See’s Candies

บุกไทย See’s Candies ร้านขายช็อกโกแลตหมื่นล้าน ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี

Alternative Textaccount_circle
See’s Candies
See’s Candies

ซีส์ แคนดีส์ ช็อกโกแลตที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปีจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดตัวสาขาแรกในประเทศไทย พร้อมส่งมอบความอร่อยจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด ณ ชั้น G บริเวณหน้า กูร์เมต์ มาร์เก็ต ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์

See’s Candies

ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ ประธานบริษัท เคเอฟยู จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าแบรนด์ คริสปี้ ครีม,ซินนาบอน, บูลโกกิ บราเธอร์ส, พาย เฟสซ์ และแบรนด์น้องใหม่ในเครือคือ See’s Candies (ซีส์แคนดีส์) กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจาก See’s Candies, Inc.และ See’s Candy Shops, Inc. ให้ได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่ง See’s Candiesเป็นแบรนด์ผู้ผลิตและจำหน่ายช็อกโกแลตที่ก่อตั้งจากความฝันของ Charles See ที่อยากมีร้านขายลูกกวาดจากฝีมือคุณแม่ จึงได้เปิดร้าน See’s Candies สาขาแรกที่เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1921 โดยยึดถือคติว่า“คุณภาพไม่สามารถต่อรองได้” (Quality without Compromise®) จนมี260สาขาทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และมี 92 สาขาที่เป็นตัวแทนจำหน่ายใน 15 ประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, ไต้หวัน ฯลฯและประเทศไทยถือเป็นตัวแทนอันดับล่าสุด

See’s Candies

“เหตุผลหลักที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจลงทุนในธุรกิจนี้คือ ความประทับใจที่มีต่อผู้ก่อตั้ง ที่เกิดความผูกพันกับฝีมือทำลูกกวาดคุณแม่ จนเกิดเป็นความฝัน และทำจนสำเร็จ อีกทั้งยังยึดจรรยาบรรณของผู้ผลิตที่คัดเฉพาะวัตถุดิบที่ดีที่สุด ปราศจากสารเคมีปรุงแต่ง หรือวัตถุกันเสียและใช้กรรมวิธีในการบ่มช็อกโกแลต ซึ่งถือเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้ช็อกโกแลตมีรสชาตินุ่มนวล กลมกล่อม และช่วยยกระดับรสชาติของช็อกโกแลตให้อร่อยยิ่งขึ้น

“นอกจากนี้ See’s Candies ยังเป็นแบรนด์ที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet) และ ชาร์ลี มังเจอร์ (Charlies Munger) แห่ง Berkshire Hathaway ติดใจในรสชาติเมื่อได้ลองชิม และตัดสินใจลงทุนซื้อกิจการและด้วยคุณภาพและความอร่อยที่แสนประทับใจ ทำให้มหาเศรษฐีซึ่งเป็นนักลงทุนระดับโลกยังมอบนโยบายในการบริหารว่า “ไม่ลดคุณภาพสินค้าเพื่อผลกำไร”

See’s Candies

สำหรับการจัดงานเปิดร้าน “ซีส์ แคนดีส์” สาขาแรกในประเทศไทยในครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจากเกว็นดลิน เจ. คาร์ดโน(Gwendolyn J. Cardno)อัครราชทูตที่ปรึกษาสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยให้เกียรติมาเป็นประธานฝ่ายสถานทูต และร่วมแสดงความยินดี พร้อมด้วย เซอร์จิโอ กูซมัน (Sergio Guzman) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย See’s Candies, Inc. และ See’s Candy Shops, Inc. รวมถึงแขกผู้มีเกียรติ อาทิคุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช, ปัญญชลี เพ็ญชาติ, บุปผา กิ่งชัชวาลย์, กฤษณ์ ณรงค์เดช, กรองกาญจน์ ชมะนันท์, วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ, ฤาชุตา บุญสูง, อัครรัฐ วรรณรัตน์, โสฬส อมาตยกุล, สิดารัศมิ์ พุทธินันทน์, ม.ร.ว.จันทรลัดดา ยุคล ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีคุณอภิวัฒน์พงษ์วาท (หนึ่ง ETC) และคู่พี่น้องสุดหล่อ เจ้านาย จินเจษฎ์ และ เจ้าขุน จักรภัทร วรรธนะสิน ที่มามอบบทเพลงสนุกๆ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับเหล่าแฟนคลับ และแฟนพันธุ์แท้ของ ซีส์ แคนดีส์ อีกด้วย

ร้าน “ซีส์ แคนดีส์” สาขาแรกมีสไตล์การตกแต่งร้านที่ยึดตามคอนเซปต์หลักคือ สีขาว-ดำที่ให้ทั้งความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยแต่ขณะเดียวกันก็สว่างสดใส อีกทั้งยังรู้สึกถึงความเป็นสีสันของแฟชั่นที่เรียบหรูอีกด้วยและยังมีความโดดเด่นในเรื่องช็อกโกแลตที่นำเข้าแบบ100%ซึ่งมีทั้งเมนูสุดโปรดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ถ้าใครสังเกตจะเห็นมีวางอยู่ที่โต๊ะการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเสมอ นั่นคือ Peanut Brittleขนมถั่วตัดสูตรดั้งเดิมของ Mary See รวมทั้งเมนูที่แสนจะโด่งดังอย่าง Toffee-ettes® ท๊อฟฟีเนย เดนิชเข้มข้นคลุกเคล้ากับถั่วอัลมอนด์คั่วหอมกรุ่น และ Assorted Lollypops พาย้อนวัยเยาว์ด้วยอมยิ้ม ที่มีส่วนผสมชั้นเยี่ยม ร่วมด้วยรสชาติของวานิลลาบัตเตอร์สก็อตช์ ช็อกโกแลต และกาแฟแท้ๆ รวมทั้ง ช็อกโกแลตปลอดน้ำตาลสำหรับสายรักสุขภาพ และเมนูพร้อมแพ็กเกจพิเศษประจำเทศกาล ฯลฯ

มาอร่อยกับ “ซีส์ แคนดีส์ ” ความอร่อยระดับตำนานที่เหล่ามหาเศรษฐี และช็อกโกแลต เลิฟเวอร์ต่างยกนิ้วให้สมกับคอนเซปต์“Quality without Compromise®” ได้แล้ววันนี้ ณ ร้าน See’s Candies ชั้น G บริเวณหน้า กูร์เมต์ มาร์เก็ต ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์

GENTLEWOMAN WOMEN The Grand Celebration ร่วมส่งต่อแรงบันดาลใจ ผสานรวมแฟชั่นและศิลปะไว้ในงานเดียว ณ The Warehouse Talat Noi

account_circle

แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทยขวัญใจผู้หญิงยุคใหม่ GENTLEWOMAN กลับมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในงาน GENTLEWOMAN WOMEN The Grand Celebration ร่วมเฉลิมฉลองความเป็นผู้หญิงในทุกรูปแบบ สร้างแรงบันดาลใจในการแสดงตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด งานจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ The Warehouse Talat Noi ด้วยแนวคิดที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ผสานโลกแห่งศิลปะและแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกัน เป็นการฉีกกรอบจากสิ่งที่แบรนด์เคยทำมา โดยเน้นการนำเสนอทุกองค์ประกอบนำมาตีความในแบบฉบับ GENTLEWOMAN เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมตกแต่งด้วย LED Tunnel และ Circle Stage ซึ่งออกแบบมาเพื่อถ่ายทอดข้อความหลักของแบรนด์อย่างชัดเจน และเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

ภายในงานเป็นการรวมตัวของเหล่าสาวๆ ที่ล้วนมีสไตล์ทรงพลังในแบบฉบับของตัวเอง อาทิ ใหม่ ดาวิกา, แอลลี่ อชิรญา, ส้ม มารี, พลอย หอวัง, จูเน่ เพลินพิชญา, ใบปอ ธิติยา รวมถึงเซเลบริตี้ และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำของไทยและเอเชียอีกกว่า 400 คน พร้อมฟูลฟิลความสนุกแบบสุดขีดไปกับไฮไลต์ของงาน ได้แก่ ศิลปินสาวพร้อมด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน วี วิโอเลต วอเทียร์ ศิลปินหญิงต้นแบบวัยมันส์ พร้อมด้วยคาแรกเตอร์เฉพาะตัว มิลลิ ดนุภา คณาธีรกุล รวมทั้งสองดีเจชื่อดังระดับสากลอย่าง TokiMonsta และAnika ที่มาร่วมสร้างสีสันบรรยากาศสุดพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองความเป็นผู้หญิงในทุกแง่มุม เผยความเป็นตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด

GENTLEWOMAN” ที่มาจากการผสานแรงบันดาลใจจากตัวละครหญิงที่เป็นต้นแบบให้ผู้หญิงหลายคนอย่าง Wonder Woman ที่ทั้งสง่างามและทรงพลัง เชื่อมโยงกับคำว่า Gentleman ซึ่งหมายถึงความเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติผู้อื่น ด้วยเป้าหมายหลักของแบรนด์ในการสร้างสรรค์แฟชั่นที่ไม่เพียงแต่สวยงามจากภายนอก แต่ยังส่งเสริมความเป็นตัวเองจากภายใน ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านแนวคิด Empowerment ที่แฝงอยู่ในทุกชิ้นงาน เพื่อช่วยผลักดันพลังความเป็นอิสระ มั่นใจ ให้ผู้หญิงสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เฉิดฉายกว่าที่เคย

ค้นหาความเป็น GENTLEWOMAN ในแบบของตัวเอง ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักในความเป็นผู้หญิงอีกครั้ง ได้ที่ Gentlewoman Store ทุกสาขา หรือผ่านทางออนไลน์ www.gentlewomanonline.com

@Gentlewomanstore #GentlewomanWomen


นอนกรน

อาการนอนกรนอันตรายกว่าที่คิด! รักษาอย่างไรถึงปลอดภัย? 

account_circle
นอนกรน
นอนกรน

การนอนกรนอาจเป็นปัญหาที่หลายคนกำลังประสบอยู่และส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับ ไม่เพียงแต่คนที่นอนกรนเอง แต่ยังรวมถึงคู่ชีวิต เพราะการนอนกรนมักทำให้เกิดเสียงดังมาก จนรบกวนการนอนหลับของคนรอบข้าง ทั้งยังเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ควรใส่ใจ การหาวิธีแก้นอนกรนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนท่านอน หรือการใช้วิธีทางการแพทย์ต่าง ๆ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหานี้ เพื่อค้นหาวิธีที่เหมาะสมในการช่วยให้ผู้ที่นอนกรนได้มีคุณภาพชีวิตและคุณภาพการนอนที่ดีขึ้นกัน!

การนอนกรนอันตรายต่อสุขภาพอย่างไร?

การนอนกรนเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงแค่สร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยการนอนกรนสามารถนำไปสู่ผลกระทบต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพโดยรวมของเราได้ ดังนี้

  • ความอ่อนเพลียระหว่างวัน : ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่มีสมาธิในการทำงาน เนื่องจากได้รับออกซิเจนระหว่างนอนหลับน้อยลง
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง : การนอนกรนอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ความดันสูง และโรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคหยุดหายใจขณะหลับ : การนอนกรนอาจเป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งทำให้มีการหยุดหายใจชั่วขณะในขณะนอนหลับ ส่งผลให้เกิดการขาดออกซิเจน
  • ปัญหาสุขภาพจิต : ผลกระทบทางอ้อมจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ สามารถส่งผลต่ออารมณ์และสุขภาพจิต ทำให้มีความเครียดหรือวิตกกังวลมากขึ้นได้อีกด้วย

รักษาอาการนอนกรน ทำอย่างไรได้บ้าง?

แก้อาการนอนกรน ด้วยตัวเอง

การรักษาอาการนอนกรนเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยคืนคุณภาพการนอนหลับ โดยวิธีการรักษาสามารถเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดน้ำหนักหรือการปรับท่านอน นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือทางการแพทย์หรือการผ่าตัดก็เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีภาวะนอนกรนในระดับรุนแรง เพราะฉะนั้น การเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้แนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลวิธีแก้ปัญหาการนอนกรนที่น่าสนใจ ดังนี้

1. การรักษาด้วยเครื่อง CPAP

การรักษาอาการนอนกรนด้วยเครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม โดยเครื่องนี้จะช่วยส่งอากาศแรงดันสูงเข้าไปในทางเดินหายใจขณะนอนหลับ เพื่อช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้เป็นปกติ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การใช้เครื่อง CPAP สามารถช่วยลดเสียงกรนและทำให้การนอนหลับมีคุณภาพยิ่งขึ้น

การใช้เครื่อง CPAP ต้องมีการปรับตั้งให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ป่วย ซึ่งจะหาค่าแรงดันที่เหมาะสมจากการทำ Sleep Test เพื่อช่วยให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และทำให้การนอนหลับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2. การใช้เครื่องมือในช่องปาก

การใช้เครื่องมือในช่องปากเป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหานอนกรน โดยเครื่องมือเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อปรับตำแหน่งของขากรรไกรล่างหรือลิ้น เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้นในขณะนอนหลับ ซึ่งส่งผลให้เสียงกรนลดน้อยลงและคุณภาพการนอนหลับดีขึ้น โดยเครื่องมือในช่องปากจะต้องออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ใช้แต่ละบุคคล โดยแพทย์จะทำการวัดและปรับให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสบายขณะใช้งาน

3. การผ่าตัดอวัยวะที่ส่งผลกระทบต่ออาการนอนกรน

การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษานอนกรนที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการรุนแรง หรือรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่ได้ผล โดยการผ่าตัดมักจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขโครงสร้างทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจและลำคอ เช่น การผ่าตัดโคนลิ้น หรือการผ่าตัดผนังกั้นช่องจมูกที่คด สามารถช่วยลดอาการและเสียงกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แพทย์เฉพาะทางจะเป็นผู้ตัดสินใจหลังจากการวินิจฉัยและประเมินอาการอย่างละเอียด

การดูแลสุขภาพเพื่อลดอาการนอนกรน

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในการลดอาการนอนกรน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพและลดเสียงกรนได้ วิธีการดูแลสุขภาพมีหลายวิธี ยกตัวอย่างด้านล่างดังต่อไปนี้

ลดน้ำหนัก : การลดน้ำหนักสามารถช่วยลดไขมันบริเวณลำคอ ทำให้สามารถหายใจตอนนอนได้สะดวกขึ้น

ปรับท่านอน : การนอนตะแคงช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างมากกว่าการนอนหงาย

หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่ : สารเหล่านี้สามารถทำให้กล้ามเนื้อในลำคอหย่อนมากเกินไป ปิดช่องทางเดินหายใจให้แคบลงขณะนอนหลับ

รักษาโรคภูมิแพ้ : การจัดการกับปัญหาภูมิแพ้สามารถช่วยลดการนอนกรนที่เกิดจากอุดตันในทางเดินหายใจได้

สรุปเกี่ยวกับการนอนกรน

การนอนกรนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับและสุขภาพโดยรวม โดยอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การอุดตันของทางเดินหายใจ โรคอ้วน หรือปัญหาทางกายภาพในช่องปาก ทำให้การรักษาอาการนอนกรนมีหลายวิธี เช่น การปรับพฤติกรรม การใช้เครื่องมือในช่องปาก หรือแม้แต่การผ่าตัดในกรณีที่มีอาการรุนแรง

สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหานอนกรนและสุขภาพ การใช้แอปพลิเคชันปรึกษาแพทย์ออนไลน์อย่าง SkinX ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกและรวดเร็ว โดยสามารถติดต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมและคำแนะนำในการรักษา ช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหานอนกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย


Glenfiddich ชวน ศิลปินจีน ร่วมสร้างสรรค์ศิลปะบนของขวัญสุดลิมิเต็ด ณ POP-UP Store at Emquartier

Glenfiddich ชวน ศิลปินจีน ร่วมสร้างสรรค์ศิลปะบนของขวัญสุดลิมิเต็ด ณ POP-UP Store at Emquartier

Alternative Textaccount_circle
Glenfiddich ชวน ศิลปินจีน ร่วมสร้างสรรค์ศิลปะบนของขวัญสุดลิมิเต็ด ณ POP-UP Store at Emquartier
Glenfiddich ชวน ศิลปินจีน ร่วมสร้างสรรค์ศิลปะบนของขวัญสุดลิมิเต็ด ณ POP-UP Store at Emquartier

สำหรับโอกาสในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีนี้ Glenfiddich ได้เนรมิต POP-UP สุดพิเศษใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมจับมือ Zhang Yu ศิลปินจีน สื่อผสมวัย 35 ปี ผู้เชี่ยวชาญในการเชื่อมโยงองค์ประกอบทางวัฒนธรรมระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก ร่วมสร้างสรรค์ศิลปะภาพหมึกจีนบนของขวัญสุดลิมิเต็ด อิดิชั่น ชวนคนรักงานอาร์ต ดื่มด่ำศิลปะตำนาน “กวางเก้าสี” ในคอนเซ็ปต์ “For Great Encounters” ณ ป็อปอัพสโตร์ เอ็มสเฟียร์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 ธันวาคม 2567

ชุดของขวัญรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ต้อนรับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2025 ที่กำลังมาถึง Glenfiddich ได้ผสานความเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ศิลปะ และความหรูหรา เพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาสำคัญที่เต็มไปด้วยความหมายและความสัมพันธ์สุดพิเศษด้วยแรงบันดาลใจจากตำนาน กวางเก้าสี แพ็คเกจของขวัญรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นสำหรับเทศกาลปีใหม่ 2025 นี้ ถ่ายทอดเรื่องราวการผสมผสานอันงดงามระหว่างกวางที่เป็นสัญลักษณ์ของ Glenfiddich กับกวางในตำนานของวัฒนธรรมจีน โดยความร่วมมือครั้งนี้ได้รับการรังสรรค์ผ่านศิลปะอันโดดเด่นของ Zhang Yu ศิลปินสื่อผสมวัย 35 ปี ผู้เชี่ยวชาญในการเชื่อมโยงองค์ประกอบทางวัฒนธรรมระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก ผ่านงานสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ ด้วยการผสานศิลปะการวาดภาพด้วยหมึกจีนดั้งเดิมเข้ากับสีสันที่สดใสและเทคนิคสมัยใหม่ Zhang Yu ได้สร้างสรรค์ลวดลายสุดพิเศษให้กับแพ็คเกจรุ่นลิมิเต็ด เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลนี้

นอกจากแพ็คเกจที่สวยงามแล้ว ที่ Glenfiddich POP-UP ยังมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ได้สัมผัสความพรีเมี่ยมและน่าหลงใหลของในช่วงเฟสทีฟ พร้อมจับคู่กับคราฟต์ช็อกโกแลตชั้นเลิศจากกาลเวลาเพื่อดึงรสสัมผัสอันโดดเด่นของ Glenfiddich แต่ละปี และพิเศษสำหรับการมอบเป็นของขวัญยังมีบริการแกะสลักข้อความและพิมพ์ข้อความลงบนฉลากเพื่อให้ได้ส่งต่อข้อความสำคัญถึงคนพิเศษในเทศกาลปีใหม่นี้อีกด้วย

ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ 2025 กับ Glenfiddich พร้อมสร้างความทรงจำอันงดงามในกับเทศกาลสุดพิเศษ โดยสามารถแวะเยี่ยมชม Glenfiddich POP-UP เพื่อค้นหาของขวัญพรีเมี่ยมสุดพิเศษสำหรับคนสำคัญและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ที่สะท้อนถึงความหรูหราและความพิถีพิถันทางศิลปะ ได้ที่ Glenfiddich POP-UP Store at G floor, Emquartier ตั้งแต่วันนี้ – 15 ธันวาคม 2567


Rolling Loud Thailand 2024

ซูมให้สุด มันส์สุดเหวี่ยงไปกับคอนเสิร์ต Rolling Loud Thailand 2024

account_circle
Rolling Loud Thailand 2024
Rolling Loud Thailand 2024

แพรวพาไปมันส์สุดเหวี่ยง กับคอนเสิร์ตสุดปังแห่งปีอย่าง Rolling Loud Thailand 2024 ซึ่งครั้งนี้เราได้พก OPPO Find X8 Series ไปซูมศิลปินระดับโลกกันแบบจัดเต็มทุกช็อต เห็นกันแบบชัดๆ

ซูมให้สุด มันส์สุดเหวี่ยงไปกับคอนเสิร์ต Rolling Loud Thailand 2024

นาทีนี้ต้องยกให้  OPPO Find X8 Series  เป็นสมาร์ตโฟนสำหรับสายคอนเสิร์ต  เพราะไม่ว่าคุณจะนั่งติดดอย หรือ อยู่ไกลแค่ไหน ก็ต้องพ่ายให้กับฟีเจอร์ AI Telescope Zoom ที่ซูมได้ถึง 120x อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งาน AI อัตโนมัติที่การซูม 10 เท่าขึ้นไป ซึ่งจะมีระบบวิเคราะห์ภาพในระดับพิกเซลและปรับปรุงรายละเอียด ของภาพที่สูญเสียโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดทุกรายละเอียดในทุกช็อต

โดยการซูมระดับที่ 1 ในการถ่ายภาพปกตินั้นจะให้ภาพที่สวยคมชัด ชัดยิ่งขึ้นกับซูมที่ 6x โดยระดับนี้จะเห็นรายละเอียดของศิลปินชัดขึ้นอีก เต็มตา และใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับซูมที่ 30x แต่ถ้าอยากมันส์ติดขอบต้องซูมที่ระดับ 120x เหมือนซื้อบัตรแถวหน้า

นอกจากความฉลาดของ  AI Telescope Zoom แล้ว ต้องบอกเลยว่า การถ่ายในที่แสงน้อยก็ไม่เป็นปัญหา แม้จะซูมไกลแค่ไหนก็ยังเห็นรายละเอียดชัดแบบ 50MP ด้วยกล้อง Periscope Telephoto และยังเป็นครั้งแรกของโลกที่สมาร์ตโฟน OPPO ได้จัดกล้องคู่ของ Telephoto Dual-Periscope ด้วยความละเอียด 50MP ทั้ง 2 ตัวใน OPPO Find X8 Pro ผ่านการวางกล้องและชิ้นส่วนต่างๆ อย่างล้ำหน้าส่งผลให้ขนาดตัวเครื่องบางเฉียบ แต่ยังคงประสิทธิภาพได้อย่างเหนือชั้น

ใช้ได้นานไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์เก็บทุกช็อตประทับใจได้แบบยาวๆ จนจบคอนเสิร์ต ด้วยขนาด แบตเตอรี่ที่ใหญ่ของ OPPO Find X8 ถึง 5,630 mAh และ OPPO Find X8 Pro ที่ขนาด 5,910 mAh โดยทั้งสองรุ่น รองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC และชาร์จแบบไร้สาย 50W AIRVOOC Wireless Charging และ 10W Reverse Charging ให้ชาร์จไวไม่กี่นาที สมเป็นสมาร์ตโฟนแฟลกชิปอันดับต้นๆ ที่จะมาครองใจสายคอนเสิร์ตจริงๆ


“หมอหลิน The Demis Clinic” เผยความสำเร็จ คว้ารางวัลแห่งความภูมิใจ 5 ปีซ้อน

account_circle

The Demis Clinic ถือเป็นอีกหนึ่งพิกัดทำสวยเบอร์ต้นของเมืองไทย ที่สำคัญคือขึ้นแท่นตำนานของเวทีความงามแห่งปี Praew Iconic Beauty ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการเป็นเจ้าของรางวัล Celebrities’ Choice Ultherapy ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 5 เรียกว่าสมดีกรีแบบไร้ข้อกังขา Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว จึงขอพาไปพูดคุยกับ “คุณหมอหลิน – พญ.นิโลบล เจริญวุฒิ” แห่ง The Demis Clinic ถึงความสำเร็จครั้งนี้ที่เต็มไปด้วยความประทับใจและความภาคภูมิใจ

ยืนหนึ่งโปรแกรมยกกระชับใบหน้า

“ถ้าพูดถึง The Demis Clinic เชื่อว่าหลายคนรู้จักเราจากโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องทนเจ็บ ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก เพราะผู้รับบริการได้รับประสบการณ์ที่ดีขณะทำและเห็นผลลัพธ์ที่ดี ถือเป็นหัตถการยอดนิยมที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้า

“นอกจากนี้ในปัจจุบันเรายังมีการนำนวัตกรรมที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนมาทำควบคู่ไปด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่การยกกระชับอย่างเดียวแล้ว แต่จะช่วยยกกระชับผิวพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานยิ่งขึ้น

“หัวใจสำคัญของโปรแกรมยกกระชับใบหน้า แน่นอนว่าเรื่องความทันสมัยของนวัตกรรมถือว่าสำคัญ แต่นอกจากนี้ก็ต้องดูความต้องการของผู้รับบริการเป็นหลักด้วย ต่อมาคือเรื่องความปลอดภัยและผลข้างเคียง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวลใจ ดังนั้นนวัตกรรมที่เลือกมาใช้จึงต้องผ่านการยอมรับในระดับสากล มีงานวิจัยรองรับว่าปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดี ตามคอนเซ็ปต์ของ The Demis Clinic ที่มุ่งเน้นการคัดสรรนวัตกรรมเพื่อความงามตลอดมานั่นเองค่ะ”

ครองใจคนรักสวย 5 สมัยซ้อน

“การได้รับรางวัล Celebrities’ Choice Ultherapy จาก Praew Iconic Beauty 2024 นับเป็นปีที่ 5 แล้ว เรารู้สึกดีใจมากๆ ที่นิตยสารแพรวให้เกียรติ The Demis Clinic มาตลอดระยะเวลาหลายปี ในฐานะผู้ให้บริการโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่ได้รับการยอมรับ โดยรางวัลนี้เป็นทั้งความภูมิใจและแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ พร้อมปรับปรุงบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้เหมาะสมกับความไว้วางใจที่ได้รับจากทุกคนค่ะ

“ในการรักษามาตรฐานคุณภาพ โดยเฉพาะโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่เราได้รับรางวัลต่อเนื่อง The Demis Clinic มีเทคนิคที่ที่ช่วยให้ไม่ต้องทนเจ็บ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะไม่เจ็บเลย แต่หากใครเคยมีประสบการณ์จากที่อื่นมาก่อน คือรู้สึกว่าทำแล้วเจ็บและไม่อยากทำอีก หรือหากไม่เจ็บก็อาจจะไม่เห็นผล ก็จะเข้าใจว่าบริการของเราแตกต่างอย่างไร ดังนั้นในการรักษามาตรฐาน เราจึงต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของเครื่องมือ คือมีการอัปเดตเวอร์ชั่นอยู่เสมอ ต่อมาคือคุณภาพของเทคนิคที่ทำแล้วเห็นผลและช่วยเรื่องความเจ็บ ซึ่งจะทำให้ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจ กลับมาทำซ้ำ และแนะนำกันแบบปากต่อปาก”

เดินหน้ามอบผิวสวยและแข็งแรง

“นอกจากโปรแกรมยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องทนเจ็บแล้ว The Demis Clinic ยังมีการช่วยดูแลผิวให้แข็งแรงเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์  ซึ่งเรามุ่งเน้นการคัดสรรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ ไม่ว่าเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา หรือโซนยุโรป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการอย่างตรงใจ

“นิยามผิวสวยในแบบฉบับของ The Demis Clinic คือผิวต้องแข็งแรงและชุ่มชื้น รวมถึงผิวต้องไม่ไวต่อแสงแดด ดังนั้นเราจึงสร้างสรรค์บริการที่ช่วยในการดูแลผิว เริ่มตั้งแต่โปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องทนเจ็บ ซึ่งเรามีการทำควบคู่กับเลเซอร์ในกลุ่ม Monopolar RF เพื่อช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ต่อมาคือกลุ่ม Wow Program ที่เน้นเรื่องความใสและความแข็งแรงของผิว และอีกหนึ่งบริการที่สำคัญคือ Skin Retouch ซึ่งจะเน้นไปที่เท็กเจอร์ของผิวด้านบน เป็นการเก็บริ้วรอยเล็กๆ รูขุมขนกว้าง และช่วยให้ผิวใสโกลว์ โดยทั้งหมดนี้เราให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อใช้ในการพัฒนาบริการของเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ”


มุนกึนยอง

‘มุนกึนยอง’ กับรูปลักษณ์ที่แปลกตาในงาน 2024 Melon Music Awards

Alternative Textaccount_circle
มุนกึนยอง
มุนกึนยอง

มุนกึนยอง (Moon Geun-young) เจ้าของฉายาน้องสาวแห่งชาติ (เกาหลี) นักแสดงสาวที่เพิ่งมีซีรีส์ล่าสุด “Hellbound” ยอมรับว่าเธอน้ำหนักขึ้นมากระหว่างปรากฏตัวในงานประกาศรางวัล “2024 Melon Music Awards” (MMA) ซึ่งเธอปรากฏตัวเพื่อประกาศมอบรางวัล “Millions Top 10” ให้กับ IVE และ Aespa ขณะที่เธอดูสวยเก๋ในชุดสูทดำคลาสสิก พร้อมรวบผมหางม้าต่ำไปด้านหลัง และการที่เธอปรากฏในงานนี้ ก็ทำให้แฟนคลับที่ติดตามการเผยแพร่ทางออนไลน์ สังเกตเห็นว่าเธอดูมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมาก

จนทำให้บทสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ของเธอกับนิตยสาร Cosmopolitan Korea ได้รับความสนใจอีกครั้ง เพราะในแว่บแรกหลายคนที่ติดตามเรื่องราวของเธออาจจะคิดว่าที่เธอน้ำหนักขึ้นคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการรักษาที่เธอป่วยเป็นโรคหายากที่เรียกว่า “Acute Compartment Syndrome” (ACS) จนต้องรับการผ่าตัด 4 ครั้งในปี 2017

แต่ในบทสัมภาษณ์ล่าสุด เธอกลับเผยว่าที่น้ำหนักขึ้นมากในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะเธอใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในช่วงหลังนี้ เธออธิบายว่าการกินอาหารแบบไม่จำกัดช่วยให้รู้สึกอิสระมากขึ้น ดังนั้น เธอจึงไม่รังเกียจที่จะเพิ่มน้ำหนัก เธอยังพูดถึงความพยายามในการลดน้ำหนัก แม้ว่าจะต้องใช้เวลา แต่ก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองเป็นอันดับแรก

“ฉันมีความสุขกับชีวิต ซึ่งทำให้ฉันน้ำหนักขึ้นมากในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันก็กำลังพยายามลดน้ำหนัก แต่อยากทำแบบมีสุขภาพดี แม้ว่าจะต้องใช้เวลา ฉันไม่มีโปรแกรมออกกำลังกาย ฉันแค่เดินเล่นทันทีที่ตื่นนอน นอกจากนี้ ฉันยังพยายามวางแผนกินอาหารเพื่อสุขภาพ 3 มื้อต่อวัน ซึ่งทำจากส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ฉันผสมผสานการออกกำลังกายหลายๆ แบบ

ฉันกินหลายอย่าง ฉันใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ในอดีตฉันพยายามลดน้ำหนักอยู่เสมอ และต้องควบคุมอาหารอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่ามีบางอย่างที่ฉันไม่สามารถกินได้ ฉันหิวตลอดเวลา เช่น ฉันสงสัยเสมอว่าทำไมฉันถึงไม่สามารถกินได้เต็มที่ ทั้งที่การกินดี การนอนหลับดี และการขับถ่ายดี เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของทุกคน ดังนั้น ฉันจึงพบความสุขในการกิน ฉันตกหลุมรักการค้นหาสูตรอาหารและทำอาหารเอง นั่นเป็นอะไรที่สนุกมาก แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การกินมากจะทำให้ฉันน้ำหนักขึ้น”

แต่แฟนๆ ที่เห็นว่าเธอน้ำหนักขึ้นต่างก็ไม่ได้กล่าวโจมตีอะไรเธอทั้งนั้น แต่ต่างชื่นชมความงดงามของเธอ ไม่ว่าเธอจะมีน้ำหนักและรูปร่างอย่างไรก็ตาม และยังอวยพรขอให้เธอมีสุขภาพแข็งแรง

คอมเมนต์จากแฟนๆ อาทิ

  • “สิ่งสำคัญคือคุณมีสุขภาพดี คุณยังคงสวยงาม”
  • “แต่คุณก็ยังดูดีอยู่นะ การรักษาสุขภาพให้ดีสำคัญกว่า”
  • “แต่คุณก็ยังดูสวยอยู่ดี โปรดรักษาสุขภาพด้วยนะ”

Photo: mgyifc_


ต้นสนสด

Christmas is calling ปีนี้เล่นใหญ่ชวนช้อป ต้นสนสด ส่งตรงจากแคนาดา สายพันธุ์พรีเมียม Balsam Fir มีกลิ่นหอมสดชื่น

Alternative Textaccount_circle
ต้นสนสด
ต้นสนสด

“Christmas is calling” จากกระแสความนิยมการแต่งบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เพิ่มขึ้นในหมู่คนไทย ส่งผลให้ความต้องการสินค้าตกแต่งบ้านและของขวัญมีแนวโน้มสูงขึ้น ไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้าน ต้อนรับเทศกาลด้วยการนำเสนอต้นคริสต์มาสสดสายพันธุ์พรีเมียม Balsam Fir ส่งตรงจากแคนาดา พร้อมมหกรรม Christmas Sales 2024 ที่รวบรวมสินค้าตกแต่งบ้านครบครันในบรรยากาศเฟสทีฟสุดพิเศษ เพื่อให้บ้านของของทุกครอบครัวอบอวลไปด้วยความสุข พร้อมการเฉลิมฉลองร่วมกันอย่างอบอุ่น

