พวกเขารออะไรกันอยู่? ไปฟังเหตุผลของ 6 คู่รักที่แต่งงานแล้ว แต่ยังไม่มีลูกซะที

โลกเรานี่ก็แปลกมีเงิน มีความพร้อมก็ใช่ว่าจะมีลูกได้ดั่งใจซะที่ไหนล่ะ ดูอย่างคู่รักดาราของเราเป็นตัวอย่างสิ มีหลายคู่เลยนะที่พยายามยังไงก็ยังไม่มีลูกซะที แต่กับบางคนนี่ไม่ตั้งใจให้มีก็ดั๊น! มีก่อนซะงั้น เราไปดูเหตุผลของคู่รักแต่ละคู่กันดีกว่าว่าทำไมไม่ยอมมีลูกมาให้แฟนๆ ได้ชื่มชมเหมือนคู่อื่นๆ บ้าง เพื่อนๆ ในวงการหลายคนมีลูกแซงหน้าไปหมดแล้ว แต่พวกเขาเหล่านี้รออะไรนั้น ไปฟังจากปากเจ้าตัวกันเลย

อั้ม อธิชาติ – นัท มีเรีย

capture-20160208-163611capture-20160208-163638
มาเริ่มคู่แรกที่คู่รักสาวเฮลท์ตี้อย่างหนุ่มอั้มและสาวนัท ที่ถึงแม้จะขยันออกกำลังกาย ดูแลตัวเองยังไงก็ไร้วี่แววว่าจะมีลูก หลายคนคงจะพอทราบกันแล้วบ้างว่า คู่นี้เขาอยากมีลูกมากๆ แต่ด้วยสุขภาพของสาวนัทยังไม่แข็งแรงมากนัก เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นเนื้องอกที่มดลูกมาสักพักหนึ่งแล้วแต่ยังไม่หายขาด ส่งผลให้มีลูกยากยิ่งขึ้น ทำกิฟต์ก็แล้วแต่น้องก็ยังไม่มา โถ่ๆ สงสารหนุ่มอั้มกับสาวนัทมากๆ เอาเป็นว่าเราขอกำลังใจให้คู่นี้มีน้องเร็วๆ นะจ๊ะ

ชาย ชาตโยดม – วิกกี้ สุนิสา

capture-20160208-164022capture-20160208-163951

ส่วนคู่นี้เป็นเพราะสาววิกกี้ไม่พร้อมจะมีลูกซะที ทำเอาหนุ่มชายรอแล้วรออีกเพราะตัวหนุ่มชายอยากมีตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วน่ะสิ แต่แว่วๆ มาว่าสาววิกกี้ใกล้จะยอมใจอ่อนบ้างแล้วนะ หลังจากที่ยังสนุกกับการทำงาน เป็นคนรักอิสระ กลัวมีแล้วจะเลี้ยงเขาได้ไม่ดี ทำให้ยังไม่พร้อมซะทีแต่ตอนนี้ พอเห็นคู่ของสาวเบนซ์ พรชิตา และหนุ่มมิค บรมวุฒิ มีน้องแล้ว สาววิกกี้ก็อยากมีบ้าง เพราะธุรกิจอะไรตอนนี้ก็ลงตัวแล้ว แหม่ หนุ่มชายได้ยินแบบนี้แล้วก็คงไม่นานเกินรอแน่ๆ จ้า

เอมี่ กลิ่นประทุม – ซี ศิวัฒน์

capture-20160208-164702capture-20160208-164634

เป็นคู่รักอีกคู่ที่น่ารักมากๆ ถึงแม้จะแต่งงานกันไปแล้วแต่ความหวานไม่ลดลงเลย เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือเมื่อไหร่จะมีน้องซะที เห็นทั้งคู่ขยันรับงานกันแบบนี้คงอีกยาวแน่ๆ ทั้งงานเบื้องหน้าและธุรกิจส่วนตัว จนแทบไม่มีเวลาวางแผนเรื่องน้อง อีกทั้งยังเคยเห็นหนุ่มซีบอกว่าสาเหตุหนึ่งที่ยังไม่อยากมีน้องก็เพราะสังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัว ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ว่าจะเลี้ยงเขาได้ดีก็ขออยู่กันสองคนไปก่อน เพราะตอนนี้ยังแฮปปี้ดี แต่แฟนคลับไม่ต้องห่วงนะ เพราะปีหน้าหนุ่มซีและสาวเอมี่มีลุ้นว่าจะคุยกันจริงจังเรื่องการมีลูกมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าพูดให้แฟนคลับดีใจเล่นรึเปล่าน่ะสิ

วุ้นเส้น วิริฒิพา – ชาคริต แย้มนาม

capture-20160208-165723capture-20160208-165814

มาถึงคู่หวานน้ำตาลเรียกพี่อีกคู่หนึ่งของวงการ ถึงตอนนี้จะยังไม่มีน้องแต่ทั้งคู่ก็ขยันไปตรวจสุขภาพตลอดๆ แต่ถ้าถามว่าจะมีเมื่อไหร่นั้น หนุ่มชาคริตบอกว่าแล้วแต่สาววุ้นเส้นเลยจ้า เพราะตอนนี้หนุ่มชาคริตเขาพร้อมมากๆ แต่ก็คาดว่าอีกไม่นานเพราะคงจะรอบ้านใหม่ให้เสร็จก่อน ถึงตอนนั้นคงไม่มีอะไรให้ห่วงแล้ว ธุรกิจร้านอาหารก็กำลังไปได้ดี เหลือแค่รอให้สาววุ้นเส้นพร้อมหนุ่มชาคริตก็พร้อมจ้า

ป๊อก ปิยธิดา –  ตั๊ก นภัสกร

capture-20160208-170820capture-20160208-170849

คู่อื่นๆ ยังพอมีลุ้น แต่คู่ของสาวป๊อก-ปิยธิดา และหนุ่มตั๊ก-นภัสกร ที่ทั้งคู่ออกมาบอกว่าคงจะไม่มีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เพราะเป็นห่วงว่าจะเลี้ยงเขาได้ไม่ดี ไหนจะอายุที่เลยวัยมีลูกแล้วคงจะมียาก รวมทั้งตอนนี้มีเลี้ยงหลานมาจนรู้สึกว่าเรารักเขามากเหมือนลูกของตัวเองไปแล้ว ซึ่งทั้งคู่ก็ตกลงกันแล้วว่าคงจะไม่มีน้อง งานนี้แฟนคลับคงอดเห็นลูกของทั้งคู่แล้วแหละ แต่ถึงแม้จะเสียดายไปบ้างแต่เอาเป็นว่าถ้าทั้งคู่แฮปปี้ เราก็แฮปปี้ตามจ้า

นุ่น วรนุช – ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี 

capture-20160208-170512capture-20160208-170513

มาถึงคู่สุดท้ายของนางเอกหน้าหวานนุ่น วรนุช กับหนุ่มต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี บอกถึงเหตุผลที่ยังไม่มีน้องว่าเป็นเพราะทั้งคู่ยังไม่พร้อม ตัวหนุ่มต๊อดเองก็มีงานรัดตัว ส่วนสาวนุ่นก็ยังมีละครทั้งปี อีกทั้งสุขภาพของทั้งคู่ก็ยังแข็งแรงเลยขอทำอะไรๆ ให้ลงตัวก่อน เพราะถ้ามีลูกแล้วก็อยากจะมีเวลาดูแลลูกให้ได้เต็มที่ ซึ่งคงไม่ใช่เร็วๆ นี้ ก็คงยอมให้คู่อื่นแซงหน้าไปก่อนละกันจ้า

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : IG@siwat_c, @ sunisajett, @myriabenedetti, @shahkrit, @nuneworanuch, @pockjasmine

 

 

 

 

พยากรณ์ดวงชะตาวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน  : อยากให้วันหนึ่งมีสัก 30 ชั่วโมงจะได้ทำงานที่คั่งค้างให้หมดสักที ขนาดปิดรับงานใหม่ แต่ก็ยังมีหลุดรอดเข้ามาจนได้ ก็คงต้องยึดหลัก อันไหนรีบด่วนก็ทำก่อน อดทน อย่าหวั่นไหวกับคำพูดของคน

การเงิน : ต้องเสียเงิน เพราะญาติอาจมีเจ็บป่วย

ความรัก : คนมีคู่มีแต่เรื่องหวาดระแวงและหึงหวงกันบ่อย ก็ต่างคนต่างมีเสน่ห์ ต้องมีเหตุผลกันบ้าง หากไม่ยอมกันเลยจะไปไม่รอด คนโสดเสน่ห์แรง ทั้งที่มีคนคบอยู่แล้ว ก็ยังไม่รอด มีคนเข้ามาขอแจมด้วย อย่ารักพี่เสียดายน้อง ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม

สุขภาพ : ระวังลื่นล้ม

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : คุณได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการแก้ไขสิ่งผิดขององค์กร ที่เก็บงำมาเป็นปี ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไขให้กลับเข้าสู่โหมดปกติ ค่อยๆ ปรับตัวไป เพราะกรุงโรมยังไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียวเลย

การเงิน : รายได้น้อยกว่ารายจ่าย อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกจากชีวิตบ้าง

ความรัก : คนมีคู่ เริ่มรู้สึกว่า ทำไมเข้าบ้านแล้วทุกข์จัง ลองแยกกันอยู่สักพักไหม เห็นหน้ากันทุกวันอาจไม่รู้สึกถึงความโหยหา คนโสดมีแววว่าได้คู่เป็นชาวต่างชาติ

สุขภาพ : จะปวดกล้ามเนื้อ และกระดูก

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : เริ่มต้นงานใหม่ก็ดีเลย จะมีคนช่วยเหลือ ชี้แนะที่ดี ทำให้ทำงานอย่างมีความสุข การเงิน : ต้องประหยัดหน่อย เพราะมีเรื่องต้องใช้เงินอีกเยอะ

ความรัก : คนมีคู่ต้องทำใจหนักแน่น เพราะช่วงนี้งานเยอะมากทั้งคู่ ท่องไว้ว่า งานๆๆ เงินๆๆ บันดาลสุข คนโสดมีรักซ้อนเข้ามาให้เราต้องลังเล คนเก่าก็ดี แต่คนใหม่อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น คุยกันรู้เรื่องมากกว่า ถามใจตัวเองว่า คบคนไหนแล้วมีความสุขก็เลือกคนนั้น

สุขภาพ : ระวังภูมิแพ้ อย่าถือของหนัก เพราะกระดูกนิ้วอาจล็อค ปวดไหล่

 

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : ผู้ใหญ่ให้โอกาสได้โชว์ฝีมือ วางแผนและมีอำนาจในการตัดสินใจในโปรเจ๊คท์ใหญ่ๆ เพียงแต่ท่านจะกล้าหรือทำหรือเปล่า มั่นใจหน่อยสิ่งดีๆ รออยู่

การเงิน : อดออม เพราะวางแผนว่าซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่ ซื้อทีละอย่างเดี๋ยวจะหมุนเงินไม่ทัน

ความรัก : คนมีคู่หันกลับมาดีกันแล้ว ราบรื่น จนมีโครงการไปฮันนีมูนรอบสองก็ได้ คนโสดสงสัยจะเจอเนื้อคู่แหงม เพราะเจอกันแค่ครั้งเดียว แต่เหมือนคุ้นเคยกันมาเป็นสิบปี

สุขภาพ : ผิวหนังจะแพ้ง่าย จนเกิดผื่นคัน

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

การงาน : ช่วงนี้ดวงตก ต้องใช้พลังในตัวมากที่สุด พึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ พูดกับใครก็ไม่มีน้ำหนัก ต้องรอสักพักเดี๋ยวก็ดีเอง

การเงิน : รายได้กับรายจ่ายไม่สมดุล

ความรัก : คนมีคู่เริ่มหาเวลาให้กันได้บ้างแล้ว ข่าวดีว่าจะกลับมาหวานเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ รักษาช่วงเวลานี้ไว้ให้นานๆ คนโสดอย่าหวั่นไหวกับคำพูดคนรอบข้างมาก ฟังไว้เป็นข้อมูล เราต้องเชื่อมั่นว่าคนที่เราคบไว้ใจได้

สุขภาพ : ระวังปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : ทำงานเท่าที่รับคำสั่งก่อน อย่าเพิ่งไปเผลอรับปากว่าจะช่วยงานใคร ทำงานของตัวเองให้ดีก่อน แล้วจึงไปช่วยคนอื่น

การเงิน : ต้องใช้จ่ายไปกับของแต่งตัว เสื้อผ้า

ความรัก : คนมีคู่มีการวางแผนอนาคตร่วมกันว่า จะไปทำธุรกิจส่วนตัว เพื่ออนาคตของครอบครัว ส่วนคนโสดคบกันมาหลายปี แต่ก็ยังไม่เห็นมีวี่แววที่จะได้ครองคู่เลย คงต้องเอ่ยปากกันสักทีว่า จะเอาอย่างไรกัน

สุขภาพ : ปวดหลัง บางคนอาจต้องถึงเวลาเปลี่ยนแว่นสายตาแล้ว

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : มีคนเสนองานพิเศษมาให้ไปทำ ป้าว่า ท่านเป็นคนมีความสามารถ ควรเชื่อตัวเองดีที่สุด

การเงิน : ต้องให้เงินญาติพี่น้อง เพราะเขาเดือดร้อน

ความรัก : ให้อภัย และให้โอกาสกัน อย่าเครียดมากนัก จะทุกข์หรือสุขต้องจูงมือก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ คนโสดวันนี้ตั้งใจทำบุญมาก มีการไหว้พระขอพร โดยเฉพาะเรื่องความรัก เพราะอกหักมาหลายครั้งแล้ว

สุขภาพ : ระวังหกล้ม หรือบาดเจ็บจากการกระแทกนั่นโน่นนี่ตลอด

 

 

ซูมกันชัดๆ! เมื่อ 4 สาวซุปตาร์ แปลงโฉมเป็นฮองเฮาสุดสง่าดุจนางพญา สวยปังอลังการ กินกันไม่ลงจริงๆ!

