แพ้สารเคมี

เตือน!! ใช้มากไปไม่ดี 4 สารตกค้างใกล้ตัว ภัยร้ายในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อันตรายกว่าที่คิด

Alternative Textaccount_circle
แพ้สารเคมี
แพ้สารเคมี

วันนี้ แพรวดอทคอม มีเรื่องใกล้ตัวเกี่ยวกับสารที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมาบอกสาวๆ นะคะ อยากให้อ่านและใส่ใจกับข้อมูลดีๆ เพื่อตัวเอง เพื่อผิวพรรณที่ดี จะได้ไม่มีอะไรระคายเคืองซ้ำเติมผิวและเงินที่ลงทุนซื้อเพื่อดูแลผิวได้ เพราะผิวหนังเปรียบเสมือนกำแพงด่านหน้าที่คอยปกป้องร่างกายจากภายนอกรวมถึงเชื้อโรคต่างๆ ยิ่งในเด็กทารกการยึดติดกันของเซลล์ยังไม่แข็งแรงมาก ทำให้ผิวหนังเกิดตุ่มน้ำได้ง่าย และมีโอกาสติดเชื้อได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่ จนเมื่อโตขึ้นร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันจากปัจจัยรอบด้าน ในการดูแลป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายตัวเองได้ง่าย อาทิ สร้างสภาวะการเป็นกรดของผิวหนังที่พอดี (pH 5) ช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย หรือกระทั่งแบคทีเรียประจำถิ่นคอยยับยั้งแบคทีเรียกลุ่มที่ก่อให้เกิดโรค ฯลฯ

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็น “กำแพงผิว” ที่แข็งแกร่งเสมอไป ตราบที่เรายังนำพาสารเคมีต่างๆ ให้แทรกซึมเข้าร่างกายในชีวิตประจำวัน ทั้งในรูปแบบ “ประทินผิว” หรือ “รักษา”  ฉะนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือ รู้เท่าทันจะได้ป้องกันได้ โดย 4 สารที่ควรเฝ้าระวัง และอาจก่อให้เกิดอันตราย หากใช้ในปริมาณที่เกินกำหนด (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดวัตถุกันเสียที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ฉบับที่ 4 เล่มที่ 132 หน้า 16 ฉบับปรับปรุงปี 2559) มีตัวใดบ้าง อ่านตามนี้ได้เลย!!

  1. โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS)

เป็นสารที่มีคุณสมบัติลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำให้เกิดฟอง ช่วยให้สิ่งสกปรกและคราบไขมันหลุดออกได้ง่าย ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหลายชนิด เช่น สบู่ แชมพู ครีมล้างหน้า และยาสีฟัน จากการวิจัยพบว่าหากความเข้มข้นของสารที่ใส่ในผลิตภัณฑ์มีปริมาณมากเกินไป อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังบริเวณที่สัมผัส โดยการระคายเคืองจะเพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นของสารที่เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ยังมีรายงานในสัตว์ทดลองพบว่าความเข้มข้นของสาร SLS ในปริมาณที่สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดสิว และถ้าล้างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร SLS ออกช้าหรือไม่ล้างออก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตา จากที่มีการแชร์ข่าวทางโซเชียลมีเดีย และอีเมล์ลูกโซ่ถึงภัยจากสาร SLS ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดๆ สรุปชัดเจนเรื่องสาร SLS และความเสี่ยง

ในการเกิดมะเร็ง คนในประเทศไทยยังคงให้ใช้สาร SLS ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ โดยต้องมีความเข้มข้นที่ใช้ได้ปลอดภัยในปริมาณที่กำหนด ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร SLS ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารนี้ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ว่า SLS-Free หรืออาจเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเป็น Sodium Laureth sulfate หรือ SLES ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า SLS และยังไม่มีข้อมูลความเสี่ยงเกี่ยวกับการเป็นสารก่อมะเร็ง

  1. สารกลุ่มพาราเบน เป็นสารกันเสีย 

มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยีสต์ และแบคทีเรีย ป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางเสียง่าย นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์อาบน้ำ แชมพู ครีมนวดผม ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมโกนหนวด น้ำยาดัดผมถาวร ยาสีฟัน และยาระงับกลิ่น เนื่องจากเคยมีรายงานผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านม และตรวจพบพาราเบนในเซลล์มะเร็ง ทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพาราเบน ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัดว่าเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของพาราเบนจะก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมหรือไม่ ในประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขยังรับรองให้ใช้สารในกลุ่มพาราเบนได้ 4 ชนิดในปริมาณที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากมีข้อถกเถียงกันถึงความปลอดภัยของพาราเบน ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารชนิดอื่นที่ผลิตจากธรรมชาติเป็นสารกันเสียแทน โดยไม่มีส่วนผสมของพาราเบน หรือ Paraben-free

3. เมทิลไอโซไทอะโซลิโนน (MIT) เป็นสารกันเสีย 

มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ ในแชมพู ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีมอาบน้ำ เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และผ้าเช็ดทำความสะอาดสำหรับเด็ก MIT เป็นสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดการแพ้ได้ง่าย สำหรับประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุข ควบคุมให้ใช้ MIT ในความเข้มข้น ที่กำหนด และให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วต้องล้างออกเท่านั้น

4. ไตรโคลซาน

เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาสีฟัน เครื่องสำอาง มีฤทธิ์ช่วยลดหรือป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย มีประสิทธิภาพในการป้องกันเหงือกอักเสบ แต่หากใช้ปริมาณที่เกินกำหนดจะทำให้เกิดพิษ มีรายงานในสัตว์ทดลองว่าทำให้เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อผิดปกติ มีผลกับการทำงานของหัวใจ และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไตรโคซานเป็นระยะเวลานานจะมีความเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยา

ปัจจุบันสารเคมีเหล่านี้ยังคงถูกใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่จำหน่ายในเมืองไทย บางครั้งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้และมีสารระคายเคืองตกค้าง  แต่การดูแลผิวหนังให้สะอาดและมีสุขภาพดีในทุกๆ วัน  เป็นสิ่งจำเป็น ทำให้บางครั้งการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากความคุ้นเคย ราคาและโปรโมชั่น โดยไม่ได้อ่านฉลากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ อาจได้รับสารเคมีบางอย่างโดยไม่รู้ตัว

ทั้งนี้ พญ.ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเด็ก โรงพยาบาลผิวหนังอโศก เสริมว่า “การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควรอ่านฉลากทุกครั้ง เพื่อดูส่วนผสมของสารที่อาจเกิดอันตราย ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรมีค่าความเป็นกรดด่างใกล้เคียงผิวหนัง มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ และวันเดือนปีที่ผลิต รวมถึงวันหมดอายุที่ชัดเจน หากเป็นผลิตภัณฑ์ของเด็ก ควรผ่านการรับรองว่าปลอดภัยสำหรับเด็กและทารก ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือสารกันเสียที่อาจเป็นอันตรายต่อผิว”

ภาพ : Pexels

โดนใจสาวสไตล์มินิมอล ใหม่ล่าสุด ISSEY MIYAKE เปิดตัวน้ำหอมแห่งความเรียบง่าย

ISSEY MIYAKE น้ำหอมแห่งความเรียบง่าย

พูดถึงแบรนด์อิซเซ่ มิยาเกะ (ISSEY MIYAKE) นอกจากแฟชั่นเสื้อผ้าพลีทพลีส (Pleats Please) อันโดดเด่นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กันนั่นก็คือน้ำหอม ซึ่งคราวนี้ทางแบรนด์ได้เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุด โล ดิซเซ่ เพียว โอ เดอ ทอยเลท (L’Eau d’Issey Pure eau de toilette) ซึ่งยังคงแรงบันดาลใจจากกลิ่นหอมของน้ำ อันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำหอมอิซเซ่ มิยาเกะ ตั้งแต่ได้เริ่มต้นสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี 1992

คราวนี้น้ำหอมได้รับการรังสรรค์ใหม่ ด้วยการเติมหัวน้ำหอมซิทรัส หรือกลิ่นส้ม-มะนาวลงไป เพื่อชวนให้นึกถึงความกระจ่างสดใสไม่ต่างอะไรจากประกายแสงแรกแห่งอรุณ เมื่อสัมผัสหยาดน้ำค้างยามเช้า ดอกไม้พลันคลี่กลีบแย้มบานขานรับความบริสุทธิ์ในเนื้อแท้จากธรรมชาติ..หัวน้ำหอมสกัดจากดอกส้มเนโรลิ กลิ่นนุ่มนวลชวนให้น่าหลง ท่ามกลางกลีบขาวบานสะพรั่งของกุหลาบและลิลลี่-ออฟ-เธอะ-วัลเลย์

ขวดแก้วขัดผิวเสมือนเกล็ดน้ำแข็งขาวขุ่นโปร่งแสงเนื้อละเอียดเนียน ให้ความรู้สึกละมุนละไมคล้ายกลีบดอกไม้บริสุทธิ์และประกายวาววับระยับพราวราวหยาดน้ำค้าง ได้รับการออกแบบโดยท็อดด์ แบรเชอร์ นักออกแบบสัญชาติอเมริกัน เพื่อสะท้อนถึงกลิ่นหอม ซึ่งหยาดตัวเป็นหยดน้ำอยู่ภายใน

มี 3 ขนาด 30ml. ราคา 2,000 บาท/ 50ml. ราคา 3,400 บาท /90ml. ราคา 4,400 บาท

มีจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ: เซ็นทรัล (ชิดลม ลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา พระราม 2 แจ้งวัฒนะ ภูเก็ต พัทยา

เฟสติวัลเชียงใหม่ สมุย เวสต์เกต อีสต์วิลล์ และรังสิต), เซน, สยาม พารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม,

เดอะมอลล์ (บางกะปิ งามวงศ์วาน และบางแค), โรบินสัน (สุขุมวิท แฟชั่นไอส์แลนด์ เชียงใหม่ และจังซีลอน)

 

เชิญร่วมกิจกรรมกับ ISSEY MIYAKE

เพียงแค่โพสภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ Pure Suspended Moment หรือภาพธรรมชาติที่ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นจนอยากหยุดเวลานี้ไว้ เพื่อลุ้นเป็นผู้โชคดีเข้าร่วมกิจกรรม Painting workshop ในสไตล์ Pure Suspended Moment by ISSEY MIYAKE ในวันอาทิตย์ที่25 มิ.ย. 2560 นี้ ร่วมกับ กอล์ฟ พิชญะ ที่ Paintbar Bangkok

กติกาการเล่นกิจกรรม

1.โพสภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ Pure Suspended Moment หรือภาพธรรมชาติที่ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นจนอยากหยุดเวลานี้ไว้

2.โพสใน Facebook หรือ IG #leaudisseypure #isseymiyakeparfums #suspendedmoment และเปิด public

3.ผู้โชคดีจำนวน 26 คนจะได้ร่วมกิจกรรม Pure Suspended Moment by ISSEY MIYAKE ในวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. 2560 เวลา 14.00-17.00 น กับกอล์ฟ พิชญะ ที่ Paintbar Bangkok และลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจาก L’Eau d’Issey Pure by ISSEY MIYAKE

4.กิจกรรมเริ่มตั้งแต่ 8-20 มิ.ย. 2560 และประกาศรางวัลผู้โชคดีในวันที่ 21 มิ.ย. 2560 (ผ่านช่องทาง inbox Facebook & IG)

ผู้โชคดีจะต้องตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมภายในวันที่ 22 มิ.ย. 2560

พิเศษ สำหรับ100 ท่านแรกที่โชว์โพสของท่านที่มี #leaudisseypure #isseymiyakeparfums #suspendedmoment ที่เคาน์เตอร์น้ำหอม ISSEY MIYAKE ที่เซ็นทรัลชิดลม จะได้รับน้ำหอมขนาดทดลอง และรับของสมนาคุณพิเศษเมื่อซื้อน้ำหอม L’Eau d’Issey Pure

 

ไม่อยากหลุดเทรนด์ต้องอัพเดต 7 ไฮไลต์เด็ดจากรันเวย์ Milan Fashion Week 2017

เทศกาลแฟชั่น Fall/Winter Milan Fashion Week 2017 จัดขึ้นเมื่อต้นปี 2017 แม้จะผ่านมาสักพักใหญ่แล้ว แต่เมื่อไม่กี่วันหนุ่มหล่อ มาริโอ้ เมาเรอร์ ก็ได้ขึ้นโชว์ความหล่อจนรันเวย์ Milan Fashion Week 2017 สะเทือนเลยทีเดียว เพราะงั้นเราจะปล่อยผ่านไม่ได้ค่ะซิส ต้องดึงการแสดงโชว์จากหลายแบรนด์มาพูดถึงกันหน่อย และคัดมาเฉพาะจุดเด่นของมิลานเท่านั้น แฟชั่นนิสต้าคนไหนไม่อยากเอ๊าต์ต้องรู้ไว้นะจ๊ะ

 

1. Moschino

เจเรมี สกอตต์ (Jeremy Scott) ดีไซเนอร์ชาวอเมริกา มักจะจัดโชว์และครีเอตคอลเล็คชั่นออกมาให้ทุกคนเห็นแล้วต้อง ว้าว! ได้ตลอด ในปีนี้ก็เช่นกัน สำหรับการแสดงโชว์มิลานแฟชั่นวีคของ Moschino พวกเขาออกแบบชุดให้เหมือนกับลักษณะของลังกระดาษ ซองบับเบิ้ลกันกระแทก ซึ่งอะไรพวกนี้เป็นวัสดุที่เราได้รับจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ มันคือการนำเสนอที่สนุกสนานและแหวกแนวไปเลย ใครจะคิดว่าวัสดุที่ใช้ส่งของออนไลน์จะมาเป็นไอเดียในโชว์ครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

2. Emporio Armani

Emporio Armani เปิดการแสดงด้วยสีขาวและดำ มีความเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ ลายจุดและลายสกอตถูกออกแบบให้มีหลายขนาดเพื่อความเหมาะสม เสริมด้วยการปักเลื่อมและลายพิมพ์ดอกไม้ตามเข้าไป ส่วนความพิเศษของคอลเล็คชั่นนี้คือกางเกง กระโปรง กระเป๋า รวมถึงไอเท็มอื่นๆ ที่มีพื้นผิวสัมผัสเหมือนกับไวนิล ถือว่าเป็นคอลเล็คชั่นที่ผสานทุกอย่างไว้ได้แบบไม่ขัดตา

 

3. Roberto Cavalli

คอลเล็คชั่นในปีนี้ของ Roberto Cavalli แบ่งออกเป็นสองคอลเล็คชั่น คือสีขาวและสีดำ เพราะมีถึงสองรันเวย์ด้วยกัน รันเวย์แรกสีขาว มีฉากหลังของผนังมีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบขาวสดใส และอีกรันเวย์มีฉากหลังเป็นสีดำ และใช้กุหลาบแดงตกแต่ง ซึ่งคอลเล็คชั่นนี้ใช้เทคนิคจากช่างฝีมือดีจำนวนมาก ดีเทลเน้นความละเอียดด้วยการปักแบบ Appliqué ปักลูกปัดและการดีไซน์แบบ Plisse เข้าไว้ด้วยกัน

 

4. Prada

ครั้งนี้ Prada พาเรากลับไปปี 1960 และยุค 70 ด้วยกางเกงผ้าลูกฟูกขาบาน แจ็กเก็ตหนังที่เย็บปะติดปะต่อกัน ผ้าพันคอถักด้วยมือ ชุดขนนกค็อกเทลเรียงตัวสวยสีมินต์  จริงๆ Prada เป็นแบรนด์ที่รู้วิธีการแต่งตัวของผู้หญิงนะ แต่ถ้าดูจากการมิกซ์แอนด์แมตช์ของคอลเล็คชั่นนี้แล้ว รู้สึกว่ายากหน่อยถ้าจะใส่ออกไปข้างนอก อาจต้องสลับนั่นนี่ให้เข้าทางเอง เพราะถ้าไปทั้งชุดแบบที่โมเดลใส่คงไม่รอด

