The Hair Collection กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจาก Augustinus Bader

รวบตึง 6 ไอเท็ม The Hair Collection กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจาก Augustinus Bader

Alternative Textaccount_circle
The Hair Collection กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจาก Augustinus Bader
The Hair Collection กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจาก Augustinus Bader

Augustinus Bader แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักจากการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยสูตรเฉพาะสำหรับผิวหน้าและผิวกาย เผยนิยามใหม่ของการดูแลเส้นผมกับ 6 ผลิตภัณฑ์ที่พลิกวงการสำหรับการบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ได้แก่ The Scalp Treatment, The Shampoo, The Conditioner, The Rich Shampoo, The Rich Conditioner และ The Hair Oil กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจาก The Hair Collection ที่พัฒนามาจากการค้นพบนวัตกรรมเกี่ยวกับกลไกของร่างกายในการซ่อมแซม และการผลัดเซลล์ใหม่ด้วยตนเอง ซึ่งผ่านการวิจัย และนวัตกรรม ชีวการแพทย์มากกว่า 30 ปี ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของออกัสตินัส บาเดอร์เป็นผลิตภัณฑ์วีแกน 100% และปราศจากกลูเตน จีเอ็มโอ พาราเบน ซิลิโคน น้ำหอม SLS SLES DEA โลหะหนัก ทัลก์และปิโตรลาทัม พาราฟิน และน้ำมันแร่ เริ่ดขนาดนี้มาดูกันว่า 6 The Hair Collection กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจาก Augustinus Bader มีชิ้นไหนที่น่าโดนตกบ้าง

The Shampoo แชมพูเนื้อสัมผัสเบา ที่เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะชิ้นแรกของโลกที่ผสานพลังในการผลัดเซลล์ใหม่ของเทคโนโลยี TFC8® โดยทั้งทำความสะอาดพร้อมช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมตามธรรมชาติ เรียกได้ว่าถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยส่วนผสมคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากเบอร์ด็อก วิตามินบี 5 สารสกัดจากวอเตอร์เครสและอินเดียนเครส และสารสกัดจากรากมาคา รวมถึง TFC8®

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควบคู่กันอย่าง The Conditioner เป็นผลิตภัณฑ์ครีมนวดที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ทว่าให้ความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น เมื่อผนวกกับขุมพลังของ TFC8® จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการซ่อมแซม การงอกใหม่ และการผลัดเซลล์ และยังส่งเสริมการเจริญเติบโตพร้อมทั้งให้ความชุ่มชื้น ลดผมพันกัน ชี้ฟู และเพิ่มวอลุ่ม จากสุดยอดอาหารสำหรับเส้นผม ที่มีทั้งน้ำมันเมล็ดข้าวโอ๊ต สารสกัดวอเตอร์เครสและอินเดียนเครส สารสกัดรากมาคา สารสกัดทับทิม
และกลีเซอรีน

The Rich Shampoo แชมพูเนื้อครีมที่ช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนพร้อมบำรุงผมที่แห้งเสียอย่างล้ำลึกโดยไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนเส้นผม ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองหรือแห้งกร้านของหนังศีรษะปรับสภาพ และช่วยให้เส้นผมเรียบลื่นนุ่มสลวยขึ้น มาพร้อมขุมพลังของ TFC8®และกลิ่นหอมธรรมชาติจากกุหลาบและเจอเรเนียม ปราศจากน้ำหอมสังเคราะห์

The Rich Conditioner ครีมนวดที่ช่วยบำรุงอย่างล้ำลึกและฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียพร้อมกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน เพื่อผมนุ่มสลวย เรียบลื่น เป็นเงางามอย่างไม่อาจต้านทาน มาพร้อมขุมพลังจาก TFC8®จะตรงเข้าฟื้นฟูผมเสีย และเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมไม่พันกันและนุ่มสลวย ช่วยเพิ่มวอลุ่มให้เส้นผมดูหนาขึ้น

The Hair Oil เปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะที่ทั้งปลอดภัยและมอบการฟื้นฟูเป็นพิเศษ แน่นอนว่ามาพร้อมเทคโนโลยี TFC8® ร่วมด้วยกับตัวช่วยแห่งการบำรุงจากน้ำมันอาร์แกน น้ำมันทับทิม น้ำมันเบาบับ และวิตามินอี จึงช่วยลดการขาด ปิดผนึกผมแตกปลาย และป้องกันความเสียหายจากปัจจัยความเครียดในชีวิตประจำวัน ทั้งการจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เพื่อปรับรูปลักษณ์ และเนื้อสัมผัสของเส้นผมให้ดียิ่งขึ้น

The Scalp Treatment เซรั่มบำรุงหนังศีรษะสูตรเข้มข้นที่พัฒนาขึ้นด้วยเป้าหมายในการแก้ปัญหาที่สาเหตุของการมีเส้นผมที่อ่อนแอหรือผมบาง และช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโต ผสานเทคโนโลยี TFC8® ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเข้ากับสารสกัดที่จำเป็น ได้แก่ มัลติ-มิเนอรัล คอมเพล็กซ์ (ทองแดง, แมกนีเซียม, สังกะสี) สารสกัดจากใบเฮเซล สารสกัดจากวอเตอร์เครสและอินเดียนเครส และสารสกัดจากรากมาคา ผลิตภัณฑ์สูตรวีแกนที่ปลอดสารพิษนี้พร้อมช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาตามธรรมชาติให้กับหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังช่วยบรรเทาความเครียดและการระคายเคือง และปลดล็อกรูขุมขนที่อุดตัน


8 ปีการเดินทางในโลกศิลปิน ‘ลิซ่า ลลิษา’ สลัดลุค K-POP สู่ไวบ์อินเตอร์

Alternative Textaccount_circle

เพลงยังไม่ทันปล่อย แต่กระแสมาแรงต่อเนื่อง! เมื่อ ‘ลิซ่า ลลิษา‘ สลัดลุค K-POP สู่ไวบ์อินเตอร์ในซิงเกิ้ลใหม่ ‘ROCKSTAR’

ปล่อยเพลงครั้งไหนก็เรียกกระแสได้ทุกครั้ง ไม่ต่างจาก ‘ROCKSTAR‘ ที่เราจะได้ฟังในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ แน่นอนว่าการโปรโมทไม่มีขาดตกบกพร่อง อีกทั้งยังเดินเกมได้ดีตั้งแต่ลุคแรกที่สร้างเสียงฮือฮาบนโลกโซเชียลว่า ‘ลิซ่าได้ทลายกำแพงของศิลปิน K-POP สู่สายอินเตอร์’ ผ่านแฟชั่นจัดจ้านพร้อมผิวสีแทน

โดยลุคที่เราเห็นอยู่เกิดจากความสร้างสรรค์ของสไตลิสต์คู่บุญ คุณ Nanist, Aniello Luca Migliaro และทีมจาก GEORGIA ที่มาร่วมกันครีเอท หยิบแฟชั่นไอเท็มชิ้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Tiary Swimsuit จาก ISABEL MARANT คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2024, Foldover Parachute Pant จาก DION LEE คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2024, Pole Boots จาก GCDS คอลเล็คชั่น Fall/Winter 2023 มาประกอบร่างสร้างลุค

จากนั้นจึงเพิ่มความโดดเด่นด้วยจิเวลรี่ดีไซน์เก๋ทั้ง แว่นตา Ferrari Style, จิวประดับฟัน Custom made พิเศษจาก SAEMINIUM, สร้อยคอรูปกระต่ายจาก CFIERCE, ต่างหู และแหวนจาก MILKO BOYAROV

‘ลิซ่า ลลิษา + ผิวสีแทน + ทรงผม ‘วูฟคัท’ + คอทแทคเลนส์สีฟ้า + จิเวลรี่หลุดโลก = ความสดใหม่ที่ลงตัว’

หากใครติดตามลิซ่าตั้งแต่เดบิวต์ เริ่มแรกเราอาจคุ้นชินกับภาพจำของศิลปิน K-POP ที่ล้อมกรอบไปด้วยบิวตี้สแตนดาร์ด ไม่ว่าจะต้องรูปร่างผอม ผิวขาวใส หรือเสื้อผ้าที่เป็นไปตามเทรนด์ แต่เมื่อติดตามไปเรื่อยๆ จะพบว่าลิซ่าเป็นหนึ่งคนที่ชอบลองสไตล์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้แฟชั่นที่ปรากฏบนตัวของลิซ่าพักหลังจึงมีแต่ความสดใหม่ ยิ่งเมื่อมีค่ายเป็นของตัวเองก็เหมือนกับปลดล็อคและครีเอทคอนเซ็ปต์แบบที่ต้องการได้อย่างเต็มที่ เหมือนครั้งนี้ที่เธอได้เลือกผิวสีแทนก้าวออกจากความจำเจมานำเสนอในซิงเกิ้ลใหม่


ภาพ: Instagram @blackpinkofficial และ @lalalalisa_m

สร้างแรงบันดาลใจเพื่อผู้หญิง

‘ติ๊นา-บุ๋ม-ปุ้ย-โดนัท’ ผนึกกำลัง สร้างแรงบันดาลใจเพื่อผู้หญิง

Alternative Textaccount_circle
สร้างแรงบันดาลใจเพื่อผู้หญิง
สร้างแรงบันดาลใจเพื่อผู้หญิง

สร้างแรงบันดาลใจเพื่อผู้หญิง 4 สาวทรงพลังซึ่งเป็นกระบอกเสียงสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมเพื่อประชากรหญิง นำโดย คริสติน่า อากีล่าร์  CHAMPION OF UNFPA, บุ๋ม-ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี,  ปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ โดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล รวมถึง ผศ.นพ.สิระ กอไพศาล (หมอปิแอร์)  อายุรแพทย์  คณะแพทยศาสตร์  โรงพยาบาลรามาธิบดี  มหาวิทยาลัยมหิดล และคุณบุญธิดา ชินวงษ์ (คุณฝ้าย) บิวตี้บล็อกเกอร์ ในฐานะ CAMPAIGN PRESENTERS

สร้างแรงบันดาลใจเพื่อผู้หญิง

ร่วมผนึกกำลังครั้งประวัติศาสตร์เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้มีคุณภาพและเห็นคุณค่าในตัวตนของประชากรหญิงยิ่งมากขึ้น ในงานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม  HER AWARDS UNFPA THAILAND 2024 ประชากรหญิง ผู้สร้างแรงบันดาลใจ  ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อมอบรางวัลให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลจากหลากสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 110 คน ที่ทำคุณประโยชน์เพื่อผู้หญิง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ใหญ่ในวาระครบรอบ 30 ปี การประชุมนานาชาติว่าด้วยเรื่องประชากรและการพัฒนา (International Conference on Population and Development :  ICPD) โดยความร่วมมือของ UNFPA THAILAND กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย, บูรพาและ นินจา เฟอร์เฟกชั่น  ร่วมจัดกิจกรรมขึ้นมา เพื่อเดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเชิดชูและผลักดันให้ผู้หญิงไทยได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสังคม รวมถึงได้มีบทบาทต่อสังคมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อสนับสนุนให้เกิดโครงการสำหรับผู้หญิงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในอนาคต

ภายในงานแถลงข่าว ณ Q Stadium, EmQuartier  ที่ผ่านมา 4 สาวตัวแม่ ติ๊นา-บุ๋ม-ปุ้ย-โดนัท   ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเกียรติและดีใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำเพื่อสังคมครั้งนี้ ที่จะช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ได้มีชีวิตที่ดีและปลอดภัยขึ้น นอกจากนี้ ปลายเดือนกันยายน 2667 ยังได้มีการร่วมเฉลิมฉลองให้กับ 110 ผู้ได้รับรางวัล HER AWARDS UNFPA THAILAND 2024 กับสุดยอดคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่  HER CONCERT   คอนเสิร์ตที่จะรวบรวมตัวแม่แห่งวงการดนตรีเมืองไทย อาทิเช่น แอม เสาวลักษณ์, เบน ชลาทิศ, แก้ม วิชญาณี และอีกมากมาย มาไว้บนเวทีเดียว ผสมผสานกับเสียงดนตรีที่ยิ่งใหญ่จาก Kasetsart University Wind Symphony  ซึ่งจะมาถ่ายทอดผ่านบทเพลงต่าง ๆ  บนโชว์สุดยิ่งใหญ่เพื่อร่วมส่งต่อแรงบันดาลใจในครั้งนี้อีกด้วย

