เป็นที่รู้กันดีว่าเรื่องของ “อายุ” กับผู้หญิงไทยยังคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเซ้นส์ซิทีฟอยู่มาก และเชื่อว่ายังมีผู้หญิงอีกหลายคนไม่กล้า หรือแม้กระทั่งอยากที่จะเปิดเผยอายุของตัวเองให้กับสังคมหรือคนใกล้ตัวได้รับรู้ เพราะสิ่งที่ตามมาก็คือความคาดหวังจากสังคมที่มีต่อตัวพวกเธอในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน หรือความรักที่มั่นคง ส่งผลให้ในชีวิตจริง มีผู้หญิงมากมายที่ไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพียงเพราะกลัวที่จะไปทำลายความคาดหวังของสังคมและคนรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครอบครัวที่เธอรัก

ซึ่งจากผลสำรวจของโอเลย์ที่จัดทำขึ้นกับผู้หญิงไทยจำนวน 1,000 คน อายุ 25 – 49 ปี เผยว่า ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ยังคงต้องแบกรับภาระ และเผชิญกับคาดหวังจากสังคมในทุกช่วงอายุไม่ว่าจะเป็น 20, 30 หรือ 40 ส่งผลให้ 86 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงไทยรู้สึกไม่ยุติธรรมที่สังคมได้ตั้งความคาดหวังในตัวพวกเธอโดยตัดสินจาก “ช่วงอายุ”  จนทำให้พวกเธอกลัวที่จะแก่ เพราะรู้ดีว่าอายุที่เพิ่มขึ้นนั้นมาพร้อมกับความคาดหวังจากสังคมและคนรอบข้าง

โอเลย์จึงหยิบยกประเด็น “ความคาดหวังจากสังคมในแต่ละช่วงอายุ” มาทำเป็นหนังสั้นชื่อ “30 แล้วไง” ที่จะเติมพลังบวกให้กับผู้หญิงแบบสุดๆ ว่า อย่ากลัวแก่ ผ่านแนวคิด #อายุเท่าไหร่ก็ไม่กลัว ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของโอเลย์ในการเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจ ปลุกพลังความเชื่อมั่นของผู้หญิงให้ไม่กลัวอายุ กล้าใช้ชีวิต และทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด โดยเลือกที่จะหยิบชีวิตของผู้หญิงในวัย 30 มาตีแผ่ เล่าผ่านมุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องแบกรับเรื่องราว พร้อมเผชิญกับความคาดหวังจากสังคมและคนใกล้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากพ่อแม่ที่คาดหวังให้เธอมีหน้าที่การงานมั่นคง นอกจากนี้ยังเติมความดราม่าเข้าไปอีกขั้นด้วยคำถามจี๊ดโดนใจ ที่ผู้หญิงวัย  30 มักโดนถามสั้นๆ จากคนรอบข้างและครอบครัว อย่างเช่น “เมื่อไหร่จะแต่งงาน”

นอกจากนี้ เธอยังต้องพบเจอกับความคาดหวังในรูปแบบอื่นๆ ที่เรียกได้ว่าท้าทายความรู้สึกกันแบบสุดๆ รวมถึงโมเมนต์สุดซึ้งที่มั่นใจว่าจะเรียกน้ำตาจากคนดูได้ไม่น้อย อย่างตอนที่พ่อและแม่เดินทางไปส่งหญิงสาวเพื่อทำตามสิ่งที่เธอต้องการพร้อมกับโค้ดลับในการสร้างกำลังใจ ที่ทำให้เธอก้าวข้ามผ่านอุปสรรคมาตั้งแต่เล็กจนโต และนำมาเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หญิงสาวกล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับกรอบที่สังคมคาดหวัง ไม่ปล่อยให้อายุมาเป็นกรอบในการใช้ชีวิต จนกลายมาเป็นคนที่ #อายุเท่าไหร่ก็ไม่กลัว