ไม่ใช่สาวจีนที่ไหนแต่เป็น 4 นางเอกซุปตาร์ ที่บอกเลยว่างานนี้จัดเต็ม ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมสวยสะกด และสุดอลังการมากจ้า

 

ใหม่ ดาวิกา

Screen Shot 2016-02-08 at 9.59.41 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 11.30.20 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 9.59.53 PM copy

ต้องยอมนางจริงๆ เพราะไม่ว่าจะจับเธอใส่ชุดไหน หรือเปลี่ยนลุคเป็นอะไรก็ได้หมดจริงๆ เห็นหน้าฝรั่งขนาดนี้ แต่เธอก็สามารถแต่งออกมาได้หมวยเนียนสุดๆ โดยมาในชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิงที่ขับกับผิวขาวเป็นอย่างมาก โปรยปรายความเซ็กซี่แบบพอเหมาะพอควร เธอจึงโดดเด่นที่สุด สมกับเป็นนางเอกหัวแถวที่แรงไม่มีตก

ภาพ : davikah

จุ๋ย วรัทยา

Screen Shot 2016-02-08 at 10.28.42 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 11.34.08 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 11.33.36 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 11.36.32 PM copy

ถึงจะเป็นสาวหน้าไทย ผิวเข้ม แต่เมื่อต้องแปลงโฉมเป็นอาหมวย สาวจุ๋ยก็ดูสวยจนต้องยอมเป็นทาสกันเลย

ภาพ : yingyingg19,warattaya_destiny,pong_pf

ปอย ตรีชฎา

Screen Shot 2016-02-08 at 10.30.10 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 11.40.05 PM copy

ส่วนสาวปอยด้วยความที่หน้าหมวยตรงทาร์เก็ตอยู่แล้ว เมื่อต้องมาใส่ชุดกี่เพ้าประยุคต์สวยๆ ก็ยิ่งเข้ากันสุดๆ บวกกับผิวขาวๆ ออร่าของนาง บอกเลยว่าโดดเด่นมากๆ

ภาพ : janean,poydtreechada

แพทตี้ อังศุมาลิน

Screen Shot 2016-02-08 at 9.55.19 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 11.49.46 PM copy

Screen Shot 2016-02-08 at 9.55.50 PM copy

เป็นฮองเฮาสาวผู้เลอโฉม สวยสะท้านโลกันต์ อีกหนึ่งคน

ภาพ : pattieung

เรื่อง : แพรวดอทคอม

ลิมิเต็ด เอดิชั่นอีกแล้ว! Adidas Tubular สนีคเกอร์คอลเล็คชั่นรับตรุษจีน

ช่วงนี้ถ้าจะบอกว่าแฟชั่นไอเท็มที่มาแรงสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นสนีคเกอร์สุดฮอตขวัญใจชาวสตรีทแวร์ แบรนด์รองเท้าชื่อดังอย่าง Adidas เลยออกคอลเล็คชั่นให้ตามเทรนด์ในช่วงที่สีแดงมาแรงสุดๆ รับเทศกาลตรุษจีนกันด้วย

4

สำหรับเจ้ารองเท้ารุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า Adidas Tubular Collection ซึ่งมีดีไซน์ให้เลือกถึง 3 รุ่น คือ adidas Tubular Runner, adidas Tubular X และthe all-new adidas Tubular Doom ทำจากหนัง และตาข่ายสีแดง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาลตรุษจีน ด้านหลังของรองเท้าปั๊มลวดลายรูปลิง เพื่อสื่อถึงการต้อนรับปีใหม่ ซึ่งตรงกับนักษัตรปีวอกด้วย

1

อยากได้ทั้งของใหม่รับมงคล และไม่ตกเทรนด์แแฟชั่นแนวสตรีท รุ่นนี้ก็แรงฤทธิ์ดีเหมือนกันนะ

 

 

เรื่อง : sriploi

ข้อมูล/ภาพ : http://www.highsnobiety.com/2016/01/12/adidas-tubular-chinese-new-year/

กี่เพ้า

กี่เพ้า อลังการชุดจีน เซ็กซี่ร้อนแรงทุกย่างก้าว เห็นแล้วนึกถึงชุดไทยไหม?

กี่เพ้า
กี่เพ้า

ถามสาวร้อยคนถึงแฟชั่นรับวันตรุษจีน เชื่อว่าเกิน 90 ต้องเคยนึกจดจ้องอยากใส่เดรสคอจีนรัดรูปผ่าข้างที่มีชื่อเรียกว่า ‘Qipao’ กี่เพ้า กันบ้าง

กี่เพ้า เป็นเครื่องแต่งกายของผู้หญิงจีน มีลักษณะเป็นชุด One-piece และมักใช้ผ้าไหมปักลวดลายมาตัดเย็บ โดยเดิมทีเป็นชุดสำหรับผู้หญิงในสังคมชั้นสูง ซึ่งสืบเนื่องมาจากในยุคราชวงศ์ชิง เมื่อแมนจูยึดประเทศจีนเป็นผลสำเร็จ ผู้ปกครองชาวแมนจูก็มีคำสั่งให้คนแมนจูแต่งกายโดยมีลักษณะบ่งบอก กี่เพ้าจึงเป็นเครื่องแต่งกายของหญิงสูงศักดิ์ชาวแมนจูมาตั้งแต่ตอนนั้น

กี่เพ้า01

ยุคสมัยเปลี่ยนไป และกี่เพ้าก็ถูกลดทอนความนิยมไปตามกาล กระทั่งในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 ผู้หญิงเมืองเซี่ยงไฮ้ได้จัดการอะแดปกี่เพ้าโดยเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาผสมผสานเพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น นั่นคือทำให้มีรูปทรงแนบกับสรีระสุดๆ ใช้เนื้อผ้าที่หลากหลายขึ้น จากความยาวคลุมขาก็ปรับระดับให้สั้นขึ้นมาถึงเข่า รวมทั้งอัพเลเวลงานปักให้อลังการมากขึ้น

กี่เพ้า02

ทว่าความนิยมก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างมากนัก กระทั่งโลกก้าวสู่สหัสสวรรษ 2000 กี่เพ้าถูกปลุกให้ตื่นในระดับที่สาวทั่วโลกลงมติให้เป็นชุดบ่งบอกถึงเสน่ห์ของผู้หญิงอย่างเต็มเปี่ยม เพราะภาพยนตร์เรื่อง In the Mood of Love ของหว่องกาไว ที่มีดาราสาวชาวฮ่องกง จางม่านอวี้ นำแสดง(คู่กับเหลียงเฉาเหว่ย) เข้าไปฉายในอเมริกา ทันทีที่ผู้หญิงตะวันตกเห็นความงดงามของ Modern Qipao เดรสชิ้นเดียวปักลายระยิบหลากหลายสไตล์ รวมทั้งแบบของแขนและปกเสื้อที่เข้ายุคเข้าสมัย และการผ่าข้างที่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง โชว์ส่วนสัดเพิ่มขึ้นบนร่างของนางเอกจาง สาวฝรั่งก็ต้องมนต์ อยากเป็นเจ้าของกี่เพ้าสักชุดขึ้นมาทันที

กี่เพ้า03

และนับแต่นั้นกี่เพ้าก็กลายเป็นไอเท็ม must have ที่ผู้หญิงทั่วโลกต่างถวิลหา รวมทั้งถูกบรรจุเข้าไว้เป็นหนึ่งในคอสตูมของภาพยนตร์และละครซีรีส์ทั่วโลกที่มีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับความเป็นจีน  ไม่เว้นแม้กระทั่งเมืองไทย ก็มีละครที่ นางเอกสวมบทหมวยสาว ให้ดูกันอยู่เรื่อย

เสน่ห์ของกี่เพ้า นอกจากเน้นขับรัศมีความเป็นผู้หญิงออกมาอย่างชัดแจ้งผ่านเทคนิคการตัดเย็บอันแสนรัดรูปแล้ว การที่มันเป็นเดรส One-piece ใส่แสนง่าย ประมาณตัวเดียวอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าจะเลือกแมทช์สิ่งใดให้เข้ากันอีกก็คือข้อประเสริฐยิ่งที่ทำให้มันครองความนิยมตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาไว้ได้

กี่เพ้า04กี่เพ้า05กี่เพ้า06

ปัจจุบันนี้ในเมืองจีนมีช่างตัดกี่เพ้าเหลือจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากเป็นชุดที่ใส่เฉพาะงานแต่งงานหรือในพิธีการ โดยช่างฝีมือดีในเมืองจีนจะอาศัยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เท่านั้น และส่วนมากเป็นผู้ชาย เนื่องจากการปักเย็บลวดลายบนชุดกี่เพ้าเป็นงานที่ใช้สายตาเป็นเวลานาน และต้องมีความแม่นยำสูง เมื่ออายุ 30 ปี ช่างส่วนใหญ่จึงมักเลือกที่จะหยุดอาชีพของตนไป และก็อาจจะกลุ่มดีไซเนอร์จีนก็ตระหนักถึงวิกฤตกี่เพ้าที่กำลังเป็นอยู่กระมัง ทำให้ช่วงปีหลังๆ มานี้ ในเทศกาล China Fashion Week จึงมีการส่งงานดีไซน์ชุดจีนกี่เพ้าขึ้นโชว์บนรันเวย์จนเรียกว่าเป็นธรรมเนียมกันไปเลย

ชม กี่เพ้า ของจีนแล้วก็นึกถึงชุดไทย ผ้าไทย สาวๆ ก็อย่าทิ้งขว้าง สนับสนุนของไทยกันด้วยนะ

ภาพ : gettyimages

 

อยากสวยอย่าโลเล! จัด Two Tone ลิปสติก เปลี่ยนวันน่าเบื่อให้เป็นเรื่องสนุก

รักพี่เสียดายน้อง อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน กลายเป็นนิสัยประจำตัวสำหรับคุณผู้หญิงส่วนมากไปซะแล้ว โดยเฉพาะช่วงเวลาแห่งการช้อปปิ้ง ที่สาวๆ ต้องเลือกซื้อเสื้อผ้า หรือเครื่องสำอาง บางทีตัดสินใจเลือกซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ดับกิเลสด้วยการซื้อมาทั้งสองอย่างเลยก็มี แล้วอาการเห่อของใหม่ อยากลอง อยากใช้ทันทีก็ตามติดมาเร็วราวกับจรวดเลยล่ะ

