บลูพอร์ต หัวหิน

บลูพอร์ต หัวหิน The New Chapter of Journey Celebrating 9 Anniversary ฉลองกิจกรรมจัดเต็มพร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง

Alternative Textaccount_circle
บลูพอร์ต หัวหิน
บลูพอร์ต หัวหิน

13 ธันวาคมนี้ เตรียมตัวให้พร้อม! บลูพอร์ต หัวหิน พาทุกคนก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ครบรอบ 9 ปี กับเทศกาล “The New Chapter of Journey Celebrating 9 Anniversary” พบกับการกลับมาของสวนคริสมาสต์ยักษ์สุดอลังการที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองหัวหิน พร้อมด้วยคอนเสิร์ตจากศิลปินมากมาย

โดยเนรมิต พื้นที่ด้านหน้าลาน เดอะแสควร์ ให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง กับการเดินทางแห่งความสำเร็จครบรอบ 9 ปี ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ กับเทศกาล “The New Chapter of Journey Celebrating 9 Anniversary”  ที่มาพร้อมกับสวนคริสมาสต์ยักษ์สุดอลังการที่ใหญ่ที่สุดแห่งเดียวในหัวหิน อลังการด้วยการประดับตกแต่งด้วยไฟ และแสง สี เสียง และเครื่องเล่นแบบจัดเต็ม ที่ปีนี้มาในบรรยากาศกลิ่นอาย ธีม Disco ยุค 70’s ตอกย้ำการเป็น A MUST CHECKIN DESTINATION แลนด์มาร์คแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขหนึ่งเดียวของเมือง กับจุดถ่ายรูปเช็คอินสุดชิคและลานโรลเลอร์สเก็ตที่มาสร้างสีสันแห่งความสนุกและความสดใส พร้อมกองทัพเหล่าบรรดา Elf และ ซานต้า ที่ยกขบวนมาร่วมสร้างความสุขและรอยยิ้ม และไฮไลท์พิเศษในปีนี้กับการกลับมาของหิมะที่หลายๆคนรอคอย พร้อมเซอร์ไพรส์กับไลน์อัพของมหกรรมคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังที่ขนทัพกันมาแบบจัดเต็มตลอดทั้งเดือนธันวาคม

  • 13 ธันวาคม 2567 พาคุณไปตื่นตาตื่นใจ กับเทศกาลเปิดไฟคริสมาสต์สุดยิ่งใหญ่ ที่หลายๆคนรอคอย พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษ ที่ยกขบวนมาร่วมเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ครบรอบ 9 ปี ของบลูพอร์ต หัวหิน พร้อมโชว์การแสดงสุดอลังการต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ต จากศิลปิน ส้ม มารี
  • 26 ธันวาคม 2567 ร่วมสนุกกับมินิคอนเสิร์ต จากศิลปินวง ลิปตา และ No One Else
  • 27 ธันวาคม 2567 จัดเต็มกันอย่างต่อเนื่องกับมินิคอนเสิร์ตจาก ศิลปินสาวเสียงหวาน เอิ้ต ภัทรวี
  • 31 ธันวาคม 2567 ปิดท้ายปีเก่าด้วยความสนุกแบบจัดหนักพร้อมรับปีใหม่ กับมินิคอนเสิร์ตจาก เจ เจตริน เจ้านาย และเจ้าขุน 3 หนุ่มหล่อ 3 สไตล์ ที่เตรียมมาเรียกเสียงกรี้ดจากแฟนๆ

นอกจากนี้ ยังมีโซนอาหารและเครื่องดื่มที่ขนกันมาทุกร้านเด็ด ร้านดังให้ได้มาลองชิม นั่งชิลล์กันแบบยาวๆในทุกค่ำคืนตลอดเดือนธันวาคม ที่ ลาน เดอะสแควร์ บลูพอร์ต หัวหิน

ตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาเช็คอิน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลแห่งความสุขกับงานเฉลิมฉลองสุดอลังการ กับการเดินทางแห่งความสำเร็จครบรอบ 9 ปีของบลูพอร์ต หัวหิน “The New Chapter of Journey Celebrating 9 Anniversary” เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 -31 ธันวาคมนี้ อย่าลืมมาพบกัน ที่ลาน เดอะสแควร์ บลูพอร์ต หัวหิน แลนด์มาร์คแห่งการเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งเดียวในหัวหิน ที่คุณไม่ควรพลาด


CRAVITY

ทำความรู้จัก CRAVITY (กราวิตี) ดวงดาวทั้ง 9 ที่มีความสมดุลอันยอดเยี่ยม

Alternative Textaccount_circle
CRAVITY
CRAVITY

ทำความรู้จัก CRAVITY (กราวิตี) ดวงดาวทั้ง 9 ที่มีความสมดุลอันยอดเยี่ยม พร้อมทะลายกำแพงและก้าวไปอีกขั้นด้วยซิงเกิลอัลบั้มแรก FIND THE ORBIT

กราวิตี พร้อมทะลายกำแพงและก้าวไปอีกขั้นด้วยซิงเกิลอัลบั้มแรก FIND THE ORBIT ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับการเดินทางของวง ผลงานชิ้นนี้บ่งบอกถึงพัฒนาการของ กราวิตี ที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม รวมถึงฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นผ่านกิจกรรมทั้งในบ้านเกิดและระดับนานาชาติ FIND THE ORBIT สะท้อนความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการสร้างความแตกต่างและมุ่งนำเสนอตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ในโลกของเคป็อป

CRAVITY

เส้นทางใหม่ : FIND THE ORBIT

วงโคจรถูกกำหนดให้เป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุถูกดึงดูดด้วยแรงบางอย่าง อาทิ แรงโน้มถ่วงที่ทำให้โคจรรอบวัตถุอื่นในลักษณะเดียวกัน กราวิตี ดวงดาวทั้ง 9 ที่มีความสมดุลอันยอดเยี่ยมได้สร้างเส้นทางเฉพาะตัวผ่านการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และแรงผลักดันที่หล่อหลอมให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา  ระหว่างการเดินทางและล่องลอยออกไป พวกเขาก็ค่อยๆปรับจูนเพื่อรักษาสายสัมพันธ์และจุดมุ่งหมายของพวกเขาเอาไว้ กราวิตี ได้สร้างวงโคจรอันเป็นเอกลักษณ์ผ่านแรงกดดัน , ความขัดแย้ง และพลังงานของการเดินทางครั้งนี้ขึ้นมา   

“Remember who we are – จดจำว่าเราเป็นใคร”

FIND THE ORBIT ของ กราวิตี ส่งสัญญาณถึงเรื่องราวบทใหม่แห่งวัยเยาว์และความมุ่งมั่นของพวกเขา   ผลงานที่ปล่อยออกมาสะท้อนถึงการเดินทางที่ทำให้เติบโตและพัฒนาขึ้น ขณะที่ผลงานก่อนหน้านี้จะถ่ายทอดถึงการค้นหาตัวตนที่แตกต่าง แต่ FIND THE ORBIT  ได้ผสานแก่นแท้ของวัยรุ่นที่พวกเขาได้แสดงให้เห็นมาตลอด เข้ากับความทะเยอทะยานที่มุ่งไปข้างหน้าเพื่อก้าวสู่สิ่งใหม่ ซิงเกิลอัลบั้มนี้ทำหน้าที่ดั่งฉากเปิดที่พร้อมส่งสารอันทรงพลังและสอดประสานกัน เพื่อเน้นย้ำถึงการทำงานเป็นทีม , ตัวตนอันโดดเด่นของ กราวิตีไปจนถึงการแสดงและแนวเพลงที่ชัดเจน ซึ่งพวกเขาเตรียมเผยโฉมเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่

การเดินทางครั้งนี้ กราวิตี นำเสนอเรื่องราวการรวมตัวของวัยรุ่นที่มีภูมิหลังอันหลากหลาย ได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตในแต่ละวันและร่วมกันก้าวไปข้างหน้าเพื่อมุ่งสู่อนาคต แฟนๆ ที่ติดตามเรื่องราวของ กราวิตี  จะเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดถึงสารที่สอดแทรกมาในอัลบั้ม นับตั้งแต่เดบิวต์สู่การแสดงคอนเสิร์ตเพื่อแฟนๆ , เวิลด์ทัวร์ ไปจนถึงการร่วมรายการต่างๆ ที่ทำให้พวกเขาค่อยๆ เติบโต วันนี้กราวิตี ยังคงเดินหน้า ก้าวข้ามขีดจำกัด และกรุยทางในแบบฉบับของตัวเอง

CRAVITY

ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว : ผลงานอันน่าจับตา “Now or Never”

เพลง “Now or Never” ถ่ายทอดพลังงานและสไตล์อันเจิดจ้าของ กราวิตี พร้อมกับสื่อสารอันแรงกล้าถึงการคว้าโอกาสไว้อย่างไม่ลังเล ริฟฟ์กีตาร์ , จังหวะกลองเปี่ยมพลัง และท่วงทำนองของเสียงร้องอันเข้มข้น ผสานกันจนกลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ กราวิตี ที่พร้อมเผชิญโลก มิวสิกวิดีโอที่เต็มไปด้วยฉากน่าตื่นเต้นชวนให้ติดตาม นำเสนอสมาชิกแต่ละคนที่โคจรบนเส้นทางอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง พร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์อันน่าทึ่งที่เผยให้เห็นด้านใหม่ๆของ กราวิตี

ก้าวสำคัญบนเส้นทางของพวกเขา

สำหรับ FIND THE ORBIT นั้น วง กราวิตีสะท้อนความเป็นศิลปินที่เดินทางมาถึงปีที่ 4 และพร้อมจะก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญเพื่อการเติบโตในอนาคต ผลงานที่ปล่อยมานี้ไม่เพียงตอกย้ำถึงสไตล์สุดเนี้ยบและการทำงานเป็นทีมได้อย่างราบรื่น แต่ยังเสริมให้พวกเขามีบทบาทในวงการเคป็อปในขณะที่พวกเขายังคงจะสร้างความแปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง

FIND THE ORBIT ของ กราวิตี ถือเป็นก้าวสำคัญ และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเข้มแข็ง รวมถึงเป็นผู้กำหนดทิศทางในอนาคตอีกด้วย