ต้นคริสต์มาสสด Balsam Fir: สัญลักษณ์แห่งความสุขของครอบครัว
ต้นคริสต์มาสสด Balsam Fir ส่งตรงจากแคนาดา ปลูกด้วยวิธีที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยสำหรับทุกครอบครัว ต้นสนสายพันธุ์พรีเมียมนี้โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมธรรมชาติที่สดชื่น ใบสีเขียวเข้มแน่นฟู จัดเรียงตัวอย่างสมมาตรในรูปทรงกรวยที่สวยงาม กิ่งก้านแข็งแรง รองรับการตกแต่งได้หลากหลายตามความต้องการ เพื่อให้เข้ากับพื้นที่หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด หรือพื้นที่ที่ต้องการความโดดเด่น ต้นคริสต์มาสสด Balsam Fir มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่
• ขนาด 6” (ความสูง 180 ซม.) ราคา 6,880 บาท มาพร้อมฐานต้นไม้และคูปองเงินสด 1,000 บาท รวมทั้งชุดผ้าห่ม
• ขนาด 8” (ความสูง 240 ซม.) ราคา 9,280 บาท มาพร้อมฐานต้นไม้และคูปองเงินสด 1,500 บาท รวมทั้งชุดผ้าห่ม
• ขนาด 10” (ความสูง 300 ซม.) ราคา 13,980 บาท มาพร้อมฐานต้นไม้และคูปองเงินสด 2,000 บาท รวมทั้งชุดผ้าห่ม

พร้อมเริ่มส่งมอบความสุขถึงบ้านตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 67 เป็นต้นไป โดยจัดส่งฟรีในระยะ 50 กิโลเมตรจากสาขากระจายสินค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต หากลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่บริการยังสามารถใช้บริการจัดส่งได้ โดยคิดค่าบริการตามระยะทางที่คุ้มค่า

สินค้าตกแต่งคริสต์มาสกว่า 2,000 รายการ
นอกจากต้นคริสต์มาสสดแล้ว ไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม ยังนำเสนอสินค้าและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในธีมคริสต์มาสกว่า 2,000 รายการที่ครบครันในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสต์มาสเทียม ลูกบอลประดับ สายรุ้ง หรีดคริสต์มาส ไฟประดับ โคมไฟ เทียนหอม และของตกแต่งอีกมากมาย ด้วยราคาที่ย่อมเยา เพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างบรรยากาศคริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบในบ้านได้ง่ายดาย พร้อมตอบโจทย์ทุกสไตล์การตกแต่งอย่างครบถ้วนและสะดวกสบาย

พิเศษกว่าทุกปี! ยกขบวนสินค้าคริสต์มาสหลากหลายรายการ จากไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม ไว้ที่งาน ‘Christmas Sales 2024’ พร้อมโปรโมชันสุดคุ้ม ชวนลูกค้าได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งในบรรยากาศคริสต์มาสเต็มรูปแบบ ให้เลือกซื้อต้นคริสต์มาสสด Balsam Fir และสินค้าแต่งบ้านในบรรยากาศแห่งความสุข ซึ่งจัดขึ้นที่

  • Central World (Dazzle), ชั้น 1 (โซนร้าน Zara): วันที่ 25 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2567
  • Central Westville, ชั้น G ลานโปรโมชัน โซน Semi Outdoor: วันที่ 25 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2567
  • Central World (Beacon), ชั้น 1 (โซนร้าน Polo): วันที่ 9 – 29 ธันวาคม 2567

ความสุขที่มีกลิ่นหอม แบ่งปันสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากต้นคริสต์มาสสนสดต้นนี้จะช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่อบอุ่นภายในบ้าน แล้วทุกการซื้อต้นคริสต์มาสสด 1 ต้น ไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม จะร่วมบริจาค 50 บาท ให้กับ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กที่บกพร่องทางการมองเห็น

และที่มากกว่าการส่งมอบต้นคริสต์มาสคุณภาพดีให้กับลูกค้า ไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม ยังมุ่งมั่นส่งต่อความสุขสู่สังคมผ่าน “โครงการความสุขที่มีกลิ่นหอม” มาอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 5 ปี โดยส่งมอบต้นคริสต์มาสสดให้กับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องมากว่า 5 ปี โครงการนี้สามารถระดมทุนช่วยเหลือได้กว่า 250,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือและความมีน้ำใจของลูกค้าทุกท่าน ที่ช่วยกันส่งต่อความสุขและรอยยิ้มให้กับน้อง ๆ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งสร้างความอบอุ่นใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

รวมถึงยังได้ส่งมอบต้นคริสต์มาสสดให้แก่โบสถ์และวัดสำคัญต่างๆ อาทิ วัดศีลมหาสนิท, มหาวิหารอัสสัมชัญ รวมถึง คริสตจักรคริสเตียนกรุงเทพ เพื่อมอบให้แก่สมาชิกในชุมชนคริสเตียน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองตกแต่งโบสถ์ให้สวยงาม อันเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งปันความสุขและความหวังให้แก่ทุกคนในชุมชน

สามารถสั่งจองต้นคริสต์มาสล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ที่ไทวัสดุและบีเอ็นบี โฮม ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaiwatsadu.com และ Line: @thaiwatsadu หรือ www.bnbhome.com และ Line: @bnbhometh สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1308 หรือในงาน Christmas Sales 2024 โดยจะเริ่มส่งมอบความสุขถึงบ้านตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ให้คริสต์มาสปีนี้เป็นเทศกาลแห่งความอบอุ่นที่จะจดจำไปอีกนาน


Dusit Central Park ตั้งเป้าปลายปี 2568 เริ่มส่งมอบห้องชุด The Residences at Dusit Central Park และเปิด Central Park Retail และ Central Park Offices อย่างเป็นทางการ

account_circle

บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนา Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูสระดับโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ ‘Here for Bangkok’ เผยความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างโครงการ Dusit Central Park แล้วเสร็จกว่า 70% เผยภาพปี พ.ศ. 2568 เตรียมพบกับศูนย์การค้า Central Park Retail กับปรากฏการณ์ New Horizon และอาคารสำนักงาน Central Park Offices ระดับ Prestigious Class A อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 พร้อมเผยตัวเลขโครงการที่อยู่อาศัย The Residences at Dusit Central Park ปิดยอดขายกว่า 85% ครั้งแรกกับความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ Show Unit บนพื้นที่จริง โดย ‘Arkitektura’ และ ‘Euro Creations’ ย้ำสร้างความยั่งยืนของการใช้ชีวิตแบบ Well-being ด้วย Sustainability Development การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานระดับ LEED Gold V.4, WELL Platinum V.1, WiredScore Gold V.3.1 และครั้งแรกในประเทศไทย กับที่พักอาศัยที่ได้รับมาตรฐาน LEED Gold V.4.1 Residence Multi-Family พร้อมยกระดับสังคมเมืองด้วย ‘คอมมูนิตี้’ ผ่านพื้นที่สวนสาธารณะลอยฟ้าสีเขียว Roof Park ย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็นแลนด์มาร์กระดับโลก A World-class Complete Mixed-use Development โครงการมิกซ์ยูสที่มีความเป็นเลิศในทุกมิติ

คุณละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ Dusit Central Park  กล่าวว่า “โครงการ Dusit Central Park นับเป็นโครงการที่มีการพัฒนาอยู่บนพื้นที่ที่ดีที่สุด หรือ Super Core CBD ที่สามารถเชื่อมต่อย่านธุรกิจและแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ มากมาย และนับเป็น Luxury spot ที่มีการผสานกันอย่างลงตัว ทั้งภายในโครงการ อย่างโรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงาน ซึ่งแต่ละส่วนสามารถเดินเชื่อมถึงกันได้หมดแบบ Seamless และเชื่อมต่อภายนอกอาคารกับการสัญจรทุกระนาบ ทั้งระดับผิวถนน BTS และ MRT โดยในปีนี้ นับเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจจากการที่เราได้เริ่มเปิดส่วนแรกของการพัฒนาโครงการ Dusit Central Park ออกสู่สาธารณะ กับ Dusit Thani Bangkok โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นจำนวนมาก โดยมียอดเข้าพักและใช้บริการห้องจัดเลี้ยงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ. 2567 โรงแรมมีการเปิดให้บริการเพิ่มเติม 4 ส่วน ได้แก่ 1) ห้องอาหาร Cannubi by Umberto Bombana ร้านอาหารอิตาเลียนรูปแบบไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกของเชฟ Umberto Bombana เชฟระดับตำนานเจ้าของมิชลิน 3 ดาว 2) Sky Lobby ชั้น 39 ที่มอบวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ และสวนลุมพินี พร้อมบริการอันโดดเด่นและสง่างามโดยดุสิต 3) Spire Rooftop Bar บาร์บนชั้นที่เปิดประสบการณ์ขอบฟ้ายามเย็นพร้อมชมวิวเมืองมุมสูงของกรุงเทพฯ และ 4) 1970 Bar ที่ผสานเสน่ห์ของการสังสรรค์อย่างมีระดับเข้ากับบรรยากาศกลิ่นอายความหรูหราของยุค 70

สำหรับความคืบหน้าในส่วนของโครงการที่พักอาศัย The Residences at Dusit Central Park ปัจจุบันสามารถปิดการขายไปมากกว่า 85% โดยมีลูกค้าให้การตอบรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นผลมาจากการออกแบบดีไซน์เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในทุกยูนิตโดยคำนึงทิศทางแสงและลม ส่งผลให้มีการถ่ายเทอากาศด้วยลมธรรมชาติ และทำให้ห้องเย็นไม่ร้อน พร้อมทั้งรูปแบบการดูแลในแบบฉบับ Thai Branded Residences ที่บริหารและดำเนินการโดยโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่โดดเด่นด้วยความเป็น Gracious Hospitality ระดับเวิลด์คลาส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการบริการในแบบดุสิตธานีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตเหนือระดับ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับปี 2568 เราได้เตรียมรังสรรค์ Special Edition Show Residences จำนวน 3 ยูนิต ขนาด 55 ตารางเมตร 85 ตารางเมตร และ 115 ตารางเมตร ซึ่งได้ร่วมมือกับ ‘Arkitektura’ ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับลักชัวรี่ โดดเด่นที่ดีไซน์อันเรียบหรู และ ‘Euro Creations’ ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรปแบบร่วมสมัยแต่แฝงไว้ซึ่งความอบอุ่น ด้วยแพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเลือกได้ถึง 3 รูปแบบ ดังนี้

  • Arkitektura มาพร้อมกับแบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกาที่มีคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่น และแบรนด์สัญชาติอิตาลีที่มีความโดดเด่นด้านในการผสมผสานความ Modern และ Contemporary ผ่านการออกแบบผนังที่รวมดีไซน์และฟังก์ชั่นเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว
  • Euro Creations นำเสนอสไตล์ Timeless Beauty จากดีไซน์เนอร์ชั้นนำจากยุโรป นำเสนอความพลิ้วไหวเหมือนสายน้ำและสายลมธรรมชาติ สวยงามเหนือกาลเวลา
  • ซึ่งคาดว่าห้องทั้ง 3 ห้องจะพร้อมเปิดต้อนรับทุกท่านในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2568

สิ่งสำคัญอีกหนึ่งปัจจัย คือ The Residences at Dusit Central Park ได้ดำเนินการก่อสร้าง ภายใต้เกณฑ์มาตรฐานรับรองอาคารเขียวระดับโลก LEED Gold V.4.1 Residence Multi-Family เพื่อเน้นย้ำความตั้งใจในการพัฒนาโครงการที่ไม่เพียงแค่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นที่พักอาศัยเพื่อการใช้ชีวิตและสุขภาพที่ดี โดยจะเป็นอาคารที่พักอาศัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองนี้”

คุณละเอียด กล่าวต่อไปว่า “นอกเหนือจากส่วนที่พักอาศัย ในปี 2568 เราเตรียมการเปิดให้บริการ อีก 2 ส่วนสำคัญของโครงการ นั่นคือ อาคารสํานักงาน Central Park Offices และ ศูนย์การค้า Central Park Retail ภายใต้การพัฒนาของพาร์ทเนอร์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) โดย Central Park Offices จำนวน 43 ชั้น พื้นที่ใช้สอย (Gross Building Area: GBA) 130,000 ตารางเมตร นับเป็นอาคาร Prestigious Class A โดยวางไว้ให้เป็นโครงการสำคัญในการพัฒนาพื้นที่สำนักงานของเซ็นทรัลพัฒนา ผ่านแนวคิด The Future Work/Life for Global Visionaries ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งตัวโครงการมีขนาดเหมาะสมด้วยการเป็น Walkable Proximity ที่มีความโดดเด่นและเหมาะสมกับการเป็นคอมมูนิตี้ของคนทำงานและบริษัทชั้นนำ ทั้งในไทยและทั่วโลก ให้มาอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทต่างชาติ ด้วยการออกแบบ Flexible Design ที่รองรับธุรกิจผู้เช่าทุกขนาด พร้อมพื้นที่ Hybrid Workspace และยังมีพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่โรงแรม และศูนย์การค้า โดยอาคารสำนักงานรองรับเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียวระดับโลก LEED Gold และ WELL Platinum มาตรฐานด้านคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยระดับสากล พร้อมทั้งได้รับมาตรฐาน WiredScore โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อระบบดิจิทัล ที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดให้แก่บริษัทที่จะเข้ามาใช้บริการภายในพื้นที่สำนักงาน โดยเตรียมพร้อมเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2568

สำหรับในส่วนของ Central Park Retail มีพื้นที่ใช้สอย (Gross Building Area: GBA) 130,000 ตารางเมตร มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดร่วมกับแบรนด์ชั้นนำในไทยและแบรนด์ระดับโลก อีกทั้งนำ Essence ของ Heritage เดิมที่มีอัตลักษณ์ที่สวยงามมาสะท้อนใน Architecture และ Interior Design รวมถึง Collaboration ร่วมกับแบรนด์ระดับโลก, Up-and-Coming Thai & International Designers รวมถึงพื้นที่ที่จะรองรับ Urban Active Lifestyles เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 เช่นกัน”

นอกจากนี้ โครงการ Dusit Central Park ได้วางแนวทางการก่อสร้าง Sustainability Development ตั้งแต่แนวความคิดตลอดจนการเลือกสรรวัสดุก่อสร้างและนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิ Green Concrete เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ถึง 16 ตัน ระบบ Water Treatment ที่สามารถช่วยลดการปล่อยน้ำเสีย ระบบการกรองอากาศ HEPA Filter กรองอากาศภายในอาคารถึง 2 ชั้น เพื่อช่วยลดฝุ่น กระจกกรอบอาคารหนา 3 ชั้น ป้องกันแสง UV และความร้อน วัสดุผนัง พื้น ที่ดูดซับเสียง ลดเสียงรบกวนจากภายนอกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้ใช้งานอาคาร เป็นต้น โดยดำเนินการควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานชีวิตของสังคมเมือง เพื่อการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) ผ่านพื้นที่สวนสาธารณะลอยฟ้าสีเขียว Roof Park ขนาด 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ภายใต้หลักการออกแบบ Universal Design เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ผสมผสานด้วยหลักการออกแบบ Biophilic Design ที่ผสานการใช้ชีวิต การทำงาน และการพักผ่อนเข้ากับธรรมชาติ นับเป็นการส่งเสริมสุขภาพคนทั้งร่างกายและจิตใจ และคุณภาพเมืองไปพร้อมกัน ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางพระราม 4 – สีลมแห่งนี้

“ทุกย่างก้าวและทุกความสำเร็จของ โครงการ Dusit Central Park คือตัวแทนของความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสที่ไม่มุ่งหวังเพียงแต่สร้างผลตอบแทนทางกำไรสูงสุด แต่ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ในการสร้างโครงการที่มีความหมาย และยกระดับชีวิตของผู้คนภายในประเทศไทย รวมถึงมิติด้านความยั่งยืนเพื่อยกระดับสุขภาพของผู้คนและของเมืองให้ดียิ่งขึ้น เรามั่นใจว่าการเดินทางในปี พ.ศ. 2568 จะเดินหน้าโครงการได้ตามเป้าหมาย และพร้อมเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่มีความเป็นเลิศในทุกมิติ สมกับการเป็น A World-class Complete Mixed-use Development สร้างความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่ทุกคนทั่วโลกต้องจับตามองอย่างแน่นอน” คุณละเอียด กล่าวสรุป


SANSIRI : THE PHUKET PULSE แสนสิริ เติมเต็มชีวิตชีวาเมืองภูเก็ต เปิดตัว ‘The Society’

account_circle

เมื่อเสน่ห์ของเมืองภูเก็ต ผสานเข้ากับแรงบันดาลใจของ Beach Sports x Art ถ่ายทอดประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ใหม่ สร้างแรงกระเพื่อมให้กับย่านเชิงทะเล-บางเทา ที่งาน SANSIRI THE PHUKET PULSE’- The Heartbeat of Sport Meets The Art of Phuket ที่รวบรวมเสน่ห์ของเมืองภูเก็ตมาเฉลิมฉลองในการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ของ The Society โซเชียล สเปซ แห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ตใจกลางย่านเชิงทะเล – บางเทา ที่ฮิปแฮงเอาท์แห่งใหม่ครบครันตั้งแต่เช้าจรดค่ำกับประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดพิเศษที่ครีเอทขึ้นเฉพาะสำหรับที่นี่ โดย งานนิทรรศการศิลปะ เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมงาน Art Installation ได้ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. – 30 ธ.ค. นี้

