‘สัปดาห์แห่งความร้อนแรง มือที่สาม และความหึงหวง จะใช่คุณไหม?? ต้องเช็กแล้ว!!’ ดวงรายสัปดาห์ 5-11 กุมภาพันธ์ 2567

Alternative Textaccount_circle

‘สัปดาห์แห่งความร้อนแรง มือที่สาม และความหึงหวง จะใช่คุณไหม??’

ดวงรายสัปดาห์ 5-11 กุมภาพันธ์ 2567

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

การงาน  :  เป็นสัปดาห์ที่คุณคงต้องใจเย็นให้มากๆ ลดอีโก้ตัวเองลงให้เยอะๆ พร้อมกับเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายงานบริการ เช่น เปิดร้านอาหาร เครื่องดื่ม งานโรงแรม ท่องเที่ยว  สปา แอร์โฮสเตส จนถึงสินค้าหรือบริการสำหรับเด็ก หรือหากไม่ได้อยู่ในสายงานนี้ ช่วงนี้จะได้จับผลัดจับผลูเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่อย่างว่าล่ะค่ะ จะมีเหตุให้คุณต้องอึดอัดกับความขัดแย้งกับบุคคลอื่นจนอยากลาออกให้จบๆ ไป   

การเงิน  :   ช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ สำหรับพี่น้องเชื้อสายจีนคงต้องเสียเงินกับการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงแจกแต๊ะเอียบุตรหลาน เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่เงินจะไม่พอใช้ ส่วนเงินที่คาดว่าจะได้ก็ยังไม่ได้

ความรัก  :  เป็นอาทิตย์ที่ชีวิตคู่ของคุณมีโอกาสที่จะอยู่กันไม่สงบล่ะ จะมีเรื่องความหึงหวงมาเป็นปัจจัย ไม่ใครก็ใครก็ถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ สำหรับคู่ที่จับได้แล้ว ก็มีโอกาสที่จะเลยเถิดไปถึงมีเด็กน้อยเข้ามาเกี่ยวข้อง คนโสด ก็เช่นกัน สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกโลกใบที่สองอยู่แล้ว สัปดาห์นี้อย่านิ่งนอนใจไป เพราะมีดวงว่าบ้านใหญ่จะรู้ความจริง แล้วมาบุกบ้านจนคุณอยู่ไม่เป็นสุขก็ได้นะ

สุขภาพ  :  สัปดาห์นี้ก็ยังคงเครียดอยู่นะคะ ซึ่งจะเป็นความเครียดแล้วอึดอัดอยู่ในใจ โดยจะส่งผลไปถึงร่างกายและระบบประสาทให้ปวดศีรษะ ไมเกรน นอกจากนั้นยังมีโอกาสให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดเนื้องอก 

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ ดนตรี งานประพันธ์ ออกแบบดีไซน์ สถาปนิก เป็นไปได้ว่าสัปดาห์นี้คุณจะได้มอบหมายให้เป็นหัวหน้างาน หัวหน้าโครงการ หรือหัวหน้าชุดปฏิบัติงาน ในการสร้างงาน สร้างโครงการ เพื่อเข้าสู่การแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการประมูล การประกวด สอบสัมภาษณ์ สอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ ซึ่งคุณคาดหวังความสำเร็จไว้สูงมาก จนสามารถทำได้ทุกอย่าง โดยไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรม แต่นั่นไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ทางที่ดีควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกันจะดีกว่า

การเงิน  :  มีโอกาสได้เงินรางวัลจากการทำงานใส่ซองแดงมาแบบแน่นๆ เลย ก็เก็บเงินไว้บ้างนะคะ เพราะดูทรงแล้ว รายจ่ายมารอเพียบเลย ทั้งเพื่อตัวเองและเพื่อคนอื่น

ความรัก  :  ช่วงสัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะอยู่ในอารมณ์น้อยใจคู่ครองนะ เหมือนกับคุณพยายามทำงานหนักเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ดีมีความสุข แต่เขากลับไม่สนใจคุณ ยิ่งหากเคยไม่ไว้ใจกันอยู่แล้ว เลยยิ่งบวกๆ เข้าไปอีก  คนโสด เป็นสัปดาห์ที่คุณมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมาก มีหนุ่มๆ เข้ามาพูดคุยด้วยตลอดเวลา แต่ด้วยความที่กลัวว่าสตอรี่ร้ายๆ จะกลับมา จึงมีโอกาสที่คุณจะไม่เสียเวลากับใครเลย คบแล้วหากไม่ใช่ก็เลิก พร้อมจะเริ่มต้นใหม่

สุขภาพ  :  ก็ยังคงอยู่กับการรับผิดชอบงานหนัก ซึ่งสัปดาห์นี้จะต่างกัน เพราะจากความเหนื่อยและเครียดจะส่งผลให้คุณรับประทานและดื่มหนักขึ้น เป็นไปได้ว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับไขมัน เบาหวาน ความดัน ตามมา

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   สัปดาห์นี้ก็ยังคงหายใจได้ไม่คล่องนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจบันเทิง เช่น นักร้อง นักดนตรี พิธีกร สถานบันเทิง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากกำลังจะเสนอโครงการเข้าประมูล หรือประกวดในงานเฉลิมฉลองหรือโชว์ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ รวมถึงหากใครที่กำลังส่ายหน้าว่า คงไม่ใช่ฉัน สัปดาห์นี้คาดว่าคุณจะหนีไม่พ้น เป็นไปได้ว่าจะถูกดึงเข้าไปอยู่ท่ามกลางการแข่งขัน แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรคาดหวังสูงจนพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งาน เพราะมีโอกาสที่คุณจะร้อนรุ่มหรืออึดอัดกับทั้งบรรยากาศ เพื่อนร่วมงาน และเจ้านาย จนขอถอนตัวในที่สุด    

การเงิน  :  มีโอกาสที่คุณจะได้รับอั่งเปาแน่นๆ จากงานบันเทิง รวมถึงจากงานเทาๆ ด้วย ขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่รายจ่ายจะเข้ามามากกว่ารายรับ จึงทำให้คุณเงินไม่พอใช้ มีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้ได้ง่ายมาก  

ความรัก  :  หากความรักความเชื่อใจกำลังสั่นคลอนเต็มที สัปดาห์นี้มีโอกาสตอกย้ำความไม่มั่นใจเข้าไปอีก เป็นไปได้ที่คุณจะจับได้ว่าเขามีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ แม้จะพยายามปรับความเข้าใจ แต่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คนโสด มีโอกาสที่คุณจะตัดสินใจคบกับคนที่มีเจ้าของแล้ว เพราะฉะนั้นก็คงพอจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ตามนั้นเลยค่ะ

สุขภาพ  :   เป็นผลสรุปของทุกด้าน เมื่อมีปัญหา ความเครียดก็เกาะกุมใจ อารมณ์วี๊ดง่าย ย้ำคิดย้ำทำ จนร่างกายเกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางเพศสัมพันธ์ ไมเกรน ทางที่ดีควรมองโลกในแง่ดี  ปล่อยวางบ้าง

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน   :   ร้อนแรงมากๆ จนคลาดสายตาไม่ได้เลย เป็นไปได้ว่าในช่วงสัปดาห์ต้อนรับตรุษจีนนี้ คุณจะมีโอกาสได้บุกเบิกเริ่มต้นงานหรือธุรกิจใหม่ๆ จนถึงได้เสนอชื่อในการโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่การงานไปอยู่ในหน่วยงานที่มั่นคงขึ้น ‘แต่’ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะเป็นไปได้ว่าจะมีมารตัวใหญ่มายืนขวางอยู่ คอยขัดแข้งขัดขา จนโอกาสที่ลอยอยู่ตรงหน้ากลายเป็นของคนอื่นไปอย่างน่าเสียดาย   

การเงิน  :  หากในช่วงสัปดาห์นี้จะไปเจรจาธุรกิจ หรือไปทวงหนี้ เก็บค่าเช่าใดๆ ก็อย่าเพิ่งไปให้ขัดโชคขัดลาภวันตรุษจีนเลย  เพราะมีโอกาสที่นอกจากจะได้พบลูกหนี้แบบไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่เงินจะสูญหายด้วย

ความรัก  :   ก็ยังอยู่กับมือที่สามวนไปนะคะ ยิ่งสัปดาห์นี้ดูเหมือนจะยิ่งทั้งรักทั้งหลงอย่างหัวปักหัวปำเลยทีเดียว ก็ไม่รู้ว่าใครหลงใครกันแน่ แต่ที่แน่ๆ มาให้เห็นตัวเป็นๆ เลย   คนโสด  เสน่ห์ของคุณก็ยังหยุดไม่อยู่ แต่ยิ่งมีเสน่ห์มากเพียงไร ก็ยิ่งนำภัยมาสู่ตัวเองมากเท่านั้น เพราะสัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะเป็นมือที่สามเลยนะเนี่ย

 สุขภาพ  :  เสน่ห์รัวๆ ก็ต้องระวังจะเกิดปัญหาในเรื่องของเพศสัมพันธ์ ความเครียดจากความหึงหวง นอกจากนั้นยังต้องระวังในเรื่องการรับประทานอาหารที่จะส่งผลตั้งแต่ปัญหาในช่องปาก ทางเดินอาหาร จนถึงกระเพาะอาหาร

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :  ในช่วงสัปดาห์ต้อนรับตรุษจีนนี้ ความเก่งอย่างเดียวไม่พอแล้ว ต้องอาศัยความเก๋าเกมด้วย เพราะเป็นไปได้ว่าจะเป็นสัปดาห์ที่จะมีปัญหาและอุปสรรคจู่โจมเข้ามาจากทุกๆ ทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความขัดแย้งกับบุคคลอื่น ดังนั้น จึงควรลดความเชื่อมั่นในตัวเอง ก้าวลงจากบัลลังก์พร้อมกับเปิดใจรับฟังลูกน้องและบริวารบ้าง เพราะมีโอกาสที่พวกเขาจะไม่ซื่อสัตย์ เป็นไปได้ที่งานหรือธุรกิจจะเกิดความผิดพลาดเสียหายเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วคุณนั่นล่ะที่จะเครียด เดือดร้อน จนถึงขั้นท้อแท้ต่อโชคชะตา

 การเงิน  :  มีโชคในเรื่องของการลงทุนและทรัพย์สิน เฮงๆ รวยๆ  เป็นไปได้ว่าคุณจะกล้าได้กล้าเสียลงทุนต่ออย่างบ้าคลั่ง หากจะให้ดีควรเก็บเงินไว้ดีกว่าน้า…

ความรัก  :  มีโอกาสที่คุณจะตั้งความหวังกับความสำเร็จในชีวิตคู่ไว้สูงมาก จนกลายเป็นความกดดัน ทั้งคุณและคู่ครอง แต่ก็เป็นไปได้ที่จะมีทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ตอนอ่อนก็แทบละลาย ส่วนตอนแข็งก็แทบหัก จนคู่ครองคุณปรับตัวไม่ถูก คนโสด เสน่ห์ของคุณ มีทั้งความอ่อนโยนและความแกร่งในตัวเอง หากคุณปล่อยพลังออกมา หนุ่มๆ สาวๆ แทบจะละลายกันเลยทีเดียว แต่ถามว่าจะหยุดกับใครง่ายๆ ไหม คงไม่ค่ะ

สุขภาพ   :  จริงๆ แล้วคุณพลังเยอะ ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายๆ แต่สัปดาห์นี้อย่าประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองและหัวใจที่จะมีปัญหาไม่หยุดหย่อน หากเป็นโรคประจำตัวด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :  สำหรับผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายช่างฝีมือ นักวิจัย ค้นคว้า ทดลอง สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสังคม หรือใครที่กำลังคิดว่า คงไม่ใช่ฉัน สำหรับสัปดาห์ต้อนรับตรุษจีนนี้ เป็นไปได้ว่าคุณจะได้เดินทางไปร่วมอบรม บรรยาย เทรนนิ่ง จนถึงขยายสาขาหรือธุรกิจยังต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องทั้งกับงานหรือธุรกิจที่ทำอยู่ กับทางด้านโรงแรม เดินทาง และท่องเที่ยว  จนถึงรถยนต์ จากความรู้ ความสามารถของคุณ คาดว่าจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

การเงิน  :  เป็นไปได้ว่าจะเป็นสัปดาห์แห่งการเดินทางไปทำบุญ หรือไปทำงานจิตอาสา ของคุณ ซึ่งจากผลบุญกุศลที่คุณทำจะนำพาโชคลาภเฮงๆ ปังๆ มาให้เป็นทวีคูณ

ความรัก :   ก็ยังอยู่กับการทำเซอร์ไพร์สในวาระโอกาสสำคัญๆ ในชีวิตคู่อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัปดาห์นี้มีโอกาสที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวกันด้วย แต่เหมือนคุณจะยังวางฟอร์มอยู่ ไม่หือไม่อือใดๆ ทั้งที่หัวใจเต้นตูมตามด้วยความดีใจ คนโสด  กำลังหลงรักใครอยู่จนอยากจะเดินทางตามเขาไปอยู่ด้วยหรือเปล่า หรือไม่ก็อยากเดินทางท่องเที่ยวไปกับเขาเลย ตื่นๆ ก่อนค่ะ อย่าเพิ่งฝัน

 สุขภาพ  :   จริงๆ คุณพลังเยอะ ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยกับใคร แต่ก็อย่าประมาท เพราะสัปดาห์นี้จะมาในรูปของออฟฟิศซินโดรม ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว ยิ่งหากคุณนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนานๆ ด้วยแล้ว มีความเสี่ยงที่เส้นจะยึด ทางที่ดีควรเปลี่ยนอิริยาบถ หรือไม่ก็หาหมอนวดมือดีมาช่วยคลายเส้นบ้าง   

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :   สัปดาห์นี้ยิ่งต้องพยายามรักษาตัวให้มากๆ นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจในสายช่างฝีมือ นักวิจัย ค้นคว้า นักการเมือง นักการทูต นักทดลอง สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสังคม หนทางของคุณไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เต็มไปด้วยกองไฟที่ร้อนรุ่ม จนสร้างความอึดอัดไปหมดทั้งบรรยากาศการทำงาน เพื่อนร่วมงาน และเจ้านาย ลูกค้า มีความเสี่ยงมากๆ ที่คุณจะไปต่อไม่ได้เลยทีเดียว

การเงิน  :  ก็ยังมีรายจ่ายเข้ามากับเรื่องบ้าน ที่อยู่อาศัย หรือโครงการใดๆ ที่กำลังทำคั่งค้างอยู่ เป็นไปได้ว่าจะถึงขั้นวิกฤติเลยทีเดียว   

ความรัก  :   ปัญหาครอบครัวก็ยังคงอยู่นะคะ หรือหากใครที่ยังไม่มีก็อย่าได้ประมาท เพราะยิ่งคุณให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกันเพียงใด สัปดาห์นี้มีโอกาสเสียใจ เพราะคุณจะพบว่าเขาไม่จริงใจกับคุณ คนโสด หากคุณกำลังวาดฝันถึงความรักไว้อย่างสวยสดงดงาม สัปดาห์นี้เบาได้ก็เบานะ เพราะเป็นไปได้ว่าจะไปด้วยกันยาก เพราะคนที่คุณคบน่าจะมีแฟนแล้ว   