สำหรับ HER AWARDS UNFPA THAILAND 2024 เป็นหนึ่งในการโครงการที่ร่วมมือ ร่วมใจ จากพันธมิตรหลากหลายสาขามาช่วยกันในการพัฒนาสังคมไทย บนความหลากหลาย และความเสมอภาคอย่างเท่าเทียม ซึ่งผู้ที่สนใจส่งรายชื่อเพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงอย่างเดียว แต่เปิดกว้างไปถึงผู้ที่มีความเข้าใจในความเป็นผู้หญิงด้วยเช่นกัน โดยไม่มีการจำกัดเรื่องเพศ  และหวังให้เวทีนี้เป็นเสมือนโอกาสที่ได้เห็นผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคมมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมพัฒนาสังคมและพัฒนาประชากรหญิงในอนาคตต่อไป โดยจะมีคณะกรรมการในการพิจารณาและประกาศผลในช่วงเดือนกันยายน 2567

ป๊อป วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์ บอน ก้องกิดากร ขันมณี

เจาะแพสชั่น “คุณป๊อป-วรเกียรติ” และ “คุณบอน-ก้องกิดากร” แห่ง PremiumPops Digital & Screen Print

Alternative Textaccount_circle
ป๊อป วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์ บอน ก้องกิดากร ขันมณี
ป๊อป วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์ บอน ก้องกิดากร ขันมณี

หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา ‘คุณป๊อป-วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์’ และ ‘คุณบอน-ก้องกิดากร ขันมณี’ ในฐานะคู่หนุ่มสังคมที่มักเป็นแขกวีไอพีของงานดังๆ อยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ แพรว จะพาไปพบอีกด้านของทั้งคู่ คือพาร์ทการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยแพชชั่นและความเชี่ยวชาญ ณ โรงงานของ PremiumPops Digital & Screen Print ในจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงงาน “ศิลป์มิตรพิมพ์ย้อม” ที่ก่อตั้งมากว่า 51 ปี

เจาะแพสชั่น “คุณป๊อป-วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์” และ “คุณบอน-ก้องกิดากร ขันมณี” แห่ง PremiumPops Digital & Screen Print

ตัวจริงเรื่องการพิมพ์

คุณป๊อปเล่าความเป็นมาของธุรกิจให้ฟังว่า “ครอบครัวผมทำธุรกิจพิมพ์ผ้า ย้อมผ้ามาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ สืบทอดต่อมาจนถึงรุ่นหลาน ผมเป็นหลานคนแรก ที่โตมากับการวิ่งเล่นอยู่แถวแท่นพิมพ์ในโรงงาน แต่มาเริ่มทำงานจริงๆ เมื่อประมาณ 20 ปีก่อนตอนที่ทางครอบครัวอยากให้ผมช่วยดูลูกค้าต่างประเทศ ผมเข้าไปดูตั้งแต่ผสมสี เทสต์ตัวอย่าง คือรู้ทุกขั้นตอน โรงงานเราเน้นการผลิตแบบแมส คือต้องมีการพิมพ์จำนวนมาก เช่น เสื้อที่ต้องใช้ในองค์กรใหญ่ๆ หรืองานระดับจังหวัด ระดับประเทศ สินค้าที่ต้องใช้ในภาพรวมจำนวนมากๆ แต่งบประมาณจำกัด

“พอมาถึงยุคปัจจุบัน ลูกค้ารุ่นใหม่ต้องการความรวดเร็วมากขึ้น แต่สั่งของจำนวนน้อยลง และต้องการสีสันลวดลายเยอะๆ เราจึงมีเครื่องดิจิทัลปริ้นต์เข้ามาเสริม โดยอากงบอกให้ผมเปิดอีกบริษัทไปเลย กลายเป็นจุดกำเนิดของ Premium Pops ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์ ข้อดีคือใช้คนน้อย แต่สามารถพิมพ์ได้ไว งานเป๊ะ ใช้สีได้ไม่อั้น คือจะทำลวดลายหรือสีอะไร หรือแค่ส่งรูปมา เราก็พิมพ์ให้ได้ตามรูปเลย ทำได้หลากหลายแบบตามใจลูกค้าเรียกว่า print on demand เลย แต่จะพิมพ์ได้จำนวนน้อยและราคาค่อนข้างสูงนิดหนึ่ง เดิมเราทำพวกงานต้นแบบที่ต้องการดูแค่ชิ้นสองชิ้น แล้วขยับมาเป็นพวกวอลเปเปอร์ ผ้าไวนิล ผ้าปูโต๊ะ สติ๊กเกอร์ กระทั่งภายหลังเราทำแผนกตัดเย็บเอง เพื่อทำของพรีเมี่ยมโดยเฉพาะให้บริการครบวงจรไปเลย ส่วนใหญ่ทำพวกไลฟ์สไตล์โปรดักส์ เช่น เสื้อ กางเกงช้าง กระเป๋า ผ้ากันเปื้อน ปลอกหมอน ของแต่งบ้าน ฯลฯ โดยเราจะสั่งทรัพยากรจากโรงงานใหญ่ของเรามาประกอบด้วย แล้วใช้ของเราแต่งเติมบ้างในบางครั้ง แล้วก็มีทำสินค้าให้องค์กรใหญ่ๆ อย่าง เอไอเอส โรงพยาบาล ธนาคารต่างๆ ซึ่งก็ดีตรงที่เราใช้แรงงานน้อยลง แต่โปรดักทีฟขึ้น ปัจจุบันเราเพิ่มเครื่องปริ้นดิจิทัลเป็น 10 เครื่องแล้วครับ

“ส่วนความท้าทายในการทำงาน น่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร ความที่งานพิมพ์เป็นงานละเอียด แต่ลูกค้ารุ่นใหม่ชอบอะไรไวๆ โดยอาจจะยังตีโจทย์ไม่เคลียร์ เราจึงจำเป็นต้องสื่อสารให้กระจ่างเสียก่อน ถ้ามี 100 คำถาม เราก็ยินดีจะตอบให้ครบ เพราะถ้าพิมพ์ไปแล้วมันแก้ไม่ได้ เสียทั้งเวลา วัสดุ ที่สุดอาจแก้โดยย้อมดำอย่างเดียว จึงต้องใช้เวลาคุยนานเพื่อให้เคลียร์ เพราะอยากให้ลูกค้าเสียเงินแล้วแฮปปี้กลับไปครับ”

เติบโตอย่างยั่งยืน

คุณบอนรับไม้ต่อเล่าถึงธุรกิจนี้ว่า “โชคดีที่งานพิมพ์ผ้า เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยสี่ คือเครื่องนุ่งหุ่ม ทำให้มีดีมานด์อยู่ตลอด แม้กระทั่งช่วงโควิดที่ผ่านมา เรากลับโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากช่วงนั้นมีการเลย์ออฟคนเยอะ คนที่ตกงานก็หันมาขายของออนไลน์กัน ว่างๆ ก็นั่งวาดรูปทำลายผ้าพันคอ ของแต่งบ้าน กระเป๋าฯลฯ เราจึงมีลูกค้ากลุ่มนี้เยอะ โดยเราเน้นคอนเซ็ปท์ “ถูก สวย ไว” คือราคาต้องดี แข่งขันได้ สวย เพราะเจ้าของดูแลเองตั้งต้นจนจบ ไวคือไม่ต้องรอ เราพิมพ์ลายลงผ้าแล้วก็ตัดเย็บให้เลย ครบทุกกระบวนการ คุณแค่รอโพสต์ขายของไป ขณะเดียวกันห้างก็โดนปิด แต่คนยังอยากช้อปปิ้ง ทำให้แพล็ตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์เติบโต จึงมีคนสั่งผลิตจากเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ทุกวันนี้เราสองคนจะมาโรงงานที่นครปฐมทุกเช้า แล้วตอนบ่ายไปเข้าออฟฟิศแถวเยาวราช เราลงลึกกับการทำงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่จัดซื้อ วัตถุดิบ อะไหล่ เคมี ผ้า เครื่องจักร อุปกรณ์ใหม่ๆ ใครมาเสนออะไร เรารับฟังหมด ถือว่าได้ศึกษาวิทยาการใหม่ๆ ไปด้วย อย่างที่โรงงานหลักเรามีเครื่องจักรทั้งจากอิตาลี เยอรมัน จีน อินเดีย ไต้หวัน เกาหลี เพราะฉะนั้นเราสามารถผลิตลายผ้าได้ตามความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากๆ ลูกค้าจึงชมว่า ได้งานคุณภาพแบบอิตาลี แต่ราคาถูกกว่า ก็เพราะเราก็มีเครื่องจักรจากอิตาลีไง (ยิ้ม)  

“จากนี้ไป เราอยากผลักดันเรื่องความยั่งยืน อย่างเรื่องไนลอน ซึ่งเป็นพลาสติกที่ใช้ทำบล็อคสกรีน ซึ่งเวลาใช้งานไปนานๆ ก็จะฉีกขาด เปื่อย ยุ่ย แต่ถ้านำไปทิ้งเฉยๆ ก็ใช้เวลาในการย่อยสลายทางธรรมชาตินานมาก ผมเลยลองนำไปเป็นโจทย์ให้นักศึกษาฝึกงานของเราคิดดู  ปรากฏเขาคิดกันดีมากเลยนะ ได้ไอเดียว่าจะนำมาทำเป็นกระเป๋าแบบโปร่งๆ ซึ่งมีข้อดีตรงที่อากาศสามารถผ่านได้ ถ้าใส่พวกขนมทอดๆ เช่น ขนมเบื้อง ขนมครก ก็จะทำให้ยังกรอบอยู่ ไม่นิ่มเหมือนเวลาใส่ถุงผ้า กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาแบบ อยากให้มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ และอาจจะผลิตได้ไม่เยอะ เป็นแบบลิมิเต็ดนิดหนึ่ง

“นักศึกษาหลายคนนำผ้าเหลือใช้จากเราไปทำโคมไฟ โซฟา กรอบรูป ประติมากรรม ไปจนถึงงานสาน เราบอกเลยว่า ถ้าเขานำไปต่อยอดเป็นรายได้ได้ เรายินดีซัพพอร์ตแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ หรือจะนำไปให้กลุ่มชุมชนต่างๆ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อก็ได้ เราจะยินดีมากๆ ครับ”

ป๊อป วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์ บอน ก้องกิดากร ขันมณี

ต่อยอดอนาคต

คุณป๊อปเล่าถึงแผนปิดท้ายว่า “ทุกวันนี้ผมดูเรื่องการผลิตและการบริหารในภาพรวมทั้งหมดเป็นหลัก ส่วนบอนจะดูเรื่องลูกค้า เวลามีปัญหาอะไร เขาเป็นคนยกหูไปขอโทษและเจรจากับลูกค้าให้ เขาถนัดงานไกล่เกลี่ย (ยิ้ม) แต่ด้านอื่นๆ เขาก็ช่วยผมด้วย ที่จริงเราทั้งคู่ทำงานหนักมากนะ แต่คนไม่ค่อยเห็นภาพนี้ มีแพรวนี่แหละที่ได้เห็น (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะเห็นเราไปเดินห้างกับออกงาน ซึ่งจริงๆ เราก็ชอบช้อปปิ้งและดูสินค้าใหม่ๆ เพื่อศึกษาเทคนิค โทนสี งานแฟชั่น งานพิมพ์ผ้าและการตัดเย็บ แล้วนำมาปรับใช้ เวลาไปต่างประเทศก็เหมือนไปดูงาน เก็บตัวอย่างดีๆ กลับมาด้วย 

“ส่วนในอนาคต เรามีแผนจะขยายงานให้กว้างขึ้น ด้วยการทำธุรกิจอื่นๆ ต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ เช่น ร้านอาหารหรือร้านกาแฟ โดยกั้นส่วนหนึ่งของตึกโรงงานมาทำเป็นคาเฟ่แบบล็อฟต์ดิบๆ เก๋ๆ เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาดูบรรยากาศของการพิมพ์ผ้าหรือแท่นพิมพ์ ที่ยังใช้ทักษะฝีมือคนทำงานอยู่ ซึ่งสมัยนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น แล้วก็อาจจะมีเวิร์คช็อปเล็กๆ ให้ได้มาลองสกรีนลายเป็นของที่ระลึกกลับไป ตั้งใจให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ ไปพร้อมกับชิมของอร่อย ในขณะเดียวกันก็สร้างกำลังใจให้ทีมงานด้วย เพราะเราทำงานต้นน้ำ คนของเราไม่เคยได้เห็นเลยว่าปลายทาง ลูกค้าแฮปปี้กับสินค้ายังไง เขาจะได้ชื่นใจ และถ้าสามารถต่อยอดไปจนถึงให้ชุมชนได้มาทำอะไรเพิ่มกับเราในพื้นที่นี้ ได้มีสินค้าชุมชนหรือภูมิปัญญาจากชุมชนเข้ามาผสมผสานก็น่าจะดีมากๆ