Asian Academy Creative Awards

ผลงานจากไทยบนเวทีโลก Asian Academy Creative Awards

Alternative Textaccount_circle
Asian Academy Creative Awards
Asian Academy Creative Awards

ละคร/ซีรีส์ ไทย คว้ารางวัล Grand Final Winner ในงานประกาศรางวัล Asian Academy Creative Awards 2024 ณ ประเทศสิงคโปร์

สำหรับงานประกาศรางวัล เอเชียน อะคาเดมี่ ครีเอทีฟ อวอร์ด 2024 ปีนี้นั้น เกมรักทรยศ (The Betrayal) ละครไทยที่ดัดแปลงจากซีรีส์อังกฤษ เรื่อง Doctor Foster คว้ารางวัล Grand Final Winner สาขา BEST ADAPTATION OF AN EXISTING FORMAT (NON SCRIPTED) โดยมีคุณ ฐิติ สุทธิกุลพานิช และคุณ วิรดา คุหาวันต์ เป็นผู้ขึ้นรับรางวัล นอกจากนี้ยังขอแสดงความยินดีซีรีส์เรื่อง ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียวที่คว้างรางวัล BEST DRAMA SERIES โดยมีคุณ เอกชัย เอื้อครองธรรม เป็นผู้ขึ้นรับรางวัล และนักแสดงหนุ่ม ปิง-กฤตนัน อัญชนานันท์ ยังคว้ารางวัล The Best Dressed Celebrity-Fans Choice จากงานในครั้งนี้อีกด้วย

เรียกได้ว่าเป็นกระแสพูดถึงมาก ๆ สำหรับแฟน ๆ ชาวไทย กับงาน เอเชียน อะคาเดมี่ ครีเอทีฟ อวอร์ด 2024 หรือ “AACA2024” ซึ่งจัดขึ้นที่ Singapore’s historic Capitol Theatre ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 3-4 ธันวาคม 2567 ที่เพิ่งผ่านมา เพื่อมอบรางวัลให้กับคอนเทนต์คุณภาพ ส่งเสริมและเป็นกำลังใจให้กับนักแสดง และผู้ผลิตคอนเทนต์สร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพสู่ระดับสากล โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจากนานาประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Asian Academy Creative Awards
Asian Academy Creative Awards

และในงานครั้งนี้ประเทศไทยได้มีนักแสดงและทีมงานตบเท้าเข้าร่วมลุ้นรางวัลในการประกาศผลรอบ Grand Final Winner มากมายหลายท่าน เช่น ปิง – กฤตนัน อัญชนานันท์ นักแสดงหนุ่มจากซีรีส์ The Rebound เกมนี้เพื่อนาย (Viu Thailand) , สายรุ้ง – ประภากร ไชยรักษ์ จาก ซีรีส์ The Outing ทริปซ่อนชู้ (Viu Thailand)

นอกจากบรรดาเหล่านักแสดงแล้วยังมีทีมงานคนเบื้องหลังเข้าร่วมลุ้นรางวัลอีกมากมายหลายท่าน อาทิ คุณเอกชัย เอื้อครองธรรม (Executive Producer/Show Runner) จากซีรีส์ ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว, ออฟ-นพณัช ชัยวิมล ผู้กำกับจากซีรีส์ Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม , ฐิติ สุทธิกุลพานิชและวิรดา คุหาวันต์ จากละคร เกมรักทรยศ (The Betrayal) และยังมีผู้คนในวงการอีกหลายท่านจากหลากหลายค่ายตบเท้าเข้าร่วมงานประกาศรางวัลยิ่งใหญ่ระดับเอเชีย “เอเชียน อะคาเดมี่ ครีเอทีฟ อวอร์ด 2024”นี้อีกด้วย

สำหรับ Viu Original (วิว ออริจินัล) นั้น ปีนี้ได้มีผลงานเข้าชิงรอบไฟนอลจาก ปิง-กฤตนัน อัญชนานันท์ รางวัล BEST ACTOR IN A SUPPORTING ROLE จากซีรีส์ The Rebound เกมนี้เพื่อนาย, พงศ์ธร ทองวัฒนา รางวัล BEST CINEMATOGRAPHY (FICTION) จาก Shadow เงา/ล่า/ตาย และ สายรุ้ง-ประภากร ไชยรักษ์ รางวัล BEST ACTRESS IN A SUPPORTING ROLE จากซีรีส์ The Outing ทริปซ่อนชู้

ทางด้านฝั่งของ GMMTV ก็ได้มีผู้เข้ารอบในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ นพณัช ชัยวิมล จาก Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม เข้าชิงสาขา BEST DIRECTION (FICTION), เนติ สุวรรณจินดา จากเรื่อง Only Friends เพื่อนต้องห้าม เข้าชิงสาขา Best Editing และนอกจากนี้ตัวซีรีส์เองยังได้เข้าชิงในสาขา BEST PROMO OR TRAILER อีกด้วย , วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ จากภาพยนตร์เรื่อง เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน เข้าชิงสาขา BEST FEATURE FILM, พงศ์เศรษฐ์ ลักษมีพงศ์, กิตติศักดิ์ คงคา จากซีรีส์เรื่อง Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม เข้าชิงสาขา BEST SCREENPLAY

ส่วนทาง Workpoint ในปีนี้ก็ได้เข้าชิงในรอบ Grand Final Winner จากรายการ FACE OFF แฝดคนละฝา เข้าชิงรางวัลสาขา BEST GENERAL ENTERTAINMENT PROGRAMME, รายการ ปัญญา 5 ดาว เข้าชิงรางวัลสาขา BEST NON SCRIPTED ENTERTAINMENT และรายการ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ เข้าชิงรางวัลในสาขา BEST GAME OR QUIZ PROGRAMME

ในส่วนของ Channel 3 Thailand โดย บริษัท Juve9 ในปีนี้ได้เข้าชิงในรอบไฟนอลจากละครเรื่อง เกมรักทรยศ (The Betrayal) ละครที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์อังกฤษชื่อดังเรื่อง Doctor Foster ได้เข้าชิงรางวัลในสาขา BEST ADAPTATION OF AN EXISTING FORMAT (NON SCRIPTED)

มาถึงทางค่าย GMM Studios International และ Netflix ก็ได้ส่งซีรีส์เรื่อง ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว เข้าชิงรางวัลในสาขา BEST DRAMA SERIES

และนอกจากนี้ยังมีผลงานจากอีกหลายสังกัดที่ได้เข้าชิงรางวัลในรอบ Grand Final Winner ในงานประกาศรางวัล เอเชียน อะคาเดมี่ ครีเอทีฟ อวอร์ด ครั้งนี้อีกด้วย

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานในปีนี้ต้องยกให้ ปิง-กฤตนัน อัญชนานันท์, สายรุ้ง-ประภากร ไชยรักษ์ , แอนนี่ – เฌออัณณ์ ฤชวีชุติชัยยุทธ์ และ แม็กซ์ ณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์ ที่ได้เป็นตัวแทนร่วมเดิน Red Carpet และขึ้นเชิญรางวัล เฉิดฉายบนเวทีนานาชาติ ประกาศผลรางวัลสำคัญบนเวที “เอเชียน อะคาเดมี่ ครีเอทีฟ อวอร์ด 2024” อีกด้วย

โดยการเข้าร่วมงานของทีมงานและนักแสดงไทยในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากคณะอนุกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ด้านภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ ,กรมส่งเสริมวัฒนธรรม , กระทรวงวัฒนธรรม และ THACCA-Thailand Creative Culture Agency

ปู-ไปรยา

ปู-ไปรยา เดินพรมแดง เทศกาลหนัง Red Sea ปะทะซุปตาร์ระดับโลก

Alternative Textaccount_circle
ปู-ไปรยา
ปู-ไปรยา

ออร่าแรงตลอดกาล นักแสดงสาวไทยหัวใจอินเตอร์ “ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก” ฮอตท๊อปฟอร์มตลอดเวฯ ล่าสุดโดดร่วมงานระดับโลก ร่วมเดินพรมแดงเทศกาลหนังชื่อดังแห่งภูมิภาคตะวันออกกลาง The Red Sea International Film Festival 2024 (Red Sea IFF) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-14 ธันวาคม 2567 ณ เมืองเจดดาห์ เมืองท่าริมชายฝั่งทะเลแดง ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยพิธีเปิด Opening Ceremony เปิดพรมแดงวันแรกของเทศกาลหนังดัง สาวแซ่บขวัญใจไทยแลนด์ “ปู ไปรยา” ตัวแทนจากซีรีส์ดังที่คนทั้งโลกจับตามอง “The White Lotus Season 3” จาก HBO

ปู-ไปรยา

สำหรับงานนีี้ ปู-ไปรยา มาในลุคชุดราตรีสุดแกลม Tony Ward Couture คอลเลคชั่น SPRING SUMMER 2024 จากรันเวย์โอต์กูตูร์ แบรนด์ Tony Ward แบรนด์กูตูร์ระดับโลก Tony Ward ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการทำชุดกูตูร์สำหรับงานพรมแดง โดยเธอเลือกสวมใส่ราตรีสีน้ำเงินที่ตัดกับสีพรมแดงได้อย่างลงตัว ที่ถือว่าแบรนด์ Tony Ward ผลงานจากดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียน-เลบานอนเป็นขวัญใจของชาวตะวันออกกลางเลือกนิยมสวมใส่ในโอกาสสำคัญยิ่งใหญ่ เติมเต็มลุคความแพงด้วยสร้อยคอจิลเวอร์รี่จากผู้สนับสนุนใหญ่แบรนด์ดังประจำภูมิภาคอย่างแบรนด์ “Kooheji Jewellery” มูลค่าสูงถึง 8 ล้านบาทไทย เพิ่มกิมมิกด้วยเมคอัพโซนตะวันออกกลางเพิ่มลูกเล่นที่การแต่งคิ้วเข้มกลมกล่อมงดงามลงตัวสุดๆ