สุขภาพ   :  ก็ยังเกี่ยวข้องกับเส้นเอ็นอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครที่นั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนานๆ นั่งคีย์ข้อมูลหน้าคอมฯ หรือเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา มีโอกาสที่จะเป็นออฟฟิศซินโดรม ก็อย่าเมินเฉย  เพราะมีความเสี่ยงที่อาการจะพัฒนารุนแรงขึ้น จนรักษายาก ควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง หรือไม่ก็ไปหาหมอทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน   

จะเหมือนกันไม่ได้! เปิดลายขวดไวน์ GranMonte จาก Jim Thompson

Alternative Textaccount_circle

สุดเซอร์ไพรส์! เปิดตัวไวน์ลิมิเต็ดเอดิชันแห่งปี “Jim Thompson x GranMonte” เมื่อแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลก คอลแลบไวน์ GI หนึ่งเดียวเมืองไทยร่วมเสิร์ฟปรากฏการณ์ใหม่กับไวน์พรีเมียมในแพ็กเกจสุดยูนีค

จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลก จับมือ กราน-มอนเต้ (GranMonte) ผู้ดำเนินธุรกิจไร่องุ่นและผลิตไวน์ในโซนเขาใหญ่ที่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพียงรายเดียวของเมืองไทย ร่วมเปิดตัวคอลเลกชันไวน์ระดับพรีเมียม “Jim Thompson X GranMonte” ที่เสิร์ฟในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ “ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” สะท้อนความมุ่งมั่นของ 2 แบรนด์ชั้นนำของไทยที่เดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมจากเมืองไทยให้โด่งดังในเวทีระดับโลก

คอลเลกชัน Jim Thompson X GranMonte นำเสนอไวน์ที่ให้รสชาติแตกต่างกัน 2 ชนิด ได้แก่ ไวน์แดง Jim Thompson X GranMonte Syrah และไวน์ขาว Jim Thompson X GranMonte Verdelho โดยไวน์ซีราห์ สีแดงเข้มกักเก็บรสชาติของผลราสเบอร์รี่และแบล็กเคอร์แรนท์สุกที่หอมหวาน เคล้าด้วยกลิ่นวานิลลาโอ๊กอันนุ่มละมุน ส่วนไวน์เวอร์เดลโญมอบรสชาติสดชื่นแนวดอกไม้ โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมหวานของกูสเบอร์รี่และแพชชันฟรุต แฝงด้วยรสเข้มจากหินฟลินต์อันลุ่มลึก

ไวน์คอลเลกชันแรกจากจิม ทอมป์สัน นำเสนอดีไซน์ฉลากที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ในเฉดสีแดงและสีเอิร์ธโทนสำหรับไวน์แดง และโทนสีน้ำเงินผสมสีเอิร์ธโทนสำหรับไวน์ขาว ดีไซน์สุดยูนีคอินสไปร์มาจากลายผ้าพันคอรุ่น “The Icon of Siam” ของจิม ทอมป์สัน ฉายภาพความงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่แต่งแต้มด้วยเอลิเมนต์แห่งวัฒนธรรมไทยและแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศ อีกหนึ่งความพิเศษคือ การประดับคอขวดด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าตกแต่งบ้านของจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson Home Furnishings) นอกจากนี้ ไวน์คอลเลกชันพิเศษยังมาพร้อมถุงผ้าไหม 100% สั่งทำพิเศษจากโรงงานจิม ทอมป์สัน ในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเปลี่ยนไวน์เป็นของขวัญระดับพรีเมียมงดงาม โดยถุงไวน์แดงใช้เฉดสีทอง ส่วนไวน์ขาวใช้โทนสีน้ำเงิน

ธุรกิจไร่องุ่นและโรงกลั่นไวน์กราน-มอนเต้ บริหารงานโดย นิกกี้-วิสุตา โลหิตนาวี ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกองุ่นและทำไวน์ที่ผ่านการรับรองคนแรกของประเทศไทย ซึ่งทุ่มเทให้กับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและเทคนิคสมัยใหม่ที่ประยุกต์ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาใหญ่ ทำให้กราน-มอนเต้ สามารถผลิตไวน์จากองุ่นที่ปลูกในพื้นถิ่นจนได้รับการยกย่องในระดับสากล ไร่องุ่นกราน-มอนเต้ ครอบคลุมพื้นที่ 40 เอเคอร์ ตั้งอยู่กลางหุบเขาอโศกที่ระดับความสูง 350 เมตร ใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก ไร่องุ่นแห่งนี้ยังได้รับรางวัลผู้ผลิตระดับประเทศที่ดีที่สุด ประจำประเทศไทย” (Best National Producer – Thailand) หลายครั้งจากงานประกวดไวน์ AWC Vienna นอกจากนี้ ไวน์ของบริษัทยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ประเภทผลิตภัณฑ์ไวน์เขาใหญ่ (Khao Yai Wine Geographical Indication) การันตีถึงแหล่งผลิตและคุณภาพไวน์เพียงหนึ่งเดียวในโลก

จวน ทานา ดอท ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้แสดงความมุ่งมั่นของจิม ทอมป์สัน ในการขยายธุรกิจสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ไวน์ระดับพรีเมียมเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยไวน์สุดพิเศษเหล่านี้จะเสิร์ฟในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ร้านอาหารจิม ทอมป์สัน เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารมื้ออร่อยพร้อมเพลิดเพลินกับไวน์แพริ่ง ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำจุดยืนของจิม ทอมป์สัน ในฐานะแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ของไทยที่ยึดมั่นในคุณภาพมาตรฐานสากล แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนแบรนด์คุณภาพเยี่ยมจากเมืองไทยด้วยเช่นกัน”

เปเป้-แดซี คีเมเนส เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ ร้านอาหารไทยจิม ทอมป์สัน รับหน้าที่รังสรรค์เมนูอาหารที่เข้ากับไวน์คอลเลกชัน Jim Thompson X GranMonte ได้อย่างลงตัว โดยไวน์ 2021 Jim Thompson x GranMonte Verdelho เหมาะที่จะเสิร์ฟคู่ขนมปังซาวร์โดมะเขือม่วงย่างและซอสมะเขือเทศรสเข้มข้น เมี่ยงคำไอเบอริโก และรากบัวทอดสูตรพิเศษเสิร์ฟกับซอสไข่เค็มแสนอร่อย ส่วนเมนูหลักอย่างเนื้อสันนอกวากิวย่างไฟก็เข้ากันได้ดีกับไวน์ 2021 Jim Thompson x GranMonte Syrah

มีมี่-สุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ กราน-มอนเต้ เน้นย้ำว่า “ความร่วมมือกับจิม ทอมป์สัน ครั้งนี้ เป็นการเบลนด์ระหว่างวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามกับเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลก เราภูมิใจที่ได้นำเสนอไวน์ชั้นยอดของเราให้แก่ลูกค้าจิม ทอมป์สัน โดยคอลเลกชันไวน์สุดพิเศษนี้มาพร้อมฉลากที่สะท้อนความงามของเมืองไทยในหลากหลายมิติ เราตื่นเต้นที่ได้โชว์ความเป็นเลิศในการผลิตไวน์ของแบรนด์กราน-มอนเต้ ให้แก่เหล่านักชิมและลูกค้าของจิม ทอมป์สัน”

JAI by ONESIAM ลักซ์ซูรี่ไลฟ์สไตล์คลับระดับโลก คอมมูนิตี้ที่ไร้พรมแดน

account_circle

JAI by ONESIAM คือ ลักซ์ซูรี่ไลฟ์สไตล์คลับระดับโลก คือคอมมูนิตี้ที่ไร้พรมแดน ที่เป็นเสมือนประตูสู่สุดยอดประสบการณ์เหนือความคาดหมายที่แตกต่าง ที่เปิดต้อนรับสมาชิกจากหลากหลายวงการและจากนานาชาติ ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสรรค์สุดยอดประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
โดยเหล่าสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง และแขกคนพิเศษได้มารวมตัวกันเพื่อจุดประกายสปิริตของคอมมูนิตี้ใหม่แห่งนี้ในงานสุดพิเศษ JAI Art Night ที่จัดเพิ่งขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ The Palor โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด กรุงเทพมหานคร ต่อด้วยงาน JAI Founding Members Dinner ที่ร้านบลู บาย อลัง ดูคาส ไอคอนสยาม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอมมูนิตี้แห่งนี้ และการเข้าร่วมเป็นสมาชิก สามารถชมได้ที่อินสตาแกรม @jaibyonesiam

XLARGE สาขาใหม่ เซ็นทรัล เวิล์ด และการคอลแลปพิเศษกับ Helloiam 

account_circle

XLARGE (เอ็กซ์ลาร์จ) แบรนด์สตรีทแวร์โลโก้กอริลลาสุดไอคอนิก ผู้บุกเบิกโลกแห่งแฟชั่นสตรีทแวร์มากว่า 30 ปี เปิดตัวหน้าร้านที่ เซ็นทรัลเวิล์ด บริเวณชั้น 2 โซน Beacon อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นจุดหมายปลายทางอันเป็นศูนย์รวมของแบรนด์แฟชั่นระดับโลกมากมาย และพิเศษมากยิ่งขึ้น XLARGE ยังกลับมาสร้างความว้าวอีกครั้งกับการเปิดตัวคอลเลกชันที่เป็นการคอลแลปกับ HelloiamJK เป็นครั้งแรกอีกด้วย 

คุณเหนือ จักรกฤษณ์ อนันตกุล และ คุณวิชนารถ สิริสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป XLARGE ประเทศไทย

คอลเลกชันที่ XLARGE คอลแลปกับ HelloiamJK นี้ นำเสนอคอลเลกชันที่เต็มไปด้วยสีสัน ที่ใส่ความเป็นแฟชั่นยุค 2000 เต็มไปด้วยจินตนาการสุดล้ำ ใช้กอริลลาที่เป็นไอคอนของแบรนด์ XLARGE เป็นตัวละครหลัก ที่ชื่นชอบและนำรถตุ๊กๆ มาทำเป็นหน้ากาก โดยมีเพื่อนๆ ในแก๊ง ที่เป็นคาแรคเตอร์จากผลไม้ไทย แสดงถึงคอลเลกชั่นพิเศษที่เปิดตัวในประเทศไทยโดยเฉพาะ 

คุณเหนือ จักรกฤษณ์ อนันตกุล หรือ HelloiamJK ศิลปิน และ นักออกแบบ ที่ทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลกมาแล้วมากมายมีผลงานทั้งงานเพ้นท์ กำกับมิวสิควิดีโอ และยังเคยเป็น Senior Art Director ให้กับบริษัทกราฟิกชื่อดังของอเมริกาอย่าง YWFT จึงทำให้เขาเข้าใจในเรื่องของการเล่าเรื่องผ่านศิลปะเชิงทดลอง ที่ผสมผสานความเข้าใจเรื่องของ Branding เอาไว้อย่างลงตัว ทำให้นี่เองเป็นจุดน่าสนใจที่ทำให้คุณเหนือ ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทมากมาย และอยากทำงานร่วมด้วย

XLARGE ได้รับความนิยมมากมายในระดับโลก ตั้งแต่ลอสแอนเจลิสไปจนถึงญี่ปุ่น และยังเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์สุดคลาสสิค แต่ไม่เคยตกยุค มาพร้อมกลิ่นอายของเทรนด์แฟชั่นยุคใหม่ เน้นความเรียบง่าย หลากหลายสไตล์ และมีดีไซน์สุดเท่ แบบสตรีทแวร์ขนานแท้ มาพร้อมคอลเลคชั่นออริจินัล คอลลาบอเรชั่นสุดพิเศษ หรืออย่างคอลเลกชันล่าสุดนี้ ที่มีให้เลือกทั้งเสื้อยืด, แจ็คเก็ต, หมวก และแอคเซสเซอรี่ในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร 

คอลเลกชัน XLARGE คอลแลปกับ HelloiamJK พร้อมให้จับจองเป็นเจ้าของได้แล้วที่ XLARGE สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ สยามเซ็นเตอร์ และเว็บไซต์ www.xlarge.co.th และสามารถติดตามข่าวสารติดตามข่าวสาร และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเพจเฟซบุ๊กwww.facebook.com/XLARGE.TH และอินสตาแกรม  www.instagram.com/xlarge_th

International Sous-Vide Day: เฉลิมฉลองนวัตกรรมอาหารระดับโลก

account_circle

บริษัท ควิซีน โซลูชั่นส์ (Cuisine Solutions Inc.,) ผู้นําระดับโลกและร่วมบุกเบิกคิดค้นการปรุงสุกซูวีด (Sous Vide) ระดับพรีเมี่ยม เฉลิมฉลองวันซูวีดสากล (International Sous-Vide Day) ณ ร้าน Pastel Rooftop Bar & Mediterranean Dining เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา

การเฉลิมฉลองครั้งนี้ได้รวมตัวเชฟชื่อดัง, เจ้าของร้านอาหาร และผู้ที่ชื่นชอบในการทำอาหารจากทั่วมุมโลก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Dr. Bruno Goussault ผู้บุกเบิกนวัตกรรมซูวีดสมัยใหม่และหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Culinary Research and Education Academy (CREA) ศูนย์กลางการให้ความรู้และคำปรึกษา-ด้านการปรุงอาหารของ Cuisine Solutions โดยในปีนี้ Cuisine Solutions เป็นเจ้าภาพในการจัดงานเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์, การแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์อาหารอันเป็นเอกลักษณ์ในเมืองสำคัญ 4 แห่ง ได้แก่ วอชิงตัน ดี.ซี., ปารีส, ริโอเดจาเนโร และกรุงเทพฯ ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมและความเป็นเลิศของเทคนิคซูวีดในวงการอาหารโลก

คุณอองตวน เกรอเลต กรรมการผู้จัดการ ควิซีนโซลูชั่นส์ เอเชีย กล่าวว่า“International Sous Vide Day ถือเป็นวันสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร ปีนี้เราได้จัดงานเฉลิมฉลองในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อเฉลิมฉลองนวัตกรรมซูวีด อีกทั้งยังเป็นการขอบคุณทีมงานและผู้ที่ให้ความสนับสนุนกับเรามาโดยตลอด เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ของ Cuisine Solutions ที่รังสรรค์ออกมาเป็นเมนูที่ทันสมัยและเหมาะสมกับประเทศต่าง ๆ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมท้องถิ่นและเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่ด้วยแก่นแท้ของ Cuisine Solutions”

ตลอดช่วงเย็น แขกผู้มีเกียรติได้ลิ้มรสอาหารซูวีดที่เชฟของ Cuisine Solutions ได้ปรุงขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญ โดยใช้ผลิตภัณฑ์จาก Cuisine Solutions เมนูได้แก่ Octopus Ceviche Salad, Confit Duck Toast with Pickled Shallots & Fresh Aromatic Herbs, Spiced Lamb Shoulder Pastilla นอกจากนี้ ในงานยังมีการสาธิตวิธีการทำอาหาร โดยนำเสนอเมนู “Pot au Pho” ซึ่งเป็นเนื้อ Top Blade Beef ปรุงสุกแบบซูวีด เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปเนื้อและผักสด

