรามักมีคำพูดในหัว ให้ลอง คิดว่าคำพูดนั้นเป็นเพื่อนของเรา สมมติว่าจะต้องเดินขึ้นบันได ตอนกำลัง จะก้าวขึ้น ถ้าเพื่อนบอกว่า ‘ลื่นล้มแน่นอน เธอทำไม่ได้หรอก’ คุณจะยังคบเพื่อน คนนั้นไหม ขณะเดียวกันถ้ามีเพื่อนอีกคนบอกเราว่า ‘เธอทำได้แน่นอน ลอง ก้าวขึ้นดูก่อนสิ ล้มก็ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้ เราจะต้องขึ้นไปด้วยกันจนได้’ คุณ จะคบเพื่อนแบบไหน เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณมีเพื่อนแบบไหนอยู่ในตัวเอง ถ้า ในชีวิตจริงไม่มีใครอยากคบเพื่อนร้าย ๆ แบบนั้น แล้วตัวคุณเองเป็นเพื่อนที่ดีกับ ตัวเองแค่ไหน จงใจดีกับตัวเอง เพราะต่อให้ไม่มีใคร คุณก็จะมีตัวเองคอย ซัพพอร์ตตัวเองเสมอ เพราะฉะนั้นรักตัวเองให้มาก ๆ มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ค่ะ”

ไหนๆ เข้าเรื่องรักแล้ว ขออนุญาตถามว่าสวยขนาดนี้ มีคนรู้ใจแล้วหรือยังคะ

“ยังไม่มีค่ะ (ถอนหายใจ) แต่ถ้าถามว่าที่ผ่านมาฮ็อตไหม ก็นิดหนึ่งนะ (หัวเราะ) คือเคยมีคนคุยด้วยบ้างตามประสาสาว ๆ เนอะ แต่เลิกกันไปตั้งแต่ช่วง เตรียมตัวก่อนประกวด เพราะแอนนาไม่มีเวลาโฟกัสเรื่องอื่นเลย เราทุ่มเทกับ การประกวดเต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทำอะไรที่ยิ่งใหญ่แบบนี้อีกไหม ขอทำ ตรงนี้ให้ดีที่สุดและทำอนาคตให้มั่นคงก่อน ส่วนความรักน่าจะเป็นสิ่งที่เราหา ได้ในระหว่างทางหรืออนาคตข้างหน้า แต่ถ้าจะมีใครสักคน…แต่ก่อนอาจจะมอง คนหล่อบ้าง แต่ตอนนี้แอนนามองหาคนที่เข้าใจเรา ซัพพอร์ตเรา กล้าตักเตือน เวลาเราทำผิด กล้าพูด กล้าคุย กล้าบ้าและสนุกไปด้วยกัน แลกเปลี่ยนไอเดียกัน ซึ่งหายากมากนะ หาคนที่เข้าใจนี่หายากกว่าหล่ออีก” (หัวเราะ)

งั้นกลับมาเรื่องที่น่าจะง่าย คือเคล็ดลับความสวยแบบหัวจรดเท้าในแบบแอนนา

“เริ่มจากรักตัวเองก่อนนะคะ ถ้ารักตัวเองแล้ว เราก็อยากดูแลให้ตัวเอง ดูดีขึ้นในทุก ๆ วัน อย่างน้อยก็ต้องรักความสะอาดละหนึ่ง ความจริงในวงการ นางงามมีเคล็ดลับเยอะมากจนจำไม่ไหว ให้ทำอะไรก็ทำ แต่ที่แอนนาเน้นดูแล ตัวเองคือกินวิตามินเป็นประจำ หลัก ๆ คือวิตามินซี เพื่อบำรุงผิว เวลาแต่งหน้า เครื่องสำอางจะได้ติดหน้า แล้วก็นอนให้พอค่ะ ซึ่งความจริงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะช่วงประกวดเวลานอนน้อยมาก อาศัยนอนเก็บสะสมแต้มไป ตอนแต่งหน้า ก็งีบได้ ช่างแต่งหน้าก็แต่งไปแอบถ่ายรูปไป แกงแอนนามาก (หัวเราะ) อย่างที่ บอกค่ะ ทำทุกอย่างเต็มที่ เรื่องนอนก็เต็มที่เหมือนกัน แต่ถ้านอนน้อยมาก ๆ ก็จะมาสก์หน้าในอีเว้นต์สำคัญ ๆ บ้าง แต่ปกติแอนนาผิวมันค่ะ ถ้ามาสก์หน้า บ่อยแล้วจะแต่งหน้าไม่ติด ส่วนเวลาแต่งหน้าช่างหน้าจะเน้นตากับคิ้วของแอนนา เพราะเป็นจุดเด่นของเรา ถ้าสวยก็จบเลย

