Modernform (โมเดอร์นฟอร์ม) ผู้นำด้านการออกแบบเฟอร์นิเจอร์และตัวแทนจำหน่าย Steelcase (สตีลเคส) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำนักงานชั้นนำยอดขายอันดับหนึ่งของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา จัดงาน “Karman
Thailand Launch” เปิดตัว Steelcase Karman (สตีลเคส คาร์มาน) ที่สุดของ Ergonomic Chair แห่งศตวรรษที่ 21 ตอบสนองพฤติกรรมของคนยุคปัจจุบันที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา พร้อมวัสดุที่ถักทอขึ้นด้วยเส้นใยพิเศษกรรมสิทธิ์
เฉพาะของ Karman สบายถึงขีดสุดภายใต้คอนเซ็ปต์ “Beyond Comfort, Beyond Performance” ด้วยโครงสร้างพนักพิงที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรมชาติ เผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ GlowFish สาทร

 กิติพัฒก์ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น ฟอร์ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
กล่าวถึงการเปิดตัว Ergonomic Chair “Steelcase Karman” อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวในญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และออสเตรเลีย โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้มีการเปิดตัวอย่าง
ไม่เป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า เมื่อเทียบกับเก้าอี้ทำงานรุ่นอื่นๆ สะท้อนให้เห็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญในการเลือกเก้าอี้  ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งในเรื่องดีไซน์ และ
ฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับสรีระทุกการเคลื่อนไหว   

“ตลาดออฟฟิศในประเทศไทยหลังจากสถานการณ์โควิด ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับเก้าอี้ Ergonomics เยอะขึ้นกว่าในอดีต เพราะทุกคนคำนึงถึงเรื่อง Well-being เป็นปัจจัยสำคัญ  เก้าอี้ทำงานก็เหมือนรองเท้าและที่นอน
เพราะในทุกๆ วันเราใช้ชีวิตบนเก้าอี้ไม่ต่ำกว่า 8-10 ชม. ดังนั้นเก้าอี้ที่ดีควรซัพพอร์ตการใช้ชีวิตของเราได้อย่างแท้จริง อย่าง Steelcase Karman เป็นเก้าอี้รุ่นใหม่ที่มีดีไซน์โดดเด่น ฉีกกฎเก้าอี้แบบเดิมๆ  และเป็นที่สุดของ
Ergonomic Chair แห่งศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็น รูปลักษณ์ภายนอกที่มีดีไซน์สวยงามไม่แพ้เก้าอี้ดีไซเนอร์รุ่นไหนๆ และที่สำคัญยังมีฟังก์ชันการเป็นเก้าอี้ Ergonomics ที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง  ด้วยการออกแบบและวิศวกรรมตอบสนองต่อ
การเคลื่อนไหวและน้ำหนักของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ความสบายที่ไม่มีใครเทียบได้ นอกจากนี้ทีมออกแบบยังคำนึงถึงการใช้วัสดุที่ยั่งยืนและมีส่วนประกอบน้อยที่สุด  แต่แข็งแรงอย่างเหลือเชื่อและการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด
ช่วยลดผลกระทบที่มีต่อโลก อีกทั้งยังมี Intermix เส้นใยสิ่งทอสุดพิเศษ ให้ความยืดหยุ่นสูง รองรับทุกความเคลื่อนไหว รวมถึงตาข่ายรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Steelcase อีกด้วย”  

มร. โจชู ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดตัวแทนจำหน่าย แบรนด์ Steelcase (Asia Pacific) ร่วมแชร์มุมมองเกี่ยวกับเทรนด์การทำงานในตลาดโลก ภายใต้หัวข้อ Be More Human In The AI Age ว่า “ปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทในชีวิต
ประจำวันของคนทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น และอาจเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกหลายบริษัทได้นำ AI เข้ามาแทนที่แล้ว อาทิ การใช้ ChatGPT ที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคนยุคใหม่ และช่วย
ให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีการทำงาน 3 ประเภทที่ AI ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้  ได้แก่ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเซอร์ไพรส์ ซึ่ง AI ไม่สามารถสร้างสรรค์ได้ดีกว่ามนุษย์, อาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมซึ่ง
AI ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกได้เท่ามนุษย์ และอาชีพที่เกี่ยวข้องความกลัว เช่น การรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายที่ AI ไม่สามารถตอบสนองได้ดีเท่ามนุษย์ ดังนั้นในยุค AI เรายิ่งต้องให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์มากขึ้น สมัยก่อนเรา
อาจได้ยินประโยคที่ว่า เราต้องทำงานหนัก ๆ ให้เหมือนเครื่องจักร ซี่งใช้ไม่ได้แล้วในปัจจุบันนี้ เพราะเราต้องใส่ใจในเรื่องอื่น ๆ ด้วย รวมถึง เรื่องการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่น ๆ ซึ่ง AI ไม่สามารถทำได้นั่นเอง”     

