สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์(NSC) เปิดตัวอินสตาแกรม(Instagram) ในชื่อ @seafoodfromnorway_thailand ต่อยอดความสำเร็จของแคมเปญ ‘The Story from the North’ร่วมกับ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้อาหารทะเลจากนอร์เวย์ในเมนูไทย และปล่อยฟิลเตอร์อินสตาแกรม (Instagram Filter) ให้เหล่าแฟนๆ ได้ร่วมแชะภาพคู่กับ ญาญ่า-อุรัสยา เพื่อลุ้นรับแซลมอนและนอร์วีเจียนซาบะฟรีตลอดทั้งปี

ฟิลเตอร์อินสตาแกรมมีให้ร่วมสนุกถึง 4 ฟิลเตอร์ ได้แก่ ฟิลเตอร์ ญาญ่า-อุรัสยาถือแซลมอนญาญ่า-อุรัสยาถือนอร์วีเจียนซาบะการ์ตูนกราฟิกแซลมอนและพื้นหลังพร้อมสโลแกนของอาหารทะเลจากนอร์เวย์ ‘Origin Matters’ ที่บ่งบอกถึงอาหารทะเลคุณภาพพรีเมียมจากน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์ สำหรับผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมพิเศษนี้สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2566 ถึง 13 กรกฎาคม 2566 เพียงติดตามช่องทางอินสตาแกรมและใช้ฟิลเตอร์อินสตาแกรมของ Seafood from Norway Thailand โพสต์ผ่าน Instagram Story หรือ Reel ของตัวเองตั้งบัญชีให้เป็นสาธารณะพร้อมกล่าวถึง@seafoodfromnorway_thailandและแท็ก #seafoodfromnorwayth #อิ่มฟิน1ปีกับฟิลเตอร์ญาญ่าผู้โชคดีทั้ง 10 ราย จะได้รับแซลมอนและนอร์วีเจียนซาบะส่งตรงถึงบ้านฟรีเป็นเวลาหนึ่งปี รายชื่อผู้โชคดีจะประกาศในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566*

ร่วมถ่ายฟิลเตอร์อินสตาแกรมคู่กับ ‘ญาญ่า-อุรัสยา’ พร้อมลุ้นรับแซลมอนและนอร์วีเจียนซาบะฟรี จาก Seafood from NorwayThailand ตลอดทั้งปี!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลจากนอร์เวย์ (NSC) กำหนด ผู้โชคดีจะได้รับแซลมอนและนอร์วีเจียนซาบะ รวมปริมาณสูงสุด 400 กรัมมูลค่ากว่า 1,000 บาท ส่งตรงถึงบ้านเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 12 เดือน

เพราะ “บ้าน” คือที่อยู่อาศัยที่สะท้อนตัวตนของผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้นการจะเลือกบ้านสักหลัง นอกจากดีไซน์ที่สวยถูกใจ หรือการอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายแล้ว การนำหลักฮวงจุ้ยเข้ามาผสมผสานยังช่วยเกื้อหนุนให้ผู้อาศัยในบ้านพบเจอแต่ความสุข ความเจริญอีกด้วย

อยู่เจริญเอสเตทส บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์มากว่า 40 ปีผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” บ้านแฝดและทาวน์โฮมระดับลักชัวรีสไตล์ Modern Palladian ในทำเลเมืองย่านลาดพร้าว บนถนนนาคนิวาส ซอย 6  และ “บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์” โฮมออฟฟิศสไตล์ Modern Japanese บนทำเลเด่นอย่างถนนศรีวรา ย่านเอกมัย-รามอินทรา จับกระแสมูเตลูเปิดมุมมองศาสตร์ฮวงจุ้ย ในงาน “Feng Shui Talk” คุยเฟื่องเรื่องฮวงจุ้ยโดยได้รับเกียรติจากซินแสชื่อดัง “อาจารย์ต๋อย” มนัสชัย ทรัพย์รุ่งเรือง ร่วมเผยเคล็ดลับในการเลือกและตกแต่งบ้านที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจ และการใช้ชีวิตในทุกด้าน  

อยู่เจริญเอสเตทส ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย “บ้านอยู่เจริญ” จับกระแสสายมู จัดงาน Feng Shui Talk ชวนเปิดมุมมองศาสตร์ฮวงจุ้ยกับซินแสดัง เผยเคล็ดลับเลือกบ้านอย่างไรให้อยู่แล้วเฮง

ดร.ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อยู่เจริญเอสเตทส จํากัด กล่าวถึงจุดเด่นของทั้งสองโครงการ ได้แก่ “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คน ในย่านที่อยู่อาศัยสุดหรูของมหานครนิวยอร์ก มาผนวกเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยรูปแบบที่อยู่อาศัยที่มาพร้อม Smart Home Automation และนำเทรนด์โครงการในย่านลาดพร้าวที่สะท้อนไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง ด้วยบ้านขนาด 5 ชั้นเป็นโครงการแรก ๆ เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้สอย มีให้เลือก 2 รูปแบบคือ ทาวน์โฮม และ บ้านแฝด ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ หรือปรับเป็นโฮมออฟฟิศ ตอบสนองผู้อยู่อาศัยในยุคหลังโควิด-19 ที่ต้องการใช้ชีวิตเป็นสัดส่วน และเป็นส่วนตัว