หนังสั้นชื่อ “30 แล้วไง” ที่จะเติมพลังบวกให้กับผู้หญิงแบบสุดๆ ว่า อย่ากลัวแก่

‘ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง’ สำนวนนี้ยังคงใช้ได้จริงในทุกยุคทุกสมัย เพราะผู้หญิงกับความงามมักเป็นของคู่กันเสมอ ซึ่งการดูแลผิวพรรณให้สวยสุขภาพดีก็ถือเป็นพื้นฐานแรกของการแต่งแต้มเครื่องสำอางลงบนใบหน้า ดังนั้น การทำความสะอาดผิวหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญประการแรกที่จะสามารถเผยผิวสวยสุขภาพดีได้ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง แพทย์หญิงกนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช และกูรูสาวด้านความงาม ชัญญภัส ศรีไพศาล หรือ Onnbaby ได้แนะนำขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหากละเลยการทำความสะอาดผิวหน้า นอกจากนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้สาวผิวสวย ณพสรา ไทยวัฒน์, ญาดา รุ่งวัฒนภักดิ์ และธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ร่วมแชร์เคล็ดลับการดูแลผิวหน้าให้สวยใสมาฝากสาวๆ แพรวดอทคอม อีกด้วย

แพทย์หญิงกนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช แนะขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธีว่า “สภาพผิวของคนเราจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน ก็คือ

• ผิวมัน ดูได้จากใบหน้าทุกส่วนมีความมันเพราะต่อมไขมันทำงานหนัก โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ซึ่งจะทำให้ผิวอุดตันได้ง่าย
• ผิวแห้ง สังเกตได้จากผิวหน้าที่ขาดความชุ่มชื้น มักจะเป็นผิวที่สามารถเกิดการระคายเคือง ผื่นคัน สิวผดขึ้นได้ง่ายกว่าผิวมัน
• ผิวผสม จะเป็นผิวที่มีความมันบริเวณทีโซน แต่ผิวจะแห้งบริเวณโหนกแก้ม ฉะนั้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง รวมถึงการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยเช่นกัน เพราะผิวที่สะอาดนับเป็นพื้นฐานสำคัญของการบำรุงในขั้นต่อไป

เริ่มจากการทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นพวกออยล์ เพราะในเครื่องสำอางจะมีส่วนผสมของไขมันเป็นองค์ประกอบ โดยออยล์จะไปละลายไขมันที่ผสมในเครื่องสำอาง ทำให้ล้างเครื่องสำอางออกได้ง่าย และควรเลือกออยล์ที่ผลิตจากน้ำมันจากพืชธรรมชาติ เพราะจะไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนในขณะทำความสะอาด แนะนำให้ใช้นิ้วนวดคลึงเบาๆ บริเวณเปลือกตา เพราะเป็นจุดที่ลงเครื่องสำอางค่อนข้างเยอะ บริเวณขอบตาที่ลงอายไลเนอร์ให้ใช้ค็อตต้อนบัตเช็ดแบบเบามือที่สุด เพราะเนื้อเยื่อบริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่อ่อนโยน สามารถเกิดริ้วรอยได้ง่าย

นอกจากนี้ ควรเน้นบริเวณปีกจมูกและร่องแก้ม เพราะเครื่องสำอางสามารถเข้าไปอุดตันได้ง่าย จากนั้น ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าทำความสะอาดตามปกติ ซึ่งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากฟอง และมีค่าพีเอชในระดับเดียวกับผิว เพื่อไม่เป็นการทำร้ายผิวให้เกิดการระคายเคือง และล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติจนกว่าใบหน้าจะสะอาด จากนั้น ให้ใช้โทนเนอร์เพื่อทำความสะอาดเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อกระชับรูขุมขนและเตรียมผิวให้พร้อมก่อนทาครีมบำรุงในขั้นตอนถัดไป”