แสนสิริ พร้อมพาเมืองภูเก็ต World-Class Destination สร้างความประทับใจใหม่ๆ สู่สายตานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก กับ Soft Power ขึ้นชื่อของเมืองภูเก็ต ทั้งเอกลักษณ์ด้าน กีฬา-ศิลปะ-วัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงส่งเสริมวัฒนธรรมภาคใต้ในจังหวัดใกล้เคียง โดยร่วมกับเหล่า The Inspirers ผู้สร้างแรงบันดาลใจในด้านต่างๆที่มาพร้อมกับแพชชั่นที่เต็มเปี่ยม จากทั้งในเมืองภูเก็ตและที่สร้างชื่อเสียงในเวทีระดับโลกและในประเทศ มาร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์ผลงานศิลปะและอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแรงบันดาลใจของเมืองภูเก็ต ให้กับ The Society นำโดย ไมเคิล ออมม็อค General Manager – Southern Project Development ผู้รังสรรค์แรงบันดาลใจที่ The Society พร้อมด้วย 4 ผู้สร้างแรงบันดาลใจ ได้แก่‘ยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล’ ศิลปิน Illustrator ชื่อดังระดับโลก,‘เชฟเรเน่ มิเคลเล่’ (Chef Rene Michaele) ผ่านรสชาติของอาหารสเปนแท้จากร้าน VAMOS ‘ฟาน-อัครินทร์ ศิวพรพิทักษ์’ BEANS coffee roaster ร้านกาแฟ specialty และ น้องแอนนี่ -แอนนิสซา ฐิตา ฟลินน์ นักโต้คลื่นสาวภูเก็ต ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียผู้สร้างแรงบันดาลใจแห่งท้องทะเล

CONNECT TO THE ART OF PHUKET

แรงบันดาลใจของโลก ‘กีฬา’ สู่แนวคิดการออกแบบงานศิลปะ Beach Sports x Art Installation เมื่อแรงบันดาลใจที่หลอมรวมคนทั้งโลกอย่างโอลิมปิกส์ ขยายวงกว้างจนเป็นสีสันแห่งโลกแฟชั่นและที่ภูเก็ต สิ่งที่เรามักนึกถึง คือ กีฬาชายหาด การเคลื่อนไหวใต้แสงแดด หาดทราย และลมทะเล

สัมผัสประสบการณ์ของ ‘กีฬา’ ในนิยามใหม่ผ่านเรื่องราวของผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ต ภายใน The Society พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์แห่งนี้ นำเสนอต้นทุนทางวัฒนธรรมของภูเก็ต ทั้งเส้นสายที่ซ่อนอยู่ในงานสถาปัตยกรรมชิโน-ยูโรเปียน ลวดลายพริ้วไหวบนผืนผ้าบาติก งานศิลปะที่พลิกชีวิตให้กับของเหลือใช้ในท้องทะเล สร้างความหมายที่มากกว่าด้วยเรื่องเล่า Inspire ให้เห็นมิติใหม่ของกีฬาที่กลายเป็นประติมากรรมศิลปะที่มากด้วยชั้นเชิง

ในฐานะ Design Leader แสนสิริ ถ่ายทอดประสบการณ์ กว่า 40 ปี สะท้อนเอกลักษณ์ความงามของชายหาด ท้องทะเล และ Beach sports ยอดนิยมของภูเก็ต เมืองแห่งชายหาด และแนวคิดที่มุ่งมั่นส่งเสริมคอมมูนิตี้ในท้องถิ่น ผสานกับความยั่งยืนตามแนวคิด Sansiri Sustainability โดยสร้างสรรค์ผ่านงานนิทรรศการศิลปะ Beach Sports x Art Installation ในงาน SANSIRI THE PHUKET PULSE อาทิ Sailboat x Fabric Art  ศิลปะของเรือใบกับผืนใบเรือที่ทำจากผ้า บาบ๋า ย่าหยา แฟชั่นของปักษ์ใต้ โดยนำเรื่องราวของ คอมมูนิตี้ วัฒนธรรม การละเล่นของภาคใต้ มา connect เล่น Light and Shadow บนผืนผ้าเรือใบ รวมถึงการนำวัสดุผ้าที่ใช้จัดแสดงในงานกลับมาใช้ใหม่ต่อไป Surfboard x Architecture Art ศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือน สไตล์ชิโน-ยูเปียนของภูเก็ตที่โดดเด่นทั้งสีสันและลวดลาย ผ่านงานออกแบบกระดานโต้คลื่นกับเรื่องราวของภูเก็ต Beach Volleyball x Sustainable Art นำความสนุกสนานของกีฬาชายหาดยอดนิยมมาผสานกับเรื่องราวของความยั่งยืน โดยยก Beach Volleyball Court สนามวอลเลย์บอลที่นำวัสดุจากเศษอวนแห และ Sea Waste จากท้องทะเลมารีไซเคิลใหม่

YALA SYMPHONY

นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัว ยังได้วงซิมโฟนีออร์เคสตร้าเยาวชนเทศบาลนครยะลา (Yala City Municipality Youth Orchestra)มาร่วมสร้างสีสรรค์ ซึ่งได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนจำนวนมากกว่า 7 ปี และสร้างชื่อเสียงให้คนยะลาเป็นที่รู้จักทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ โดยมาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนผ่านการแสดงบทเพลงที่สื่อถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมที่รวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว มาพร้อมกับการแสดงหนังตะลุงสุดยิ่งใหญ่ เพื่อเติมเต็มสีสันและชีวิตชีวาให้กับย่านเชิงทะเล-บางเทา ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริ ที่ส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนภาคใต้ให้ประจักษ์สู่เวทีโลก

THE INSPIRERS :

The Inspirers เหล่าผู้สร้างแรงบันดาลใจจากแพชชั่นสู่ profession ทั้ง 4 คน จากเวทีระดับโลกและในเมืองภูเก็ต มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะและอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแรงบันดาลใจของเมืองภูเก็ตที่งาน SANSIRI THE PHUKET PULSE และที่ The Society ได้แก่

  • ‘ยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล’ ศิลปิน Illustrator ชื่อดังระดับโลก กับผลงานภาพวาดบนฝาผนังร้านอาหาร VAMOS ที่ได้แรงบันดาลใจจากเหล่าสัตว์ใต้ท้องทะเลภูเก็ต ภาพวาดปลาหมึกยักษ์ กุ้ง และปู ในสีสันสดใส สร้างความโดดเด่นให้กับร้านอาหาร และ ผลงาน Sailboat x Fabric Art ที่วาดลวดลายของสัตว์ใต้ท้องทะเลลงบนผืนผ้าใบเรือทำจากผ้าบาติก
  • น้องแอนนี่ -แอนนิสซา ฐิตา ฟลินน์ นักโต้คลื่นสาวภูเก็ต ลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียผู้สร้างแรงบันดาลใจแห่งท้องทะเลและเกลียวคลื่น แชมป์เซิร์ฟ เหรียญเงินซีเกมส์ปี 2019 และแชมป์เอเชียปี 2013 และ แชมป์ Flowboard ที่หนึ่งของโลกสามสมัย
  • เชฟเรเน่ มิเคลเล่’ (Chef Rene Michaele) กับการถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่านรสชาติของอาหารสเปนแท้ จากร้าน VAMOS Spanish Tapas Bar นำเสนอประสบการณ์อาหารสเปนแท้ที่ผสมผสานรสชาติกับ เมนูพิเศษ เช่น Paella Surf & Turf
  • ฟาน-อัครินทร์ ศิวพรพิทักษ์ จาก BEANS Coffee Roaster จากความหลงใหลของกาแฟสู่การนำวัฒนธรรมกาแฟมาสู่ภูเก็ต กับประสบการณ์สุดเฉพาะตัว ที่ BEANS ร้านกาแฟ specialty และ eco-friendly คัดสรรค์เมล็ดกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุดจากท้องถิ่นในไทยและทั่วทุกมุมโลก รังสรรค์ perfect cup ให้วันใหม่ของคุณเริ่มต้นอย่างมีแรงบันดาลใจ ที่พิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อวันดีๆของคุณ เสิร์ฟเมนูพิเศษ “Pineapple Splash” ที่เพิ่มความสดชื่นและกลิ่นอายเขตร้อนในเครื่องดื่มกาแฟกับสับปะรดหวานฉ่ำ ผลไม้ขึ้นชื่อของภูเก็ต ด้วยเอสเพรสโซ่ และโซดา และยังใส่ใจโลกร้อนกับแก้วกาแฟรักษ์โลก

แสนสิริ เปิดตัว The Society ขึ้นเพื่อมุ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำพาเมืองภูเก็ต สู่ระดับโลกในมุมมองใหม่ๆ ผ่าน Soft Power วัตถุดิบและวัฒนธรรมที่ทรงพลัง รวมถึงในฐานะ Design Leader ผู้นำที่รังสรรค์ที่อยู่อาศัยระดับแลนด์มาร์กของประเทศมากว่า 40 ปี แสนสิริ นำความเชี่ยวชาญและเอกลักษณ์ที่ฝังแน่นอยู่ใน DNA ถ่ายทอดดีไซน์และประสบการณ์ที่ The Society ออกแบบสถาปัตยกรรมภายนอก (Architecture & Landscape design) โดยทีมดีไซเนอร์ของ Edward Tuttle ถ่ายทอดการออกแบบในสไตล์ระดับเวิลด์คลาสของ Edward Tuttle ที่ The Society ให้บรรยากาศอบอุ่นฟีลเหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ไม่ว่าจะทำงาน, ทานอาหาร หรือสังสรรค์

“The Society” ชวนคุณมา CONNECT + INSPIRE พบเจอผู้คนที่หลากหลาย สร้างแรงบันดาลใจได้ไม่รู้จบ สัมผัสการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวกับ Social Space แห่งแรกของแสนสิริในภูเก็ต ภายใต้บรรยากาศดีไซน์ที่อบอุ่นเสมือนบ้าน ซึ่งคุณจะได้ค้นพบ “บางสิ่ง” ที่คุณมองหา และ บางสิ่งที่เกินคาด พาคุณไปสู่แรงบันดาลใจใหม่ๆ ในภูเก็ต ต้อนรับทุกคนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลกในทุกๆวัน ครบครันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ กับประสบการณ์ไลฟ์สไตล์สุดพิเศษที่ครีเอทขึ้นเฉพาะสำหรับที่นี่ ผสานกับกลิ่นอายของวิถีชีวิตของคนภูเก็ต ทั้ง อาหาร, ดีไซน์, แฟชั่น, Arts & Culture และความยั่งยืน ตั้งแต่ Day-to-Night Eatery ที่โดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นเมืองภูเก็ตกับ BEANS Coffee Roaster ร้านกาแฟ specialty และ Vamos Spanish Tapas Bar ร้านอาหารสเปน เอาใจทั้งนักท่องเที่ยวและสายฟู้ดดี้ตลอดวัน, Co-sharing space พื้นที่ทำงาน ประชุมส่วนตัว และ podcast room นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ และพบกับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ตลอดทั้งปี รวมถึงยังเป็นพื้นที่จัดแสดงห้องตัวอย่างและ sales gallery รองรับลูกค้าแบบไพรเวท กับ 2 โครงการใหม่ล่าสุด ได้แก่ CANVAS Cherngtalay (แคนวาส เชิงทะเล) คอนโดมิเนียมแห่งแรกโซนเชิงทะเล แนวคิด OASIS แห่งโซนเชิงทะเล ไฮไลท์ 2 สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ในสวนสวยสไตล์ Tropical และ THE TALES ลักซ์ชัวรี่ พูลวิลล่าใน Sansiri Pool Villa Collection in Phuket กับ THE TALES STORY ONE – BANGJO (เดอะ เทลส์ สตอรี่ วัน – บางโจ) มูลค่าโครงการรวม 500 ล้านบาท พร้อมข้อมูลอื่นๆ ของทุกโครงการแสนสิริในภูเก็ต

ค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปกับ Sansiri Phuket ในงานนิทรรศการจัดแสดง Art Installation “SANSIRI THE PHUKET PULSE – The Heartbeat of Sport Meets Art with a Sense of Phuket” เมื่อเสน่ห์ของเมืองภูเก็ต ถูกผนึกกำลังกับ Beach Sports x Art สร้างแรงกระเพื่อมทั่วย่านเชิงทะเลภูเก็ต โชว์เคสเอกลักษณ์ความงามของภูเก็ต

•  เมื่อเรือใบ ถูกขึงตึงด้วยผ้าใบจากชุดบาบ๋า ย่าหยา 

•  Surfboard ที่ถูกตีความผ่านมนต์เสน่ห์ของชิโนยูโรเปียน

•  Beach Volleyball จากอวนแห และ Waste ในท้องทะเล

•  Kite Surf ที่สร้างจากลวดลายของท้องถิ่น

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ The Society Grand Opening ให้ทุกศิลปะ Connect & Inspire

นิทรรศการงาน SANSIRI THE PHUKET PULSE เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม  2567 เวลา 7.00 – 19.00น.

ที่ The Society โซเชียล สเปซ แห่งล่าสุด เชิงทะเล-บางเทา ภูเก็ต

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JDGE7asNPw7ani5R7

ค้นพบพื้นที่ที่จะพาคุณไปสู่เรื่องราวใหม่ๆ ในภูเก็ต

ติดตามที่ IG และ Facebook : @thesocietyth และ เว็บไซต์: https://siri.ly/4DtXJwA


โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ เปิดตัวห้องอาหารใหม่ OXBO Bangkok Dining Detonation ระดับพรีเมียม แห่งแรกในเอเชีย

account_circle

ห้องอาหาร OXBO Bangkok เปิดตัวอย่างเป็นทางการบนชั้น 3 ของโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ พร้อมนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ล้ำสมัย ผสมผสานรสชาติที่พิถีพิถันกับนิยามใหม่ “Bound by Nature” พร้อมแนวคิด Farm-to-Fork ซึ่งเน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและการผลิตที่ยั่งยืน ที่เชื่อมโยงมนุษย์และธรรมชาติผ่านวัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่นและการปรุงที่ใส่ใจทุกรายละเอียด

เชฟโอลิเวอร์ อาฟอนโซ หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหาร OXBO ผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยและความสร้างสรรค์ของทุกจาน ได้นำประสบการณ์การทำอาหารระดับโลกมาผสมผสานกับปรัชญาอาหารที่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ เชฟโอลิเวอร์มีพื้นเพจากเวเนซุเอลา และเติบโตในสเปน โดยเริ่มต้นอาชีพการทำอาหารตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกของอาหารระดับมิชลินสตาร์ และเดินทางมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในร้านอาหารชั้นนำอย่าง Gaggan ร้านอาหารที่เคยครองอันดับ 1 ของเอเชียถึง 4 ปีซ้อน

ในฐานะหัวหน้าเชฟของ OXBO เชฟโอลิเวอร์ได้นำเสนอเมนูที่หลอมรวมรสชาติของอาหารไทยเข้ากับความเป็นสากล ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและทรัพยากรที่ยั่งยืน รวมถึงทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจว่าวัตถุดิบทุกชนิดมีคุณภาพสูงสุด ตั้งแต่วัตถุดิบจากทะเลชายฝั่งอ่าวไทย ผักสดจากฟาร์มออร์แกนิกในเชียงราย ไปจนถึงเนื้อพรีเมียมที่คัดสรรจากแหล่งชั้นนำทั่วโลก นอกจากนี้ เชฟโอลิเวอร์ยังดูแลแปลงผักที่ปลูกภายในโรงแรม เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาปรุงในแต่ละเมนู

“อาหารทุกจานเปรียบเสมือนศิลปะที่สะท้อนถึงความตั้งใจและความผูกพันกับธรรมชาติ โดยเราได้นำเอาเทคนิคการปรุงสมัยใหม่มาประยุกต์ เพื่อเพิ่มมิติใหม่ของรสชาติให้กับแขกทุกท่าน” เชฟโอลิเวอร์กล่าว

ในส่วนของบรรยากาศ ห้องอาหาร OXBO มาพร้อมกับวิวอันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา และครัวเปิดที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสกับความคิดสร้างสรรค์และฝีมือการปรุงอาหารอย่างใกล้ชิด มร.ทิม เทต ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ กล่าวว่า “ที่ OXBO แขกจะได้สัมผัสประสบการณ์การกินดื่มที่ผสานความหรูหราและความเข้าถึงง่าย พร้อมเพลิดเพลินกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และการสร้างประสบการณ์แบบมีส่วนร่วมที่เป็นเอกลักษณ์ของฮิลตันในระดับโลก”

OXBO Bangkok ถือเป็นร้านแรกของแบรนด์ฮิลตันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ดำเนินงานภายใต้นิยาม “Bound by Nature” ตามแนวคิด Farm-to-Fork โดยเน้นการใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนจากแหล่งผลิตคุณภาพสูงทั่วประเทศไทย เช่น เขาใหญ่ เชียงราย สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ รวมถึงสมุนไพรสดใหม่จากสวนบนดาดฟ้าของโรงแรม

“การใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืนช่วยยกระดับคุณภาพและรสชาติของอาหาร พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของฮิลตันในด้านความยั่งยืน” มร.ทิม กล่าวเสริม

ห้องอาหาร OXBO มีความจุ 70 ที่นั่ง พร้อมด้วยคอนเซ็ปต์ครัวเปิดที่เปิดโอกาสให้แขกได้ชมการปรุงอาหารอย่างใกล้ชิด นำเสนอเมนูหลากหลายตั้งแต่เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักสด ไปจนถึงไวน์กว่า 100 แบรนด์ และคอลเลคชันจินกว่า 30 ชนิดจากทั่วโลก นอกจากนี้ แขกยังสามารถสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ความชอบของตนเอง

สำหรับนักชิมที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำในบรรยากาศสุดพิเศษ OXBO Bangkok พร้อมจะเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดของทุกคนในกรุงเทพฯ 

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. – 23.00 น.