ลิปสติก เป็นไอเท็มหนึ่งที่ชอบติดไม้ติดมือสาวๆ มาเกินหนึ่งยามได้ช้อปปิ้ง ปัญหาตอนซื้อไม่เท่าไหร่ แต่มาตอนแต่งหน้านี่สิ เคยมั้ยคะ เกิดอาการโลเลตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะใช้ลิปสติกสีไหนทาก่อนดี? งั้นลองจัดทีเดียวสองสีไปเลยก็น่าสนุกดีนะ ถ้านึกภาพกันไม่ออก ลองดูตัวอย่างคู่สีแดง-ชมพู ข้างล่างนี้ก่อนเป็นไง แล้วจะรู้ว่า การเปลี่ยนนิดแปลงหน่อย เพิ่มความสนุกให้ชีวิตได้เยอะเลย!

two tone lipstick
เติมสีปากแดงบนริมฝีปากล่างก่อนซะหน่อย
two tone lipstick
ต่อด้วยสีชมพูเบาๆ ลงบนริมฝีปากบน
two tone lipstick
เม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย เท่านี้ก็สวย สดใส ดูมีมิติแล้วจ้าาา

นอกจากลิปสติกคู่สีแดง-ชมพู ที่เรานำมาให้ดูแล้ว สาวๆ สามารถเลือกจับโทนสีอื่นมาแต่งแต้มริมฝีปากเราเพิ่มความสนุกได้อีกนะ ถ้าสาวๆ คนไหนยังไม่มั่นใจ การเลือกโทนสีใกล้เคียงมาลองก่อน ก็เป็นวิธีเซฟตัวเองไม่ให้กลายเป็นสวยตลกได้เหมือนกัน อ้อ! แต่ถ้ามีปาร์ตี้เมื่อไหร่ ลองจัดคู่สีที่ต่างกันออกไป ก็เติมสีสันให้วันธรรมดาของสาวๆ ไม่น่าเบื่อได้แล้ว

two tone lipstick

two tone lipstick

two tone lipstick

two tone lipstick

two tone lipstick

two tone lipstick

เรื่อง : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : www.pinterest.com, http://www.bloglovin.com, http://www.makeup.com/two-tone-lips

ช่างภาพชาวอังกฤษผุดไอเดียถ่ายภาพความงามของรอยด่าง ฝ้า กระ เปลี่ยนจุดด้อย ให้เป็นจุดเด่น

Brock Elbank ช่างภาพชาวอังกฤษได้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ที่อยากถ่ายทอดความงามที่แท้จริงตามธรรมชาติ ผ่านโปรเจคชุดถ่ายภาพ #Freckles เน้นความงามและเอกลักษณ์ผิวของบุคคลที่เกิดมาพร้อมกับรอยด่าง ฝ้า กระ มาถ่ายทอดในรูปแบบที่แตกต่างกันและมีลักษณะโดดเด่น เป็นการปลุกกระแสและสร้างมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้คนที่คิดว่าผิวที่เรียบเนียน ไร้ร่องรอยคือผิวที่สวย แต่จริงๆ แล้วรอยฝ้า กระ บนใบหน้าที่เราปกปิดนั้นก็คือความงามอย่างหนึ่ง เป็นเสน่ห์ให้ชวนหลงไหลได้ไม่แพ้ผิวเรียบเนียนด้วยซ้ำ

Elbank กล่าวว่าเขาไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนค่านิยมใดๆ ในสังคม เพียงแค่อย่างส่งเสริมความงามที่แท้จริงและเชิญชวนให้ทุกคนรักในสิ่งที่ตัวเราเป็น แทนที่จะคิดว่ามันคือจุดด้อยและหาทางปกปิดมัน เราควรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นจุดเด่นมากกว่าปกปิดเอามัน วันนี้เรามีภาพบางส่วนมาให้ดูเรียกน้ำย่อยไว้ก่อน เพราะถ้าใครอยากดูเต็มๆ ก็คงต้องรอปีหน้านะจ๊ะ เพราะเขามีกำหนดที่จะจัดแสดงในปี 2017 โน้นแหน่ะ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

รูปภาพที่โพสต์โดย Brock Elbank (@mrelbank) เมื่อ

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม
ภาพ : IG@mrelbank

ดราม่าบาดลึกทุกอารมณ์ The Danish Girl เมื่อคนรักเปลี่ยนเป็นเพื่อนสาว

“แหละในวันนี้ เธอนั้นจงหยัดยืน และลุกขึ้นอีกครั้ง…ด้วยพลังในหัวใจ”……เปรียบเสมือนหนึ่งในผลงานศิลปะ ชั้นยอด ที่ถ่ายทอดโดยทอม ฮูเปอร์ ผกก. สายรางวัล เจ้าของผลงานดังๆ แนววินเทจสไตล์อย่าง La Miserables และ The King’s Speech โดยการกลับมาในครั้งนี้ เขาได้เลือกหยิบเรื่องราวแนวสร้างพลังใจ ปลุกความกล้าหาญ และอยากให้ทุกคนมีเชื่อมั่นในตัวเองมานำเสนอ เพราะนี่คือเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยายของลีลี่ เอลบี สาวประเภทสองที่ได้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศเป็นคนแรกของโลก ซึ่งในยุคสมัยก่อนๆ เพศที่สามยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมเท่าไรนัก

โดยหนังจะเล่าถึงช่วงชีวิตของเขาตอนที่ยังเป็นผู้ชายในชื่อไอนาร์ มีอาชีพเป็นจิตรกรชื่อดังในเดนมาร์ก และมีภรรยาเป็นจิตรกรเช่นกันนามว่าเกอร์ด้า แต่แล้วก็มีเหตุให้วันหนึ่งเธอต้องจับสามีมาแต่งหญิงเพื่อให้เป็นแบบวาดภาพ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้ไอนาร์ค้นพบว่า ในตัวเธออาจจะมีความเป็นลีลี่ซุกซ่อนอยู่แบบใสๆ

จนเมื่อความเป็นตัวตนที่แท้จริงเริ่มเปิดเผย ความสั่นคลอนภายในครอบครัวจึงเกิดขึ้นตามมา เพราะคนเป็นภรรยาย่อมทำใจไม่ได้อย่างแน่นอนที่วันหนึ่งตัวสามีจะกลายเป็นเพื่อนสาว คนที่เคยหลับนอนด้วยกันจะกลายเป็นแค่คนนอนข้างกัน ยอมใจเลยว่าบทค่อนข้างดี หนังไม่ได้โฟกัสไปที่เรื่องการเชิดชูศิลปินในยุคเก่า และไม่ได้บอกเล่าว่าทั้งสองมารักกันได้ยังไง เราจะได้รู้แค่ว่า ทั้งสองคือคนรักกัน และแสดงให้เห็นว่า ความรักของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่เพียงใดแม้ในวันที่คนหนึ่งเปลี่ยนไป จุดนี้คือสร้างความประทับใจได้มากจริงๆ

การเล่าเรื่องถือว่าทำออกมาได้เฉียบขาด บาดลึก เข้าถึงอารมณ์ เน้นพลังทางการแสดงของตัวละครเป็นหลัก ขณะที่การเดินเรื่องอาจจะยังเนือยอยู่บ้างในบางช่วง แต่กลับน่าติดตามอยู่ คงด้วยเนื้อหาที่ชวนให้อยากรู้บทสรุป ทว่าในส่วนการลำดับเรื่องยังไม่ค่อยต่อเนื่องนัก รวมทั้งบทสรุปยังรวบรัดไปหน่อย ถือว่าน่าเสียดายมาก เพราะตลอดทั้งเรื่องคือปูมาดีสุดๆ
images
แถมไดอะล็อก คอสตูม และฉากล้วนดูแพง สวยงามตามท้องเรื่องจริงๆ แต่ที่โดดเด่นขโมยซีนทุกสิ่งอย่าง เห็นจะเป็นการแสดงอันทรงพลังของตัวละครหลักทั้งสอง ซึ่งเราจะได้เห็นพวกเขาเล่นใหญ่ใส่กันแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะซีนอารมณ์คือเล่นได้กระแทกใจมาก โดยโดยเอ็ดดี้ เรดเมย์น (เจ้าของรางวัลออสการ์นำชายปีที่แล้ว) ได้รับบทเป็นลีลี่ คือเล่นดี มีอินเนอร์ จริตเวเนมาเบอร์เต็ม เขาสามารถทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาใช่ ใช่มะ ทั้งกิริยาท่าทาง การพูดจา และแววตา รวมถึงการแสดงออกทางสีหน้า เอาไปเลยเต็มสิบ (แต่ถ้าถามว่าจะได้รับออสการ์เป็นปีที่สองติดกันไหม คิดว่าน่าจะพ่ายให้กับเฮียลีโอนะ เนื่องจากบทของลีลี่ยังเป็นรองอยู่)
ขณะที่บทเกอร์ด้า ภรรยาผู้ชอกช้ำเพราะรู้ว่าสามีเปลี่ยนไป ก็ได้ดาราสาวหน้าใหม่อย่างอลิเชีย วิกันเดอร์มาเล่น บอกเลยว่า ฝีมือจัดจ้าน สะท้านทรวง นางถ่ายทอดหลากอารมณ์ได้แบบอลังการมาก ถือเป็นการเปิดตัวได้น่าประทับใจ เมื่อเธอนำเสนอบทบาทของหญิงสาวที่ต้องแบกรับหลายความรู้สึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความโกรธ ความเห็นใจ ความหวัง ทุกๆ อารมณ์ของเธอสามารถแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เจอ และมันเข้าถึงคนดูจริงๆ การที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิง ทั้งๆ ที่บทของเธอเป็นบทนำแท้ๆ จึงถือเป็นบอกให้รู้ว่า นี่อาจจะเป็นการส่งให้เธอลงมาเพื่อขึ้นรับรางวัลในปีนี้อย่างแน่นอน
ถ้าใครชอบหนังแนววินเทจที่เล่าเรื่องได้อย่างละมุนละม่อม แต่แฝงด้วยดราม่าแบบจัดหนัก นักแสดงงัดพลังทางการแสดงออกมาปล่อยใส่กันทั้งเรื่อง ต้องห้ามพลาดเลยเด็ดขาด ที่สำคัญงานซาบซึ้งยังชวนกินใจด้วยนะเออ เผลอๆ หนุ่มๆ คนไหนดูจบแล้วอาจจะค้นพบตัวเองก็ได้นะ #แบบนี้ก็ได้เหรอ
คะแนน : 9/10
เรื่อง : คิมคานา

PRAEW SELECTED : แจกรางวัลสัปดาห์ที่ 56

ขอบอกว่าของรางวัลสปดาห์นี้ดีงามมากๆ เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทยสุดๆ ลองนึกดูนะว่าในแต่ละวันผิวของเราต้องเจออะไรบ้าง ทั้งแสงแดด ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ และมลภาวะต่างๆ ทำให้ผิวหมองคล้ำและแห้งกร้านได้ง่าย มลภาวะพวกนี้แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผิวสวยๆ ของเราเสีย แต่วันนี้เรามีผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด Cielo Double Protection Sunscreen & Moisturizer ตัวช่วยกอบกู้ผิวของเราให้กลับมาสุขภาพดีอีกครั้งมาแจก เพียงตอบคำถามและทำตามกติกาดังต่อไปนี้

คำถาม :  ครีมกันแดด Cielo Double Protection มีสารสกัดจากพืชอะไรบ้าง?