ด้าน โจริญ คัมภีรพันธุ์ ศิลปินสาวแห่งวงเกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอต 4EVE ร่วมแชร์ความรู้สึกที่ได้สัมผัส Ergonomic Chair Karman ที่สามารถแมทช์กับไลฟ์สไตล์ของเธอได้อย่างลงตัว ว่า  “ส่วนใหญ่เวลาเล่นคอนเสิร์ต หรือทำงานต้องยืน
ตลอดเวลา เลยมักจะมีอาการปวดหลังบ่อย ๆ  พออยู่บ้านก็อยากได้เก้าอี้ที่ซัพพอร์ตการนั่งได้อย่างเต็มที่ แต่เก้าอี้ Ergonomics ทั่วไปที่เคยเจอดีไซน์จะใหญ่ เทอะทะ ปุ่มปรับเยอะ ปรับยาก แต่ Karman ต่างออกไป เพราะดูเท่ เก๋ด้วย
ดีไซน์ และสีสันที่มีความเป็นแฟชั่น ปราดเปรียวเป็นไอเทมที่แมทช์กับไลฟ์สไตล์ชิคๆ ของตัวเองได้เป็นอย่างดี และสิ่งสำคัญคือ ฟังก์ชันของเก้าอี้ที่ปรับง่ายไม่ซับซ้อน นั่งแล้วรู้สึกสบายมาก ๆ เวลาไลฟ์ทำคอนเทนต์ หรือสตรีมเกมนั่ง
นานๆ หลายชั่วโมงได้ไม่เมื่อยเลย ต้องยกให้ Karman เป็นเก้าอี้แห่งศรรตวรรษที่21 ของคนรุ่นใหม่ที่ครบทั้งดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน รวมทั้งเป็นการลงทุนที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย” 

Karman ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจาก Karman Line เส้นแบ่งระหว่างชั้นบรรยากาศของโลกกับอวกาศ เมื่อ
อยู่ในอวกาศทุกสิ่งจะอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง  เป็นความเบาสบาย ไร้น้ำหนักอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน จึงเป็นไอเดียในการสร้างสรรค์เก้าอี้ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ใช้งาน และถือเป็นเก้าอี้ Ergonomics ตัวแรก ๆ ของโลกที่
โดดเด่นในดีไซน์ที่เพรียวบาง สวยงาม โดยใช้วัสดุที่เป็นส่วนประกอบจำเป็นเพียง 11 ชิ้น และมีน้ำหนักเพียง 13 กิโลกรัม ซึ่งถือเป็นเก้าอี้ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดของ Steelcase เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อโลกและมีวิธีการคิดแบบ
โฮลิสติกอย่างยั่งยืน รวมถึงยังสนับสนุนความทุ่มเทในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้กับโลกและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนในการผลิต แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงและการใช้งานอย่างดีเยี่ยม เก้าอี้ Karman รุ่นนี้ใช้วัสดุ Recycle 25% และนำไป Recycle ได้ถึง 85% เลยทีเดียว       

เทคโนโลยีสุดล้ำที่ Steelcase สร้างสรรค์ Karman คือการออกแบบที่เข้าใจพฤติกรรมของคนยุคใหม่ ด้วย
โครงสร้างยืดหยุ่นรองรับทุกการเคลื่อนไหว ทั้งการเอี้ยวตัวหรือโยกเอน มาพร้อมเบาะนั่งตาข่ายแบบ Hybrid ที่ถักทอด้วยเส้นใยพิเศษ Intermix ช่วยซัพพอร์ตสรีระร่างกายและรองรับน้ำหนักในขณะนั่งได้เป็นอย่างดี  พนักพิงหลัง
สามารถบิดงอได้อิสระเพื่อการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ รวมทั้งที่เท้าแขนที่สมดุลรองรับทุกกิจกรรมการใช้งาน สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง (4D Armrests) และล็อคได้ตามระดับที่ต้องการให้แขนทั้งสองข้างอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะ
สมกับการใช้งาน มีความสมดุลทั้งซ้ายและขวา