Elliot James Reay

ทำความรู้จัก Elliot James Reay หนุ่มผู้หลงรักเสน่ห์ดนตรี ‘50s-’60s 

Alternative Textaccount_circle
Elliot James Reay
Elliot James Reay

Elliot James Reay เติบโตในเมือง Bury, Greater Manchester ประเทศอังกฤษ เขาได้รับอิทธิพลทางดนตรีจากศิลปินรุ่นเก๋าอย่าง Elvis Presley และ Roy Orbison ตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความหลงรักในดนตรีแนวร็อกแอนด์โรลยุค ‘50s-’60s ทำให้เขาเลือกที่จะทำเพลงออกมาในแนวนี้ในแบบฉบับของตัวเอง แม้ว่าจะอายุเพียง 22 ปี แต่ดนตรีและเนื้อร้อง

รวมถึงลุคการแต่งตัวสไตล์วินเทจแสนเท่ ก็สามารถดึงความสนใจของแฟนเพลงรุ่นใหม่ให้กลับมาฟังเพลงย้อนยุคกันอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย จนทำให้ซิงเกิลแรกอย่าง “I Think They Call This Love” มียอดสตรีมมากกว่า 10 ล้านครั้งตั้งแต่เดือนแรกที่ปล่อยเลยทีเดียว

“Boy In Love” เป็นผลงานการแต่งเพลงของทั้งตัว Elliot James Reay เอง บวกกับนักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง Annielle Lisiuk และ SOAP ศิลปินดูโอจาก Manchester ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกอย่าง Josh Noble และ Karl Ziegler ซิงเกิลนี้นับว่าเป็นผลงานที่สานต่อความสำเร็จจากซิงเกิลที่ไวรัลในโลกออนไลน์เป็นที่เรียบร้อยแล้วได้เป็นอย่างดี

และเป็นอีกเพลงที่พิสูจน์ความสามารถทางดนตรีอันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของ  Elliot James Reay ว่า เขานี่แหละที่จะมาปลุกกระแสร็อกแอนด์โรลสุดเก๋าให้กลับมาอีกครั้ง

Elliot James Reay

ที่มา: Universal Music Thailand

Merry Christmas Mr. Lawrence

เปิดที่มาเพลงดังในตำนาน Merry Christmas Mr. Lawrence

Alternative Textaccount_circle
Merry Christmas Mr. Lawrence
Merry Christmas Mr. Lawrence

หากเห็นชื่อ Merry Christmas Mr. Lawrence ทุกคนจะนึกถึงอะไร? ชื่อเพลง หรือว่าชื่อหนัง? หรือว่าชื่อของนักประพันธ์เพลงอย่าง ริวอิจิ ซากาโมโตะ ศิลปิน นักแต่งเพลง นักดนตรี นักแสดง และนักเคลื่อนไหวกิจกรรมสังคมผู้ล่วงลับในวัย 71 ปีด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา

แต่ไม่ว่าจะนึกถึงอะไร ทุกคำตอบล้วนถูกต้องทั้งหมด และด้วยความพิเศษของเพลงนี้ จึงมีการถูกหยิบนำมาทำเป็น sample เพลงหลายต่อหลายครั้ง จากรุ่นสู่รุ่น แตกแขนงไปในทุกแนวดนตรี อย่างที่เจ้าตัวเจ้าของเพลงเป็นคนเริ่มต้นสร้างความแตกต่างในการแต่งเพลงนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรก

Merry Christmas Mr. Lawrence

จากภาพยนตร์ที่นำแสดงเอง สู่เพลงประกอบภาพยนตร์ครั้งแรก

Merry Christmas หรือ Mr. Lawrence เดิมเป็นชื่อภาพยนตร์ในปี 1983 ที่ ริวอิจิ ซากาโมโตะ (Ryuichi Sakamoto) นำแสดงร่วมกับ เก็งโก ฮาระ (Gengo Hara), ทอม คอนติ (Tom Conti), แจ็ค ธอมป์สัน (Jack Thompson) และ เดวิด โบวี (David Bowie) เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างทหารญี่ปุ่นและเชลยศึกอังกฤษ ที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนอกจากจะเป็นชื่อภาพยนตร์แล้ว ยังเป็นชื่อเพลงบรรเลง (Scores) ประกอบภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน โดย ริวอิจิ ซากาโมโตะ เป็นคนแต่งเพลงนี้ด้วยตัวเอง และเป็นหนึ่งใน 19 เพลงของอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เขาเป็นคนแต่งเพลงเองเกือบทั้งหมด และเป็นครั้งแรกด้วยที่เขาแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ เปรียบเสมือนประตูที่ทำให้เข้าได้เปิดประตูเข้าสู่โลกของเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างแท้จริง และยังเป็นการเปิดประตูเข้าสู่โลกของดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ที่ผสมผสานเข้ากับดนตรีออเคสตร้าได้อย่างลงตัว จากเพลงบรรเลงที่มีท่วงทำนองเชื่องช้าจากดนตรีคลาสสิก แต่เน้นท่อนชัดเจนด้วยเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในยุคสมัยนั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานมาสเตอร์พีซในชีวิตการเป็นศิลปินของเขา และอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก BAFTA และรางวัลเพลงบรรเลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก Mainichi Film Award (ในเวลาต่อมา เขาก็ได้รับรางวัล Oscars สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง The Last Emperor อีกด้วย) 

ทั้งนี้ในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ ก็มีเพลงนี้ในเวอร์ชั่นใส่เนื้อร้องอยู่ด้วย โดยเปลี่ยนชื่อเพลงเป็น “Forbidden Love” ร้องและแต่งเนื้อร้องโดย David Sylvian ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะถูกนำไปรีมิกซ์ ใช้เป็นแซมเพลอร์ในเพลงต่างๆ มากมายหลายต่อหลายครั้ง ทั้งนำมารีมิกซ์ด้วยดนตรีใหม่ เวอร์ชั่นคัฟเวอร์จาก “Forbidden Love” รวมถึงการถูกนำไปเล่นสดในเทศกาลดนตรีชื่อดังต่างๆ แต่ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเพลงหนึ่ง คือ “Merry Christmas Mr. Lawrence – FYI” ของสาวอูทาดะ ฮิคารุ (Utada Hikaru) ในปี 2009 ที่ยังคงเป็นดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ผสมออเคสตร้าที่ทำออกมาในแบบที่ร่วมสมัยขึ้นด้วยการเพิ่มดนตรีป็อปลงไปอย่างลงตัวพอดิบพอดี และล่าสุดในปี 2024 นี้กับการคอลแล็ปกันของ David Guetta และ IVE ในเพลง “Supernova Love” ที่ต่างคนต่างนำเสนอดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และ K-Pop ในแบบฉบับของตัวเองออกมาได้ดีทีเดียว

แต่ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหนก็ยังคงเป็นเพลงสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าจะนำกลับมาทำใหม่เมื่อไร ก็ยังคงความไพเราะของท่วงทำนองและดนตรีที่โดดเด่นและสละสลวยเอาไว้ได้ดีเหมือนเดิมตลอดกาล

ที่มา: Universal Music Thailand

‘ช่วงชิงรัวๆ แต่ดวงก็มีโอกาสหลุดลอยสูง ใช่คุณไหม???ต้องเช็กแล้ว!!’ ดวงรายสัปดาห์ 2-8 ธันวาคม 2567

Alternative Textaccount_circle

‘ช่วงชิงรัวๆ แต่ดวงก็มีโอกาสหลุดลอยสูง’

ดวงรายสัปดาห์ 2-8 ธันวาคม 2567

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์          

การงาน  :  สัปดาห์ต้นเดือนของชาวอาทิตย์คาดว่า คุณจะได้ลุ้นว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้วาทศิลป์ในการติดต่อประสานงาน โฆษณา-ประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชน ออร์แกไนซ์ นักแสดง รวมถึงงานส่งเสริมการขายทุกประเภท หากกำลังจะริเริ่มโปรเจกร้อยล้านพันล้านในโทนเทา และหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องประสบความสำเร็จให้ได้แล้วล่ะก็ อาจต้องทำใจไว้นิด เพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะยังไม่ผ่านการพิจารณาง่ายๆ มีคนใส่ร้ายป้ายสี มีปัญหาขลุกขลักให้ต้องตามแก้ปัญหาตลอดๆ จนไปถึงถูกฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและอาญาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการแย่งชิงผลประโยชน์ทางธุรกิจและส่วนตัว ทางที่ดีควรหาเพื่อนที่รู้ใจมาช่วยกันทำงาน หรือปรึกษาผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ด้วย  

การเงิน  :   จริงๆ แล้วคุณหาเงินเก่ง มีรายได้เข้ามาจากหลากหลายช่องทาง จึงไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องเงินมากนัก แต่สัปดาห์นี้ต้องระวังถูกคนใกล้ตัวหลอก จึงไม่ควรค้ำประกันเงินกู้ หรือทำสัญญากู้ยืมเงินกับใคร เพราะมีโอกาสที่คุณจะรับภาระใช้หนี้แทนสูงมาก  

ความรัก  :  มีความเป็นไปได้ที่สัปดาห์นี้คุณจะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มีอาการหลงผิดกับบางสิ่งบางอย่าง หรือใครบางคน จนคุณลืมคนใกล้ชิดไปเลย แล้วหากเขาพูดขึ้นมาคุณก็จะจื้ดจนเสี่ยงที่จะมีปากเสียงกัน   คนโสด  หากกำลังมีแฟน คาดว่าสัปดาห์นี้คุณจะหลงเขามากมายจนไม่เป็นอันทำมาหากินเลย ก็อยากให้ลองถามอีกฝ่ายนึงหน่อยว่า เขามีความสุขด้วยหรือเปล่า  

สุขภาพ  :  อวัยวะที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ หัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหัวใจทุกชนิด เช่น ไขมันอุดตัน หัวใจโต รองลงมาคือสายตา ระวังตระกูลต้อถามหาแล้ว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน

ผู้ที่เกิดวันจันทร์

การงาน  :   สัปดาห์แรกของเดือนสุดท้ายของปีของชาวจันทร์จะบอกว่า นับเป็นข่าวดีส่งท้ายปีเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นไปได้ว่าคุณจะได้มีโอกาสริเริ่มงานหรือธุรกิจใหม่ๆ หรือได้โยกย้ายไปรับตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้น มีผลตอบแทนสูงขึ้น และมั่นคงมากขึ้น ที่สำคัญผู้ใหญ่และคนใกล้ชิดสนับสนุนและส่งเสริมให้คุณได้ทำงานหรือธุรกิจอย่างที่ตัวเองตั้งใจด้วย  แน่นอนว่า ก็ต้องมีความกดดันสูงขึ้นด้วย

การเงิน  :  คาดว่าจะมีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็คิดถึงเงินทองเป็นหลัก มีการวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ แต่กระนั้นก็ตามก็ยังมีเหตุให้ต้องใช้จ่ายสูงด้วย มีความเสี่ยงที่จะมีญาติพี่น้องมาขอหยิบยืมเงินด้วยนะคะ

ความรัก  :  เป็นไปได้ว่าเรื่องเงินจะเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คุณเอาแน่เอานอนไม่ได้ เช่น กำลังวางแผนว่าจะไปเที่ยวกับครอบครัว อยู่ๆ ก็งานเข้าด่วนจึงทำให้ไปไม่ได้แล้ว ช่วงสัปดาห์นี้จะเป็นอย่างนี้บ่อย ก็บอกคนข้างๆ เตรียมใจไว้หน่อย   คนโสด  สัปดาห์นี้ โน มันนี่ โน ทอล์ค ค่ะ ก็ต้องบอกว่า คุณโชคดี เพราะมีเสน่ห์เลือกได้   

สุขภาพ  :  สิ้นปีแบบนี้มีโอกาสที่จะได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้ สังสรรค์บ่อย จึงต้องระวังน้ำหนักขึ้น รวมถึงมีโอกาสที่ระบบย่อยอาหารจะมีปัญหา ต่อมทอลซิลอักเสบ และหลอดลมอักเสบ

ผู้ที่เกิดวันอังคาร

การงาน   ก็ยังหายใจไม่ทั่วท้องนะคะสำหรับชาวอังคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีแบบนี้มีโอกาสที่คุณจะตกอยู่ท่ามกลางการแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นทั้งในเรื่องของผลประโยชน์และตำแหน่งหน้าที่อย่างบ้าคลั่ง  ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเกิดจากการปรับตัวภายในองค์กร มีความเสี่ยงที่จะมีข่าวเซอร์ไพร์สให้งานหรือธุรกิจของคุณสะดุดไปต่อไม่ถูกทีเดียว ยิ่งคุณตอบโต้ด้วยความรุนแรงก็จะยิ่งตัดสินใจผิดพลาด ทางที่ดีควรอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจ

การเงิน  :  เหนื่อยทั้งกายและใจกว่าจะได้เงิน จึงทำให้คุณรู้คุณค่าของเงินในทุกๆ บาท กระนั้นก็ตามก็ยังมีโอกาสที่เงินจะเข้ามือขวาออกมือซ้ายตลอดๆ ขึ้นๆ ลงๆ เคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากสัปดาห์นี้คิดจะลงทุนอะไร ก็ควรหาศึกษาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนให้ดีว่า ได้ผลประโยชน์คุ้มค่าแน่ๆ  

ความรัก  :  หากคุณเป็นพวกชอบหว่านเสน่ห์ เช็กเรตติ้งตัวเองอยู่เสมอๆ สัปดาห์นี้ต้องระวัง เพราะมีโอกาสที่คุณจะรักจริงหลงจริงอะไรจริง หากคุณโสดก็ไม่มีปัญหา แต่นี่คุณมีคู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรง คำแรงๆ ที่ไม่เคยได้ยินก็จะหลุดออกมา  คนโสด  สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะตกหลุมรักจนถึงพร่ำเพ้อละเมอหวน คาดว่าเขาคนนั้นน่าจะมีแฟนคลับเยอะอยู่ เพราะดวงต้องช่วงชิงรัวๆ เพื่อให้ได้เขามา แต่ดูแล้วน่าจะหลุดลอยสูงนะคะ

สุขภาพ  :  มีความเสี่ยงที่คุณจะได้รับบาดเจ็บที่เกี่ยวกับพวกเส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อ เช่น เดินตกบันได ข้อเท้าพลิก/แพลง ใช้กล้ามเนื้อบริเวณขาหนักมาก นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่คุณจะได้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจเช็ค บริเวณมดลูก หรืออวัยวะภายใน

ผู้ที่เกิดวันพุธ

การงาน  :   สำหรับสัปดาห์แรกในเดือนสุดท้ายของชาวพุธมีเหนื่อยส่งท้ายปีกันล่ะ หากคุณกำลังเข้าสู่การแข่งขัน ไม่ว่าจะประมูลงาน ประกวด สอบสัมภาษณ์ หรือสอบเข้าเรียนต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นงานหรือธุรกิจที่ต้องใช้แรงกายแรงใจ สติปัญญา และความสามารถส่วนตัวสูง เช่น ตำรวจ ทหาร ทนายความ นักกฎหมาย ผู้พิพากษา นักการเมือง การปกครอง แล้วล่ะก็ มีโอกาสที่คุณจะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ประสบความสำเร็จ โดยไม่คิดถึงความถูกต้องชอบธรรมเลย ซึ่งจริงๆ แล้วหากพูดกันตามดวง คุณไม่ต้องฟิกแฟกเล่นท่ายากก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว

การเงิน  :  ก็ยังดีอยู่ มีโอกาสที่คุณจะได้รางวัลตอบแทนจากการทำงาน ซึ่งเป็นผลมาจากความขยันขันแข็ง ทำงานหนัก ขณะเดียวกันสัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่าคุณจะหมดไปกับการเลี้ยงเพื่อนฝูง และผู้ใต้บังคับบัญชา

ความรัก  :  หากใครที่กำลังคิดจะโบกมือลาจากกัน ด้วยสาเหตุที่เกิดจากความเจ้าชู้ กิน ดื่ม เที่ยวของคนข้างเคียงแล้วล่ะก็ สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะหันกลับมาปรับความเข้าใจกันใหม่  คนโสด  สัปดาห์นี้คาดว่าจะร้อนแรงกับการแย่งชิง ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขาคนนั้นน่าจะเป็นเด็กรุ่นน้องที่มีอนาคตการงานดีเลยล่ะ สมควรกับการแย่ง