“ดังนั้น ผมพูดได้ว่า เรารักงานของเรามาก รวมถึงองค์กรต่างๆ และลูกค้าด้วย ความสุขของเราคือการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงได้แบ่งปันองค์ความรู้ให้คนอื่นด้วย ทุกวันนี้บอนก็มีไปสอนตามมหาวิทยาลัยที่เขาเชิญมา ต้องขอบคุณอากง คุณพ่อ คุณลุง คุณป้า ที่วางรากฐานมาดี ทำให้เราสามารถต่อยอดให้เติบโตและสร้างผลผลิตออกดอกออกผลได้เยอะและไวขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ภายใต้ร่มหลังคาเดียวกัน จะราคาถูกหรือราคาสูง งานละเอียด เรามีครบ ทำให้จบแบบประทับใจได้ในที่เดียว”


ที่มา : นิตยสารแพรว

บิวตี้ทอล์คกับ CEO หญิงเก่งแห่งแบรนด์ REPÊCHAGE มือวางอันดับต้นเรื่องการดูแลผิวจากอเมริกา ผู้บุกเบิกการใช้สาหร่ายในสกินแคร์เป็นรายแรก

account_circle

หากเอ่ยถึงแบรนด์ REPÊCHAGE ที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปถือว่าเป็นสกินแคร์รายใหญ่ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่ในประเทศไทยนั้นถือว่ายังเป็นที่รู้จักน้อยกว่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคุณภาพในการช่วยพลิกชีวิตผิวที่ดีงามจนเป็นที่แนะนำของคลินิกความงามทั่วโลก

อย่างในประเทศไทยที่แฟนๆของคลินิกผิวหนังชั้นนำอย่าง PAN CLINIC คงทราบกันดีถึงคุณค่าของสารบำรุงที่อัดแน่นภายใต้ภาพลักษณ์อันเรียบง่ายของ REPÊCHAGE

วันนี้แพรวได้รับเกียรติจากคุณ Lydia Sarfati (ลิเดีย ซาร์ฟาตี) CEO แห่งแบรนด์ REPÊCHAGE ในโอกาสที่แลนดิ้งถึงประเทศไทย จะมาคุยให้ฟังถึงความพิเศษแตกต่างของแบรนด์ REPÊCHAGE ที่ทำให้ต้องชี้เป้าให้สาวไทยเห็นชัดๆว่าสกินแคร์เขาดีจริงๆ

จุดเริ่มต้นจากคนรักสวยรักงามสู่เจ้าแม่สปาแห่งสหรัฐอเมริกา

สิ่งที่จุดประกายให้ฉันเป็นอย่างที่เป็นในวันนี้คือคุณแม่ ท่านเป็นชาวโปแลนด์ที่เคร่งครัดเรื่องบิวตี้รูทีนเป็นอย่างมาก ฉันเฝ้ามองท่านทำทรีตเมนต์ใบหน้าในทุกสัปดาห์ มันเหมือนพิธีกรรมของผู้หญิงรักสวย ทั้งการบำรุงผิว เล็บมือ เล็บเท้า ทำผม ฉันหลงใหลกับสูตรความงามต่างๆ สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ฉันเข้าสู่แวดวงสปาและสกินแคร์

ที่โปแลนด์วัฒนธรรมสปาเติบโตมาก มีสปากว่า 1,100 แห่งทั่วประเทศ เมื่อฉันย้ายมาอยู่ที่อเมริกาในปี 1970 กลับไม่ค่อยเห็นธรรมเนียมการทำสปามากนัก ฉันจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม ไม่เพียงสำหรับการดูแลผิว แต่ยังรวมถึงสุขภาพที่ต้องดีทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณด้วย เพราะเมื่อเราพูดถึงความงาม เราจะไม่สามารถแยกออกจากการมีสุขภาพที่ดีได้เช่นกัน

ฉันอยู่กับธุรกิจสปาจนประสบความสำเร็จ มีสาขาทั่วประเทศ และสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผิวมากมาย ก่อนจะมีบทบาทเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจสปาและมีแบรนด์สกินแคร์อย่างจริงจัง

REPÊCHAGE เปิดโอกาสครั้งใหม่ให้ผิว

REPÊCHAGE เป็นภาษาฝรั่งเศสที่หมายถึงโอกาสที่สอง บางคนถามว่าทำไมจึงตั้งชื่อบริษัทอเมริกันด้วยชื่อฝรั่งเศส นั่นเป็นเพราะฉันชอบคำนี้มากๆ REPÊCHAGE หมายถึงโอกาสที่สองสำหรับผิวที่สวยงาม โอกาสที่สองสำหรับสุขภาพ โอกาสที่สองสำหรับธุรกิจ โอกาสที่สองสำหรับชีวิต

ดังนั้นดีเอ็นเอของ REPÊCHAGE จึงเป็นเรื่องของการสร้างสุขภาพและการให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุดคือการเป็นต้นแบบ เป็นผู้ริเริ่มอย่างจริงจัง

สกินแคร์แบรนด์แรกที่ริเริ่มการใช้คุณค่าจากสาหร่ายทะเล         

ย้อนไปเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว ฉันค้นคว้าข้อมูลมาว่าสาหร่ายทะเลถูกใช้ในการเกษตรเป็นปุ๋ย และใช้เป็นสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชในพื้นที่แห้งแล้งมากๆ และค้นพบว่าในฝรั่งเศส ที่ชายฝั่งบริตตานี (Brittany) มีแหล่งที่มีสาหร่ายที่น่าพิศวง โดยหลักๆคือสาหร่ายสีน้ำตาล Laminaria digitata และสาหร่ายสีน้ำตาล Ascophyllum nodosa ที่ถูกนำไปใช้กอบกู้พื้นที่แห้งแล้งมากถึง 22 ล้านตันต่อปี จึงฉุกคิดได้ว่าถ้ามันช่วยให้พืชมีชีวิต มันก็น่าจะช่วยให้เซลล์ของเรามีชีวิตขึ้นมาได้ ฉันถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า ว้าว…ถ้ามันเป็นไปอย่างที่ฉันคิดไว้ละก็ ฉันต้องการมันในผลิตภัณฑ์ของฉันเดี๋ยวนี้เลย

ฉันบินไปที่ฝรั่งเศสเพื่อพบกับคนที่เก็บเกี่ยวสาหร่ายทะเลจริงๆ เมื่อบอกพวกเขาว่าฉันจะนำมาใช้ในเครื่องสำอาง พวกเขาถึงกับเอ่ยว่า คุณบ้าหรือเปล่า ไม่มีใครเคยทำแบบนั้นมาก่อน นั่นทำให้ฉันรู้เลยว่าเรายังต้องค้นคว้าอีกมาก โดยฉันได้ปรึกษากับศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ยาริช (Charles Yarish) ศาสตราจารย์ชั้นนำในด้านการเกษตรกรรมสาหร่ายทะเล และเสนอกับท่านว่าช่วยหาสาหร่ายทะเลชนิดเดียวกันนี้ในอเมริกาให้ฉันหน่อย และเราก็ทำสำเร็จ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เรามีสาหร่ายที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลก และเก็บเกี่ยวแบบวิถียั่งยืน

เอกสิทธิ์พลังสาหร่ายที่ไม่มีใครลอกเลียนได้

และเมื่อค้นพบสิ่งที่ยอดเยี่ยม คุณก็ไม่ใช่คนเดียวที่จะใช้มันอีกต่อไป แน่นอนว่ามีแบรนด์ต่างๆที่หันมาใช้ส่วนผสมเดียวกัน แต่ฉันมั่นใจมากว่า REPÊCHAGE แตกต่างตั้งแต่วิธีการเก็บเกี่ยว การผลิต แทบทุกแบรนด์มักใช้สาหร่ายทะเลแห้งที่มาในรูปแบบผงแป้ง ซึ่งทำให้ขาดวิตามินสำคัญและฮอร์โมนรกเด็ก (Fetal Hormones) แต่เราเก็บเกี่ยวและทำให้สาหร่ายทะเลแห้งด้วยลมในสภาพแวดล้อมปิด จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการสกัดน้ำ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของเราที่ทำให้ได้คุณค่าจากสาหร่ายอย่างสูงสุด

REPÊCHAGE กับการจับมือกับคลินิกความงามและแพทย์ผิวหนังมืออาชีพ

การที่ REPÊCHAGE จับมือกับสถาบันความงามได้นั้น เพราะฉันได้วาง Position ของแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ระดับมืออาชีพ โดยคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังและแพทย์ศัลยกรรม เราได้ร่วมงานกับแพทย์ศัลยกรรมมากมายในสหรัฐอเมริกา เพื่อเป้าหมายทั้งการรักษาความอ่อนเยาว์และดูแลหลังการทำศัลยกรรมยกกระชับต่างๆ จึงเป็นแบรนด์ที่มีพันธมิตรเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคลินิกทั่วโลก

ทำไมจึงชี้เป้าให้สาวไทยใช้ REPÊCHAGE

หนึ่งในความท้าทายที่เห็นได้ชัดของที่นี่คือสภาพอากาศ ซึ่งมีความชื้นสูงมากๆ หากคุณทาครีมที่ไม่ถูกสกัดและปรุงสูตรอย่างถูกต้อง เวลาออกไปข้างนอก ครีมจะละลายไหลเยิ้ม ความแตกต่างของ REPÊCHAGE คือแบรนด์ของเราเป็นแบบไฮโดรฟิลิก ซึ่งหมายความว่าเป็น ”ครีมน้ำ” ที่ปราศจากความเหนอะหนะ ที่ดียิ่งขึ้นไปอีกคือส่วนผสมของสาหร่ายทะเลที่สามารถแทรกซึมผ่านชั้นบนสุดของผิวหนัง จึงช่วยป้องกันการขาดน้ำอย่างต่อเนื่อง

ปรัชญาของ REPÊCHAGE คือการเติมน้ำกลับเข้าสู่ผิวโดยไม่ทำให้ผิวมัน ซึ่งเหมาะกับเมืองไทยเป็นอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์เด่นของ REPÊCHAGE อย่าง C-SERUM SEAWEED FILTRATE,TRIPLE ACTION PEPTIDE SERUM และ VITA CURA B3 SERUM COMPLEX เป็นเซรั่มและครีมที่เติมความชุ่มชื้น โดยปราศจากความมัน ซึ่งเหมือนกับการกินไอศกรีมที่ไม่มีไขมัน ไม่มีความรู้สึกผิด ผิวของคุณจะเปล่งประกาย มีลุคที่สวยงามโดยไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

บิวตี้รูทีนเพื่อโลกยุคนี้ที่สุดจะบีซี่

ไลฟ์สไตล์ในยุคนี้ที่เราทุกคนต่างยุ่งกับการทำงาน ไม่มีเวลาทำอาหาร และแทบไม่มีเวลาที่จะดูแลลูก ขาดการนอนหลับที่เพียงพอ เมื่อเรามองสังคมในวันนี้ มีแต่ความเครียดอย่างมาก

สำหรับฉัน REPÊCHAGE จะช่วยกอบกู้สถานการณ์นี้ โดยการสร้างกิจวัตรการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร สิ่งที่สำคัญในตอนเช้าเมื่อคุณตื่นนอนคือการขยับร่างกายยืดกล้ามเนื้อเพียง 10 นาที สครับผิวด้วยแปรงเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกและเพิ่มออกซิเจน จากนั้นอาบน้ำ ดื่มชา ทำกิจวัตรการดูแลผิวหน้า อย่าลืมใช้ REPÊCHAGE C-SERUM SEAWEED FILTRATE เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เหล่านี้คือขั้นตอนง่ายๆที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ซับซ้อนเกินไป