งานนี้สาวสวยตัวแทนดินแดนแม่สยามเมืองยิ้ม “ปู ไปรยา” ยังมีโอกาสกระทบไหล่นักแสดงดังระดับโลกอาทิ “Emily Blunt” (เอมิลี่ บลันต์) นักแสดงมากฝีมือชื่อก้องโลกจาก The Devil wears prada ร่วมไปถึงแม่มดสุดฮอต “Cynthia Erivo” (ซินเธีย เอริโว) จากภาพยนตร์เพลงแฟนตาซีที่กำลังเข้าโรงฉายอยู่ในขณะนี้อย่าง ภาพยนตร์ “Wicked” เจ้าของบทบาท “เอลฟาบา” แม่มดผู้ชั่วร้ายแห่งตะวันตกที่กำลังเป็นกระแสนิยม ร่วมไปถึงซุปตาร์จากแดนโสม “Park Sung Hoon” นักแสดงจากซีรีส์ดัง “Squid game 2” ที่ใกล้ออนแอร์สิ้นปีนี้ด้วย

สวยสง่าราวกับเทพนิยาย 3 ชุดแต่งงานของ พราวด์ – ม.ล.สิริสมร สวัสดิวัตน์

Alternative Textaccount_circle

อบอวลไปด้วยมวลความสุขของคู่รักอีกหนึ่งคู่ ‘คุณพราวด์ – ม.ล.สิริสมร สวัสดิวัตน์’ และ ‘คุณอ๋อง – ศุภกิจ บัณฑรวรรณ’ ที่เพิ่งเข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เรียกว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นท่ามกลางคนสำคัญของทั้งสองคน ทั้งนี้แพรวจึงนำบทสัมภาษณ์พิเศษของเจ้าสาวเกี่ยวกับชุดแต่งงานที่เธอเลือกสวมใส่ มาให้ทุกคนได้อ่านกัน เพราะแต่ละชุดมีที่มาทั้งลงทุนบินไปถึงประเทศสิงคโปร์ และแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ของพี่สาวคนสนิท

“ก่อนพราวด์จะตัดสินใจบินไปเลือกชุดที่ประเทศสิงคโปร์ พราวด์เคยไปลองชุดเจ้าสาวที่สตูดิโอในไทยมาแล้วค่ะ ก็เป็นสตูดิโอที่รวมชุดแต่งงานจากแบรนด์ต่างประเทศเหมือนกัน ซึ่งก็มีแบรนด์ที่เราชอบด้วยนะคะ แต่เขาอาจจะนำแบบชุดเข้ามาน้อยอย่างหนึ่งแบรนด์มีให้เลือกแค่ 2-3 ชุด ทำให้ยังไม่ตรงกับดีไซน์ที่เราชอบเท่าไหร่ เลยต้องข้ามไปก่อนค่ะ”

“จนพราวด์มาเจอ Ads ชุดแต่งงานของประเทศสิงคโปร์ที่เด้งขึ้นมา จากนั้นเราก็ใช้เวลาตัดสินใจแค่ครู่เดียวรีบจองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก 2 วัน 1 คืนไปกับเพื่อนเลยค่ะ แต่ถึงจำนวนวันที่ไปจะน้อยมาก พราวด์ก็จองสตูดิโอสำหรับลองชุดไว้ถึง 4 ที่ จนได้ชุดที่ใช้ในวันแต่งงานทั้งหมด 2 ชุด”

“เริ่มด้วยชุดหน้า Backdrop จาก Monique Lhuillier Bride ที่จริงๆ แล้วแพลนเดิมชุดนี้วางไว้ใช้ในงานแต่งงานที่ขอนแก่น (บ้านเจ้าบ่าว) ค่ะ แต่พอคิดกันไปคิดกันมาได้ข้อสรุปว่า ทุกคนคงยุ่ง และเหนื่อยกันมาก เราเลยเลือกไม่จัดงานที่นั่น แต่ชุดก็ดันจ่ายมัดจำไว้แล้ว เราเลยเอาเป็นชุดหน้า Backdrop แทนค่ะ”

“ชุดที่สองพราวด์ใช้สำหรับเดินเข้างาน เป็นชุดที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด แล้วก็เป็นดั่งหวังจริงๆ ค่ะ เพราะตั้งแต่แรกเห็นเราก็ตกหลุมรักเลย พราวด์ชอบชุดที่ไม่เซ็กซี่จนเกินไป และเป็นคนชอบดอกไม้มากๆ มาเจอชุดแต่งงานจาก ‘Zuhair Murad’ ในดีไซน์แขนยาวปาดไหล่ ใช้ลูกไม้ทั้งตัว แล้วก็เป็นชุดที่คุณแม่ให้ผ่านด้วยค่ะ ชุดนี้เลยตอบโจทย์ทุกอย่าง”

“สุดท้ายชุด After Party จาก Peach by Silsupa เป็นความตั้งใจเดียวเลยค่ะที่จะให้พี่พีชดีไซน์ชุดให้ เพราะเราสนิทกันอยู่แล้ว (พี่พีชเป็นเพื่อนพี่สาว) แล้วก็วางใจด้วยค่ะพี่พีชทำชุดแนวนี้เก่ง ยังไงก็ต้องเป็นเขาอยู่ดี ระหว่างปรับแก้ชุดกันไปก็มีเรื่องให้ขำตลอด ด้วยพราวด์ไม่อยากให้ชุดโป๊มากเลยขอให้พี่พีชต่อผ้าเพิ่ม จนพี่พีชแซวว่าพี่ขอสั้นกว่านี้อีกนิดได้มั้ยน้องพราวด์ (หัวเราะ) “


เซรั่มสตอแบรนด์ Yerpall กู้ผิวจากจุดด่างดำ มาแรงติดโผ Praew Iconic Beauty 2024

account_circle

Praew Survey ครั้งนี้ขอพาไปเปิดวาร์ปความเริ่ดของไอเท็มกู้ผิวมาแรงจากเวทีความงามแห่งปี Praew Iconic Beauty 2024 อย่าง Yerpall Intensive Herbal Strawberry Serum หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “เซรั่มสตอ” ซึ่งเป็นเซรั่มสุดฮ็อตจากแบรนด์ Yerpall (เยอร์พอล) งานนี้ขอบอกเลยว่าคนที่กำลังเผชิญปัญหาฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ ต้องส่องแล้วเซฟลิสต์เอาไว้เลยค่ะ

สำหรับ Yerpall ถือเป็นสกินแคร์แบรนด์ไทยที่คนรักผิวไม่ควรพลาด เพราะด้วยคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่ตั้งใจสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพคับแก้วออกมาสู่ตลาดบิวตี้ โดยมุ่งตอบโจทย์คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งทุกไอเท็มของแบรนด์เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของ “คุณกิ๊ก – กฤติยาณี มูสิกะ” สาวเก่งเจ้าของแบรนด์ โดยเธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Yerpall เอาไว้ว่า

“กิ๊กเป็นคนที่มีปัญหาผิวเยอะมากตั้งแต่สมัยเด็กจนโตเลย บวกกับที่เป็นคนที่ชอบลอง ลองไปลองมาจนผิวหน้าติดสารสเตียรอยด์ กลายเป็นหน้าพังแบบวนลูป พอสิวหายก็เป็นรอยต่อ พอรอยดีขึ้นก็เป็นสิวอีก จนมาถึงจุดที่คิดว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้แล้ว จึงอยากหาสกินแคร์ที่เหมาะกับตัวเองจริงๆ กิ๊กพยายามค้นหาทั้งสูตรและโรงงานที่ใช่ กระทั่งได้เจอสูตรสกินแคร์ที่ตัวเองใช้แล้วสิวค่อยๆ ลดลง รอยสิวดีขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจผลิตออกมาเป็น Yerpall Intensive Herbal Strawberry Serum หรือ ‘เซรั่มสตอ’ ที่ทุกคนรู้จักกันนั่นเองค่ะ ซึ่งปัจจุบันกิ๊กก็ยังคงมีการพัฒนาสูตรและอัปเดตสารสกัดตัวใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะกิ๊กตั้งใจเอาไว้แล้วว่า แบรนด์ Yerpall จะมอบสิ่งที่ดีให้กับผู้บริโภค เหมือนที่เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง คือถ้าเราใช้แบบไหน ลูกค้าก็ต้องได้ใช้แบบนั้นเช่นกัน ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่กิ๊กยึดมั่นมาตลอด 12 ปีที่สร้างแบรนด์ขึ้นมาค่ะ”

มาถึงความมาแรงของ Yerpall Intensive Herbal Strawberry Serum ที่เพิ่งได้รับรางวัล Iconic Soothing Skin Spot Serum จาก Praew Iconic Beauty 2024 ก็ต้องขอบอกเลยว่าสมมงสุดๆ เพราะเขาเป็นเซรั่มไวท์เทนนิ่งสูตรเข้มข้นที่โดดเด่นด้วยการใช้สารนวัตกรรมใหม่จากเกาหลีอย่าง MelaTrepein ซึ่งออกฤทธิ์ 2 กระบวนการภายในเวลาเดียวกัน คือช่วยสลายเม็ดสีเมลานินให้แตกตัวและยับยั้งการขนส่งเม็ดสีเมลานินขึ้นสู่ผิวหนังชั้นบน จึงมีประสิทธิภาพช่วยลดเลือนทั้งฝ้า กระ และจุดด่างดำต่างๆ รวมถึงพวกรอยแดงและรอยดำจากสิว พร้อมช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส

นอกจากนี้ Yerpall Intensive Herbal Strawberry Serum ยังมีส่วนผสมของ W3 Peptide ซึ่งเป็นเปปไทด์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน และอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญคือ White Strawberry Extract ที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวนุ่มเด้งอิ่มฟู อีกทั้งยังมี Niacinamide 4% ที่ช่วยลดการอักเสบและเสริมเกราะป้องกันผิว

เรียกว่าอัดแน่นด้วยส่วนผสมดีต่อผิวจริงๆ ค่ะ สำหรับ “เซรั่มสตอ” Yerpall Intensive Herbal Strawberry Serum ดังนั้นใครที่กำลังมองหาสกินแคร์กู้ผิวจากจุดด่างดำ ฝ้า กระ หรืออยากดูแลผิวให้กระจ่างใส ก็ต้องไม่พลาดกันนะคะ