สุขภาพ   :   จริงๆ แล้วคุณดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองอย่างดีมาตลอด แต่ในช่วงสัปดาห์นี้มีโอกาสหลุดก็เพราะตอบรับสังสรรค์ปาร์ตี้ เที่ยวกลางคืนรัวๆ  ดื่มจัด เพราะมีความเสี่ยงที่สุขภาพจะโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นหากดื่มแล้วก็ไม่ควรขับขี่ด้วยนะ  

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

การงาน  :   สัปดาห์แรกในเดือนสุดท้ายของชาวพฤหัสก็คาดว่า คุณจะได้มีการติดต่อเข้ามาเจรจาพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นการต่อรอง ไกล่เกลี่ย รอมชอม เพื่อร่วมบุกเบิกเริ่มต้นงานหรือธุรกิจใหม่ๆ ที่มีความท้าทายและมีการแข่งขันสูง แน่นอนว่าก็จะมีผลตอบแทนสูงขึ้นด้วย หากจะให้ดีควรเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องใช้จินตนาการและความรู้สึก ความบันเทิงเริงรมย์ ดนตรี กวี ศิลป์ ร้านเสริมสวย เครื่องประดับ งานฝีมือ เย็บปักถักร้อย ในกลุ่มพวกนี้จะเวิร์ค

การเงิน  :  คุณสามารถหารายได้ได้จากหลากหลายช่องทาง แต่ก็ไม่สามารถเก็บเงินไว้กับตัวได้นาน สัปดาห์นี้มีโอกาสหมดไปกับการเดินทางท่องเที่ยว เข้าสังคม ก็ควรระวังเรื่องการหลอกลวงในเรื่องของการลงทุน การกู้หนี้ยืมสิน การค้ำประกันด้วย

ความรัก  :  สัปดาห์นี้เป็นไปได้ที่คุณจะตกที่นั่งเป็นที่ปรึกษาของครอบครัว ซึ่งคุณก็ให้เวลาและความสำคัญกับความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ก็ทำใจสบายๆ อย่าคาดหวังอะไรเยอะ เพราะมีโอกาสที่คุณจะผิดหวัง   คนโสด  เนื้อหอมมากๆ สัปดาห์นี้เป็นไปได้ว่า คุณจะวุ่นวายระหว่างคนเก่าที่ไม่ยอมเลิก กับคนใหม่ที่ยังต้องดูใจกันไปนานๆ

สุขภาพ   :  มีโอกาสที่คุณจะเกิดอาการแพ้กับเครื่องใช้ที่มีสารเคมีผสมอยู่ จนเกิดผื่นคันบวมแดง เกาจนเลือดเข้าเลือดออก นอกจากนั้นหากมีกิจกรรมที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน ก็ระวังจะปวดขาตั้งแต่สะโพกลงมา ควรพักขาบ้าง

ผู้ที่เกิดวันศุกร์

การงาน  :   สำหรับสัปดาห์ต้นเดือนในเดือนสุดท้ายของชาวศุกร์ก็ดีขึ้นนะคะ มีโอกาสที่จะส่งท้ายปีอย่างงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับที่ดิน เรือกสวนไร่นา ศิลปวัฒนธรรม ผลิตผลทางการเกษตร ตลาด นักออกแบบตกแต่งสวน สินค้าโอท้อป ยิ่งหากทำกันอยู่ในครัวเรือนด้วยแล้วมีโอกาสที่คุณจะได้โปรเจคใหม่เฮงๆ ปังๆ  ซึ่งคุณก็จะมีความเป็นผู้นำสูง หากมุ่งมั่นสิ่งใดแล้วก็จะเดินหน้าไม่ย่อท้อ กล้าคิดกล้าทำ แต่บางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลา โอกาส และจังหวะในการทบทวนแก้ไขปัญหาด้วย จึงไม่ควรใช้อารมณ์ในด้านลบ เช่น ความอิจฉาริษยา ความอาฆาต แค้น โกรธ เพราะจะเป็นตัวบดบังปัญญาในการทำงานหรือดำเนินธุรกิจของคุณ

การเงิน  :   จริงๆ แล้วจะบอกว่าเป็นสัปดาห์รวยๆ เฮงๆ ปังๆ ของคุณก็ได้นะ หากบ้านใครมีที่ดิน เรือกสวนไร่นาอยากขาย มีโอกาสสมใจ หรือหากใครกำลังรอโบนัส เป็นไปได้ว่าจะมีข่าวดี แต่ก็ต้องระวัง เพราะมีโอกาสที่คุณจะต้องบริหารจัดการทรัพย์สินตัวเป็นเกลียวเลยทีเดียว มีความเสี่ยงโดนหลอกหลวง ถูกโกง

ความรัก :   หากใครที่ฟางเส้นสุดท้ายกำลังหลุดลอยไป สัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะได้เริ่มต้นใหม่ ก็สามารถเป็นได้ทั้งคนใหม่ หากเป็นคนเก่าที่กลับมาเริ่มต้นใหม่ ก็ต้องระวังจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะยังมีกลิ่นอายของความอึดอัดขับข้องใจอยู่ คนโสด  ไม่ต้องโศกเศร้าอาลัยกับความรักครั้งเก่า เพราะสัปดาห์นี้คาดว่าคุณจะได้พบรักแบบสายฟ้าแลบแล้วเป็นคนที่ใช่เลย เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ขนาดนั้นเลย

สุขภาพ  :  สัปดาห์นี้จะรับประทานอะไรก็ต้องระวัง หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ ไม่สดสะอาด เพราะมีความเสี่ยงที่จะท้องเสีย อาหารเป็นพิษ มีพยาธิ์ในลำไส้ ซึ่งหากท้องเสียติดต่อกันหลายๆ ครั้งจะมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นลมร่วมด้วย  

ผู้ที่เกิดวันเสาร์

การงาน  :   สำหรับสัปดาห์แรกในเดือนสุดท้ายของชาวเสาร์นะคะ หากคุณทำงานหรือดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับราชการ รัฐวิสาหกิจ การเงินการบัญชี ประกัน การแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง CEO ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หากคุณแน่ใจในตำแหน่งหน้าที่การงาน แม้เกษียณแล้วก็มีการจ้างต่อแล้วล่ะก็ อาจต้องคิดใหม่ทำใหม่นะคะ เพราะมีโอกาสสูงที่คุณจะไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาได้ง่ายๆ จึงไม่ควรประมาท  

การเงิน  :  จริงๆ คุณมีความสามารถในการทำงานหาเงินนอกบ้านได้โดยไม่เดือดร้อน มีความมั่นคงสูง แต่คาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้มีงานที่จำเป็นต้องใช้เงินจะเข้าจนคุณชักหน้าไม่ถึงหลังเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อใจหรือหลงคารมใครง่ายๆ    

ความรัก  :  มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะค่อนข้างซีเรียส เอาจริงเอาจังกับสมาชิกในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกๆ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น เที่ยวกลางคืน ไม่ยอมไปเรียน จนคุณต้องถือไม้คุมตลอดเวลา  คนโสด ก็ยังโหยหาอ้อมกอดคลายหนาวอยู่นะคะ ซึ่งสัปดาห์นี้มีโอกาสที่คุณจะได้สมหวังตามสถานบันเทิงต่างๆ ก็ดูใจกันนานๆ อย่าใจเร็วด่วนได้

สุขภาพ   :   สัปดาห์นี้หากตอบรับไปสังสรรค์ปาร์ตี้ ดื่มหนัก ก็ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะมีโอกาสที่กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะจะมีติดเชื้อได้ หากในกรณีรุนแรงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อในกระแสเลือดได้เลย

จอนจีฮยอน

6 เรื่องที่ทำให้รู้ว่านางเอก จอนจีฮยอน และครอบครัว รวยระดับหมื่นล้าน

Alternative Textaccount_circle
จอนจีฮยอน
จอนจีฮยอน

นางเอกเกาหลี จอนจีฮยอน (Jun Ji Hyun) หรือที่หลายคนอาจเรียก “จวนจีฮุน” เธอเป็นนักแสดงเกาหลีฝีมือดี มีผลงานที่เป็นที่รู้จักมากมายไม่ว่าจะเป็น ผลงานคลาสสิกอย่าง My Sassy Girl ที่สร้างชื่อยัยตัวร้ายให้กับเธอ, My Love from the Star, The Legend of the Blue Sea ฯลฯ แต่นอกเหนือจากฝีมือการแสดงแล้ว เธอยังเลื่องชื่อในด้านความร่ำรวย ดารารวย มาก จากการเป็นเจ้าแม่พรีเซนเตอร์ที่ยืนหนึ่งในวงการมาตลอด 16 ปี สร้างรายได้ให้เธออย่างมหาศาล โดยปัจจุบันเธอต่อยอดด้วยการนำไปลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็รุ่งเรืองสุดๆ ถึงขั้นมีชื่อติดโผหนึ่งในดาราหญิงที่รวยที่สุด

ในปี 2012 นางเอกระดับแนวหน้าของเกาหลีใต้คนนี้ได้เข้าพิธีแต่งงานกับหนุ่มนอกวงการซึ่งเป็นเพื่อนของเธอในสมัยวัยรุ่น “ชเวจุนฮยอก” (Choi Jun Hyuk) แม้เขาจะไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่ดีกรีโปรไฟล์และพื้นเพครอบครัวของเขาไม่ธรรมดาเลย เพราะว่ากันว่าตอนนี้ครอบครัวของ Jun Ji Hyun รวยระดับหมื่นล้าน เลยทีเดียว และแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีตัวเลขออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่เราได้รวบรวม 6  เรื่องราวที่สะท้อนความรวยมาให้ขบคิดกัน

6 เรื่องที่ทำให้รู้ว่านางเอก จอนจีฮยอน และครอบครัว รวยระดับหมื่นล้าน

จอนจีฮยอน

1.ถ้า “Beverly Hills” คือย่านพักสุดหรูของเหล่าเศรษฐีอเมริกา เกาหลีใต้ก็มี “ซัมซองดง” เป็นย่านพักสุดหรูของเหล่าเศรษฐี ที่นี่มีคนดังอาศัยอยู่มากมาย รวมถึงเจ้าของค่ายรถยี่ห้อดัง นางเอกซูเปอร์สตาร์ Jun Ji Hyun ก็เป็นหนึ่งในลูกบ้านของย่านนี้ โดยบ้านของเธอมีมูลค่า 8.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 258 ล้านบาท) ทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ได้เข้าไปอยู่ที่นั่นทันที เพราะระหว่างก่อสร้างบ้านใหม่เธอมีปัญหากับเพื่อนบ้านเนื่องจากมีคนไม่พอใจในการออกแบบทางเข้าลานจอดรถของเธอ แต่สุดท้ายก็ได้เข้าไปอยู่หลังจากที่คลอดลูกคนแรก

จอนจีฮยอน

2.นอกจากนี้นิตยสาร Womem Sense ยังได้เผยว่าเธอซื้ออาคาร 2 ชั้นมูลค่า 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 113 ล้านบาท) เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยกับครอบครัวอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้เธอยังมีอพาร์เม้นต์หรูในฮยอนแดที่เคยอยู่อาศัยก่อนที่จะแต่งงานด้วย

จอนจีฮยอน

3.ไม่ใช่แค่บ้านแพงเท่านั้นแต่ Jun Ji Hyun ยังเป็นนักแสดงที่มีมีวิสัยทัศน์ในการบริหารเงินอีก เป็นเจ้าของตึกหลายแห่งในกรุงโซลด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ย่านนอนฮยอนดงเธอมีตึกมูลค่าประเมินอยู่ที่ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 441 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังมีตึกในย่านอินชอนดงที่มีมูลค่าประมาณ 4.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 145 ล้านบาท) โดยอัตราค่าเช่ารายเดือนของตึกทั้งสองแห่งนี้ยังมีราคาสูงถึง 55,000 เหรียญ ( ประมาณ 1.7 ล้านบาท) ต่อเดือน

4. Jun Ji Hyun ยังมีที่ดินที่เธอซื้อไว้ซึ่งมีมูลค่า 27 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 851 ล้านบาท) มีรายงานว่าเธอมีที่ดินและอสังหาริมทรัพย์รวมมูลค่าทั้งหมดอยู่ที่ 64 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2 พันล้านบาท)

จอนจีฮยอน

5. ขณะที่ฟากสามีสุดหล่อของเธออย่างที่เกริ่นไปตอนแรกมีโปรไฟล์และพื้นเพครอบครัวของเขาไม่ธรรมดาเพราะพ่อของเขาร่ำรวยจากการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ใน Alpha Asset Management ขณะที่คุณแม่ของเขาคือ “อีจองอู” ดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ส่วนคุณยาย “อียองฮี” ก็คือหนึ่งในนักออกแบบชุดฮันบก ที่คนให้การเคารพนับถือกันมาก ขณะที่ตัวเขาเองก็ทำงานภาคการเงินที่ “Bank of America” ธนาคาร 1 ใน 4 ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาด้วย

จอนจีฮยอน

6. อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าสามีของนางเอกเจ้าของฉายา “ยัยตัวร้าย ได้ออกจาก “Bank of America” แล้ว และได้นั่งแทน CEO ของบริษัทบริหารจัดการเงินลงทุน โดยคาดการณ์ว่ามีมูลค่า 295 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,300 ล้านบาท)

จอนจีฮยอน


ข้อมูลจาก : allkpop

ภาพจาก : SBS,  Womem Sense

สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

6 เรื่องรู้จัก นางเอกเกาหลี Bae Suzy ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีดีแค่แฟนหล่อ

WOW! ลุคคุณแม่หลังคลอด ของ ยัยตัวร้าย “ชอนจีฮยอน” ในงานอีเว้นท์ครั้งแรก

ผลงานชิ้นล่าสุดของคุณแม่ลูก 2 ยัยตัวร้าย “จอนจีฮยอน”

อ่านแล้วยิ่งหลงรัก 7 เรื่องไม่ลับของหนุ่มฮ็อตเกาหลี ควอน ฮยอนบิน

ส่องบ้านทายาทธุรกิจถังแก๊ส ใหญ่ท็อป 3 ของโลก หรูหราอย่างมีสไตล์ทุกอณู

อยากได้ ต้องได้! เจฟฟ์ เบซอส ควักเงิน 4.9 พันล้าน ซื้อคฤหาสน์หรูในเบเวอร์ลี่ฮิลส์

ไม่ได้สะสมแค่เครื่องเพชร “ซูซี่ หทัยเทพ” ซื้อแชนเดอเลียร์ถวายวัดนับไม่ถ้วน

ลูกแดง ดวงภัทร โพธิรัตนังกูร ลุยสร้างบ้านขายที่ ‘เมกา’ หลังละพันกว่าล้าน!

โกรธจนตัวสั่น ทายาทฟอร์มูล่า 1 ถูกโจรบุกคฤหาสน์ กวาดทรัพย์สิน 2 พันล้านเกลี้ยง

 เบิกตากว้างเน้นๆ เปิด 10 บ้านหรู อลังการดาวล้านดวง ขึ้นชื่อว่า มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก

ส่อง! บ้านหรู รังรัก จัสติน-เฮลีย์ แมนชั่นระดับลักชัวรี่ในเบเวอร์ลีฮิลส์

ท่องซาฟารี! เปิดบ้านสุดเว่อร์วังของ “ราเชด ซาอิฟ เบลฮาซา” ทายาทแสนล้านมหาเศรษฐีดูไบ

10 คฤหาสน์ของคนบันเทิง หรูอลังการระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่!

 เปิด บ้านหรู อยู่แล้วเฮงของครอบครัว “จิระพจชพร” แห่งโฟร์วิงส์กรุ๊ป

ปฏิเสธ! โซจีซอบ ซื้อบ้านราคา 160 ล้านบาท เป็นเรือนหอหลังแต่งงาน

ชีวิตดั่งซินเดอเรลลา ยุ้ย-กันธิชา สาวไทยพบรักมหาเศรษฐีเจ้าของ ชวาร์สคอฟ

จับแล้ว! โจร 2 แม่ลูก บุกคฤหาสน์ ทายาท F1 กวาดทรัพย์สิน 2 พันล้าน

“Le Café V” คาเฟ่ หลุยส์ วิตตอง แห่งแรกในโอซาก้า ลิ้มรสมื้อค่ำเริ่มที่ 8 พันบาท

อัปเดตเทรนด์งานผิวกับ “หมอออม – พญ.นาตยา รักพ่วง” แห่ง Dr.Aomthong Clinic

account_circle

ด้วยความที่เทรนด์งานผิวยังคงฟีเวอร์สุดๆ Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว จึงพาไปทำความรู้จักกับ “คุณหมอออม – พญ.นาตยา รักพ่วง” แห่ง Dr.Aomthong Clinic พร้อมเจาะลึกทริคดีๆ ในการดูแลผิวด้วยนวัตกรรมความงาม ซึ่งขอบอกเลยว่าคนรักผิวไม่ควรพลาด!