ฝากถึงแฟนๆของ REPÊCHAGE ในประเทศไทย

อยากฝากให้แฟนๆติดตามหนึ่งในทรีตเมนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา REPÊCHAGE 4-Layer Facial เป็นทรีตเมนต์ที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งทั่วโลก แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมในประเทศไทย หลายคนฟีดแบ็กฉันว่ามาสก์ในขั้นตอนสุดท้ายนั้นร้อนเกินไป ฉันจึงมีไอเดียที่จะสร้าง 4-Layer Facial ที่เป็นการทำไครโยเทอราปี (Cryotherapy) หรือการบำบัดด้วยความเย็น เป็นมาสก์เย็นที่ช่วยกระชับผิว ที่ยังคงให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน และตรงตามความต้องการของตลาดในเมืองไทยที่ต้องการในแบบเย็นมากกว่าแบบร้อน

และเรายังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด Professional T-Zone Balance Classic Facial เป็นการทำทรีตเมนต์ใบหน้าส่วนทีโซน ซึ่งดีมากสำหรับการทำความสะอาดล้ำลึก ให้ความชุ่มชื้น และมอบความกระจ่างใส อยากจะบอกว่าเป็นคอลเล็คชั่นที่แฟนๆชาวไทยต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน ฝากไว้เป็นชิ้นที่อยากให้สาวไทยได้ลองค่ะ

คาวาลลิโน มอเตอร์ จัดเอ็กซ์คลูซีฟดินเนอร์ “A Ferrari Night: Tailor Made”

account_circle

คาวาลลิโน มอเตอร์ ผู้นำเข้า Ferrari อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดเอ็กซ์คลูซีฟดินเนอร์ สุดพิเศษ “A Ferrari Night: Tailor Made” เพื่อขอบคุณลูกค้า พร้อมเปิดประสบการณ์ Tailor Made โปรแกรมออกแบบยนตรกรรมในฝัน ตอบโจทย์รสนิยมและความฝันของผู้ขับขี่ด้วยความพิเศษเพียงหนึ่งเดียว และได้ร่วมยลโฉม Ferrari ที่ดีไซน์ขึ้นเฉพาะตามความต้องการของนักสะสม Ferrari ชั้นนำอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ม้าลำพองระดับมาสเตอร์พีซคันต่อไปอย่างไร้ข้อจำกัด เพิ่มอรรถรสและความสุนทรีย์ในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น หรือเก็บเป็นชิ้นงานศิลปะที่สง่างามล้ำคุณค่า พร้อมอิ่มเอมกับเมนูพิเศษ ที่รังสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซปต์ที่อ้างอิงจากโปรแกรม Tailor Made ของ Ferrari โดยเชฟ Christian Martena จาก Clara ร้านอาหารอิตาเลียนไฟน์ไดนิ่งระดับประเทศ

นันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “เราสร้างความฝันในการตกแต่งรถของลูกค้า โดยมีการออกแบบ 3 ระดับ ระดับแรกคือการออกแบบ Atelier ในเมืองไทยซึ่งเรามีห้องออกแบบ Atelier ที่คาวาลลิโน มอเตอร์ ระดับสองคือไปออกแบบ Atelier ที่โรงงานในอิตาลีซึ่งมีสีและวัสดุอุปกรณ์หลากหลายพร้อมทั้งได้เห็นตัวอย่างรถ Ferrari คันอื่น และระดับสูงสุดคือการออกแบบในโปรแกรม Tailor Made ที่โรงงานอิตาลี ซึ่งเราได้เปิดให้บริการมาสิบปีแล้ว

“ความพิเศษของโปรแกรมนี้ คือมีวัสดุพิเศษให้เลือกหลากหลายยิ่งขึ้น ทำให้เจ้าของรถ Ferrari สามารถสร้างสรรค์รถของตัวเองได้อย่างอิสระตามใจ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการยกระดับการดีไซน์รถ Ferrari คันต่อไป เป็นศิลปะชิ้นงามที่มีเรื่องราวและเรื่องเล่าสุดพิเศษในแต่ละคัน”

โปรแกรม Tailor Made เริ่มต้นให้บริการเมื่อปี 1950 ที่โรงงาน Ferrari ในเมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี เพื่อรังสรรค์ความฝันของผู้ขับขี่ให้เป็นจริง ตอบสนองความต้องการของลูกค้า Ferrari ที่ต้องการการออกแบบในรูปลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น ตอบโจทย์รสนิยมและจินตนาการของผู้เป็นเจ้าของ และยังคงสานต่อบริการสุดพิเศษนี้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังมอบความอิสระในการออกแบบมากยิ่งขึ้นทั้งภายนอกและภายใน ด้วยการกำหนดสีตัวถัง และการเลือกวัสดุอุปกรณ์เกรดพิเศษ ที่มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ วัสดุหนัง ผ้า ไม้ และแนวทางในการตกแต่ง ที่ทีมนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญของ Ferrari พร้อมให้คำแนะนำและสร้างสรรค์อย่างใส่ใจทุกรายละเอียด ก่อนส่งมอบรถคันพิเศษเฉพาะคุณที่จะเป็นเพียงหนึ่งเดียวในโลก

บุญชู ตรีทอง เผยประสบการณ์ที่ได้รับจากการออกแบบ Ferrari ในโปรแกรม Tailor Made ว่า “ผมใช้รถเฟอร์รารี่มาตั้งแต่ปี 1995 มีความประทับใจและใช้เรื่อยมา กระทั่งมาถึง Ferrari 488 Pista  ผมได้เดินทางไปมาราเนลโลเพื่อทำ Tailor Made เมื่อไปถึงโรงงาน Ferrari ทีมงานให้การต้อนรับดีมาก โปรแกรมนี้ทำให้ผมได้เลือกวัสดุต่างๆ ตามใจปรารถนาบนพื้นฐานของ Pista ผมเลือกเบาะหนังที่มีเอกลักษณ์แบบผู้ดีอังกฤษ รวมถึงวัสดุของพรมวางเท้าเช่นกัน กรุทุกอย่างด้วยบลูคาร์บอน พ่นธงชาติอิตาลีแบบเฟดจางๆ ที่ด้านหน้ารถ พวงมาลัย และโลโก้ม้าลำพองข้างตัวรถที่ใช้เทคนิคการเพ้นท์สี ส่วนสีรถคนจะมองว่าเป็นเฟอร์รารี่ที่สีแปลก แต่เมื่อมองกลางแสงแดดจะสวยเคลิ้ม”

พศิน ลาทูรัส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท นารายณ์อินเตอร์เทรด จำกัด และอดีตนักแข่งรถทีมเฟอร์รารี่ เล่าถึง Ferrari 488 Pista Piloti ที่ได้รับการออกแบบผ่านโปรแกรม Tailor Made ซึ่งทำขึ้นสำหรับนักแข่งของ Ferrari เท่านั้น“Tailor Made ของผมเกิดจากการได้ร่วมแข่งรถกับ Ferrari มาหลายปี และคันนี้เป็นรถTailor Made ที่เชื่อมโยงกับรถแข่งของ Ferrari เช่น มีตัวเลขเบอร์ 47 ซึ่งเป็นเบอร์รถแข่งของผมในเวลานั้น และเป็น Ferrari คันแรกที่ชนะรายการ มีลายธงชาติอิตาลีในตัวเบาะอัลคันทาราจางๆ ซึ่งเป็นลูกเล่นที่สวยงามและยูนีค มีชุดคาร์บอนทั้งชิ้นที่ 488 Pista ปกติจะไม่มีตรงส่วนปีกหลัง และล้อคาร์บอนไฟเบอร์ เพราะเป็นธีมรถแข่ง จึงต้องเบาที่สุด ส่วนสีผมเลือกสี Blue TDF ซึ่งไม่ใช่สีน้ำเงินแบบที่เคยเห็น เนื้อสีมีเลเยอร์ สำหรับผมแล้ว รถคันนี้คือประวัติศาสตร์การเป็นนักแข่งที่น่าจดจำของผม ทุกวันนี้แม้จะไม่ได้เป็นนักแข่งแล้วแต่ผมยังขับรถคันนี้ทุกอาทิตย์ แค่ได้ขับก็มีความสุขแล้ว

“สำหรับใครที่สนใจและมีโอกาสได้ใช้บริการโปรแกรม Tailor Made ของ Ferrari ผมแนะนำว่าควรหาแรงบันดาลใจก่อน อาจเริ่มต้นจากสีก็ได้ เพื่อให้ทีมนักออกแบบช่วยพัฒนาต่อได้ เพราะที่นั่นมีสีและวัสดุให้เลือกเยอะมาก หากไม่มีจุดเริ่มต้นอาจจะสับสนไม่รู้จะเริ่มตรงไหน”

สนใจโปรแกรม Tailor Made ออกแบบรถคันพิเศษ และสัมผัสสุดยอดสมรรถนะแห่งการขับขี่อันเร้าใจกับรถ Ferrari สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 3196109 หรือ [email protected] หรือ www.bangkok.ferraridealers.com   

สดใสกุ๊กกิ๊ก เพลิดเพลินไปกับ Keds ป๊อบอัพสุดคิ้วท์กลางใจเมือง

account_circle

Keds (เคดส์) ชวนสาวกแบรนด์และสาวๆ ทุกคนที่ชื่นชอบสนีกเกอร์และความสดใสกุ๊กกิ๊ก มาเพลิดเพลินไปกับ Keds Pop-up Store ป๊อบอัพที่จัดขึ้นใจกลางกรุง ณ ชั้น2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม

ภายใต้คอนเซ็ปต์สะท้อนตัวตนหลักของเคดส์ ผ่านโทนสีน้ำเงินและสีขาว พร้อมโลโก้อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์รูปแบบใหม่ พร้อมทั้งยกขบวนสินค้าต่างๆ มากมายมาให้เหล่าสาวกได้เลือกชมเลือกช็อปกัน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นใหม่และรุ่นคลาสสิก พร้อมทั้งกลุ่มแอกเซสซอรี่ อย่าง หมวก กระเป๋าผ้าและถุงเท้า

นอกจากนี้ยังมุม DIY มุมที่ให้สาวๆ ได้ใส่ไอเดียในการตกแต่งรองเท้าคู่ใหม่ด้วยตัวเอง โดยมีวัสดุต่างๆ ให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น เชือกผูกรองเท้าหลากสี จนไปถึงชาร์มสุดคิ้วท์ลวดลายต่างๆ ที่ออกแบบมาสำหรับกิจกรรมในครั้งนี้โดยเฉพาะ ปิดท้ายด้วยกระเป๋าผ้าไอคอนิกสุดฮิตอย่าง The Keds Bag ที่เปิดตัวโทนสีใหม่ล่าสุดภายในงานเป็นที่แรก!

ใครเป็นแฟนๆ เคดส์หรือชื่นชอบรองเท้าสนีกเกอร์ไม่ควรพลาด แวะมาเยี่ยมชมป๊อบอัพและรับโปรโมชั่นพิเศษได้ตั้งแต่ วันที่ 20 มิถุนายน ถึง 3 กรกฎาคมนี้


Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

เปิดภาพนิทรรศการ “Spirits Of Maritime Crossing : วิญญาณข้ามมหาสมุทร” ส่งตรงจากอิตาลี

Alternative Textaccount_circle
Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร
Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

เมื่อสายน้ำเจ้าพระยาได้บรรจบกับ Grand Canal แห่งเวนิส เปิดให้เข้าชมแล้วอย่างเป็นทางการ นิทรรศการ “Spirits Of Maritime Crossing : วิญญาณข้ามมหาสมุทร” หนึ่งในกิจกรรมหลักของมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ ครั้งที่ 60

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

มูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ นำเสนอนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ที่บอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ 10,000 กิโลเมตร ของเมืองบางกอกและเวนิส ผ่าน 40 ผลงานศิลปะอันโดดเด่นของ 15 ศิลปินจากภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ภาพวาด ประติมากรรม สื่อผสม และวิดีโอจัดวาง ซึ่งเจาะลึกประเด็นเรื่องการพลัดถิ่น ลัทธิล่าอาณานิคม และการผสมผสานของวัฒนธรรมที่หลากหลายทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นไปที่สัญลักษณ์ของการข้ามน้ำ และการเดินทางทางทะเลเป็นพิเศษ

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

The Spirits of Maritime Crossing : วิญญาณข้ามมหาสมุทร จัดขึ้น​ ณ Palazzo Smith Mangilli Valmarana ในนครเวนิส ประเทศอิตาลี โดยจัดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 พิธีเปิดนิทรรศการจัดขึ้นอย่างอบอุ่นในบรรยากาศกรุ่นกลิ่นอายความเป็นไทย พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติในแวดวงศิลปะจากหลากหลายประเทศ

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

เปิดภาพนิทรรศการ “Spirits Of Maritime Crossing : วิญญาณข้ามมหาสมุทร” ส่งตรงจาก Palazzo Smith Mangilli Valmarana นครเวนิส ประเทศอิตาลี

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

ในพิธีเปิดพบกับงานเสวนาโดย ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการครั้งนี้ ร่วมด้วยศิลปินอย่าง คุณกวิตา วัฒนะชยังกูร และคุณจักกาย ศิริบุตร จากประเทศไทย และ Priyageetha Dia (ปรียากีธา ดีอา) จากสิงคโปร์ พร้อมการแสดงพิเศษโดย คุณพิเชษฐ กลั่นชื่น

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

นอกจากนี้ ในช่วงเย็นยังมีการฉายภาพยนตร์สั้นเรื่องใหม่รอบพิเศษ นำแสดงโดย Marina Abramović ศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผู้ชนะรางวัลสิงโตทองคำที่ Venice Biennale ณ มูลนิธิ Generali Procuratie Vecchie ณ จัตุรัส San Marco ใจกลางนครเวนิส

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

15 ศิลปิน จากภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ศิลปินชื่อดังไปจนถึงศิลปินหน้าใหม่ที่มีพรสวรรค์ที่มาร่วมแสดงงานในครั้งนี้ นำโดย มารีน่า อบราโมวิช (เซอร์เบีย สหรัฐอเมริกา) พิเชษฐ กลั่นชื่น (ไทย) ปรียากีธา ดีอา (สิงคโปร์) จิตติ เกษมกิจวัฒนา (ไทย) นักรบ มูลมานัส (ไทย) จอมเปท คุสวิดานันโต (อินโดนีเซีย) บุญโปน โพทิสาน (ลาว) อัลวิน รีอามิลโล (ฟิลิปปินส์) คไว สัมนาง (กัมพูชา) โม สัท (สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า-เนเธอร์แลนด์) จักกาย ศิริบุตร (ไทย) เจือง กง ตึง (เวียดนาม) นที อุตฤทธิ์ (ไทย) กวิตา วัฒนะชยังกูร (ไทย) และ หยี่ อิ-ลาน (มาเลเซีย)

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

นิทรรศการ The Spirits of Maritime Crossing : วิญญาณข้ามมหาสมุทร ในมหกรรมศิลปะนานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ ครั้งที่ 60 ได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผสานความร่วมมือครั้งสำคัญจากภาครัฐและเอกชน ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) บริษัท วัน แบงค็อก โฮลดิ้งส์ จำกัด (One Bangkok) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (Central Group) มูลนิธิ 100 ต้นสน Fraser & Neave Holdings Bhd (F&NHB) and Fraser and Neave, Limited (F&NL) Saigon Beer-Alcohol-Beverage Corporation (SABECO) บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท แสงโสม จำกัด บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ถัง คอนเทมโพรารี่ อาร์ต จำกัด Generali Life Assurance (Thailand) Plc Richard Koh Fine Art Nova Contemporary Warin Lab Silver lens Gallery Flowers Gallery บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และเครือข่ายพันธมิตร ทุกภาคส่วน

Spirits Of Maritime Crossing วิญญาณข้ามมหาสมุทร

ติดตามข่าวสาร และตารางกิจกรรมของเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (Bangkok Art Biennale) เพิ่มเติมได้ทาง  Facebook และ Instagram : BkkArtBiennale 


ภาพ : Sitthisak Namkham

โอปอล-สุชาตา

เปิดประวัติ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี MISS UNIVERSE THAILAND 2024

Alternative Textaccount_circle
โอปอล-สุชาตา
โอปอล-สุชาตา

โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี อายุ 21 ปี เจ้าของตำแหน่งสาวงามคนล่าสุดจากเวที MISS UNIVERSE THAILAND 2024 เธอกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีปีที่ 2 สาขาวิชาการเมืองและการระหว่างประเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เส้นทางวงการนางงามของอปอลเข้าวงการประกวดนางงามตั้งแต่อายุน้อย เวทีแรกของเธอคือ นางงามรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่ออายุได้ 18 ปี เธอได้เข้าการประกวด Miss Universe Thailand 2022 ได้รับตำแหน่ง รองอันดับ 2  เนื่องจากรองอันดับ 1 สละตำแหน่ง

สัมภาษณ์ โอปอล-สุชาตา

ด้านโครงการเธอเลือกนำเสนอการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ซึ่งเกี่ยวข้องกับเธอในฐานะผู้เสี่ยงกับโรคนี้มาก่อน ทำให้เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่อายุยังน้อย ปัจจุบันโอปอลได้ริเริ่มแผนธุรกิจที่ไม่แสวงผลกำไรผลิตสินค้าเพื่อระดมทุนไปสู่การสนับสนุนให้ผู้หญิงในประเทศไทยได้มีความรู้ และตระหนักต่อปัญหาสุขภาพ อย่างถูกต้องและยั่งยืน

สัมภาษณ์ โอปอล-สุชาตา

สัมภาษณ์ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี MUT กรุงเทพมหานคร

การเติบโต และได้เข้าถึงการศึกษากายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ทำให้ โอปอล- สุชาตา ช่วงศรี มองเห็นโอกาสที่รออยู่ในโลกกว้างตั้งแต่วัยเด็ก เธอจึงเลือกศึกษาต่อด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อปูทางไปสู่อนาคตนักการทูตหญิง นอกจากนี้การผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตหลังการผ่าตัดก้อนเนื้อส่วนเกินบริเวณหน้าอกในวัยเด็ก ทำให้เธอเลือกคว้าโอกาสในการประกวด MISS UNIVERSE THAILAND ตั้งแต่อายุ 18 ปี เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยใกล้ตัวอันดับ 1 ของผู้หญิงไทย และทั่วโลก อย่างโรคมะเร็งเต้านม

โอปอล-สุชาตา

โอปอลเลือกลงพื้นที่และเดินทางไปสัมภาษณ์ชิงลึกกับหลากหลายบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งเต้านมพร้อมทั้งได้ร่วมงานกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และมูลนิธิโรคมะเร็ง โรงพยาบาลศิริราช โดยเธอได้ริเริ่มแผนธุรกิจที่ไม่แสวงผลกำไรผลิตสินค้าเพื่อระดมทุนไปสู่การสนับสนุนให้ผู้หญิงในประเทศไทยได้มีความรู้ และตระหนักต่อปัญหาสุขภาพ อย่างถูกต้องและยั่งยืน

ความสุขของคุณคืออะไร?

“ความสุขของโอปอล คือ การได้ทานอาหารที่อยากทานได้นอนหลับพักผ่อนจนหายเหนื่อยจากวันก่อนหน้า มีสุขภาพกาย และใจที่แข็งแรง พร้อมเดินหน้าต่อไปในวันพรุ่งนี้”

เหตุการณ์ที่คุณไม่มีวันลืม?

“แสงไฟจากเพดานห้องผ่าตัดและเสียงนางพยาบาลที่กำลังเดินไปมา… โอปอล ในวัย 16 ปี ซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ต้องเผชิญหน้ากับความกลัว มากมายอยู่ตามลำพังโดยไม่สามารถขอกำลังใจจากใครได้ ณ วินาทีนั้นเอง โอปอลจึงสำนึกรู้ได้ว่า“คนเดียว” ที่จะอยู่กับเรา และจะพาเราก้าวข้ามทุก ความกลัวนั้นไปได้ ก็คือ ‘ตัวเราเอง”

บทเรียนที่ดีที่สุดในชีวิต?

“หลังจากเข้ารับการผ่าตัดก้อนเนื้อส่วนเกิน โอปอล ในวัย 16 ปี คนที่เคยถูกจำกัดด้วยคำพูดว่า “เธอยังเด็กเกินไปที่จะทำสิ่งต่างๆ” ก็ได้รับบทเรียนที่สำคัญกว่า เราไม่จำเป็นต้องเชื่อคำพูดหรือคำสบประมาทจากใครอีกแล้ว เพราะถ้าหากวันนั้นโอปอลไม่ได้ตื่นขึ้นมาหลังการผ่าตัดความฝันทุกอย่างก็คงถูกฝั่งไว้ตลอดกาล โอปอลจึงอยากให้ทุกคนทำตามเสียง “หัวใจที่กล้าหาญ” ของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน อายุเท่าใด หรือถูกมองอย่างไรจากสังคมก็ตาม เหมือนที่โอปอลได้ตัดสินใจ เข้าร่วมการประกวด MUT ทันทีโดยไม่ลังเล เมื่ออายุถึง 18 ปี แม้จะมีเสียงทัดทานมากมายบอกให้เรา ‘รอ’ และเราเองก็มีความกลัวอยู่ลึกๆ แต่ ณ วันนั้น เสียงที่ดังที่สุดในหัวใจได้บอกให้เรา กล้าทำตามความฝัน โดยไม่ต้องมีคำว่า ‘รอ’ เพราะวันที่ดีที่สุด ในการเริ่มต้น ลงมือทำตามหัวใจก็คือปี 2022 และวันที่ดีที่สุดอีกครั้งคือ ‘วันนี้’ ในปี 2024″

การก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองมีความสำคัญอย่างไร?

“เพราะนั่นคือบททดสอบของชีวิตที่จะพิสูจน์ว่า เรามีความกล้าหาญและเข้มแข็งพอที่จะก้าวข้ามจักรวาลไปได้หรือไม่โอปอลเชื่อว่าไม่มีใครเกิดมาแล้วกล้าหาญเลย แต่ความกลัวต่างๆ จะสร้างความกล้า อย่างเช่นผู้หญิงที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านม ต่างก็มีความกลัว แต่เธอเลือกที่จะก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญพวกเธอจึงทรงพลัง โลกของเราต้องการ ผู้หญิงที่กล้าหาญ และ เข้มแข็ง สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดต่างๆ ได้ เพื่ออุ้มชูและเกื้อหนุนผู้หญิงด้วยกัน เพราะเมื่อผู้หญิงทุกคนแข็งแกร่ง สังคมก็จะถูกขับเคลื่อน และเมื่อนั้นโลกของเราก็จะเปลี่ยน”

โอปอล-สุชาตา

แรงบันดาลใจในการก้าวข้ามขอบเขตของคุณคืออะไร?

“ลองจินตนาการถึงตัวเองที่ประสบความสำเร็จในอีก 10 ปี ข้างหน้าสิคะถ้าหากเรายอมแพ้ให้กับความกลัวในวันนี้เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเราคนนั้นเลย โอปอลก็เช่นกัน ทั้งภาพอนาคตนักการทูต ผู้นำหญิงนักธุรกิจ และมงกุฎนางงามจักรวาล ฯลฯ ล้วนเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้โอปอลต้องก้าวข้ามทุกขีดจำกัดไปให้ได้ “เราจะข้ามผ่านจักรวาลไปไม่ได้เลยเรากลัวว่าจะไม่ได้เห็นโลกใบเดิมอีก” และเรื่องราวของเราก็จะเป็นตำนานสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อไปได้อีกมากมาย”

คุณจะนำประสบการณ์จากการก้าวข้ามขอบเขตของจักรวาลในการประกวด MISS UNIVERSE THAILAND 2024 ไปใช้ในอนาคตอย่างไร?

“บนเส้นทางไปสู่จักรวาลครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวการเอาชนะความกลัวของตัวโอปอลเพียงคนเดียวหากยังมีเรื่องราว*หัวใจที่กล้าหาญ’ของผู้หญิงทุกคนที่สามารถพิชิตโรคมะเร็งเต้านมได้โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนพวกเธอและตั้งใจที่จะเป็นผู้นำสาส์นแห่งความกล้าถ่ายทอดให้สังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นสุขภาพผู้หญิง ผ่านพื้นที่สื่อของ MISS UNIVERSE THAILAND เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้หญิง ทั้งในไทย และระดับโลกต่อไป”

“BEYOND UNIVERSE” สำหรับคุณคืออะไร?