กติการ่วมสนุก

1.ตอบคำถามข้างต้นลงในหน้ากิจกรรมนี้เท่านั้น โดยพิมพ์คำตอบว่า

ร่วมกิจกรรม Praew Selected ลุ้นรับ ครีมกันแดด Cielo Double Protection สกัดมาจาก…… พร้อม Hashtag #praewselected #แพรวดอทคอม ”

2.กดไลค์และแชร์ภาพกิจกรรมนี้ไปยัง Facebook ของคุณ โดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ

3.กดไลค์เพจ praewmagazine ที่ https://www.facebook.com/praewmagazine

ผู้ที่ทำถูกต้องตามกติการายชื่อทั้งหมดจะนำมาคัดเลือกหาผู้โชคดีเพื่อรับ มอบผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด Cielo Double Protection Sunscreen & Moisturizer จำนวน 5 รางวัล รวมมูลกว่า 4,200 บาท

หมดเขตร่วมสนุกวันที่  21 กุมภาพันธ์ 2559 ประกาศชื่อผู้โชคดีวันที่  22 กุมภาพันธ์  2559

*หมายเหตุ ผู้ที่ได้รับรางวัลต้องมารับของรางวัลที่ Amarin Printing and Publishing Public Company Limited. 378 Chaiyaphurk  Rd.,Taling Chan, Bangkok 10170
Tel. 02-422-9999 ext. 4285 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2559

รายละเอียดผลิตภัณฑ์

สาวคนไหนที่ผิวแห้ง ทาโลชั่นบำรุงผิวเท่าไหร่ก็ยังแห้งบ้างค่ะ อยากบอกว่านอกจากอากาศและมลภาวะต่างๆ แล้ว รังสี UVA ในแสงแดดก็เป็นตัวการทำให้ผิวของคุณแห้ง มีริ้วรวย เพราะรังสี UVA มีมากถึง 95% ในแสงแดด มีอำนาจทะลุทะลวงเข้มข้นมาก สามารถทะลุกระจกได้แม้เราจะอยู่ในอาคาร ทำลายการสร้างคอลลาเจน และอิสาสตินใต้ชั้นผิว รวมถึงกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้ผิวกลายเป็นสีน้ำตาล เกิดเป็นริ้วรอย และแห้งกร้านค่ะ

3

ส่วนรังสี UVB มีประมาณ 5% ในแสงแดด และสามารถพบได้ในหน้าจอคอมพิวเตอร์  โทรทัศน์  โทรศัพท์ สามารถทะลุเข้าถึงชั้นที่ลึกที่สุดของเซลล์ผิวหนังชั้นนอก ส่งผลกระทบต่อการสร้างอนุมูลอิสระได้มากกว่า UVA กระตุ้นให้เกิดการผลิตเมลานินที่มีสีน้ำตาลเข้มชัดและติดทนนานบนผิวชั้นนอก ส่งผลให้ผิวหนังไหม้เกรียม และเป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง

2

เพราะฉะนั้น สาวๆ นอกจากจะทาโลชั่นบำรุงผิวแล้วต้องทาครีมกันแดดปกป้องอีกชั้นด้วยนะคะ ถ้าไม่อยากทาหลายตัว แนะนำ “Cielo Double Protection” ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน ด้วยการดูแลผิวในขั้นตอนเดียว ทั้งปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย SPF 50, PA+++ ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB พร้อมบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น เนื้อครีมบางเบา แตกตัวเป็นหยดน้ำ ซึมซาบเร็วช่วยให้รู้สึกสบายผิว กลิ่นหอม สดชื่น พร้อมสารสกัดจากใบบัวบกและว่านหางจระเข้ ลดความหมองคล้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

มาพร้อม 4 คุณค่าเพื่อการปกป้องผิว

  • Vitamin B3 ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินชลอการเกิดริ้วรอยและปรับผิวให้แลดูกระจ่างใสเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
  • Vitamin B9 ป้องกันการสูญเสียน้ำและการทำลายเซลล์จากรังสี UV พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอย
  • Centella Extract สารสกัดจากใบบัวบกช่วยลดความหมองคล้ำซ่อมแซมผิวที่สึกหรอให้ยืดหยุ่นตึงกระชับ
  • Aloe vera สารสกัดจากว่านหางจรเข้ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่นลดอาการอักเสบของผิว กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน

ใครสนใจโลชั่นที่ช่วยปกป้องผิวของคุณภายในขั้นตอนเดียวคลิกไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ https://www.facebook.com/CieloBeautyThailand

พยากรณ์ดวงชะตาวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน  : ทำใจแล้วกันนะคะว่า ปีนี้จะฉลองตรุษจีนด้วยการทำงานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้ใครไม่เห็น แต่เทพเจ้าเบื้องบนเห็น สักวันความดีของท่านจะเป็นที่ปรากฎ

การเงิน : จะต้องใช้จ่ายกับการเดินทางไปทำงานนอกสถานที่

ความรัก : คนมีคู่ควรพากันไปเที่ยวหรือพักผ่อนบ้าง ส่วนคนโสดมีคนชวนไปดูหนัง ฟังเพลง ฉลองตรุษจีน ค่อยๆ ศึกษากันไป

สุขภาพ : โรคกระเพาะยังไม่เข้าที่ ควรดูแลเรื่องอาหารต่อไป

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : งานยังสะดุดไม่ได้ดังใจ มีอุปสรรค จนอยากจะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยงานใหม่เลยทีเดียว

การเงิน : มีเงินก็หมด เพราะยังมีหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ

ความรัก : คนมีคู่อยู่ในช่วงงานหนักทั้งคู่ ขนาดอยู่บ้านเดียวกันยังแทบไม่ได้คุยกันเลย อดทนไว้เพื่ออนาคตและครอบครัว คนโสด โชคดีเรื่องความรัก ได้เจอคนที่ถูกสเป๊คเป๊ะเว่อร์ อย่างบังเอิญ เหมือนสวรรค์ส่งมาเลยทีเดียว

สุขภาพ : อากาศเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว ระวังป่วย

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน : รู้สึกถึงความไม่มั่นคง เพราะจะมีการเปลี่ยนระบบผู้บริหารใหม่ ทำงานยากขึ้นในแบบที่เราไม่ถนัด เตรียมตัวเตรียมใจหางานสำรองไว้บ้าง

การเงิน : ไม่ควรเสี่ยงโชคมากนัก

ความรัก : คนมีคู่ สำหรับผู้หญิงมีเกณฑ์ตกที่นั่งลำบาก เพราะคู่ครองอาจพาบุคคลที่ 3 มาอยู่ร่วมครอบครัว งานนี้ต้องเด็ดขาดค่ะว่า จะอยู่หรือจะไป คนโสดก็ยังเหมือนเดิม ทำใจเถอะว่า เราอินเทรนด์ อยู่ครองตัวเป็นโสดอย่างงดงามก็ได้

สุขภาพ : ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะพักผ่อนไม่พอ

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : คงต้องจัดการให้เด็ดขาดกับพนักงานนิสัยไม่ดี ชอบก่อหวอดในที่ทำงานจนวุ่นวาย

การเงิน : ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ไปกับการลงทุน

ความรัก : คนมีคู่สถานการณ์ความรักเริ่มดีขึ้น คนโสดก็จะได้รับข่าวดี คนที่เราแอบปลื้มอยู่ตกลงจะคบด้วย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

สุขภาพ : ระวังจะเกิดการบาดเจ็บที่ดวงตา

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

การงาน : งานที่ทำก็ดี แต่ยิ่งทำยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ยากจนท้อ จนคิดจะลาออก มองหางานอื่นเตรียมไว้บ้างก็ดี

การเงิน : มีรายได้เสริมจากการลงทุน แต่ก็ยังน้อยกว่ารายจ่าย

ความรัก : คนมีคู่อย่าเชือดเฉือนกันด้วยคำพูดอีกเลย เพราะเวลาคืนดีกัน อย่าคิดว่าบาดแผลจากคำพูดเหล่านั้นจะหายไป ต้องใจเย็น พยายามพูดดีต่อกัน เพื่อคงความสัมพันธ์ที่ดีกันไว้ คนโสดกำลังจะถูกคนรักตีตัวออกห่าง ลองพิจารณาดีๆ ว่า เป็นเพราะใคร จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง

สุขภาพ : อย่าเครียด เพราะเดี๋ยวจะปวดหัวไม่สบาย

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : สำหรับนักศึกษา หรือผู้ที่กำลังศึกษาต่อ ทริคมีอยู่นิดเดียวคือ จับประเด็นให้ได้ว่า อาจารย์มีจุดประสงค์อย่างไร แล้วเดินหน้าโลด

การเงิน : มีเกณฑ์ว่าจะต้องเสียเงินเพื่อซื้อของเสริมสำหรับทำงาน

ความรัก : คนมีคู่ วันนี้ตรุษจีนควรควงแขนกันไปเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ และให้ซองแดงท่านบ้าง เพราะความกตัญญูจะทำให้ท่านเจริญก้าวหน้าในชีวิต ส่วนคนโสดก็ควงแขนเช่นกัน พากันไปเปิดตัวกับญาติผู้ใหญ่เลย

สุขภาพ : ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : มีงานเข้ามาให้แก้ไขอยู่เรื่อยๆ แต่ท่านก็มีความสุข เพราะเริ่มปล่อยวางได้แล้วว่า ไม่มีอะไรเป็นดังใจเราเสมอ

การเงิน : เงินสะดุด เพราะต้องซ่อมแซม ปรับปรุงบ้าน

ความรัก : คนมีคู่ ไม่สบายคู่ สลับกันดูแลกันนะ คนเกิดวันเสาร์ หากพูดถึงเรื่องความรัก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ท่านจะมีสภาวะความเป็นผู้นำสูงกว่าอีกฝ่าย จนเริ่มเบื่อ หรือไม่ท่านก็ต้องลดๆ ความเป็นผู้นำลง มาเป็นผู้ตามบ้าง อยู่ด้วยกันต้องปรับตัวหากัน

สุขภาพ : พักผ่อนน้อย ระวังป่วย

อาตี๋ อาหมวย (น้อย) ยิ้มร่า…ตรุษจีนนี้รับอั่งเปาเต็มๆ!

ตรุษจีนทั้งทีเหล่าครอบครัวคนดังก็ไม่พลาดที่จะแต่งองค์ทรงเครื่องเจ้าตัวน้อยให้เป็นอาตี๋อาหมวยสุดน่ารักแถมยังได้อั่งเปาเต็มกระเป๋า ไปดูกันเลยว่าบ้านไหนแปลงโฉมลูกๆ ได้จัดเต็มกว่ากัน

 

Screen Shot 2016-02-07 at 9.14.50 PM copy

Screen Shot 2016-02-05 at 1.00.53 PM บีน่า – บรู๊คลิน ลูกแฝดสุดเลิฟของสาวนานา กับเวย์ ไทเทเนียม

ภาพ : nanarybena

 

Screen Shot 2016-02-07 at 8.08.32 PM copy

Screen Shot 2016-02-07 at 4.15.53 PM copy

Screen Shot 2016-02-07 at 4.16.05 PM copy

สมเป็นสะใภ้บ้านคนจีนจริงๆ เพราะสาวโอปอล์จัดเต็มทั้งชุดของตัวเอง และชุดของน้องหนูอลัน กับอริญ มีหลายเวอร์ชั่นมากๆ บอกเลยว่าน่ารัก น่าเอ็นดูเหมือนตุ๊กตา

ภาพ : opalpanisara,oak_smith

 

Screen Shot 2016-02-07 at 8.00.24 PM copy

สองหมวย น้องฌานา กับน้องฌารีน ลูกสาวฝาแฝดของหนุ่มเอ็ม อภินันท์ ก็ใช่ย่อยนะ

ภาพ : m_apinan

 

Screen Shot 2016-02-07 at 8.02.42 PM copy

Screen Shot 2016-02-07 at 8.09.14 PM copy

โอ้ย! น้องมายู แห่งครอบครัวกำเนิดพลอย หน้าตาแบ๊ว น่ารักมากๆ

ภาพ : kanchai, mayfuang

 

Screen Shot 2016-02-07 at 8.13.32 PM copy

Screen Shot 2016-02-07 at 8.12.28 PM copy

น้องโสนกับน้องสวรรค์ก็มาเต็มเหมือนกัน เห็นหน้าคุณพ่อมอส ปฏิภาณ คมเข้มขนาดนี้ แต่ตรุษจีนก็ไหว้เจ้านะจ๊ะ เพราะบ้านคุณภรรยาเป็นคนจีนแท้เลยจ้า

ภาพ : gamiegamie

 

Screen Shot 2016-02-07 at 4.14.43 PM copy

Screen Shot 2016-02-07 at 9.28.26 PM copy

น้องนาวาของแม่อ้อม ขอแปลงโฉมเป็นหมวยน้อยสักวันนะคะ 

ภาพ : nava_and_family,aomphiyada

 