พิกัดทำสวยในคอนเซ็ปต์ ‘ความงามทางนรีเวช’

“จุดเริ่มต้นของ Dr.Aomthong Clinic มาจากการผนวกศาสตร์ที่หมอเรียนมาเข้าด้วยกัน คือสูตินรีเวชวิทยาและศาสตร์ความงาม การชะลอวัย รวมถึงการปรับรูปหน้า ซึ่งเป็นการช่วยดูแลฟื้นฟูสุขภาพของผู้หญิงจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะเหล่าคุณแม่ที่ยังสาว หรือต้องการคงความอ่อนเยาว์ จนเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ ‘ความงามทางนรีเวช’ ที่ให้ความสำคัญกับศิลปะความงามและการสร้างสุขภาพดีควบคู่กันค่ะ

“ส่วนจุดเด่นของ Dr.Aomthong Clinic คือการช่วยดูแลความงามตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า พร้อมช่วยดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะการฟื้นฟูคุณแม่หลังคลอด ฟื้นฟูความเสื่อมของจุดซ่อนเร้น รวมถึงยังมีการช่วยดูแลในส่วนของ Body Contouring ที่เป็นการกระชับสัดส่วนร่างกายโดยอาศัยการทำทรีตเม้นต์เป็นตัวช่วยหลัก”  

ความงามสไตล์ ‘หมอออม’

“นิยามความงามในมุมมองของหมอ ไม่ใช่การมองแค่ภายนอก แต่หมอมองว่าความงามที่ดูมีเสน่ห์ หรือดูมีออร่า จะส่งมาจากภายใน ยกตัวอย่างผิวพรรณ ก็จะเป็นผิวที่ดูชุ่มชื้น ดูโกลว์ ดูเป็นผิวสุขภาพดีจากภายใน อีกอย่างคือความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ไม่ใช่เป็นบล็อกเดียวกันหมด ซึ่งถือเป็นเสน่ห์เฉพาะบุคคล

“ส่วนเรื่องเทรนด์ความงาม ก็ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย อย่างเมื่อก่อนจะเน้นไปที่การปรับรูปหน้าเป็นหลัก แต่ตอนนี้มีเรื่องการดูแลผิวที่มาแรงตีคู่ไปด้วยกัน ซึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยมคือแลดูเป็นธรรมชาติ  อยากให้ดูไม่ออกว่าไปทำอะไรมา ทั้งการปรับรูปหน้าและเทรนด์งานผิว 

“หัวใจสำคัญของการทำงานในวงการความงาม อันดับหนึ่งคือต้องมีความซื่อสัตย์ เพราะปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในการดูแลความงามออกมาเยอะมาก ข้อดีคือเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้จากข่าวแง่ลบต่างๆ ที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแท้ ของปลอม ที่ต้องระวังมากๆ หรือการใช้กลโกงมาเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น การแอบสลับผลิตภัณฑ์ การใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เต็มที่ หรือไม่ตรงตามสูตร ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ด้อยประสิทธิภาพ ดังนั้นความซื่อสัตย์และความจริงใจจึงสำคัญมากๆ ค่ะ” 

นวัตกรรมฟื้นฟูผิวมาแรงอินเทรนด์งานผิว

“กระแสการดูแลผิวตอนนี้ หลักๆ จะเป็นเรื่องความหย่อนคล้อย โดยเฉพาะผู้รับบริการของ Dr.Aomthong Clinic ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณแม่หลังคลอดที่มีปัญหาผิวหลวมจากการที่ลูกในครรภ์ดึงสารอาหารไป อ้างอิงจากงานวิจัยพบว่าหลังการตั้งครรภ์ ผิวของคุณแม่หลังคลอดจะแก่ลงถึง 10 ปี เกิดปัญหาทั้งผิวย้วย รอยแตกลาย ดังนั้นในการฟื้นฟูผิวจึงต้องดูแลแบบองค์รวม และใช้นวัตกรรมความงามในการช่วยฟื้นฟูผิว

“สำหรับนวัตกรรมดูแลผิวที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในตอนนี้ คือนวัตกรรมฟื้นฟูผิวจากไต้หวัน ซึ่งเป็น Biostimulator ที่ประกอบด้วย PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid) บวกกับ CMC (Carboxymethyl Cellulose) และมาพร้อมกับโมเลกุลที่เล็กละเอียด ซึ่งช่วยลดปัญหาแทรกซ้อนหลังทำ เช่น ผิวไม่เรียบ เกิดรอยตะปุ่มตะป่ำ ที่สำคัญคือได้รับการอนุมัติจากทั้ง อย. ไทยและไต้หวัน รวมถึงยังใช้ได้แบบ Universal ทั้งผิวหน้าและผิวกาย โดยช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ คืนความยืดหยุ่นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน เติมความชุ่มชื้นให้ผิวแลดูอิ่มฟู  

“นอกจากจะเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่ตอบโจทย์เหล่าคุณแม่ในการเรียกคืนความมั่นใจกลับมาแล้ว นวัตกรรมนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักเยอะๆ แล้วมีปัญหาผิวหลวม รอยแตกลาย อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น เพราะหลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และสามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยหากทำตามโปรโตคอลทุก 6 สัปดาห์ จำนวน 3 ครั้ง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 2 ปี ถือเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวมาแรงที่ตอบโจทย์เทรนด์งานผิวได้แบบตรงจุดและตรงใจเลยค่ะ”


Benzilla ….ศิลปินตาบอดสี ในโลกศิลปะที่เราอาจมองเห็นไม่เหมือนกัน

Alternative Textaccount_circle

หนึ่งในท็อปลิสต์ศิลปินมาแรงวันนี้ ต้องมี Benzilla หรือ เบนซ์ – ปริญญา ศิริสินสุข นอกจากผลงานที่ร่วมกับแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Maurice Lacroix, Versace, Audi, off-white, Vespa, Adidas ฯลฯ รวมทั้งได้รับเชิญไปจัดนิทรรศการส่วนตัวทั้งในและต่างประเทศ อาทิ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ยังมี ‘LOOOK’ เอเลี่ยน 3 ตา สีสันสดใส ที่เป็นซิกเนเจอร์คาแร็คเตอร์ ภายใต้ภาพที่ดูสดใส น่ารัก มีนัยยะสื่อถึงปัญหา ความเศร้า ความกลัวแฝงไว้ด้วย

และล่าสุดกับ Solo Exhibition ของเขา GOOOD LUCK ณ Tang Contemporary Bangkok ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น ซึ่งนิทรรศการจะจัดถึงวันที่ 15 ธันวาคมนี้เท่านั้น  แพรวจะพาคุณไปทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น

สีที่ไม่เหมือนใคร

            “ผมเป็นเด็กโอตาคุ คลั่งการดูทีวีมากๆ  นั่งหน้าจอทั้งวัน ชอบดูทุกอย่างตั้งแต่ สารคดี ดนตรี เกม และการ์ตูน พยายามหัดวาดรูปเลียนแบบการ์ตูนที่ชอบ ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวผมเคร่งครัดเรื่องการเรียนและกิจกรรม ส่งให้เรียนพิเศษทุกวัน ทั้งวิชาการ ภาษา รวมถึงคอมพิวเตอร์ ดนตรี  เพราะฉะนั้นการวาดการ์ตูนจึงเป็นสิ่งที่ผมได้ทำสิ่งที่ชอบจริงๆ ซึ่งที่บ้านก็สนับสนุนด้วยการไม่ห้าม

            “พอเข้ามหาวิทยาลัยผมเลือกเรียนออกแบบดีไซน์กราฟิก ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ซึ่งได้เจอวิชาที่น่าสนใจมากมาย เช่น การออกแบบโลโก้ รวมถึงได้เจอคนเก่งเยอะ กระทั่งปีสาม ผมเรียนวิชาภาพประกอบกับพี่โลเล (ทวีศักดิ์ ศรีทองดี) เขาให้วาดรูปพอร์เทรตเป็นสีขาว-ดำ แต่ผมกลับวาดโดยใช้สีชมพูสด พี่โลเลทักว่า ตาบอดสีเหรอ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่าตัวเองตาบอดสี ทั้งที่ตอนวาด ตั้งใจใช้สีเทา จึงไขข้อข้องใจบางอย่างได้ว่า ที่ผ่านมา งานผมสีสันสดใสคงเพราะมองบางสีเพี้ยนไป แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เห็นสีเลย คือผมยังมองเห็นสีเหมือนคนทั่วไป แต่ถ้ามีเฉดเขียว แดง ผสมอยู่จะดูยากขึ้นว่าคือสีอะไร

             “ตอนที่รู้ใจแป้วมาก กำลังจะเรียนจบ มีความฝันอยากทำงานออกแบบ และสีคืออาวุธของการทำงาน ตอนที่สับสนไม่รู้ว่าจะแก้ไขยังไง อาจารย์ติ๊ก (สันติ เลารัชวี) ซึ่งสอนด้าน Communication Design บอกผมว่า ให้ทำเหมือนบีโธ่เฟ่น คือหูหนวกแต่ทำเพลงได้โดยใช้เครื่องมือช่วย งานของกราฟิกดีไซเนอร์ แม้จะต้องแม่นเรื่องสี แต่โชคดีที่การทำงานในคอมพิวเตอร์มีการอ้างอิงค่าสีที่ถูกต้องให้ รู้ว่าสีที่เลือกใช้คือสีอะไร เพราะฉะนั้นการเผชิญหน้าระหว่างผมกับสีจึงไม่ผิดพลาด แต่พอมาทำงานตัวเองต้องวาดรูปลงเฟรมผ้าใบ ยอมรับว่ายาก เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งแสงที่ตกกระทบเฟรมที่อาจจะทำให้มองสีเพี้ยนผิดไป ผมจึงดีลกับโรงงานสี สร้างสูตรสีของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้สีที่ใช้นิ่งที่สุด ขณะเดียวกันหากทำงานกับลูกค้าแบรนด์ เขาจะส่งโค้ชรหัสสีมาให้ เราแค่นำรหัสที่ได้ ไปเลือกสีให้ตรงที่สุด แล้วส่งตัวอย่างสี กลับให้ลูกค้าตรวจสอบอีกครั้ง

            “ผมตัดสินใจไม่ไปหาหมอ เพราะรู้ว่าโรคนี้ไม่มีทางหาย บวกกับผมเองก็ไม่อยากหายด้วย เพราะมีความเชื่อว่าอะไรที่เกิดขึ้นย่อมดีทั้งนั้น มันคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมมองเห็นไม่เหมือนคนอื่น และคนอื่นก็มองไม่เหมือนผม ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่ารูปวาดที่ผมวาด ผู้ชมมองแบบเดียวกันหรือเปล่า แต่คิดว่านี่คือเรื่องที่สนุกดีครับ ถ้าต่างฝ่ายเห็นสีที่ไม่เหมือนกัน”

หลังจากทำงานในฐานะกราฟิกดีไซเนอร์ให้กับบริษัทโฆษณาและห้างสรรพสินค้าอยู่หลายปีรวมถึงทำงานศิลปะด้วย 4 ปีที่แล้วเขาตัดสินใจลาออกเพื่อให้มีเวลาทำผลงานส่วนตัวมากขึ้นโดยใช้ชื่อวงการว่า Benzilla “เบื้องหลังของชื่อมาจากอักษรตัวสุดท้ายของชื่อผมคือ Z ความที่ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น คิดถึงตำว่า Godzilla จึงเลือกเติม zilla มาต่อท้าย แต่สุดท้ายชื่อก็คือชื่อ ความพิเศษต้องเกิดจากงานที่สามารถบอกตัวตนของเรา”

เพราะโลกโหดร้าย

            งานของเบนซ์มีความน่ารักใช้สีสันสดใสโดยมีLoook หรือเอเลี่ยน3 ตาเป็นคาแร็คเตอร์ซิกเนเจอร์หากสังเกต งานของผมเป็นลักษณะเรขาคณิต วงกลม วงรี ซึ่งเป็นรูปทรงที่ให้ความสบายใจ สะอาด เรียบง่าย เพราะผมชอบ แล้วใช้เทคนิคการวาดที่ทำให้รูปมีมิติ ดูนุ่ม ให้ความรู้สึกปลอดภัย

“สมัยเด็กผมไม่ได้วาดตัวการ์ตูนเท่ๆ เหมือนคนอื่น ชอบวาดแต่ตัวการ์ตูนตาโต หน้าตาน่ารัก เดาว่ามีความกลัวเป็นพื้นฐาน ซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงวันนี้ว่าเกิดจากอะไร ทั้งๆ ที่ผมเป็นสายชอบดูการ์ตูนโหดกับหนังสยองขวัญ อาจเป็นเพราะพอโตขึ้น ข่าวสารบนโลกถาโถมเข้ามา ทุกอย่างมีผลกับงาน ทุกวันนี้เรายังเห็นสงครามที่ยิงมิสไซล์สู้กัน น่าหดหู่และไม่เคยมีความสงบอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นในเมื่อมีเรื่องโหดร้ายเยอะเหลือเกิน รูปก็ต้องสดใส แต่แฝงด้วยเรื่องราว

“การ์ตูนเป็นศิลปะที่มีพลัง มันสามารถพูดด้วยภาษาภาพที่คนทุกวัยเข้าใจง่าย ผมวาดเรื่องราวผ่าน Loook แปลตรงตัวคือ การมองเห็น เป็นเอเลี่ยนที่มี 3 ตา ซึ่งดวงที่สามเหมือนกับการรู้แจ้ง นัยยะของมันคือผู้เฝ้ามองความเป็นไปบนโลกจากสายตาของบุคคลภายนอก แล้วสะท้อนว่าโลกนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แทนค่าด้วยการมองอย่างมีสติ เพราะฉะนั้นการทำงานคือการพูดคุยกับตัวเองเหมือนกัน เหมือนการนั่งเขียนไดอารี่ เพียงแต่เขียนเป็นรูปภาพ

“ปีที่แล้ว ผมตั้งคำถามเรื่องอีโก้ เพราะเราทำงานมานาน มีบ้างที่หมกมุ่นอยู่แต่ในโลกตัวเอง และบางครั้งก็สร้างอีโก้เพื่อเป็นเกราะปกป้องไม่ให้รู้สึกแย่ การมีอีโก้เยอะไปอาจทำให้กร่าง  จึงทำนิทรรศการเดี่ยวชื่อ Alter Ego ซึ่ง Think space art แกลเลอรี่ที่แคลิฟอร์เนีย เชิญให้ผมไปจัดนิทรรศการที่นั่นเป็นครั้งแรก ผมวาดตัวละคร loook สองตัว ตัวหนึ่งดี อีกตัวร้าย โดยมีพฤติกรรมสลับกัน คือในดีมีชั่ว ในชั่วมีดี เพื่อจะบอกว่า คนมักมองว่าสิ่งดีและชั่วต้องแยกจากกันชัดเจน แต่ในชีวิตจริงมนุษย์มีทั้งดีและชั่ว และเราควรต่อสู้กับแง่ลบไม่ให้มากเกินไป แม้จะไปจัดที่อเมริกาเป็นครั้งแรก แต่ได้รับฟีดแบคค่อนข้างดีขายผลงานได้หมดทุกชิ้น

“อีกนิทรรศการจะจัดขึ้นวันที่ 9 พฤศจิกายน-15 ธันวาคมนี้ ที่ Tang Contemporary Art ที่ River City ในชื่อ Goood Luck ที่แปลว่า โชคดี แต่มีนัยยะแฝง ผมสังเกตว่าเมื่อเราโตขึ้น เพื่อนฝูงเริ่มห่างกันออกไป ผมอยากใช้งานนี้บอกเล่าว่า ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป สิ่งที่เหลือคือความทรงจำ Goood luck จึงแทนความหมายว่า ดีใจนะ ที่ได้เจอเรื่องพวกนี้

            “ภาพที่จัดแสดงมีหลายเซ็ต ขอยกตัวอย่างเซ็ตที่ชื่อว่า Picnic เป็นภาพที่คนร้องรำทำเพลงอยู่ในสวน ผมรู้สึกว่าโมเมนต์ง่ายๆ แบบนี้มีน้อยลงมากในยุคที่อินเตอร์เน็ตเกิดขึ้น เราอยู่กับจอคอม โทรศัพท์ ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กันต่อหน้า การจะนั่งเล่นในสวน ร้องรำทำเพลง กลายเป็นเรื่องเสียเวลา และเราไม่สามารถไปทำอะไรอ้อยอิ่งแบบนั้นได้อีกแล้ว แต่กิจกรรมพวกนี้มีคุณค่าในตัวเอง การนั่งเฉยๆ อ่านหนังสือ หรือเต้นรำในสวน มันคือคุณภาพชีวิตอย่างหนึ่งที่เรามีโอกาสใช้เวลากับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว นิทรรศการจึงสื่อว่า บางเรื่องเราไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างนั้นได้อีกแล้ว เหลือไว้แค่ความทรงจำ”