“ย้อนกลับไปยังวันที่รู้ว่าต้องเข้ารับการผ่าตัด โอปอลกลัวว่า ความฝัน และโอกาสของเราจะดับลง จนได้เรียนรู้ว่า ‘มีแค่เราเท่านั้น’ ที่จะคอยกุมมือตัวเองไปเผชิญหน้ากับมัน นั่นคือวันที่โอปอลได้เห็นถึง ‘ความกล้าหาญ’ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในหัวใจของตัวเองเช่นเดียวกับเหล่าผู้หญิงที่ต้องต่อสู้กันโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งโอปอลมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ และได้เรียนรู้ว่า พวกเราต่างก็ได้ค้นพบจิตจิตวิญญาณที่กล้าหาญ จากการเผชิญหน้ากับความกลัวการสูญเสียเหล่านั้นเช่นกัน ดังนั้น การก้าวข้ามจักรวาลของโอปอล คือการที่เราต้องเดินทางข้ามผ่านความกลัวแล้วได้กลับมาค้นพบว่า ‘เหนือจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ ยังมีความกล้าหาญในใจเรา’ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในการก้าวข้ามทุกขีดจำกัด”

ภาพและข้อมูลจาก MUT Bangkok 

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

MOUAWAD “Starlight Crown”

เปิดตัว MOUAWAD “Starlight Crown” มงกุฎประจำตำแหน่ง MUT 2024

Alternative Textaccount_circle
MOUAWAD “Starlight Crown”
MOUAWAD “Starlight Crown”

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “Ignight The Night” สำหรับมงกุฎประจำตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2024 จากแบรนด์เครื่องประดับสุดหรู MOUAWAD (โมอาว็าด) ในชื่อ “Starlight Crown” โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก “ดาวเหนือ” สื่อถึงการเดินทางเพื่อบรรลุปณิธาน

MOUAWAD “Starlight Crown”

โดยก่อนการเปิดตัวมงกุฎนั้น MOUAWAD และ TPN GLOBAL ได้รังสรรค์แฟชั่นโชว์เครื่องประดับให้ 40 สาวงามผู้เข้าประกวดได้สวมใส่ รวมถึง 4 โชว์ฟินาเล่ 4 เครื่องเพชรสุดอลังการที่ผู้ชนะในงาน MUT GALA สวมใส่ ได้แก่ Queen Of MUT GALA ได้แก่ MUT40 กรุงเทพมหานคร โอปอล์ – สุชาตา ช่วงศรี , Queen Of The Best Look ได้แก่ MUT07 มหาสารคาม ป๊อปปี้ – บุญญิสา จันทราราชัย , Queen Of Performance ได้แก่ M UT01 ลพบุรี ทราย – สุวิมล นาต๊ะ

และสำหรับ MOUAWAD “Starlight Crown” ตัวเรือนประดับด้วยเพชรขาว 133 เม็ด น้ำหนักรวม 7.54 กะรัต โดยมีความพิเศษอยู่ที่เพชรขาวรูปดาวน้ำงามเจิดจรัส และอัญมณีสีขาวมากกว่า 2,500 เม็ด น้ำหนักรวม 176.76 กะรัต ซึ่งสื่อถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ สะท้อนถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อการพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น

เรือนมงกุฎฯ ประดับด้วยเหล่าดวงดาว สัญลักษณ์ของความอุตสาหะ ซึ่งดาวแต่ละดวงเป็นดั่งตัวแทนแห่งความมุ่งมั่น ย้ำเตือนว่าทุกความสำเร็จนั้นได้มาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องและความแน่วแน่ต่อจุดมุ่งหมาย

นอกจากนี้ MOUAWAD และ CI Talk ยังได้นำเสนอโครงการ Voice For Change ที่ทำร่วมกับ TPN Global มาเสมอ โดยให้ผู้เข้าประกวดได้นำเสนอคลิปวิดีโอ เกี่ยวกับมุมมอง และความคิดในประเด็นสังคมโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคมอย่างยั่งยืน

โดยทุกท่านสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการประกวด Miss Universe Thailand 2024 ทุกรอบการแข่งขันได้ทาง Facebook : Miss Universe Thailand และ TPN Global และ Youtube : TPNG รวมถึงการถ่ายทอดสดผ่าน ช่องวัน31 และสำหรับวันที่ 22 มิถุนายนนี้ จะเป็นการเปิดตัวในตำนานที่ทุกท่านคิดถึงอย่าง Preview Day กับการเปิดตัวลงบันไดเลื่อน และการแข่งขันในรอบ Keywords ณ Sphere Hall , Emsphere

เรียบหรู ทรงคุณค่า รวมนาฬิกา 3 สไตล์จาก แอร์เมส รังสรรค์จากช่างฝีมือชั้นเลิศ

account_circle

จากการรังสรรค์อย่างปราณีตของช่างฝีมือ แอร์เมส (Hermès) สู่นาฬิกา 3 สไตล์อันโดดเด่น ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องบอกเวลา แต่ยังเป็นผลงานการสร้างสรรค์ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้สวมใส่

นาฬิกาแอร์เมสทั้ง 3 รุ่นโดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดที่เรียบหรูอย่างทรงกลมหรือตัว H ตามแบบฉบับของแอร์เมส ในเฉดสีสันที่เรียบง่ายแต่สง่างาม และผสมผสานเข้ากับวัสดุที่เหนือระดับสู่ผลงานอันทรงคุณค่าที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์ของผู้สวมใส่ ตั้งแต่คลาสสิกเหนือกาลเวลาไปจนถึงจิตวิญญาณความเป็นสปอร์ต

เรียบหรู ทรงคุณค่า รวมนาฬิกา 3 สไตล์จาก แอร์เมส รังสรรค์จากช่างฝีมือชั้นเลิศ

Hermès Cut     

เรือนเวลา Hermès Cut ตัวเรือนมาในรูปทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยความเรียบง่ายของตัวเรือนที่ถูกขัดด้านแบบซาตินและขัดเงา มาพร้อมกับกลไกจักรกลในระบบไขลานอัตโนมัติที่เผยให้เห็นถึงการทำงาน และการตกแต่งผ่านกระจกคริสตัล แซฟไฟร์บนฝาหลังตัวเรือน ทั้งยังทำหน้าที่ขับเคลื่อนการแสดงเวลาชั่วโมง นาที และวินาทีได้อย่าง เที่ยงตรง ผ่านเข็มชี้ชั่วโมงและนาทีทรงบาตอง (Baton-shaped) ประกอบมากับสายสร้อยข้อมือโลหะ

นอกจากนี้ยังมีสายยางที่มาให้เลือกพร้อมกันถึง 8 สี ทั้งสีขาว ส้ม เทาอมฟ้า เทา ไกลซีน เขียวพาสเทล น้ำเงินยีนส์ และคาปูซีน ซึ่งสายยางเหล่านี้ยังสามารถถอดเปลี่ยนสายได้อย่างรวดเร็ว 

Hermès Heure H    

เรือนเวลา Heure H มาพร้อมหน้าปัดหินสีทั้งหินออบซีเดียน (Obsidian) หินมาลาไคต์ (Malachite) และหินอะเวนจูรีน (Aventurine) เป็นครั้งแรก โดดเด่นด้วยการประดับอัญมณีบนหน้าปัดและรอบขอบตัวเรือนสตีลหรือทองคำโรสโกลด์ และสายที่สามารถเปลี่ยนได้ระหว่างสายหนังจระเข้หรือสายหนังลูกวัว ล้วนแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญที่บ่มเพาะในการออกแบบของแบรนด์ ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เรือนเวลา Heure H ก็ยังคงเป็นไอเท็มเหนือกาลเวลาที่ยังคงความโฉบเฉี่ยว สดใส และ คล่องแคล่วในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ

Hermès H08 

เรือนเวลา Hermès H08  ได้ผสมผสานจิตวิญญาณความเป็นสปอร์ตที่สะท้อนความมัสคิวลีนของแอร์เมสได้อย่างลงตัว โดยเอกลักษณ์โดดเด่นของนาฬิการุ่นนี้คือการผสมผสานระหว่างทองและไทเทเนียมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นภายใต้โลหะผสมที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบา กับตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมมน หรือคุชชั่น (cushion-shaped)

ประกอบด้วยฝาหลังตัวเรือนทำจากไทเทเนียม เคลือบดีแอลซี (DLC) สีดำ ส่วนด้านบนของตัวเรือนชิ้นกลาง
ทำจากโรสโกลด์ มาพร้อมกับการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลไข ลานอัตโนมัติ แมนูแฟคเจอร์ แอร์เมส เอช1837 (Manufacture Hermès H1837) ประกอบลงตัวมากับสายยางสีดำ พร้อมทั้งตัวพับล็อกสายทำจากไทเทเนียม เคลือบดีแอลซี


น้ำหอมคอลฯ

เหล่าคนดังชวนสัมผัสน้ำหอมคอลฯ พิเศษ La Collection Privée Christian Dior ณ DIORIVIERA POP-UP EVENT ในวิลล่าหรูที่ตกแต่งด้วยลวดลายกูตูร์

Alternative Textaccount_circle
น้ำหอมคอลฯ
น้ำหอมคอลฯ

หรูหราเลอค่าน่าเยี่ยมชมมาก สำหรับ DIORIVIERA POP-UP EVENT จาก DIOR BEAUTY ในบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จัดขึ้น ณ วิลล่าหรูที่ตกแต่งด้วยลวดลายกูตูร์ ที่พร้อมให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสน้ำหอมคอลเล็คชั่นพิเศษ La Collection Privée Christian Dior พร้อมผลิตภัณฑ์บิวตี้สุดคูลหลายไอเท็ม ที่โรงแรม Capella Bangkok (ถนนเจริญกรุง) ริเวอร์ฟร้อนท์วิลล่า หมายเลข 3 วันที 17-26 มิถุนายน 2567 ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ http://on.dior.com/bookingth, Line official: DiorThailand

ซึ่งไฮไลท์พิเศษอย่าง La Collection Privée Christian Dior และน้ำหอมสำหรับซัมเมอร์นี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Riviera มาพร้อมกับการตกแต่งด้วยลวดลาย Toile de Jouy ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่่งแต่ละรุ่นเผยความสง่างามและความกูตูร์ที่่หรูหราของ Riviera ไม่ว่าจะเป็นความหอมอันน่ารื่นรมย์จากไอแดดของ Dioriviera ไปจนถึงกลิ่นอายความสดชื่นของท้องทะเล Eden-Roc และความหอมอันหรููหราของ Jasmin des Anges ที่แต่ละกลิ่นพร้อมพาไปพักผ่อน ณ ดินแดนทางใต้ของฝรั่งเศส

Eden-Roc กลิ่นตระกูลดอกไม้ พร้อมกลิ่นสดชื่นของน้ำทะเล, กลิ่นอุ่นไอของแสงแดด และตัวแทนของน้ำทะเล, แสงแดด และแมกไม้เขียวขจี ความรู้สึกที่สะท้อนถึง แสงแดดสดใสทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

Jasmin des Anges กลิ่นดอกไม้ในไอแดด แนวกลิ่นหอมหวาน ชวนให้นึกถึงผ้าลูกไม้โปร่งบางรองรับงานฝีมือปักลายดอกมะลิซึ่งถูกเก็บเกี่ยวในปลายฤดู แซมสลับอย่างมีชั้นเชิงกับกลิ่นน้าผึ้ง และน้ำหวานดอกแอปริค็อต


VICKTEERUT “Simple Wonder”พลังแห่งความสุขและความสนุกสนาน

account_circle

VICKTEERUT (วิคธีร์รัฐ) ชวนคุณให้นึกถึงความสนุกสนานของโลกแฟชั่นที่ไร้ขีดจำกัด และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความสุข ผ่านคอลเลคชั่น Pre-Fall 24 “Simple Wonder” โดยการหยิบจับเสื้อผ้าชิ้นคลาสสิคมาผ่านกระบวนการต่างๆ ที่ทำให้เกิดโครงสร้างและเส้นสายใหม่ ทำให้เสื้อผ้าดูโดดเด่น ทันสมัย สวมใส่ง่าย ที่สำคัญคือยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆ วิคธีร์รัฐ เพื่อให้เป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีอิสระและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

คอลเล็คชั่น “Simple Wonder” โดยหยิบยกแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของความสุขและความสนุกสนานในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นตัวตนของหญิงสาววิคธีร์รัฐได้อย่างอิสระและสมบูรณ์แบบ  โดย VICKTEERUT ตั้งใจนำเสนอความแปลกใหม่ของเทคนิคที่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างเดิม อย่างการจับจีบและรูดผ้าให้เกิดความพอง อย่างชายเสื้อ แขนเสื้อ และกระเป๋าเสื้อ รวมถึงด้านหลังของตัวเสื้อที่มาพร้อมกับชายเสื้อที่สามารถถอดออกได้