Screen Shot 2016-02-07 at 9.31.41 PM copy

Screen Shot 2016-02-07 at 9.31.56 PM copy

ปิดท้ายด้วยหมวยน้อยบ้านฉัตรบริรักษ์ ยิ่งโตยิ่งสวยเนอะ

ภาพ : momomama1234

เรื่อง : แพรวดอทคอม

MIRACULOUS MACHU PICCHU

“คงไม่มีที่ไหนในโลกจะเหมือนกับที่นี่อีกแล้ว ใต้หมู่เมฆที่อยู่เบื้องหน้าผม คือผาหินแกรนิตสูงชัน ผาสูงเสียดฟ้าหลายพันฟุตลอยฟ่องกลางละอองเมฆที่ปลิวอยู่ในอากาศ ที่เมื่อถูกทาบด้วยแสงแดดระยิบระยับ ราวกับว่าผืนป่าแห่งนี้ช่างมีเวทมนตร์เหลือเกิน”

แค่ถ้อยคำบางส่วนจากบทบันทึกของนักสำรวจอย่างฮิแรมบิงแฮม ตอนที่เขาค้นพบนครที่สาบสูญของชาวอินคาอย่างมาชูปิกชู (Machu Picchu) ก็กระตุกให้นั่งไม่ติดนั่นเป็นความรู้สึกเมื่อ 8 ปีก่อนที่ฉันกระเตงเป้ขึ้นหลังแล้วเหาะไปถึงเมืองคุสโก (Cusco) ประเทศเปรู

 

800-1

วิถีที่แปรเปลี่ยน

แต่การเดินทางสู่เปรูเที่ยวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป นอกจากตัวเลขอายุและน้ำหนักจะควบไปข้างหน้า ร่องรอยของตีนกาที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าก็มากขึ้นด้วย

จากวิถีการเที่ยวแบบแบ็กแพ็คเกอร์จึงต้องเปลี่ยนเป็นแฟลชแพ็คเกอร์ เพื่อถนอมแผ่นหลังและสังขารเอาไว้เดินทางท่องโลกต่อไปและสิ่งที่ฉันค่อนข้างไม่แน่ใจตัวเองคือ ระดับความตื่นเต้นตอนสบตากับมาชูปิกชูจะลดลงหรือไม่

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม…ฉันหวังว่าการได้พบปะกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในคราวนี้จะไม่ฉาบฉวยเหมือนเที่ยวก่อน เพราะยามนั้นอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจากการถูกโจมตีด้วยโรคแพ้ความดันอากาศในที่สูง (Altitude Sickness) ยังไม่ทุเลาดีอาการเมาอากาศยังรุงรังอยู่ในหัวทำให้การทำความรู้จักกับมาชูปิกชูยังไม่แน่นเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เที่ยวนี้ฉันจึงเตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งอัดน้ำ กินยา และจิบโคคาที (Coca Tea) เป็นระยะ

ไม่มีเรือนพักแห่งไหนในเมืองคุสโกไม่เตรียมโคคาทีไว้รับขวัญนักเดินทาง คนที่นี่พูดกรอกหูว่าเจ้าชาตัวนี้นี่ละที่จะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่บนเมืองที่ทอดตัวอยู่บนระดับความสูงเกิน 3,400 เมตรจากระดับทะเล เที่ยวนี้ฉันปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่อย่างเดียว เพราะบทเรียนจากการแหกกฎครั้งที่แล้วทำให้ฉันถูกโรคเมาอากาศเล่นงานจนปางตาย

4

วันแรกที่ไปถึงเรือนพัก ฉันพยายามอ้อยอิ่งทำอะไรช้า ๆ หายใจลึก ๆ ดื่มน้ำเยอะ ๆ จิบโคคาทีเป็นระยะ แค่ครึ่งวัน รู้สึกราวกับว่าปอดขยายใหญ่เหมือนลูกหลานชาวอินคาไปแล้ว

ฉันเดินช้า ๆ ไปนั่งผึ่งอากาศอยู่บนเก้าอี้ริมจัตุรัสประจำเมืองถึงได้รู้ว่าคุสโกนั้นเนื้อหอมยิ่งกว่าเดิม หรือคงจะเป็นเพราะหลังจากที่มาชูปิกชูถูกโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หัวบันไดของคุซโกจึงแทบไม่เคยแห้ง เพราะใคร ๆ ก็มาตั้งหลักกันที่นี่

ถึงจะหัวบันไดไม่แห้ง แต่การจะเข้าถึงเนื้อถึงตัวก็ยังยากเหมือนเดิม มาชูปิกชูยังไว้ตัวให้เลอค่าเสมอ เพราะถนนไม่ได้เนรมิตขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าหาได้ง่ายขึ้น จึงมีทางเลือกอยู่ 2 ทางที่ทุกคนจะไปหามาชูปิกชู คือ ถ้าไม่นั่งรถไฟก็เดินเท้าบนเขา ระหว่างอินคาเทรลกับอินคาเทรน เงื่อนไขเรื่องเวลาและสังขารบีบให้ฉันเลือกรถไฟโดยไม่มีทางปัดป่าย

วันนี้ที่เปลี่ยนไป

จากเมื่อ 8 ปีก่อน นั่งรถไฟราคาประหยัดไป – กลับในวันเดียวแค่ราว 2,000 กว่าบาท แต่ตอนนี้จะนั่งรถไฟไปหาสิ่งมหัศจรรย์ของโลกต้องควักเงินเกือบ 5,000 บาท ที่จริงต้องพูดว่า ต่อให้ราคาถูกกระชากขึ้นไปแพงกว่านี้ก็ต้องไป เพราะทุกวันนี้ตั๋วรถไฟจากคุสโกไปหามาชูปิกชูแต่ละวันนั้น หายากจนน่าวิงเวียน ทางที่ดีใครจะไปต้องจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ เป็นดีที่สุด

คงเหมือนเที่ยวนี้ หลังจากให้แทรเวลเอเย่นต์ควานหาตั๋วอยู่พักใหญ่ จึงได้ความว่าระยะ 3 – 4 วันที่ฉันอยู่ในคุสโก ไม่มีตั๋วจากคุสโกไปมาชูปิกชูเหลือเลย แต่ขากลับไม่เป็นปัญหา ทางแก้ที่ทำได้คือต้องนั่งรถยนต์ไปขึ้นรถไฟที่เมืองโอยันไตย์ตัมโบ (Ollantaytambo) เมืองที่เป็นจุดสิ้นสุดของถนน

ไม่มีเวลาให้โยกโย้มากนักขืนลังเล แม้แต่ตั๋วรถไฟจากโอยันไตย์ตัมโบไปมาชูปิกชูก็อาจจะไม่มีฉันจึงปลงใจตื่นตีสามในวันรุ่งขึ้นเพื่อนั่งรถมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟประจำเมืองโอยันไตย์ตัมโบให้ทันรถไฟเที่ยวหกโมงครึ่ง

รถไฟวิ่งคดเคี้ยวเลาะแม่น้ำอูรูบัมบา
รถไฟวิ่งคดเคี้ยวเลาะแม่น้ำอูรูบัมบา

เส้นทางจากโอยันไตย์ตัมโบไปมาชูปิกชูนั้น ขาไปถ้านั่งด้านซ้ายจะได้ละเลียดวิวเลียบฝั่งแม่น้ำอูรูบัมบาแต่ถ้านั่งฝั่งขวาก็มีภูเขาหิมะโผล่มาทักทายผู้โดยสารเป็นระยะ เมื่อหักลบกลบวิวตามรายทาง จึงพอทำใจได้กับค่ารถไฟที่แพงสะบัด เป็นการโคลงเคลงบนรถไฟอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่าเข็มสั้นและเข็มยาวเคลื่อนไปช้ากว่าปกติ การลัดเลาะไปตามแม่น้ำอูรูบัมบาอันเชี่ยวกรากนั้นงดงามจนน่าจะเป็นเส้นทางที่ถูกจัดเรตติ้งว่ามีคุณค่าเท่าวิตามินเอ

ฮิแรม บิงแฮม ก็ใช้เส้นทางนี้เหมือนนักท่องเที่ยวในยุคสมัยนี้ ต่างกันที่เขาเดินลัดเลาะไปตามลำน้ำอูรูบัมบา เพื่อพาตัวเองให้ถลำลึกเข้าสู่ที่มั่นอันเร้นลับของชาวอินคา

ความจริงบิงแฮมตั้งใจจะตามหาเมืองเมืองหนึ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายของอาณาจักรอินคา ซึ่งตอนนั้นบิงแฮมเองก็ไม่มั่นใจว่าเมืองนี้มีตัวตนและมีหลักแหล่งจริงหรือเปล่า

เขาไม่รู้หรอกว่าการเดินทางครั้งนั้นเป็นครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เขาได้สร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองด้วยการค้นพบมาชูปิกชู นครที่เคยสูญหายไปจากแผนที่โลก

ม้าเหล็กยังคงแล่นไหลไปตามโค้งและหุบผาเลียบลำน้ำ 8 โมงกว่าโดยประมาณ รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนเข้าเทียบชานชาลาของสถานีเมืองอควาส์กาเลียนเตส์ (Aguas Calientes) อันเป็นสถานีปลายทาง มาถึงจุดนี้ประสบการณ์จากการเดินทางครั้งก่อน ทำให้รู้ว่าอย่ามัวโอ้เอ้เป็นอันขาด

3

เพราะจากสถานีรถไฟยังต้องต่อรถบัสขึ้นไปบนมาชูปิกชูอีกราว 20 นาทีปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าลงรถไฟแล้วได้ขึ้นรถบัสเลยคงไม่เป็นปัญหา แต่ปัญหาคือ พอลงจากรถไฟ ทุกคนจะเจอคลื่นนักท่องเที่ยวที่พูดได้คำเดียวว่า หัวลำโพงชิดซ้าย เอกมัยชิดขวาไปเลย เพราะผู้โดยสารจากรถไฟไม่รู้กี่โบกี้พากันไหลทะลักไปขึ้นรถบัสที่รอรับอยู่

นี่ขนาดไม่อ้อยอิ่งยังพบว่าเมื่อเดินไปถึงจุดขึ้นรถบัส คิวยาวเหยียดประมาณกิโลเมตรกว่าเห็นจะได้ ซึ่งเมื่อ 8 ปีก่อน ต่อให้มีคิวขึ้นรถบัสก็ไม่เลื้อยยาวขนาดนี้ นี่ยาวชนิดที่ว่าไม่ต้องทำอะไร นอกจากทำใจอย่างเดียว

ระหว่างต่อคิว ฉันจึงถามไถ่คนท้องถิ่นได้ความว่า หลังจากมาชูปิกชูได้รับการโหวตให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก กองทัพนักท่องโลกก็พากันแห่แหนมาที่นี่ จนต้องมีการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมในแต่ละวันว่าต้องไม่เกิน 3,000 คน โดยในจำนวนนี้มีโควตาของนักท่องเที่ยวที่มาทางรถไฟ 2,500 คน และโควตานักท่องเที่ยวที่เดินเขาขึ้นมาอีก 500 คน

“แต่จริง ๆ แล้วก็เห็นเกินทุกวัน ยิ่งเป็นช่วงพีคแบบนี้ วันนี้ต้องมีถึง 5,000 คนแน่” ไกด์ท้องถิ่นคนหนึ่งสาธยายให้ฟังตอนยืนต่อคิวเขาว่าทุกวันนี้ยังงงอยู่ว่า ตั๋วเข้ามาชูปิกชูที่ขายเกินอีกพันกว่าใบมาจากไหนกันแน่

2

ถึงผู้คนจะล้นหลาม แต่ด้วยการจัดการที่เป็นเลิศ ยืนไม่ถึงชั่วโมงก็ได้ขึ้นรถบัส เป็นระยะเวลา 20 นาทีที่พูดเลยว่าทั้งเสียวทั้งลุ้น เพราะระยะทาง 8 กิโลเมตรนั้นทั้งแคบและชัน แต่จัดว่าเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดเส้นทางหนึ่งก็ว่าได้ ฝ่ายเราก็นั่งเสียวไปตลอดทาง ฝั่งโชเฟอร์รถบัสก็ซิ่งไม่สนเหว เหยียบคันเร่งไม่เกรงใจยมบาล ต้องเร่งทำเวลา เพราะยังมีประชากรยืนต่อคิวขึ้นบัสยาวเหยียดแบบนี้ทั้งวัน