คุณนิทัศน์ เลิศเดชะชัย ผู้อํานวยการควิซีนโซลูชั่นส์ กล่าวว่า“นวัตกรรมการทำอาหารแบบซูวีดของเราเน้นย้ำถึงความปลอดภัย รสชาติที่ยอดเยี่ยมและมาตรฐานระดับสูง โดยมีข้อได้เปรียบในเรื่องการเก็บรักษาได้นาน ในงานเฉลิมฉลองที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ เชฟของเราได้สาธิตแง่มุมเหล่านี้ผ่านการแสดงวิธีการทำอาหารเมนูที่ผสมผสานรสชาติของฝรั่งเศสและเวียดนาม เราทุกคนได้รวมตัวกันในวันนี้เพื่อเฉลิมฉลองและเป็นเกียรติแก่ Dr. Bruno Goussault ในวันคล้ายวันเกิดของท่าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในแวดวงการทำอาหารที่นวัตกรรมของท่านได้สร้างขึ้น”

ในงานที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้เข้าร่วมงานได้รับชมการแสดงความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารจากเชฟ Jamie Simpson และเชฟ Farmer Lee Jones แห่งสถาบันการเกษตรเพื่อการทำอาหาร แอมบาสเดอร์แห่งปีของ Cuisine Solutions ซึ่งการเฉลิมฉลองจัดขึ้น ณ National Union Building 

ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ร้าน Pavillon Élysée ร้านสุดหรูบนถนน Champs-Élysées พร้อมทิวทัศน์ตระการตาของ Grand Palais เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการยกย่องแหล่งกำเนิดของนวัตกรรมซูวีด

ในขณะเดียวกันที่เมืองรีโอ เดจาเนโร Solar Real อันเก่าแก่ซึ่งเป็นสมบัติทางสถาปัตยกรรมในย่านซานตา เทเรซา นำเสนอวิวอันตระการตาของใจกลางเมืองและสภาพแวดล้อมเขียวชอุ่ม สร้างบรรยากาศที่สวยงามเหมาะสำหรับการเฉลิมฉลอง International Sous Vide Day ในอเมริกาใต้

ซูวีด คือวิธีการปรุงอาหารนวัตกรรมใหม่ ที่อาหารจะถูกปิดผนึกสุญญากาศและปรุงในน้ำที่อุณหภูมิคงที่และควบคุมได้อย่างแม่นยํา ช่วยให้อาหารสุกอย่างสมบูรณ์แบบและคงรสชาติและความนุ่มเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม Cuisine Solutions ใช้เทคนิคนี้ในการผลิตอาหารที่ปลอดภัยและปราศจากสารปรุงแต่ง โดยเน้นการใช้ส่วนผสมที่คำนวณอย่างละเอียด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร้านอาหารที่ต้องการลดการใช้อุปกรณ์ราคาแพงและทำงานในพื้นที่ขนาดจำกัด อีกทั้งยังสามารถสร้างสรรค์อาหารระดับ ‘สามดาว’ และช่วยลดเวลาในการเตรียมอาหารและลดภาระให้กับเชฟอีกด้วย

International Sous Vide Day จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Dr. Bruno Goussault หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านโซลูชันทางอาหารที่มีชื่อเสียงและผู้บุกเบิกเทคนิคการทำอาหารแบบซูวีดสมัยใหม่ พร้อมด้วยทีมงานของ CREA ผลงานของเขาได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารไปอย่างสิ้นเชิง โดย Dr. Bruno Goussault ยังได้ถ่ายทอดความรู้และทักษะให้กับเชฟระดับมิชลินสามดาวกว่า 80% ทั่วโลก ซึ่งงานเฉลิมฉลองในปีนี้มีความพิเศษ เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่ 82 ของ Dr. Bruno Goussault

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันซูวีดสากลและสูตรซูวีดพิเศษสามารถดูได้ที่: www.internationalsousvideday.com และ www.cuisinesolutions.com.

ย้อนรอย 5 ซีรีส์ ‘ซงฮายุน’ นางร้ายหน้าเด็กวัย 37 กะรัตแห่ง Marry My Husband

Alternative Textaccount_circle

เด็กแค่หน้า ประสบการณ์ไม่ธรรมดา! ย้อนรอย 5 ซีรีส์ของ ‘ซงฮายุน‘ นางร้ายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตอนนี้ จาก Marry My Husband

หากจัดอันดับนางร้ายในซีรีส์เกาหลีที่คนหมั่นไส้มากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้น ‘จองซูมิน’ จาก Marry My Husband ที่ได้นักแสดง ‘ซงฮายุน’ มาร่วมถ่ายทอดบทบาท เพื่อนรักใส่หน้ากากที่จ้องจะหักหลังนางเอก (คังจีวอน) อยู่ตลอดเวลา ด้วยลุคที่ใสซื่อไร้เดียงสาขัดกับความร้ายกาจในตัวทำให้คนดูหลายคนอดใจไม่ได้ที่จะจิกกัดกับการกระทำของเธอเบาๆ ซึ่งฟีดแบ็คดังกล่าวทำให้คะแนนความนิยมของฮายุนสูงเป็นลำดับที่ 7 ของนักแสดงเกาหลีที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวันที่ 15 มกราคม – 21 มกราคม 2024

และอีกเรื่องที่คนพูดถึงเกี่ยวกับฮายุนไม่น้อยเลยคือ ‘อายุ’ นั่นเอง เพราะเมื่อหลายคนสืบเสาะหาประวัติแล้วพบว่าเธอเกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2529 ทำให้ตอนนี้เธออายุ 37 ปีแล้ว ก็ถึงกับตกใจ เพราะถ้าเห็นเพียงหน้าตาคงไม่มีใครเดาถูกเลยว่าจริงๆ แล้วเธออายุเท่าไหร่ ก็ไม่ว่าจะรูปหรือวีดีโอยังไงฮายุนก็ยังดูเหมือนอยู่ในช่วง 20 – 30 ปีเท่านั้น

แน่นอนว่าเมื่อประสบการณ์การทำงานไม่น้อยแล้วผลงานที่ผ่านมาก็มีมากมายเช่นกัน เราจึงเลือกซีรีสทั้ง 5 เรื่องมาให้ทุกคนอ่านเป็นน้ำจิ้มเล็กๆ

Touching You 2016

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ซงฮายุนรับบทเป็นนางเอก แสดงคู่กับ ‘แทคยอน’ แห่งวง 2PM เป็นซีรีส์แนวแฟนตาซี โรแมนติกที่ถ่ายทอดเรื่องราวสัมผัสพิเศษของพระเอกที่สามารถเห็นอนาคตได้เมื่อโดนตัวของใคร หนึ่งในนั้นคือนางเอกที่เขาเผลอไปล่วงรู้อนาคตแสนน่ากลัวที่ต้องพบเจอกับอันตราย ทำให้เขาต้องหาหนทางช่วยเธอไว้ให้ได้

Fight For My Way 2017

ซอฮายุนปรากฏอยู่ในตัวละครหลักของ Fight For My Way ที่เล่าถึงเรื่องราวการทำตามความฝัน ต้องต่อสู้กับชีวิตในเมืองใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง โดยเธอได้รับบทเป็นแบคซอลฮี หญิงสาวจิตใจดีที่มีความฝันคือการแต่งงาน

Davilish Joy 2018

เปลี่ยนแนวมาเป็นโรแมนติก คอมเมดี้กับซีรีส์ Davilish Joy ปี 2018 เธอยังรับบทบาทเป็นนางเอก ‘จูกีบึม’ ซูเปอร์สตาร์สาวที่วันหนึ่งชีวิตต้องตกอับจากหน้ามือเป็นหลังมือ และบังเอิญได้เจอกับคนรักในอดีตที่ตอนนี้เขาสามารถจำเหตุการณ์ได้ช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่เธอกลับเป็นคนเดียวที่เขาจำได้โดยไม่ต้องจดใส่สมุดบันทึก

Please Don’t Date Him 2020

เรื่องนี้มีความแฟนซีเล็กน้อย เมื่อซงฮายุนต้องแสดงเป็นพนักงานพฒนาเทคโนโลยี AI ที่วันหนึ่งเธอได้รับโปรเจกต์ให้ทำตู้เย็น แต่แล้วเธอกลับฝังชิปผิดทำให้ตู้เย็นเครื่องนั้นสามารถอ่านและวิเคราะห์คนได้ ทำให้ตู้เย็นเครื่องนี้กลายเป็นตัวช่วยให้ผู้หญิงสามารถเลือกคู่เดตได้ ว่าเราควรเดตใคร

Oh! Young Shim 2023

ซีรีส์โรแมนติก-คอมเมดี้ ที่ซงฮายุนรับบทเป็นโปรดิวเซอร์วัย 30 ที่กำลังพบเจอกับวิกฤตในรายการที่ตัวเองทำอยู่ จนผ่านมาสักพักเธอก็ได้รับมิชชั่นให้ทำรายการวาไรตี้โรแมนติก และก็เป็นช่วงเดียวกันที่เธอรู้ว่าผู้บริหารคือหนุ่มน้อยขี้แยคอยตามเธอเมื่อยังเป็นเด็ก

มัดรวมสี่ผลงาน “จางเจ๋อฮั่น” พระเอกสุดฮ็อตจากแดนมังกร

account_circle

เรียกได้ว่ากระแสมาแรงแซงทางโค้งทีเดียว! สำหรับซีรีส์รักโรแมนติก-คอมเมดี้“ละลายหัวใจด้วยไออุ่นรัก Castle in the Time” ที่ได้นักแสดงนำตัวท๊อปจากสองสัญชาติ อย่างพระเอกหนุ่มหน้าหล่อแดนมังกร “จางเจ๋อฮั่น”มาประกบคู่กับ “พัคมินยอง”นักแสดงแถวหน้าของฝั่งกิมจิ ไม่ซีรีส์ดังกล่าวแล้ว ต้องบอกเลยว่าเขายังมีผลงานสร้างชื่ออีกมากมาย ซึ่งเราได้รวมมาให้ตามไปดูกัน

มัดรวมสี่ผลงาน “จางเจ๋อฮั่น” พระเอกสุดฮ็อตจาก แดนมังกร

เริ่มที่“หยุนซี หมอพิษหญิงยอดอัจฉริยะ Legend of Yun Xi” เรื่องราวของ หานอวิ๋นซี ซึ่งมีความสามารถและรอบรู้ในเรื่องการแพทย์และพืชสมุนไพรต่างๆ วันหนึ่งเธอถูกจับแต่งงานกับ ฉินอ๋องหลงเฟยเย่ เรื่องราวความรักจึงเริ่มต้นขึ้น โดย “จางเจ๋อฮั่น” รับบทเป็น หลงเฟยเย่ องค์ชายสี่ผู้หล่อเหลา เย็นชา ในสนามรบฉายาเทพสงครามเทียนหนิง และเป็นสามีผู้คลั่งรักแห่งจวนฉินอ๋อง 

ต่อด้วย “กรุ่นรักกลิ่นบุปผา The Blooms At Ruyi Pavilion” เรื่องราวของ ฟู่หรง สาวสวยจอมแก่นที่พยายามหนีโชคชะตาที่เธอมักจะฝันถึงเสมอ จนได้พบกับ อ๋องซู่ ชายในฝันที่มีดวงชะตาชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอันตรายมากมายในชีวิต และเธอจะสามารถหนีโชคชะตานี้ได้หรือไม่?โดย “จางเจ๋อฮั่น” รับบทเป็น สวีจิ้นซู่อ๋อง แม่ทัพผู้แข็งแกร่ง เชี่ยวชาญด้านศิลปะและการทหาร ไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งใด 

ตามมากรี๊ดกันต่อ  “เมื่อพบเธอจึงรู้ว่ารักงดงาม Everyone Wants To Meet You” เรื่องราวของ จางหมิ่น ที่ต้องการขายคฤหาสน์และไร่องุ่นที่คุณปู่ทิ้งไว้ให้เป็นมรดกที่ฝรั่งเศส แต่กลับพบว่า หลัวซี หญิงสาวที่คุณปู่รับเลี้ยงดูก็ได้รับกรรมสิทธิ์ไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์ทั้งหมดไปเช่นกัน แผนการเพื่อยึดครองที่ดินจึงเริ่มต้นขึ้นโดยมีหัวใจของทั้งคู่เป็นเดิมพัน ซึ่งในเรื่องนี้ “จางเจ๋อฮั่น” รับบทเป็น จางหมิ่น บอสสุดหล่อ นักธุรกิจสุดฮอต หล่อแซ่บกว่าใครในย่านฝรั่งเศส เป็นคนที่จริงจังกับชีวิต 

และท้ายสุดกับซีรีส์ที่เหล่าแฟนคลับต่างรอคอย “ละลายหัวใจด้วยไออุ่นรัก Castle in the Time” เรื่องราวของ สวี่เจิน  หญิงสาวที่สมัครงานเข้าทีมผลิตภาพยนตร์ที่แม่ของเธอทำงานเป็นผู้กำกับ และดันไปอยู่ในเหตุการณ์ที่นักแสดงหนุ่มชื่อดัง กู้ฉือจวิน มีปากเสียงกับแฟนเก่า เพราะกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยและเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ กู้ฉือจวินพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้สวี่เจินออกจากบริษัท เธอจึงพยายามเอาชนะใจกู้ฉือจวินจนความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มก่อตัวเป็นความรัก โดย  จางเจ๋อฮั่น รับบทเป็น  นักแสดงหนุ่มชื่อดัง กู้ฉือจวิน เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก และมีความรับผิดชอบสูง


เรียบๆ แต่แพงหูฉี่! เปิด 3 กระเป๋าหรู ‘คังจีวอน’ Marry My Husband

Alternative Textaccount_circle

พาเปิด 3 กระเป๋าหรูของ ‘คังจีวอน’ จากซีรีส์ Marry My Husband เห็นเรียบๆ แบบนี้แต่ราคาแพงเอาเรื่อง!

ก่อนจะเข้าเรื่องกระเป๋าขอเม้าส์มอยซีรีส์กันสักหน่อยกับ Marry My Husband ที่นำแสดงโดย พัคมินยอง, นาอินอู, ซงฮายุน และอีอีคยอง ที่ตอนนี้กำลังเข้มข้นทีเดียว เมื่อ ‘คังจีวอน’ สามารถยกสามีในอดีตให้กับเพื่อนสนิทคิดหักหลังได้แล้ว เรื่องราวหลังจากนี้จะดำเนินไปต่ออย่างไรต้องรอติดตามไปพร้อมกัน

ถึงแม้ในตอนเริ่มเรื่องของซีรีส์ที่นางเอกยังคงเป็น คังจีวอน คนเก่าอยู่แฟชั่นอาจยังไม่ได้จัดจ้านเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ย้อนกลับไปและเลือกทางเดินใหม่อีกครั้งเธอก็จัดเต็มลุคเก๋มาให้เรามากมายแถมไอเท็มที่เธอเลือกใช้ยังมีแต่ของเด็ดๆ เหมือนกระเป๋า 3 ใบนี้

เริ่มต้นด้วยฉากมาออฟฟิศวันแรกหลังจากอัพเดทลุคที่ทำให้เพื่อนร่วมงานถึงกับตะลึง เธอได้ถือกระเป๋าคาเทียร์สีดำ ‘Top Handle Bag mini model Panthère de Cartier’ ที่มีราคาประมาณ 110,000 บาทเลยทีเดียว

ถัดมายังคงอยู่กับดีไซน์เรียบๆ แต่เอ่ยชื่อแบรนด์ยังไงก็ต้องรอ อ๋อ! กับ LOEWE สีขาว ‘Small Puzzle Bag In soft Grained Calfskin‘ ราคาประมาณ 114,000 บาท

มาต่อกันที่ลุคสุดท้ายสไตล์หวานๆ กับเดรสยาวสีขาวและกระเป๋าสีเบจจาก FERRAGAMO ที่มีชื่อรุ่นว่า ‘Wanda Mini Bag’ ถูกกว่า 2 ใบแรกเล็กน้ีอย แต่ก็ยังขนลุกอยู่ดี เพราะราคาอยู่ที่ 55,700 บาท

เป็นไงคะหลังจากทราบราคาของกระเป๋าแต่ละใบที่คังจีวอนใช้แล้ว รู้เลยใช่ไหมว่านางเอกของเราไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าชอบแฟชั่นของเรื่องนี้อีก ไว้ครั้งหน้าจะเอาไอเท็มเด็ดๆ มาฝากกันอีกนะคะ


รูปภาพ: Marry My Husband

‘โพรไบโอติกส์’ ช่วยลดภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ และหลังคลอดได้ จริงหรือไม่?