ชัญญภัส ศรีไพศาล หรือบิวตี้บล็อกเกอร์สาว Onnbaby เสริมถึงวิธีการดูแลผิวหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาผิว รวมถึงเผยเทรนด์การแต่งหน้าประจำปี 2018 นี้ “เทรนด์การแต่งหน้าปีนี้จะเป็นเน้นโทนสีแปลกๆ พวกเมทัลลิค หรือกลิตเตอร์สดใสที่ดูฉูดฉาด ฉ่ำวาว จะเน้นที่เปลือกตา โหนกแก้ม และริมฝีปาก ซึ่งเป็นสีที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้แต่งในชีวิตประจำวัน เราก็อาจจะปรับให้เข้ากับความชอบและกาลเทศะในแต่ละวัน เพราะจริงๆ การแต่งหน้ามันไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว อย่างในวันธรรมดาหรือทำงานปกติก็อาจจะเลือกแต่งเป็นโทนสีชมพูทองหวานๆ หรือโทนสีพีช แต่ถ้าเป็นงานปาร์ตี้กลางคืนก็อาจจะเพิ่มความโดดเด่นให้ดวงตาด้วยโทนสีน้ำตาลเข้ม และผู้หญิงอย่างเราถ้าชอบแต่งหน้าแล้วก็ต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยเช่นกัน เพราะถ้าเราละเลยสภาพผิวก็จะเสื่อมสภาพลงไปด้วย

สิ่งแรกที่จะรู้สึกได้เลยถ้าลืมล้างหน้าก่อนนอนก็คือวันถัดมาผิวจะแห้งและไม่อุ้มน้ำ ถึงจะแต่งหน้ายังไงเครื่องสำอางก็จะไม่ติดผิว การทำความสะอาดผิวหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมก่อนการบำรุงและการแต่งหน้าในวันถัดไป อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือความสะอาดของอุปกรณ์แต่งหน้า หากละเลยการทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า อาจนำไปสู่การเกิดสิวอุดตันได้ เช่น แปรงแต่งหน้าควรหมั่นทำความสะอาด เพื่อป้องกันขนแปรงกระจายและเสียรูปทรง แปรงแต่งหน้าที่สกปรกจะสร้างความเสียหายให้กับผิว ทุกครั้งที่ใช้แปรงแต่งหน้าขนแปรงจะค่อยๆ หนาขึ้นจากการสะสมของคราบน้ำมันและผิวหนังที่ตายแล้ว ยิ่งใช้ก็ยิ่งเพิ่มแบคทีเรียบนใบหน้า พวกแปรงคอนซีลเลอร์ แปรงรองพื้น แปรงปัดแก้ม ควรล้างสัปดาห์ละครั้ง พวกแปรงเขียนคิ้ว แปรงเขียนปาก ควรล้างเดือนละครั้ง ส่วนแปรงอายไลเนอร์ แปรงอายแชโดว์ ควรล้าง 2 เดือนครั้ง ถ้าเป็นพัฟพ์หรือฟองน้ำก็ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง พอล้างแล้วก็นำไปตากแดดฆ่าเชื้อให้แห้งก่อนนำเก็บเข้ากระเป๋าแปรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝุ่นจับ”