ส่วนโครงการ “บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์” โฮมออฟฟิศสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพียง 14 ยูนิต
ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด ZEN นำเสนอการใช้ชีวิตสไตล์ Modern Japanese ที่มีความเรียบหรู และให้อิสระแก่ผู้อยู่อาศัยในการเลือกใช้ชีวิต ด้วยฟังก์ชันของพื้นที่ภายในบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เช่น หากต้องการเป็นพื้นที่อยู่อาศัยทั้งหมด ก็สามารถปรับพื้นที่เป็นห้องนอนได้ถึง 5 ห้อง หรือจะใช้ฟังก์ชัน แบบกึ่งที่อยู่อาศัยกึ่งออฟฟิศ ก็สามารถปรับตามความต้องการได้เช่นกัน อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น มีลิฟต์โดยสารส่วนตัว ระบบรักษาความปลอดภัย Home Automation และรองรับพื้นที่จอดรถสูงสุด 6 คัน รวมทั้งมีพื้นที่ส่วนกลางให้ผู้อยู่อาศัยสามารถทำกิจกรรมร่วมกัน อย่าง Co-working space ซึ่งสามารถดัดแปลงเป็นห้องประชุม หรือจัดกิจกรรมในรูปแบบอื่นๆ คลับเฮ้าส์ฟังก์ชันครบ พื้นที่ออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำระบบเกลือ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ รวมถึงสัมผัสความผ่อนคลายแบบเป็นส่วนตัว  

ด้าน “อาจารย์ต๋อย” มนัสชัย ทรัพย์รุ่งเรือง ซินแสชื่อดัง เผยถึงการนำศาสตร์ฮวงจุ้ยมาเป็นองค์ประกอบการเลือกที่อยู่อาศัยว่า “เวลาจะสร้างบ้านหรือซื้อบ้านสักหลัง ควรเลือกชัยภูมิ หรือสถานที่ตั้งเป็นหลัก โดยเลือกจากที่ดินที่อยู่ในแหล่งชุมชนที่เจริญ หรือชุมชนใหญ่ที่ไม่ใช่แหล่งเสื่อมโทรม หรืออยู่ใกล้ศูนย์การค้า อย่างโครงการบ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ ที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งท้องมังกร อยู่ใกล้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวมังกร จึงเป็นชัยภูมิที่ส่งเสริมกันมากในหลักของฮวงจุ้ย รวมถึงที่ตั้งของโครงการที่มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก็ถือเป็นรูปทรงที่ดีที่สุดตามหลักฮวงจุ้ย ทั้งนี้ให้พยายามหลีกเลี่ยงที่ดินที่มีลักษณะเป็นรูปสันมีด หรือเว้าแหว่ง รูปตัว L รูปสามเหลี่ยม และรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีปัญหา ไม่สบายใจ สุขภาพไม่ดี

“รวมถึงทิศทางการวางผังบ้าน ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ โดยแปลนบ้านทุกหลังของโครงการบ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ จัดให้หน้าบ้านทุกหลังหันไปทางทิศใต้ และทิศเหนือ ส่วนโครงการบ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์  หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศหลักของลมประจำถิ่นที่พัดเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้นถ้าหากซื้อบ้านตามทิศนี้แล้ว ลมจะพัดเข้าบ้าน เย็นสบาย ดังคำกล่าวที่ว่า ‘อยู่เย็น เป็นสุข’ ”  

นอกจากนี้ อาจารย์ต๋อย ยังเผยว่า “ที่ตั้งของโครงการบ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ มีพลังงานที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า จึงเหมาะทั้งเป็นที่อยู่อาศัย และโฮมออฟฟิศ เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความเคลื่อนที่ไปมา เช่น การขนส่ง การค้าขาย ติดต่อต่างประเทศ ในขณะที่โครงการบ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์ สัมผัสได้ถึงพลังที่มีความอบอุ่น และความสงบ เหมาะสมกับลักษณะงานด้านไอที ธุรกิจออนไลน์ รวมถึงกิจการที่เกี่ยวข้องกับการให้ความรู้ หรือวิชาการ เช่น สำนักงานทนายความ เป็นต้น ที่สำคัญด้านหลังของโครงการอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์ ยังติดกับคลอง ช่วยส่งเสริมเรื่องความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย

“นอกจากนี้ยังนำศาสตร์เรื่องตัวเลข เข้ามาช่วยเสริมสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย ซึ่งเลขที่บ้านแต่ละหลังของบ้านอยู่เจริญทั้ง 2 โครงการ เมื่อนำมาคำนวณเข้าด้วยกันแล้ว จะได้ตัวเลขที่ดีมีความเป็นมงคล ส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยอยู่แล้วเจริญรุ่งเรือง โดยตัวเลขที่ดีตามความเชื่อของคนไทย เช่น 5 9 ส่วนความเชื่อของคนจีน  เช่น 1 8 6 เป็นต้น”

ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ที่ Sales Gallery โครงการ “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” ถนนนาคนิวาส ซอย 6 และโครงการ “บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์” ถนนศรีวรา (เลยแยกประชาอุทิศ 200 เมตร บริเวณถนนด้านหลังโรงแรมเอสซีปาร์ค ก่อนถึงทาวน์อินทาวน์ 300 เมตร) รายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.ucharoenestate.com หรือโทร 087-665-6665 รวมทั้งช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

Line OA :  @ucharoenestate

Facebook : U Charoen Estate

IG : U Charoen estate

YouTube : U Charoen estate

TikTok : U Charoen estate

Blockdit : U Charoen estate

Linkedin : U Charoen estate

จะมีความสุขใด ที่สร้างความแช่มชื่นใจ เท่าการให้เป็นไม่มี มูลนิธิรามาธิบดีฯ จับมือศิลปินดังอย่าง “ครูโต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ “ครูปาน” สมนึก คลังนอก และสองพี่น้อง “แป้ง” ภัทรีดา – “นวล” นวลตอง ประสานทอง โดยมี เพียว โลกุตรา มาร่วมออกแบบเป็นปีแรกกับของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชัน Giving and Happiness (กีฟวิ่ง แอนด์ แฮปปี้เนส) ปีที่ 8 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แช่มชื่นใจ” โดยร่วมพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ พิเศษ! กับกิจกรรมเวิร์คช้อป ART ON THE PARTY TABLE 5 ศิลปิน ชวนออกแบบแผ่นรองจาน และโชว์ไอเดียศิลปะการจัดโต๊ะปาร์ตี้ที่ตกแต่งด้วยของที่ระลึกการกุศล เช่น จานเซรามิค แก้วน้ำ เป็นต้น ในวันพุธที่ 14 มิถุนายนนี้ ณ OPEN HOUSE ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ทั้งนี้รายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายของที่ระลึกการกุศลจะนำไปมอบให้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์

พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวถึงความพิเศษของคอลเลกชันของที่ระลึกการกุศลภายใต้ คอนเซ็ปต์ล่าสุดนี้ว่า “‘แช่มชื่นใจ’ เป็นคำที่ได้มาจากการคุยกับครูโต ที่พูดถึงความรู้สึกของผู้ให้จากการแบ่งปัน ซึ่งเราคิดว่าผู้รับเองก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน เมื่อได้ทำบุญและได้ใช้ของที่ระลึกการกุศลที่มีลวดลายสวยงาม ศิลปินทุกท่านตีความความแช่มชื่นใจด้วยลายเส้นที่เป็นซิกเนเจอร์ จัดทำเป็นของที่ระลึกคุณภาพดี ทันสมัย เติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่มีสีสันให้ชีวิตประจําวัน ซึ่งความพิเศษของคอลเลกชันนี้ นอกจากจะได้รับเกียรติ จาก 4 ศิลปินที่ร่วมงานกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ยังเพิ่มเติมความสนุกจากศิลปินท่านใหม่ คือ เพียว โลกุตรา ดิจิทัลอาร์ตติสหนุ่มเจ้าของภาพพอร์เทรทแนวมินิมอล ที่ทํางานกับแบรนด์ดังมากมายมาร่วมเพิ่มความหลากหลายของลายเส้น และยังมีชิ้นงานซึ่งผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกสําหรับคอลเลกชันนี้โดยเฉพาะ อย่างชุดจานเซรามิค 5 ศิลปิน โดยในแต่ละเซ็ทจะมีจาน 5 ใบ พิมพ์ลวดลายที่สร้างสรรค์จากศิลปินแต่ละท่าน”

มูลนิธิรามาธิบดีฯ จับมือ 5 ศิลปินดัง ชวนทุกคน “แช่มชื่นใจ” กับของที่ระลึกการกุศลใหม่ Giving and Happiness ปีที่ 8

โดยในงานศิลปินทั้ง 5 ท่าน ได้ร่วมเปิดเผยถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชันพิเศษ Giving and Happiness (กีฟวิ่ง แอนด์ แฮปปี้เนส) ปีที่ 8 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แช่มชื่นใจ” ดังนี้

“ครูโต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ เผยว่า “ปีนี้ครูวาดรูปให้หลายรูป รูปแตกต่างจากปีก่อน ๆ โดยวาดเป็นรูปคนผิวสีเข้ม หมายถึงความหนักแน่นและอดทน สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับครูโต เตรียมตัวร่วมกุศลด้วยกัน”

“ครูปาน” สมนึก คลังนอก เล่าว่า “เพราะเชื่อว่า ผู้ให้จะมีความอิ่มใจ จึงวาดผู้หญิงหนึ่งคนที่มีดอกไม้บานเต็มหัว มีนกเกาะและหน้าตาอิ่มเอิบ ยิ้มแย้ม หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข และเป็นความรู้สึกที่ทุกคนจะได้รับเมื่อสนับสนุนของที่ระลึกการกุศลของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่อยากชวนทุกคนมา อิ่มใจ ด้วยกัน”

 “แป้ง” ภัทรีดา ประสานทอง ส่งพลังแห่งความโชคดีที่มาพร้อมความน่ารักของนักษัตรประจำปี 2566 “กระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของโชคดีและรูปทรงของกระต่ายเป็นรูปทรงที่น่ารัก จึงเป็นแรงบันดาลใจในการนำมาสร้างสรรค์คอลเลกชันนี้เป็นรูปกระต่ายทั้งหมด”

“นวล” นวลตอง ประสานทอง กล่าวว่า “การเป็นผู้ให้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี เพราะผู้ให้สามารถแบ่งปันสิ่งที่ตนมีให้เป็นความสุขแก่ผู้อื่นได้ด้วย คอลเลกชันปีนี้ก็เลยวาดลายที่มีทั้งลายหัวใจ และลายที่นำหัวใจมาต่อกันเป็นดอกโคลเวอร์สี่กลีบ สัญลักษณ์แห่งความโชคดีเช่นกัน

“เพียว” โลกุตรา เล่าว่า “เพียวได้แรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเลกชันนี้จากหนังสือของคุณแม่ เรื่อง ‘หิมะกลางฤดูร้อน’ อาจารย์สายวิปัสสนา ชาวพม่า ท่านเปรียบธรรมะเป็นหิมะ เป็นความสงบสุขในใจของเรา ท่ามกลางความร้อน ซึ่งก็คือสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ภายนอกที่เราต้องเจอ สอดคล้องกับธีมหลักคือ ‘ความแช่มชื่นใจ’ ของคอลเลกชันนี้”

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมเวิร์คช้อป ART ON THE PARTY TABLE 5 ศิลปิน ชวนออกแบบแผ่นรองจาน และโชว์การจัดโต๊ะปาร์ตี้ ให้เหมือนกับการทำงานศิลปะด้วยการใส่ไอเดีย เติมจินตนาการ และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มความสุขให้แก่ทุกโมเมนต์สำคัญ

สำหรับของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชัน Giving and Happiness ปีที่ 8 ได้รับการสร้างสรรค์ มีทั้ง เสื้อยืดทีเชิ้ต สำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก (199 และ 169 บาท) กระเป๋าสะพายผ้าไมโคร (69 บาท) กระเป๋าสะพาย (120 บาท) กระเป๋าดินสอ (59 บาท) กระเป๋าถือพร้อมสายสะพายผ้าแคนวาส (299 บาท) กระเป๋าถือผ้าแคนวาส (350 บาท) ปลอกหมอนบทสวดมนต์ (180 บาท) แก้วเก็บอุณหภูมิ (329 บาท) สมุดฉีก (59 บาท) และพิเศษครั้งแรกกับชุดจานเซรามิค 5 ศิลปิน (699บาท)