Alternative Textaccount_circle

“โพรไบโอติกส์” คือ จุลินทรีย์ชนิดดีที่มีชีวิต เป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นในร่างกายหลายๆ ระบบ หากร่างกายได้รับเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมเพียงพอจะส่งผลดีและเกิดประโยชน์กับร่างกาย โดย “โพรไบโอติกส์” มีประโยชน์ต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย ดีต่อสตรีเตรียมตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์ หลังคลอด และให้นมบุตร โดยเฉพาะผู้ที่มีบุตรยาก โพรไบโอติกส์ยังช่วยเสริมภาวะเจริญพันธุ์อีกด้วย

จากการสืบค้นงานวิจัยเกี่ยวกับโพรไบโอติกส์ที่ส่งผลดีต่อลำไส้และภาวะเจริญพันธุ์ พบว่ามีงานวิจัยหลายฉบับมีการศึกษาความปลอดภัยของจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์(Probiotics) ในการใช้งานกับคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วย  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม Lactobaillus เป็นจุลินทรีย์ที่รู้จักกันดี สามารถย่อยสลายน้ำตาลแลคโตส เกิดเป็นกรด Lactic ซึ่งกรด Lactic ทำให้ PH ในร่างกายต่ำลง ก็จะช่วยทำลายเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคได้ และจุลินทรีย์อีกกลุ่มหนึ่งคือ Bifidobacterium มีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมภูมิคุ้มกันกระตุ้นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นแบคทีเรียตัวแรกๆ เลยที่ยึดครองพื้นที่ลำไส้ของทารก โดยการศึกษาวิจัยพบว่าไม่ส่งผลต่อสภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หรือแม้แต่เด็กที่คลอดออกมา โดยจะไม่ได้ส่งผลต่อความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้น 

โพรไบโอติกส์ที่ มีประโยชน์ตั้งแต่ระยะก่อนตั้งครรภ์ ในขณะตั้งครรภ์ และแม้แต่คลอดบุตร
สำหรับโพรไบโอติกส์ที่มีประโยชน์ในการตั้งครรภ์นั้น มีประโยชน์ตั้งแต่ระยะก่อนตั้งครรภ์ ในขณะตั้งครรภ์ และแม้แต่คลอดบุตร ซึ่งตอนที่เตรียมพร้อมตั้งครรภ์ สุขภาพของระบบสืบพันธุ์สำคัญมาก เพราะฉะนั้นโพรไบโอติกส์จะช่วยป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด ส่งเสริมสุขภาพของไข่  หรือแม้แต่คุณผู้ชายก็ช่วยในเรื่องของสเปิร์มด้วย และในขณะตั้งครรภ์คุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมถึงสภาวะต่างๆ ในร่างกาย ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้ออาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เป็นเบาหวาน  โพรไบโอติกส์จะมีส่วนช่วยในการระบบต่างๆ เหล่านี้ด้วย 

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ มีความเกี่ยวกับการสร้างโฟแลตอีกด้วย อ้างอิงงานวิจัย เรื่อง Folate Production by Probiotic Bacteria ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients ปี 2011 โดยการศึกษาได้ทำการเปรียบเทียบลำดับพันธุกรรมของ Probiotics หลายๆ สายพันธุ์ เพื่อดูว่ามีลำดับยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง Folate พบว่าลำดับยีนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งแบคทีเรียใน กลุ่ม Lactobacillus plantarum และ Bifidobacterium และมีการศึกษาเพิ่มเติม ในการศึกษาในการสร้างสาร Folate ในชามเลี้ยงเชื้อ พบว่า โพรไบโอติกส์ สามารถสร้าง Folate ได้เช่นกัน โดยได้ทำการศึกษา การผลิตโฟเลตโดยแบคทีเรียโปรไบโอติกส์ พบว่า  Bifidobacterium สามารถช่วยสังเคราะห์โฟเลตได้ ซึ่ง โฟมเลต นั้นมีส่วนช่วยในการสร้างตัวอ่อน ช่วยป้องกันและลดความผิดปกติของระบบประสาท ทั้งภาวะไม่มีเนื้อสมอง ภาวะไขสันหลังไม่ปิดจากการขาดโฟลิก นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมพันธุกรรม ควบคุมการสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นในการแบ่งเซลล์ ไปจนถึงการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในไขกระดูกของลูกน้อยในครรภ์ได้อีกด้วย

“ลูกน้อย” ได้รับภูมิคุ้มกันจากจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ ผ่านรก น้ำคร่ำ ช่องคลอด และน้ำนมแม่
ทุกคนได้รับ “โพรไบโอติกส์” มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยได้รับจากคุณแม่ผ่าน รก มดลูก น้ำคร่ำ  เพราะฉะนั้นจุลินทรีย์ในร่างกายทารกเริ่มแรกได้รับมาจากในร่างกายคุณแม่  พอคลอดออกมาจะได้รับผ่านการรับประทานน้ำนม เพราะในน้ำนมแม่จะมีโพรไบโอติกส์ ด้วยเช่นกัน  เพราะฉะนั้นเรียกว่าได้รับมาตั้งแต่เกิดเลย ซึ่งหากคุณแม่มีโพรไบโอติกส์ที่ดี ลูกก็จะได้รับโพรไบโอติกส์ที่ดีด้วย 

หลังคลอดบุตรในน้ำนมแม่ มีจุลินทรีย์ โพรไบโอติกส์ ทำให้ลูกได้รับภูมิคุ้มกันที่ถ่ายทอดทางน้ำนม อ้างอิงงานวิจัยเรื่อง Lactobacillus Bacteria in Breast Milk ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients ปี 2020 พบว่า น้ำนมแม่มี จุลินทรีย์ Probiotics โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Lactobacillus และ Bifidobacterium จะช่วยส่งเสริมสุขภาพในทารกทีดื่มนมแม่ พบว่าทารกที่ดื่มนมแม่จะมีระดับของจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ สูงกว่าทารกที่ดื่มแต่นมผงด้วย เพราะฉะนั้นประโยชน์ของการได้รับนมแม่ที่มีจุลินทรีย์ดี ก็จะช่วยส่งผลต่อสุขภาพของทารกด้วยเช่นกัน 

หรือแม้ตอนที่คลอดลูกแบบธรรมชาติผ่านช่องคลอด ลูกก็จะได้รับจุลินทรีย์ผ่านทางช่องคลอด เช่นกัน และโพรไบโอติกส์ ยังมีการสร้างสารที่ไปช่วยลดการอักเสบของร่างกายด้วย ช่วยให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้น โดยมีรายงานวิจัยเกี่ยวกับโพรไบโอติกส์ช่วยลดอาการแพ้ทางผิวหนังในทารก อ้างงานวิจัยเรื่อง effects of Bifidobacterium powder on infant intestinal flora and allergic symptoms in children with atopic dermatitis ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Japanese Journal of Allergology  ปี 2003 โดยได้ทำการศึกษาเด็กทารก 15 คน ที่มีอาการแพ้ ผิวหนังมีผื่นแดง เนื่องจากอาการแพ้นม โดยวิธีทดสอบ ได้มีการเพิ่ม Bifidobacterium breve M16V ลงไปในนมแล้วให้ทารกกิน ระยะเวลา 1 เดือน ปริมาณเชื้อ 5 พันล้านตัว ผลลัพธ์ หลังจากการทดสอบ พบว่ามีปริมาณ Bifidobacteria ในลำไส้เพิ่มมากขึ้น และพบว่าอาการผื่นแดงแพ้ในทารกมีอาการลดลง

โพรไบโอติกส์ ช่วยลดภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ และหลังคลอด
โพรไบโอติกส์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ และหลังคลอด โดยมีรายงานวิจัยเรื่อง Effect of Lactobacillus rhamnosus HN001 in Pregnancy on Postpartum Symptoms ofDepression and Anxiety : A randomized Double-blind Placebo-controlled Trial ที่ตีพิมพ์ใน วารสาร EBioMedicine เมื่อปี  2017 ได้ทำการทดลอง ให้หญิงตั้งครรภ์ทานโพรไบโอติกส์ชนิดนี้ ตั้งแต่ตั้งครรภ์ 14-16 สัปดาห์จนถึง 6 เดือนหลังคลอด (รวมระยะเวลา 11 เดือนโดยทานทุกวัน ปริมาณเชื้อ 6 พันล้านตัว) พบว่า: กลุ่มที่ได้รับโพรไบโอติกส์ HN001 มีความเครียดและความกังวลลดลงอย่างมากเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับ โดยทำการวัดจากแบบสอบถาม Depression Score  and Anxiety Score  จากเครื่องมือ Edinburgh Postnatal Depression Scale and State AnxietyInventory

กล่าวโดยสรุป “โพรไบโอติกส์” จุลินทรีย์ชนิดดีมีประโยชน์มากมาย ช่วยส่งเสริมการทำงานของลำไส้และภาวะเจริญพันธุ์ในองค์รวม ส่งผลดีต่อคุณแม่เตรียมตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์ หลังคลอด และให้นมบุตร ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี และสร้างสมดุลในระบบเจริญพันธุ์ ในกรณีที่ต้องการเลือกเสริมโพรไบโอติกส์ในรูปแบบอาหารเสริม เนื่องจากอาจไม่สามารถทานอาหารที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ตามธรรมชาติได้ครบ ควรเลือกอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่มีพรีไบโอติกส์ด้วย และควรเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะกับสตรีวางแผนตั้งครรภ์ ที่ผ่านการรับรองความปลอดภัย

Source: ครูก้อย ณัชชา Ferty Probiotics By KruKoy

Photo: Pexels


นิสา ศรีคำดี Crybaby

เส้นทางกว่าจะเป็นศิลปินอาร์ตทอยสุดฮ็อต “มด – นิสา ศรีคำดี” ผู้ปลุกปั้น Crybaby จนฟีเวอร์

Alternative Textaccount_circle
นิสา ศรีคำดี Crybaby
นิสา ศรีคำดี Crybaby

นอกจากจะได้ร่วมภาคภูมิใจกับอีกหนึ่งคนเก่ง “มอลลี่” หรือ “มด – นิสา ศรีคำดี” ศิลปิน Art Toy เจ้าของผลงาน Crybaby ที่โด่งดังด้วยคาแร็คเตอร์ของน้องตุ๊กตาที่มาพร้อมหยดน้ำตาที่ไม่ได้สร้างความเศร้า แต่น่าโอ๋ น่าเอ็นดูเป็นที่สุด เธอยังชวนคิดใหม่ด้วยว่าเราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา เพราะบางครั้งน้ำตาก็ไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอ วันนี้ผลงานและนิทรรศการของเธอได้รับความสนใจ สร้างมูลค่ามากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่ถ้าย้อนดูวันวานของเส้นทางสู่การเป็นศิลปินนั้นไม่ง่ายเลย

เส้นทางกว่าจะเป็นศิลปินอาร์ตทอยสุดฮ็อต “มด – นิสา ศรีคำดี” ผู้ปลุกปั้น Crybaby จนฟีเวอร์

พาณิชย์ VS ศิลป์

“มดชอบศิลปะมาตั้งแต่จำความได้ คุณแม่เล่าว่าก่อนเข้าเรียนอนุบาลมดชอบสะพายกระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์ศิลปะไปด้วยทุกที่ ตอนอนุบาล 3 ได้ไปประกวดวาดรูปด้วยสีเทียนที่สวนสยาม งานนั้นได้รางวัลชมเชย จากนั้นก็ได้ประกวดรายการอื่นๆ อยู่หลายปี

“แต่ตอนใกล้จบชั้นมัธยม 3 คุณแม่อยากให้เรียนสายพาณิชย์ เพราะคิดว่าถ้าเรียนด้านบัญชีจะมีอาชีพมั่นคงเหมือนลูกเพื่อนบ้าน บวกกับครอบครัวเราไม่มีใครเรียนสายศิลป์มาก่อน จึงไม่มีคำแนะนำว่าควรทำอย่างไร สุดท้ายมดจึงยอมเรียนตามที่แม่บอก คือสาขาวิชาการบัญชีที่วิทยาลัยพณิชยการบางนา

“เรียนถึงปี 3 ตัดสินใจคุยกับแม่ว่าอยากเรียนด้านศิลปะจริงๆ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาท่านได้เห็นว่าเรารับจ๊อบวาดรูปเล็กๆ น้อยๆ จากเพื่อนในห้อง ทำให้มีรายได้พอสมควร ช่วยพิสูจน์ว่าสาขาวิชานี้สามารถยึดเป็นอาชีพได้ ท่านจึงอนุญาตให้เรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

“เนื่องจากไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับศิลปะโดยตรง ดังนั้นตอนเข้าปี 1 ทางมหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้ต้องเรียนพื้นฐานด้านศิลปะทุกอย่าง ตั้งแต่จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ กลายเป็นโชคดีของเรา เรียนด้วยความสนุก จึงทำออกมาได้ดี แล้วยังรับจ๊อบงานศิลปะมาตลอด อย่างจัดบอร์ด ทำพร็อปส์ ตอนนั้นมดพูดเสมอว่าเมื่อจบไปแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นกราฟิกดีไซเนอร์หรือดีไซเนอร์ แต่ขอทำงานอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับศิลปะ

“แต่งานแรกที่ทำก็คือกราฟิกดีไซเนอร์ที่บริษัทหนึ่ง หลักๆ คือออกแบบทุกอย่าง เลย์เอ๊าต์ โลโก้ ออกแบบงานแต่งงาน แบ็กดร็อป ฯลฯ ชอบมาก สนุกด้วย แม้จะงานหนักขนาดนอนออฟฟิศ ตื่น 6 โมงเช้า กว่าจะได้นอนตี 2 ตี 3 ทำงานจันทร์ถึงอาทิตย์ สลับกันหยุดสัปดาห์ละวัน ทำอยู่ 7 ปีเต็ม ตำแหน่งสุดท้ายคืออาร์ตไดเร็กเตอร์ ก่อนตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว บวกกับแม้ร่างกายยังไหว แต่ใจไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นมีเงินเก็บแค่หลักหมื่น เพราะเป็นพนักงานออฟฟิศมีอะไรให้ใช้จ่ายตลอด”

นิสา ศรีคำดี Crybaby

สู่วิถี Designer Toy

“พอว่างงาน แต่นิสัยไม่ชอบอยู่นิ่งๆ อาศัยว่าชอบทำงานประดิษฐ์ ปั้นตุ๊กตาติดเครื่องประดับอย่างต่างหูไปวางขายที่ตลาดรถไฟ พร้อมกับรับจ๊อบงานกราฟิกด้วย รายได้ช่วงแรกไม่เยอะ แต่ไม่หนักใจ แค่ว่าวันไหนฝนตกแล้วขายของไม่ได้จะเครียด ไม่ได้เครียดเพราะไม่ได้เงินนะคะ แต่เหมือนรู้สึกว่าตัวเองทำผิดอะไรสักอย่างที่ไม่ได้ทำงาน