6 เทคนิคการล้างหน้าอย่างถูกวิธี

ซึ่งกูรูสาวแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ THANN ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม เริ่มจากทำความสะอาดผิวหน้า และเครื่องสำอางโดยด้วยผลิตภัณฑ์ Rice bran cleansing oil น้ำมันสำหรับทำความสะอาดผิวหน้า สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด รวมถึงเครื่องสำอางชนิดกันน้ำพร้อมคุณค่าของสารสกัดธรรมชาติและน้ำมันออร์แกนิคหลากชนิดที่มีคุณสมบัติในการบำรุงและปกป้องผิว อาทิ น้ำมันรำข้าวที่อุดมด้วยวิตามินอี และสารแกมม่า ออริซานอล ไม่เหนอะหนะ ไม่อุดตันรูขุมขน น้ำมันออร์แกนิคจากดอกเคมีเลีย และน้ำมันเมล็ดงาออร์แกนิคอุดมไปด้วยสารโอเมก้า 3, 6, 9 และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ พร้อมคืนความชุ่มชื้นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดด น้ำมันมะกอกออร์แกนิค อุดมไปด้วยสารสควาเลน มีคุณสมบัติมอบความชุ่มชื้น และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิวหน้าได้อย่างยาวนาน และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อีกทั้ง ยังสามารถลดความแห้งกร้านแก่ผิวได้อีกด้วย พร้อมสารสกัดจากใบหม่อน ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ และปิดท้ายการทำความสะอาดผิวหน้าด้วย Nano shiso facial cleanser ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน พร้อมรักษาสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว ซึ่งปราศจากฟอง และสารอัลคาไลน์ อีกทั้งยังมีค่า pH ที่ 5.5 – 6.5 ที่อยู่ในระดับเดียวกับผิว ด้วยคุณค่าสารสกัดจากใบชิโซะอนุภาคขนาดเล็ก และสารสกัดจากใบชาเขียว ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังว่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย

สาวเวิร์คกิ้งวูแมน ณพสรา ไทยวัฒน์  “ปกติแล้วจะเป็นคนที่ไม่ค่อยแต่งหน้าหนักมาก นอกจากวันที่จะต้องออกไปทำงานหรือพบลูกค้า เพราะเป็นคนผิวค่อนข้างแพ้ง่าย เวลาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือทำความสะอาดผิวหน้า จะเลือกจากส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิคเป็นหลัก ซึ่งจะเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายอย่างเรา เวลาทำความสะอาดผิวหน้าเราจะใช้คลีนซิ่งออยล์นวดเบาบริเวณดวงตา ส่วนริมฝีปากจะหยดคลีนซิ่งออยล์ลงบนแผ่นสำลีแล้วเช็ดจนกว่าจะสำลีที่เช็ดจะไม่มีคราบเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกเหลืออยู่หลังจากนั้นก็ล้างหน้าตามปกติ แล้วก็ทาครีมบำรุงเป็นขั้นตอนต่อไป”

สาวสวยรอยยิ้มมีเสน่ห์ ญาดา รุ่งวัฒนภักดิ์ “ส่วนตัวเป็นคนที่ผิวค่อนข้างแห้ง ยิ่งถ้าช่วงที่ต้องออกงานแล้วแต่งหน้าหนักๆ ติดต่อกัน 3-4 วัน จะสังเกตได้เลยว่าผิวเริ่มแห้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการล้างหน้า และทาครีมบำรุงก่อนนอนมาก เพราะเชื่อว่ามันคือการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับวันถัดไป ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้จะต้องมีคุณสมบัติในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวระหว่างการล้างหน้า ปกติจะชอบใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์ล้างหน้าอยู่แล้ว เพราะสามารถล้างเครื่องสำอางได้หมดจดแล้วยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีอีกด้วย”

สาวสังคม ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา “เป็นคนให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวมากกว่าการแต่งหน้าอยู่แล้ว เพราะเชื่อเสมอว่าผิวหน้าที่สะอาดและสุขภาพดีแต่งหน้ายังไงก็สวย ซึ่งเราจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เพราะเราเป็นคนที่ผิวแพ้ง่าย ส่วนขั้นตอนการล้างหน้าก็จะเริ่มจากการใช้คลีนซิ่งออยล์ล้างบริเวณดวงตา ริมฝีปาก แล้วก็จะใช้สำลีเช็ดทั่วใบหน้าอีกครั้ง ก่อนล้างทำความสะอาดด้วยเจลล้างหน้าที่ปราศจากฟอง และต้องมีค่าพีเอชเดียวกับผิว ก่อนล้างออกก็จะถูวนเป็นวงกลมให้ทั่วใบหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น และตามด้วยโทนเนอร์อีกครั้ง เพื่อเป็นการกระชับรูขุมขนและเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป”