ใกล้ถึงวันพ่อ แพรวชวนสองเพื่อนซี้ เต๋า & มอส พาลูกทีมตัวน้อย สมใจ-สุขใจจากบ้านหัวโจก และ โสน-สวรรค์ จากบ้านปฏิภาณ มาอวดชาวแพรว นอกจากความน่ารักของเด็กๆ เต๋ากับมอสยังกอดคอกันเล่าความรักระหว่างเพื่อนที่ซึ้งแบบสุดๆ เลยละ

เริ่มรายการด้วยช่วง อวดลูก เชิญหัวหน้าทีมทั้งสองได้เลย

พ่อเต๋า “บ้านผมเสียงดังตลอด ความที่สมใจกับสุขใจอายุห่างกันไม่มาก ทั้งคู่เป็นเด็กร่าเริง พลังงานเยอะ และกล้าพูดกับพ่อทุกเรื่อง อย่างวันหนึ่ง สุขใจถามพี่สาวว่า มีแฟนหรือยัง สมใจตอบว่า ดูๆ อยู่สองคน ผมฟังแล้วถามบ้างว่า ระหว่างผู้ชายคนนั้นกับป๊า ใครหล่อกว่ากัน สมใจคิดแป๊บเดียวก็ตอบว่า คนนั้นเด็กกว่า… จบเลย (หัวเราะ)

พ่อมอส “โสนเป็นเด็กเรียบร้อยครับ ชอบสังเกตว่า คนรอบตัวเป็นอย่างไร ทำอะไร ไม่ค่อยกระโดดโลดเต้น อาจเพราะเป็นเด็กผู้หญิงก็ได้ แต่โสนมีวิธีทำให้พ่อยิ้มได้บ่อยๆ อย่างเวลาผมอ่านหนังสือนิทานให้ฟังก่อนนอน พอเล่าจบแล้วกู๊ดไนท์กันปุ๊บ โสนจะลุกจากเตียงมาจุ๊บแก้มพ่อ แล้วลงไปนอนโดยไม่พูดอะไร สำหรับผมนี่เป็นความรู้สึกที่ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีก (ยิ้ม)

“ส่วนสวรรค์เลี้ยงง่าย วันนี้ที่คุยกับแพรวเพิ่งอายุ 3 เดือนนิดๆ ยังเด็กเกินกว่าจะคาดเดาได้ว่า ถ้าโตกว่านี้จะเป็นอย่างไร แต่ก็เป็นเด็ก 3 เดือนที่ยิ้มเก่ง ตอนนี้เริ่มนอนพลิกตัวแล้ว การมีเด็กเล็กๆ ทำให้บรรยากาศในบ้านสดชื่นมาก แค่ได้จับมือและหอมแก้มเขา พ่อก็มีความสุขมาก”

ตั้งแต่เป็นคุณพ่อ ทั้งคู่มีมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไปไหม

พ่อมอส “ผมรอบคอบขึ้น ไม่ว่าจะคิดหรือทำอะไรจะละเอียดมากกว่าเดิม ผมเชื่อว่าเต๋าก็เป็นเหมือนกัน แล้วมีคำหนึ่งที่ต้องสะกดไว้ให้ขึ้นใจว่า ตายไม่ได้ หลังจากนี้คือ อยู่เพื่อลูก เพราะฉะนั้นต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ถึงแม้งานจะหนักแค่ไหนต้องแบ่งเวลามาดูแลตัวเอง เพราะชีวิตไม่ได้อยู่เพื่อตัวเองแล้ว ซึ่งก่อนเป็นพ่อ ผมก็ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้”

พ่อเต๋า “ต้องเป็นพ่อแม่ถึงเข้าใจความรู้สึกนี้ ผมบอกไม่ได้เหมือนกันว่า รักลูกมากขนาดไหน แต่ผมรักเขาเท่าที่ทำได้ และเชื่อว่า พอเด็กๆ โตขึ้น เขาจะไม่สงสัยเลยว่า พ่อรักเขามากขนาดไหน”

ให้เต๋ากับมอสพูดถึงมิตรภาพที่มีให้กันมาหลายสิบปีบ้าง

เต๋า “ในมุมของเพื่อน เราผ่านทุกอย่างมาด้วยกันหมดแล้ว ถึงแม้มีช่วงเวลาหลายปีที่ผมกับมอสแทบไม่ได้เจอกัน แต่ความเป็นเพื่อนของเราไม่เคยจางหายและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป พอวันนี้เราเป็นคุณพ่อด้วยกันทั้งคู่ ผมก็อยากให้ลูกๆ ของเราเป็นเพื่อนกันด้วย”

มอส “ถ้านึกถึงเต๋า คำแรกที่ผุดขึ้นมาคือ ความจริงใจ เขาไม่เคยโกหก ไม่เคยหักหลัง เป็นเพื่อนที่ตายแทนได้ ไม่ได้ถึงขนาดให้เขาตายแทนนะครับ แต่หมายความว่า ถ้าวันหนึ่งผมมีปัญหา เต๋าจะเป็นเพื่อนแบบ เฮ้ย… กูพร้อมนะ จะไปให้ถึงคนแรก ซึ่งผมคิดว่า ด้วยตัวตนแบบนี้แหละที่ทำให้เขาเป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัวที่ดีมาก ถ้าเปรียบกับฟุตบอล

“เต๋าเป็นกัปตันที่พร้อมพาลูกทีมคว้าแชมป์ได้เลย ผมเชื่ออย่างนั้น”

**อ่านแบบเต็มๆ ได้ในคอลัมน์สัมภาษณ์ ฉบับ 25 พฤศจิกายน 2558

เรื่อง : ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

ภาพ : โยธา รัตนเจริญโชค
สไตลิสต์ : RHOY

หลายคนฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ฝันที่จะประสบความสำเร็จใน เวลาอันสั้น ฝันว่าจะได้ทำในสิ่งที่ตนรัก คุณต้า รรินทน์ ทองมา คือผู้หญิงธรรมดาตัวเล็กๆ ที่เคยฝันเช่นนั้นเหมือนกัน เพียงแต่เธอลงมือสร้างฝันให้เป็นจริงได้ด้วยความสามารถของเธอเอง ด้วยการทุ่มเทให้กับการผลิตรองเท้าที่ตัวเองรัก

หากกล่าวถึงรองเท้าผู้หญิงที่ใส่สบาย มีไสตล์ และสีอะไรก็ตามที่คุณต้องการ O&B ตอบทุกโจทย์คุณผู้หญิงได้ทั้งหมด ในวันนี้ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักแบรนด์รองเท้าและแอคเซสซอรีส์แบรนด์นี้ แต่หากมองกลับไปที่จุดเริ่มต้น O&B ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูก และฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่ด้วยความกล้าและเด็ดเดี่ยวของผู้สร้างแบรนด์อย่างคุณต้า ทำให้ภายในระยะเวลา 3 ปี แบรนด์ O&B ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยจุดเริ่มต้นจากทุนหลักหมื่น จนสร้างรายได้เกือบ 100 ล้านในเวลาแค่ 3 ปี อะไรที่ทำให้เธอมาถึงจุดนี้ได้ มุมมองที่เธอมีต่อตลาดแฟชั่นในโลกออนไลน์ปัจจุบัน เคล็ดลับความสำเร็จของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้คืออะไร วันนี้คุณต้าจะเผยถึงเทคนิคที่ทำให้ฝันของเธอเป็นจริง สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจจากทุนน้อยๆ ป่านอยากบอกว่าไม่ควรพลาดเนื้อหานี้อย่างยิ่ง

1. จุดเริ่มต้นก่อนมาเป็น O&B แบคกราวน์เป็นยังไง

เป็นคนธรรมดานี่แหละค่ะ เหมือนเด็กไทยทั่วไปเลย เรียนจบทำงาน เรียนป.โท โชคดีที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูมาดีมาก  ให้การศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะให้ได้ เป็นตัวอย่างที่ดีให้เรามาตลอด ความสำเร็จในวันนี้ต้องยกให้คุณพ่อคุณแม่ที่สอนเรามาดี ทำให้เราเป็นคนอดทน ใฝ่ดี และตั้งใจทำมาหากิน ไม่เวิ่นเว้อกับชีวิต

2. อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณต้าสร้าง O&B ขึ้นมา

อายมากที่จะบอกว่าแนวคิดและจุดเริ่มต้นมันเรียบง่ายมากๆ ไม่ได้ดูหรูหราเลย ตอนนั้นทั้งตกงาน เป็นหนี้ และไม่มีเงินใช้ เลยคิดว่าไหนๆ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว นี่แหละโอกาสที่ดีที่สุดที่จะทำธุรกิจของตัวเองซะเลย รอให้อายุเยอะกว่านี้ อย่าว่าแต่ทำธุรกิจที่มันต้องลุยเลย แค่เดินยังหมดแรง ทำตอนนี้ (ตอนนั้นอายุ 27) แหละดีที่สุด เพราะเราไม่มีภาระอะไร ล้มก็ล้มคนเดียว สำคัญคือเราก้าวข้ามความกลัวแบบจนตรอกมาแล้ว จึงไม่ทำแบบขอไปที ตั้งใจทำมาก ทำงานเกือบ 7 วัน ตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน ลองผิดลองถูก เจ็บตัวมาบ้าง จนเริ่มจับทางตลาดถูกและมีทุกวันนี้ได้ค่ะ

3. หลักการทำแบรนด์ที่คุณต้าใช้จนทำให้ O&B กลายเป็นแบรนด์ออนไลน์ ที่คนต้องแย่งกันซื้อ

มโนล้วนๆค่ะ คือทุกครั้งที่ทำของอะไรมาอย่างหนึ่ง เราจะนั่งคิดเลยว่าของนี้คนต้องมารุมกันซื้อ เรียกว่าลูกค้าต้องคลั่งไคล้ในสินค้าของเรา ใจที่ใช้ตัดสินคือเมื่อเราทำของมาแล้ว สิ่งที่ใช่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนรักแรกพบ รู้สึกว่าเรารักของสิ่งนี้มากจริงๆ เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก แต่มันเวิร์คสำหรับต้า เพราะลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและความใส่ใจที่เรามีให้กับสินค้าและบริการ เพราะถ้าต้ายังไม่ภูมิใจและรักในสิ่งที่ต้าทำ แล้วจะหวังให้คนอื่นมาชอบของของต้าได้ยังไง ทุกวันที่ตื่นมาต้าจะนึกเลยว่าเราจะสร้างสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้าได้อย่างไร ธุรกิจของต้าเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ต้ารักลูกค้ามากและไม่มีวันไหนที่ต้าและทีมงานทุกคนจะไม่รู้สึกขอบคุณที่ลูกค้าน่ารักกับเราเสมอมา ทำให้เรามีถึงทุกวันนี้

4. สิ่งที่ยากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาคืออะไร และมีวิธีแก้ปัญหาเป็นยังไง

ปีแรกที่ทำแบรนด์ ต้าทำงานหนักแบบวัวตายควายล้ม ทำทั้งปีได้กำไร 4,000 บาท ทีนี้งงเลยไปไม่เป็น จนได้มาเรียนกับ ครูอ้อย-ฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เป็นครูทั้งทางโลกและทางธรรม สอนทั้งการทำธุรกิจและการวางใจให้ถูกต้อง กลายเป็นว่าสามารถแก้ปัญหาได้ทันที ไม่กี่เดือนถัดมายอดทะลุหลักล้านเลย แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ ที่ต้าเจอ ต้าพบว่าสิ่งที่ยากมากคือการรับมือกับความสำเร็จให้ได้ เพราะจากคนที่ไม่เคยมีเงิน พอมีเงินแล้วใจมันเหลิง มันเริ่มขี้เกียจ มันเริ่มกลัวสิ่งที่เราหามาได้จะหายไป มันเริ่มอยากหลบตัวอยู่ใน Comfort zone การทำใจให้กล้า ให้เป็นปกติสดชื่น มั่นคง มีไฟเหมือนวันที่เราเริ่มธุรกิจใหม่ๆ นั้นกลายเป็นเรื่องยากสำหรับต้าเอง

5.ความภาคภูมิใจของคุณต้าที่มีต่อ O&B คืออะไร

ไม่มีอะไรในโลกสำหรับต้าเทียบได้กับความรู้สึกที่เรารักและภูมิใจในตัวเราเองจริงๆ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาชม ทุกวันนี้ขอบคุณตัวเองทุกครั้งที่ตัดสินใจถูกต้องในเวลาที่ควรตัดสินใจ กล้าหาญ ไม่กลัวความลำบาก และยอมสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ พอเราสร้างแบรนด์ขึ้นมาได้ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งก็ปลื้มกับตัวเอง ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงธรรมดาอย่างเราจะสร้างอะไรบางอย่างที่คนรู้สึกรักและชอบขึ้นมาได้ พอเราทำอะไรบางอย่างสำเร็จมันจะกลายเป็นเรื่องราวและแรงบันดาลใจให้คนอื่นสำเร็จเหมือนเรา สิ่งที่ภูมิใจไหนๆ ก็ไม่เท่าการทำให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น

6. ในอนาคตข้างหน้า คุณต้าวางแผนที่จะผลักดัน O&B ให้ไปอยู่จุดไหน

ต้าอยากสรัางให้ O&B เป็นแบรนด์ไทยที่คนทั่วโลกต้องรู้จัก เป็นผู้นำในวงการ E-commerce และ วงการ Fashion ระดับโลก คนไทยต้องรู้สึกหน้าบานและโม้กับคนต่างชาติได้ ว่าแบรนด์นี้เป็นของคนไทย เหมือนที่ กระทิงแดง, Jim Thomson หรือ Naraya  ทำได้