“ส่วนเรื่องฟิตหุ่นก็ทำตามตารางออกกำลังกาย แต่ละวันอาจจะไม่เหมือนกัน และส่วนตัวคิดว่าไม่ผิดที่เราจะกินของชอบบ้าง แค่ต้องรู้ลิมิตและวิธีเอาออก จะใส่ทุกอย่างลงในร่างกายไม่ได้ อย่างขนมหวาน ถ้าอยากกินมาก ๆ ก็จะตักชิม ให้รู้รสพอ ไม่ถึงกับอด ไม่งั้นจะโหยและตบะแตก ที่เหลือก็เน้นกินให้ครบห้าหมู่ ทั้งสามมื้อค่ะ แต่อาจจะเลี่ยงเนื้อสัตว์นิดหนึ่ง เพราะแอนนากินมากไม่ได้ จะท้องผูก และท้องป่อง อาศัยกินเนื้อย่อยง่ายอย่างปลาและไก่ อ้อ! มีเคล็ดลับก่อนใส่ชุด ว่ายน้ำด้วยนะ คือตอนเช้าให้กินขนมปังสองแผ่น จะโฮลวีตหรือขนมปังขาว ก็ได้ เขาบอกกันว่าจะช่วยทำให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น แต่ห้ามดื่มน้ำเยอะนะคะ ใช้แค่ จิบ ๆ เดี๋ยวท้องป่อง แต่พอหลังเดินชุดว่ายน้ำเสร็จก็กินปกติได้ค่ะ”

ทุกวันนี้ถ้าไม่ได้ทำงาน แอนนาชอบทำอะไร

“นอนค่ะ เพราะที่ผ่านมาได้นอนน้อยมาก รู้สึกว่าการนอนจะเยียวยา ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักหนาสาหัสแค่ไหน ทุกอย่างดีขึ้นได้ด้วยการนอน พักผ่อน ตื่นขึ้นมาแล้วก็จะทำให้มีสติและเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น มีกำลังใจจะสู้ต่อ ใครที่กำลังท้อ แนะนำให้นอนก่อน (หัวเราะ) เราอาจจะแค่เหนื่อยจากการ พักผ่อนไม่เพียงพอก็ได้ค่ะ

“ปกติวันว่างแอนนาจะพยายามอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด เพราะเวลาทำงาน เราเจอคนมาเยอะแล้ว พออยู่คนเดียวก็อยากอยู่กับตัวเองมากกว่าจะออกไป ข้างนอก ส่วนใหญ่ก็ดูหนังอยู่บ้าน ชอบดูหนังแนวเลือดสาด ไซไฟ หักมุม (หัวเราะ) เพราะเร้าใจ ลุ้นระทึกดี ดูแล้วอะดรีนาลินหลั่ง ได้ปลดปล่อย ไม่ก็ กินข้าวคนเดียวค่ะ การอยู่เงียบ ๆ เหมือนได้รีแล็กซ์ ได้ใช้เวลาคุยกับตัวเอง มีสมาธิ ทบทวนตัวเอง แล้วช่วงหลังอ่านหนังสือเยอะขึ้นมากเลยค่ะ เมื่อก่อน อ่านเฉพาะหนังสือเรียน (หัวเราะ) ตั้งแต่ประกวดมานี่ อ่านหนังสือแนวจิตวิทยา ฮาวทู และมายด์เซตมากขึ้น แล้วก็ฟังพอดแคสต์แนวนี้เยอะมากเหมือนกัน ค่ะ”

แอนนา เสืองามเอี่ยม

ภารกิจในอนาคตของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์หลังจากนี้คืออะไรคะ

“ต้องบอกว่าเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์สอนอะไรหลายอย่าง ทำให้แอนนา รู้สึกว่าชีวิตนี้คุ้มค่ามากที่ได้เกิดมา คุ้มค่ากับความพยายาม รู้สึกรักชีวิตตัวเอง มากขึ้น ชีวิตมีความหมายมากขึ้นเพราะเวทีนี้เลย พูดทีไรก็ขนลุกทุกที