เปิดตัวแล้ว Dog’s Dream คอมมูนิตี้สนามสัตว์เลี้ยงสีเขียว ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

account_circle

Dog’s Dream เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมต้อนรับสัตว์เลี้ยงและพ่อ-แม่สัตว์เลี้ยง (Pawrents) สู่คอมมูนิตี้สนามสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดบนถนนราชพฤกษ์ ด้วยพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร Dog’s Dream จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทั้งครอบครัวและสัตว์เลี้ยง ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ปลอดภัย เต็มไปด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ อาทิ สนามวิ่งเล่นขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำ บ่อโคลน บริการอาบน้ำ ตัดแต่งขน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พักผ่อนทั้งคาเฟ่และร้านค้าจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงไว้รองรับอีกด้วย

ไม่ใช่เพียงแค่ “พื้นที่สัตว์เลี้ยงเข้าได้” แต่เป็นพื้นที่ของทั้งคนและสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกันได้อย่าง 100% คุณออม ฐิตารีย์ วิสุทธิกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ Dog’s Dream กล่าวว่า “Dog’s Dream เป็นมากกว่าพื้นที่ เราอยากเป็นคอมมูนิตี้ที่อบอุ่น ปลอดภัยและมีคุณภาพเหมาะกับทุกคนในครอบครัว ไม่ใช่เป็นเพียงพื้นที่ของสัตว์เลี้ยงหรือแค่สัตว์้เข้าได้ ดังนั้น Dog’s Dream จึงไม่ใช่แค่ธุรกิจเพ็ทเฟรนด์ลี่ (Pet Friendly) แต่เป็นคอมมูนิตี้ที่ทุกคนจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน  สปาร์คจอยกับกิจกรรมที่ปลอดภัยบนสนามหญ้าสีเขียวที่หาได้ยากในปัจจุบัน”

ทำไม Dog’s Dream ถึงแตกต่าง?

  • พื้นที่สีเขียวปลอดภัยและครบวงจร: สนามหญ้ากว้างขวางกว่า 5,000 ตารางเมตร สัตว์เลี้ยงสามารถวิ่งเล่นอย่างอิสระ
  • บ่อโคลนและสระว่ายน้ำ: สถานที่ปลดปล่อยพลัง เพิ่มความสนุกสำหรับสัตว์เลี้ยง
  • กิจกรรมเสริมสร้างความผูกพัน:ฝึกวินัยการเข้าสังคมให้กับสัตว์เลี้ยง กิจกรรมปลดปล่อยพลังงานกับเพื่อนใหม่
  • Pet Grooming: อาบน้ำ ตัดแต่งขน และสปาสัตว์เลี้ยง
  • Pet Wellness Clinic: คลินิกรักษาและให้คำปรึกษาจากสัตวแพทย์มืออาชีพ
  • Pet Guard: พี่เลี้ยงที่มีความเชี่ยวชาญและรักสัตว์ คอยดูแลให้ความช่วยเหลือตลอดกิจกรรม
  • Pet Hotel: ห้องพักสัตว์เลี้ยงขนาด 45 ห้อง เปิดแอร์ 24 ชั่วโมง พร้อมพนักงานดูแลอย่างใกล้ชิด
  • ร้านอาหารและคาเฟ่: ร้านนั่งชิลล์พร้อมสัตว์เลี้ยงได้ในบรรยากาศที่เป็นมิตร

ภายในงานเปิดตัวมีกูรูและอินฟลูเอนเซอร์ด้านสัตว์เลี้ยงมาร่วมแชร์ประสบการณ์ การเป็นพ่อ-แม่สัตว์เลี้ยง หรือ Pawrents ในสังคมปัจจุบัน โดย คุณเก๋ ชลลดา เมฆราตรี ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ‘The Voice เสียงจากเรา’ แชร์ประสบการณ์ดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีความสุขทั้งภายนอกและภายใน คุณอรนิจวรีย์ ปาริสุทธิวานิช จากครอบครัวตัว Y ตัวแทนครอบครัวใหญ่ ที่มาเล่าถึงวิธีการเลี้ยงสุนัขทั้ง 8 ตัว และคุณพลอย หอวัง และ คุณเต  Three Man Down ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่แชร์เรื่องราวการเชื่อมความสัมพันธ์และความสุขร่วมกับสัตว์เลี้ยง

นอกจากนี้ยังมีเหล่าคนดังและอินฟลูเอนเซอร์ที่ต่างพาสัตว์เลี้ยงมาร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ อย่างคับคั่ง อาทิ คุณโอม คณิน, คุณเขื่อน ดนัย, วอแวเป็ดมีผม, หมาสองใบ, มายคูเปอร์ด็อกส์  ฯลฯ พากันมาปลดปล่อยพลังแห่งความสุขกันตลอดทั้งงาน สามารถร่วมสัมผัสความสุขที่ Dog’s Dreamกันได้แล้วทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 ถึงเที่ยงคืน


Checklist! 7 กระเป๋าโทนสี ‘Mocha Mousse’ Pantone ประจำปี 2025

Alternative Textaccount_circle

ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยกับ Pantone ประจำปี 2025 นั่นคือ ‘Mocha Mousse’ หรือรหัส 17-1230 โทนสีที่ชวนนึกถึง โกโก้ช็อคโกแลต และกาแฟ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย มีความชับซ้อน หรูหรา แต่ในขณะเดียวกันก็ดูคลาสสิค และเป็นที่นิยม แน่นอนว่าหลังการสรุปสีประจำปีคงมีอะไรสนุกๆ ออกมาให้เราได้จับสิ่งนี้มาเชื่อมโยง หนึ่งในนั้นคือ แฟชั่นที่เรามักเห็นคอนเทนต์แต่งตัวตาม Pantone ประจำปี ไปจนถึงการตกแต่งห้องในโทนสีที่ว่า เรียกว่าเป็นสีสัน และความสนุกที่มาเติมเต็มช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ค่ะ

Praew Survey จึงรวม 7 กระเป๋าโทนสีนี้มาให้ทุกคนได้เก็บไว้เป็นเช็คลิสต์สำหรับไอเท็มที่ควรมีติดตู้เสื้อผ้าในปี 2025 กัน

GUCCI BLONDIE – 126,000 THB

แรงบันดาลใจจากกระเป๋ายุค 70s โดดเด่นด้วยโลโก้ตัวอักษร G ที่กลับมานำเสนอใหม่อีกครั้ง

BOTTEGA VENETA Hop – 150,000 THB

กระเป๋าสะพายข้างที่ผสานรวมงานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์

Loro Piana Loom – 151,000 บาท

กระเป๋าดีไซน์คลาสสิก มาพร้อมการตัดเย็บแสนประณีต เพิ่มความหรูหราด้วยกุญแจล็อคสีทอง

ROGER VIVIER Viv’Choc

ไอคอนิกใบใหม่ประจำเมซง ตกแต่งด้วยหัวเข็มขัดโลหะทรงมน และเพิ่มความหรูหราด้วยเทคนิคจับเดรป

FENDI Peekaboo ISEEU Patite

กระเป๋าในตำนานที่ผ่านการตัดเย็บจากฝีเข็มไมโครด้วยมือจำนวน 306 ตะเข็บ สัญลักษณ์ของช่างฝีมือที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

Prada Arqué – 95,000 THB

ดีไซน์พระจันทร์เสี้ยวชวนสัมผัสถึงกิมมิกที่ซ่อนอยู่ในความเรียบง่าย หรูหราด้วยหนังกลับ และโลโก้รูปสามเหลี่ยมซิกเนเจอร์ประจำแบรนด์

SAINT LAURENT SAC DE JOUR – 99,000 THB

กระเป๋าถือทรงสี่เหลี่ยมในดีไซน์คลาสสิกและหรูหรา ตกแต่งด้วยฮาร์ดแวร์ทองเหลืองสีบรอนซ์อ่อน


ภาพ: Courtesy of PANTONE, GUCCI, BOTTEGA VENETA, Loro Piana, ROGER VIVIER, FENDI, Prada และ SAINT LAURENT

BABABOO จัดงานเปิดตัวคอกกั้นเด็กที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็ก 0-8 ปี

account_circle

BABABOO ได้จัดงานเปิดตัวคอกกั้นเด็กที่ปรับเปลี่ยนได้พร้อมเคียงข้างทุกพัฒนาการของลูกน้อยด้วยคอนเซปต์​ “Limitless play space for every milestones” ในงาน BABABOO Grand Opening Event พร้อมนำเสนอแนวคิดของการออกแบบคอกกั้นที่ไม่ได้ตอบโจทย์เพียงแค่เรื่องของความปลอดภัยต่อลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและเป็นพื้นที่การเรียนรู้ ที่เต็มไปด้วยความสนุกในทุกก้าวเดินของลูกน้อย กับฟังก์ชันที่ปรับเปลี่ยนได้และใช่สำหรับ “ทุกคนในครอบครัว” โดยงานเปิดตัวครั้งนี้จัดขึ้นในย่านธุรกิจภายใต้บรรยากาศสุดอบอุ่นสำหรับทุกคนในครอบครัว

สำหรับการเปิดตัว BABABOO ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจาก HOYO ซึ่งเป็นแบรนด์แม่ของ BABABOO ที่เคยครองใจคุณพ่อคุณแม่มือใหม่จากทั่วประเทศ ด้วยรางวัลการันตีมากกว่า 10 รางวัล และเป็นคอกกั้นเด็กอันดับ 1 ในใจของหลายๆคน จากความสำเร็จในแบรนด์แม่ ถ่ายทอดสู่แบรนด์ลูกคนใหม่ BABABOO แบรนด์ที่น่าจับตามองที่สุดด้วยรางวัล “Rising Star” จาก Amarin Baby & Kids Award 2024

ด้วยความตั้งใจอยากพัฒนาและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมสินค้าแม่และเด็กของคนไทย จึงมีแนวคิดอยากสร้างสรรค์สินค้าที่มีความแตกต่างทั้งทางดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน ความคุ้มค่า จึงเกิดการพัฒนาแบรนด์ BABABOO ขึ้น คอกกั้นเด็ก BABABOO ยังคงมีส่วนต่อการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่ทั้งสนุกและเสริมสร้างจินตนาการได้ไม่รู้จบ ด้วยการปรับเปลี่ยนการใช้งานได้มากกว่า 10 แบบ รองรับการใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 8 ปี คอกกั้นเด็ก BABABOO มาพร้อมจุดเด่นของคอนเซ็ปต์ Limitless Play Space ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด เสริมสร้างจินตนาการ พร้อม Support Every 1st Milestone ด้วยเบาะที่นุ่มพอดี ช่วยซัพพอร์ทในทุก พัฒนาการให้เด็กได้สนุกอย่างเต็มที่ ล้มได้ไม่ต้องกลัวเจ็บ