และอีกฟังก์ชันสำคัญที่ทำให้ Karman เป็นเก้าอี้แห่งยุคคือการมี  Lumbar support ที่สามารถรองรับส่วนเว้าของเอวและหลังส่วนล่าง ช่วยให้ผู้ใช้งานนั่งทำงานหลังตรงถูกต้องตามหลักการยศาสตร์* ลดอาการปวดหลังเมื่อนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน

สัมผัสเก้าอี้สุดล้ำ Steelcase Karman ที่ให้มากกว่าคำว่าสบาย มีให้เลือก 2 รุ่น Karman Standard และ Karman
Lux กับ 9 เฉดสีสะท้อนตัวตน ที่โมเดอร์นฟอร์มทั้ง 5 สาขา ได้แก่  Modernform Forty 9, Modernform
Ratchapruek, Modernform Ploenchit (BTS เพลินจิต ทางออก4),  Modernform Srinakarindr และ 
Modernform Crystal Design Center รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้ที่ www.modernform.co.th, Facebook: Modernform Furniture, Line@: Modernform Furniture หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2094-9999 

คัมพารี Aperitivo (อะเพริติโว) เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยสีแดงในตำนานจากประเทศอิตาลี ร่วมกับเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์ เปิดตัวลักชูรี่ CAMPARI BAR ที่หรูหราที่สุด นำเสนอประสบการณ์ดื่มที่หลากหลายในบรรยากาศที่ทันสมัย ด้วยเครื่องดื่มคลาสสิกกับมุมสุดชิคใหม่ล่าสุด “Sunset Lounge” ณ Red Sky Bar ชั้น 56 ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ให้คุณได้รื่นรมย์กับการจิบค็อกเทลคลาสสิคและเครื่องดื่มสไตล์อิตาเลี่ยนรสชาติจัดจ้าน ที่มีรสชาติอันหลากหลายแบบที่ผสมผสานรสนิยมอิตาลีได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังสามารถสนุกกับวิวที่ยามพระอาทิตย์ลงตำแหน่งอยู่ที่ชั้น 56 ที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับวิวที่สวยงามทั้ง 360 องศา ในยามพระอาทิตย์อัสดงค์อันงดงามโดยรอบตรงใจกลางย่านธุรกิจ

“Red Sky Bar Sunset Lounge” รูฟท็อปบาร์ที่สูงเสียดฟ้ากึ่งกลางแจ้งสีแดงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผนวกกับการตกแต่ง ที่ทันสมัยพร้อมชมวิวกรุงเทพฯ โดยตั้งตระหง่านเหนือทิวทัศน์ของเมือง ซึ่งไร้สิ่งกีดขวางใดๆ เพื่อที่จะทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับคลาสสิคค็อกเทลและเพลิดเพลินกับวิวอันแสนงดงามไปกับวัฒนธรรมการดื่มในสไตล์อิตาเลียน ด้วยเครื่องดื่มสุดคลาสสิค รวมทั้งเครื่องดื่มรสเลิศที่ได้แรงบันดาลใจจากดินแดนอิตาลีและผสมผสานด้วยการรังสรรค์ของค็อกเทลจากมิกโซโลจิสต์

สามารถสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับกับค็อกเทลคลาสสิคสไตล์อิตาเลียน ณ จุดเหนือเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ ที่ “Sunset Lounge” เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา17.00 น. -01.00 น. สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่เบอร์ +66(0)2 100 6255 รายละเอียดเพิ่มเติมlสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.bangkokredsky.com/

ปัจจุบัน “การกินคลีน” ยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ก็ตาม โดยหลักการกินคลีนหมายถึงการกินอาหารที่ใกล้เคียงกับสภาพตามธรรมชาติ หรือก็คือผ่านกระบวนการปรุงให้น้อยที่สุด และกำจัด “ส่วนเกิน” ที่อยู่ในรูปแบบของการเติมไขมัน น้ำตาล เกลือ และสารปรุงแต่งที่ไม่จำเป็น ซึ่งการทำอาหารเองที่บ้านและการหาวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่นก็ถือเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน โดยสรุปแล้ว จุดมุ่งหมายสำคัญของการกินคลีนคือ การสร้างความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่กินเข้าไปในร่างกายของเรา