ผละจากบัสได้ก็ต้องมาผจญกับคลื่นมหาชนตรงปากทางเข้าอีกแถมตรงนี้วุ่นพิลึก ไม่มีการต่อคิวอะไรทั้งสิ้น มีแต่นักท่องโลกผู้กระหายใคร่เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยืนเบียดกันอย่างแออัด ต่างจากเที่ยวก่อนอย่างสิ้นเชิง ที่จะไปมุมไหนก็ยืนสบาย ๆ ไม่ต้องต่อคิว แต่เที่ยวนี้แค่จะหาที่ยืนยังยาก จึงต้องปล่อยให้คลื่นคนค่อย ๆ นำพาไปหาคนเก็บตั๋ว

ความจริงใครที่ดุ่ม ๆ มาแบบไม่จองตั๋วล่วงหน้ามาก่อน เจ้าหน้าที่จะมาคัดออก ตั้งแต่ยืนรอขึ้นรถบัสแล้ว ที่คิดว่าจะมาซื้อตั๋วตรงหน้าปากทางเข้าแทบหมดโอกาส ดังนั้นจะให้ชัวร์จองตั๋วล่วงหน้ามาก่อนเป็นอันว่าปลอดภัย ได้เข้าชมแน่ๆ

คุสโกยามค่ำคืน
คุสโกยามค่ำคืน

ถึงเสียที…มาชูปิกชู

ฉันกำตั๋วแน่นยืนเบียดกับคลื่นคนที่ผึ่งแดดเปรูอันร้อนแรง อาการปั่นป่วนมวนท้องเกิดขึ้นอย่างประหลาด เหมือนมีก้อนประหลาดทางอารมณ์เคลื่อนตัวอยู่ในท้อง ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จะได้สบตากับมาชูปิกชู แต่อาการตื่นเต้นค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น เมื่อค่อย ๆขยับตัวเข้าใกล้สิ่งมหัศจรรย์

เมื่อพ้นประตูทางเข้าอันแสนชุลมุนได้ นครที่สาบสูญของชาวอินคาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เมืองที่ซ่อนอยู่ในยอดเขาสูงเสียดฟ้า มหัศจรรย์ราวกับอยู่บนโลกอีกใบ ป้อมปราการและอาคารหินมหึมาเรียงรายอยู่บนสันกิ่วฉากหลังเป็นยอดเขาสูงทรงพีระมิด

หลังจากเดินไต่สันเขาขึ้นมาในวันฝนพรำ เมื่อแรกเห็นมาชูปิกชูบิงแฮมเรียกที่นี่ว่า “บ้านของหินแกรนิตที่ตระหง่านงาม”

ชีวิตที่ป้วนเปี้ยนอยู่ท่ามกลางยอดเขาสูงทรงพีระมิดที่เป็นฉากหลังของเมืองโบราณ ฉันสัมผัสได้ถึงความสวย สงบ สง่า ที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว จนลืมไปเลยว่ากำลังยืนพ่นหายใจบนความสูงกว่า 2,400 เมตร

ตามตำนานคะเนกันว่า ชาวอินคาน่าจะสร้างนครแห่งนี้เมื่อช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 คาดว่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่กันราวพันคน บ้างก็ว่า สร้างเพื่อเป็นที่อาศัยของหญิงพรหมจารีที่ปฏิบัติศาสนกิจถวายสุริยเทพ เรื่องนี้นักโบราณคดีในยุคปัจจุบันสันนิษฐานว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นพระราชวังฤดูหนาวของกษัตริย์มากกว่า หรือไม่ก็ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์และลี้ลับ

มุมสวยๆ ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูลึกลับ
มุมสวยๆ ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูลึกลับ

เคยมีนักโบราณคดีเดินทางมาสำรวจ สิ่งที่พวกเขาพบนอกจากเครื่องสำริดและเครื่องมือหินยังมีโครงกระดูกคน ที่เกือบทั้งหมดเป็นโครงกระดูกของผู้หญิง จึงมีการสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นที่ประทับของกษัตริย์ ส่วนซากที่เห็นเป็นพวกนางสนมและนางสนองที่ขึ้นมารับใช้

ในวันที่บิงแฮมได้เจอกับมาชูปิกชูครั้งแรกนครลับแลถูกปกคลุมไว้ด้วยวัชพืช เฟิร์น และกล้วยไม้จนเกือบมิด แต่เขาก็ยังสังเกตเห็นฝีมือการก่อสร้างอันประณีตที่ประทับไว้ในเมืองร้างได้ในสายตาของเขายามนั้น ราวกับว่ามันเป็นผืนป่าที่มีเวทมนตร์ แม้ยุคนั้นไม่มีจีพีเอสและกล้องดิจิทัล แต่บิงแฮมบันทึกภาพเมืองรกร้างกลางผาสูงเสียดฟ้าที่ลอยฟ่องอยู่กลางละอองหมอกเอาไว้ และร่างแผนที่อย่างคร่าว ๆหลังจากเขาเดินสำรวจจนทั่วบริเวณนครสาบสูญ ทำให้เขาเริ่มมั่นใจว่าที่นี่คงเป็นเมืองที่มั่นสุดท้ายของชาวอินคา น่าแปลกก็ตรงที่ไม่มีร่องรอยการถูกทำลายให้บิงแฮมเห็นสิ่งที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้าเป็นเพียงแค่การผุพังและเสื่อมโทรมตามกาลเวลา

เมื่อเขากลับมาที่นี่อีกครั้งในปีถัดมาก็ลงมือหักร้างถางป่าและขุดค้นจนพบสิ่งก่อสร้างที่เป็นรูปจัตุรัสซ้อนกันหลายชั้น เหล่านี้คือโรงอาบน้ำลานกว้าง ท่อส่งน้ำ บ้านเรือน โรงครัว อาคารและหมู่วิหารกว่าร้อยหลัง ที่ล้วนสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตก้อนมหึมากว่าแสนก้อน แต่ไม่มีร่องรอยการโบกปูนตอกนอตหรือตะปูสักตัวเอาไว้ยึดเหนี่ยวหิน

ลามะ นางแบบประจำมาชูปิกชู
ลามะ นางแบบประจำมาชูปิกชู

หินแต่ละก้อนไม่เท่ากัน แต่รูปร่างที่เอียงหรือขนาดที่ไม่เท่ากันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง ตรงกันข้าม หินขนาดใหญ่เหล่านี้ถูกจับมาต่อจิ๊กซอว์กันอย่างเข้าที่เข้าทาง

ถนน อนุสาวรีย์ วิหาร บ้านเรือนที่เรียงรายเป็นระเบียบสวยงามซากปรักหักพังของป้อมปราการในมาชูปิกชูที่หลงเหลืออยู่ เต็มไปด้วยร่องรอยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและเทคนิค วิทยายุทธ์การก่อสร้างระดับสูง ทั้งที่ไม่มีชาวอินคายุคนั้นเป็นเด็กสถาปัตย์สักคน

ไม่เพียงเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ในเชิงวิศวกรรมมาชูปิกชูยังถูกยกว่าเป็นความสำเร็จทางด้านวิศวกรรม เพราะแม้จะเป็นพื้นที่บนสันกิ่วแคบ ๆ แต่ออกแบบใช้สอยอย่างชาญฉลาด ภายในเขตกำแพงเมืองมีอาคารและวิหารนับร้อยหลัง ทั้งหมดล้วนก่อด้วยหินหินบางก้อนใหญ่จนนึกภาพไม่ออกว่าถูกชักลากและลำเลียงขึ้นมาได้อย่างไรและถูกขัดสีฉวีวรรณเสียเรียบ ก่อนจะนำมาเรียงเข้ามุมกันอย่างแนบสนิท อย่าว่าแต่เข็มหรือมีดเลย ขนาดพวกมดแมลงตัวจิ๋วเห็นแล้วยังเซ็งที่ลอดผ่านไปไม่ได้

ลักษณะการเรียงหินที่แตกต่างกันเป็นการช่วยแยกแยะชนชั้น เช่น ด้านไหนเป็นโรงเรือนที่พักอาศัยของคนรับใช้หรือคนธรรมดาจะสร้างด้วยหินหยาบและตั้งอยู่ต่ำลงมา ส่วนด้านไหนเป็นของเจ้านายชั้นปกครอง หินจะถูกเรียงไว้อย่างประณีตและโดยมากจะอยู่ในที่สูง นั่นทำให้รู้ว่าสังคมของชาวอินคาที่นี่มีชนชั้น มีนักบวช ขุนนาง และคนธรรมดา

ทางเดินที่ค่อยๆ ปีนป่ายขึ้นไปหามุมสูง
ทางเดินที่ค่อยๆ ปีนป่ายขึ้นไปหามุมสูง

สิ่งที่ฉันสงสัยอยู่อย่างเดียวคือ นครแห่งนี้เล็ดลอดสายตานักล่าอย่างสเปนไปได้อย่างไร ทั้งที่พวกสเปนรู้ว่ามีเมืองนี้อยู่ แต่ค้นหาเท่าไรก็ไม่เจอเมืองนี้สักที แต่ยิ่งเร้นลับ ยิ่งเป็นปริศนาที่ไม่ได้ถูกคลี่คลายก็ดูเหมือนยิ่งกลายเป็นเสน่ห์ประจำตัวของเมืองร้างแห่งนี้ ให้ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้อยากเข้าใกล้มาชูปิกชู

จะว่าไปมาชูปิกชูก็คล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ถูกโมงยามซ่อนไว้อย่างมิดชิดมานาน เมื่อบิงแฮมคลี่ออกสู่สายตาคนทั่วโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงไม่เคยร้างราผู้คน

จำได้ว่าครั้งแรกฉันอยากนั่งทอดอารมณ์ซึมซับความรู้สึกเดียวกับที่บิงแฮมและเช กูวารา เคยมี แต่ถูกเข็มนาฬิกาผลักไสให้ออกจากอาณาเขตของมาชูปิกชู เที่ยวนี้จึงนั่งเอ้อระเหยและโต๋เต๋อย่างเต็มเหนี่ยว

ใต้แผ่นฟ้าแห่งอาณาจักรอินคา เหนือแผ่นดินที่อวลไปด้วยอากาศหนาวชื้น ฉันนั่งแกว่งขาบนระเบียงผา ทอดสายตามองมาชูปิกชูอย่างมีความสุข เพราะสำหรับฉัน มาชูปิกชูที่อยู่ตรงหน้าเป็นมากกว่าสิ่งมหัศจรรย์

TIPS

จากกรุงเทพฯไปเปรูสะดวกสุดบินด้วยสายการเคแอลเอ็ม บินไปตั้งหลักที่กรุงลิมาก่อน เพราะมีเที่ยวบินเข้าอเมริกาใต้ราว10 เมือง ใครจะเลือกบินเข้าจากประเทศหนึ่งและออกจากอีกประเทศหนึ่งก็ได้คลิกไปดูที่ www.klm.co.th

ถ้าไปอเมริกาใต้กับเคแอลเอ็ม ต้องแวะเมืองอัมสเตอร์ดัมเพื่อเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งมีเที่ยวบินตรงทุกวัน ใครจะแวะเที่ยวอัมสเตอร์ดัมก่อนแล้วค่อยบินต่อไปอเมริกาใต้ก็ได้หรือใครจะบินเข้าด้วยเคแอลเอ็มและบินออกด้วยสายการบินแอร์ฟรานซ์ก็ได้เช่นกัน คลิกไปดูที่ www.airfrance.co.th

จากลิมาไปคุสโกมีเที่ยวบินวันละหลายเที่ยวและหลายสายการบิน ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง หรือจะนั่งรถประจำทางก็ได้คุสโกเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม มีที่พักให้เลือกหลากหลายระดับคลิกเข้าไปค้นหาใน www.expedia.co.th

ขอแนะนำให้พักที่โรงแรม Palacio del Inka เป็นโรงแรมสุดหรู เคยเป็นพระราชวังของชาวอินคามาก่อน นอกจากตกแต่งงดงามแล้วยังอยู่ในทำเลที่ดี ใจกลางเมืองเก่าไม่ไกลจากจัตุรัสประจำเมืองใกล้แหล่งท่องเที่ยวทุกจุดและสะดวกในการหาร้านอาหาร คลิกได้ที่ www.palaciodelinkahotel.com

คนไทยมาเที่ยวเปรูได้สบายไม่ต้องขอวีซ่า แถมใครอยากได้ข้อมูลเที่ยวเปรูแวะไปขอที่สถานทูตเปรูประจำประเทศไทยได้โทรศัพท์สอบถามที่ 0-2260-6243 หรือ www.peruthai.or.th