นอกจากนี้ทาง BABABOO ยังให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ด้วย ผ้าหนัง PU เกรดที่ดีที่สุดนำเข้าจากประเทศเกาหลีที่ปลอดสารอันตรายต่อเด็ก พร้อมสัมผัสเนียนนุ่ม ไม่มีกลิ่น และคุณสมบัติกันน้ำที่ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย การันตีด้วยมาตรฐานการตรวจสอบจากยุโรปและอเมริกา EPE FOAM โฟมอัด อากาศที่มีความหนาแน่นสูง ยืนหยุ่น พร้อมชั้นดูดซับแรงกระแทกที่ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ซิป Nylon ที่เชื่อมในแต่ละจุดมีความทนทาน ปลอดภัย ไม่คม รองรับน้ำหนักได้มากถึง 90 กิโลกรัม และ Velcro Patch วัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ผ่านการทดสอบด้วยวิธีดึงเข้า-ออกมากกว่า 5,000 ครั้ง ให้ความเหนียวเพื่อการใช้งานในระยะยาว และปลอดภัยตามมาตรฐานระดับโลก การันตีด้วยผลทดสอบจาก Standard 100 by Oeko-Tex : Product class 1

สำหรับงาน BABABOO : Grand Opening Event นอกจากผู้ร่วมงานจะทำความรู้จักและเห็นสินค้าจริงของคอกกั้นเด็กเสริมพัฒนาการของ BABABOO แล้ว ยังมีกิจกรรม Mommy Talk Session ที่ได้พูดคุยกับ คุณก้อย ญาภัทร สรรพวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮโยยูไนท์กรุ๊ป จำกัด และแขกรับเชิญพิเศษ คุณหมอจอย พญ. ลลิต ลีลาทิพย์กุล กุมารแพทย์เชี่ยวชาญฯ จากเพจ momjoychannel และ คุณน้ำหวาน วาวี จากเพจ Happy Mommy Diary รวมถึงการสาธิตวิธีการใช้งาน พร้อมให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสและทดลองใช้สินค้าจริง โดยงานจัดขึ้นในวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่ S31 Sukhumvit Hotel ตั้งแต่เวลา 14.00 – 17.30 น.


Volvo EX90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ เปิดตัวเป็นที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

account_circle

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย เปิดตัวรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด Volvo EX90 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีโอกาสเปิดตัวรถเอสยูวีระดับพรีเมี่ยม ขนาด 7 ที่นั่ง รุ่นดังกล่าว นับเป็นปฐมบทใหม่ของยานยนต์วอลโว่ที่ยกระดับทั้งในแง่ของความปลอดภัย และความยั่งยืน

สัมผัสนิยามใหม่แห่งความปลอดภัยในการขับขี่ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษเพื่อให้คุณเป็นเจ้าของรถวอลโว่ได้ง่ายขึ้นด้วยสิทธิประโยชน์มูลค่ารวมกว่า 1,100,000 บาท พร้อมรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง แพ็คเกจบริการหลังการขาย และอื่น ๆ อีกมากมายทั้งกลุ่มรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Pure Electric) และ รถในกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) ที่บูธวอลโว่ หมายเลข A16 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567

คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “Volvo EX90 คือรถที่ถ่ายทอดจุดยืนของวอลโว่ คาร์ ทั้งตำแหน่งของความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน และเป้าหมายของเราในอนาคตได้อย่างชัดเจน ด้วยตัวรถที่ไม่เพียงถูกยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้เหนือขั้นยิ่งขึ้น แต่ยังคงตอกย้ำเจตนารมย์ของวอลโว่ในการนำเสนอยานยนต์ที่มีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีที่ออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นสำคัญ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางในรถวอลโว่ให้สะดวกสบาย และน่าประทับใจยิ่งขึ้น Volvo EX90 คือรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบจากวอลโว่รุ่นแรกที่ใช้ซอฟต์แวร์ในการควบคุม และเพื่อรองรับต่อการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต

Volvo EX90 นำเสนอมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ผ่านชุดเซ็นเซอร์ และเทคโนโลยีช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของ เซ็นเซอร์ Lidar, กล้อง, เรดาห์ และเซ็นเซอร์แบบอัลตร้าโซนิค ที่ติดตั้งอยู่รอบตัวรถเพื่อให้มุมมองแบบ 360 องศา ภายในตัวรถมาพร้อมเซ็นเซอร์อินฟาเรดที่คอยมอนิเตอร์การมอง และท่าทางของผู้ขับว่ามีความพร้อมหรือไม่ โดยหากพบว่าผู้ขับไม่อยู่ในสภาวะที่สามารถขับรถได้เช่น ขาดสมาธิ หรือเผลอหลับ ระบบช่วยเหลือเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยจะทำหน้าที่เพื่อเบรกหรือจอดรถอย่างปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ Safe Space Technology ที่วอลโว่ออกแบบขึ้นเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้รถทั้งต่อผู้ขับ ผู้โดยสาร และผู้ใช้ถนนร่วมกัน

Volvo EX90 ควบคุมการสั่งงาน และฟีเจอร์ต่าง ๆ ในรถด้วยเทคโนโลยีจากบริษัทชั้นนำ อาทิ ชิปเอนกประสงค์ NVIDIA DRIVE Orin system-on-a-chip (SoC) จาก NVIDIA, พร้อมแพลตฟอร์ม Snapdragon® Cockpit Platform จาก Qualcomm และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรจากวอลโว่ เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว ให้ประสบการณ์ใช้รถที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ Volvo EX90 ยังมาพร้อมความสามารถในการอัพเดทซอฟต์แวร์รุ่นใหม่เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของตัวรถคล้ายการอัพเดทสมาร์ทโฟนในปัจจุบันผ่านระบบ over-the-air และรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณระดับ 5G  ระบบสาระบันเทิงหรือ infotainment ของตัวรถนำเสนอผ่านหน้าจอกลาง แบบสัมผัสขนาด 14.5 นิ้ว ที่รวบรวมฟีเจอร์อาทิ บริการต่าง ๆ จาก Google apps และการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย ที่จะพร้อมให้บริการในอนาคต เพื่อรับฟังเพลงผ่านลำโพง และระบบเสียงคุณภาพสูงจากแบรนด์ Bowers & Wilkins ภายในยังถูกออกแบบด้วยวัสดุที่ไม่เพียงคุณภาพสูง แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม   สะท้อนนิยามของความพรีเมียมในบริบทของวอลโว่ ที่รวมเอานวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน เข้ามาผสานกันได้อย่างลงตัว

และด้วยแพลตฟอร์มของตัวรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขับด้วยระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะจากการพัฒนาโดยวิศวกรของวอลโว่ EX90 จึงเป็นพาหนะเพื่อการเดินทางสำหรับครอบครัวที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนได้เป็นอย่างดี ตัวรถให้ระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะได้สูงสุดถึง 745 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง และยังใช้เวลาการชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาเพียง 30 นาที เมื่อชาร์จด้วยกำลังไฟแบบ 250 กิโลวัตต์ จากเครื่องชาร์จแบบ DC

Volvo EX90 ทั้งสองมอเตอร์ (Twin Motor Performance และ Twin Motor) มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 111 กิโลวัตต์ และมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้าสองตัว ให้กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 380 กิโลวัตต์ 517 แรงม้า และแรงบิด 910 นิวตันเมตร โดยรุ่น Twin Motor Performance ให้อัตราการเร่งจากศูนย์ถึงร้อยใน 4.9 วินาที และรุ่น Twin Motor ให้อัตราเร่งจากศูนย์ถึงร้อยใน 5.9 วินาที ด้วยกำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 300 กิโลวัตต์ 408 แรงม้า และแรงบิด 770 นิวตันเมตร

ข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะในงาน Motor Expo 2024
นอกจากการเปิดตัว Volvo EX90 รุ่นใหม่ล่าสุด วอลโว่ยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถวอลโว่ทั้งในกลุ่มรถ Pure Electric และรถ Plug-in Hybrid

ศึกษารายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมที่ https://www.volvocars.com/th-th/l/offers

การออกแบบที่สะท้อนความรับผิดชอบ
บูธรถวอลโว่ในปีนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Eco-Friendly Choices” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืน
โดยยึดหลักการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงเลือกสรรวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ในอนาคตได้
อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น วีว่า บอร์ด ที่จะถูกนำไปบริจาคสร้างที่อยู่อาศัยให้กับชุมชนในประเทศไทย, โครงสร้างเหล็กที่
ออกแบบให้สามารถถอดและประกอบใช้ใหม่ได้, วัสดุสำหรับตกแต่งบูธ เช่น ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยพลาสติกรีไซเคิล
สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ และเฟอร์นิเจอร์ภายในบูธ ผลิตจากเศษไม้รีไซเคิล วัสดุที่ถูกนำมาใช้งานในบูธวอลโว่ถูกผสม
ผสานทั้งฟังก์ชันการใช้งาน นวัตกรรม และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน บูธวอลโว่จึงไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่
จัดแสดง แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงความตั้งใจในการลดผลกระทบต่อธรรมชาติ และตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว

ร่วมสัมผัสนวัตกรรมจากวอลโว่ที่ผสานความปลอดภัย ความยั่งยืน และดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียน ได้ที่บูธ Volvo Car
หมายเลข A16 และบูธ Volvo Selekt Approved Used Cars หมายเลข B14 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลน
เจอร์ฮอลล์ 1-3 ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567