แม้การกินคลีนจะเป็นแนวคิดที่ดี แต่อย่าเข้มงวดกับตัวเองจนเกินไป เพราะไม่มีใครรับรองได้ว่าอาหารที่ยังไม่ผ่านกระบวนการบรรจุลงบรรจุภัณฑ์หรือมีฉลากโภชนาการจะเป็นตัวเลือกที่ดีเสมอไป ถ้าหากเราต้องทำอาหารทุกวันด้วยอาหารพวกนี้เพียงอย่างเดียว อาจสร้างความยุ่งยากให้ชีวิตไม่น้อย โดยเฉพาะในวันที่วุ่นวาย ปัจจุบันมีอาหารคลีนที่ดีต่อสุขภาพและมีประโยชน์มากมายในบรรจุภัณฑ์พร้อมทาน รวมทั้งยังมีผักและผลไม้แช่แข็ง ทูน่ากระป๋อง ถั่ว ข้าวกล้อง หรือพาสต้าโฮลเกรนที่สามารถเลือกกินได้อีกมากมาย

ซูซาน บาวเวอร์แมน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการศึกษาและการฝึกอบรมด้านโภชนาการระดับโลก ของเฮอร์บาไลฟ์ เห็นถึงความสำคัญของการกินอาหารที่ดีในทุกวัน จึงอยากแนะนำการกินคลีนให้ถูกวิธี ช่วยลดส่วนเกินในอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกาย และสามารถทำตามได้ง่าย ๆ ทุกวัน

วิธีกินคลีน บอกลาส่วนเกินที่ไม่ดีในอาหาร

1. อ่านฉลากอาหารก่อน ช่วยลดการเติมน้ำตาล เกลือ และไขมัน วิธีการง่าย ๆ ที่หลายคนคงเคยได้ยิน ถ้าหากรายการส่วนผสมสั้น มักจะหมายถึงสารเติมแต่งที่เราไม่ต้องการมีน้อย เพราะฉะนั้นควรดูฉลากเพื่อหาปริมาณไขมัน เกลือ และน้ำตาลที่เติมเข้ามา และพยายามเลือกสินค้าที่เติมแต่งน้อยที่สุด เช่น เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนที่จะเลือกรสหวาน เลือกผักแช่แข็งธรรมดา ๆ แทนที่จะเลือกแบบใส่ซอสปรุงรส รวมทั้งขนมปังโฮลเกรนหรือซีเรียลแบบที่เติมน้ำตาลน้อย ๆ หรือไม่ใส่เลยก็เป็นตัวเลือกที่ดี
2. บอกลาแป้งขัดสี และเติมผักผลไม้ วิธีที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการกินอาหาร เวลาที่เราตั้งใจใส่ผักหรือผลไม้มาเพิ่มไว้ในทุกมื้อ จะเป็นตัวช่วยบังคับให้เรากินอาหารที่ไม่ดีน้อยลง อย่างการเปลี่ยนไอศกรีมที่มีไขมันและน้ำตาลมาเป็นผลเบอร์รี่แสนอร่อยแทน เปลี่ยนจากของทอดมาเป็นสลัด หรือลองกินเบบี้แครอทแทนมันฝรั่งทอด
3. กำจัดแคลอรี่ส่วนเกินในเครื่องดื่ม เมื่อพูดถึงแคลอรี่ที่เพิ่มขึ้น เครื่องดื่มมักจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนละเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมหวาน ๆ หรือน้ำผลไม้ (แม้แต่น้ำผักผลไม้ออร์แกนิกสด 100% ก็ตาม!) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟสุดหรู ก็สามารถทำให้เราได้รับพลังงานมากหลายร้อยแคลอรี่ได้จากเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียวในแต่ละวัน ดังนั้น ชาธรรมดา ๆ จึงเป็นเครื่องดื่มทางเลือกที่ดีเพราะสามารถดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น ที่สำคัญไม่มีแคลอรี่ และมีสารประกอบตามธรรมชาติที่มักมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
4. ทำความสะอาดตู้เย็น ช่องแช่แข็ง และตู้กับข้าว การทำความสะอาดในครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถช่วยให้คุณกินอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเติมธัญพืชโฮลเกรนที่มีไฟเบอร์สูง (เช่น เส้นพาสต้าโฮลวีต 100% ขนมปัง ซีเรียล และแป้ง รวมถึงอาหารอย่างควินัว ข้าวฟ่าง และข้าวกล้อง) แทนอาหารที่ผ่านการขัดสี หันมาตุนถั่วและมะเขือเทศกระป๋องแทนการใช้ซอสสปาเก็ตตี้หรือซุปสำเร็จรูปที่มีเกลือสูง เติมที่ว่างในตู้เย็นและช่องแช่แข็งให้เต็มด้วยผลไม้และผักธรรมดา ๆ แทนที่จะตุนน้ำหวาน และเลือกซื้อปลาทูน่ากระป๋องไว้ในตู้กับข้าว หรือเก็บเนื้อปลาแช่แข็งกับอกไก่ในช่องแช่แข็งไว้ เพื่อความสะดวกในการเอาไปทำเป็นมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ แทนที่จะใช้นักเก็ตไก่แช่แข็งหรือปลาแท่งแปรรูปชุบเกล็ดขนมปัง

จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกแห่งภูมิภาคเอเชีย เปิดตัวคอลเลกชันผ้าตกแต่งบ้านประจำฤดูใบไม้ผลิปี 2024 “PARIS DÉCO OFF 2024” ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 17-21 มกราคม 2567 อวดโฉมสิ่งทอระดับพรีเมียมที่ผสานงานออกแบบอันงดงาม แนวทางการผลิตที่ยั่งยืน และศิลปะการตกแต่งภายในจากผลิตภัณฑ์ 3 แบรนด์ดังในเครือ ทั้ง Jim Thompson, No.9 Thompson และ Fox Linton

PARIS DÉCO OFF คืองานแสดงครั้งสำคัญที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านระดับโลกจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่กรุงปารีส พร้อมเนรมิตเมืองแห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่เปี่ยมด้วยการออกแบบที่มีชีวิตชีวา โดยดึงดูด   แบรนด์และงานฝีมือระดับโลกมาจัดแสดงตามจุดต่างๆ ทั่วทุกมุมของสถานที่จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมผ้าและสิ่งทอ วอลล์เปเปอร์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และวัสดุบุผนัง พร้อมมอบประสบการณ์อันน่าตื่นตาแก่บรรดาผู้ที่ชื่นชอบงานออกแบบ ด้วยเทรนด์งานดีไซน์และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ล่าสุด

การเปิดตัว Spring collection ของจิม ทอมป์สัน ครั้งนี้ จัดขึ้นที่ Pavilion Cambon Capucines อันเลื่องชื่อใจกลางเมืองปารีส ซึ่งเป็นเวทีใหญ่และโดดเด่นที่สุดของงาน นำเสนอผลิตภัณฑ์ผ้าตกแต่งบ้าน จิม ทอมป์สัน คอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ 2024 (Jim Thompson Spring 2024 Collection) จาก 3 แบรนด์ดังในเครือ ได้แก่ Jim Thompson, No.9 Thompson และ Fox Linton การจัดแสดงผลิตภัณฑ์ครั้งนี้ตอกย้ำถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของแบรนด์ ซึ่งมุ่งมั่นสร้างสรรค์สไตล์ที่สวยงาม พร้อมฟังก์ชันการใช้งานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมสิ่งทอโลก

Paris Déco Off 2024 ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้จิม ทอมป์สัน เชื่อมโยงกับชุมชนนักออกแบบชั้นนำระดับโลก เพื่อบอกเล่าเรื่องราว มรดกทางภูมิปัญญา และนำเสนอศักยภาพของแบรนด์ในแวดวงอุตสาหกรรมผ้าตกแต่งบ้านระดับสากล และยังนับเป็นครั้งแรกที่จิม ทอมป์สัน ได้ทำการเปิดตัวป๊อปอัพสโตร์แฟชั่นให้ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ภายในงานได้เข้ามาร่วมชม เพื่อเป็นการตอกย้ำฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกจากเอเชียที่แท้จริง ผู้สนใจยังสามารถเข้าไปสัมผัสสินค้าแฟชั่นได้ที่ www.jimthompson.com

3 แบรนด์ดังใน Jim Thompson’s Spring 2024 Collection

Jim Thompson: นำเสนอ Bloom Collection และ Solstice Indoor/Outdoor Fabrics Collection โดย Bloom Collection แสดงถึงความงดงามและสีสันของดอกไม้ ผสานเทคนิคการพิมพ์ ปักลวดลาย และถักทอ เพื่อสร้างสุนทรียภาพแนวคลาสสิกร่วมสมัยอันประณีต ส่วนคอลเลกชัน Solstice Indoor/Outdoor มอบสไตล์สวยงามที่มาพร้อมความทนทาน ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพอากาศแต่ยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกนุ่มนวลอย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ ยังนำเสนอ Solstice Trimmings Collection เติมเต็มดีไซน์ด้วยแถบผ้าตกแต่งโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่มีความทนทานสูงหลากรูปแบบ เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในอาคารและกลางแจ้ง พร้อมโทนสีให้เลือกถึง 20 เฉด