“จากนี้ไปแอนนาจึงอยากพัฒนาปรับปรุงตัวเองในทุก ๆ ด้าน เป็นแอนนาที่ Better Version ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย ให้ดีที่สุดในการประกวดมิสยูนิเวิร์สบนเวทีโลก อยากคว้ามงที่สามมาให้ได้ แอนนาไม่รู้หรอกว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร และจะไม่กดดันตัวเองด้วย แต่ไม่อยากกลับมาเสียใจทีหลังว่าทำไม่เต็มที่ เพราะฉะนั้นแอนนาจะเติม ความสามารถในทุก ๆ เรื่องให้เต็มที่ ทั้งเรื่องการพูด การเดิน ภาษาอังกฤษ ต้องทำให้ดีขึ้นให้ได้ค่ะ แอนนาเชื่อเสมอว่าตัวเองเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว และต่อให้น้ำ มาเยอะแค่ไหน ก็พร้อมขยายขนาดแก้วให้ใหญ่ขึ้นได้เรื่อย ๆ เพื่อรองรับปริมาณ น้ำนั้น แอนนาคิดว่านี่เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก ชีวิตนี้จะมีเป้าหมายที่ใหญ่ขนาดนี้ อีกไหมก็ไม่รู้ ต้องเต็มที่ไว้ก่อน”

ผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจของแอนนาคือใครคะ

“แม่ค่ะ อย่างที่บอกว่าแม่คือคนที่ทำงานสามอาชีพต่อวันเพื่อส่งเสีย แอนนาเรียน ถ้าไม่มีแม่ แอนนาก็คงไม่มีวันนี้ แม่ทำให้แอนนาเชื่อเรื่องการศึกษา และทำให้แอนนารู้สึกว่าต่อให้เกิดมาต้นทุนน้อยแค่ไหน ถ้าพยายามมากพอ ก็สำเร็จ ที่สำคัญสิ่งที่พ่อและแม่ทำให้แอนนาคือการแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ ที่แม้จะไม่ได้บอกรักเป็นคำพูด แต่เป็นการบอกรักผ่านการกระทำ ทั้งสองท่าน ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อให้เราเติบโตมาเป็นคนดี มีชีวิตที่ดี แม้กระทั่งทวดที่เสียไป ก็ยังยอมตื่นเช้ามาต้มไข่ให้กินก่อนไปเรียน สำหรับแอนนานั่นคือความรักที่สัมผัส ได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพูดว่ารักเลย”

ถ้าใครคนหนึ่งอยากเดินตามความฝันให้สำเร็จเหมือนแอนนา อยากบอกอะไรกับเขาคะ

“เส้นทางสู่ความสำเร็จอาจต้องอาศัยหลายอย่างประกอบกัน สูตรสำเร็จ คงไม่มี แต่เราเริ่มได้จากการรู้คุณค่าในตัวเองและรักตัวเองก่อน เมื่อเรารักตัวเอง แล้ว เราจะมองหาแต่สิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง เราจะคิดต่อเองว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิต มีความสุขและมีอนาคตที่ดีขึ้น หากมีความฝันก็ลองดูว่าฝันนั้นจะทำให้ชีวิตคุณ ดีขึ้นไหม ถ้าใช่ก็ลงมือทำเลย ระหว่างทางอาจมีอุปสรรคบ้าง ล้มบ้าง แต่ อย่าท้อ ล้มแล้วจงเรียนรู้จากมัน แล้วก้าวต่อไป อย่าหยุดค่ะ มีคำสอนหนึ่ง ของทวดที่แอนนายึดถือมาตลอด และเชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยิน คือ ‘ความ พยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น’ นี่คือ Power of Resilience ของจริง และเป็นเรื่องจริง แอนนากล้ายืนยัน ถ้าคุณพยายามมากพอ รักตัวเองมากพอ ให้คุณค่ากับตัวเองมากพอ แม้จะล้มก็ลุกใหม่ได้ ไม่ถอดใจไปเสียก่อน ไม่ว่า เป้าหมายจะไกลแค่ไหน แอนนาเชื่อว่าทุกคนจะทำได้สำเร็จค่ะ แล้วเมื่อวันนั้น มาถึง คุณจะรู้สึกแบบเดียวกับที่แอนนารู้สึก นั่นคือคุณจะรักและภูมิใจในตัวเองมากๆ”


 ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 986

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

หมั่นสังเกตตนเอง ‘มะเร็งต่อมน้ำเหลือง’ เกิดได้ทุกบริเวณของร่างกาย พบบ่อยในคนไทย

Alternative Textaccount_circle
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