โดยชิ้นเด่นประกอบด้วยเสื้อจากผ้าเจอร์ซีย์ในรูปแบบแขนสั้น และแขนยาว ที่ชายเสื้อนั้นถูกเย็บรูดด้วยยางยืด ใส่แบบพับชายเข้าด้านใน ทำให้ตัวเสื้อดูพองแบบบอลลูน, กระโปรงสั้นจับระบาย, กางเกงเอวรูดที่มาพร้อมเข็มขัด และกางเกงสกินนี่ที่สามารถนำมาสวมใส่กับเสื้อตัวโคร่ง เพิ่มความสนุกสนานในการมิกซ์แอนด์แมทช์ได้อีกด้วย

ร่วมสัมผัสคอลเลคชั่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนานจาก VICKTEERUT Pre-Fall “Simple Wonder” ได้ตั้งแต่วันนี้ที่ Website : https://vickteerut.com/, Instagram : @vickteerutofficial, Facebook : vickteerut และ Line Official Account : @vickteerut


ไฟนอลไฟลุก! ทำถึง ‘MISS TRANS THAILAND 2024 Presented by Masterpiece Hospital’

account_circle

ในที่สุดการเดินทางของเวทีประกวดสาวทรานส์ระดับชั้นนำของประเทศไทย อย่าง Miss Trans Thailand 2024 Presented by Masterpiece Hospital” จัดโดย ‘หมอนก-แพทย์หญิง อัญชลี ชีวาจร’ ในฐานะ CEO ผู้ถือลิขสิทธิ์  MISS TRANS THAILAND ซึ่งได้รับการสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการจาก บริษัท มาสเตอร์สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช โดย CEO ดาว – ลภัสรดา เลิศภานุโรจ ในค่ำวันพุธที่ 19 มิถุนายน 2567 ณ MCC Hall The Mall Lifestore Bangkapi ท่ามกลางแขกคนสำคัญจากหลากหลายวงการ 

​บรรยากาศภายในงานต้องบอกว่าอลังการงานสร้าง ทั้ง “จัดเต็ม จัดหนัก จัดแน่น” เพื่อให้สมกับเป็นเวทีประกวดสาวทรานส์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย มีเหล่านางงาม ดารา เซเลบริตี อินฟลูเอนเซอร์ และกองทัพสื่อมวลชน ตบเท้าเข้าร่วมงานคับคั่ง

งานนี้ “พี่ดาว มาสเตอร์พีช” ถือโอกาสควงคู่ชีวิต “พี่จุ๋ม – จิญรัช ภัทรวรนิชท์” ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท ไลท์ซอร์ส จำกัด และเจ้าของธุรกิจ JIYA แบรนด์สกินแคร์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง พร้อมตอกย้ำความหวานชื่นหลังจัดพิธีมงคลสมรสไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยทั้งคู่ขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงแสดงความยินดีกับการผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยไทยเราเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศที่ 3 ในเอเชีย ถัดจากไต้หวัน และเนปาล

บรรยากาศการประกวด เริ่มต้นจากความภาคภูมิใจในความเป็นสาวทรานส์จากทั่วประเทศ บนเวทียิ่งใหญ่อลังการ โดยการเปิดตัวสาวทรานส์ตัวแทนจาก 53 จังหวัด ที่ฟาดฟันความงามแบบสวยสมมง ชนิดไม่มีใครยอมใคร

​จากนั้นเวทีได้ลุกเป็นไฟโชติช่วง เมื่อสาวทรานส์ตัวแทนทุกจังหวัดขึ้นมาโชว์ความสะพรึงแบบจึ้งและจิกตาแตกในรอบชุดว่ายน้ำ “Swimming Suit Competition” ซึ่งเป็นชุดที่สาวทรานส์ได้รังสรรค์กันขึ้นมาเองอย่างสุดฝีมือในคอนเซ็ปต์ “The Glamourous and Shine’ ในวันประกวดรอบ Trans Swimsuit ก่อนหน้า

มาถึงช่วงนาทีระทึกใจ วินาทีลุ้นระทึกอีกครั้งกับการเริ่มประกาศผลรางวัลจากรองชนะเลิศทั้ง 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย

​รองชนะเลิศอันดับ 1 คนแรก ได้แก่ ซีเกมส์ – มินท์ธิตา อ่อนดำ จ.สุพรรณบุรี  

รองชนะเลิศอันดับ 1 คนที่สอง ได้แก่ เนม – สุชาภัสร์ คำตั๋น จ.เชียงใหม่

รองชนะเลิศอันดับ 1 คนที่สาม ได้แก่  นานา – ศศิญารินทร์ จันทรัตน์ จ.สงขลา

​รองชนะเลิศอันดับ 1 คนที่สี่ ได้แก่ ละออ – เนตรนภา จิตไทสง จ.ชลบุรี

​ถึงเวลาประกาศผลรางวัลใหญ่กับสาวทรานส์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ สปอย – วชิรญาณ์ ขัติยวงค์ จ.ลพบุรี เป็นผู้คว้ามงกุฏเพชรเกียรติยศ จาก God Diamonds มูลค่า 250,000 บาท พร้อมสายสะพายประจำตำแหน่ง, เข็มกลัดเพชรแท้ By วรวิทย์ไดมอนแอนท์จิวเวอรี่ มูลค่า 50,000 บาท, ช่อดอกไม้จากมาลัยสยาม รางวัลเงินสดมูลค่า 200,000 บาท, รางวัล Gift Voucher มูลค่า 500,000 บาท จาก Masterpiece Hospital, ทุนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล มูลค่า 2 ล้านบาท และ ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาทต่อครั้ง จากไทยประกันชีวิต และ Gift Voucher ผลิตภัณฑ์ Pherone มูลค่า 20,000 บาท

​ทั้งนี้คณะ ‘Miss Trans Thailand 2024 Presented by Masterpiece Hospital’ จะพร้อมใจกันปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งตลอดระยะเวลา 1 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Reflection” ภาพสะท้อนของสาวทรานส์ยุค 2024 ที่ไม่ใช่แค่เพศ แต่เป็นการทำประโยชน์เพื่อสังคมในทุกมิติ และการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Soft Power ไทย ร่วมเป็นกำลังใจให้กับพวกเธอในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย

‘จัสมิน’ เปิดตัวคอลเลคชั่นหรู ‘The Stride’ พร้อมเปิดตัว ‘ต้าเหนิง กัญญาวีร์ สองเมือง’ เป็น Friend of Jasmin คนแรก ในรอบ 50 ปี

account_circle

จัสมินเปิดตัว ‘The Stride’ คอลเลคชันเครื่องประดับที่มาพร้อมกับแนวคิดของการก้าวผ่านทุกช่วงเวลาไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โดยยังคงความเป็นตัวตนของตัวเองไว้ในทุกย่างก้าวของการเดินทาง … ซึ่งในคอลเลคชันใหม่นี้ ประกอบไปด้วยเครื่องประดับเพชรหลากหลายชิ้น ที่มีความเรียบหรู ดีไซน์ที่เหมาะสมกับทุกช่วงเวลาและสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส ซึ่งเครื่องประดับทุกชิ้นผ่านกระบวนการผลิตอย่างประณีตและพิถีพิถัน ทางแบรนด์ริเริ่มรังสรรค์คอลเลคชันนี้โดยยึดถือความเชื่อที่จะทำให้ผู้สวมใส่ได้เปล่งประกายในทุกวัน Jasmin ‘Everyday Shining’ ซึ่งเป็นคติหลักของแบรนด์

คุณภา โสภาพรรณ ทรัพย์มณีอนันต์ รองประธานกรรมการบริหาร จัสมิน จิวเวลรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า ‘การเปิดตัวครั้งนี้เป็นอีกคอลเลคชันที่แสดงถึงตัวตนของจัสมินที่ยึดมั่นในความเป็นตัวเองอย่างไม่ปรุงแต่ง และได้นำเสนอคอลเลคชันสุดพิเศษนี้ที่การดีไซน์ตัวเพชร เป็นการนำเอาเพชรทรงเอเมอร์รัลคัท (Emerald Cut Diamonds)  ซึ่งเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์และแสดงความสวยงามได้อย่างแตกต่างมาใช้เป็นแกนหลักของเครื่องประดับทุกชิ้นในคอลเลคชัน อีกทั้งการมี ‘ต้าเหนิง’ เป็น Friend of JASMIN คนแรกในรอบ 50 ปี ถือเป็นความพิเศษที่สุด เพราะไม่เพียงภาพลักษณ์ของต้าเหนิงจะสะท้อนถึงความเป็นแฟชั่นที่มีระดับแล้ว ต้าเหนิงเองยังมีความเป็นตัวตนของตัวเองอย่างชัดเจนซึ่งตรงกับสิ่งที่จัสมินเชื่อมาตลอด 50 ปี’

สำหรับคอลเลคชัน The Stride ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สาขาใหม่ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปของแบรนด์จัสมิน ณ ห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา นอกจากการเปิดตัวคอลเลคชันสุดพิเศษและ Friend of JASMIN คนแรกแล้ว ทางแบรนด์ยังได้มีการจัด workshop และพาช่างฝีมือผู้ชำนาญการมาสาธิตการทำเครื่องประดับเพชรภายในงาน เพื่อสะท้อนถึงความประณีตในการผลิตอีกด้วย โดยการเปิดตัวครั้งนี้มีแขกในวงการมาร่วมงานกันอย่างอบอุ่น อาทิ คุณสู่ขวัญ บูลกุล, คุณจ๋า ยศสินี, คุณเอมมี่ มรกต, คุณเปิ้ล จริยดี สเปนเซอร์, คุณแนน ปิยะดา และแขกผู้มีเกียรติอีกมากมาย

ร่วมสัมผัสและค้นพบความงามในแบบของคุณ กับคอลเลคชัน The Stride ได้แล้ววันนี้ที่ JASMIN ทุกสาขา

CITIZEN

CITIZEN Journey Beyond Time การเดินทางของจังหวะชีวิต  สู่การคว้าชัยชนะ

account_circle
CITIZEN
CITIZEN

CITIZEN เปิดตัวแคมเปญ Journey Beyond Time เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางที่อยู่ในทุกจังหวะของชีวิต ภายใต้สโลแกน “Better Starts Now” (“เริ่มตอนนี้ ดีกว่า”) พาค้นหาแรงบันดาลใจในการก้าวเดินบนเส้นทางที่คาดหวังและเต็มไปด้วยอุปสรรค การเผชิญกับบททดสอบความมุ่งมั่นและจิตใจของตัวเองที่เข้ามาท้าทายในแต่ละช่วงเวลา สู่การคว้าชัยชนะและการเดินทางสู่เป้าหมายใหม่ ของ 3 นักกีฬา

นำโดย ปอป้อ – ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, เจมส์-เฮย์วอร์ด เพรสคอท, สกาย กิ่งโพยม ผ่านเครื่องหมายของเวลา CITIZEN 6 รุ่น 6 สไตล์ ที่เดินไปในทุกจังหวะของชีวิต ได้แก่ Tsuyosa NJ0151-88L, Promaster Automatic NY0129-07L, Promaster Diver 200m NY0125-83E, Eco-Drive Promaster Diver BN0166-01L และ BN0165-55L, Eco Drive Promaster BN0197-08A

ปอป้อ – ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักกีฬาแบดมินตันหญิงทีมชาติไทย ที่สามารถเดินตามความฝันคว้าอันดับคู่ผสมมือหนึ่งของโลกมาครองได้สำเร็จ พร้อมหมุดหมายใหม่ในการคว้าชัยชนะในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์

โดยเรือนเวลาที่สะท้อนถึงจังหวะชีวิตและตัวตนของ ปอป้อ – ทรัพย์สิรี ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความสุขุม และ พลังบวก ผ่านนาฬิกา CITIZEN Tsuyosa NJ0151-88L หน้าปัด สีน้ำเงินเข้ม การ์เดียนขนาด 40 มิลลิเมตรสายสเตนเลสสตีล ดีไซน์สปอร์ตหรู อินทิเกรเตดสำรองพลังงานนานถึง 40 ชั่วโมงและ Promaster Automatic NY0129-07L หน้าปัดสีน้ำเงินเข้ม การ์เดียน ตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 41 มิลลิเมตรสายยาง Synthetic Rubber Strap กันน้ำลึก 200 เมตร

“Journey Beyond Time ขอป้อคือ การทุ่มเทไปให้สุด ไม่หยุดที่จะเดินตามความฝันของตัวเองในทุกๆ จังหวะของชีวิต แม้ระหว่างทางมันอาจมีอุปสรรคบ้าง ถ้าเราก้าวข้ามผ่านไปได้ก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งของป้อเอง เริ่มเล่นตั้งแต่ 9 ขวบ และมีความฝันว่าอยากติดทีมชาติ อยากเป็นมือหนึ่งของโลก ป้อก็ซ้อม ลงแข่งๆ มาเรื่อยๆ จนมาติดทีมชาติตอนอายุ 15 ปี และใช้เวลา 15 ปี ได้ขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกและแชมป์โลก ตอนนี้เหลือโอลิมปิกซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันที่อยากไปให้ถึง” ปอป้อ – ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย กล่าว