ที่มา : คอลัมน์สารคดีท่องเที่ยว นิตยสารแพรว ฉบับ 873 ปักษ์ที่  10 มกราคม  2559

เปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ กับกระเป๋าเดินทางสัญชาติอิตาลี ‘บริคส์’ (Bric’s) ดีไซน์หรูหราระดับเวิลด์คลาส

เมื่อฤดูกาลของการท่องเที่ยวมาถึง หลายคนคงจะเตรียมเลือกกระเป๋าเดินทางคู่ใจที่จะใช้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ ไปด้วยกัน แต่นอกจากจะคำนึงถึงเรื่องความทนทาน ความจุและการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว สิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้การเดินทางดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นนั่นก็คือ ดีไซน์ของกระเป๋าที่สวยงามดูหรูหราเหมาะกับคนรุ่นใหม่และ ‘บริคส์’ (Bric’s) กระเป๋าเดินทางสัญชาติอิตาลีก็สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางตัวจริงได้เป็นอย่างดี 

1

‘บริคส์’ (Bric’s) กระเป๋าเดินทางสัญชาติอิตาลีตั้งแต่ปี 1952 ที่คงงานดีไซน์สุดประณีต ผ่านกระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศอิตาลีจากการผลิตของช่างฝีมือชั้นสูง ผนวกกับการออกแบบที่จะมอบความหรูหรามีสไตล์ให้แก่ผู้ใช้ได้ ส่งผลให้ ‘บริคส์’ (Bric’s) ได้รับความไว้วางใจให้ผลิตสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘แลนเซล’ (Lancel), ‘กุชชี่’ (Gucci), ‘เบอร์เบอรี่’ Burberry รวมไปถึง ‘เมอร์เซเดส’ (Mercedes) และในปี 2012 ‘บริคส์’ (Bric’s) ได้จัดงานครบรอบ 60 ปี พร้อมเผยคำขวัญ ‘เมด อิน บริคส์’ (Made in Bric’s) ซึ่งสะท้อนถึงความรู้ความสามารถในการผลิตงานฝีมือชั้นสูงในแบบฉบับของอิตาเลียนแท้ๆ

2

ความพิเศษของกระเป๋า ‘บริคส์’ (Bric’s) อยู่ที่การนำเอาหนังแท้มาประยุกต์ใช้กับวัสดุที่ทันสมัย จึงทำให้มีรูปลักษณ์สวยงาม ภายในของกระเป๋าสามารถใช้งานได้อย่างครบครัน ด้วยการแบ่งส่วนช่องใส่ของที่ทำให้การจัดของหรือเสื้อผ้าง่ายขึ้นและเป็นระเบียบ โดยในทุกคอลเลกชั่นจะมีกระเป๋ารูปทรงที่หลากหลายรับกับการฟังก์ชั่นใช้งานที่แตกต่างกันออกไป อาทิ กระเป๋าเดินทาง, กระเป๋าสะพายข้าง และกระเป๋าคอมพิวเตอร์แบบพกพา ที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ให้การเดินทางดูมีไลฟ์สไตล์ได้มากขึ้น

3

‘บริคส์’ (Bric’s) รุ่น ‘เบลลาจิโอ’ (Bellagio) รุ่นที่ถูกตั้งชื่อตามชื่อเมืองของประเทศอิตาลี เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของกระเป๋าที่ทางทีมออกแบบใส่ใจในทุกรายละเอียดของการดีไซน์ ซึ่งรุ่น ‘เบลลาจิโอ’ (Bellagio) เป็นกระเป๋าที่สามารถตอบโจทย์หญิงสาวหรือชายหนุ่มที่ชื่นชอบในความคลาสสิค และหลงใหลในดีไซน์ย้อนยุคได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบรูปทรงที่เป็นสี่เหลี่ยมโค้งมน ผลิตจากโพลีคาร์บอเนตชั้นเยี่ยม พร้อมตกแต่งด้วยหนังแท้จากแคว้นที่ดีที่สุดในอิตาลีอย่างหนังทัสคานี ผ่านกรรมวิธีฟอกฝาดด้วยน้ำมันธรรมชาติอย่างพิถีพิถัน ประกอบกับประโยชน์ของการใช้งานที่ครอบคลุม ด้วยความที่กระเป๋ามีน้ำหนักเบา และแข็งแรงทนทาน มีระบบล็อค TSA ซึ่งสามารถเปิดตรวจได้เพียงเจ้าหน้าที่ศุลกากรเท่านั้น รวมไปถึงล้อกระเป๋าที่ดีที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้ 360 องศา

4

นอกจากรุ่น ‘เบลลาจิโอ’ (Bellagio) ที่เป็นรุ่นยอดฮิตแล้วยังมีรุ่น ‘ไลฟ์’ (LIFE) กระเป๋าเดินทางที่มีจุดเด่นตรงวัสดุที่พิเศษถูกผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ ผ่านเทคนิคการตัดเย็บหนังและเนื้อผ้าอย่างแยบยล ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของหนุ่มสาวนักธุรกิจที่ต้องการความทันสมัย หรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเดินทางแบบผจญภัยได้เป็นอย่างดี เพราะมีความทนทานมากเป็นพิเศษผ่านการทดสอบจากมาตรฐานสากล ที่ทำให้กระเป๋าสามารถทนต่อแสงยูวีได้ดี สีของกระเป๋าไม่ซีดง่าย ทนต่อการขีดขูด รวมถึงกระเป๋าด้านหน้าที่กว้างขวางสามารถใส่คอมพิวเตอร์แบบพกพาได้ และในส่วนของโครงกระเป๋าได้มีการขึ้นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามรถยืดหยุ่นได้ จึงทำให้มีน้ำหนักเบา รูปทรงหรูหรา แต่ยังคงความแข็งแรงไว้ได้อย่างสมบูรณ์ สามารถมอบบุคลิกที่สง่างามให้แก่ผู้ใช้ได้

ให้ ‘บริคส์’ (Bric’s) เป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่รู้ใจไปในทุกๆที่ สะท้อนทุกวิถีของไลฟ์สไตล์ พบกับ ‘บริคส์’ (Bric’s) ได้ที่แฟล็กชิพสโตร์ ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ชั้น 2, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม แผนกกระเป๋าเดินทาง ชั้น 7 และศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม แผนกกระเป๋าสตรีชั้น 2

เรียบเรียงโดย : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : ‘บริคส์’ (Bric’s)

Belle’s Beauty Blackboard สวยประหยัดกับเบลล์ : ย้อนเวลาผิว เต่งตึงเด้งดึ๋งได้ด้วยมะละกอ

ถ้าย้อนเวลาไปได้ เบลล์ว่าทุกคนคงอยากย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กทั้งนั้น คุณว่าจริงไหม…
ก็เป็นเด็กน่ะดีสุดแล้วมีหน้าที่อย่างเดียวคือตั้งใจเรียน  ไม่ต้องทำงานหาเงินแถมว่างเมื่อไหร่ก็วางคิวไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้สบายกว่าเป็นผู้ใหญ่เป็นไหนๆ หน้าตาดูสดใส กระชับ เด้งดึ๋ง ไร้ริ้วรอย เพราะคอลลาเจนยังแน่นเปรี๊ยะ แต่ในเมื่อไม่มีไทม์แมชีนให้ย้อนเวลากลับไปเหมือนโดราเอมอน
จึงต้องอาศัยสุภาษิต “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” นั่นละค่ะ
หนทางแห่งความสวยและที่เด็ดกว่านั้นคือราคาไม่แพง ไหนๆ ตอนนี้อายุอานามก็เข้าใกล้เลข 3 แล้ว
ริ้วรอยต่างๆ เริ่มถามหา  เบลล์ว่า…ได้เวลาที่เราต้องจัดการกันแล้ว ว่าแล้วก็เตรียมของดังต่อไปนี้เลยค่ะ

Pocketbook-19014

1. มะละกอสุก 1 ผล

2. ไข่ขาวดิบ 1 ฟอง

3. ข้าวโอ๊ต 3 ช้อนโต๊ะ

4. มะนาว 1 ลูก

เบลล์จะให้สาวๆ ทำทั้งสครับขัดผิวและมาสก์หน้าพร้อมกันเลย เริ่มจากทำสครับขัดผิว

1. ปอกเปลือกมะละกอสุก  เอาเมล็ดและยางตรงกลางออก

2. ใส่มะละกอสุกที่เตรียมไว้ครึ่งหนึ่ง  ตามด้วยไข่ขาวดิบ  ข้าวโอ๊ต  และน้ำมะนาว  ลงเครื่องปั่นๆ จนละเอียดแค่นี้ก็ได้สครับหน้าแล้วค่ะ

ส่วนมาสก์หน้าจากมะละกอทำง่ายมาก  นำมะละกอสุกที่เหลืออีกครึ่งลงปั่นในเครื่องให้ละเอียด
นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที

ล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด
จะรู้สึกได้ว่าผิวนุ่ม เด้งดึ๋ง ริ้วรอยลดลง  เพราะในมะละกอมีทั้งวิตามินซีและวิตามินอี

ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละคะว่า  มะละกอลูกเดียวสามารถทำให้เราสวยได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้

 

สูตรนี้ไม่แนะนำสำหรับคนผิวแพ้ง่ายนะคะ
เพราะอาจจะเกิดอาการแพ้ยางกัด ทำให้ผิวแพ้และแห้งกว่าเดิมได้

 

เรื่อง : เบลล์(Girly Berry) มนัญญา ลิ่มเสถียร

 

พยากรณ์ดวงชะตาวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2559

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน  : มีงานที่ทำไปแล้วต้องแก้ไขหลายอย่าง จะหันไปทางไหนก็ดูเหมือนไม่มีใครช่วยใครได้เลย ก็คงต้องอดทนและพึ่งตัวเอง เมื่อทุกอย่างผ่านไป ท่านจะต้องกลับไปขอบคุณเหตุการณ์วันนี้ที่ทำให้เข้มแข็งขึ้น

การเงิน : จะเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริมที่เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น

ความรัก : เข้าใจในความเป็นตัวตนของคู่มากขึ้น ก็ยอมรับกันมากขึ้น คนโสดวันนี้ไปไกลๆ เลยความเหงา เพราะจะมีคนเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่เราค้นหามานาน แต่จะเป็นตัวจริงหรือเปล่าอยู่ที่วิบากกรรม

สุขภาพ : ทานอาหารให้ตรงเวลา ระวังโรคกระเพาะถามหา และอย่าไลน์มากเพราะจะปวดตา

 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : จ้างลูกน้องเพิ่มได้แล้ว เพราะงานจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำคนเดียวไม่ทันแน่

การเงิน : งานดี เงินดีเป็นธรรมดา อยากได้อะไรได้จ้า

ความรัก : คนมีคู่สามารถกระชับความสัมพันธ์กันจนหวานชื่นกลับคืนมา เล่นเอาคนรอบข้างอิจฉา ส่วนคนโสดจะมีม้ามืดแทรกเข้ามาให้วัดใจกันไปข้าง

สุขภาพ : ระวังวันนี้เป็นแผลอาจอักเสบผิดปกติ

 

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน มีการลงทุนเสริม เพิ่มจากเดิม ต้องมีการเพิ่มทีมงาน แล้วท่านต้องดูแลด้วยตัวเอง งานจึงจะผ่านไปได้ดี

การเงิน : ยังมีรายจ่ายอย่างต่อเนื่อง

ความรัก : เป็นไปได้ที่ความรักจะเกิดขึ้นในที่ทำงาน เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีคนแอบชื่นชมมานานขนาดไหนแล้ว แต่เมื่อท่านมีคู่แล้วควรจะต้องหนักแน่น และรักษาความห่างไว้ ไม่งั้นครอบครัวไม่มีความสุขแน่ ส่วนคนโสด มุกหมาหยอกไก่มาอีกแล้วครับท่าน ป้ามองจากดวงดาวว่า ไม่เวิร์ค เพราะไม่ชัดเจนเท่าไหร่

สุขภาพ : วันนี้ไปพึ่งหมอนวด คอ บ่า ไหล่ บ้างคงจะดี เพราะมีเกณฑ์ว่าจะปวดร้าว

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน : งานมาแบบนันสต๊อป ไม่หยุดเลยทีเดียว ทำใจว่ามาครบค่ะ ทั้งแก้ใหม่ ทั้งวางระบบใหม่ ก็จะมีคนมาช่วยนะ แต่ผ่านแบบเหนื่อยๆ