No. 9 Collection: จัดแสดงสิ่งทออเนกประสงค์ที่ใช้งานได้ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ Aragosta Indoor/Outdoor Prints และ Piazza Outdoor Weaves โดยคอลเลกชันผ้าพิมพ์ลาย Aragosta Indoor/Outdoor ผลิตจากโพลีเอสเตอร์กันน้ำที่มีความทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะทั้งห้องรับแสงแดด หรือ Sun room ของบ้านและห้องอื่น ๆ ในอาคาร ส่วนคอลเลกชันผ้าทอ Piazza Outdoor Weaves ผลิตด้วยโพลีโพรพีลีนย้อมสี เน้นย้ำแนวคิดความยั่งยืนผ่านการใช้วัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ทั้งยังทนทานต่อแสงได้ดีเยี่ยมและดูแลรักษาง่าย

นอกจากนี้ No.9 ยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่ม Takes the Stage II Wallpapers ด้วยการออกแบบที่ร่วมสมัย พร้อมตัวเลือกผลิตภัณฑ์มากมายสำหรับเลือกให้เหมาะสมกับโครงการที่แตกต่างกัน ทั้งผลิตภัณฑ์ Matt and pearlescent non-woven ground, Vinyl, Metallic and natural sisal grasscloth and Cork สิ่งทอแต่ละแบบมอบเอกลักษณ์ของผิวสัมผัสที่โดดเด่นเฉพาะตัว เพื่อยกระดับการตกแต่งภายในให้หรูหรามากยิ่งขึ้น โดย Richard Smith ดีไซเนอร์มือหนึ่งประจำแบรนด์ No.9 Thompson รับหน้าที่ออกแบบลวดลายด้วยตัวเอง

ผู้เยี่ยมชมงานยังได้พบกลุ่มผลิตภัณฑ์ Must-Haves ทั้ง Ravello Linen วัสดุผสมระหว่างผ้าลินินแท้กับเส้นใยลินินรีไซเคิล ซึ่งผ่านการทดสอบการถูเนื้อผ้า 40,000 รอบ จึงรับประกันความคงทนในการใช้งาน พร้อมกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการรับรองจาก OEKO-TEX นำเสนอชุดสีที่สวยงามโดนใจให้เลือกมากถึง 15 แบบ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์ที่แตกต่าง ผลิตภัณฑ์ Avellino มอบผิวสัมผัสที่แข็งแรงทนทานและยังมีสีสันให้เลือกมากถึง 14 สี ส่วน Nuvola ซึ่งเป็นผลิตจากวัสดุผสมของผ้าลินินและผ้าเทนเซล (Tencel) ที่ให้ความรู้สึกและผิวสัมผัสความเป็นธรรมชาติของลินิน มอบความสวยสบายตาที่มาใน 15 เฉดสีให้เลือกใช้

Fox Linton Collection: คอลเลกชันผ้าอเนกประสงค์ ประกอบด้วยรุ่น Lomond ผ้าทอซาตินที่สวยงามด้วยผิวสัมผัสมันวาวเนียนละเอียด, รุ่น Arden ทอจากผ้าลินินเกรดพรีเมียมจากยุโรปในเฉดสีอ่อนละมุนโดยใช้ผ้าลินินเดรปสามแบบ และรุ่น Colgrain ใช้โครงสร้างการทอแบบผ้ากระสอบที่แตกต่างจากแบบทั่วไป เพื่อมอบความเรียบเนียนและนุ่มนวล สำหรับรุ่น Minard ทอด้วยลินินยุโรประดับพรีเมียมเนื้อละเอียดในสีทูโทนเพื่อเติมเต็มทั้งบรรยากาศคลาสสิกและร่วมสมัยอย่างลงตัว รุ่น Tide Pool ใช้รูปแบบการทอที่มีความแข็งแรงสูง พร้อมมอบความแวววาวที่ละเอียดอ่อนด้วยลายรูปตัววีแฝงในหลายเฉดสี สุดท้าย รุ่น Mineral ถักทอด้วยด้ายสองสีแบบบิดเกลียวเพื่อสร้างลวดลายพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติใน 7 เฉดสีที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์ Jim Thompson, No. 9 Thompson และ Fox Linton ได้ที่

Website: https://www.jimthompsonfabrics.com/

Instagram: https://www.instagram.com/jimthompsonfabrics 

https://www.instagram.com/foxlinton/ Line: https://lin.ee/5VpAlad