“พองานจ๊อบเริ่มอยู่ตัวจึงฟอร์มทีมกับเพื่อนเปิดบริษัทออร์แกไนเซอร์ชื่อพุ่งพุ่ง ออกแบบแนวคอนเซ็ปต์ งานออกมาดีตั้งแต่งานแรกเลย ทำได้ประมาณ 3 ปี จนถึงจุดที่ไม่มีเวลาทำ เพราะเวลาทำงานอย่างงานแต่งงานเราต้องคุยกับลูกค้าเป็นปีจนกว่าจะถึงวันงาน และมีความคาดหวังสูงมาก คือผิดพลาดไม่ได้เลย ถ้าผิดแค่นิดเดียวก็ถือว่างานนั้นไม่ดี

“กระทั่งช่วงที่ในหลวงรัซกาลที่ 9 สวรรคต งดงานรื่นเริง ผ่านไปไม่ถึงเดือนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีงานทำ ตื่นเช้ามาวันหนึ่งบอกตัวเองว่าทำไมไม่ทำสิ่งที่อยากทำล่ะ ต้องขอเล่าย้อนกลับไปวัยเด็กที่เราชอบปั้นของประดิษฐ์ให้เพื่อน เคยวาดคาแร็คเตอร์ Cry Rabbit กระต่ายร้องไห้เพื่อแทนการเขียนไดอะรี่ในแต่ละวัน อย่างวันนี้อ่อนไหวหรือเจอเรื่องสะเทือนใจอะไร เราก็วาดรูปแทนการเขียนเรื่องราว อย่างเรื่องของวัยรุ่นทั่วไป ความรัก ปัญหาครอบครัว การเรียน ความจริงตอนนั้นชอบศึกษาเรื่องโมเดลของญี่ปุ่นด้วย แต่ราคาแพงมาก เคยเก็บเงินซื้อมาได้แค่ตัวเดียวคือเซเลอร์มูน ซื้อได้ตัวที่ใส่ชุดว่ายน้ำ เพราะถ้าเป็นแบบใส่ชุดเซเลอร์มูนราคาจะแพงขึ้นไปอีก

“เรื่องนี้เหมือนเป็นแพสชั่นในใจตลอดมา จนวันหนึ่งตื่นมาแล้วนึกถึงเรื่องของเล่นทอยโมเดล จึงลุกขึ้นมาจากที่นอนแล้วทำเลย หยิบดินทำโมเดล (Polymer Clay) ที่สั่งซื้อไว้นานแล้วมาปั้นเป็น Crybaby ใช้วิธีว่าถ้าไม่ชอบตรงไหน ผมยาวไป ตัวสั้นไป ก็เฉื่อนทิ้งแล้วปั้นใหม่ ใช้เวลา 2 เดือนเต็มๆ เหมือนหยุดไม่ได้ ตื่นมา 6 โมงเช้าก็ทำจนตี 2 ตี 3 โดยใช้เงินเก็บสำหรับสั่งของพวกอุปกรณ์มาทำไปเรื่อยๆ ตอนนั้นยังทำไม่เสร็จดี ตามตัว Crybaby ยังมีรอยปากกาขีด แล้วยังไม่ได้ลงสี ตัวยังเป็นสีเทาอยู่เลย เวลานั้นรู้สึกว่าน่ารักดี จึงถ่ายรูปลงไอจีตัวเอง ซึ่งไม่ได้มีคนติดตามยอะนะคะ แค่หลักสิบ คือมีเฉพาะเพื่อนสนิท เพราะสมัยนั้นเป็น Introvert จริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังเป็น” (หัวเราะ)

นิสา ศรีคำดี Crybaby

“จุดเปลี่ยนคือมีคนจีนนักสะสม Art Toy เห็นโพสต์นั้น น่าจะมาจากการติดแฮชแท็กคำว่า Toy เพราะช่วงก่อนโพสต์ลงไอจีลองเสิร์ชดูว่าเขาติดคำว่าอะไรกันบ้าง ทำให้รู้ว่าคนไทยก็มีทำเหมือนกัน จึงใช้ตามเขา เพราะเราไม่รู้ว่าแฮชแท็กนี้เป็นการรวมภาพ คนจีนคนนั้นคงไล่ตามดูจากตรงนั้นแล้วชอบ จึงติดต่อไดเร็กต์มาขอซื้อ ถามว่าเราทำขายไหม ตอนนั้นยังไม่มั่นใจ จึงเริ่มศึกษาดูว่ามีอะไรแบบนี้ด้วยหรือ ทำให้รู้ว่ามีการขายอย่างจริงจังและตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ มดใช้เวลาตัดสินใจหลายเดือน เพราะไม่ได้ตั้งใจทำขาย แค่อยากทำ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานแบบนี้เรียกว่าอะไร มารู้ทีหลังว่ามันคือ Art Toy หรือ Designer Toy

“ที่สุดตัดสินใจลองทำออกมา 4 ต้นแบบ แล้วพาไปไหนต่อไหนด้วย เพราะเห่อ ชอบ (หัวเราะ) นอนด้วยกัน กินด้วยกัน มือหนึ่งตักข้าว อีกมือก็ถือมองไปด้วย จนแม่เชียร์ให้ลองทำขาย

“วันที่ตัดสินใจขายก็ถ่ายรูปง่ายๆ  ทำเลย์เอ๊าต์แล้วโพสต์ ปรากฏว่าบูมทันทีเลยค่ะ เหมือนคนจีนคนนั้นนำภาพไปโพสต์ในกลุ่ม ซึ่งมีหลักหมื่นหลักแสนคน จึงมีคนติดต่อขอซื้อเต็มเลย ตอนนั้นทำออกมา 2 สี Naked Brown กับ Naked Bronze สีละประมาณ 45 ตัว ความที่ยังตั้งราคาไม่เป็นจึงขายถูกมาก 2,300 บาท ทั้งที่เป็นงานทำมือทุกตัวและไม่ได้คิดถึงต้นทุน แต่แค่นั้นก็รู้สึกดีใจมาก เพราะไม่เคยทำงานวันเดียวแล้วได้หลายแสนบาท

“จากนั้นมดตัดสินใจบินไปฮ่องกงเพื่อดูงาน Art Toy Fair จะได้รู้ว่าเขาทำกันอย่างไร ตอนนั้นรู้สึกตื่นตาตื่นใจ พอกลับมาก็เริ่มทำงานออกมาจริงจังขึ้นเรื่อยๆ จนได้มีโอกาสไปเห็นงาน Shanghai Toy Show ที่บริษัท Pop Mart (ร้านขายของเล่นสะสมจากประเทศจีน) ซึ่งมดเซ็นสัญญากับเขา จัดที่เชี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นงานใหญ่ยิ่งกว่างานมอเตอร์โชว์บ้านเรา แล้วคนเยอะขนาดคิวขดไปมาแบบข้ามฝั่งถนนไปอีก มีคนมารอเข้างานล่วงหน้า 2 – 3 วัน

“ระหว่างที่อยู่ในงานมีน้องผู้หญิงคนจีนวิ่งเข้ามาหาแล้วร้องไห้ ยื่นมือสั่นๆ มาให้ดู คือเขาเพ้นต์ Crybaby ที่เล็บ แล้วดีใจที่ได้เจอเรา ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าเราเป็นที่รู้จักและดังขนาดนั้น เพราะเราไม่มีแอพจีนเลย จำได้ว่าเป็นช่วงวันเกิดของมดพอดี มีคนซื้อของขวัญวันเกิดให้เยอะจนขนกลับไม่หมด หลายคนซื้อเค้กมาให้ด้วย ที่เขาทราบว่ามดจะมาเพราะร้านที่รับ Crybaby ไปขายส่งข่าวบอกในกลุ่มว่าวันนี้มอลลี่จะมา จึงมีคนมารอกรี๊ดดีใจ ขอถ่ายรูป มีคนทำโฟโต้บุ๊กมาขอลายเซ็น มีคนเอาเป็ดย่างทั้งตัวมาให้ด้วย แต่มดเอากลับไม่ได้ ทำให้เรารู้ว่าที่จีนเขาอินมากๆ ตั้งแต่นั้นมา Crybaby ออกตัวไหนมาก็ Sold Out ตลอด ถ้าทำออกมาจำนวนน้อยราคาก็สูงหน่อย ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นกว่าหมื่นบาท จนมาที่กว่าสามหมื่น คือยิ่งเราทำมากขึ้นก็จะยิ่งรู้ว่าควรตั้งราคาประมาณไหน โชคดีที่เคยเรียนที่วิทยาลัยพณิชยการบางนา ทำให้มีความรู้เรื่องการดูกลุ่มเป้าหมายและเรื่องการตลาดด้วย (ยิ้ม)

“สำหรับแบบของ Crybaby จากตอนแรกเป็นตัวยืนร้องไห้ธรรมดา แค่เปลี่ยนสี ก็เริ่มเปลี่ยนท่าทาง ถ้าให้มดวิเคราะห์การที่แฟนๆ ชอบ คงเพราะเป็นตุ๊กตาคาแร็คเตอร์ร้องไห้ ไม่ซ้ำกับคนอื่น ตอนแรกที่เข้าไปในตลาดจีนก็เจอคอมเมนต์ที่เป็นลบบ้าง ประมาณว่าฉันไม่มีวันนำตัวร้องไห้เข้าบ้านแน่นอน เพราะคนจีนมีความเป็นคอนเซอร์เวทีฟ อะไรที่เป็นสีดำเขาถือ แต่บางคนกลับมองว่างานของเราไม่เหมือนงานส่วนใหญ่ที่จะยิ้มและผิวขาวมากๆ แต่ของมดตัวแรกเป็นสีน้ำตาลเข้มๆ เหมือนกับตัวเอง แล้วร้องไห้ มีรอยสักที่ตัวคาแร็คเตอร์ เขาเห็นแล้วชอบเลย”

นิสา ศรีคำดี Crybaby

นิทรรศการต่อยอดความคิดและความสำเร็จ

“ก่อนหน้านี้มดต้องไปจีนทุกเดือนเพื่อไปออกงานกับไปเช็กงานที่โรงงานผลิต เพราะเริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรม ไม่ใช่งานทำมือแล้ว แล้วก่อนโควิด-19 ระบาดไม่กี่เดือนมดได้เซ็นสัญญากับบริษัท Pop Mart ถือเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ Pop Mart แวะเวียนมาถามตลอดอยู่แล้ว เพราะช่วงนั้น Crybaby กระแสแรงมาก แต่ช่วงแรกเราเป็นแค่งานทำมือ แล้วเซ็นสัญญากับบริษัทอื่นอยู่ด้วย พอวันที่สัญญาเดิมจบ เขาก็โทร.มาทันที แล้วไม่กี่เดือนก็เกิดโควิด ทำให้มดไม่สามารถบินไปเจอเขาได้ ใช้วิธีออกแบบแล้วส่งงานไป ซึ่งพอมีเวลาอยู่เมืองไทย เริ่มรู้สึกว่าอยากทำอะไรที่มากกว่าเดิม จึงคิดอยากจัดนิทรรศการ

“พอดีพี่หนุ่ม (จิตติ จำเนียรไวย) ศิลปินภาพวาดที่มีผลงาน Art Toy ชวนมดไปคอลแล็บกับงานคัสตอมทอยของเขาที่ 333 Callery พอทางแกลเลอรี่เห็นผลงานแล้วชอบ จึงชวนให้มาจัดแสดง มดตอบตกลงทันที โดยใช้เวลาหนึ่งปีเตรียมงาน ทำให้เริ่มมีผลงานภาพวาดกับทำประติมากรรมตัวใหญ่ คือกระโดดจากงานเล็กๆ มาเป็นผลงานชิ้นใหญ่ขนาดกว่าหนึ่งเมตร

“สำหรับนิทรรศการครั้งแรกมดต้องการแนะนำ Crybaby เหมือนส่งข้อความให้ทุกคนบอกตัวเองว่ามันโอเคนะที่จะร้องไห้บ้าง ซึ่งประสบความสำเร็จมาก จากที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก ก็กลายเป็นกระแส อย่างปีที่แล้วไม่มีแม้กระทั่งกลุ่มแฟนคลับในเฟซบุ๊ก ตอนนี้มีหลายกลุ่มมาก ตอนนั้นมดบอกทางแกลเลอรี่ว่ามดไม่มั่นใจนะว่ากลุ่มแฟนจีนจะมาดูได้ แต่กลายเป็นว่าคนไทยมาเยอะมาก บอกแบบปากต่อปาก คนเต็มทุกวัน จนทาง 333 Gallery ขอขยายเวลาจัดนิทรรศการออกไป

“หลังจบงานมดต้องเตรียมงานนิทรรศการครั้งที่ 2 ภายใต้ชื่อ Everybody Cries Sometimes ทันทีกับทางเทรนดี้แกลเลอรี่ ภายในริเวอร์  ซิตี้ แบงค็อก ซึ่งจัดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ครั้งนี้ถือเป็นงานใหญ่ พื้นที่ใหญ่ขึ้น เรื่องที่พูดก็กว้างขึ้น คือใครๆ ก็ร้องไห้ ฉันร้อง เธอร้อง พวกเราทุกคนก็เช่นกัน นิทรรศการครั้งแรกเหมือนให้เช็กตัวเองว่าโอเค แต่ครั้งนี้นอกจากบอกตัวเอง เรายังมองคนรอบตัวด้วย งานออกมาสเกลใหญ่ขึ้น จำนวนงานเพ้นติ้งเยอะขึ้นหลายเท่า มีภาพพิมพ์หลายแบบ เรียกว่าเต็มที่สุดๆ จริงๆ

“ทุกครั้งที่ทำงานมดไม่ได้คิดว่าจะสำเร็จด้านไหน แต่เน้นว่างานต้องออกมาดี ส่วนอื่นๆ เป็นผลตามมา ปกติคนมองงานศิลปะว่าเป็นอะไรที่เอื้อมไม่ค่อยถึงหรือไกลตัว เราจึงทำให้ใกล้ตัวที่สุด เช่น โจทย์ของคนที่อยากมาถ่ายรูป ก็ทำจุดสำหรับถ่ายรูปทั้งงานเลย ส่วนโจทย์ของคนที่อยากชมงานศิลปะ เราก็มีทั้งประติมากรรม ภาพวาด ภาพพิมพ์ครบ ส่วนโจทย์ของคนที่สะสม Art Toy ก็ได้เห็นประติมากรรมตัวเล็กด้วย นอกจากนี้ในงานนิทรรศการครั้งล่าสุดมดเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ออกแบบ Crybaby ของตัวเองผ่านทางเว็บไซต์ Crybaby Molly สำหรับใครที่ยังไม่ได้มาชมนิทรรศการ หรือคนที่มาดูงานแล้ว แต่ยังอินอยู่ ก็กลับไปสร้าง Crybaby ของตัวเองได้