ครั้งแรกกับการเปิดตัว ACCESS BANGKOK Art Fair ที่ไอคอนสยาม งานอาร์ตที่ผสานศิลปะ เทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

account_circle

ACCESS BANGKOK งานแสดงศิลปะนานาชาติครั้งแรกของไทย เปิดตัวที่ The Pinnacle Hall ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคม 2567 จัดโดย ARTMEETSLIFE (AML) และ ARTUE จากเกาหลี โดยผสานความเชี่ยวชาญระดับโลกในการจัดงานแสดงศิลปะของผู้จัดงานเข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัลล้ำสมัยของ ARTUE นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวัฒนธรรมของรัฐบาลเกาหลี ซึ่งมุ่งเปิดโอกาสใหม่ๆ ในระดับโลกให้กับแกลเลอรีเกาหลี ACCESS BANGKOK จะเป็นงานแสดงศิลปะแห่งแรกในประเทศไทยที่ผสานประสบการณ์ออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เปิดโอกาสให้นักสะสมสามารถมีส่วนร่วมได้จากทุกมุมโลก ด้วยการตระหนักถึงศักยภาพของกรุงเทพฯ ในฐานะเมืองหลวงทางวัฒนธรรมที่กำลังเติบโต AML และ ARTUE ได้เลือกกรุงเทพ โดยมีไอคอนสยาม เดสติเนชั่นระดับโลกเป็นสถานที่จัดงานแสดงศิลปะครั้งแรก  เพื่อสร้างเครือข่ายทางศิลปะใหม่ๆและยกระดับการมีตัวตนของไทยบนเวทีศิลปะระดับโลก

ACCESS BANGKOK เกิดขึ้นในจังหวะแห่งการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของไทย ในอดีต ภาษีศุลกากรที่สูงและขั้นตอนพิธีการศุลกากรที่ซับซ้อนเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับแกลเลอรีระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม พัฒนาการล่าสุดถือเป็นจุดเปลี่ยน เนื่องจากคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ร่วมกับคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติแผนส่งเสริมการจัดแสดงงานศิลปะทั่วประเทศ โดยกำลังพิจารณาการลดและยกเว้นภาษี ACCESS BANGKOK สอดคล้องกับแผนริเริ่มเหล่านี้ ส่งสัญญาณการก้าวสู่ยุคใหม่ของการมีส่วนร่วมด้านศิลปะระดับโลกของไทย

ความร่วมมือผ่านช่องทางดิจิทัลครั้งสำคัญ

ACCESS BANGKOK โดดเด่นด้วยการผสานอย่างลงตัวระหว่างดิจิทัลทวิน (Digital Twin) และเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ ARTUE สร้างห้องชมผลงาน (Online Viewing Room – OVR) แบบอิมเมอร์ซีฟที่ให้นักสะสมและผู้ชื่นชอบศิลปะทั่วโลกสามารถเลือกชมและซื้อผลงานศิลปะได้ทางออนไลน์ แพลตฟอร์มดิจิทัลนี้เข้าถึงได้แม้หลังจบงานไปแล้ว จึงเป็นงานที่ช่วยเชื่อมต่อผู้จัดแสดงกับผู้ชมทั่วโลก

รายชื่อผู้จัดแสดงผลงานและจุดเน้นทางศิลปะ

ACCESS BANGKOK นำเสนอผลงานจากแกลเลอรีที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน 30 แห่ง โดยมี 12 แห่งมาจากเกาหลี 9 แห่งจากกรุงเทพฯ และอีก 9 แห่งจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ การคัดเลือกนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในระดับนานาชาติที่มีต่อตลาดศิลปะในกรุงเทพฯ และนำเสนอการผสมผสานอันมีชีวิตชีวาของศิลปินร่วมสมัย ในครั้งนี้ แกลเลอรีจากเกาหลีมีความโดดเด่นมาก โดยมีแกลเลอรีชั้นนำอย่าง Johyun Gallery และ Gallery2 ผู้มีประสบการณ์จาก Art Basel และ Frieze ตลอดจนแกลเลอรีที่ทรงอิทธิพลในวงการอย่าง ThisWeekendRoom, A-Lounge Contemporary, Baik Art และ Gallery Soso ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลักดันศิลปินรุ่นใหม่ของเกาหลีสู่เวทีโลก ส่วนแกลเลอรีรุ่นใหม่อย่าง CDA, Objecthood และ FFF ก็มาร่วมนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับงาน ผู้ชมชาวไทยที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมเกาหลีอยู่แล้ว จะได้มีโอกาสสัมผัสกับสุดยอดศิลปะร่วมสมัยของเกาหลี ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ

จากประเทศไทย มีแกลเลอรีชั้นนำ 9 แห่ง ได้แก่ Nova Contemporary, SAC Gallery, Gallery VER และ Warin Lab Contemporary ที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางศิลปะของประเทศ Bangkok City Gallery จะเพิ่มความพิเศษให้กับงานด้วยมุมหนังสือศิลปะ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากบทบาทของแกลเลอรีแห่งนี้ในฐานะผู้จัดงานหนังสือศิลปะที่ได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ ส่วน Tang Contemporary Art ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ พร้อมด้วยผู้นำในภูมิภาคอย่าง A+ WORKS of ART (กัวลาลัมเปอร์), The Drawing Room (มะนิลา) และ Richard Koh Projects (สิงคโปร์) ช่วยยกระดับการเป็นตัวแทนของภูมิภาคและเพิ่มมิติระดับโลกให้กับงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

การสนับสนุนจากหน่วยงานและการมีส่วนร่วมของชุมชน

ACCESS BANGKOK ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านวัฒนธรรมชั้นนำของไทย แต่ละแห่งช่วยเพิ่มบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาให้กับงาน Kunsthalle Bangkok จะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ VVIP สำหรับนักสะสมรายใหญ่ ในขณะที่ A+ WORKS of ART ต้อนรับผู้จัดแสดงและชุมชนศิลปะท้องถิ่นในค่ำคืนที่คึกคักที่ deCentral Bangkok pop-up ในวันที่ 5 ธันวาคม MOCA Bangkok จะยกระดับประสบการณ์ด้วยงานปาร์ตี้ VIP ในวันที่ 6 ธันวาคม เป็นงานที่เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ผู้ชื่นชอบศิลปะ และผู้เข้าร่วมงานแฟร์ได้พบปะกัน

“พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัยยินดีที่ได้สนับสนุนงานแสดงศิลปะนานาชาติครั้งแรกของกรุงเทพฯ ที่รวบรวมและคัดสรรแกลเลอรีไทยและเกาหลีที่มีผลงานโดดเด่นมาไว้ในที่เดียว” คิด-คณชัย เบญจรงคกุล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA Bangkok) กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้จัดสองนิทรรศการใหม่เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ข้ามวัฒนธรรมครั้งนี้ และหวังว่าจะได้เห็นยุคใหม่ของระบบนิเวศทางศิลปะที่เสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศผ่านพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของศิลปะร่วมสมัย”

กิจกรรมเหล่านี้เน้นย้ำถึงจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของ ACCESS BANGKOK ที่ส่งเสริมบรรยากาศแห่งความร่วมมือที่มีชีวิตชีวาสำหรับแกลเลอรี ศิลปิน และสถาบันต่างๆ ในการเชื่อมต่อและส่งเสริมซึ่งกันและกัน

การจัดกิจกรรมที่มีสีสัน

การจัดกิจกรรมของ ACCESS BANGKOK ประกอบด้วยงานที่น่าสนใจหลายงาน ในวันที่ 6 ธันวาคม ไอคอนสยามจะจัดเสวนาระหว่างนักออกแบบภายในที่มีชื่อเสียงอย่าง Teo Yang และ CEO ของ ARTUE คือ Bo Young Song เพื่อหาจุดตัดระหว่างศิลปะ การออกแบบ และนวัตกรรมดิจิทัล นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมเกาหลี โดยสถาปนิกและนักเขียนหนังสือขายดี Hyunjoon Yoo จะบรรยายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันที่ 3 ธันวาคม กิจกรรมนี้จัดโดยศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีในประเทศไทย

เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมให้มากขึ้น จะมีการนำชมเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน นำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะเกาหลี โดยเน้นนิทรรศการสำคัญจากแกลเลอรีเกาหลีที่เข้าร่วม เพื่อเปิดโอกาสให้นักสะสมและผู้รักศิลปะได้ชมศิลปะร่วมสมัยของเกาหลีอย่างใกล้ชิด

ACCESS BANGKOK ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของวงการศิลปะในกรุงเทพฯ ที่รวมแกลเลอรี ศิลปิน และนักสะสมทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอยู่ในงานที่มีความสำคัญอย่างมากครั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไทยและแกลเลอรีชั้นนำ ACCESS BANGKOK พร้อมที่จะยกระดับสถานะของกรุงเทพฯ ให้เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญในตลาดศิลปะระดับโลก

“งานแสดงศิลปะนานาชาติในกรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย” จงสุวัฒน์ อังคสุวรรณศิริ ผู้ร่วมก่อตั้ง SAC Gallery กล่าว “งานนี้เปิดตลาดและให้โอกาสผู้ชมในท้องถิ่นได้เข้าถึงศิลปินนานาชาติที่พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น ช่วยอุดช่องว่างที่เคยเกิดขึ้นในระบบนิเวศทางศิลปะของเรา”

ด้าน Bo Young Song ซีอีโอของ ARTUE กล่าวว่า “ประเทศไทยมีศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติมากมายและเป็นเจ้าภาพจัดเบียนนาเล่ที่มีชื่อเสียง เรารู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในการนำกรุงเทพฯ เข้าสู่ตลาดศิลปะระดับโลก ฉันหวังว่าโอกาสนี้จะจุดประกายการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่มีความหมายระหว่างสองประเทศของเรา กรุงเทพฯ มีศักยภาพไม่จำกัด และเช่นเดียวกับที่ Frieze Seoul ได้ช่วยสถาปนาเกาหลีให้เป็นศูนย์กลางศิลปะแห่งเอเชีย เราหวังที่จะได้เห็นงานที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมายเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในอนาคต”

นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “ด้วยศักยภาพของไอคอน
สยามในการเป็น Global Destination ที่พร้อมยกระดับประสบการณ์ศิลปะผ่านแนวคิด ICONSIAM ART & CULTURE
ไอคอนสยามจึงพร้อมเดินหน้าสร้างจุดหมายปลายทางแห่งศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานความเป็นไทยและสากล
ผ่านการนำเสนอศิลปะร่วมสมัยที่หลากหลาย งาน ACCESS BANGKOK นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำให้เห็นถึง
ความมุ่งมั่นของไอคอนสยามในการเป็น World Hub of Art & Culture ผ่านการส่งเสริมคอมมูนิตี้ศิลปะครบทุกมิติ
อย่างแท้จริง”