เจมส์-เฮย์วอร์ด เพรสคอท หนุ่มหล่อนักบาสเกตบอลลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์ กับการเดินทางในบทบาทนักกีฬาบาสเกตบอลดาวรุ่งทีมชาติไทย และบททดสอบสำคัญของชีวิต สู่จังหวะชีวิตครั้งใหม่บนเส้นทางวงการบันเทิงความท้าทาย การค้นพบตัวตนในบทบาทนักแสดง

ในแคมเปญนี้ เจมส์-เฮย์วอร์ด ได้ถ่ายทอดช่วงเวลาการเดินทางและการค้นพบเส้นทางใหม่ ผ่านนาฬิกาออโตเมติก CITIZEN Promaster Diver 200m NY0125-83E หน้าปัดสีดำขอบทอง ขนาด 41 มิลลิเมตร สายสเตนเลส สตีล และ Eco-Drive Promaster Diver BN0166-01L หน้าปัดสีน้ำเงินไล่เฉดสีเขียว ขนาด 44.8 มิลลิเมตร  สายยาง Synthetic Rubber Strap สีดำ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Eco-Drive หรือ แบตเตอรี่ที่สำรองพลังงานแสงอาทิตย์ และกันน้ำลึก 200 เมตร

“บาสเกตบอลเป็นจุดเริ่มต้น Journey Beyond Time ของเจมส์ เริ่มเล่นบาสตอน ม.1 ฝึกซ้อมมาเรื่อยๆ จนได้ทุนการศึกษาเป็นนักกีฬาที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ตื่นแต่เช้าออกกำลังกาย ซ้อมบาส เลิกเรียนก็ซ้อมบาส และไปคัดตัวก็ติด Fiba U16 ปี 2017 เยาวชนทีมชาติ มีแพลนจะได้ไปแข่งที่ประเทศเลบานอน แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด เหมือนจังหวะชีวิตที่ก้าวพลาดไปกำลังก้าวขึ้นไปและอยู่ๆ ก็กลับมาจุดเดิม แต่ในขณะเดียวกันเพราะบาสเกตบอลทำให้เจมส์มีโอกาสก้าวสู่เส้นทางใหม่ เป้าหมายใหม่ คือ การเป็นนักแสดง ทุกวันนี้ก็ยังเล่นบาสอยู่ เพราะบาสเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ได้พบโอกาสใหม่ๆ เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างก็เพราะบาสเกตบอล” เจมส์-เฮย์วอร์ด เพรสคอท กล่าว

สกาย กิ่งโพยม ลูกชายคนเก่งของ ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม ซูเปอร์โมเดลเมืองไทย มาถ่ายทอดเรื่องราวจุดเริ่มต้นของจังหวะชีวิต บนเส้นทางนักกีฬาว่ายน้ำ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน ความมุ่งมั่น และการนำพาจิตใจก้าวผ่านความผิดหวัง สู่การเดินตามความฝันการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ นำเสนอผ่าน CITIZEN Eco-Drive Promaster Diver รุ่น BN0165-55L หน้าปัดสีฟ้าสดใส ขนาด 44 มิลลิเมตร สายสเตนเลสสตีล และ Eco-Drive Promaster รุ่น BN0197-08A หน้าปัดสีขาวขอบดำ ขนาด 44.5 มิลลิเมตร สายยาง Synthetic Rubber Strap สีดำสุดเท่ ซึ่งทั้ง 2 รุ่น เป็นเทคโนโลยี Eco-Drive สำรองพลังงานแสงอาทิตย์

“คุณแม่พาสกายว่ายน้ำตอน 6 ขวบ ตั้งแต่นั้นมาสกายไม่เคยหยุดว่ายน้ำเลย Journey Beyond Time ของสกายคือ ความสนุกที่ได้ว่ายน้ำกับเพื่อนๆ ได้ซ้อม แข่งขัน สกายได้เรียนรู้ถึงการมีระเบียบวินัย ตอนแข่งขันแพ้ก็รู้สึกเสียใจ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเริ่มใหม่ ถ้าเราอยากชนะเราต้องฝึกซ้อมจนกว่าเราจะชนะ และเรียนรู้ในสิ่งที่ผ่านมา พร้อมกับการที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุดและเรียนรู้ที่จะยืนอยู่จุดนั้นให้นานที่สุด” สกาย กิ่งโพยม กล่าว 


รุส วารุส

รุส วารุส จากดาวติ๊กต๊อกสู่ศิลปินผู้มุ่งมั่นเยียวยาโลกทั้งใบด้วยบทเพลง

Alternative Textaccount_circle
รุส วารุส
รุส วารุส

หลังเคยสร้างปรากฏการณ์ “ถอย” และ “เอาไว้ค่อยคุย” ร่วมกับวง GLISS และเพลง “ทางผ่าน” ของ Pure Kanin (เพียว คณิน) วันนี้ครอบครัวดนตรีที่สร้างผลงานด้วยหัวใจอันยิ่งใหญ่อย่าง BH BrickHouse ขอแนะนำ รุส วารุส (Rus Warus) เด็กหนุ่มวัย 20 จากจังหวัดสตูลที่อยากให้ทุกคนรู้จักบ้านเกิดของเขาและพร้อมจะโอบกอดและเยียวยาโลกทั้งใบด้วยบทเพลงที่เขาสร้างสรรค์    

รุส วารุส

สำหรับรุสเป็นเด็กหนุ่มที่เติบโต ในจังหวัดสตูล เมืองที่เต็มไปด้วยความสงบ เรียบง่ายแบบชาวมุสลิม และมาพร้อมจิตใจที่รักในธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ หนังสือ งานอาร์ต แต่รุสเต็มไปด้วยความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ที่อยากจะทุกคนได้รู้จักบ้านเกิดตัวเองผ่านบทเพลงของเขา จนได้เข้ามาเดินทางสายดนตรีตั้งแต่วัยเด็ก และผ่านการลองผิดลองถูกในฐานะศิลปินน้องใหม่เป็นเวลานับปี แบบไม่เคยลดละความมุ่งมั่น 

ก่อนที่จำทำเพลงให้กับตัวเองและกลายเป็นที่นิยมบนแพลตฟอร์ม TikTok โดยที่หลายๆ คลิปคัฟเวอร์ของเขา มียอดชมหลักล้าน จนได้โคจรพบกับ BH BrickHouse บ้านหลังใหม่ที่มีแพชชั่นทางดนตรีเต็มเปี่ยม และจริงใจกับศิลปินเสมอ รุสและทีมงานที่เป็นเหมือนครอบครัว ก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดจนพบเคมีที่ลงตัว จนตัดสินใจร่วมงาน โดยทางค่ายได้เพาะบ่มต่อยอดเจียระไน ความเป็นศิลปินของรุสจนถึงจุดที่เขาได้ขึ้นเวทีใหญ่ และร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพเพื่อสร้างผลงานเดบิวต์ชิ้นแรก ซึ่งระหว่างทางที่ผ่านมา รุสก็ได้เพื่อนร่วมทางที่สัมผัสเสน่ห์ของเขา เข้ามาติดตามเป็นแฟนเพลงจำนวนมากในแทบทุกแพลตฟอร์มโซเชียล 

และในเวลาที่เหมาะสม ทุกคนได้รู้จักตัวตนผ่านเพลงใหม่ “ส่วนหนึ่งของเธอ (Part of You)” ผลงานที่มาพร้อมเรื่องราวของ คนที่เลือกจะมอบทั้งหมดของความรัก ความหวังดี ความจริงใจ ความเป็นห่วง รวมทั้งชีวิตและร่างกาย ให้กับคนที่ตัวเองรัก ส่วนดนตรีเพลงนี้จะเป็นแนวบัลลาร์ดร็อค ผสมผสานซูเกซซึ่งเป็นแนวดนตรีที่มีซาวด์กีตาร์แปลกหู จนสามารถสร้างบรรยากาศ Cinematic จนทุกคนสามารถเห็นภาพสิ่งที่ทางรุสต้องการสื่อ แถมมิวสิควิดีโอที่ตั้งใจเป็นพลังใจให้กับคนที่พบว่าชีวิตวัยผู้ใหญ่นั้นไม่สวยงามแบบที่หวัง ก็ยังได้ยอดฝีมือแห่งวงการภาพยนตร์อย่าง นราธิป ชัยณรงค์ มากำกับด้วย 

แม้ว่าเขาจะเป็นศิลปินน้องใหม่ แต่การทำงานครั้งนี้ เขาได้รับการสนับสนุนจากรุ่นพี่ในวงการมากมาย ทั้งเนื้อเพลงที่ได้ อู๋-รสิก ดุษฎีพรรณ์  ผู้สร้างผลงานเพลงฮิตตลอดกาล “สองรัก” จากวง ZEAL ขณะที่ทำนอง เป็นฝีมือของ โดม-ปิยะบุตร ศิริสัมพันธ์ มือคีย์บอร์ดวง GLISS ซึ่งโดม และ นิว-สิรภพ คมขำ นักร้องนำวง GLISS ก็ได้ดูแลเป็นโปรดิวเซอร์เพลง “ส่วนหนึ่งของเธอ (Part of You)” เพื่อให้น้องชายคนเล็กของบ้าน BH BrickHouse มีผลงานที่เหมาะสมกับเขาที่สุด ก่อนที่ตัวเพลงทั้งหมด จะถูกส่งให้ทางสตูดิโอ Salpotstudios ในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมิกซ์ดนตรีให้สมบูรณ์ที่สุดสำหรับผู้ฟัง 

เพียงแค่ 1 วันหลังจากที่ปล่อยผลงานออกไป เพลง “ส่วนหนึ่งของเธอ (Part of You)” ก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม จากทุกคนที่ถูกฮีลใจด้วยผลงานเพลงนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่เกินคาดสำหรับเด็กหนุ่มวัย 20 อย่างรุส วารุส 

“ส่วนหนึ่งของเธอ (Part of You)” ถือเป็นปฐมบทของรุส วารุส บนเส้นทางดนตรี เพราะถึงแม้จะพูดน้อย แต่เขาพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวตนทุกด้าน เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักผลงานเพลงของเขา สามารถติดตามผลงานเพลงของเขาได้ทุกช่องทางสตรีมมิ่ง และคอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจและเผยการเติบโตของรุสที่ YouTube BH BrickHouse

Saint Laurent "Le 5 à 7 supple"

กระเป๋า Saint Laurent “Le 5 à 7 supple” ดีไซน์เรียบหรู แมชต์ได้ทุกลุค

account_circle
Saint Laurent "Le 5 à 7 supple"
Saint Laurent "Le 5 à 7 supple"

กำลังขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งกระเป๋าที่สาวๆ ควรมีติดตู้ไว้สักใบสำหรับ Saint Laurent “Le 5 à 7 supple” กระเป๋าดีไซน์สวย เรียบหรู มาพร้อมวัสดุอย่างหนังลายเกรนที่ทําให้เป็นรอยได้ยาก

ซูมอิน Le 5 à 7 supple ไซส์ Small สี Dusty Grey จาก Saint Laurent ที่เป็นที่ถูกใจของ 3 สาว อย่าง ฟิล์ม รชานันท์ วิว เบญญาภา และ พิมมา พิมพ์มาดา ที่ล่าสุดได้โพสต์รูปคู่ของพวกเธอกับกระเป๋าใบนี้ในไอจีส่วนตัว

นอกจากความสวยของดีไซน์กระเป๋าแล้ว คุณสมบัติพิเศษของประเป๋าใบนี้คือการใช้วัสดุอย่างหนังลายเกรนที่ทําให้เป็นรอยได้ยาก สะดวกและแมตช์กับไลฟสไตล์เร่งรีบได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ให้สัมผัสที่อ่อนนุ่มและยังประดับด้วยโลโก้ Cassandre สีบรอนซ์อ่อน ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหน แบบลุคชิลๆในวันสบายๆ ไปจนถึงลุคจัดเต็มพร้อมทําคอนเทนต์ กระเป๋าใบนี้ก็สามารถช่วยเสริมลุคให้ดูเรียบหรู มีสไตล์ตามแบบฉบับของ Saint Laurent


keyboard_arrow_up