 มอบความ “แช่มชื่นใจ” ทั้งผู้ให้และผู้รับกับของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชันพิเศษ Giving and Happiness (กีฟวิ่ง แอนด์ แฮปปี้เนส) ปีที่ 8 ในคอนเซ็ปต์ “แช่มชื่นใจ” ได้ที่มูลนิธิรามาธิบดีฯ (โรงพยาบาลรามาธิบดี และสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ) หรือสั่งออนไลน์ที่ www.ramafoundation.or.th, LINE @RAMAFOUNDATION, LINE SHOPPING และ Robinhood สอบถามเพิ่มเติมโทร 0-2201-2222 ในวันและเวลาราชการ ติดตามข่าวสารมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ที่ FB • IG • LINE @RAMAFOUNDATION

 “คำว่าให้…ไม่สิ้นสุด”

“Pride Month” หรือเดือนแห่งความภูมิใจของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นมีที่มา และปัจจุบันนับเป็นเวลากว่า 5 ทศวรรษแล้วตั้งแต่ Pride month ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1969 ในนิวยอร์ก ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้มีการเปิดรับความแตกต่างทางเพศมากเท่าไรนัก และได้เกิดความรุนแรงขึ้นจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในบาร์เกย์ Stonewall Inn จึงได้กลายเป็นฉนวนและที่มาของการเดินขบวน Pride Parade ในเวลาต่อมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดยืนรวมถึงพลังของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ธงสีรุ้งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความหมายต่างๆ ผ่านสีสันอันสดใสและมีความหมายแตกต่างกันออกไป เช่น สีแดง คือ ชีวิต, สีส้ม คือ การเยียวยา, สีเหลือง คือ แสงพระอาทิตย์, สีเขียว คือ ธรรมชาติ, สีน้ำเงิน คือ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน, และสีม่วง คือ จิตวิญญาณ เป็นต้น โดยปัจจุบันมีการแยกสีออกอีกจำนวนมากตามความหลากหลาย

ร่วมสนับสนุนความหลากหลายทางเพศและความเท่าเทียมในสังคม อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์กับ TikTok

แต่ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร TikTok เชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างพื้นที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร เพราะนี่คือการให้เกียรติและแสดงถึงความเคารพอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้การให้พื้นที่ให้เป็นตัวของตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัดยังส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ การได้เชื่อมต่อกับ community หรือสิ่งที่รัก รวมถึงเป็นพื้นที่แสดงออกทางความคิดอย่างอบอุ่นและปลอดภัยไปพร้อมๆ กันสำหรับทุกคน

#ForYourPride #พื้นที่ของคุณ ให้คุณเป็นตัวเองได้แบบเต็มที่ไม่จำกัด

ปีนี้ TikTok ได้มีการสนับสนุนการแสดงจุดยืนและความเท่าเทียมทางเพศผ่านกิจกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความหมายอันยิ่งใหญ่ผ่านกลุ่มผู้ใช้งานหลากหลายหมวดหมู่ไม่ว่าจะเป็น Beauty, Fashion, Family, Education, Sports, Entertainment ตลอดเดือนมิถุนายน หนึ่งในนั้นคือการได้ร่วมสนับสนุนการเดินขบวนพาเหรดของ “บางกอก ไพรด์ 2023” (Bangkok Pride 2023) เพื่อสร้างการยอมรับความหลากหลายทางเพศของสังคมไทย ภายใต้แนวคิด Beyond Gender ที่เรียกร้องการแก้ปัญหาในหลากหลายมิติที่จะทำให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน

เพื่อตอกย้ำจุดยืน TikTok ได้สร้างแคมเปญ #พื้นที่ของคุณ และเชิญชวน TikTok ครีเอเตอร์มากมาย จากไทยและต่างชาติมาร่วมนำขบวน “ความปลอดภัย” 1 ใน 6 ขบวนขับเคลื่อนประเด็นสังคมภายในพาเหรดอย่างเป็นทางการ ที่ร่วมกันรณรงค์สิทธิการมีความปลอดภัยในชีวิตของ LGBTQIAN+ รวมถึงเสรีภาพในการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างปลอดภัย ซึ่งตรงกับค่านิยมที่ TikTok ยึดถือเป็นหลักเพื่อสร้างพื้นที่ให้กับทุกคนบนแพลตฟอร์มมาโดยตลอดด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้พลังแห่งการขับเคลื่อนนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมากมาย และ TikTok ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อการผลักดันความเท่าเทียมทางเพศของสังคม โดยความสำเร็จในครั้งนี้ได้สะท้อนผ่านการมีส่วนร่วมของ #BangkokPride ที่มียอดเข้าชมกว่า 144 ล้านครั้ง และจำนวนวิดิโอที่เพิ่มขึ้นกว่า 5,125 วิดิโอภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์แสดงถึงพื้นที่ที่ TikTok สร้างให้กับคอมมูนิตี้ LGBTQIAN+ ในการแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง

คลิกเพื่อรับชมวิดีโอบรรยากาศงานจากครีเอเตอร์ thammachad elistathedraggamer และ jimmy.sukyik

เพื่อเฉลิมฉลอง Pride month ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม TikTok เปิด #พื้นที่ของคุณ ผ่านกิจกรรม Interactive บนจอ The PanOramix (World’s largest interactive DOOH) ณ ลานหน้าศูนย์การค้า CentralwOrld ฉายภาพครีเอเตอร์ในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศบนจอที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงมี TikTok PRIDE Space แลนด์มาร์คโซนพิเศษ ณ ศูนย์การค้า Siam Center สร้างพื้นที่อันเฉิดฉายให้เหล่าครีเอเตอร์ LGBTQIA+ นำเสนออัตลักษณ์และความเป็นตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

นอกจากนี้ TikTok ยังพร้อมที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกความหลากหลายด้วยกิจกรรมอีกเพียบตลอดทั้งเดือนมิถุนายน ผ่านคอนเทนต์พิเศษจากครีเอเตอร์สายแฟชั่น การศึกษา กีฬา และกิจกรรม Live อีกมากมายที่จะมาแชร์เรื่องความรัก การแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง ตลอดจนการก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ทั้งนี้ TikTok อยากชวนคุณมาร่วมเฉลิมฉลองและเป็นส่วนหนึ่งไปด้วยกันใน Pride Month นี้ เพราะที่นี่คือ #พื้นที่ของคุณ สำหรับทุกคน

• เติบโตต่อเนื่อง ความสำเร็จของ ‘แผนกบิวตี้ แกเลอรี เซ็นทรัล’ สะท้อนผ่านยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกปี โดยไตรมาส 1 ปีนี้ ยอดขายรวมของแผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน และ KIS Beauty Store เติบโตขึ้น 14% และมีจำนวนการใช้จ่าย (Transactions) เพิ่มขึ้น 12%
• ใหญ่ที่สุดในไทย แผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน และ KIS Beauty Store มีสาขารวมกันทั้งหมด 109 สาขาทั่วประเทศ รวมเป็นพื้นที่กว่า 78,802 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และถือเป็น No.1 Beauty Destination ครบครันทั้งสกินแคร์, เมกอัป, น้ำหอม และอุปกรณ์ความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
• กลยุทธ์มัดใจลูกค้า กลยุทธ์ “5 IN” ได้แก่ Individualism, Inclusivity, Insights, Innovation และ Inspiration มัดใจลูกค้าในทุกเซกเมนต์ เสริมแกร่ง แผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล รวมถึงแผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน และ KIS Beauty Store ตอกย้ำการเป็นที่สุดแห่งเดสติเนชันด้านความงามแบบ 360 องศา
• สนับสนุนความงามที่หลากหลาย แคมเปญ “Central All The Beauties” ถ่ายทอดแรงบันดาลใจ ผ่านตัวแทนความงามที่หลากหลาย สะท้อนให้เห็นคุณค่าและการยอมรับในตัวตน มาพร้อมกิจกรรม“Central Beauty Awards 2023” ที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมโหวตที่สุดของบิวตี้ไอเทมในดวงใจ

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำความสำเร็จของ แผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล กับการเป็นจุดหมายแห่งการช้อปผลิตภัณฑ์ความงามเบอร์หนึ่งของไทย ที่ครองใจลูกค้าทุกเจเนอเรชันมาอย่างต่อเนื่อง เปิดเกมรุกตลาดความงามครึ่งปีหลังผ่านแคมเปญ “Central All the Beauties” สนับสนุนความงามที่หลากหลายของทุกเพศ ทุกวัย เพื่อสร้างความงามและคุณค่าในแบบฉบับของคุณ พร้อมชูกลยุทธ์การตลาดผ่าน “5 IN” ได้แก่ Individualism, Inclusivity, Insights, Innovation และ Inspiration เสริมแกร่ง แผนกบิวตี้ ห้างเซ็นทรัล แบบ 360 องศา เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเชื่อมต่อประสบการณ์การช้อปสุดพิเศษทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ

“ห้างเซ็นทรัล” ชูกลยุทธ์ “5 IN” แผนกบิวตี้ กับแคมเปญ Central All The Beauties ตอกย้ำ No.1 Beauty Destination ของเมืองไทยที่ครองใจลูกค้าทุกเจน!

โอลิวิเยร์ บรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “แผนก บิวตี้ แกเลอรี (Beauty Galerie) ห้างเซ็นทรัล เป็นผู้ริเริ่มการนำเข้าสินค้าความงามแบรนด์ดังระดับโลกให้คนไทยได้เลือกซื้อสินค้าพร้อมอัปเดตเทรนด์ความงามระดับสากล ที่รวบรวมแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกครอบคลุมทุกหมวดสินค้าไม่ว่าจะเป็น เมกอัป, สกินแคร์, น้ำหอม และอุปกรณ์ความงาม ให้ลูกค้าได้ช้อปครบจบในที่เดียว โดยไม่หยุดนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ทั้งสินค้าและบริการเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับลูกค้าอยู่เสมอ ทำให้ ‘เซ็นทรัล’ เป็นเบอร์หนึ่งในใจของลูกค้าที่ชื่นชอบการช้อปสินค้าความงามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนผ่านความสำเร็จด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกปี ไตรมาส 1 ปีนี้ ยอดขายรวมของแผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน และ KIS Beauty Store มีโดยเฉพาะยอดขายรวม (Sale) เติบโตขึ้น 14% และมีจำนวนการใช้จ่าย (Transactions) รวมแล้วเพิ่มขึ้น 12% โดย KIS Beauty Store เติบโตแบบก้าวกระโดดจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นและการปรับ Layout ช็อปที่ห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำ No.1 Beauty Destination ของเมืองไทย ในปีนี้ เราได้วางกลยุทธ์ ‘5 IN’ ให้ลูกค้าทุกคนอินไปกับ แผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน และ KIS Beauty Store ทั้ง 109 สาขาทั่วประเทศ รวมพื้นที่แผนกบิวตี้กว่า 78,802 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้เราเข้าถึง เข้าใจ และครองใจลูกค้าในทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้น”

กลยุทธ์ ‘5 IN’ มัดใจลูกค้าเพื่อตอกย้ำการเป็นที่ “สุดแห่งเดสติเนชันด้านความงามของห้างเซ็นทรัล” แบบ 360 องศา ได้แก่

1. INdividualism นำเสนอคอนเซ็ปต์ในการออกแบบแผนกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันออกไปในแต่ละสาขา รวมถึงเปิดโอกาสให้แต่ละแบรนด์ได้ชูอัตลักษณ์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ พร้อมบริการที่เหนือระดับช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการช้อปปิ้ง โปรโมชันเอ็กซ์คลูซีฟร่วมกับแบรนด์และ
พาร์ทเนอร์ชั้นนำ รวมถึงสินค้าที่มีความหลากหลายและการันตีของแท้ 100% ทำให้ลูกค้าเชื่อถือและไว้วางใจในการช้อปปิ้งกับห้างเซ็นทรัลมาอย่างยาวนาน ทำให้เรามีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งในวงการตลาดความงามของเมืองไทย

2. INclusivity นำเสนอสินค้าความงามอย่างครบครันจากหลากหลายแบรนด์ดัง ทั้งแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟที่มีเฉพาะห้างเซ็นทรัลเท่านั้น ทั้งยังครบครันด้วยกลุ่ม Prestige และ Masstige ครอบคลุมสินค้าทุกเซกเมนต์ให้ลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ได้เลือกช้อป โดยห้างเซ็นทรัลเป็นเจ้าแห่งแบรนด์ระดับ Prestige ด้วยสัดส่วน
แบรนด์มากถึง 90% ส่วนแบรนด์ Masstige จะวางจำหน่ายใน KIS Beauty Store ซึ่งเป็น Multi-Brand Beauty Store ที่เจาะตลาดนักช้อปมิลเลเนียล โดยเมื่อนับแบรนด์ความงามจากแผนก บิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน, KIS Beauty Store และ Central App จะทำให้เซ็นทรัลมีแบรนด์ความงามรวมกว่า 500
แบรนด์ มากที่สุดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของไทย พร้อมอิมพอร์ต 5 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ L:A Bruket, Elemis, Avenue, Acqua di Parma และ Olaplex ให้สาวกบิวตี้เลิฟเวอร์ได้ช้อปไอเทมชิ้นโปรด

3. INsights มุ่งทำการตลาดแบบ Targeted Marketing ด้วยการนำเสนอสินค้า บริการ และโปรโมชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ได้เป็นอย่างดี ด้วยฐานข้อมูลลูกค้าของ The 1 กว่า 20 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 66) บวกกับการใช้ Marketing Technology หรือ Martech ทำให้ “ห้างเซ็นทรัล” เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ “แผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล” เป็นมากกว่าเดสติเนชันด้านความงาม แต่เป็นเพื่อนที่รู้ใจของเหล่า Beauty Lovers

4. INnovation นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่แผนกบิวตี้ แกเลอรี ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบแผนกให้ดูทันสมัยด้วยการใช้ Digital Signage, การสนับสนุนให้แบรนด์นำBeauty – Technology มาสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้าทุกคน อย่าง เครื่องตรวจสภาพผิว เครื่องวิเคราะห์สภาพผมและหนังศีรษะ AR Filter ที่ช่วยเลือกสีเครื่องสำอางที่เหมาะกับสีผิว เป็นต้น รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเชื่อมต่อการช้อปของห้างและออนไลน์ไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ (Omnichannel) เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปที่เหนือกว่า โดยปีนี้ มาพร้อมบริการใหม่ Central Digital Beauty Concierge ให้คุณได้ปรึกษาปัญหาผิวกับผู้เชี่ยวชาญ พร้อมจองบริการได้ง่ายๆ ด้วย 3 steps กับแบรนด์ที่คุณต้องการ เพื่อมอบบริการและประสบการณ์ช้อปที่เหนือกว่า

5. INspiration มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกค้าอย่างไม่รู้จบ ผ่านแคมเปญและกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสร้าง Beauty Community ที่แข็งแกร่งทำให้เกิดการมีส่วนร่วมกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ ได้แก่

• Central All The Beauties ที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจ ผ่านตัวแทนความงามที่หลากหลาย สะท้อนให้เห็นคุณค่าและการยอมรับในตัวตน พร้อมให้ลูกค้ามีส่วนร่วมโหวตบิวตี้ไอเทมในดวงใจกับกิจกรรม “Central Beauty Awards”
• Central Beauty Advent Calendars ปฏิทินของขวัญเพื่อฉลองเทศกาลพิเศษ
• Robinson Beauty Truck สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าในคอมมูนิตี้ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ที่ห้างโรบินสัน สาขาตรังและนครศรีธรรมราช (พลาซ่า)
• กิจกรรม CSR สร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ด้วยการสร้างอาชีพให้บุคคลขององค์กรและมูลนิธิต่างๆ รวมถึง รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการการลดปริมาณขยะจากผลิตภัณฑ์ความงาม ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืนกับแคมเปญ “Beauty Reborn” ด้วยการรับบริจาคบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ความงามที่ใช้แล้วที่จุด Beauty Waste Corner แผนกบิวตี้ แกเลอรี ที่ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์

ด้าน ณัฐกาญจน์ สำราญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายบริหารสินค้าเครื่องสำอาง บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวเสริมถึงการจัดแคมเปญ Central All The Beauties ในครั้งนี้ ว่า “แคมเปญ Central All The Beauties เป็นแคมเปญที่จัดขึ้นเพื่อฉลองความงามที่หลากหลายในทุกเพศ ทุกวัย โดยถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่าน 8 ตัวแทนความงามที่หลากหลาย เพื่อสะท้อนให้เห็นคุณค่าและการยอมรับในตัวตน ด้วยการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ดุจงานศิลปะเพื่อฉลองความงามในทุกรูปแบบ ให้ทุกคนได้ชื่นชมผ่านนิทรรศการ ‘Central All The Beauties Photo Showcase’ พร้อมจัดกิจกรรม‘Central Beauty Awards 2023’ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ร่วมโหวตบิวตี้ไอเทมที่ชื่นชอบ ในปีที่ผ่านมาเราได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้ร่วมโหวตผลิตภัณฑ์ที่ชื่นชอบมากกว่า 50,000 คน ช่วยกระตุ้นยอดขายของแผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัลกว่า 150 ล้านบาท (24 มี.ค. 65 – 22 พ.ค. 65) และเปิดโอกาสให้ลูกค้าและคู่ค้าได้มีส่วนร่วมกับเรามากขึ้น โดยปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะมีผู้ร่วมโหวตเพิ่มขึ้น 50% หรือมากกว่า 75,000 คน และคาดหวังว่าแคมเปญ Central Beauty Awards 2023 จะช่วยให้ยอดขายในครึ่งหลังของปีนี้เติบโตขึ้น 50% เป็นเสียงตอบรับจากลูกค้าคนสำคัญของเราที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน”

            กิจกรรมไฮไลต์จากแคมเปญ Central All The Beauties ในปีนี้ จัดเต็มความพิเศษทั้งโปรโมชันและกิจกรรมมากมายที่สาวกบิวตี้ ห้ามพลาด! ตลอดแคมเปญ ได้แก่

• Central Beauty Bonus : ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. 66 – 30 มิ.ย 66 พบกับดีลดีสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รับฟรี! คูปองแทนเงินสดหรือดิจิทัลคูปองสูงสุด 5,000 บาท (เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข) และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 27.5% จาก เดอะวัน และบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน (เฉพาะศุกร์-อาทิตย์) พร้อมใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% ผ่านบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ที่แผนก บิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา หรือช้อปผ่าน Chat and Shop และ Call & Shop 1425
• Central All The Beauties Photo Showcase : ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. 66 – 31 ก.ค. 66 นิทรรศการภาพถ่ายที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจกับ 8 ตัวแทนความงามจากหลากหลายเพศและวัย เพื่อสะท้อนให้เห็นคุณค่าและการยอมรับในตัวตน พร้อมร่วมฉลอง Pride Month เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในสังคม ที่ชั้น 1 อีเว้นต์ อารีนา ห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์
• Central The Best Beauty Items Voting : ระหว่างวันที่ 12 มิ.ย. 66 – 9 ก.ค. 66 ร่วมโหวตบิวตี้ไอเทมจากทั่วทุกมุมโลกที่คุณชื่นชอบให้เป็นที่สุดของบิวตี้ และลุ้นของรางวัลตลอดรายการ ผ่านไลน์@CentralBeautyClub หรือคลิก https://beautyaward2023.d-dots.com
• Central Beauty Awards 2023 : วันที่ 3 ส.ค. 66 ห้ามพลาด! งานประกาศผลรางวัลผลิตภัณฑ์บิวตี้และแบรนด์ในดวงใจสุดยิ่งใหญ่ทั้ง เมกอัป, สกินแคร์ และน้ำหอม ที่ทุกคนร่วมส่งคะแนนโหวตตลอดแคมเปญ ณ ห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์

ร่วมโหวตแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อเป็นสุดยอดแบรนด์ในดวงใจ และช้อปไอเทมชิ้นโปรดที่มาพร้อมโปรโมชันจัดเต็มทุกเคาน์เตอร์เครื่องสำอางที่แผนก “บิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล” ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมช้อปสะดวกกับทุกช่องทางของห้างเซ็นทรัล ไม่ว่าจะเป็น Central App, Central Chat & Shop แชทบอกผู้ช่วยส่วนตัวที่ Line @Centralofficial ที่พร้อมอำนวยความสะดวกและแจ้งสิทธิพิเศษให้เหล่านักช้อปอย่างครบครัน

เดิน วิ่ง แดนซ์ หรือแม้กระทั่งการนอนนิ่งเฉยๆ ทุกกิจกรรมหลากหลายในแต่ละวันล้วนต้องใช้กล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวร่างกาย ในขณะที่เรากำลังทำกิจกรรมต่างๆ อยู่นั้น มีหลายอย่างเกี่ยวกับกล้ามเนื้อในร่างกายที่หลายคนอาจยังไม่รู้

และนี่คือ 4 เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ พร้อมเคล็ด(ไม่)ลับที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับในการดูแลสุขภาพของกล้ามเนื้อตั้งแต่หัวจรดเท้า

1. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเชื่อมโยงกับสุขภาพหัวใจ

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของไทยในปี พ.ศ. 2565 การเสียชีวิตทั่วโลกมีสาเหตุสำคัญจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 32% หรือประมาณ 18 ล้านคน สำหรับประเทศไทยพบผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึงปีละ 7 หมื่นราย¹ โดยที่ผู้ป่วยหลายคนไม่ได้มีอาการบ่งชี้ของโรคจึงไม่ทราบว่าตนกำลังประสบกับภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือด

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet พบว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ประเมินจากแรงบีบมืออาจระบุความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดร้ายแรงได้แม่นยำกว่าการตรวจความดันโลหิตซิสโตลิก (ค่าความดันช่วงบน ซึ่งเป็นแรงดันสูงสุดขณะที่กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัว)² นอกจากนี้ มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Opinion in Clinical Nutrition and Metabolic Care แนะว่าอัตราส่วนของมวลกล้ามเนื้อต่อมวลไขมันเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพโดยรวมที่ดีกว่าดัชนีมวลกาย (BMI)³    

ดังนั้น ในการเริ่มดูแลสุขภาพกล้ามเนื้อควรเน้นในเรื่องของการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและโภชนาการสำหรับเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะนำว่าควรทานโปรตีน 0.8 ถึง 1 กรัม ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม ปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับคือ 48 – 60 กรัม ต่อวัน เพื่อกล้ามเนื้อและร่างกายที่แข็งแรง⁴

2. เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็ต้องการโปรตีนที่เพิ่มขึ้น

ในร่างกายประกอบด้วยกล้ามเนื้อกว่า 600 มัด คิดเป็น 40% ของร่างกาย⁵ และการสลายของกล้ามเนื้ออาจเริ่มต้นไวแบบไม่ทันตั้งตัว ผลการวิจัยพบว่าเมื่อถึงวัย 40 ปี กลุ่มวัยผู้ใหญ่จะเริ่มสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปได้มากถึง 8% ในทุกๆ 10 ปี และอัตราการสูญเสียนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่ออายุ 70 ปี⁶ การสูญเสียกล้ามเนื้อจึงอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในผู้สูงวัย และอาจมีความเสี่ยงต่อการใช้ชีวิตประจำวันและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น ทำให้เกิดการพลัดตกหกล้มหรือขาดกำลังวังชาในการเดินขึ้นบันได การมีมวลกล้ามเนื้อน้อยยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้ออินซูลินจนอาจนำไปสู่โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ⁷ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ การสูญเสียกล้ามเนื้ออาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ต่อการหายใจได้⁸  

จากรายงานฉบับล่าสุดเรื่องปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563 ของสำนักโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าประชากรผู้สูงวัยในประเทศไทยมีภาวะเสี่ยงต่อการขาดโปรตีนถึง 42.6%⁹ อย่างไรก็ดี เรามีทางเลือกมากมายในการเพิ่มโปรตีนในแต่ละมื้อเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกล้ามเนื้อที่ดีและร่างกายที่แข็งแรง  

เราจึงควรให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ครบถ้วนจากอาหารหลัก 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน และอาจเสริมมื้ออาหารด้วยอาหารสูตรครบถ้วนที่มี HMB สารอาหารสำคัญที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีส่วนช่วยเสริมสร้างและชะลอการสลายของมวลกล้ามเนื้อ จึงช่วยส่งผลให้กล้ามเนื้อแข็งแรง*¹⁰ นอกจากนี้ยังพบ HMB ได้ในปริมาณเล็กน้อยในอาหาร เช่น ไข่ไก่ อกไก่ เนื้อวัว และอะโวคาโด

เคล็ด(ไม่)ลับในการฟื้นฟูสุขภาพ : 4 เรื่องเกี่ยวกับกล้ามเนื้อที่หลายคนยังไม่รู้

3. กล้ามเนื้อที่แข็งแรงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ช่วงหลายปีมานี้ ทั่วโลกต้องเผชิญกับเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องการเตรียมร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้ ดังนั้น หากต้องการเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ เรื่องสุขภาพของกล้ามเนื้อจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม¹¹

มีการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อมีบทบาทในการกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกัน หากมวลกล้ามเนื้อลดลงอาจส่งผลให้การทำงานตามปกติของระบบภูมิคุ้มกันลดลงด้วย¹²

เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงควรรับประทานอาหารที่ให้สารอาหารที่หลากหลายครบถ้วนและเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสมโดยเน้นมื้ออาหารประจำวันไปที่โปรตีนที่มีไขมันต่ำ ผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืช ถั่วต่างๆ และนมไขมันต่ำ อาหารเหล่านี้มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม วิตามินดี เหล็ก และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง

4. การออกกำลังกายช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

การออกกำลังกายเป็นการช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ง่ายที่สุด เพราะทุกครั้งที่ร่างกายใช้แรงจะเกิดแรงต้านกับกล้ามเนื้อและจะส่งสัญญาณให้ร่างกายหลั่งกรดอะมิโนจากโปรตีนไปยังกล้ามเนื้อเพื่อสร้างความแข็งแรงขึ้นในที่สุด¹³

เพื่อให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงควรทานโปรตีน 25 ถึง 30 กรัมหลังออกกำลังกาย เพราะโปรตีนจะช่วยในกระบวนการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งนี้ในช่วงอากาศร้อนทำให้มีเหงื่อออกมาก การออกกำลังกายจึงควรเน้นกิจกรรมที่ไม่หนักจนเกินไป เช่น การเดิน โยคะ การปั่นจักรยานเบาๆ และการยืดกล้ามเนื้อ¹⁴

ดังนั้น เราควรเริ่มดูแลสุขภาพกล้ามเนื้อตั้งแต่วันนี้โดยการให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ครบถ้วนจากอาหารหลัก 5 หมู่ ร่วมด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และเสริมด้วยอาหารสูตรครบถ้วนที่มี HMB และโปรตีนคุณภาพดีที่หลากหลาย HMB มีส่วนช่วยเสริมสร้างและชะลอการสลายของมวลกล้ามเนื้อ* เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ให้คุณมีความสุขกับทุกกิจกรรมแบบไม่มีวันเกษียณ

*อาหารทางการแพทย์ ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

เอกสารอ้างอิง

[1] Department of Disease Control Thailand. 2022. From ddc.moph.go.th

² Leong DP, et al. The Lancet. 2015 July; 266-273

³ Gonzalez MC, et al. Curr Opin Clin Nutr Metab Care. 2017 Sep;20(5):314-321

⁴ Thai Health Promotion Foundation. 2017. From thaihealth.or.th

⁵ Frontera WR. Calcif Tissue Int. 2015 Mar;96(3):183-95

⁶ Grimby G, et al. Clin Physiol. 1982;3:209-218

⁷ Srikanthan P, et al. A5 (2010) PL05 ONE5(5); e10805

⁸ Byun, M. K. 2017. International Journal of Chronic Obstructive Pulmonary Disease, 12, 669-675

⁹ Bureau of Nutrition. Department of Health, Thailand. Dietary Reference Intake for Thais. 2020.

¹⁰ G J Slater, et al. Sports Med. 2000 Aug;30(2):105-16

¹¹ Argiles JM, et al. J Am Med Dir Assoc. 2016;17:789-96

¹² Nelke C, et al. EBioMedicine. 2019; 49:381-388.

¹³ Børsheim E, et al. Clin Nutr. 2008 Apr; 27(2): 189–195

¹⁴ Mika A, et al. Am J Phys Med Rehabil. 2007 Jun;86(6):474-81