ACCESS BANGKOK เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 5-7 ธันวาคม ที่ไอคอนสยาม ขอเชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสการผสานกันของศิลปะและวัฒนธรรมครั้งพิเศษนี้


ยำคุณแม่

เด็ดจัดในย่านตลิ่งชัน ยำคุณแม่ อร่อยแซ่บนัว-คาเฟ่ตุรกี 2สไตล์ในร้านเดียว

Alternative Textaccount_circle
ยำคุณแม่
ยำคุณแม่

เด็ดจัดในย่านตลิ่งชัน เรียกว่าเป็น 2 อรรถรสในหนึ่งเดียว ยำคุณแม่ คาเฟ่ โดย คุณพลอย-ธนัชพร สันธิศิริ ผู้บริหารร้านนิวเจน พร้อมด้วย คุณบุ๊คบิ๊ก เปิดร้านดังในตำนาน แบบครบจบทุกอรรถรสในร้านเดียวให้ เพจดัง / สื่อมวลชน / อินฟลูเอ็นเซอร์ มาร่วมเช็คอิน พร้อมฟินไปกับคาเฟ่ 2 สไตล์ในร้านเดียว ณ บริเวณ ร้านยำคุณแม่ (ตลิ่งชัน) ติดกับสนามแบดมินตัน พรหมลิขิต ถ.บรมราชชนนี

ยำคุณแม่
คุณพลอย-ธนัชพร สันธิศิริ ผู้บริหารร้านนิวเจน

สำหรับ ยำคุณแม่ คาเฟ่ บริเวณชั้น 1 จะเปิดเป็นโซน ร้านยำคุณแม่ ที่มาพร้อมสโลแกน อร่อย แซ่บ นัว รวมสารพัดเมนูยำ ตำ ต้มแซ่บ แสนอร่อยไว้จัดเต็มมาก จุดเด่นคือ น้ำยำ ที่ทางร้านพัฒนาสูตรจนได้รสชาติที่ตอบโจทย์ มีทั้งแบบใส่ปลาร้า (ปลาร้า สูตรพิเศษของทางร้าน) และ แบบไม่ใส่ปลาร้า โดยสามารถบอกระดับความเผ็ดกับพนักงานได้ เพราะเมนูส่วนใหญ่จะเน้นแซ่บซี๊ด สำหรับเมนูแนะนำที่ต้องไม่พลาด ยำคุณแม่ ซึ่งเป็นยำส้มโอคัดคุณภาพ นำมาคลุกเคล้ากับน้ำยำสูตรเด็ดของทางร้าน ที่มาพร้อมคอหมูย่าง และใบชะพลู อารมณ์คล้ายการทานเมี่ยงแสนอร่อย  ไม่ว่าจะเป็น ยำแม่ไข่, ยำหอยนางรมทรงเครื่อง, ยำแซลมอน, ยำปูม้า, ยำคอหมูทอด จัดว่าเด็ดโดนใจสายยำอย่างแรง

ส่วนใครที่ชื่นชอบ เมนูตำ ขอแนะนำว่า ตำหลวงพระบาง คือเด็ดมาก ด้วยความกรอบของมะละกอฝานเส้นใหญ่ ผสมผสานกับน้ำปู กะปิ และปลาร้า สุดนัว ทานคู่กับแคปหมูกรอบๆ เป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ หรือถ้าชอบความแซ่บขึ้นไปอีกแนะนำให้สั่ง ตำปลาร้านัว, เหลาแซลมอนไหลบัว นอกจากนั้นยังมี แกงลาว, ผัดไทยกุ้งสด, ปีกไก่ทอดเกลือ, ข้าวผัดกากหมูไข่มะตูม, หอยแมลงภู่อบสมุนไพร และเมนูสุดจึ้งๆ อีกคับคั่ง รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบ เมนูซีฟู้ดดอง ก็จะได้ลิ้มรสความสดใหม่ใหญ่แซ่บของ มาดามดอง ไม่ว่าจะเป็น แซลมอน-กุ้ง-ปู ที่มาพร้อมน้ำดอง 2 แบบ ดองน้ำปลากวน และ ดองซีอิ๊วเกาหลี เพิ่มอรรถรสในการกินซีฟู้ดเข้าไปอีกด้วย น้ำจิ้มซีฟู้ด 3 สูตร 3 สไตล์ทำสดทำใหม่อร่อยแรงได้แก่ มะนาวสด, วาซาบิ และ ปลาร้า ที่ใครได้ชิมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดีเวอร์

และ บริเวณชั้น 2 จะเปิดเป็น คาแฟ่ตุรกี@ร้านยำคุณแม่ คาเฟ่ เก๋ๆ ชิคๆ ที่เนรมิตชั้น 2 ของร้านให้เป็นบรรยากาศสไตล์ตุรกี (ทูร์เคีย) ที่มีทั้ง พรมตุรกี โคมไฟ ตะเกียง ของตกแต่ง รวมทั้งชุดส่าหรี พร้อมเครื่องประดับ ที่พร้อมให้ทุกคนได้แปลงกายเป็นสาวน้อยในตะเกียงแก้ว แบบไม่ต้องบินไปไกลถึงตุรกี ก็สามารถถ่ายรูปสวยๆ อัปไอจี ติ๊กต๊อกฉ่ำๆ นั่งจิบกาแฟต้มทราย ดื่มด่ำเช็ตชา-ขนมหวานตุรกี แบบจัดเต็มได้อย่างจุใจ เรียกว่าเป็นคาเฟ่ตุรกีแท้ แห่งแรกและแห่งเดียวที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอรรถรสของความเป็นตุรกี ที่มีเหล่าคนดังในเมืองไทยตามมาเช็คอินมากที่สุดในตอนนี้

เพราะฉะนั้นใครที่อยากอินเทรนด์ รีบตามมาเช็คอินด่วน พิกัด ร้านยำคุณแม่ คาเฟ่ สาขาตลิ่งชัน โทร.097-226-635 และ สาขาเชียงใหม่ (วันนิมมาน) โทร.063-218-9326 เฟชบุ๊คแฟนเพจร้าน: ยำคุณแม่ – อร่อย แซ่บ นัว  Line: @yumkhunmae หรือใครอยากลิ้มลองซีฟู้ดดองสดใหม่ใหญ่แซ่บ มาดามดอง สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ทางLine:@madamdong

ร้านยำคุณแม่ คาเฟ่ สาขาตลิ่งชัน

ส่งต่อ Ferrero Rocher ของขวัญแทนความสุขในเทศกาลคริสต์มาส

Alternative Textaccount_circle

สำหรับช่วงเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึงนี้  Ferrero Rocher นำเสนอความพิเศษสุดหรูหราในวันคริสต์มาสด้วยแคมเปญ Ferrero Rocher Golden Christmas เพื่อทำให้ช่วงวันหยุดในปีนี้น่าประทับใจมากยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับนักช้อปชาวไทยที่จะเป็นเจ้าของโอกาสสำคัญในช่วงเวลานี้โดยเฉพาะ

Ferrero Rocher ร่วมมือกับ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ โดยลูกค้าที่มียอดซื้อสินค้า Ferrero Rocher สูงสุด 10 อันดับจากท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต จะได้รับบัตรเข้าร่วมเวิร์กช็อป Paper Flower Dome สุดพิเศษ 2 ใบ สำหรับลงมือประดิษฐ์ของขวัญสุดพิเศษให้กับคนที่คุณรักเพื่อเตรียมต้อนรับวันวาเลนไทน์

เวิร์กช็อป Ferrero Rocher Flower Dome นำเสนอประสบการณ์สุดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร โดยผู้ชนะจะได้ลงมือทำโดมกระดาษที่ทั้งสวยงามและออกมาในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง เหมาะสำหรับเป็นของขวัญถูกใจให้กับคนที่รัก นำการเวิร์กช็อปโดยการสอนผู้เชี่ยวชาญ ผู้เข้าร่วมจะได้ออกแบบและประกอบช่อดอกไม้กระดาษสีทองที่งดงามภายในกล่องทรงโค้ง ได้รับแรงบันดาลใจมากจากความงดงามเหนือกาลเวลาที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ferrero Rocher

กติกาเข้าร่วมกิจกรรม:

  • เพียงซื้อผลิตภัณฑ์ Ferrero Rocher และ/หรือ Ferrero Collection ที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขา ทั่วประเทศไทย
  • ผู้ที่มียอดซื้อจ่ายสูงสุด 10 อันดับ ในช่วงวันที่ 30 ตุลาคม 2024 – 7 มกราคม 2025 จะได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ชนะ
  • ผู้ชนะจะได้รับการติดต่อและเชิญเข้าร่วมเวิร์กช็อป Paper Flower Dome ที่จัดขึ้นในสถานที่พิเศษก่อนวันวาเลนไทน์

รายละเอียดเวิร์กช็อป:

วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2025

เวลา: 14:00-16:00 น.