            ขณะเดียวกันการมีลูกสาวก็ทำให้สไตล์การทำงานและความคิดของเขาเปลี่ยนไปเยอะ “พอมีลูก วิธีการทำงานก็เปลี่ยนไป ต้องคิดอะไรในมุมของคนอื่นมากขึ้น ว่าเราจะมีส่วนร่วมช่วยโลกยังไงบ้าง เพราะลูกจะต้องเผชิญกับผลกระทบจากการกระทำของคนรุ่นเรา ตอนนี้จึงเริ่มทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างปีที่แล้ว ผมดีไซน์นาฬิกาให้กับแบรนด์ Maurice Lacroix ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำนาฬิกามาจากพลาสติกที่รีไซเคิลจากขยะในทะเล ก็พบว่าศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์เรื่องราวเหล่านี้ได้ ซึ่งในอนาคตจะมีผลงานแนวนี้ให้ติดตามอีกแน่นอน”

สไตล์ที่ไม่มีนิยาม

            นอกจากจะสร้างชื่อในฐานะศิลปินที่จัดนิทรรศการในต่างประเทศหลายครั้งเขายังสร้างผลงานผ่านการคอลแลปกับแบรนด์ดังมากมาย

“ผมชอบแฟชั่นและเราข้าวของอยู่แล้ว เช่น รองเท้า เสื้อผ้า พอได้ทำงานกับแบรนด์ที่ชอบ ก็จะรู้สึกยินดีมาก เพราะเรามีไอเดียอยู่แล้วว่าอยากทำอะไร อย่างปีนี้ผมมีโอกาสทำงานกับ Versace ด้วยความที่แบรนด์มีภาพที่ชัดเจน เวลาพรีเซนต์งานต้องทำละเอียดเพราะต้องนำเสนอทางสำนักงานใหญ่ บางครั้งก็ต้องปรับสไตล์ให้เข้ากับแบรนด์มากที่สุด จนอาจจะเจอกับสิ่งที่ไม่เคยชินบ้าง แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องดี มันท้าทายให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาฝีมือเพิ่ม เวลาได้รับงานจากแบรนด์ ผมจะทำการบ้านด้วยการไปที่ร้าน ดูแคตตาล็อค ดูสารคดีของย้อนหลัง เพื่อรู้จัก DNA และแนวคิดของแบรนด์ หากเข้าใจ เราจะผลิตชิ้นงานได้“

“ในฐานะศิลปินแน่นอนว่าไม่มีใครชอบให้ผลงานถูกตำหนิแต่เมื่อต้องแก้ไขงานการยอมรับคือสิ่งสำคัญ “ต้องยอมรับให้ได้ ผมเองก็โดนตำหนิมาเยอะ แต่ชินแล้วเพราะตอนทำงานบริษัทก็ต้องอยู่กับการแก้งานของลูกค้า แต่ถ้าเป็นงานส่วนตัว ผมค่อนข้างย้ำคิดย้ำทำ กลัวว่าจะไม่ดีพอ เมื่อก่อนไม่ชอบความรู้สึกนี้ แต่พอมาคิดดู หากเราไม่พิจารณาหรือให้เกรดตัวเองก็จะไม่เก่งขึ้นเลย  ถ้าคะแนนเต็มสิบ ผมให้ตัวเองไม่เกิน 7 มองว่า นี่คือสัญญาณที่ดีให้ฝึกฝนต่อไป เพราะยังมีคนเก่งกว่าเราเยอะ อีกอย่างคือผมไม่ได้จำกัดตัวเองว่าทำงานศิลปะแนวไหนและเชื่อว่าศิลปะไม่มีเส้นแบ่ง การแบ่งเกิดจากมนุษย์ที่อยากจะกำหนดทิศทางของมัน ซึ่งผมสนุกที่จะปล่อยให้ศิลปะของเราหลวมๆ มากกว่า ทำให้ฝึกได้หลากหลายขึ้น“

การผลิตนิทรรศการแต่ละคอลเล็คชั่นมีรูปภาพหลายสิบรูปต้องใช้เวลานานกว่า 3-4 เดือนจึงจะแล้วเสร็จคำถามที่หลายคนอยากรู้คือศิลปินเคยเบื่อรูปตัวเองบ้างไหม

 “เบื่อแน่นอน การทำงานจะมีช่วงที่คิดไม่ออก และบางรูปใช้เวลาวาดเป็นเดือนก็อาจยังไม่สำเร็จ จึงต้องสู้กับมันเยอะ เวลาผมวาดรูป จะวาดไปทีละส่วน พอเบื่อก็หยุด และคิดอย่างเดียวว่า ทำให้เสร็จ เพราะถ้าคิดกลับกัน ตอนทำงานประจำมีบางเรื่องที่ไม่สนุกกว่านี้เยอะแต่ยังทำได้เลย นี่คือสิ่งที่เรารัก ก็ต้องลุยกับมันให้เต็มที่”

ศิลปะคือพลัง

            “ในอนาคต ผมอยากพัฒนางานตัวเองให้ดีขึ้น ทุกวันนี้ผมวาดรูปเป็นหลัก มีงานประติมากรรม ทั้งเล็กและใหญ่ จัดแสดงตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงงานดีไซน์ร่วมกับแบรนด์ หากเป็นชิ้นงานในฝัน ผมอยากจัดนิทรรศการ ที่เนรมิตสถานที่ให้คนที่มาชมได้รับประสบการณ์เหมือนอยู่อีกโลก ใช้ศิลปะทั้งงานภาพ เสียง ทุกอย่างที่เราสนใจรวมอยู่ในที่เดียว ใครอยากเป็นแนวร่วมด้วยกัน ยินดีนะครับ (ยิ้ม)”

            เมื่อถามถึงคุณค่าในศิลปะเบนซ์ตอบว่า “ให้ลองจินตนาการว่าเรานั่งอยู่ในห้องที่ไม่มีสิ่งของ มีเพียงภาพวาดแปะอยู่ตามผนังเหมือนหน้าต่างบานหนึ่ง การมองภาพนั้น ทำให้เราได้เห็นวิวใหม่ๆ ช่วยให้หลุดจากเรื่องราวในปัจจุบันไปสักพัก เราอาจจะมองรูปแล้วรู้สึกอิ่มเอมกับความสุข เข้าใจความทุกข์มากขึ้น

            “เพราะฉะนั้นผมมองว่าศิลปะมีพลังวิเศษ ที่สามารถพาเราไปที่ต่างๆ ได้ ไม่ต่างจากประตูของโดราเอม่อนครับ”


เรื่อง: Fai

ภาพ: วรสันต์

ฉลองเทศกาลแห่งความสุขพร้อมกัน 3 สไตล์ ในที่เดียวใน The World’s Best Destination for Celebration Experiences

account_circle

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่ โกลบอลเดสติเนชั่น ปักหมุดเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขสำหรับทุกคน “The World’s Best Destination for Celebration Experiences” ในปีนี้ ชวนทุกคนมาร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขพร้อมกันถึง 3 สไตล์ที่นี่ที่เดียว เป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนมาถ่ายรูปแล้วแชร์โมเม้นต์ สนุก และมีความสุขไปกับ Be Amazed ต้นคริสต์มาสในแบบ Luxury กับ Cartier Magical Night ณ สยามพารากอน Be Inspired ต้นคริสต์มาสสร้างแรงบันดาลใจไปกับ The Magical Art (of) Toy Celebration ณ สยามเซ็นเตอร์ Be Revolutionary ต้นคริสต์มาสรักษ์โลก Sustainable Living X’mas Tree 2024 ณ สยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมด้วยแขกรับเชิญคนพิเศษที่มาร่วมเฉลิมฉลองและส่งมอบความสุขไปด้วยกัน อาทิ ฟรีน- สโรชา จันทร์กิมฮะ, เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม, ซี-พฤกษ์ พานิช และ นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์

นางสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ช่วงเทศกาลแห่งความสุขปีนี้ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เนรมิตทุกพื้นที่ให้เป็น เดสติเนชั่นแห่งการเฉลิมฉลอง เป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนมาถ่ายรูปแล้วแชร์โมเม้นต์ สนุก และมีความสุข เริ่มด้วยการตกแต่งบรรยากาศเฟสทีฟ เนรมิตทั่วพื้นที่ให้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขท่ามกลางสีสันที่เปล่งประกายสะท้อนแสงแห่งความมหัศจรรย์ที่อยู่ในมิติต่างๆ โดยนำรูปทรงของสโนว์เฟล็กมาเป็นสัญลักษณ์การก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุข ระหว่างวันนี้ – 7 ม.ค. 2568 ความพิเศษของการฉลองเทศกาลแห่งความสุขในแบบ ONESIAM คือการมีต้นคริสต์มาส 3 รูปแบบ 3 สไตล์ในที่เดียวสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละศูนย์การค้าได้เป็นอย่างดี”

  • สยามพารากอน ตอกย้ำการเป็น Luxury Destination ชวนตื่นตาตื่นใจ Be Amazed ไปกับงานเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขในแบบลักซ์ชูรี่ กับ “Cartier Magical Night’ ต้นคริสต์มาสสุดลักซ์ชูรี่ ที่ส่องแสงเปล่งประกายเจิดจ้าใจกลางสยาม เล่นกับรูปทรงต่าง ๆ ตั้งแต่รูปทรงอันเป็นสัญลักษณ์ของเมซงไปจนถึงรูปทรงแบบ แอบสแตรค โดดเด่นด้วยโคมไฟที่ประดับด้วยอัญมณีสีน้ำเงินและแอสโตรแลบ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางดาราศาสตร์ที่ใช้ในการวัดตำแหน่งของดวงดาวและวัตถุบนท้องฟ้า ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก หลุยส์ คาร์เทียร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Cartier Magical Night เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา ยามที่กลางวันมาบรรจบกับกลางคืน
    การเดินทางเริ่มต้นที่อินสตอลเลชั่นแรก ที่ Cascade ณ ชั้น M ผู้ชมจะได้เดินทางขึ้นบันไดที่ให้ความรู้สึกราวกับคีย์เปียโน ผ่านประตูโค้งสีทองและก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งจินตนาการ จากนั้นจะได้พบกับต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ของ Cartier ที่ประดับด้วยแหวนและของตกแต่งที่ได้รับ แรงบันดาลใจจากแอสโตรแลบ ประดับประดาด้วยกล่องสีแดงสุดไอคอนิคของ Cartier ต่อไปยังบริเวณโซน Jewel ชั้น M จะได้พบกับ Cartier Magical Night ซึ่งล้อมรอบด้วยม่านสีทอง, ดาวประดับระยิบระยับ และต้นคริสต์มาส เปียโนที่บรรเลงเพลงเองได้ เติมความงามสง่าและสร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลให้กับเทศกาลส่งท้ายปี นอกจากนี้ ตลอดเฟสทีฟซีซั่นร้านค้ากลุ่มลักซ์ชูรี่ยังร่วมสร้างสรรค์ Luxury Festive Vibes สร้างบรรยากาศเทศกาลความสุขแบบเหนือระดับที่ทุกคนต้องประทับใจ ทั้งการตกแต่งวินโดว์ดิสเพลย์ในแบบลักซ์ชูรี่ และการนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษสำหรับเฟสทีฟซีซั่นจากหลากหลายแบรนด์ดัง
  • ด้าน สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ฉลองเทศกาลแห่งความสุข Be Inspired ให้เต็มเปี่ยมรับพลังสร้างสรรค์เนรมิตทั้งศูนย์ฯ ให้เป็นอาร์ททอยเดสติเนชั่น ในงาน The Magical Art (of) Toy Celebration รวมเหล่าอาร์ททอยไว้จำนวนมากที่สุด กว่า 100 คาแรกเตอร์ จากนานาค่ายดังทั่วโลกไว้ในที่เดียว เริ่มด้วยการตกแต่งบรรยากาศให้เป็นการเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยเหล่าอาร์ททอยเหมาะสำหรับการมา Share Moments ถ่ายภาพแล้วแชร์สุดสนุก และยังมีมหกรรมงานอาร์ททอยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป สยามเซ็นเตอร์ จับมือ Toyzeroplus เปิด “TOYZEROPLUS World” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบกับคาแรกเตอร์สุดฮอตที่โด่งดังไปทั่วโลก ต่อด้วย Siam Center PONY ON WHEEL X TOYCITY Pop-Up อาร์ททอยชื่อดังระดับโลกในธีมฉลองคริสต์มาสต้อนรับเทศกาลเฟสทีฟ พร้อมกิจกรรมเอนเตอร์เทนเม้นตลอดทั้งเดือนส่งท้ายปลายปีที่เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 67 – 7 ม.ค. 68 นอกจากนี้ ภายในสยามเซ็นเตอร์ยังมีร้านและแฟล็กชิปสโตร์ที่เป็นสวรรค์ของคนรักของเล่นและอาร์ททอย อาทิ The Gundam Base Thailand ชั้น 1 Flagship Store แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , Tamashii Spot Bangkok , Banpresto , Gashapon Bandai Official, Buddy Land รวมคลังแสงตู้คีบตุ๊กตา, JINART The FIRST Flagship Store in Thailand Yumeya, FREAK, SEEK ‘N KEEP CLUB, Super! Daddy Store
  • สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ซึ่งเป็น เป็น Pioneer บุกเบิกสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสภายใต้แนวคิดรักษ์โลกมาก่อนใครและดำเนินการ Be Revotionary อย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี ในปีนี้ “Sustainable Living X’mas Tree 2024” สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC พร้อมด้วย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสรักษ์โลกที่สร้างจากผ้าอัพไซเคิลจากขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว โดยนำมาดีไซน์และปริ้นสีจาก Epson ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สร้างลวดลายสีสันจากหมึก UltraChrome DS สะท้อนแสงที่มีชีวิตชีวาและโดดเด่น ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังได้ต้นคริสต์มาสรักษ์โลกที่มีความสวยงาม สร้างความสุขให้กับผู้พบเห็น นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังร่วมมอบความสุขและสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตกสิกรไทยครอบคลุมทั้งกลุ่มสินค้าแฟชั่น และ F&B อีกด้วย ขณะเดียวกัน สยามดิสคัฟเวอรี่ ยังคงเป็นดินแดนแห่งกิ๊ฟท์เดสติเนชั่น ชวนเลือกช้อปของขวัญที่คัดสรรชิ้นพิเศษไม่เหมือนใคร อาทิ Eco Gifts รวมของขวัญแนวคิดรักษ์โลก จาก Ecotopia , ร้าน Loft สเปเชียลิตี้สโตร์สุดฮอตที่มี everyday surprise ยกขบวนของขวัญสุดพิเศษ และของขวัญดีไซน์เก๋ระดับรางวัลจากหลายเวทีที่ร้าน ODS. เพื่อฉลองเทศกาลแห่งความสุขสำหรับลูกค้านักช้อป

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษในแคมเปญ “Bangkok No.1
Shopping Festival 2024: Born to Shop” ระดมหลากสินค้าแบรนด์ดังลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี ลด
สูงสุด 80% ทั่วทั้ง 3 ศูนย์การค้า รวมทั้งในพารากอนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตและ
พันธมิตรทางธุรกิจ มอบโปรโมชั่นตลอดแคมเปญ พร้อมแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
พิเศษสมาชิก ONESIAM Member แลก 1,000 ONESIAM COINS รับ E-Gift Card มูลค่า 1,100 บาท และพลาดไม่
ได้! พบกับโปรโมชั่นพิเศษ BLACK WEEKEND วันที่ 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. 2567 แลกรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 ล้าน
บาท ช้อปครบ 25,000.- ขึ้นไป แลกรับ Siam Gift Card 1,000.- ที่สยามพารากอน และ ช้อปครบ 6,000.- ขึ้นไป แลก
รับ Siam Gift Card 500.- ที่สยามเซ็นเตอร์ หรือ สยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวัน
สยามกสิกรไทย ที่เป็นสมาชิก ONESIAM MEMBER และมี ONESIAM SUPERAPP รับเพิ่มรวมสูงสุด 1,600
ONESIAM COINS

พร้อมฉลองเทศกาลแห่งความสุขยาวต่อเนื่องส่งท้ายปี สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังได้จัด
โปรโมชั่นพิเศษในแคมเปญ “The Magical Celebration” 11 ธ.ค. 2567 – 12 ม.ค. 2568 ร้านค้าลดสูงสุด 70% เมื่อ
ช้อปครบตามเงื่อนไข แลกรับ Siam Gift Card สูงสูด 400 บาท สยามพารากอนช้อปครบ 18,000 บาทขึ้นไป (พิเศษสุด
สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย ช้อปเพียง 15,000 บาทขึ้นไป) รับ Siam Gift Card มูลค่า 400 บาท สยามเซ็นเต
อร์ช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป (พิเศษสุดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย ช้อปเพียง 5,000 บาทขึ้นไป) รับ Siam Gift
Card มูลค่า 200 บาท และ สยามดิสคัฟเวอรี่ช้อปครบ 8,000 บาทขึ้นไป (พิเศษสุดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย
ช้อปเพียง 7,000 บาทขึ้นไป) รับ Siam Gift Card มูลค่า 300 บาท พร้อมแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% จากบัตร
เครดิตที่ร่วมรายการ

ร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุข ไปกับ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ The World’s Best Destination for Celebration Experiences วันนี้ – 7 ม.ค. 2568


keyboard_arrow_up