 

5. Max Mara

Max Mara มีแฟชั่นที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี เพราะเคยสร้างคอลเล็คชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจและคลาสสิกหรูหรามาแล้ว และในไลน์ใหม่นี้จะมีทั้งเสื้อถัก กระโปรงกำมะหยี่ และกางเกงขายาว นอกจากนี้เรายังได้เห็นการกลับมาของตุ๊กตาหมีอย่างเสื้อ shearling และเสื้อคลุมอื่นๆ ซึ่งคอลเล็คชั่นนี้เน้นเสื้อผ้าสีพื้นที่โทนสีเป็นไปในทางเดียวกัน

 

6. No. 21

Alessandro Dell’Acqua ดีไซเนอร์ชื่อดังเลือกแอนนา แมกนานี (Anna Magnani) เจ้าของรางวัลออสการ์มาเป็นแรงบันดาลใจในการครีเอตคอลเล็คชั่นนี้  ซึ่ง No. 21 เปิดการแสดงด้วยชุดสีแดงผ้าชีฟองสดใสสะดุดตา ชุดถักไหมพรมแบบก้างปลา กระโปรงและเสื้อโค้ตถูกโรยด้วยคริสตัลและกระดุม เราว่าเป็นคอลเล็คชั่นที่มีความหลากหลายอยู่ไม่น้อยเลยนะ

 

7. Bottega Venta

เสื้อโค้ผงาดเด่นหลายรันเวย์ในช่วงสัปดาห์ที่เกิดแฟชั่นมิลานขึ้น Bottega แสดงคอลเล็คชั่นที่ไม่ได้แตกต่างกันมาก โดยมีแจ็กเก็ต เสื้อที่ทำจากผ้าขนสัตว์และการตัดของแจ็กเก็ตชุดสูทที่ดูเป็นผู้ชายมากขึ้น แต่สีสันที่สดใสของคอลเล็คชั่นนี้ทำให้รันเวย์เต็มไปด้วยสีมัสตาร์ด สีส้ม สีส้มอิฐ สีน้ำตาลอ่อน และไฮไลต์ของการแสดงนี้คือชุดที่ประดับด้วยโลหะเกลียว


 

ถ้าย้ายเสื้อผ้าจากรันเวย์ Spring Milan Fashion Week 2017 มาไว้ในตู้เสื้อผ้าของเราได้ก็ดีเนอะ อิๆ และสำหรับเหล่าแฟชั่นนิสต้าก็ติดตามความคืบหน้าใน Spring Milan Fashion Week 2018 ได้ในวันที่ 20-26 กันยายน 2017 จ้า

 

 

 

 

 

 

ที่มาและภาพ : fashionweekonline.com

Sex of The Number…ตัวเลขเล่นเซ็กส์

account_circle

เลข 0-9 สัมพันธ์กับเรื่องใต้สะดืออย่างแน่นเหนียวกลมเกลียว และบางครั้งเมื่อมาจับคู่รวมกลุ่มกันก็มีความหมายมากกว่าการเป็นตัวเลขที่บ่งบอกขนาดของอาวุธลับในร่มผ้าที่หลายคนสนอกสนใจ เพราะเท่าที่มาดามดูจากหลายๆ เว็บ และจากสถิติเชื่อถือได้มากมายบ่งบอกว่า บางตัวเลขเป็นสถิติมายาวนานแบบที่ไม่เคยผันผวน บางตัวเลขเพิ่งค้นพบกันได้เมื่อไม่นานมานี้ และบางตัวเลขรวมกันแล้วทำให้คุณร้องว้าว…แบบนี้ก็มีด้วย

“1” กับผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจว่า อสุจิ 1 ช้อนชาให้พลังงาน 5 กิโลแคลอรี่ ทีนี้สาวๆ ที่สงสัยว่า น้ำรักของเขาให้ประโยชน์บ้างไหม คงได้คำตอบกันแล้ว นอกจากนี้การมีเซ็กส์ 1 ครั้งของทุกคู่ จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้อย่างน้อย 150 กิโลแคลอรี่ (เท่ากับการวิ่งรอบสนามฟุตบอล 4 รอบเชียวนะเนี่ย) ถ้าอยากให้เผาผลาญมากหน่อย คงไม่ต้องบอกนะว่า คุณต้องจัดเซ็กส์กันสุดเหวี่ยงระดับไหน

“3” คือตัวเลขเวลาเฉลี่ยในการไปถึงสวรรค์ของชายไทย แต่ถ้าจะให้พอดีๆ ต้องอยู่ระหว่าง 3-13 นาที รับรองสาวๆ จะปลื้มปริ่มอิ่มเอม

“3.5 นิ้ว” คือขนาดเฉลี่ยของนกกระจิบที่ยังไม่ผงาดง้ำ ส่วนเลข  “5” คือขนาดเฉลี่ยเมื่อเจ้านกน้อยกางปีกพร้อมโบยบินทะยานสู่ฟ้า

“12 %” ของคนที่แต่งงานแล้วนอนคนเดียว ด้วยเหตุผลว่าบางคู่มีลูกมานอนด้วย บางคู่ชอบนอนกรน จึงตกลงจะแยกเตียงหลังเสร็จกิจ แต่มาดามขอเตือนสักนิดว่า ถ้ายังไม่ปรับแก้ความชินหรือหาเหตุมาล้างการกระทำเหล่านี้ อาจเสี่ยงต่อการเป็นอีก 1 คู่ของปัญหาการหย่าร้างได้

“15%” ของผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้มากถึง 5 ครั้งใน 2 นาที

“20 นาที” คือระยะเวลาในการเล้าโลมขั้นต่ำโดยเฉลี่ยที่หนุ่มๆ ควรใช้ก่อนจะรุกล้ำส่วนสงวนของสาวๆจริงหรือไม่ ชอบหรือเปล่า เชื่อไม่เชื่อลองจับเวลากันดูเอาเองละกัน

“28%” ของคู่รักไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือหญิงยอมรับว่า แกล้งสำเร็จความใคร่กันทั้งนั้น  เรื่องนี้ยืนยันได้โดยผลวิจัยของมหาวิทยาลัยแคนซัสซึ่ง 1 ใน 3 ของคนจำนวนนี้บอกเหตุผลแห่งการเสแสร้งแกล้งเสร็จว่า เมามากทำต่อไม่ไหวและต้องการนอนมากกว่าจะเล่นเซ็กส์

“41%” ของผู้ที่มีน้ำหล่อลื่นออกมาก่อนที่จะสำเร็จความใคร่จะมีสเปิร์มปนออกมาถึง 40 ล้านตัว ซึ่งนั่นหมายความว่า สาวๆ ที่ยอมให้เขาสอดใส่โดยไม่ใส่ถุงยางตั้งแต่แรก เสี่ยงตั้งครรภ์ได้แม้จะยังไม่ถึงจุดออกัสซัมและไม่ต้องรอให้เขาหลั่งน้ำอสุจิสักนิด

“45” พูดไปจะหาว่าเว่อร์ แต่รู้ไหมว่า ความเร็วสูงสุดที่อสุจิพุ่งออกมาอยู่ที่ 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง “48%” ของผู้หญิงบอกว่าพวกเธอแกล้งถึงจุดสุดยอดอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตซึ่งเหตุผลมีว่าอย่างไร หนุ่มๆ คงไม่อยากฟังให้ใจเสีย โดยเฉพาะเหตุผลที่ว่าไม่ชอบคู่นอนของตน

“75%” ของผู้ชายถึงจุดสุดยอดระหว่างที่มีเซ็กส์ ขณะที่มีผู้หญิงเพียง 29% เท่านั้นที่ถึงโดยแท้จริง เพราะผู้หญิงส่วนมากจะไม่ถึงจุดสุดยอดในการมีเซ็กส์แบบสอดใส่ แต่เป็นการถึงจุดสุดยอดโดยการกระตุ้นคลิตอริส

“103” ตัวเลขทะลุร้อยนี้หมายถึงจำนวนครั้งต่อปีโดยเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ต่อคน โดยการมีเซ็กส์อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งจะสามารถเพิ่มฮอร์โมนเพศชายซึ่งจะนำไปสู่การมีเซ็กส์ที่ซู่ซ่าได้

ยังมีตัวเลขที่สัมพันธ์กับเรื่องอย่างว่าอีกเพียบครั้งหน้ามาดามจะจัดสรรมาให้ลองคิดสังเกตชีวิตกันอีกนะจ๊ะ

เรื่อง : Madam Hong Hern

ภาพ : http://www.dreamdictionarynow.com

3 พิธีกรรุ่นใหญ่ ซูเปอร์อากงตะมุตะมิ แพ้ทาง เห่อหลานติดหนึบ!

แต่ละภาพนี้น่าเอ็นดูจริงๆ จนแพรวดอทคอมอดไม่ไหวที่จะต้องเอามาแชร์ให้ดูกันบ้าง กับภาพน่ารักของ 3 พิธีกรรุ่นใหญ่ ที่ตอนนี้แม้ว่างานจะหนักขนาดไหน แต่ก็ต้องมีเวลาเผื่อไว้ให้กับบรรดาหลานๆสุดน่ารัก งานนี้ต้องยกตำแหน่งซูเปอร์อากงตะมุตะมิแห่งปีให้ทั้ง 3 คนเลย

โด่งดังมีชื่อเสียงในฐานะพิธีกรแถวหน้าของประเทศ และยังอยู่ในวัยที่ไล่เลี่ยกัน ที่พูดถึงนั้นก็คือ คุณปัญญา นิรันดร์กุล แห่งเวิร์คพอยต์ คุณวิทวัส สุนทรวิเนตร์ แห่งรายการตีสิบ และคุณต๋อย -ไตรภพ ลิมปพัทธ์ จากทูเดย์โชว์ ที่ตอนนี้อาการหลงหลานเข้าเส้นทุกคน ซึ่งดูแล้วก็เป็นภาพที่น่ารักมากกกก

คนแรกเลยที่ต้องขอเม้าท์ก็คือเสี่ยตา-ปัญญา ที่นำโด่งในเรื่องสมาชิกคุณหลาน ซึ่งเยอะที่สุดในบรรดา 3 คน ตอนนี้แตกกิ่งก้้านออกมาถึง 4 หน่อแล้ว คือ น้องน้ำอุ่น น้องน้ำอิง น้องน้ำเงิน และน้องน้ำบุญ มีครบทั้งหลานชายหลานสาว แถมยังฉอเลาะกับคุณตาปัญญาได้น่ารักมากๆ งานนี้มีหรือที่เจ้าพ่อเวิร์คพอยต์จะไม่หลงหลานๆ เพราะดูจากภาพในไอจีทุกวันนี้ เรื่องงานก็พอมีโพสต์บ้าง แต่รูปหลานๆนี่สิเพียบ

มาต่อที่เสี่ยวีที คุณวิทวัส สุนทรวิเนตร์ บ้านนี้ก็น่ารักอบอุ่นไม่แพ้กัน แม้ว่าสมาชิกของคุณหลานจะไม่เยอะเท่ากับคุณปัญญา แต่อาการเห่อหลานของเสี่ยวีทีก็เต็มที่อย่างเห็นได้ชัด

นับตั้งแต่น้องเปียหลานสาวคนแรก จนมาตอนนี้มีเพิ่มอีกคนก็คือหลานชายอย่างน้องคริน ซึ่งเป็นลูกของป้อน-ลีลา สุนทรวิเนตร์ งานนี้ถึงคุณตาจะงานเยอะขนาดไหนก็ไม่หวั่น ต้องหาเวลาไปเล่นกันหลานให้หายคิดถึงซะหน่อย

ด้านพิธีกรมากความสามารถอย่างคุณต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ช่วงหลังๆก็ยังคงทำงานหนักมาก มีหลายรายการที่ต้องดูแลและทำหน้าที่เป็นพิธีกรด้วย ทั้ง Today Show, ครัวคุณต๋อย รวมถึงรายการรีวิวบันเทิง ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาของครอบครัวข่าว

ดูงานเบื้องหน้าแม้ว่าจะเข้มเข้นกับหน้าที่พิธีกรไปบ้าง แต่เวลาอยู่กับครอบครัว คุณปู่บ้านนี้ก็ตะมุตะมิไม่แพ้อีก 2 ครอบครัวเลยนะ อย่างล่าสุดก็เพิ่งได้หลานสาวฝาแฝด น้องริชาและน้องทิชา มาเพิ่มความครึกครื้นให้กับคนในบ้าน คุณปู่ต๋อยไม่เหลือแน่นอน หลงหลานแค่ไหนไม่ต้องถาม ดูจากภาพก็รู้แล้วว่าตกอยู่ในกำมือของสองสาวฝาแฝดเข้าซะแล้ว

 

เหล่าอากง คุณตา คุณปู่ (อันนี้แล้วแต่จะเรียก) สีหน้าท่าทางน่ารักตะมุตะมิ ยิ้มแย้มสดใสกันทุกคนจริงๆ แบบนี้แหละเขาถึงบอกกันว่า เด็กคือแสงสว่างของบ้าน ยังไงล่ะ…

 

ภาพ : [email protected],@phanya_ni,@nok_nampeeti,@oarkirati_luxetravel

 

 

ควันหลง 3 นางเอกแถวหน้าของไทย ส่องประกาย ฉายออร่าทั่วพรมแดงเทศกาลหนังเซี่ยงไฮ้ 2017

เป็นอีกหนึ่งเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ยิ่งใหญ่และสื่อให้ความสนใจไม่แพ้งานไหน สำหรับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ ซึ่งครั้งนี้จัดเป็นปีที่ 20 แล้ว และที่พิเศษสุดๆ กว่าทุกปีคือ นางเอกคนดังของไทยอย่าง ขุ่นแม่ชมพู่ – อารยา, ใหม่ – ดาวิกา และมิว – นิษฐา ร่วมเดินพรมแดงโชว์ความงามในงานครั้งนี้ด้วย แฟนๆ ที่ติดตามก็คอยลุ้นว่าแต่ละลุคของ 3 สาวจะสวยและปังขนาดไหน 

วันนี้ แพรวดอทคอม เลยหยิบทั้ง 6 ลุคของ 3 สาวคนดังมาให้ดูกัน ใครไม่อยากพลาด เลื่อนลงไปอ่านเลยจ้า

 

กลายเป็นเจ้าแม่พรมแดงของไทยไปแล้ว สำหรับชมพู่ – อารยา ว่าที่คุณแม่ลูกแฝด ซึ่งงานครั้งนี้สาวชมมาในเดรสผ้าไหมออร์แกนซ่าซีทรูสีชมพูหวาน ฉลุลายดอกไม้ ดีเทลปักประดับเลื่อมลูกปัด จาก Ralph & Russo Haute Couture Spring/Summer 2017 มีความฟรุ้งฟริ้งเป็นเจ้าหญิง และท้องกลมกลึงที่อุ้มลูกไว้ทำให้ลุคนี้ยิ่งดูเต็มและสวยเลิศ

ต่อกันที่ลุคร่วมงานกาล่าดินเนอร์สุดหรูกับทาง Jaeger-LeCoultre ในชุดจากแบรนด์ Giambattista Valli Couture เดรสยาวสีเหลืองสดพิมพ์ลายดอกไม้ ปักเลื่อมสีเงินวิบวับดูเด่นตา แต่งด้วยระบายรอบคอแบบหรูหรา มีความผู้ดีเบาๆ และด้วยท้องของขุ่นแม่อีกนั่นแหละ ที่ทำให้ชุดพอดีกับตัว ไม่โคร่งเหมือนนางแบบ ถ้าท้องแม่ชมไม่โต บางทีลุคนี้อาจไม่ปังแบบนี้ก็ได้นะ


 

มากันที่นางเอกหน้าคม ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่ โดยสาวใหม่เป็นตัวแทนของหนังไทยเรื่อง 20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น ซึ่งเป็น 1 ในหนังไทย 8 เรื่องที่ได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ประจำปีนี้ด้วย สาวใหม่เดินพรมแดงในชุดสีขาวแบรนด์ไทย Mesh Museum เผยความงามแบบเรียบหรู แต่แอบอลังฟูฟ่องนิดๆ ด้วยดีเทลขนนิ่มๆ ใต้หน้าอกลากยาวไปจนถึงพื้น ก็ได้ลุคสวยสง่างามตามท้องเรื่อง

บอกลาเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ 2017 ด้วยลุคเซ็กซี่แรงปนเท่หน่อยๆ ขณะไปร่วมเปิดเทศกาลภาพยนตร์ไทยในเซี่ยงไฮ้ โดยสาวใหม่หยิบเดรสจาก Louis Vuitton มาใส่อวดความแซ่บเผ็ด แต่ก็ยังคีพความสวยแพงไว้ได้ดี ด้วยดีไซน์ของชุดที่ดูจะใส่ยาก แต่สาวใหม่ก็จัดซะอยู่หมัด ทั้งหน้าผมและอินเนอร์คือลงตัว


 

ต่อกันที่นางเอกหน้าหวาน มิว – นิษฐา ร่วมเดินพรมแดงในฐานะนักแสดงนำเรื่อง แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว  ซึ่งได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซี่ยงไฮ้ด้วย โดยสาวมิวเลือกเดรสจากแบรนด์ดังอย่าง Chanel Pre-Fall 2017 มาเดินโชว์ตัวบนพรมแดง ด้วยเดรสสีดำสั้นประมาณเข่า แขนยาว อาจดูธรรมดาไปหน่อยนะ แต่สาวมิวก็พรีเซ้นต์ออกมาให้รู้สึกว่าเราก็สวยได้โดยไม่จำเป็นต้องเยอะ

ปิดท้ายด้วยลุคมิว – นิษฐาในงานเปิดเทศกาลภาพยนตร์ไทยในเซี่ยงไฮ้ มาในเดรสจากแบรนด์ดังอย่าง Marni ชุดนี้มีดีเทลสนุกสนาน ซนเบาๆ ที่ดูจะเข้ากับสาวมิวมากกว่าลุคก่อนหน้านี้ ซึ่งเดรสตัวนี้ดีเทลและดีไซน์ที่ให้กลิ่นอายแบบจีน บอกเลยว่าแฟนๆ ชาวจีนปลื้มกับลุคนี้ของสาวมิวกันสุดๆ


 

ต่อไปคงได้เห็นนักแสดงและเซเลบริตี้ของไทยเดินพรมแดงระดับโลกมากขึ้น คิดว่าปีนี้จะเป็นแค่จุดเริ่มต้น รอดูกันว่าในปีต่อๆ ไปจะได้เห็นใครเฉิดฉายบนพรมแดงอีกบ้าง ส่วน 3 สาวที่ได้ไปเดินพรมแดงมาแล้วก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวังกันเลย เริ่ดดดด

 

 

 

 

ภาพ : IG@hwanjeabjeab , @celebs_spectator

สกาย

สาวน้อยสาวใหญ่ใจสลายทั้งประเทศ! “สกาย” รับคุยคนนอกวงการ

สกาย
สกาย
ยิ่งแตกเนื้อหนุ่มยิ่งหล่อกระชากใจสุดๆ ไปเลย สำหรับ สกาย – วงศ์รวี นทีธ นักแสดงหน้าใสที่เคยทำให้สาวๆ ตกหลุมรักกันทั้งประเทศ
น้องตบกระเป๋าอยากเปย์ หลังเจ้าตัวพ่นวลีเด็ด “500 รุก ไซร้ ชัก ไม่รีบ” ในซีรี่ส์ “I Hate You I Love You” ล่าสุดดูเหมือนว่าสาวน้อยสาวใหญ่คงต้องใจสลายทั้งเมือง เพราะเมื่อเร็วๆ นี้หนุ่ม “สกาย” ให้สัมภาษณ์ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่ากำลังคุยๆ กับสาวนอกวงการอยู่ แต่ก็ยังดี โล่งไปเปราะนึง เมื่อเจ้าตัวยืนยันว่าแค่คุยกันเฉยๆ แต่ยังไม่มีอะไร
นักแสดงหนุ่มในงานเปิดตัว LINE Village Bangkok สาขาแรกในไทย
“กับสาวๆ มีคุยกันอยู่บ้างไหม ก็ยอมรับว่าจริงๆ ก็มีบ้างครับ เป็นคนนอกวงการ แต่ก็ยังไม่คิดอะไรกัน คุยกันเฉยๆ แต่ยังไม่มีอะไรครับ”
หนุ่มหล่อรอยยิ้มกระชากใจ
และในส่วนของการเรียนที่หลายคนเป็นห่วงว่าหนุ่มคนนี้จะรับงานจนไม่มีเวลานั้น เจ้าตัวเผยว่าไม่ต้องเป็นห่วงเลย เพราะเขาโชคดีมากๆ ที่มีเพื่อนคอยตามงานให้เสมอ
ในซีรี่ส์ Project S The Series: Side by Side “สกาย”รับบทนักแบดมินตัน
 “ช่วงนี้เป็นช่วงที่เพิ่งเรียนจบปี 1 ไปครับ กำลังเตรียมตัวขึ้นปี 2 ส่วนตัวยอมรับการเรียนค่อนข้างยากครับ ตอนแรกเราคิดว่ามัธยมยากแล้ว พอมาขึ้นมหา’ลัยนี่คนละแบบเลยครับ โชคดีที่เรามีตัวช่วยก็คือเพื่อนตามงานให้ ก็โชคดีที่มีเพื่อนดีครับ”
ภาพจาก @skywongravee

หยุดปล่อยให้แสงทำร้ายผิว… เลือกครีมกันแดดที่ใช่ คุณค่าครบ ปกป้องแสงและฟื้นบำรุงผิว

แม้ช่วงนี้จะเป็นหน้าฝน แต่บอกเลยว่าสาวๆ ก็ชะล่าใจกับตัวการร้ายทำลายผิวอย่างแสงแดดไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่ว่าแสงแดดจะดูเบาบางอย่างเป็นมิตรแค่ไหน ก็ยังเต็มไปด้วยทั้งรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ยังมีแสงอันตรายจากภัยใกล้ตัวในยุคดิจิทัล ซึ่งแทบจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกับเราเลยอย่าง Blue Light และ INFEA-RED ที่มาจากหน้าจอสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อีกด้วย

ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยปกป้องผิวของสาวๆ ได้ก็คือครีมกันแดด แต่ใช่ว่าครีมกันแดดทั่วไปจะสามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกันหมด สาวๆ ต้องเลือกเฟ้นกันหน่อย ถ้าจะให้ดีสุดๆ ไปเลยก็ต้องทั้งปกป้อง ฟื้นฟู และบำรุงผิวได้ในหนึ่งเดียว ซึ่งแพรวดอทคอมขอเรคคอมเมนต์ครีมกันแดดตัวนี้ Bloss UV Solution SPF 50 PA++++ ที่ขอคอนเฟิร์มเลยว่าเริ่ดมาก

คุณสมบัติเด่นของ Bloss UV Solution SPF 50 PA++++ คือเป็นมากกว่าครีมกันแดดที่ช่วยปกป้องแสง เพราะยังมีคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิวด้วย เรียกว่ามีคุณค่าแบบ 2 in 1 เลยทีเดียว โดยในเรื่องการปกป้องแสงนั้น ครีมกันแดดตัวนี้มีสารสกัดจากดอก Butterfly Bush มีสาร Antioxidant ชั้นเลิศ สามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงอันตรายต่างๆ ได้ทั้ง UVA, UVB, Blue Light และ INFEA-RED ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ รวมถึงช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ต้นตอของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

สำหรับในเรื่องการฟื้นบำรุงผิว Bloss UV Solution SPF 50 PA++++ มีอาหารผิวมากคุณค่าอย่าง Lactobacillus Ferment Lysate จากโยเกิร์ตที่สาวๆรู้จักนี่แหละค่ะ ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากแสงต่างๆ และมลภาวะรอบตัว ช่วยให้ผิวหน้ากลับคืนสู่ปกติเร็วขึ้นเมื่อถูกแสงแดด อีกทั้งยังมีสารพัดคุณประโยชน์ต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้นถึง 3 เท่า ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในชั้นผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างยาวนาน ช่วยลดปัญหาผิวอักเสบ ระคายเคือง และแห้งกร้าน ช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้นได้ภายใน 7 วัน

นอกจากคุณสมบัติเริ่ดๆ ของ Bloss UV Solution SPF 50 PA++++ ที่จะทำให้สาวๆ ต้องปลื้มกันแล้ว บอกเลยว่าเมื่อได้ใช้จริงก็จะยิ่งปลื้มขึ้นไปอีกแน่นอน เพราะครีมกันแดดตัวนี้มีเนื้อสัมผัสที่เหมาะกับอากาศร้อนของบ้านเรามาก เพราะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ทาแล้วรู้สึกสบายผิวสุดๆ เนื้อครีมเกลี่ยง่าย กระจายตัวได้ดี ซึมเข้าสู่ผิวได้ไว ไม่หนักผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่มัน และไม่ทิ้งคราบสีขาวบนใบหน้า พอทาครีมกันแดดตัวนี้แล้ว สาวๆ ก็สามารถแต่งหน้าต่อได้เลย และที่สำคัญยังรู้สึกว่าผิวชุ่มชื้น เครื่องสำอางค์ติดทนนานขึ้นอีกด้วย สาวๆที่รักการเมคอัพ สบายใจได้ ครีมกันแดดตัวนี้ ไม่ทำให้หน้าหมอง ดรอป ระหว่างวันแน่นอนค่า

สำหรับสาวๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ครีมกันแดดตัวนี้ได้อย่างสบายใจ เพราะ Bloss UV Solution SPF 50 PA++++ ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์จากสถาบัน SpinControl Asia อีกทั้งยังผ่านการทดสอบด้านประสิทธิภาพและคุณภาพของค่า SPF และ PA โดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน KC Skin Research Center Co., Ltd. ประเทศเกาหลี รับรองว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองอย่างแน่นอน

เรียกว่าเป็นครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในหลอดเดียว ทั้งปกป้องผิวจากทุกแสงและฟื้นบำรุงผิว ไอเท็มนี้แหละที่สาวๆ เมืองร้อนควรมีติดตัวไว้ ถ้าสนใจก็สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่ http://www.blossnatura.com/ และ https://www.facebook.com/BlossNatura/ มาเลือกครีมกันแดดที่ใช่ เพื่อผิวสวยยาวนานกันดีกว่านะคะ

กองนี้ทำได้ทุกอย่าง! ณเดชน์-ญาญ่า พาผู้จัดฯ แอน แปลงเป็นสาวสวิส และเปิดคลาสโยคะ

เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว…อยากจะร้องเพลงวง Room39 ขึ้นมาซะดื้อๆ เลย เมื่อเห็นบรรยากาศกองถ่ายละคร ลิขิตรัก The Crown Princess ของผู้จัดฯคนเก่ง แอน ทองประสม ที่ครึกครื้นสนุกสนานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเฉพาะกิจกรรมยามว่างหลังถ่ายละครเสร็จ ที่พระ-นาง ณเดชน์ คูกิมิยะ และญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์ แท็คมือผู้จัดฯแอนมาใส่ชุดประจำชาติ แปลงเป็นสาวสวิส รวมถึงยังมาเปิดคลาสโยคะอวดท่วงท่าสุดแข็งแรงอีกด้วย งานนี้บอกเลยว่ากองนี้ไม่ได้มาเล่นๆ นะจ๊ะ เพราะทำได้ทุกอย่างเลยจริงๆ

อย่างก่อนหน้านี้ แพรวดอทคอม เห็น 3 สาว แอน ทองประสม, ญาญ่า – อุรัสยา รวมถึงพี่สาวคนสวยของญาญ่าอย่าง แคท – แคทลียา เสปอร์บันด์ มาโพสท่ากรุ๊ปช็อตประหนึ่งแฝดสามในชุดประจำชาติชาวสวิตเซอร์แลนด์ ก็นึกว่าชุดใหม่มาถ่ายละครร่วมกันหรือเปล่า แต่เปล่าเลย เพราะนี่เป็นกิจกรรมน่ารักๆ ที่สาวญาญ่าและสาวแคทซื้อชุดมาฝากผู้จัดฯ แอน ทองประสม แล้วบังคับ (สาวแอนเขาบอก ฮา!) ให้สาวแอนใส่ถ่ายรูปร่วมกัน มีหรือสาวแอนจะขัดข้อง เพราะแต่งชุดเป็นสาวสวิสถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานทีเดียว ยิ่งได้ฉากหลังเป็นบรรยากาศสวยๆ ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นึกว่าถ่ายละครเรื่องใหม่อีกเรื่องเลยนะเนี่ย ซึ่งสาวญาญ่าก็ขอบคุณผู้จัดฯ แอน พี่สาวที่น่ารัก ที่มาสนุกกับการแต่งตัวด้วยกัน

ถัดจากนางเอกตาหวาน ใช่ว่าพระเอกอย่างณเดชน์ คูกิมิยะ จะน้อยหน้า เพราะล่าสุดได้เปิดคลาสโยคะหลังกองละครถ่ายเสร็จเรียบร้อยคู่กับผู้จัดฯ แอน ทองประสม สำหรับสาวแอนเชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นเธอเล่นโยคะ ออกกำลังกายตามอินสตาแกรมเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ที่น่าเซอร์ไพร้ส์เลยก็คือ หนุ่มณเดชน์เนี่ยแหละ ที่มาเล่นโยคะอวดท่วงท่าอ่อนช้อยแต่แข็งแรงคู่กับสาวแอน เรียกว่าแฟนๆ ที่เพิ่งได้เห็นต่างเข้าไปชมหนุ่มณเดชน์กันมากทีเดียวว่าเป็นคนเก่งรอบด้านเสียจริง ถือเป็นกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของกองถ่ายละครเรื่องลิขิตรัก The Crown Princess ออกมาได้น่ารัก น่าเอ็นดูเลยทีเดียว เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว อยากชมละครเร็วๆ กันแล้วใช่ไหมล่ะ…


เรื่อง: Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ: IG @annethong @csperb @urassayas

A Cozy & Romantic Wedding ของคุณทราย & คุณแชมป์ @ Vivarium by Chefs Ministry

account_circle

เทรนด์การจัดงานหมั้นในร้านอาหารกำลังมาแรงในช่วงปีสองปีมานี้ คุณทราย – รัชชา และคุณแชมป์ – ณัฐดนัย ก็เป็นอีกหนึ่งคู่ที่ไม่ตกเทรนด์นี้ เพราะเลือกจัดงานหมั้นอย่างอบอุ่นภายในร้านอาหาร Vivarium by Chefs Ministry ที่มีคอนเซ็ปต์การตกแต่งสุดเก๋ พร้อมบริการอาหารรสชาติเยี่ยมที่การันตีโดยเชฟระดับแนวหน้าของประเทศ

อาการตกหลุมรักของคุณแชมป์เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่พบคุณทรายตอนไปทำบุญที่วัดไทยในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียแต่ได้มาสานสัมพันธ์เมื่อตอนกลับมาประเทศไทยและตัดสินใจแต่งงานกันด้วยความรู้สึกว่า “เราสองคนเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคุยกันรู้เรื่อง เป็นกำลังใจให้กันและกัน อยู่ด้วยแล้วมีความสุขเสมอ”

สถานที่จัดงานตกแต่งได้แรงบันดาลใจมาจากสวนในขวดภายในร้านจึงเต็มไปด้วยต้นไม้สารพัดชนิดให้ความรู้สึกสดชื่นและเป็นธรรมชาติไม่ต่างกับการจัดงานในสวน กำแพงร้านเป็นกระจกใสให้ความรู้สึกโปร่งสบาย พิธีหมั้นครั้งนี้จึงแค่เสริมเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์วินเทจเพื่อให้เข้ากันกับบรรยากาศโดยรอบแต่เพื่อให้รู้สึกถึงความพิเศษมากขึ้น คุณทรายจึงสั่งทีมดอกไม้นำดอกไม้สดในธีม Colorful มาตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยเพียงเท่านี้ก็ได้บรรยากาศงานหมั้นที่อบอุ่นและโรแมนติกสุดๆ

แม้สถานที่จะสวยงามจนดูเหมือนไม่ต้องกังวลกับเรื่องการตกแต่ง แต่ในการเตรียมงานส่วนอื่นๆ ทั้งคู่ก็ยังคงช่วยออกความเห็นกันเสมอ ซึ่งสิ่งที่ทั้งสองคนได้เรียนรู้และอยากบอกต่อว่าที่บ่าว – สาวคู่ต่อไปคือ การเตรียมงานแต่งงานเหมือนเป็นบททดสอบด่านแรกของชีวิตคู่ การพูดคุยและเปิดใจรับสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเสนอแนะคือสิ่งสำคัญ ทำให้เป็นเรื่องสนุก แล้วคุณจะมีแต่ความทรงจำที่ดี แถมยังสนิทกับคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเรามากขึ้นอีกด้วย

The Details : A Cozy & Romantic Wedding

  • Venue Vivarium by Chefs Ministry (โทร. 0-2261-9508)
  • Wedding Dress Calista Boutique (โทร. 0-2662-2415)
  • Groom Suit Atelier Azzurro (โทร. 0-2663-4900)
  • Makeup คุณมุก (ไอจี : @mookmake)
  • Hair คุณริว (ไอจี : @showryu)
  • Photo OAT-CHAIYASITH (โทร. 08-6392-3939)

8 บิวตี้แบรนด์ “หน้าใสใจสวย” ผุดโปรเจ็คท์ดีๆ เพื่อสังคม ต่อลมหายใจให้ผู้คน ธรรมชาติ และสรรพสัตว์

Alternative Textaccount_circle
เมื่อเอ่ยถึงภาพจำของแวดวงเครื่องสำอางและความงาม มักต้องถูกโยงไปถึงภาพสาวๆ ที่พร้อมทุ่มเทเงินทองลงไปกับเครื่องสำอาง นวัตกรรม หรือกิจกรรมที่จะทำให้สวยเป๊ะขึ้นกว่าเดิม จนกลุ่มคนที่ไม่อินกับเรื่องบิวตี้อาจค่อนแคะเอาได้ว่า “สวยใสไร้สมอง”
แต่อย่าได้มองกันแค่ผิวเผิน บรรดาบิวตี้แบรนด์น้อยใหญ่นี่เองที่สร้างสรรค์โปรเจ็คท์ดีๆ เพื่อสังคม จนช่วยต่อลมหายใจให้ผู้คน ธรรมชาติ ไปจนถึงบรรดาสรรพสัตว์ หลายแบรนด์ทำมาอย่างจริงจังยาวนาน ใครจะว่า “เอาแต่สวย” ก็ช่าง แต่สวยแบบนี้เขาเรียก “สวยน่ากราบ”

INNISFREE ECO-HANKIE CAMPAIGN
Background :
แคมเปญหลักด้านสิ่งแวดล้อมที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนของทุกๆ ปี ด้วยสโลแกน  “หยิบผ้าเช็ดหน้าของคุณออกมาใช้เพื่อโลกของเรา”  ถือเป็นการใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ เพราะการใช้ผ้าเช็ดหน้าแทบจะถูกลืมไปแล้ว หาก “Innisfree” ไม่หยิบขึ้นมาย้ำเตือน อย่าลืมว่าการใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนกระดาษทิชชูเป็นการช่วยลดการตัดต้นไม้เพื่อผลิตเยื่อกระดาษ จึงถือเป็นหนทางหนึ่งในการอนุรักษ์ต้นไม้ให้เขียวชอุ่ม
Join Us : ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา Innisfree ออกแบบผ้าเช็ดหน้าอีโค่ลวดลายสุดคิวต์ ออกจำหน่ายพร้อมเซตผลิตภัณฑ์ ซึ่งฮ็อตจนมีจำนวนจำหน่ายมากถึง 2.92 ล้านผืน


THANN FOR THAI ELEPHANT
Background :
ด้วยสายเลือดความเป็นไทยเข้มข้น แบรนด์ไทยขนานแท้ “THANN” ขออาสาเป็นผู้ดูแลช้างสัตว์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเป็นโปรเจ็คท์ทำต่อเนื่องมากว่า 6 ปี ด้วยการระดมเหล่าเซเลบริตี้มาร่วมกันออกแบบเจลหอม ภายใต้คอนเซ็ปต์ช้างและป่า เพื่อนำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้แก่โรงพยาบาลช้าง
Join Us : อยากช่วยเป็นกระบอกเสียงในการอนุรักษ์ช้าง แถมยังได้ฟินกับผลิตภัณฑ์ดีๆ ต้องสอยด่วนกับเซต “THANN for Thai Elephant”


L’OCCITANE Burkina Faso
Background :
รู้ไหมส่วนผสมอันเลอค่าที่สาวๆ หลงรักในสกินแคร์ของ “L’Occitane” อย่างเชียบัตเตอร์มาจากพื้นที่ห่างไกลจากรัฐไร้ชายฝั่งในแอฟริกาใต้อย่าง Burkina Faso มูลนิธิ L’Occitane ให้การสนับสนุนสตรีในท้องที่ห่างไกลนี้ให้สามารถพึ่งตนเองได้ ด้วยโปรแกรมส่งเสริมการอ่านออกเขียนได้และการส่งเสริมโครงการวิสาหกิจ ทำให้ผู้หญิงมากกว่า 7,000 คนสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
Join Us : เดือนมีนาคมของทุกปีในวันสตรีสากล L’Occitane จัดจำหน่ายสบู่สูตรพิเศษที่ทำใน Burkina Faso เพื่อนำรายได้ 100 เปอร์เซ็นต์สมทบทุนสำหรับการจัดสร้างและดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้ของสตรีในท้องถิ่น


LA MER BLUE HEART OCEANS FUND
Background
: ตู้ปลาวิจิตรตระการตาที่โชว์อยู่ในทุกๆ เคาน์เตอร์ของ “La Mer” ไม่เพียงมีไว้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม แต่ยังเป็นการย้ำเตือนถึงคำมั่นสัญญาที่ La Mer มีต่อมหาสมุทรถิ่นอาศัยของสิ่งมีชีวิตและแหล่งกำเนิดของส่วนผสมสำคัญที่ La Mer เลือกใช้ในผลิตภัณฑ์ ล่าสุดจับมือกับองค์กรอนุรักษ์มหาสมุทร “Project 0” สร้างโครงการ “The La Mer Wave Walk” ประมูลผลงานศิลปะ 50 ชิ้น จากฝีมือศิลปินผู้นำแฟชั่น และนักอนุรักษ์เพื่อนำรายได้ 100 เปอร์เซ็นต์สมทบเข้ากองทุน
Join Us : สนับสนุน Creme de La Mer สกินแคร์ในตำนานที่ทุกๆ ปีจะออกแบบรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น เพื่อระดมทุนสนับสนุนโครงการนี้โดยเฉพาะ


LANEIGE WONDERFUL SHARING REFILL ME
Background :
ผิวชุ่มชื่นอิ่มน้ำคือความงามในอุดมคติของผิวสาวเกาหลี “Laneige” ตระหนักว่าน้ำคือที่มาของพลังงานและชีวิตชีวา โครงการดีๆ ในปี 2017 นี้ จึงเป็นการร่วมรณรงค์ปกป้องแหล่งน้ำโดยเฉพาะ
Join Us : โดยรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุก 1 ชิ้นในกลุ่ม “Sleeping Mask” อย่าง Water Sleeping Mask, Lip Sleeping Mask และ Eye Sleeping Mask สาวๆ จะได้ร่วมบริจาค 15 บาท สมทบทุนโครงการและ
มอบให้มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อการพัฒนาแหล่งน้ำดื่ม


ESTEE LAUDER BREAST CANCER AWARENESS CAMPAIGN
Background :
หลายบิวตี้แบรนด์มีแคมเปญรณรงค์เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เพื่อช่วยเหลือสตรีที่ต้องเผชิญกับโรคร้าย ซึ่ง “Estee Lauder” ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ด้วยเคยต้องสูญเสียเอเวอลิน ลอเดอร์ รองประธานกรรมการอาวุโส ผู้เป็นลูกสะใภ้ของเอสเต ลอเดอร์ ผู้ก่อตั้งด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งเต้านม ซึ่งเอเวอลินก็เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มการรณรงค์โดยใช้สัญลักษณ์ริบบิ้นสีชมพูเป็นครั้งแรก
Join Us : ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี เราจึงจะได้เห็นลิมิเต็ดเอดิชั่นจาก Estee Lauder ในลวดลายริบบิ้นสีชมพูสุดน่ารักที่ออกแบบขึ้น เพื่อระดมทุนสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม


M.A.C VIVA GLAM
Background : โปรเจ็คท์สุดฮ็อตที่ “M.A.C” ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกับลิปสติกสีแซ่บแรง “Viva Glam” ซึ่ง M.A.C จับมือกับดีว่าสาวฮ็อตร่วมออกแบบสีสันมาแล้วทั้งเลดี้ กาก้า, ริฮานนา, นิกกี้ มินาจ, อาเรียนา
แกรนเด และไมลีย์ ไซรัส เพื่อระดมทุนเข้าองค์กร “M.A.C AIDS FUND” องค์กรการกุศลใหญ่ที่สุดในโลกที่ช่วยเหลือผู้ป่วยเอชไอวี
Join Us : สาวแซ่บอย่างสร้างสรรค์ผู้ซื้อลิปสติก Viva Glam จะได้ร่วมช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวีแบบครบทุกบาททุกสตางค์


URBAN DECAY UD PRO BRUSHES
Background :
หากรู้ว่าแปรงแต่งหน้าขนนิ่มๆ ที่ปัดแล้วฟินนั้น ได้มาจาการฆ่าสัตว์เพื่อการใช้ขน สาวๆ ยังจะปลื้มอยู่หรือไม่! สาวแซ่บแบบ “Urban Decay” เป็นคนหนึ่งละที่ขอเซย์โนกับการทารุณกรรมสัตว์และการทำลายสิ่งแวดล้อม
Join Us : แปรงแต่งหน้าดีไซน์ล้ำ “UD Pro Brushes” 10 ด้าม ออกแบบมาเพื่อการใช้งานครบทุกรูปแบบ ช่วยสร้างลุคสวยได้ในระดับโปร โดยไม่ต้องพึ่งพาวัสดุที่ได้จากการทรมานสัตว์ แถมยังโดดเด่นด้วยด้ามสีเงินที่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล ช่วยลดปริมาณการตัดไม้ทำลายป่า

ข้อมูลและภาพ : นิตยสารแพรวฉบับ 906

บ๊อบ - ณัฐธีร์

เปิดชีวิต บ๊อบ – ณัฐธีร์ พิธีกรพ่อลูกสี่ กับมุมเลี้ยงลูก ต้องพัฒนาตัวเองควบคู่ช่วยเหลือสังคม

บ๊อบ - ณัฐธีร์
บ๊อบ - ณัฐธีร์

คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเมื่อเอ่ยชื่อ “บ๊อบ – ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์” หรือที่ใครๆ คุ้นหูกันในนาม “พี่บ๊อบ พ่อน้องณัชชา” พิธีกรมากความสามารถ ผู้มีบุคลิกอบอุ่น เฉลียวฉลาด และมีดีกรีเป็นหนุ่มแพรว ประจำปี 2543 หลังจากแต่งงานกับ คุณเฮี้ยง – ณัฐสินี ศรีภรรยาไปเมื่อปี 2550 ชีวิตครอบครัวพ่อแม่ลูกสี่ ที่มีลูกสาว น้องณัชชา ลูกชายฝาแฝด น้องพุฒ – น้องพร้อม และลูกชายคนเล็ก น้องเภา ก็ดูมีความสุขลงตัวเลยทีเดียว

สิ่งที่โดดเด่นจากครอบครัวนี้ที่หลายคนสัมผัสได้เลยก็คือ ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวเน้นการศึกษา สอนลูกๆ ให้ความสำคัญในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ และลงมือทำ เห็นได้จากผลผลิตชิ้นโตอย่างลูกสาวคนเก่ง น้องณัชชา – ณัชชาวีณ์ ที่แม้จะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก แต่ได้ใช้ความสามารถทางด้านภาษาสอนคนอื่นๆ ในฐานะพิธีกร ที่มีวลีฮิตว่า “ดูปากณัชชานะคะ” และไม่หยุดการเติบโตเพียงเท่านั้น เพราะล่าสุดคุณบ๊อบ – ณัฐธีร์ มีอีกหนึ่งบทบาทใหม่นอกเหนือจากพิธีกร นั่นคือการเป็นผู้จัดรายการโทรทัศน์ เปิดโอกาสให้ลูกสาวได้ใช้ความสามารถตัวเองช่วยเหลือคนอื่นและช่วยเหลือสังคม

ครอบครัวโกศลพิศิษฐ์

Exclusive Talk วันนี้จึงจะพาไปนั่งคุยถึงวิธีการเลี้ยงลูกของครอบครัว “โกศลพิศิษฐ์” ว่าเขามีมุมมอง มีวิธีคิดในการเลี้ยงลูกๆ ท่ามกลางกระแสสังคมในยุคนี้ที่มีทั้งเรื่องดีและร้ายเช่นไร รวมถึงชีวิตครอบครัวและการทำงานที่แม้จะเน้นไปทางด้านการศึกษา แต่ลูกๆ กลับเป็นเด็กสนุกสนาน ไม่เคร่งเครียด เชื่อว่าหลายคนเมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ น่าจะได้ข้อคิดและมุมมองดีๆ มากเลยทีเดียว

ย้ายมาทำงานที่ช่อง True4U เป็นอย่างไรบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

คุณบ๊อบ : จริงๆ การเข้ามาที่ช่อง True4U ต้องบอกว่านอกจากจะมาเป็นผู้ประกาศข่าวที่ช่อง รับหน้าที่ดูแล Smart News ข่าวเช้า ตั้งแต่ 6 – 9 โมงเช้า ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตรงนี้เป็นหน้าที่หน้าจอนะครับ แต่ว่ามีหน้าที่ที่รับผิดชอบเพิ่มเติมมากขึ้นคือ หน้าที่ช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาให้ทรูปลูกปัญญา แล้วก็ทรูคลิกไลฟ์ (True Click Life) ซึ่งเป็นงานด้านการศึกษาของทรูฯ อันนี้เป็นหน้าที่ที่พี่บ๊อบเองทำงานด้านการศึกษามาตลอด ก็เป็นดาราไม่กี่คนมั้ง น้อยมากหรือแรร์ไอเท็มมากสำหรับดาราที่ทำด้านการศึกษาอย่างเต็มตัว

บ๊อบ - ณัฐธีร์

เรื่องการศึกษาเหล่านี้ไม่ได้ถ่ายทอดให้เฉพาะน้องณัชชา แต่ยังส่งต่อถึงเด็กคนอื่นๆ ด้วย

คุณบ๊อบ : ใช่ๆ ถือว่ามาทางด้านการศึกษานี้แล้วละ แล้วณัชชาเองก็ถือว่าได้รับการถ่ายทอดมาทางนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมีโอกาสได้ไปอยู่ทางหน้าจอช่อง 3 ไปทำรายการ “ณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบ” นั่นก็เป็นโอกาสครั้งแรกที่ได้ใช้ความสามารถของณัชชาให้เกิดประโยชน์กับคนในสังคมนะ

ตอนแรกเราคิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับแค่ครอบครัวเรา เชื่อว่าสิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์ต่อณัชชาเอง แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อเด็กคนอื่นๆ ด้วย เพราะจากการที่ณัชชาได้ไปสอนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน มีคนชื่นชม พ่อแม่ยุคใหม่ที่ได้ดูก็อยากให้ลูกเป็นแบบณัชชา เพราะฉะนั้นคนไทยคนอื่นๆ จึงอยากให้ลูกเก่งภาษา เลยเริ่มส่งลูกไปเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาจีนเพิ่มมากขึ้น ก็กลายเป็นวัฒนธรรมที่เรารู้สึกว่าจากเด็กตัวเล็กๆ คนนี้ ในวัยตอนนั้น 5 ขวบ แต่สามารถทำอะไรให้สังคมได้

น้องณัชชากับคุณพ่อ บ๊อบ - ณัฐธีร์

ภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ ทั้งยังสอนว่าพัฒนาตัวเองแล้ว ต้องรู้จักช่วยเหลือสังคม

คุณบ๊อบ : เราก็แอบภูมิใจในตัวเขา แต่แน่นอนว่าการเดินหน้าของชีวิตเด็กจะค่อยๆ เติบโตขึ้นตามลำดับ ณัชชาทำรายการ “ณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบ” ได้ 3 ปีจึงบอกณัชชาว่า หนูต้องทำอย่างอื่นที่พัฒนาศักยภาพของตัวเองด้วย แล้วก็ไปสร้างสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะหนูกลายเป็นคนที่คนอื่นมองเข้ามาแล้วเป็นแบบอย่าง ก็เลยให้ณัชชามาทำรายการชื่อ “Natcha The Explorer” ให้ณัชชาทำภารกิจต่างๆ ที่พ่อมอบหมายให้ แล้วณัชชาไปทำด้วยตัวเอง ไปคิด ไปตัดสินใจ ไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์ต่างๆ ด้วยตัวเอง

ซึ่งเป็นการท้าทายการเลี้ยงเด็กในรูปแบบที่ให้เด็กไปเผชิญกับสถานการณ์ เขาจะได้มีความแข็งแกร่งกับชีวิตมากขึ้น ณัชชาผ่านรายการนี้มาเกือบร้อยภารกิจ ตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสเต็ปที่ณัชชาจะเติบโตขึ้นไปในสายตาทั้งของพ่อแม่เอง และในสายตาคนในสังคมที่ติดตามเขามาตั้งแต่เด็กๆ จึงเป็นรายการที่เขาเป็นพิธีกรเต็มตัว แล้วเป็นพิธีกรที่ต้องมาทำงานร่วมกับพิธีกรมืออาชีพหลายคน จึงเกิดรายการชื่อว่า “May I Help You? ให้หนูช่วยนะ”

May I Help You? ให้หนูช่วยนะ

คอนเซ็ปต์รายการเป็นอย่างไร

คุณบ๊อบ : คอนเซ็ปต์รายการ “May I Help You? ให้หนูช่วยนะ” เกิดจากการที่ณัชชาได้สอนภาษา นำคนอื่นทำกิจกรรมต่างๆ คราวนี้ณัชชาจะชวนคนอื่นมาทำความดีไปพร้อมกัน มันก็มาจากที่เขาเคยไปช่วยเหลือสังคมด้านการบริจาคเลือด ต้องบอกว่าเขาบริจาคเลือดเองไม่ได้ แต่เขาช่วยไปเชิญชวนคนอื่นให้มาเป็นผู้บริจาคได้ เขาก็ใช้ความสามารถที่เขามีอยู่ เราก็เลยคิดว่าเด็กแต่ละคนมีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน แล้วความสามารถทุกความสามารถก็นำมาช่วยเหลือสังคมได้

ความสามารถแปรเป็นการช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร

คุณบ๊อบ : ถามว่าจะช่วยอย่างไร ไปถามใครต่อใคร พ่อแม่ ทั้งเด็กเองก็บอกว่าส่วนใหญ่แล้วที่จะช่วยเหลือก็ต้องติดเรื่องของเงินทอง ถ้าไม่มีเงินทองจะไปช่วยใครได้ สองคือ ไม่มีเงินทองก็ต้องมีความสามารถที่เขาต้องการ หรือมีพละกำลังที่จะไปช่วยงานต่างๆ ที่เป็นสาธารณกุศลได้ แล้วถ้าบอกว่า อ้าว แล้วความสามารถของเด็กจะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่หนึ่งคือ มีเงิน สองคือ มีในสิ่งที่จะไปช่วยคนอื่นได้ แต่ถ้าเด็กมีความสามารถในรูปแบบเด็กๆ ทำยังไง เราก็เลยคิดเวทีขึ้นมา คือเวที May I Help You? จะเป็นเวทีหนึ่งที่เด็กจะเอาความสามารถที่เขามีมาแสดงบนเวทีนี้ แต่ก่อนที่จะมาแสดง เขาจะเลือกว่าเขาอยากจะช่วยเหลือใคร ซึ่งทางรายการจะไปรวบรวมคนที่คิดว่าน่าจะให้เด็กๆ เลือกว่าน่าจะมีคนที่เขาต้องการขอความช่วยเหลืออยู่แบบนี้ เขาอยากจะช่วยใคร เด็กๆ ก็จะออกไอเดียว่าเขาอยากช่วยเคสนี้ เขาอยากจะช่วยเคสนั้น เพราะเหตุผลในรูปแบบเด็กๆ ของเขานี่แหละ

May I Help You? ให้หนูช่วยนะ

ไม่เคยฟังความคิดเด็ก คราวนี้จะหันกลับมาฟัง

คุณบ๊อบ : เราไม่เคยฟังเด็กเลย ในอดีตที่ผ่านมาถามพ่อแม่ว่าเวลาพาลูกไปทำความดี พาลูกไปทำกิจกรรม ได้เคยถามลูกไหมว่าเราจะไปช่วยคนนี้คนนั้น ลูกคิดว่าจะไปช่วยใครดี ไม่มีใครเลยนะ แม้แต่ครอบครัวเราเอง อย่างณัชชา วันนี้เราจะไปทำบุญกัน วันนี้เราจะไปช่วยเด็กกำพร้ากัน วันนี้เราจะไปนู่นกัน วันนี้เราจะไปนี่กัน เราคิดว่าสิ่งที่เราคิดคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด แต่วันนี้เราจะกลับมาฟังเสียงเด็กๆ ว่าเขาอยากจะช่วยใคร เพราะนี่คือเสียงที่บริสุทธิ์ เสียงที่มาจากตัวเขาจริงๆ รายการนี้ก็เลยเปิดเวที เปิดความคิด เปิดทัศนคติต่อการช่วยเหลือสังคมในรูปแบบเด็กๆ ที่เขาอยากช่วยด้วยตัวเขาเอง แล้วก็ใช้ความสามารถเขามาโชว์ในรายการ ถ้าความสามารถเขาได้รับคะแนนจากคณะกรรมการ ซึ่งเป็นคอมเมนเตเตอร์ที่จะมาสร้างสีสันในรายการ มาสนุกสนานกับเด็กๆ ถ้าได้คะแนนสูง แล้วทำให้เคสนั้นได้รับการช่วยเหลือ นั่นก็คือความภาคภูมิใจที่สุดของเขาที่สามารถทำได้

May I Help You? ให้หนูช่วยนะ

เวทีนี้ไม่มีผู้แพ้ แค่เด็กๆ คิดอยากจะช่วยเหลือคนอื่นก็คือผู้ชนะ

คุณบ๊อบ : คอนเซ็ปต์รายการของเราคือ เวทีนี้ไม่มีผู้แพ้ เวทีนี้มีไว้แบ่งปัน ถามว่าเด็กที่มาโชว์ในรายการไม่มีใครแพ้เลยเหรอ จะบอกว่าไม่แพ้เลย เพราะทุกคนที่มาโชว์แค่มาในรายการเพื่อจะช่วยเหลือคนอื่น ทุกคนคือผู้ชนะทั้งหมด แต่ความรู้สึกของผมที่เป็นผู้จัดรายการและแก่นรายการ เด็กทุกคนจะได้รับสิ่งที่ดีเท่าเทียมกัน คือ “ถ้วยแห่งความภาคภูมิใจ” ที่เขาเสียสละเวลามาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความสามารถของเขา

รายการในแต่ละครั้งจะมีเคสมาขอความช่วยเหลืออยู่ 2 เคส หนึ่งเคสจะได้รับการช่วยเหลือ เพราะโชว์ของเด็กได้รับคะแนนสูง อีกเคสหนึ่ง โชว์ของเด็กอาจจะได้คะแนนน้อยกว่า เคสนี้จะยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ เคสนี้ก็จะกลับไปเพื่อให้เด็กคนอื่นๆ ได้มาเลือกอีกทีหนึ่งว่าเขาอยากจะมาช่วยเคสนี้ เมื่อไหร่ที่มีคนเลือกมาช่วยเคสนี้ เคสนี้ก็จะได้กลับมาในรายการ แล้วก็จะกลับมาแข่งขันกันในทีมนี่แหละ ว่าตกลงครั้งนี้ใครจะได้รับการช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นเวทีนี้เลยไม่มีผู้แพ้ และเวทีนี้มีไว้แบ่งปันตามคอนเซ็ปต์ของรายการ

May I Help You? ให้หนูช่วยนะ

มี 3 องค์ประกอบที่คณะกรรมการตัดสินใจจากเด็กๆ 

คุณบ๊อบ : ก็จะเป็นคณะกรรมการชุดเดียวกันที่มีบรรทัดฐานเดียวกัน ก็ดูความน่ารัก ความสามารถ และจิตใจของเด็กๆ ที่เขาเลือกจะช่วยเหลือใคร องค์ประกอบเหล่านี้จะเป็นส่วนที่ทำให้คณะกรรมการให้คะแนน ซึ่งไม่จำเป็นว่าเด็กที่ได้ที่หนึ่งจะช่วยเคสที่เขาเลือกได้ เพราะคณะกรรมการอาจจะเห็นในมุมที่แตกต่างกัน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการในรายการเหมือนกัน เพราะคณะกรรมการมีหน้าที่วิเคราะห์ แล้วก็ถ่ายทอดความรู้สึกถึงเด็กคนนี้ จริงๆ เด็กทุกคนที่มาร่วมรายการคือเด็กที่มีใจอยากจะช่วยคนอื่น แค่มีใจ คณะกรรมการก็ให้คะแนนเกินครึ่งอยู่แล้ว แต่แค่ว่าคะแนนเกินครึ่งนั้นจะไปถึงเต็ม จะไปถึงระดับไหนยังไง ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเด็กๆ ด้วย

เด็กทุกคนถึงแม้จะช่วยได้หรือไม่ก็ตาม เด็กจะไม่รู้สึกแย่เลย เนื่องจากเวทีนี้เราไม่ได้เอาเด็กมาแข่งเพื่อหาผู้ชนะคนเดียวแล้วคนอื่นเป็นผู้แพ้ แต่เราบอกว่าเด็กทุกคนคือผู้ชนะ เพื่อที่จะทำให้คนที่เขาอยากจะช่วยประสบความสำเร็จให้ได้ แล้วก็ได้รับการช่วยเหลือ ส่วนการช่วยเหลือก็เป็นการสนับสนุนจากทางรายการนี่แหละ ที่จะหาของ จะไม่ช่วยเหลือด้านการเงิน เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยแล้วไม่ยั่งยืน แต่เคสต่างๆ จะเป็นกรณีขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่างที่จะทำให้เขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเป็นการช่วยเหลือที่ส่งผลระยะยาว

May I Help You? ให้หนูช่วยนะ

ตัวอย่างการช่วยเหลือที่ผ่านมามีอะไรบ้าง

คุณบ๊อบ : อย่างเคสที่มาขอความช่วยเหลือเป็นโรงเรียนที่มีครูไม่มากนัก เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่สังขละบุรี มีนักเรียนอยู่ประมาณ 50 คน เขาก็อยากให้นักเรียนมีการศึกษาที่ดี เป็นโรงเรียนที่อยู่ห่างไกล งบประมาณที่ลงไปก็ไม่เยอะ ดังนั้นเขาไม่สามารถจัดสรรครูเก่งๆ ลงไปในพื้นที่ได้ ตอนนี้ในโรงเรียนมีครูอยู่แค่ 2 คน ครูต้องสอนทุกวิชา แล้วจะทำอย่างไรให้เด็กเข้าถึงวิชาความรู้ได้ เขาก็เลยคิดว่าถ้าได้จานดาวเทียมไป ได้ครูดาวเทียม ครูจากตู้ ก็คือทีวีทางไกลผ่านดาวเทียมที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำไว้ เขาก็จะได้รับสื่อต่างๆ เหล่านั้น เพื่อให้นักเรียนได้เรียน ซึ่งเขาก็มาขอจานดาวเทียมกับทีวีสักเครื่องหนึ่งเพื่อให้เด็กเรียนหนังสือได้ นี่ก็เลยเอามาร่วมรายการได้

มีกระทั่งเด็กมาขอจักรยาน 1 คัน เพื่อปั่นไปเยี่ยมคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคจิตเวชแล้วพักอยู่ที่โรงพยาบาล 

คุณบ๊อบ : เด็กบางคนมีคุณแม่ที่อยู่โรงพยาบาล เป็นผู้ป่วยจิตเวช แล้วเขาต้องรักษาอยู่ที่นั่นตลอดเวลา ลูกจะไปเยี่ยมคุณแม่ได้เมื่อญาติๆ ว่างแล้วพาไป เขาบอกว่ามันไม่ไกลจากบ้านเขาหรอก ประมาณ 5 กิโลเมตร เขาจะเดินไปกลับเองก็อันตรายพอสมควร จึงมาขอจักรยานแค่คันเดียว เพื่อให้เขาไปเจอคุณแม่ได้บ่อยครั้งขึ้น เรื่องราวแบบนี้ก็มีคนส่งเข้ามาในรายการ แล้วออกเป็นเคสให้เด็กๆ ได้เลือกกันนะครับ แม้กระทั่งเคสที่มาขอแค่เครื่องเสียงบางอย่าง เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เด็กหรือคนพิการได้ใช้ทำมาหากิน แต่เขาไม่มีเงินทอง ก็มาขอในรายการได้ รายการก็จะคัดเลือกแล้วส่งไปให้เด็กๆ ได้เลือกกันอีกทีว่าใครจะช่วยใคร

May I Help You? ให้หนูช่วยนะ

เป็นสิ่งที่ดีเมื่อพ่อแม่เห็นค่าความสามารถของลูกๆ 

คุณบ๊อบ : สิ่งหนึ่งที่รายการของเราต้องขอบคุณเลยก็คือ พ่อแม่ของเด็กๆ ที่มาโชว์ในรายการ เพราะถ้าพ่อแม่ไม่เห็นคุณค่าการนำความสามารถของลูกๆ มาช่วยเหลือคนอื่น รายการนี้จะเดินไม่ได้เลย แต่พ่อแม่ทุกคนที่มาออกรายการรู้เลยว่าผลักดันให้ลูกมีความสามารถ แต่ละคนก็มีส่งลูกไปทำกิจกรรมนู่นนี่ แต่บางคนก็เก่งด้วยตัวเอง แต่เขายินดีเข้ามาร่วมรายการ ทั้งๆ ที่ไม่ได้อะไรนอกจากความภูมิใจที่เขาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนอื่น นี่แหละเป็นส่วนหนึ่งที่จุดประกายให้พ่อแม่แต่ละคนส่งลูกเข้ามา พ่อแม่บางคนพูดว่า ถ้าเป็นเวทีการแข่งขัน เขาจะไม่ส่งลูกเข้ามาหรอก เพราะถ้าลูกเขาแพ้ เด็กจะเสียความรู้สึก อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่อยากทำสิ่งที่เขาทำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นความสามารถของเขาต่อไป แต่เวทีนี้บอกว่าทุกคนคือผู้ชนะหมด แค่เดินทางมาร่วมรายการ แล้วก็ขอแสดงความสามารถเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทุกคนก็คือผู้ชนะแล้ว เขาจะได้รางวัลเหมือนกัน ก็คือถ้วยแห่งความภาคภูมิใจ

เปิดโอกาสให้เด็กพิการมาเป็นผู้ช่วยเหลือคนอื่น 

คุณบ๊อบ : พ่อแม่ของผู้พิการเองบอกว่าอยากให้ลูกได้มีส่วนช่วยเหลือผู้อื่น เราจึงบอกว่าเอาความสามารถที่เขามีอยู่ ไม่ว่าด้านไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นความสามารถที่เขาไปแข่งขันชนะเลิศเวทีนั้นเวทีนี้ อะไรก็ได้เลยที่เขาคิดว่าเขามีหรือบุตรหลานของเขามี เพื่อให้ลูกได้แสดงความสามารถเหล่านั้น อย่างเช่น ผู้พิการที่พี่บ๊อบได้เจอมาคือพิการทางสายตา น่าจะอยู่ในวัย 8 – 9 ขวบแล้ว มีความสามารถด้านการตีเปิงมาง ซึ่งเป็นดนตรีไทยชั้นสูงเลย เด็กพิการมองไม่เห็น แต่ตีเปิงมางกับวงได้ จึงนำมาโชว์ในรายการ สิ่งหนึ่งที่ลูกเขามาแสดงเราก็ทึ่งแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่พี่บ๊อบรู้สึกสนใจมากขึ้นไปอีกคือ ตอนที่สัมภาษณ์แม่เขา แม่เขาบอกว่า เขาไม่เคยคิดเลยว่าลูกเขาที่เป็นผู้พิการทางสายตาจะมีประโยชน์ต่อสังคม และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเอาลูกมาแสดงความสามารถเพื่อช่วยคนอื่นได้

ดีเจนุ้ย - น้องณัชชาต้องมาเป็นพิธีกรคู่กับดีเจนุ้ยที่มืออาชีพสุดๆ คุณพ่อบ๊อบมีเทรนให้ลูกสาวด้วย

คุณบ๊อบ : น้องณัชชาเป็นพิธีกรคู่กับดีเจนุ้ย ซึ่งเขาเป็นคนเก่งมาก อันดับแรกเลยคือ ณัชชาก็ต้องเตรียมตัว เมื่อทำงานกับมืออาชีพ น้องณัชชาเองก็ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายตัวเอง แล้วก็สติปัญญาที่ต้องรับมือกับสถานการณ์ได้ ณัชชาเขาค่อยๆ เติบโตมาจากการทำพิธีกรสอนภาษา การทำรายการที่เขาต้องเป็นคนดำเนินเรื่อง แต่ทีนี้เราก็ต้องเทรนเขามากขึ้น ต้องทดสอบความเข้าใจ ถ้าเด็กเข้าใจเนื้อหารายการ การไปอยู่ในพื้นที่ที่ผู้ใหญ่เก่งๆ เขาอยู่กัน อย่างน้อยๆ เขามีจุดความเข้าใจแล้ว ใครจะพูดอะไรอย่างไร เขาจะสานต่อได้ ซึ่งเราเอาเนื้อหาตรงคอนเซ็ปต์ของรายการมาอธิบายให้ณัชชาเข้าใจ ให้เขาถ่ายทอดออกมาได้ด้วยความเข้าใจของเขา

อันดับสองคือ พี่นุ้ยเป็นคนตลกมาก สนุกสนานเฮฮา ณัชชาเดิมทีก็ไม่ทันเหมือนกัน แต่เขาก็เริ่มเรียนรู้ ปรับตัว แล้วก็รับมือกับการเล่นมุกของพี่นุ้ยบ้าง โยนมุกให้พี่นุ้ยเล่นบ้าง (หัวเราะ) ซึ่งณัชชาเองก็พัฒนาตัวเองได้เร็วพอสมควร เราถ่ายทำมา 3 ครั้ง เขาปรับตัวได้ ต้องบอกว่าเกินเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้แล้ว

ครอบครัวโกศลพิศิษฐ์

มาพูดถึงการใช้ชีวิตกันบ้าง เห็นลูกๆ ตั้งใจทำงานขนาดนี้ นอกเวลางานสอนลูกๆ อย่างไร 

คุณบ๊อบ : จริงๆ แล้วทุกรายการที่เขาทำมาคือการเพิ่มศักยภาพให้เขา เพิ่มทั้งกระบวนการคิด การใช้ชีวิต มันถูกถ่ายทอดไปจากสิ่งที่เราวางแผน แล้วก็จัดให้เขาได้เผชิญ สอนไปด้านนั้นไม่พอ ต้องสอนเรื่องคุณธรรม จริยธรรมให้เด็ก ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะไหน เขาก็คือเด็กที่เราต้องปลูกฝังอยู่เรื่อยๆ เรื่องนี้ไม่เคยห่างหายไปจากคุณพ่อและคุณแม่ของณัชชาเลย

ผมเองก็สอนณัชชาอยู่ตลอดเวลาว่าอะไรที่เรียกว่ากาลเทศะของไทย อะไรที่ควรทำ ไม่ควรทำ เช่น การไหว้ ผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ในวันนี้เรายังเตือน บอกกล่าว และสอนเขาได้ จนหลังๆ มานี้ไปไหนมาไหนเขาเป็นคนมือไม้อ่อน ผมแทบไม่ต้องทักเลยว่าณัชชาสวัสดี เพราะเราเองก็ทำเป็นแบบอย่าง

ทำให้เขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่คนไทยของเรามีความน่ารักก็ตรงนี้แหละ แล้วก็เป็นวัฒนธรรมที่ควรจะปลูกฝังเขาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าลูกคนไหนก็ตาม พี่บ๊อบมีลูก 4 คน ก็สอนทุกคนให้รู้จักไหว้ พูดจาสุภาพ แล้วก็ให้รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ปลูกฝังอยู่เรื่อยๆ ซึ่งณัชชาเองก็ทำได้ค่อนข้างดีเลยละ แล้วก็เป็นตัวอย่างให้น้องๆ ต่อไป

ครอบครัวโกศลพิศิษฐ์หลายคนได้เห็นน้องณัชชา ลูกสาวคนโตผ่านสื่อบ่อยๆ แล้ว ด้านลูกชายทั้งสามเป็นอย่างไรบ้าง 

คุณบ๊อบ : เราปลูกฝังน้องณัชชาให้เป็นคนที่มีความสามารถ มีศักยภาพ มีความเป็นไทย รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีไทย แล้วก็มีมารยาท สิ่งเหล่านี้ก็ถ่ายทอดไปถึงน้องๆ เขาด้วย แต่ถ้าในเชิงของความสามารถ บุคลิกลักษณะ สี่คนแตกต่างกันหมดเลย แม้กระทั่งลูกชายฝาแฝดก็แตกต่างกัน ซึ่งเราก็จะเลี้ยงลูกไม่ให้เป็นเหมือนๆ กัน แต่จะเลี้ยงในสิ่งที่เขาเป็นของเขานี่แหละ เราต้องดูตลอดเวลาว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ฝาแฝดเองก็ชอบไม่เหมือนกัน แล้วก็ไม่ผลักดัน ไม่เปรียบเทียบว่าลูกคนนี้ต้องเป็นแบบลูกคนนั้นให้ได้ ทุกคนจะต้องเป็นแบบเจ้ณัชชาให้ได้ นั่นไม่ใช่

ลูกชายฝาแฝดชื่อพุฒกับพร้อม พุฒก็ต้องเป็นแบบพุฒให้ได้ แต่ต้องเป็นพุฒในแบบที่ดี พร้อมก็ต้องเป็นแบบพร้อมให้ได้ แต่ต้องเป็นพร้อมในแบบที่ดี ส่วนคนเล็กชื่อเภา เขามีคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนของเขา คือสนุกสนานเฮฮา กล้าทำสิ่งต่างๆ เภาก็ต้องเป็นแบบเภาให้ได้ แต่เป็นเภาในแบบที่ดี เพราะฉะนั้นลูกแต่ละคนจะถูกผลักดันในแง่มุมแต่ละคนที่มีความชอบต่างกัน

ครอบครัวโกศลพิศิษฐ์ ครอบครัวโกศลพิศิษฐ์

ภาพลักษณ์ครอบครัวคุณบ๊อบเน้นการศึกษา จึงไม่แปลกหากคนจะคิดว่าลูกๆ ในครอบครัวนี้จะเคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่า จริงๆ เป็นอย่างนั้นไหม 

คุณบ๊อบ : ถ้าใครได้ตามดูในโลกโซเชียลของเรา ดูในเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม @natchaandfamily แล้วก็ทาง @bobnattee จะรู้เลยว่าเราเป็นครอบครัวเฮฮามาก (หัวเราะ) ว่างไม่ได้ ว่างต้องไปเที่ยว ทำกิจกรรมร่วมกับลูกๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นการเรียนรู้ แต่ไม่ใช่เนื้อหาสาระทางวิชาการ เป็นการเรียนรู้ในสไตล์ที่เด็กๆ จะได้สัมผัสและสนุกสนานไปด้วย แล้วสิ่งที่ถ่ายทอดออกมา สิ่งที่คนตามดู ก็จะรู้สึกว่าครอบครัวนี้น่ารักจังเลย มีความสุขมากเลย ชอบน้องๆ ที่มีความสุขแบบนี้

แต่ก็จะมีคนที่รู้จักเราไม่มากพอ อาจจะมีมุมนั้นบ้างว่า เอ๊ะ…เครียดเกินไปหรือเปล่า ทำไมเราผลักดันลูกทั้งด้านการศึกษาและการทำรายการด้วย แต่ถ้าใครรู้จักครอบครัวเราจริงๆ จะรู้เลยว่านี่คือส่วนผสมที่คิดว่ามันก็ลงตัวในสไตล์ครอบครัวแบบเรานี่แหละ ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับครอบครัวอื่นว่า เอ…เราดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่เราปลูกฝัง ทั้งคุณค่าแห่งความดี คุณค่าการมีมารยาทที่ดี มันจะช่วยทำให้เขาเป็นคนดีในสังคมได้

เขาจะเก่งแค่ไหนอย่างไรก็สุดแล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน แต่เราก็จะให้ในสิ่งที่ไม่แตกต่างกันหรอก อย่างฝาแฝดเราให้เหมือนกันเลย แต่เขาเลือกที่จะรับต่างกัน เราก็ไม่ได้ไปกดดัน ไม่เครียดด้วยว่าลูกจะจำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้เป็นสิ่งที่คนอื่นที่ดูในโซเชียลมีเดียของเราจะรู้ ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปเครียดกับคนที่มีความรู้สึกแบบนั้น แค่รู้ว่าเราทำแล้วลูกๆ ได้อะไร แล้วเราวางเป้าหมายอย่างไรให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีศักยภาพในแบบของเขา เราวางแบบนี้ก็น่าจะเพียงพอ

บ๊อบ - ณัฐธีร์ กับเฮี้ยง - ณัฐสินี

มีการแบ่งเรื่องเลี้ยงลูกกับคุณภรรยาอย่างไรบ้าง 

คุณบ๊อบ : จริงๆ แล้วก็ดูแลลูกๆ ทุกคนเลย ด้านการอ่านหนังสือ การใช้เวลาร่วมกันหลังกลับมาจากโรงเรียน ก็มีตารางของแต่ละคน เขาก็จะรู้หน้าที่เลย เดี๋ยวณัชชามาอ่านหนังสือก่อนคนแรก ใครจะมาอ่านกับคุณแม่เป็นคนต่อไป อันนี้เป็นกิจวัตรประจำวันที่เกิดขึ้น การดูสารคดีก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราปลูกฝังให้เขา แทนที่จะให้เขาดูละครหรือเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก เราก็เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับเขานี่แหละ

จะบอกว่าเด็กดูแล้วไม่ได้ในวันนี้นะ แต่เขาจะสะสมไปเรื่อยๆ เขาดูแล้วชิน จะบอกเองเลยว่า อ้าว ทำไมวันนี้ไม่ได้ดูสารคดี ก็บอกว่าโอเคลูก ถ้าลูกอยากดูก็เปิดให้ดู กลายเป็นการปลูกฝังให้เขาเห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เดี๋ยวอนาคตมันก็เชื่อมโยงกันแหละ การเชื่อมโยงจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขามีฐานความรู้ แต่ฐานความรู้นี้ไม่ใช่ฐานความรู้ที่บังคับด้านวิชาการ แต่เป็นฐานความรู้ที่เกิดจากความสนอกสนใจที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา ก็ถือว่าน่าจะทำให้เด็กๆ เติบโตในรูปแบบของเด็กๆ ได้เหมือนเดิมนี่แหละ ไม่มีอะไรแตกต่างจากครอบครัวอื่นๆ เลย เพราะครอบครัวอื่นๆ ก็เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เหมือนกัน เข้าถึงทีวีในบ้านเราที่มีคุณค่า มีคุณภาพ แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับช่วงวัยของเขา

บ๊อบ - ณัฐธีร์ ครอบครัวโกศลพิศิษฐ์

กับสังคมที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ รู้ได้ทุกแง่มุม จะระวังลูกอย่างไร

คุณบ๊อบ : แม้กระทั่งข่าวนะครับ เขาก็ดูข่าวที่พี่บ๊อบอ่านแล้วก็นำเสนอ สวัสดีกันตอนเช้าทุกวัน แต่เวลาดูข่าวเราก็จะถามว่าเขารู้สึกอย่างไร แม้กระทั่งข่าวอาชญากรรมหรือข่าวอุบัติเหตุ เราก็จะถามว่าเขาคิดอะไร รู้สึกอย่างไรบ้าง แล้วเราก็ต้องถ่ายทอดในมุมของผู้ใหญ่ว่าผู้ใหญ่เห็นอะไร แต่จะไม่ปิดกั้น เพราะปิดกั้นอย่างไรเขาก็จะไปค้นหาได้ แต่ก็จะสอนให้เขาสังเคราะห์มันออกมาในเชิงที่มีประโยชน์ให้ได้

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราพูดวันนี้แล้วพรุ่งนี้เขาจะได้เลย ค่อยๆ คุยกันไปทุกวันๆ เท่าที่เราจะทำได้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเจอเหตุการณ์ใดก็ตาม เราก็จะถามเขาว่าคิดอย่างไร เราคิดแบบนี้ ลูกคิดว่ายังไง ก็จะถามกันตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการสอนลูกก็คือการตั้งคำถาม ยกเว้นเรื่องที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เรื่องที่เป็นคุณค่าของความดี ที่เรารู้แล้วว่านี่คือคุณค่าของสิ่งที่ปลูกฝัง เรื่องของมารยาท อันนี้จะยอมไม่ได้ ต้องเป็นคนที่มารยาทดี แต่เรื่องอื่นๆ เปิดกว้างทางความคิด แล้วก็รับฟังความคิดของลูกเสมอ

น้องณัชชา

ช่วงนี้มีปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่กังวลคือ เด็กไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร คุณบ๊อบมีวิธีดึงความชอบของพวกเขาออกมาได้อย่างไร 

คุณบ๊อบ : อันดับแรก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกสัมผัสมีผลต่อทั้งความคิด วิถีชีวิต และความประพฤติของเขาทั้งหมดนะครับ สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ การเลือกสิ่งที่จะเข้าถึงลูกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ต้องรู้จักวิธีสอน ทำให้เขาเห็นถึงอันตราย เห็นถึงสิ่งที่แฝงอยู่ว่ามีอะไรบ้าง แล้วเราเป็นพ่อแม่ เราสั่งสอนลูกได้ อะไรที่ไม่ดี เราห้ามปรามได้นะครับ แล้วก็จำกัดพื้นที่ที่เขาอาจจะมีอิสระได้บ้าง อย่างเช่น การเล่นเกม การดูสื่อต่างๆ สื่อไหนที่ดี มีประโยชน์ เราสนับสนุน แต่สื่อไหนที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์ เราก็ระงับยับยั้งได้

ถ้าพ่อแม่ไม่มีเวลา สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ยาก พ่อแม่จึงต้องใส่ใจ หรือต้องหาคนใกล้ชิดที่จะช่วยสอนให้เขารู้และอยู่ในแง่มุมดีๆ แต่ต้องไม่ปิดกั้นโลกแห่งความจริง สื่อสารให้เขาได้รับรู้ แล้วเอาวิธีคิดที่จะเป็นเกราะป้องกันให้เขาได้ในอนาคต ทั้งกระบวนการความคิด การกระทำ ก็อย่าลืมสอนเขาไปด้วย ไม่ใช่ดูแล้วผ่านไป แล้วสุดท้ายลูกก็จะจดจำ พ่อแม่ไม่รู้เลยว่า อ๋อ ลูกจำด้วย สุดท้ายลูกจำทุกอย่างเลย

เรามีหน้าที่ปรับกระบวนทัศน์ความคิดของเขาให้อยู่ในศีลธรรมที่ดี ให้อยู่ในเกราะป้องกันของเขาในอนาคต ซึ่งต้องทำอยู่ตลอดเวลา แล้วไม่ใช่ทำแล้วหวังผลนะครับ ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะรู้สึกว่าเขาเริ่มได้ ซึ่งไม่รู้เลย ณ วันนี้ก็ยังต้องทำกับณัชชาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเขาจะอายุกี่ขวบก็ต้องค่อยๆ ปลูกฝังไปเรื่อยๆ เพราะเราเองก็ต้องเรียนรู้จากตัวเขาเหมือนกัน แล้วพ่อแม่ต้องใจเย็นมากๆ เพราะพ่อแม่สำคัญ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก พ่อแม่ทำอะไรให้ลูกเห็น ลูกก็จะทำอย่างนั้นแหละ พ่อแม่ทำไม่ดี ลูกเห็น ลูกก็จะทำตามพ่อแม่ พ่อแม่ทำดี ลูกเห็น ลูกก็จะทำตาม เราเชื่ออย่างนั้น เพราะฉะนั้นพ่อแม่สำคัญมาก บ๊อบ - ณัฐธีร์

พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกเป็นอย่างนั้น

คุณบ๊อบ : หนึ่งคือ ทำความดีให้ลูกเห็น ในสิ่งที่พ่อแม่สนใจด้านใดก็ได้ที่เรียกว่าความดี นอกจากทำความดีแล้ว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของชีวิต ความประพฤติ ถ้าอยากให้ลูกเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ พ่อแม่ก็ต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ถ้าอยากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ก็ต้องเป็นคนที่มีวินัย ถ้าอยากให้ลูกเป็นคนที่เสพแต่สิ่งที่มีประโยชน์ พ่อแม่ก็ต้องเลือกสรรในสิ่งที่มีประโยชน์ เริ่มจากพ่อแม่ก่อนก็ไม่ยากครับ แต่เราก็ต้องปรับวิถีชีวิตของเราเหมือนกัน เราตามใจตัวเองมาเยอะ แต่พอมีลูก เราเห็นอนาคตน้อยๆ ที่เราปลุกปั้น เราก็ต้องปรับตัวเองเพื่อสร้างเขาให้เป็นคนที่มีคุณภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ครอบครัวโกศลพิศิษฐ์

ก่อนจากกันไป ในมุมมองคุณพ่อลูกสี่ มีการวางแผนอนาคตลูกๆ ไว้อย่างไร

คุณบ๊อบ : ณ วันนี้ยังไม่รู้เลยว่าแต่ละคนจะเป็นอะไร แม้กระทั่งณัชชาที่อยู่ในแวดวงบันเทิง เราก็ไม่รู้เลยว่าณัชชาต่อไปจะเป็นอะไร แต่รู้อยู่อย่างว่าสิ่งที่เขาชอบคืออะไร สิ่งที่เขาถนัดคืออะไร ก็มาจากการใกล้ชิด ความผูกพัน จากการสังเกต ลูกแต่ละคนก็จะมีความชอบที่แตกต่างกันไป อะไรที่เขาชอบก็ผลักดัน ถ้าเป็นสิ่งดีก็ผลักดันต่อ อะไรที่เขาชอบแล้วยังไม่ดี ก็ชี้ให้เขาเห็นว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร เพื่อให้เขารู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ซึ่งก็อยู่ในวิจารณญาณของพ่อแม่แต่ละครอบครัว อาจจะแตกต่างกันก็ได้ เพราะคำว่าความดีของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน แล้วก็สอนให้ลูกเปิดรับความคิดของทุกๆ คน ไม่ว่าความคิดนั้นจะเป็นบวกหรือเป็นลบกับเรา ถ้าเป็นบวกก็ดี เป็นกำลังใจ แต่ถ้าเป็นลบ ก็เป็นประโยชน์ที่ทำให้เราพัฒนา

 


เรื่อง : Gingyawee_แพรวดอทคอม
ภาพ : IG @natchaandfamily @bobnattee

ไม่ต้องพรีออร์เดอร์แล้ว ตามมา…จะพาไปช็อปบิวตี้ไอเท็มที่ “ALAND” ไลฟ์สไตล์สโตร์แอนด์คัลเจอร์สเปซ

Alternative Textaccount_circle

บิวตี้นิสต้ามีกรี๊ด ออกอาการอยากเสียเงินแน่ๆ เพราะล่าสุด แพรวดอทคอมเพิ่งไปเซอร์เวย์ช็อปใหม่มา ชื่อร้าน “ALAND” ไลฟ์สไตล์สโตร์แอนด์คัลเจอร์สเปซ (Lifestyle Store & Culture Space) ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยสินค้าแฟชั่นครบรสหลากหลายไลฟ์สไตล์ตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชั่น แอ๊กเซสเซอรี่ส์ บิวตี้ และสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีครบถ้วนสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย โดยเป็นสาขาแรกสาขาเดียวสำหรับร้านมัลติแบรนด์ที่รวบรวมทั้งแฟชั่น บิวตี้ไอเท็ม และไลฟ์สไตล์เกาหลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ซึ่งร้าน ALAND ถือเป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ มีสินค้าจากแบรนด์ต่างๆที่มีสไตล์นำสมัย แบ่งออกเป็นหลากหลายโซน แต่วันนี้ แพรวดอทคอมจะพาไปเซอร์เวย์พร้อมช็อปปิ้งโซนบิวตี้กันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ซึ่งแบรนด์บิวตี้ที่มีในร้าน ได้แก่ Abbamart, COSRX, DongGoo Bat, HALFARTIST, HEIMISH, Kocostar, LAND MUSEUM, Oohlala บอกเลยว่าบางชิ้นบางแบรนด์ถือเป็น Must Have ที่สาวไทยหลายคนถึงกับต้องพรีออร์เดอร์ส่งตรงจากเกาหลีกันเลย แต่ตอนนี้ไม่ต้องเสียค่าพรีและเสียเวลารอแล้ว อะๆ จะพาไปดูว่ามีอะไรน่าเสียเงินบ้าง ตามมา…

ร้านตกแต่งในสไตล์มินิมัลแต่ทันสมัย เพื่อแสดงถึงจุดเด่นและความเป็นตัวตนของ ALAND เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย เพื่อให้มีพื้นที่สามารถโชว์สินค้าได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ชั้นโชว์สินค้าและผนังทั้งหมดของทางร้านจะทำจากสเตนเลส สะท้อนถึงความเรียบง่ายและทันสมัย เพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นอิสระในการเลือกสินค้า

แบรนด์ DongGoo Bat เป็นสบู่ทำความสะอาดผิวกายกลิ่นต่างๆ อาทิ Basil, Kale, Lettuce, Cucumber Eggplant (220 บาท)

แฮนด์ครีมบำรุงผิวมือแบรนด์ LAND MUSEUM มีให้เลือกทั้งหมด 5 กลิ่น (90 บาท)

LAND MUSEUM Dongbaeksumsarangdo Lip Balm (290 บาท)

แบรนด์ LAND MUSEUM เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ทั้งแฮนด์ครีมและครีมบำรุงผิวต่างๆ ที่ช่วยทำให้ผิวสวย เปล่งปลั่งอย่างมีสุขภาพดี

และอื่นๆของ LAND MUSEUM Dongbaeksumsarangdo Toner (590 บาท) Lotion (690 บาท) Essence (850 บาท) Cream (950 บาท) Dongbaek Multi Oil (ุ690 บาท) Forest Multi Oil (ุ690 บาท) Jojoba Multi Oil (ุ690 บาท) Floral Multi Oil (ุ690 บาท) Fruity Multi Oil (ุ690 บาท) Sun Lotion (590 บาท) Primer (450 บาท) Tinted BB (690 บาท) Fitting Foundation (590 บาท) Pore Compact (690 บาท) Mask Pack 3EA (90 บาท) Hand Cream (220 บาท)

COSRX One Step Moisture Up Pad (850 บาท) ชิ้นเด็ดไอเท็ม Must Have จากแบรนด์ COSRX เป็นสำลีเช็ดเครื่องสำอาง ทำความสะอาดผิวหน้า

แบรนด์ COSRX เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาทิ เซรั่ม ครีมบำรุงผิว ลิปบาล์ม ที่ได้รับความพึงพอใจจากคนเกาหลีเป็นอย่างมาก โดยแบรนด์ให้ความสำคัญด้วยการทำวิจัยกับผู้ใช้มากว่า 10 ปี ที่ต่างระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและมอบความชุ่มชื่นแก่ผิวให้เปล่งปลั่ง ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ได้รับความนิยมในเกาหลี เป็นต้น

แผ่นมาสก์หน้าจากแบรนด์ Kocostar หลากหลายคุณประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเลมอน มะเขือเทศ แตงกวา ว่านหางจระเข้ สับปะรด (แผ่นละ 90 บาท)

แผ่นมาสก์จากแบรนด์ Kocostar มีทั้งมาสก์เส้นผม (150 บาท) มาสก์เท้า (แบบ Peeling 190 บาท / แบบ Moisture 90 บาท) และมาสก์มือ (150 บาท)

น้ำหอมจากแบรนด์ LAND MUSEUM ฉีดเพื่อเพิ่มความสดชื่นระหว่างวัน (220 บาท)

เครื่องสำอางแบรนด์ HEIMISH “dailism” Blusher Palette Rose Petal (1,290 บาท) บลัชออนโทนสีกุหลาบ ออกหวานๆ พีชๆ และอายแชโดว์พาเล็ตต์จาก HEIMISH “dailism” Eye Palette Brisk Grey (1,190 บาท) โทนสีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม เป็นสีที่สาวๆใช้บ่อยที่สุด

HEIMISH Artless Perfect Cushion SPF50+ PA+++ (1,290 บาท) คุชชั่นปกปิดผิวให้เนียนสวย HEIMISH All Clean White Clay Foam (490 บาท) โฟมทำความสะอาดผิวหน้า HEIMISH All Clean Balm (690 บาท) บาล์มทำความสะอาดผิวหน้า

HEIMISH Coralic Stick Eye Shadow (550 บาท) อายแชโดว์แบบแท่งโทนสีน้ำตาล / ดินสอเขียนคิ้ว (290 บาท) / อายไลเนอร์ (490 บาท)

แฮนด์ครีมบำรุงผิวมือจากแบรนด์ Oohlala มีให้เลือก 3 แบบ อาทิ Lemon Verbena, Rose, Lavender (220 บาท)

คุชชั่นปกปิดผิด เคสลายน่ารักสดใส จากแบรนด์ Oohlala เช่นกัน Aurore Cushion (890 บาท)

แปรงแต่งหน้ามีหลายขนาด หลากราคา แล้วแต่การใช้งาน

อายแชโดว์พาเล็ตต์จากแบรนด์ Abbamart มี 2 โทนสีให้เลือก อาทิ Brown Smoky Palette (950 บาท) และ Today Is Weather Palette (950 บาท)

ลิปสติกมีให้เลือกหลายเฉดมาก รับรองต้องมีสักสีที่ถูกใจสาวๆแน่ (แท่งละ 450 บาท)

บลัชออน (350 บาท) และคอนซีลเลอร์ (190 บาท) บนตลับลวดลายน่ารัก น่าพกพา

Belleme Believe It Powder Pact (590 บาท) แป้งผสมรองพื้น และ Belleme My Daily Fix Color Lotion SPF30/PA++ (490 บาท) ใช้ทาปกปิดเฉพาะจุด

นี่แค่บิวตี้ไอเท็มบางส่วนเท่านั้นนะ ยังพาทัวร์ไม่ละเอียดทุกชิ้นเลย หากสาวๆสนใจอยากไปช็อปบ้าง ตามมาได้ที่ ALAND ชั้น 2 สยามเซ็นเตอร์

เรื่อง : PP_แพรวดอทคอม
นางแบบ : New Nitcha

ภาพ : Myo Duangporn

ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2560

ดูดวงรายวัน ประจำวันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2560 เช็คทุกวัน ทันทุกดวงกับ แพรว ดอทคอม

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
การงาน : มีภาวะความเป็นผู้นำสูง ไฟแรง วันนี้โดดเด่นเรื่องการปกครองคน แม้จะเผชิญอุปสรรคขวากหนามบ้าง แต่ท่านก็ไม่ยอมแพ้
การเงิน : มีโชคในการหาเงินนอกบ้าน สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเอง
ความรัก :คาดหวังในตัวคู่มาก จนบางครั้งท่านดูแข็งกระด้างและจริงจังมากเกินไป คนโสด ตั้งความหวังไว้ว่า อยากได้แบบเพอร์เฟ็คท์ ซึ่งท่านก็รู้ว่า ในความเป็นจริง ไม่มี
สุขภาพ : อย่าอั้นปัสสาวะ เพราะจะทำให้เป็นโรคกรวยไตอักเสบ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์
การงาน : ท่านตั้งความหวังว่าอยากจะประสบความสำเร็จ วันนี้ในใจและสมองจึงคิดถึงแต่งาน จนลืมสิ่งที่จะต้องทำให้ตัวเองและคนอื่น
การเงิน : ช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน
ความรัก : วันนี้ท่านมี 2 บุคลิก เดี๋ยวก็เรียบร้อย ใจเย็น แต่แป๊บเดียวก็ปรู๊ดปร๊าด นึกอยากจะทำก็ไม่สนใจใดๆ เลย คนโสด รักง่าย เบื่อเร็ว ไม่ก็อยู่เป็นโสดตลอดไป
สุขภาพ : ให้ระวังโรคที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร กระเพาะ และลำไส้

ผู้ที่เกิดวันอังคาร
การงาน : อารมณ์ศิลปินสูง ควรทำงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม จะมีคนช่วยสนับสนุนอยู่ตลอด
การเงิน : หมดเงินกับความสุรุ่ยสุร่าย กับความสุขสบายจนขาดสติ
ความรัก : วันนี้ขอใช้เวลาเพื่อความบันเทิงเริงรมย์กับแฟน คนโสด ท่านกำลังอยู่ในห้วงแห่งความรัก พยายามคัดเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ดีที่สุด
สุขภาพ : ควรระมัดระวังเรื่องอาหารเลิศรส จะทำให้น้ำหนักเกินมาตรฐาน

ผู้ที่เกิดวันพุธ
การงาน : วันนี้ท่านมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เพราะฉะนั้นจะทำอะไรต้องคิดให้หนัก หากท่านทำดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งช่วยเสริมให้ท่านประสบความสำเร็จ แต่หากท่านคิดในสิ่งที่ไม่ดี การงานท่านก็ล้มเหลวแบบตั้งตัวไม่ติดเช่นกัน
การเงิน : จะหมดกับการทำบุญ
ความรัก : วันนี้อยู่กับกฎระเบียบเป๊ะ ท่านอาจต้องออกงานด้วยกันในฐานะคู่สมรส เลยรู้สึกเกร็ง คนโสด ท่านอาจได้ไปเปิดตัวกับผู้ใหญ่
สุขภาพ : ระวังเป็นไซนัส หรือภูมิแพ้ ซึ่งเกิดจากการแพ้อาหาร หรือฝุ่น

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
การงาน : ต้องเดินทางไปติดต่องานที่โน่นที่นี่ตลอดวัน แต่ไปแบบไม่มั่นใจ คิดมาก และวิตกกังวล จนไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เลย
การเงิน : มีเงินเข้า แต่ก็หมดกับการลงทุน กับความรัก
ความรัก : วันนี้เหมือนท่านขี้เกียจปรับตัวแล้ว ก็เลยเริ่มเบื่อหน่าย พากันไปท่องเที่ยว หรือโยกย้ายสถานที่บ่อยๆ จะดีขึ้น คนโสด ตั้งความหวังสูง และใช้เงินกับความรักเยอะ
สุขภาพ : เลือดลมหมุนเวียนไม่สะดวก ปวดศีรษะ หน้ามืด ตาลาย

ผู้ที่เกิดวันศุกร์
การงาน : ตกหลุมละคะ ท่านทำงานผิดพลาด หรือทำให้งานเสียหาย ทำให้ท้อแท้ อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยู่ในช่วงร้องขอความเป็นธรรม จากผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดให้เห็นใจ
การเงิน : ระวังถูกคนรักปอกลอก
ความรัก : วันนี้ท่านถูกคนรักตีจาก แม้จะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่กลับมา คนโสด ทำใจหน่อยว่า คนที่เข้ามาไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
สุขภาพ : ระวังเป็นโรคซึมเศร้า และมีสภาวะจิตที่ผิดปกติ

ผู้ที่เกิดวันเสาร์
การงาน : ระวังวันนี้อาจถูกเลื่อยขาเก้าอี้ แทงข้างหลัง เพื่อแย่งชิงตำแหน่งหน้าที่การงาน ไม่ควรไว้ใจคนใกล้ชิด หากติดต่องานก็ต้องระวังจะถูกหลอกหรือถูกโกงจนหมดตัว
การเงิน : ระวังมีปากเสียงเรื่องการยืมเงิน หรือระวังถูกขโมยเงิน
ความรัก : วันนี้ท่านอาจพบว่าถูกคนใกล้ตัวหลอก อาจซ่อนกิ๊กไว้ที่ไหนโดยไม่บอกก็ได้ คนโสด ก็ระวังเช่นกัน ท่านอาจต้องเสียใจเมื่อรู้ว่า เขาไม่ได้มีท่านคนเดียว
สุขภาพ : ระวังถูกของมีคมบาด

ยังไม่ใช้คำว่าแฟน “จันจิ” แฮ็ปปี้ มาริโอ้เดินแบบมิลาน เจอกันน้อยแต่ดูกันไปเรื่อยๆ

รักกันเบาๆ มาก็นานแล้ว แต่ก็ยังขอสงวนท่าที ไม่ออกตัวแรงเหมือนเดิม สำหรับสาวจันจิ ไกอา หวานใจของพ่อหนุ่มรูปหล่อ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่ตอนนี้โดดไปโกอินเตอร์ไกลถึงมิลานแฟชั่นวีค ให้เห็นความหล่อลากกลางรันเวย์กันทั่วโลก

ฟากสาวใกล้ตัวอย่างจันจิ ไกอา ที่ตอนนี้ก็มีผลงานให้ดูอยู่ทางเวิร์คพอยท์ ก็ถึงกับออกปากชมหนุ่มโอ้สุดๆ โดยเจ้าตัวบอกว่าภูมิใจมากที่เห็นหนุ่มโอ้ไปไกลได้ขนาดนี้

“รู้สึกภูมิใจมากค่ะ ที่พี่โอ้เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสไปร่วมเดินแบบที่มิลาน จิเองก็เพิ่งมาทราบตอนที่พี่เขาถึงที่นั่นแล้วว่าจะไปเดินแบบ ตื่นเต้นแทนเขาเหมือนกันค่ะ จิเองก็ติดตามผลงานของพี่เขาที่นั่น เห็นภาพที่พี่เขาเดินแบบของแบรนด์ Dolce&Gabbana ตื่นเต้นมากๆ คนเอเชียเดินไม่เยอะเลย และพี่โอ้เขาเดินแบบมาเยอะ เลยไม่แปลกใจที่ทำออกมาได้ดี เป็นมืออาชีพ และสู้คนอื่นได้”

ออกปากชมหนุ่มโอ้ขนาดนี้ เลยต้องยิงคำถามเดิมเกี่ยวกับเรื่องความรักระหว่างเจ้าตัวกับหนุ่มโอ้ ดูซิ ยังจะปากแข็งอยู่ไหม

“ช่วงนี้จิกับพี่โอ้ก็ยังไม่ได้เจอกันเลย พี่โอ้ทำงานต่างประเทศเยอะมากค่ะ ตอนนี้สถานะก็ดูกันไปเรื่อยๆ ก่อนค่ะ”

 

13 ชุดแต่งงานกลิ่นอายยุค 70S จาก Donatelle Godart

account_circle

โดน่าเทล กอดาร์ท (Donatelle Godart) อดีตสไตลิสต์ที่หันมาทำงานด้านออกแบบชุดเจ้าสาวแบบเต็มตัว กับสไตล์ไอคอนในอุดมคติอย่าง เดวิด แฮมิลตัน และเจน เบอร์กิ้น ส่งให้งานชุดเจ้าสาวของเธอฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายในยุค 70s โดดเด่นที่ความโคร่ง ทิ้งตัว ทั้งแบบเปิดไหล่ แขนยาว พร้อมลูกไม้หลากหลายลวดลาย

งานแต่งในสวนสวยกับความรักอันนิรันดร์ของคุณแพร & คุณเป้

account_circle

ถ้าภาพฝันวันแต่งงานของคุณคืองานแสนอบอุ่นที่มีแต่เพื่อนรักและญาติสนิทท่ามกลางธรรมชาติ ไม่เน้นความหรูหราใหญ่โต มองไปทางไหนก็เจอแต่คนคุ้นเคยที่สามารถเรียกชื่อได้ถูกเป๊ะ งานแต่งงานแบบคู่ของคุณแพร – ศุภานันและคุณเป้ – สฤษฎิ์วงษ์ น่าจะเป็นงานที่ทำให้หลายคนอิน ฟินและตบท้ายว่าอยากจัดแบบนี้บ้างจัง

คุณแพรและคุณเป้คิดตรงกันว่า อยากมีงานแต่งงานน่ารักๆ ให้อารมณ์เป็นกันเอง มีพิธีการสั้นๆ แค่ช่วงสวมแหวนหมั้นท่ามกลางสักขีพยานไม่กี่คน จึงเลือกจัดพิธีใต้ต้นฉำฉาอายุร่วมร้อยปีภายใน ณ นิรันดร์ โรแมนติก บูทีค รีสอร์ท โดยตกแต่งบรรยากาศรอบๆ สุดเรียบง่ายด้วยดอกไม้โทนสีขาว – เขียว มีว่าที่เจ้าสาวคนเก่งเป็นผู้ควบคุมการตกแต่งหลักๆ ส่วนฝ่ายชายที่ทำงานอยู่ที่อังกฤษทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุนและร่วมตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ เช่น วันแต่งงาน สถานที่ ธีมงาน เป็นต้น

ด้วยความที่ทั้งคู่มีภาพงานแต่งงานที่ชัดเจนอยู่ในใจ การเตรียมงานจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยในแต่ละขั้นตอนจะมีคุณแม่ของทั้งคู่รวมพลังกันมาช่วยเตรียมงานเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเก้าอี้สำหรับแขกที่ต้องเป็นสีขาวตัดกับสนามหญ้าสีเขียว เบาะที่นั่งตรงขั้นบันไดโซนเธียเตอร์ในช่วงทำพิธีสวมแหวนหรือแม้กระทั่งตำแหน่งการจัดวางซุ้มแลกแหวนและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างแท่นวางแหวน พัดที่จะแจกแขก ฯลฯ

ในวันงาน คุณแพรกำหนดไว้ชัดเจนว่า จะใช้เวลาทำพิธีอยู่ในสวนด้านนอกเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อแขกจะได้ไม่ร้อนมาก เมื่อทำพิธีเสร็จจึงเชิญแขกเข้ามาร่วมรับประทานอาหารในห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งกำหนดการต่างๆ ที่ตั้งใจนี้ เจ้าสาวเป็นคนร่างไว้คร่าวๆ แล้วให้ทีมออร์แกไนเซอร์ช่วยดูแลต่อ โดยไม่ลืมที่จะระบุลงไปอย่างชัดเจนว่า ใครต้องทำอะไร เวลาใด และประจำจุดตรงไหนบ้าง เพื่อที่ในวันงานจะได้ทำหน้าที่เจ้าสาวเพียงอย่างเดียว

แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเป็นเจ้าสาวสายสตรองที่สามารถเก็บทุกโมเมนต์แห่งความสุขได้แบบเต็มร้อย

The Details : Greenery Garden
Venue ณ นิรันดร์ โรแมนติก บูทีค รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ (www.nanirand.com)
Wedding Dress Supananbrand (ไลน์ : @supananbrand)
Groom Suit Reiss (www.reiss.com)
Makeup อิ๊ง – ธนาพล มูลคำ (ไลน์ : lineink1)
Organizer Dice Flower Decor (ไลน์ : Diceflowerdecor)
Photo OAT-CHAIYASITH และ PAAP Production (โทร. 08-6392-3939)

5 เรื่องจำเป็นในงานแต่งงานที่คุณอาจคิดไม่ถึง

account_circle

จัดงานแต่งงานสักครั้งก็มีสารพันสิ่งสรรมากมายให้ต้องเลือก คิด และตัดสินใจ คู่รักคู่ไหนที่เลือกใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็สบายไป เสียเงินแต่ได้มืออาชีพมาคอยจัดการให้ แต่ถ้าคู่ไหนรักความประหยัดคิดจะจัดงานเอง เราขอแนะนำให้คุณจดและจำ 5 เรื่องจำเป็นในงานแต่ง เพื่องานแต่งที่ราบรื่นไร้สะดุด

1. อย่าลืมหาอะไรรองท้อง

1

ทั้งเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวหลายนางมักวุ่นวายจนหัวปั่นในวันงาน เพราะฉะนั้นจงมีสติ อย่ารีบหนักและหาอะไรทานรองท้องก่อนพิธีการจะเริ่ม ถ้าจะให้ดีคุณเจ้าสาวควรเป็นฝ่ายนัดแนะเหล่าแก๊งนางฟ้า (หรือข้ารับใช้!) ให้มาทานอาหารพร้อมกันเสียก่อน จะได้ง่ายต่อการนัดรวมพล ไม่ต้องโทรตามเพราะต่างคนต่างออกไปหาของกินที่อื่น

2. เตรียมสวยให้แก๊งเพื่อนสาว

2

ขึ้นชื่อว่าเพื่อนเจ้าสาวแล้ว ภาระส่วนใหญ่ก็มักจะตกอยู่กับเจ้าสาวแน่นอน สิ่งสำคัญคือ คุณควรจะถามผองเพื่อนให้แน่ใจว่าอยากจะแต่งหน้าทาปากกันเองหรืออยากให้คุณหาช่างหน้าช่างผมมาให้ ถ้าคุณคิดว่าความสวยความงามของสาวๆ เหล่านี้ควรจะไปในทางเดียวกัน แล้วคุณมีใจและมีเงินมากพอ WEweddingguide ขอแนะนำว่าให้คุณจัดหาช่างหน้าช่างผมและนัดแนะวันเวลาเนรมิตความสวยกับผองเพื่อนให้แน่นอน ของฟรีแบบนี้รับรองว่าเพื่อนชอบ! (ปล. กรณีนี้เจ้าสาวคนไหนงบจำกัดก็ต้องบอกเพื่อนด้วยนะจ๊ะ)

3. ให้เวลากับตัวเองบ้าง

3

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเตรียมงานแต่งหรือวันแต่งงาน บางครั้งบางทีคุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยและต้องการพักผ่อนเงียบๆ เพื่อไตร่ตรองและซึมซับความคิด ความสุข ความตื้นตันเหล่านั้น เพราะฉะนั้น WEweddingguide จึงอยากแนะนำให้คุณมองหาสถานที่ส่วนตัวที่เงียบสงบเพื่อให้คุณได้ใช้เวลากับตัวเองได้อย่างเต็มที่

4. กำหนดเวลาลำดับพิธีทั้งหมด

http://keithferrisphoto.com

เพราะว่าห้องจัดเลี้ยงไม่ได้อนุญาตให้คุณใช้สถานที่ได้ทั้งคืน ดังนั้นคุณควรจะกะเกณฑ์เวลาในแต่ละลำดับพิธีให้ดีว่าแต่ละช่วงจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ผู้หลักผู้ใหญ่ขึ้นมาให้โอวาทบ่าวสาว บางท่านพูดสั้นก็ดีไป แต่บางท่านก็พูดนานเท้าความตั้งแต่บ่าวสาวเกิด แบบนี้ท่าจะแย่ มันคงจะดีกว่าถ้าคุณจะกำหนดและแจ้งเวลาให้ท่านเหล่านั้นทราบล่วงหน้าว่าให้พูดได้คนละกี่นาที รวมถึงนัดแนะเวลากับพิธีกรให้ดี จะได้ไม่ต้องโดนปรับเงินเพิ่มเพราะใช้สถานที่เกินเวลาเช่า

5. ผ่อนคลายสักนิดหลังแต่ง

งานแต่งงาน

เตรียมงานแต่งว่าเหนื่อยแล้ว รับแขกวันงานยิ่งเหนื่อยกว่า เพราะฉะนั้นหลังจากเข้าหอกันเรียบร้อยแล้ว คู่ชีวิตป้ายแดงควรหาเวลาไปพักผ่อนกายพักผ่อนใจบ้าง ดื่มด่ำความหวานของน้ำผึ้งพระจันทร์กันสักหน่อย ถือซะว่าเป็นการเติมพลังเติมความสดชื่นให้กับตัวเอง

เรื่องจำเป็นเหล่านี้บางทีบ่าวสาวก็อาจหลงลืมเพราะรายละเอียดต่างๆ ของการเตรียมงานแต่งนั้นช่างเยอะแยะเสียเหลือเกิน เพราะฉะนั้นใครที่อยากให้งานแต่งราบรื่นไร้ปัญหา ต้องไม่พลาดรายละเอียดสำคัญต่างๆ แม้แต่นิดเดียว!

เรื่อง : สนมจาง
เรียบเรียง : www.brides.com
ภาพ : keithferrisphoto.com, www.hotel-r.net, belfiorebridal.com, ensu.tk, jamiedunnphotography.com

keyboard_arrow_up