การเงิน : จะได้เงินตกเบิก

ความรัก : คนมีคู่คงต้องหันหน้ามาพูดคุยกันอย่างจริงจังว่า จะปรับตัวกันอย่างไร ขืนปล่อยไว้แบบนี้มีแต่จะเครียด ส่วนคนโสดมีเกณฑ์ได้สละโสดเร็วๆ นี้

สุขภาพ : เดินทางไปไหว้เจ้าที่ไหน ระวังอุบัติเหตุด้วย

 

ผู้ที่เกิดวันพฤหัส

การงาน : หลังจากที่เหนื่อยมาหลายวัน วันนี้งานจะสัมฤทธิ์ผล โดยเป็นงานที่ตรงกับความถนัดที่สุด และภูมิใจที่สุด

การเงิน : มีโชครับทรัพย์ฉลองวันตรุษจีน

ความรัก : คนมีคู่กำลังเริ่มเข้าสู่โหมดนิ่งสนิท ถึงเวลาชวนกันไปเติมความหวือหวา หวาบหวามกันแล้ว ส่วนคนโสด หากเป็นฝ่ายหญิง อย่าได้แคร์ หากต้องเอ่ยปากจีบก่อน จะได้เดินหน้ากันต่อไปสักที

สุขภาพ : นอนหลับพักผ่อนเยอะๆ ระวังต่อมทอนซิลบวม จนเป็นสาเหตุของการเป็นไข้

 

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน : ยังนั่งกระดิกเท้าได้ต่อเนื่องอีกวันค่ะ

การเงิน : แต่เรื่องเงินประมาทไม่ได้ เพราะวันนี้จะมีเกณฑ์เงินหาย ของหาย หรือจ่ายเงินแบบผิดพลาด

ความรัก : ยังต้องปวดหัวกับคำพูดของคู่ เรื่องเล็กๆ ก็เก็บมาโกรธกันเป็นอาทิตย์ คนโสดคงต้องโสดต่อไป สตรองค่ะ ตอนนี้เทรนด์คนโสดมาแรงค่ะ

สุขภาพ : จะเป็นโรคภูมิแพ้ผื่นคัน

 

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน : งานมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาได้พักผ่อน พยายามขยันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สักวันจะมีคนเห็นความดีความชอบของเรา

การเงิน : จะใช้จ่ายไปกับเพื่อน และญาติพี่น้อง

ความรัก : คนมีคู่อยู่ในชั่วโมงดูแลสุขภาพกันและกัน ขณะที่คนโสดเข้าสู่ชั่วโมงต้องเลือก เพราะตบเท้ากันเข้ามา ทั้งไม่โสด และคนที่เด็กกว่า คนนั้นก็ดี คนนี้ก็ใช่

สุขภาพ : ระวังเป็นหวัดนะคะ จะไอ และหายใจไม่สะดวก

แอ่วเหนือเสพงานศิลป์ กับนิทรรศการ Drawing วาดเส้นโดย ‘ศิลปินขัวศิลปะ’

ใครที่ชื่นชอบดื่มด่ำเสพงานอาร์ต งานศิลปะ พร้อมทั้งรักการเดินทางในโซนภาคเหนือ คราวนี้คงถูกใจไม่น้อย เพราะ ขัวศิลปะ องค์กรทางสังคมที่ก่อตั้งขึ้นโดยศิลปินชาวจังหวัดเชียงราย และคณะผู้สนับสนุนกองทุนศิลปินเชียงราย ได้จัดนิทรรศการวาดเส้น Drawing Exhibition โดยผู้งัดฝีไม้ลายมือฝากผลงานให้เราได้ชมก็คือ ศิลปินขัวศิลปะ นั่นเอง

สำหรับ นิทรรศการวาดเส้น Drawing Exhibition โดย ศิลปินขัวศิลปะ ที่กำลังจะจัดขึ้น เราจะได้ชมผลงานที่เหล่าศิลปินร่วมสร้างสรรค์งาน โดยใช้เทคนิคการวาดเส้นในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่บอกได้ว่า หลากหลายรูปแบบมาก

อ.จรูญ บุญสวน
อ.จรูญ บุญสวน
ลิขิต
ลิขิต

การส่งต่องานศิลป์ให้ผู้คนได้เข้าชมในนิทรรศการครั้งนี้ ยังช่วยสานต่อความฝันที่ตั้งเป้าเผยแพร่ผลงานศิลปะ การสร้างสรรค์งานศิลปะของศิลปินไทย ซึ่ง ขัวศิลปะ ก็เป็นแหล่งปลุกไอเดียเพราะมักจะมีผลงานของศิลปินเชียงราย ศิลปินไทย รวมถึงศิลปินในระดับนานาชาติหมุนเวียนมาให้ได้ชมเสมอ

นพนันท์ ทันนารี
นพนันท์ ทันนารี
pichit
pichit

นิทรรศการวาดเส้น โดย ศิลปินขัวศิลปะ เริ่มเปิดนิทรรศการให้เข้าชมวันแรกในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 18.00 น. ถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ห้องแสดงงานชั้น 2 ขัวศิลปะ จ.เชียงราย (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00 – 19.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม ใครที่มีแพลนแอ่วเหนือ เชิญคนรัก ครอบครัวไปเปิดไอเดียอาร์ตๆ สักหน่อย ก็ดีไม่น้อยเลยนะ

วาดเส้น พุทธสถานแห่งศรัทธา
วาดเส้น พุทธสถานแห่งศรัทธา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 088-418 5431
หรือจะเข้า www.facebook.com/artbridgechiangrai, https://www.facebook.com/events/1693168324288004, [email protected] ก็ได้จ้า

หลินปิงมีหงอย แพนด้าภารกิจเวิลด์ทัวร์ บุกไทยแล้ว!!

เตรียมพบกับความน่ารักของกองทัพแพนด้าที่จะมาบุกเมืองไทยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้กับภารกิจเพื่อการรณรงค์สิ่งแวดล้อมที่จัดขึ้นมาแล้วทั่วโลก

หลังจากแพนด้าในโครงการ ‘1,600 Pandas+’ ได้เดินทางไปรอบโลก ในที่สุดก็เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะได้ต้อนรับแขกผู้น่ารักกันแล้ว งานนี้เซ็นทรัล เอ็มบาสซี อาสาเป็นเจ้าภาพพาเหล่าแพนด้าน้อยไปทั่วไทย ให้ทุกคนได้สัมผัสความน่ารักกันอย่างใกล้ชิด

ภารกิจของเจ้าแพนด้าคือร่วมมือกับ WWF Thailand ในการเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้คนไทยได้รับทราบ

โครงการ ‘1,600 Pandas+’ เกิดขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2008 โดยความร่วมมือระหว่าง WWF France และ ศิลปินชาวฝรั่งเศส Paulo Grangeon ซึ่งชื่อโครงการดังกล่าวมีที่มาจากจำนวนประชากรแพนด้าที่เพิ่มขึ้น 17% จากเดิมเพียง 1,600 ตัวก่อนเริ่มโครงการ นับเป็นความสำเร็จในการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น

และในเดือนมีนาคมและเมษายนนี้ คนไทยจะได้พบปะเหล่าแพนด้าในรูปแบบตุ๊กตาเปเปอร์มาเช่อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมอนุรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น อันเป็นหัวใจหลักของโครงการ

ติดตามรายละเอียด ‘1,600 Pandas+ World Tour in Thailand’ เร็วๆ นี้แน่นอน!

 

 

เรื่อง : sriploi

 

เคล็ด (ไม่) ลับ ออกกำลังกายให้โดนใจ รับเทรนด์ชีวิตแอ็คทีฟมาแรง

โครงการ Exercise is Medicine in Thailand โดยวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนจากมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจโคคาโคลา ในประเทศไทย มี “เคล็ด (ไม่) ลับออกกำลังกายให้ได้ผลที่ถูกใจ” ภายใต้หลักการ “การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ” (Exercise is medicine)

เพื่อส่งเสริมให้คนไทยสนใจเรื่องการออกกำลังกายมากขึ้น และเพิ่มไลฟ์สไตล์แอ็คทีฟเข้าไปในกิจวัตรประจำวันเพื่อสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืนซึ่งเทคนิคง่ายๆ ในการออกกำลังให้ได้ผลที่ถูกใจ มีตามนี้เลยจ้า

exercise

ออกกำลังกายให้เป็นนิสัยตั้งแต่ช่วงแรก

การเริ่มต้นออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเลยล่ะ ควรเริ่มจากการออกกำลังกายง่ายๆ ทำได้เป็นประจำและฝึกให้เป็นนิสัย เช่น เดินเร็วอย่างน้อยวันละ 10 นาที เดินขึ้นบันไดในที่ทำงานวันละ 5 นาที หรือวันละ 30 ขั้น 3 ครั้งต่อวัน ก็ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 30 กิโลแคลอรี สำหรับใครที่มีน้ำหนักมาก แล้วอยากเริ่มออกกำลังกาย การเดินเร็ว 30 นาที ก็ช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 150-200 กิโลแคลอรี่ ไม่ต้องเร่งรีบ อย่าหักโหมมาก ค่อยเป็นค่อยไป ส่วนถ้าใครกายและใจพร้อม จะเพิ่มแรงออกกำลังกายขึ้นก็ไม่มีปัญหาจ้า

exercise

เลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตนเอง ตามเป้า แค่ 3 อย่างนี้

1.ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพกายและใจ

exercise3

ควรออกกำลังกายในระดับที่รู้สึกค่อนข้างเหนื่อย คือหัวใจเต้นแรงขึ้น หายใจเร็วขึ้นแต่ไม่ถึงกับเหนื่อยหอบ วิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ เต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ซึ่งช่วยพัฒนาความแข็งแรงของหัวใจและปอด ทำให้ได้อย่างน้อย 30-60 นาทีต่อวัน เป็นเวลา 3-5 วันต่อสัปดาห์ จะส่งผลดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาในการออกกำลังกายค่อนข้างจำกัด แต่ที่สำคัญต้องแน่ใจว่าตนเองมีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว และออกกำลังกายเป็นประจำมามากกว่า 3 เดือนแล้ว

2.ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก

exercise4

การลดน้ำหนักที่ได้ผลต้องพยายามออกกำลังกายให้มากกว่าการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพโดยทั่วไป คือ มากกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ และจะได้ผลมากยิ่งขึ้นหากออกกำลังได้มากกว่า 250 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น วันละ 60 นาที ต่อวันเป็นเวลา 4-5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายที่เหมาะสมก็เหมือนกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน แต่ผู้ที่มีน้ำหนักเกินและอ้วนมากควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงกระแทกมาก เช่น การวิ่ง ก้าวขึ้นลงบันได เต้นแอโรบิคที่มีการกระโดด เพื่อลดการบาดเจ็บของ ข้อเข่า ข้อเท้า

3.ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

exercise5

exercise7

เน้นการออกกำลังกายโดยใช้แรงต้าน เช่น ใช้น้ำหนักตัว ถุงทราย ขวดน้ำ หรือตุ้มน้ำหนัก ทำอย่างน้อย 2-3 วัน ต่อสัปดาห์ โดยบริหารหรือยกน้ำหนักติดต่อกัน 8-12 ครั้งต่อท่า จบชุดเรียกว่า 1 เซ็ต พักระหว่างเซ็ต 1- 2 นาที ทำซ้ำ 2-4 เซ็ต และควรบริหารประมาณ 8-10 ท่า ส่วนผู้ที่มีประสบการณ์ฝึกโดยใช้แรงต้านแล้ว สามารถเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยใช้น้ำหนักมากกว่ามือใหม่

exercise6

อย่าลืมอบอุ่นร่างกายเป็นเวลา 5 นาที และเมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว ควรคลายอุ่นด้วยการค่อยๆ ลดความเร็วหรือความหนักของการออกกำลังกายลงอย่างน้อย 5 นาที เพื่อป้องกันอาการวิงเวียน หน้ามืดเป็นลม หลังจากการคลายอุ่นควรต่อด้วยการยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย เท่านี้ก็เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว

ข้อมูลและภาพ : บ. ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์ ประเทศไทย

keyboard_arrow_up