7.ตอนนี้มีคนทำแบรนด์ออนไลน์เยอะมาก คุณต้าทำยังไงถึงสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นกว่าคนอื่น

มีคำสอนหนึ่งจากครูอ้อยที่ต้าชอบมาก คือถ้าเรากำลังวิ่งแข่ง หากมัวแต่ไปหันมองว่ามีใครตามเรามา ก็คงแพ้แน่นอน เราต้องเป็นเหมือนนักวิ่งมืออาชีพ ตามองไปข้างหน้าซึ่งคือลู่ของเราตลอดเวลา โฟกัสที่เส้นชัยเราเอง ไม่ต้องสนว่าใครเป็นไง ทำเรื่องของเราให้ดีที่สุดแค่นั้นพอ

8.มองตลาด E-Commerce เมืองไทยยังไงบ้าง

มันจะต้องสนุกสนานและเติบโตแบบมหาศาลมากๆ ไทยต้องกลายเป็นผู้นำตลาด E-commerce ในเอเชีย เพราะคนไทยช้อปปิ้งออนไลน์เยอะเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย คนไทยรักโลกโซเชียล คนไทยเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลกได้ง่าย และสิ่งที่ดีที่สุดคือ คนไทยรักแบรนด์ไทย ทำให้การค้าขายออนไลน์มันคึกคักและเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี ไม่ใช่แค่เราขายด้วยกันเอง แต่รวมถึงขายไปต่างประเทศด้วย

9. ไลฟ์สไลต์การใช้ชีวิตของคุณต้าเป็นแบบไหน

เรียบง่ายค่ะ การทำงานแบรนด์แฟชั่นคนมักนึกว่าต้องมีชีวิต หวือหวา แต่เปล่าเลย ต้าทำงานเสร็จ กลับบ้านนอน ไม่เที่ยว ไม่ชอบไปงานที่คนเยอะๆ ได้อยู่บ้านดูหนังก็แฮปปี้แล้ว ต้าชอบคุยกัยเพื่อนๆ ที่มีทัศนคติดีๆ หรือคนที่ประสบความสำเร็จ เวลาส่วนมากตอนนี้จะหมดไปกับการทำงาน หาข้อมูลหรือไอเดียใหม่ๆ ที่เราจะเอามาใช้ในงานมากกว่า แต่เห็นแบบนี้ได้นอนเต็ม 8 ชั่วโมงทุกวันนะคะ เพราะเลือกที่จะให้ที่ทำงานกับบ้านอยู่ในระยะเดินไปได้ ทำให้เราไม่เหนื่อยและมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น

10. อยากให้คุณต้าฝากคำแนะนำสำหรับคนที่อยากเริ่มธุรกิจ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง หน่อยค่ะ

ต้าสังเกตนะคะว่าคนพวกที่คิดเยอะแบบแผนอลังการล้านแปดมักไม่ได้ทำ พวกที่ทำเนี่ยคือพวกที่ไม่คิด ไม่ได้หมายความว่าสิ้นคิดนะคะ แต่ถ้าเรารอให้ทุกอย่างพร้อม 100% ไม่มีทางมีธุรกิจของตัวเองแน่นอน ค่อยๆ ทำ เดี๋ยวมันจะมีทางของมันไปเอง อย่ามีเงื่อนไขแห่งความสำเร็จ เช่น ต้องบ้านรวย ต้องมีเงิน ต้องมีคอนเน็คชั่น ต้องมีความรู้ คนจริงคือคนลงมือทำจริง ไม่โวยวาย ไม่ดราม่า เห็นหน้าหวานๆ แบบนี้มาสายแข็งนะคะ (หัวเราะ) ที่สำคัญถ้าคิดว่าจะขายอะไรดี ทำธุรกิจอะไรดี ไม่เจอสิ่งที่รัก ให้คิดกลับกันค่ะ ว่าเราอยู่โดยขาดอะไรไม่ได้มากกว่า อะไรที่ไม่ได้เงินก็ชอบทำ อะไรที่เมื่ออายุ 50 มองกลับมาเราจะภูมิใจกับมัน ไม่มีใครบอกว่าความฝันมีขอบเขต คนที่จะบอกว่าเราทำอะไรได้หรือไม่ได้มีคนเดียวก็คือตัวเราเองเท่านั้น

ด้วยความสามารถของคุณต้าพร้อมกับความกล้าที่จะลงมือทำ ความกล้าที่จะลองผิดลองถูก ถ้าคุณก้าวข้ามความกลัวของตัวเองไปได้ แล้วตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรักให้ดีที่สุด ความสำเร็จจะมาถึงคุณในไม่ช้า เช่นเดียวกับ คุณต้า และ O&B

celebrity dresses from lunss