“รวมถึงการทำกล่องสุ่ม Crybaby ซึ่งมีหลายดีไซน์ กล่องละประมาณ 300 – 400 บาท และมีขายแบบเป็นเซต 12 แบบ แถมคาแร็คเตอร์ลับประมาณ 1 – 2 แบบ ตลาดหลักอยู่ที่จีน ออกมาทั้งหมด 4 ซีรี่ส์แล้ว ตอนนี้ทุกชีรี่ส์ราคาขึ้นหลายเท่าตัว ล่าสุดมีการประมูลผลงานประติมากรรมจากการจัดนิทรรศการครั้งแรก สูงประมาณเมตรกว่า ราคาขายคือ 1 แสน 8 หมื่นบาท แต่ประมูลไปประมาณ 2 ล้าน 6 แสนบาท คนที่ได้ไปเป็นนักสะสมชาวไทย”

นิสา ศรีคำดี Crybaby

อย่ายอมแพ้

“แน่นอนว่าไม่มีงานอะไรที่ง่ายราบรื่นทุกอย่าง งานชุดแรกๆ ที่ขายทางไอจี มดไม่มีประสบการณ์ เมื่อแพ็กของส่งไปที่ประเทศจีน งานแตกหักประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะการส่งไปรษณีย์ที่นั่นโหดมาก เมื่อของแตก เราต้องรับผิดชอบลูกค้าด้วยการออกค่าส่งให้เขาส่งกลับมา ซึ่งเป็นเงินหลายพันบาท พอเราซ่อมให้เขาแล้วสงกลับไปให้ใหม่ ค่าส่งแพงกว่าค่าของอีก เหมือนเราทำงานไม่จบไม่สิ้น ตอนนั้นรู้สึกท้อมาก ช่วงปีแรกทำงานหนัก ได้นอนแค่วันละ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อซ่อมงาน แล้วต้องทำงานชิ้นใหม่ เพื่อจะได้มีเงินมาใช้ จนร่างกายรับไม่ไหว ตอนนั้นอายุ 30 กว่า เริ่มเข้าโรงพยาบาลบ่อย คือเป็นทุกอย่างที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ อย่างต่อมทอนซิลอักเสบ ลำไส้อักเสบ มาจากภูมิคุ้มกันบกพร่อง ปวดท้องเหมือนท้องจะขาด ต้องกินยาแก้ปวดตลอดเวลา แล้วอาการกำเริบตอนไปฮ่องกง ต้องนอนทนปวดอย่างนั้นจนเช้า โชคดีที่ได้นั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ กลับมาแอดมิตเลย ต้องรักษาตัวอยู่ 2 สัปดาห์ ตอนนั้นร่างกายคงอ่อนแอมาก จึงเป็นโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบทั้งหมด

“กว่าที่ทุกอย่างจะลงตัวแบบวันนี้ ต้องผ่านการแก้ปัญหามากมาย มดบอกตัวเองว่าเราเคยทำงานออกแบบที่ต้องทำทุกอย่างที่ลูกค้าหรือคนอื่นต้องการ ตอนนี้จึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้ทำงานที่รัก และมีคนรักในงานของเรา พร้อมที่จะเสพงานที่เราทำ ดังนั้นจึงขอเอนจอยกับจุดนี้ให้มากที่สุด ก็คือทำในสิ่งที่รัก แล้วให้คนที่ชื่นชอบได้เสพงานของเราไปพร้อมกัน

“การทำงานจึงเป็นทั้งความสุข และมีความทุกข์ด้วย (หัวเราะ) เพราะมีคนรองานอยู่ เป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ไม่มีใครรู้ว่าปีนั้นมดเข้าโรงพยาบาลตลอด มีแม่คนเดียวที่รู้ Crybaby จึงเหมือนมดได้บอกตัวเองด้วยว่ามันโอเคเหมือนกันนะที่จะอ่อนแอบ้าง

“แล้วมดก็ตั้งใจเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อน้ำตาให้เป็น Positive มากขึ้น เพราะต้องการบอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดจนต้องซ่อนขนาดนั้น บางทีเราแสดงความอ่อนแอบ้างก็ได้ เพื่อให้คนข้างๆ ได้รู้ว่าเราต้องการความช่วยเหลือ จะได้อยู่เป็นเพื่อน สังคมมักบอกว่าไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น มดจึงส่ง Crybaby ออกมาร้องไห้แทน ทุกคนไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา

“ชีวิตและงานของมดไม่มีสูตรสำเร็จ แต่สิ่งหนึ่งที่แนะนำได้ก็คืออย่ายอมแพ้ค่ะ ถ้าเรามีความรักและความตั้งใจในการทำ สุดท้ายแล้วมันจะพาเราไปในจุดที่ดี อย่างน้อยที่สุดก็จะใกล้กับความสำเร็จ เหมือนเราได้ก้าวเดินแล้ว

“อนาคตมดคงมีงานกับ Pop Mart ออกมาเรื่อยๆ และน่าจะพา Crybaby ไปให้ไกลมากที่สุด ทั้งในเอเชียและอื่นๆ อย่างอังกฤษ อเมริกา วันหนึ่งอยากไปให้ทั่วโลก เป้าหมายของมดจึงอยู่ไกล สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ดีที่สุดทีละก้าว ไม่มองหาทางลัด มดทำงานวันนี้เพื่อจะได้รู้ว่านี้คือบทเรียนของความสำเร็จ หมั่นฝึกฝนฝีมือให้เหมาะสมเวลาไปอยู่ในระดับโลกได้ค่ะ”


ที่มา : นิตยสารแพรว ฉบับ 998

ภาพเพิ่มเติม : crybaby_molly_

ฮันโซฮี

เปิดรายได้ ฮันโซฮี (Han So Hee) พี่สาวเกาหลี นางเอกผู้เกินคาดเดา

Alternative Textaccount_circle
ฮันโซฮี
ฮันโซฮี

ตั้งแต่บทบาทที่โดดเด่นของเธอในซีรีส์ The World of the Married ชื่อเสียงของนักแสดงสาววัย 29 ปี ฮันโซฮี ( Han So Hee ) ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากแต่ก่อนรับเพียงบทเล็กๆ ในหนังหรือละคร แต่ปัจจุบันเธอกลายเป็นนักแสดงนำ ที่มีคนชื่นชอบเป็นจำนวนมาก

ไม่เพียงแต่ความนิยมในฐานะนักแสดงเท่านั้น เพราะในปี 2022 เธอยังกลายเป็นราชินีพรีเซนเตอร์คนใหม่ของเกาหลีใต้ โดยเธอเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ มากถึง 18 แบรนด์ ขณะที่แชมป์เก่าที่เรียกว่าเป็นกระดูกเหล็กของวงการ ยัยตัวร้าย จอนจีฮยอน (Jun Ji Hyun) มีแบรนด์สนับสนุน 14 แบรนด์

ขณพเดียวกันมีการให้ความเห็นว่า สิ่งที่ทำให้ Han So Hee กลายเป็นเจ้าแม่พรีเซนเตอร์เกาหลีใต้ คนใหม่ได้ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเทในงานแสดงอย่างหนักทำให้เธอได้รับรางวัลการันตีความสามารถจนมีชื่อเสียงแข็งแกร่ง จนขึ้นแท่นฮันรยูสตาร์อันดับต้นๆ

ฮันโซฮี 01
ฮันโซฮี 02
ฮันโซฮี 03

เปิดรายได้ ฮันโซฮี (Han So Hee) พี่สาวเกาหลี นางเอกผู้เกินคาดเดา

มีรายงานว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างนางเอกสาวเป็นพรีเซนเตอร์ขั้นต่ำอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 35 ล้านบาท หมายความว่า การรับงาน 18 แบรนด์ที่ผ่านมาทำให้เธอมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 630 ล้านบาท แต่นั่นเป็นช่วงหลังจาก

ขณะเดียวกันเมื่อไม่นานมานี้มีการเปิดเผยรายได้จากผลงานล่าสุดของนักแสดงสาวระบุว่า การสวมบทเป็น ยุนแชอ๊ก ในซีรีส์ สัตว์สยองกยองซอง (Gyeongseong Creature) ที่ต้องเล่นบู๊แอ็คชั่น เธอได้รับค่าตัวต่อตอนมากถึง 200 ล้านวอน หรือประมาณ 5.3 ล้านบาท ซึ่งผลงานนี้มาทั้งหมด 17 ตอนหมายความว่าเธอมีรายได้จากซีรีส์เรื่องนี้มากถึง 3,400,000,000 ล้านวอน หรือประมาณ 90 ล้านบาทเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามรายได้จากงานแสดงที่เพิ่มขึ้นทำให้ตอนนี้ เรทค่าตัวของเธอถูกจัดอยู่ในรายชื่อเดียวกับนางเอกเอลิสต์ จอนจีฮยอน และ ซงฮเยคโย

ฮันโซฮี
ฮันโซฮี Gyeongseong Creature
ฮันโซฮี Gyeongseong Creature
ฮันโซฮี 04

แฟนคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของ เตนล์ ศิลปินสัญชาติไทยของ SM Ent.

Alternative Textaccount_circle

แฟนคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของหนึ่งเดียวคนนี้ ‘TEN’ (เตนล์) ศิลปินเค-ป๊อปมากความสามารถสัญชาติไทยที่เปล่งประกายในระดับโลกอย่างสง่างาม กับ 2024 TEN FIRST FAN-CON [1001] IN BANGKOK ปักหมุดบ้านเกิดประเทศไทย ในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567 เวลา 17.00 น. ณ อิมแพ็ค อารีน่า

‘TEN’ หรือ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล ศิลปินสัญชาติไทยเพียงหนึ่งเดียวแห่งบริษัทบันเทิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเกาหลีใต้อย่าง SM Entertainment ซึ่งไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจากการทำกิจกรรมโปรโมตร่วมกับวงในฐานะสมาชิกของ NCT (เอ็นซีที) และ WayV (เวย์วี) แต่ยังประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของทักษะการเต้นและการแสดงบนเวทีที่โดดเด่นสะกดทุกสายตา รวมถึงสีสันทางดนตรีเฉพาะตัวที่ละเอียดอ่อนงดงามแต่ทรงพลังและเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึก จนได้รับการยกย่องให้เป็น ‘Artistic Performer’ หรือ ‘ผู้แสดงที่มีศิลปะ’

พิสูจน์ได้ผ่านหลากหลายผลงานเพลงโซโล่ อาทิ ‘New Heroes’ เพลงป๊อป EDM ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ โชว์พรสวรรค์ในการเต้นฟรีสไตล์, ‘Paint Me Naked’ เพลงแนวป๊อปร็อกกับท่าเต้นที่เต็มไปด้วยอิสระและมีชีวิตชีวา, ‘Birthday’ เพลงแนวแดนซ์ อาร์แอนด์บี แสดงภาพลักษณ์ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่กับการแสดงอันเซ็กซี่น่าหลงใหล และล่าสุดกับโซโล่มินิอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อว่า ‘TEN’ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 กับเพลงภาษาอังกฤษทั้งหมด 6 เพลง โดยเพลงไตเติล ‘Nightwalker’ เพลงป๊อปแดนซ์ ผสมผสานท่วงทำนองอันติดหู เสียงเบสอันล้ำลึก และกีต้าร์ริฟฟ์ ที่จะปลดปล่อยเสน่ห์อันเกินต้าน ด้วยหลากหลายผลงานอันมีคุณภาพสูงนี้ ทำให้ทุกคนยิ่งคาดหวังถึงโลกแห่งดนตรีของ ‘TEN’ ที่จะถูกเปิดเผยผ่านแฟนคอนเสิร์ตในครั้งนี้

สำหรับแฟนคอนเสิร์ต ‘2024 TEN FIRST FAN-CON [1001]’ เตรียมเปิดฉากขึ้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ณ YES24 LIVE HALL กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งกระแสตอบรับร้อนแรงตามคาด บัตรหมดเกลี้ยงทันทีที่เปิดจำหน่าย จนต้องประกาศเพิ่มรอบในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 รวมทั้งสิ้น 2 รอบการแสดง ต่อด้วยการเดินสายทัวร์ในแถบเอเชีย เริ่มจากบ้านเกิดประเทศไทยเป็นที่แรก ในวันที่ 3 มีนาคม 2567, ฮ่องกง วันที่ 9 มีนาคม 2567 และอินโดนีเซีย วันที่ 27 เมษายน 2567 สำหรับคอนเซ็ปต์ของแฟนคอนเสิร์ตมาพร้อมกับคำโปรยอันน่าสนใจและมีชั้นเชิง คือ “จนกว่า ‘10’ ตัวเลขที่สมบูรณ์แบบ จะกลายเป็น ‘01’ ตัวเลขแห่งความเป็นที่หนึ่งและหนึ่งเดียว” โดยนำตัวเลขมาเป็นกิมมิคสื่อถึง ‘TEN’ และแฟนคลับที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 1 รวมถึงการจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันในแฟนคอนเสิร์ตนี้ ผ่านบทเพลงอันสละสลวยและการแสดงอันเหนือชั้น ที่จะเผยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และภาพลักษณ์อีกหลากหลายที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ‘TEN’ ยังได้ต่อสายตรงส่งคลิปถึงแฟน ๆ ชาวไทย เพื่อบอกข่าวดีด้วยตัวเอง ดังนี้

❝ สวัสดีครับแฟน ๆ ชาวไทยทุกกคน ‘TEN’ มีข่าวดีมาบอกทุกคนว่า ‘TEN’ จะจัดงานแฟนคอนขึ้นในประเทศไทยที่อิมแพ็ค อารีน่านะครับ โดย 2024 TEN FIRST FAN-CON [1001] IN BANGKOK จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567 และนี่เป็นครั้งแรกที่ ‘TEN’ จะได้ไปแสดงที่อิมแพ็ค อารีน่า ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เลย และหวังว่าแฟน ๆ ทุกคนจะมาร่วมสนุกกับ ‘TEN’นะครับ และเราก็มาสร้างความทรงจำดี ๆ กันครับ แล้วเดี๋ยวเราเจอกันครับ บ๊ายบาย ❞

มาร่วมทำให้ ‘10’ และ ‘01’ กลายเป็นตัวเลขคู่กันที่ลงตัวที่สุดตลอดกาลใน 2024 TEN FIRST FAN-CON [1001] IN BANGKOK แฟนคอนเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของ ‘TEN’ และแฟน ๆ ที่น่ารักทุกคน เปิดจำหน่ายบัตรรอบ WayZenNi Membership (GL) Pre-Sale (Weverse) ในวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 19.00 น. – 21.00 น. เท่านั้น และรอบบุคคลทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ และทางเว็บไซต์ www.allticket.com

ฉลองครบรอบ 2 ทศวรรษสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย

account_circle

สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทยจัดงานแถลงข่าวครบรอบ 20 ปี แห่งความสำเร็จผ่านนิทรรศการ 2 ทศวรรษบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาและเหตุการณ์สำคัญอันเปี่ยมคุณค่า พร้อมสานต่อเจตนารมณ์ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ก่อตั้งสมาคมฯ ที่หมายยกระดับกีฬาขี่ม้าโปโลไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล  โดยมี กนกศักดิ์ ปิ่นแสง นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทยพร้อมด้วยนักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทยนำโดย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา, อภิเชษฐ์  ศรีวัฒนประภา, พลอย ปิ่นแสง และชนม์นฤทธ์ โตมงคล นักกีฬาขี่ม้าโปโลดาวรุ่ง ร่วมพูดคุย ณ โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ

กนกศักดิ์ ปิ่นแสง นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมขี่ม้าโปโลในไทย ก่อตั้งขึ้นจากความชอบ และหลงใหลในกีฬาขี่ม้าโปโลของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ในปี 2541 และจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลเรื่อยมา จนกระทั่งในปี 2547 ได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทยให้เป็น “สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย” โดยในปี นี้ เป็นวาระครบรอบ 20 ปี ผมรู้สึกเป็นเกียรติและประทับใจ ที่สร้างให้คนไทยได้รู้จักกีฬาประเภทนี้มากยิ่งขึ้น  รวมถึงต่างประเทศได้รู้ถึงศักยภาพ และให้การยอมรับว่าเราพร้อมเป็นศูนย์กลางของการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลในเอเชีย  สำหรับเป้าหมายที่สมาคมฯ กำลังเร่งดำเนินการ คือ การพยายามให้กีฬาขี่ม้าโปโลถูกบรรจุในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี พ.ศ.2568 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยสมาคมฯ เรามีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งขัน ม้า บุคลากรที่มีความพร้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานสากล

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา นักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย กล่าวเสริมว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้สร้างชื่อเสียงด้านกีฬาขี่ม้าโปโลอย่างต่อเนื่อง ผมในฐานะตัวแทนนักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสมาคมฯ ในการส่งเสริมให้กีฬาชนิดนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทย และในระดับโลกผ่านการเข้าร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ  และในปี 2567 ทางสมาคมฯ มีการเตรียมความพร้อมให้นักกีฬาฯ ได้เข้าร่วมการแข่งขันฯ ในทัวร์นาเมนต์ที่จะจัดขึ้นทั้งหมด 4 รายการ โดยประเดิมรายการแรกด้วยรายการ  All Asia Cup ในวันที่ 4 – 10 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะมีทีมเข้าร่วมแข่งขันจาก 5 ประเทศ ได้แก่ บรูไน จีน ฟิลิปปินส์ มองโกเลีย และไทย โดยนักกีฬาไทยได้เตรียมตวามพร้อมมาเป็นอย่างดี และคาดว่าจะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น เพราะเชื่อว่าทุกทีมฝึกซ้อมกันมาอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ จะมีการจัดการแข่งขันอีก 3 รายการสำคัญ ได้แก่ รายการ The Ambassador Cup รายการขี่ม้าโปโลหญิง International Ladies’ Polo Tournament ในเดือนมีนาคม และปิดท้ายทัวร์นาเม้นต์ด้วยรายการ Thailand Polo Championship ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นสนามสำหรับนักกีฬาหน้าใหม่เพื่อพัฒนาศักยภาพและเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวไปสู่นักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทยในอนาคต

พลอย ปิ่นแสง นักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย เผยว่า จุดเริ่มต้นของการเล่นโปโลของพลอยเกิดจากการแนะนำของ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เมื่อพลอยได้ลองเล่นก็รู้สึกชอบและหลงเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้ การเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลใช้ทักษะหลายด้านประกอบกัน ทั้งการบังคับม้า การวางแผนกลยุทธ์ และความแข็งแรงของร่างกาย เรียนรู้การเล่นเป็นทีมเวิร์ค การได้เป็นนักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย นับเป็นเกียรติและเป็นสิ่งที่พลอยภาคภูมิใจมากค่ะ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จ และเหตุการณ์อันน่าประทับใจในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในหลายๆ รายการที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับสมาคมฯ รวมถึงได้คว้าถ้วยรางวัลเกียรติยศจากการแข่งขันทั้ง 4 รายการ ได้แก่ All Asia Cup, The Ambassador Cup, International Ladies’ Polo Tournament และ Thailand Polo Championship ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาจัดแสดงในงานนี้ด้วย พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้ผู้ชื่นชอบในกีฬาขี่ม้าโปโล ร่วมงาน อาทิ  ซอนย่า คูลลิ่ง, ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช, อนุสรณ์ มณีเทศ (โย่ง อาร์มแชร์), และณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ เป็นต้น

สำหรับการจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลประจำปี 2567 ได้รับการสนับสนุนหลักจาก บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด, กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บจก. แพลน บี มีเดีย (มหาชน) และบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด รวมถึงสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดเกี่ยวกับกีฬาขี่ม้าโปโลเพิ่มเติม พร้อมชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ที่ Facebook / Instagram: Thailand Polo Association

สยามดิสคัฟเวอรี่ เปิดตัวCircular of Lux ความลักซ์ซูรี่แบบคนรุ่นใหม่ 

account_circle

สยามดิสคัฟเวอรี่ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียมสนามทดลองพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่จะเปิดโอกาสให้คุณค้นพบตัวตนและสไตล์ใหม่ๆ เปิดตัว Circular of Lux แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์โลกแห่งอนาคตสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ เชื่อมโยงประสบการณ์ ตอบสนองการใช้ชีวิตแบบลักซ์ซูรี่ (Luxury Lifestyle) ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในหลายหลายมิติ (Luxury for All) ซึ่งเป็นการถ่ายทอดคุณค่าความลักซ์ซูรี่ในมุมมองใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในด้านแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ดนตรี ศิลปะ อาหาร ท่องเที่ยว เทคโนโลยี และประสบการณ์เฉพาะตัวอื่นๆ ที่ตอบรับความต้องการของกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานภาพ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่รักแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ตามแบบฉบับคนเมืองซึ่งอยู่ในกระแส นิยมชื่นชอบการแต่งตัวและเลือกใช้แอคเซสเซอรี่ตามเทรนด์ โดยอิงหลักการของการหมุนเวียนนำสินค้าแฟชั่นกลับมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า ตามกระแสแฟชั่นเพื่อความยั่งยืน ซึ่งกระแสความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่นนับว่าเป็นเทรนด์ทั่วโลกที่แบรนด์แฟชั่นชั้นนำหลากหลายแบรนด์ รวมทั้งเวทีแฟชั่นระดับโลกล้วนให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก ตั้งแต่แนวคิดในการออกแบบ การใช้วัสดุที่มีความยั่งยืน ตลอดจนกรรมวิธีขั้นตอนกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดและสร้างผลกระทบและมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดโดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วย รวมถึงการใช้สินค้าอย่างคุ้มค่าและการหมุนเวียนกลับมาใช้

ภายใต้คอนเซปต์ “CIRCULATING THE LOVE FINERY” Circular of Lux พร้อมสร้างพื้นที่ในการส่งต่อ แลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น ในบรรยากาศสบายๆ ให้ความรู้สึกที่เป็นมิตร และเข้าถึงง่าย (Accessibility) แต่ยังคงความเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ (Excellence) เพื่อต่อยอดสู่คอมมูนิตี้ของคนรักแฟชั่นที่มีความยั่งยืน (Sustainable stylish community) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนรุ่นต่อไป

สำหรับ Circular of Lux ตั้งอยู่ที่ชั้น M ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ บนพื้นที่กว่า 269 ตารางเมตร พร้อมให้บริการฝากขายสินค้าลักซ์ซูรี่แบรนด์ชั้นนำ ที่ได้ซื้อจากสยามพารากอน หรือไอคอนสยาม อาทิ กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับรองเท้า ทั้งยังมีการรวบรวมสินค้าหายาก หรือ rare item เพื่อให้ผู้รับบริการได้สัมผัสประสบการณ์กับสินค้าจริงก่อนตัดสินใจ โดยมีระบบ AI และผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมและมีความชำนาญในการเลือกสินค้ามาให้บริการ ภายใต้แนวคิด “สินค้า 1 ชิ้น มีชีวิตมากกว่า 1 ครั้ง” ส่งต่อสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วไปให้บุคคลอื่นที่ยังต้องการ เพื่อนำไปใช้งานให้ได้ประโยชน์และคุ้มค่าสูงสุด สร้างความรู้สึกเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในด้านการคัดกรองคุณภาพสินค้าในบรรยากาศที่สบายๆ เข้าถึงง่าย ทำให้การแลกเปลี่ยน

สินค้าลักซ์ซูรี่เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งต่อยอดสู่การเป็นคอมมูนิตี้ของคนรักสินค้าแบรนด์เนมให้ได้มีโอกาส connect กัน นับเป็นศูนย์การค้าแรกในประเทศไทย ที่สนับสนุนต่อยอดในทุกมิติจนเป็น ecosystem ที่สมบูรณ์ที่สุด

CIRCULAR OF LUX มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร

  1. ด้านสถานที่
  • การดูแลรักษาสินค้าอย่างพิถีพิถัน ด้วยการเก็บรักษาสินค้าในห้องรักษาอุณหภูมิ ป้องกันความชื้น ทำให้มั่นใจว่าสินค้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
  • สถานที่สวยงามและสะดวกสบาย ใจกลางเมือง บนพื้นที่กว่า 269 ตารางเมตร ที่ชั้น M สยามดิสคัฟเวอรี่
  • ห้องรับรองพิเศษให้กับลูกค้าได้แลกเปลี่ยนเรื่องราว และเทรนด์แฟชั่นระหว่างกันได้อย่างเป็นส่วนตัว

2. ด้านการบริการ 

  • ทางร้านจะประเมินราคาที่เหมาะสมโดยมีระบบ AI และทีมบริการที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านลักซ์ซูรี่แบรนด์ที่ได้รับประกาศนียบัตรพร้อมให้บริการที่หน้าร้านและช่องทาง Online ด้วยความใส่ใจลูกค้าอย่างเต็มที่ 
  • บริการนัดหมายล่วงหน้าด้วยระบบ personal assistant ทาง LINE Official Account:  @Circularoflux สามารถเลือกช่วงเวลาที่สะดวกเข้าฝากและชมสินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างเต็มที่
  • บริการรับ-ส่งสินค้าถึงที่ เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าและมั่นใจได้ว่าสินค้าจะได้รับการดูแลอย่างดี โดยมีบริการส่งทั้งในกทมและต่างจังหวัด

3. ขั้นตอนสะดวกรวดเร็วไม่ยุ่งยาก 

ทั้งนี้ Circular of Lux ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยมีคนดัง เซเลบริตี้ และสื่อมวลชนให้ความสนใจกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้ มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ลักซ์ซูรี่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ กับบริการแลกเปลี่ยนสินค้า ส่งต่อความสุข พร้อมต่อยอดคอมมูนิตี้แฟชั่นแห่งความยั่งยืนไปด้วยกันได้แล้ววันนี้ ที่ Circular of Lux ตั้งอยู่ที่ชั้น M ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ 

รายละเอียดเพิ่มเติม Facebook: Siam Discovery

BAO BAO ISSEY MIYAKE ต้อนรับปีใหม่ด้วย 6 ซีรีส์จึ้งใจ! จากคอลเล็คชั่น SS24

account_circle

เริ่มต้นปีใหม่ กระเป๋าใบใหม่ก็ต้องเข้าสิคะ งานนี้ แพรว เลยขอนำไอเท็มไฮไลท์จากแบรนด์ขวัญใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าอย่าง BAO BAO ISSEY MIYAKE มาป้ายยารับปีใหม่กันตรงนี้ กับ 6 ซีรีส์จึ้งใจ! จากคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2024 ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ COMBINATION ที่นำเสนอถึงการผสมผสาน การเชื่อมต่อ และการเชื่อมโยงจนเกิดเป็นกระเป๋า BAO BAO ISSEY MIYAKE ขอบอกเลยว่าสวยสับประทับใจแน่นอน

CONNECT

เปิดด้วยดีไซน์สนุกๆ จากซีรีส์ CONNECT ที่สะท้อนคอนเซ็ปต์ COMBINATION ประจำฤดูกาลนี้ ผ่านงานกราฟิกที่นำแผ่นวัสดุที่มีลวดลายมาวางเชื่อมต่อกัน ทำให้เกิดเป็นลายพิเศษสุดโดดเด่น พร้อมเสริมความสะดุดตาด้วยการเลือกใช้เฉดสีโทนตัดกัน และแน่นอนว่าซีรีส์ CONNECT มาพร้อมกับกระเป๋าทรงโท้ทสุดฮ็อต อีกทั้งยังมีกระเป๋าสะพายไหล่ที่มีแม่เหล็กเปิดปิดมาช่วยตอบโจทย์การใช้งานให้เริ่ดยิ่งขึ้น

DUO

ต่อกันด้วยซีรีส์ DUO ที่ทำจากแผ่นวัสดุเนื้อแม็ตต์คล้ายหนัง แปลกตาด้วยงานดีไซน์ใหม่ที่ดูคล้ายการผสมผสานกระเป๋า 2 ใบเข้าด้วยกัน พร้อมเสริมความเริ่ดด้วยการใช้ 2 เฉดสีมาแมตช์กัน กระเป๋าสะพายไหล่ใช้งานง่ายด้วยซิปเปิดปิด และด้านในที่แบ่งออกเป็น 2 ช่อง ส่วนกระเป๋าโท้ทมีช่องใส่ของเล็กๆ ด้านในมาให้ด้วย

PRISM PLUS

ใครที่ชอบกระเป๋าจุของได้เยอะ ขอบอกเลยว่าห้ามพลาด! ซีรีส์ PRISM PLUS ที่มาพร้อมกับดีไซน์แบบมีแผ่นขยายข้าง ซึ่งจะถูกพับเข้าด้านในเมื่อใส่ของ และสามารถพับให้แบนได้ ง่ายต่อการเก็บหรือพกพา และยังเด่นด้วยแผ่นวัสดุผิวสัมผัสขรุขระเคลือบโพราไลซ์ในเฉดสีเมทัลลิค แม้กระเป๋าโท้ทจะดูมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่จุของได้แบบจุกๆ ส่วนกระเป๋าโท้ทไซส์เล็กก็สามารถนำไปแมตช์ลุคได้ง่ายและเก๋สุดๆ

QUATRO

เอาใจสายมินิมัลกับซีรีส์ QUATRO ที่มาจากซีรีส์ LUCENT เรียบง่ายแต่แฝงความเก๋ด้วยการผสมผสานวัสดุ 4 แบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ เอนาเมล เอนาเมลเมทัลลิค วัสดุเนื้อแม็ตต์แบบมีผิวสัมผัส และวัสดุเนื้อแม็ตต์ที่ดูคล้ายหนัง ซึ่งทั้งหมดนี้มาในเฉดสีเดียวกัน เรียกว่าเป็นการผสมผสานวัสดุหลากหลายผิวสัมผัสให้เข้ากันอย่างลงตัว

CARGO

สายเวิร์คกิ้งต้องซีรีส์ CARGO ซึ่งเป็นกระเป๋า Boston ที่มีหลากหลายฟังก์ชั่นการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นซิปเปิดปิด หรือขนาดที่พอดีสำหรับใส่เอกสาร A4 แล็ปท็อปขนาด 13 นิ้ว และแท็ปเล็ต อีกทั้งยังมีช่องใส่ของที่แถบด้านหน้าและหลัง รวมถึงช่องสำหรับใส่ขวดน้ำขนาด 500 ml. หรือร่มแบบพับได้ บุหูหิ้วอย่างดีและสามารถปรับเป็นแบบสะพายไหล่ได้

BATON

ปิดท้ายด้วยซีรีส์ BATON กระเป๋าคาดเอวที่สามารถใช้เป็นกระเป๋าสะพายข้างได้ด้วย มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งช่องใส่ของด้านนอกและด้านใน หรือหากใส่ของน้อยก็สามารถพับกระเป๋าให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดได้อีกด้วย

อย่างที่บอกไปแล้วว่า BAO BAO ISSEY MIYAKE คอลเล็คชั่น Spring/Summer 2024 สวยสับแบบชวนประทับใจทุกซีรีส์ ใครชอบซีรีส์ไหน ก็สามารถตามไปช้อปรับปีใหม่กันได้เลยที่ BAO BAO ISSEY MIYAKE ทุกสาขา หรือสอบถามได้ที่ LINE OA : @CLUB21TH_IM

รวบตึงทริคต้องรู้! เลือกครีมกันแดดยังไงให้ผิวปัง ร้อนแรงแค่ไหนเอาอยู่

account_circle

แม้ช่วงนี้จะยังไม่ใช่ซัมเมอร์ แต่ทุกคนต่างรู้กันดีว่าแสงแดดเมืองไทยร้อนแรงเบอร์ไหน ดังนั้นไอเท็มที่ขาดไม่ได้จึงต้องยกให้กับครีมกันแดด ซึ่งแน่นอนว่ามีหลากแบบหลายแบรนด์ให้เลือกใช้ โดยเฉพาะครีมกันแดดทาหน้า ที่หลายคนบอกว่าเลือกใช้ไม่ถูกจริงๆ Praew Survey รอบนี้จึงมาพร้อมกับทริคการเลือกครีมกันแดด เลือกใช้ยังไงให้ดีต่อผิว ตามไปดูกันเลยค่ะ 

เช็กคุณสมบัติก่อนเลือกกันแดดที่ใช่

ครีมกันแดดทาหน้าที่เหมาะกับการใช้ในสภาพอากาศร้อนๆ ของบ้านเรา ขอแนะนำว่าควรมีคุณสมบัติดังนี้

  • มีค่า SPF 50+ และ PA ++++ ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบ ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน
  • กันน้ำ กันเหงื่อ โดยครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะระบุคำว่า Waterproof หรือ Water-resistant บนฉลาก 
  • เลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะถ้ามีผิวแพ้ง่าย ก็ควรเลือกกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน หรือสารกันเสียอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว

ทริคการใช้กันแดดทาหน้าที่ช่วยปกป้องผิวอย่างมั่นใจ

  • ล้างหน้าให้สะอาด หลังจากนั้นซับผิวให้แห้ง เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงจากครีมกันแดด
  • ทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าและลำคอ โดยปริมาณที่แนะนำคือ ถ้าเป็นกันแดดเนื้อครีมจะอยู่ที่ 1-2 ข้อนิ้ว ส่วนกันแดดเนื้อน้ำควรใช้ในปริมาณเท่าเหรียญ 10 บาท 1 เหรียญ
  • ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 – 20 นาที เพื่อให้กันแดดมีเวลาในการซึมซาบเข้าสู่ผิว
  • ทากันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นหากต้องเผชิญกับแสงแดดจัด 
  • หากต้องแต่งหน้า ควรทาครีมกันแดดก่อนลงรองพื้น จะช่วยให้รองพื้นติดทนนานยิ่งขึ้น

แชร์ลิสต์ครีมกันแดดต้องมี!

นอกจากทริคการเลือกใช้กันแดดแล้ว Praew Survey ยังนำลิสต์ครีมกันแดดน่าใช้มาป้ายยาทุกคนกันตรงนี้ด้วย กับ 3 กันแดดสุดฮ็อตจากการ์นิเย่ ตามไปดูกันเลยว่าแต่ละตัวเริ่ดยังไงบ้าง

การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ+++

เริ่มที่กันแดดทาหน้า การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ+++ โดดเด่นด้วยส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความกระจ่างใสของผิวอย่าง^วิตามินซี พร้อมยังช่วยลดโอกาสการเกิด’ฝ้าแดดและกระแดดอีกด้วย

การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ+++ สูตรแมตต์

ตัวต่อมาคือ การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ+++ สูตรแมตต์ ซึ่งเป็นกันแดดเนื้อแมตต์ที่เหมาะกับคนผิวมัน มาพร้อมกับ^วิตามินซีเช่นกัน จึงช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ’ฝ้าแดด หรือกระ ที่มีต้นเหตุมาจากแสงแดด รวมถึงช่วยทำให้ผิวแลดูกระจ่างใส เรียบเรียน แถมยังช่วยควบคุมความมัน เนื้อครีมกันแดดซึมไว ไม่เหนอะหนะผิว ไม่มัน ไม่เยิ้ม ทาแล้วสามารถแต่งหน้าต่อได้ 

การ์นิเย่ ซากุระ โกลว์ ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ++++

ปิดท้ายด้วยครีมกันแดดทาหน้า การ์นิเย่ ซากุระ โกลว์ ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ++++ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้น แต่ยังมีวิตามิน B3 ที่ช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสีย บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น และปรับความกระจ่างใสอมชมพูให้ผิวแบบไม่ดูลอย ดูโป๊ะ อีกทั้งยังมาพร้อมกับเนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่ทำให้หน้ามันเยิ้ม ถือเป็นกันแดดที่ครอบคลุมและตอบโจทย์มากๆ

ส่องกันครบแล้ว กับความเริ่ดของ 3 ครีมกันแดดทาหน้าจากการ์นิเย่ เชื่อว่าน่าจะโดนใจกัน แต่หากใครยังเลือกไม่ถูก ก็สามารถตามไปหาซื้อแบบซองมาลองใช้ก่อนได้ โดย การ์นิเย่ ซากุระ โกลว์ ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ++++ มาในซองสีชมพู และ การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท ซุปเปอร์ ยูวี มาในซองสีเหลือง มีขายที่ 7-11 ทุกสาขาเลยค่ะ   

  1. ’ฝ้าจากแสงแดด ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสีผิวและโครงสร้างผิวตามธรรมชาติได้ ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  2. ^อนุพันธ์วิตามินซี

ตรุษจีนปีมะโรงสุดปังต้องเช็คอินงาน Siam Paragon Golden Prosperous Chinese New Year 2024

account_circle

ตรุษจีนปีมะโรงสุดปังแน่นอน เพราะ “สยามพารากอน” โกลบอลเดสติเนชั่นที่เป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางที่ครองใจ
ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก จับมือ “ธนาคารกสิกรไทย” ชวนฉลองเทศกาลตรุษจีนต้อนรับปีมะโรงอย่างยิ่งใหญ่ กับงาน “Siam Paragon Golden Prosperous Chinese New Year 2024 : The Greatest Year
of The Dragon” ระหว่างวันที่ 8 – 11 กุมภาพันธ์ 2567 ที่สยามพารากอน ตระการตากับ “8 มหัศจรรย์เบิกศักราชปีมะโรง” นำเสนอศิลปวัฒนธรรมจีนอันน่าตื่นตา พร้อมสักการะเทพเจ้าเสริมสิริมงคล และฟินกับความบันเทิงเต็มพิกัด
จากดาราดังทั้งจีนและไทย โดยเปิดให้ชมฟรี พร้อมจัดเต็มโปรโมชั่นใหญ่เอาใจนักช้อป เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขความมงคลอย่างเหนือระดับต้อนรับปีมังกร 

มหัศจรรย์หมายเลข 1 : การปรากฏตัวของพระเอกหนุ่มสุดฮ็อตจากประเทศจีน “หลินอี” (Lin Yi) ที่จะมาร่วมอวยพรวันตรุษจีนให้แฟนๆ ชาวไทยได้กรี๊ดสนั่น กับกิจกรรมสุดพิเศษและพิธีเปิดงานในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ต่อด้วย 
“ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่” ที่จะควงคู่มากับ “กลัฟ – คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” พร้อมเครื่องประดับไฮจิวเวอรีคอลเล็คชั่น Serpenti จาก Bulgari และพบกับ 10 ตัวแทนเด็กฝึกสาวจากรายการ CHUANG ASIA (ช่วง เอเชีย) รายการไอดอล
เซอร์ไววัลระดับเอเชีย ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน  

มหัศจรรย์หมายเลข 2 : ตื่นตากับบรรยากาศแดนมังกร Tranquil Serenity Dragon ผลงานอาร์ตอินสตอลเลชั่นมังกรสีพาสเทลยักษ์สูง 6 เมตร ออกแบบโดยศิลปินระดับโลกชาวอเมริกัน Anchorball (แองเคอร์บอล)หรือ Ken
Kelleher (เคน เคลเลอร์) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการรังสรรค์อาร์ตอินสตอลเลชั่นขนาดยักษ์ ที่ได้จัดแสดงผลงานมาแล้วทั้งในนิวยอร์ค, การ์ตาร์, จีน และอินโดนีเซีย โดยได้ออกแบบมังกรพิเศษโดยเฉพาะเพื่องานนี้ สื่อถึงความสมดุลระหว่างพลังงานและความสงบสุขในจิตใจ

มหัศจรรย์หมายเลข 3 : เก็บภาพความประทับใจ ณ อุโมงค์มังกรแห่งความรุ่งโรจน์ ยาว  72 เมตร และมังกรทองมงคล ณ พาร์ค พารากอน และ The Jewel ชั้น M

มหัศจรรย์หมายเลข 4 :  สักการะองค์เทพเจ้าแช กง หมิว จำลอง สูงถึง 5 เมตร จากวัดดังแห่งฮ่องกง พร้อมรับแผ่นทองวัดแช กง หมิวเสริมสิริมงคล โดย อ.คฑา ชินบัญชร นักพยากรณ์ชื่อดัง ซินแสหว่องตั๊กเส่ง แบรนด์แอมบาสซาเดอร์องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวฮ่องกงประจำประเทศไทย บินตรงไปทำพิธีอัญเชิญมาให้คนไทยได้สักการะขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

มหัศจรรย์หมายเลข 5 : ชมการแสดงบรรเลงเพลงออเคสตร้าในเพลงจีนสุดอมตะผสานความไพเราะลึกซึ้งของเครื่องดนตรีกู่เจิ้งจากวงดุริยางค์ซิมโฟนีแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบกับบทเพลงประกอบบทประพันธ์ของกิมย้ง สุดยอดนักประพันธ์จีนผู้รังสรรค์นวนิยายจีนกำลังภายในอมตะอย่าง จอมใจจอมยุทธ์, มังกรหยก, แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, กระบี่เย้ยยุทธจักร และยังมีบทเพลงจีนสุดอมตะอีกมากมาย เช่น เปาบุ้นจิ้น, เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น 

มหัศจรรย์หมายเลข 6 : ชมการเชิดมังกรทองมิ่งมงคลสุดอลังการ และการแสดงกายกรรมสุดอ่อนช้อยส่งตรงจากจีน “อัญมณีแห่งแดนมังกร” โดยคณะกายกรรมจีนเซียงไฮ้ และ “ระบำลูกข่าง”

มหัศจรรย์หมายเลข 7 : ตรวจดวงชะตากับนักพยากรณ์ชั้นนำในงานพยากรณ์เพื่อการกุศล “สิริวัฒนาพยากรณ์เพื่อคนพิการ” ในวันที่ 16 – 23 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ Living Gallery ชั้น 3  

มหัศจรรย์หมายเลข 8 : ฉลองจัดเต็มด้วยโปรโมชั่นใหญ่เอาใจนักช้อปรับตรุษจีน ทั้งช้อปและอิ่มอร่อยรับปีมังกรกับโปรโมชั่น “Siam Paragon Golden Prosperous Chinese New Year 2024” ระหว่างวันที่ 26 มกราคม 2567 – 26 กุมภาพันธ์ 2567 กับส่วนลดสูงสุด 50% ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือ ทานอาหาร ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับ Siam Gift Card มูลค่า 100 บาท (จำนวนจำกัด 50 รางวัล/วัน) หรือช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป พิเศษสุดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย ช้อปเพียง 13,000 บาทขึ้นไป  รับ Siam Gift Card มูลค่า 500 บาท (จำนวนจำกัด 80 รางวัล/วัน) พร้อมแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 17% จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ หรือเลือกแบ่งจ่าย 0% นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อซื้อ SIAM GIFT CARD ใบละ 10,000 บาทผ่านบัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทย หรือแบ่งจ่าย 0% นาน 6 เดือน ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย โปรโมชั่น “Luck with Love” ระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 – 14 กุมภาพันธ์ 2567 ช้อป ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ 20,000 บาทขึ้นไป และพิเศษสุดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย ช้อปเพียง 18,000 บาทขึ้นไป แลกรับ Siam Gift Card มูลค่า 1,200 บาท (จำนวนจำกัด 200 รางวัล/วัน) พร้อมรับ ONESIAM COIN รวมสูงสุด 11,000 COINS เมื่อช้อปสะสมผ่านบัตรเครดิตวันสยามกสิกรไทยครบตามเงื่อนไขที่กำหนด 

เรียกว่าจัดเต็มสุดๆ ดังนั้นตรุษจีนปีนี้ อย่าพลาด! ตามมาจอยเสริมความปังกันที่งาน “Siam Paragon The Golden Prosperous Chinese New Year 2024” ระหว่างวันที่ 8 – 11 กุมภาพันธ์ 2567 @ สยามพารากอน นะคะ (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-610-8000 หรือติดตามอัปเดตข่าวสารได้ที่ Facebook : Siam Paragon)

หรูหราเลอค่า เปิดเบื้องหลังโอต์ กูตูร์คุณหนู ‘Baby Dior’

Alternative Textaccount_circle

ประณีตไม่แพ้ไลน์ผู้ใหญ่ เปิดเบื้องหลังโอต์ กูตูร์ ‘Baby Dior‘ สมฉายาแบรนด์คุณหนูสายหวาน

รู้ไหมคะว่าแบรนด์ระดับโลกอย่าง Dior ก็มีคอลเล็คชั่นโอต์ กูตูร์สำหรับเด็กเหมือนกัน อย่างที่รู้ว่าคอลเล็คชั่นดังกล่าวของผู้ใหญ่ก็พิเศษมากแล้ว แต่เมื่อเป็นของเหล่าคุณหนู ‘Baba Dior’ กลับยิ่งทวีคูณความแรร์มากกว่าเดิมด้วยจำนวนการสร้างสรรค์ที่มีเพียงไม่กี่ชุดกับการตัดเย็บด้วยฝีมือแสนประณีต เหมือนกับ 3 ลุคนี้ที่ดิออร์ได้เปิดเผยบนอินสตาแกรมของตัวเอง

เริ่มต้นด้วยเดรสแรงบันดาลใจจากชุดในตำนาน ‘Junon Dress’ กระโปรงที่คล้ายกับเปลือกหอยถูกย่อส่วนให้กลายเป็นส่วนประกอบหนึ่งของชุด โดยความโดดเด่นอยู่ที่คริสตัลสีน้ำเงินบนชุดที่ชวนสะดุดสายตา ถือเป็นลุคที่ถ่ายทอดความ timeless ของ Dior ได้ดีเลยทีเดียว

ชุดต่อมากับเดรสสีโอลด์โรสที่ผสมผสานความเรียบร้อยปนหวานแกมความขี้เล่นไว้เล่นๆ กับเสื้อคลุมแขนยาวและกระโปรงตาข่ายที่ตกแต่งไปด้วยลวดลายของดอกไม้

และชุดสุท้ายเดรสแขนกุดสีฟ้าที่มีชื่อว่า ‘Frosted Grace’ ถือเป็นอีกชุดดูเหมือนเรียบง่ายแต่กลับซ่อนดีไซน์สุดลึกซึ้งเอาไว้ในการไล่เลเยอร์กระโปรงใหร้อมการจับเดรปช่วงไหล่และอกให้ได้ความหวานละมุน พร้อมประดับด้วยคริสตัลเล่นแสงระยิบระยับ โดยทั้งหมดเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ Cordelia de Castellane อาร์ตทิสติก ไดเรกเตอร์


ภาพ: Dior

keyboard_arrow_up