กรมการแพทย์ชี้ “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” พบบ่อยในคนไทย แนะหมั่นสังเกตตนเองหากคลำพบต่อมน้ำเหลืองโตหรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย สามารถพบได้ทุกช่วงอายุแล้วแต่ชนิด โดยพบได้ประมาณ 3.000-4,000 คนต่อปี มะเร็งที่เกิดกับต่อมน้ำเหลืองเกิดได้ทุกบริเวณของร่างกาย ตั้งแต่บริเวณรักแร้ คอ ขาหนีบ ตามข้อพับ และในช่องอก ช่องท้อง นอกจากนี้แล้ว เซลล์ต่อมน้ำเหลืองยังมีอยู่ทุกอวัยวะในร่างกาย สามารถเกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ทั้งสิ้น เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำไส้ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในสมอง เป็นต้น

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง แบ่งประเภทออกเป็น

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin lymphoma) ผู้ป่วยมักจะมีต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอและช่องอก ให้การรักษาโดยการใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายแสง โอกาสหายขาดสูง
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-hodgkin lymphoma) พบมาก และแบ่งย่อยออกได้อีกประมาณ 30 ชนิด แต่แบ่งตามลักษณะการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็น 2 แบบคือ

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดรุนแรง (Aggressive lymphoma) การแบ่งตัวและแพร่กระจายเกิดอย่างรวดเร็ว มีอาการรุนแรง ดังนั้น จึงตอบสนองกับยาเคมีบำบัดซึ่งออกฤทธิ์กับเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวเร็วอยู่ค่อนข้างดี กลุ่มนี้ต้องรักษาทันที หากไม่รักษาผู้ป่วย อาจเสียชีวิตใน 6 เดือน ถึง 2 ปี แต่ถ้าได้รับการรักษาทันท่วงที มีโอกาสหายขาดจากโรคได้มาก แม้จะอยู่ในระยะไหนก็ตาม

– มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดค่อยเป็นค่อยไป (Indolent lymphoma) การแบ่งตัวและแพร่กระจายค่อนข้างช้า อาการเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่รุนแรงแต่เรื้อรัง กลุ่มนี้มักไม่ค่อยหายขาดด้วยเคมีบำบัดที่มีอยู่ในปัจจุบัน จึงรักษาเมื่อมีข้อบ่งชี้ และติดตามอาการเป็นระยะ

ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เกิดได้จากทั้ง การติดเชื้อทั้งไวรัส เช่น HIV, HCV, EBV การติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง, พันธุกรรม, ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำจากการได้รับยา, สารเคมีที่มีสารก่อมะเร็งอยู่ เช่น สารกำจัดศัตรูพืช

ดังนั้น การป้องกันของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จึงทำได้โดยการหมั่นสังเกตตัวเอง ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หากเจ็บป่วยให้รีบไปรักษา หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีโดยตรง และรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

อาการของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แบ่งเป็น อาการทางระบบหรือ B-symptom เช่น อาการไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์, เหงื่อออกตอนกลางคืน, น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเบื่ออาหารผิดปกติ อาการเฉพาะที่ที่เกิดจากต่อมน้ำเหลืองโตในบริเวณนั้นๆ เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ปวดแน่นท้อง ท้องอืด ปวดศีรษะ เป็นต้น

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ปัจจุบันให้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดร่วมกับยาพุ่งเป้า (Targeted therapy) ที่เริ่มมีการศึกษาวิจัยและนำมาใช้มากขึ้นในปัจจุบัน ฉายแสงในบางกรณี และการปลูกถ่ายไขกระดูกในเคสที่กลับเป็นซ้ำ นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาใหม่สำหรับโรคที่กลับเป็นซ้ำด้วยการใช้เซลล์บำบัด (CAR-T cell) ซึ่งยังอยู่ในช่วงการศึกษาวิจัยในประเทศไทย

ติดตามความรู้ข่าวสารด้านโรคมะเร็งจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ส่งเสริมความรอบรู้สู้ภัยมะเร็ง http://allaboutcancer.nci.go.th/ เว็บไซต์ต่อต้านข่าวปลอมโรคมะเร็ง https://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ และ Line : NCI รู้สู้มะเร็ง


ข้อมูล : แพทย์หญิงศศินิภา ตรีทิเพนทร์ แพทย์ที่ปรึกษาด้านอายุรศาสตร์โรคเลือด สถาบันมะเร็งแห่งชาติ , กรมการแพทย์
ภาพ : Pexels

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

keyboard_arrow_up