สถานที่: ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์

เจาะดีเทล 2 ลุคเจ้าหญิงวงการเพลงป๊อป Charli XCX บนคอนเสิร์ต brat

Alternative Textaccount_circle

เรียกเสียงกรี๊ดลั่นฮอลล์ เมื่อเจ้าหญิงวงการเพลงป๊อปอย่าง Charli XCX ในทัวร์คอนเสิร์ต brat ที่จัดเต็มมาทั้งการแสดง เพลง และคอสตูม ที่เราอยากพาไปเจาะดีเทล 2 คอสตูมที่เธอสวมใส่กัน

ระหว่างทัวร์ ‘brat’ ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ Charli XCX เจ้าหญิงวงการเพลงป๊อปเจ้าของเพลงดังอย่าง 360, Speed Drive, Boys และอีกมากมาย ได้ปรากฏตัวในลุคสุดพิเศษที่ส่งตรงมาจาก 2 แบรนด์ดังอย่าง McQueen และ Tory Burch

สำหรับลุคแรกเป็นเสื้อกั๊กกระดุมสองแถวสั่งทำแบบพิเศษและกระโปรงสั้นจากผ้าวูลลายตารางเฮอริเทจประดับด้วยผ้าไหมเครปที่ดูขาดลุ่ยและผ้าชีฟองจับจีบระบาย จากคอลเล็คชั่น McQueen Spring Summer 2025 ออกแบบโดย Seán McGirr ซึ่งใช้การตัดเย็บที่พลิกแพลงและเฉียบคมมาหักล้างการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบอังกฤษดั้งเดิม ถือเป็นเป็นซิลลูเอตเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ ความเฉียบคมถูกเน้นด้วยแสงที่ลอดผ่านผ้าไหมชีฟองสีขาวโปร่งแสง ผ่านกระบวนการซักด้วยมือและตกแต่งเป็นจีบราวกับแสงอาทิตย์ ผ้าไหมเครป และผ้าใยแมงมุมถูกมัดรวบก่อนจะตัดตกแต่ง ผ้าไหมชีฟองและผ้าไหมออร์แกนซ่าก็ผ่านการนวด การซักฟอกและการฉีกออกอย่างพิถีพิถัน  เพื่อสร้างลุคที่ดูขาดลุ่ยแต่ยังคงสวยงาม ก่อนนำมาผสานกับความงามของโครงสร้างและรูปทรงจากผ้าวูลที่ตัดเย็บอย่างประณีต

ส่วนอีกหนึ่งลุคเซ็กซี่กว่าเล็กน้อย เพราะเธอมาในบอดี้ลายทางสูทสุดเซ็กซี่ จากคอลเล็กชั่น Resort 2025 ของ Tory Burch ที่เธอนำมาแมตช์เพิ่มกับถุงน่องและรองเท้าส้นสูงสีดำเพิ่มความเก๋เข้าไปอีกขั้น


กดเลิฟทุกสูตร! เพราะ “กันแดดเมคอัพเบส ACSEINE” เข้าใจผิวสาวเอเชียแท้ทรู ทั้งปกป้อง และปรับผิวสวยไบร์ทจนขอเชิ่ดใส่รองพื้น

กดเลิฟทุกสูตร! เพราะ “กันแดดเมคอัพเบส ACSEINE” เข้าใจผิวสาวเอเชียแท้ทรู ทั้งปกป้อง และปรับผิวสวยไบร์ทจนขอเชิ่ดใส่รองพื้น

account_circle
กดเลิฟทุกสูตร! เพราะ “กันแดดเมคอัพเบส ACSEINE” เข้าใจผิวสาวเอเชียแท้ทรู ทั้งปกป้อง และปรับผิวสวยไบร์ทจนขอเชิ่ดใส่รองพื้น
กดเลิฟทุกสูตร! เพราะ “กันแดดเมคอัพเบส ACSEINE” เข้าใจผิวสาวเอเชียแท้ทรู ทั้งปกป้อง และปรับผิวสวยไบร์ทจนขอเชิ่ดใส่รองพื้น

ก็เมืองไทยอะเนอะ อากาศจะฮ็อตอย่างไร แต่เราต้องฮ็อตให้ยิ่งกว่าด้วยไอเท็มที่ดีที่จะทำให้เราข้ามผ่านอากาศร้อนๆ และแสงแดดที่แผดเผานี้ไปได้อย่างเฉิดฉาย ซึ่งไอเท็มสำคัญที่ขาดไม่ได้นั้นคือ กันแดด แน่นอนอยู่แล้ว โดยปกติการทาครีมกันแดดนั้นเป็นกิจวัตรประจำวันที่เหล่ากูรูมักแนะนำให้ใส่ไว้ในลิสต์ Skincare Routine หลายคนจึงใช้กันแดดเป็นลำดับสุดท้ายในการบำรุงผิว หรือก่อนเริ่มลงเมคอัพ

แต่จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าลดขั้นตอนบำรุงและเมคอัพน้อยลง โดยรวบมาไว้ในชิ้นเดียวแบบทูอินวัน และที่สำคัญผิวยังคงสวยไม่ต้องง้อรองพื้น แถมได้ปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบีเหมือนเดิม สอดรับกับเทรนด์ผิวที่เดี๋ยวนี้หลายคนไม่ชอบลงเมคอัพหนาเตอะ แต่ชอบให้ผิวเนียนใสดูเป็นธรรมชาติ ซึ่ง Praew Survey ครั้งนี้ขอชี้เป้าไอเท็มที่จะช่วยประหยัดเวลาแต่คุ้มค่าในแง่งานผิวที่ควรลองอย่าง กันแดดเมคอัพเบส จาก ACSEINE ให้กับหนุ่มสาวชาวแพรวได้รู้จักทุกสูตรตัวตึงจะได้ไม่ต้องช็อปแบบเดาสุ่ม

ใครที่ชอบแต่งหน้าแต่มองกันแดดเป็นตัวปัญหา อย่ามองข้าม ACSEINE ขอให้ลองก่อนเชื่อพี่! กันแดดจากเคาน์เตอร์แบรนด์ญี่ปุ่นทั้ง 3 ขวดที่จะป้ายยาต่อไปนี้ดีต่อผิวด้วยคุณสมบัติในการช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี พร้อมช่วยบำรุงผิว ที่สำคัญคือผ่านการรับรองโดยแพทย์ผิวหนังประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นกันแดดสูตรอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ให้เอฟเฟกต์แบบเมคอัพเบส แถมช่วยปรับสีผิวให้แลดูกระจ่างใสเรียบเนียน และเบลอรูขุมขน ผิวไม่ดร็อประหว่างวัน สวยเป๊ะแบบรองพื้นต้องมีมองค้อน เริ่มกันที่ตัวแรกอย่าง ACSEINE Super Sun Shield Bright Veil มีทั้งหมดสองสี

ACSEINE Super Sun Shield Bright Veil สี PINK BEIGE เม็ดสีพีชช่วยปรับผิวสม่ำเสมอ ปกปิดจุดด่างดำ รอยดำ โทนอัพผิวสว่าง 1 ระดับ เหมาะกับผิวขาวอมชมพู อันที่จริงเบสสีนี้เหมาะกับคนที่มีผิวค่อนข้างขาว เนื่องจากเบสสีชมพูค่อนข้างเป็นโทนสว่าง จึงเหมาะจะช่วยปรับสภาพผิวหน้าของคนที่มีผิวขาว ไม่ให้ผิวขาวซีดเกินไป แต่ช่วยปรับผิวให้แลสุขภาพดีดูเปล่งปลั่ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหรือสิวเท่าไรนัก

สำหรับสีใหม่อย่าง ACSEINE Super Sun Shield Bright Veil สี CREAM BEIGE (New Color!) เม็ดสีครีมออกเหลือง ช่วยปรับผิวสม่ำเสมอ ปกปิดรอยแดงถึงดำ ให้ผิวแลดูกระจ่างใสปานกลาง เหมาะกับสีผิวอมเหลือง การใช้เมคอัพเบสสีเหลืองอาจจะไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวขึ้น แต่จะเน้นช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนและสีผิวโกลว์สวยสม่ำเสมอ

ต่อกันด้วยกันแดดเมคอัพเบสอีกสูตรที่น่าจะถูกใจสายเนเชอรัลลุค ใช้ง่าย เหมาะกับทุกสีผิวอย่าง ACSEINE Super Sunshield EX รุ่นนี้เซตตัวแบบดูเป็นธรรมชาติกับทุกสีผิวนอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีแล้ว ยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เรียบเนียน แลดูกระจ่างใสเหมือนตื่นมาก็สวยเลยฟีลนั้น

ที่สำคัญทุกสูตรที่ป้ายยามาทั้งหมดนั้น ความเริ่ดแบบถูกใจคนที่อยากให้ผิวสวยเพอร์เฟ็คแต่ขี้เกียจบำรุงผิวและแต่งหน้าหลายขั้นตอน เพราะนอกจากจะเป็นทั้งกันแดดแล้วยังเป็นเมคอัพเบสปรับสีผิวแบบทูอินวัน หรือมากกว่านั้นแล้ว ยังช่วยให้เมคอัพติดทนยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะสาวๆ เท่านั้น แต่หนุ่มๆ ก็สามารถใช้ได้ไม่ต้องแอบเขินด้วย เพราะปรับผิวดูเป็นธรรมชาติไม่ต้องกลัวเป็นคราบหรือหน้าลอยแต่อย่างใด หากวันไหนต้องการลุคใสๆ ฟีลเผยผิว ก็สามารถใช้ ACSEINE Super Sun Shield Bright Veil หรือ ACSEINE Super Sunshield EX แทนรองพื้นหรือคุชชั่นได้เลย ทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีป้องกันผิวจากแสงแดด Hybrid UV Shield ที่เปลี่ยน Sebum หรือความมันบนผิวเป็นความชุ่มชื้น จึงทั้งช่วยควบคุมความมันและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวไปพร้อมๆ กัน ทำให้ผิวไม่มันเยิ้มหรือแห้งเป็นขุย รวมถึงยังช่วยล็อกเมคอัพให้ติดทนยิ่งขึ้น สีผิวไม่ดร็อป ไม่หมองระหว่างวัน ถูกใจสายลุยไม่อยู่นิ่งกับที่สุดๆ

นอกจากนี้ ทั้ง ACSEINE Super Sun Shield Bright Veil และ ACSEINE Super Sunshield EX ยังเริ่ดตรงที่เป็น 100% Physical Sunscreen คือเป็นกันแดดที่ใช้หลักการสะท้อนรังสียูวี และใช้เทคโนโลยี Perfect Veil ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ ACSEINE ที่เคลือบเม็ดสีและป้องกันรังสียูวีไม่ให้สัมผัสผิวโดยตรงด้วยซิลิกา ผิวจึงไม่แสบร้อน หรือระคายเคือง คนที่มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้แบบสบายใจ…เรียกได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นกันแดดเมคอัพเบสที่เข้าใจผิวสาวเอเชียที่แท้ทรูแบบไม่เกินจริง!

ข้อมูลเพิ่มเติม : acseine.in.th หรือ Facebook @ acseine.th


Majestic Clinic พิกัดดูแลรูปร่างมาแรง คว้ารางวัลจาก Praew Iconic Beauty 2024

account_circle

ด้วยกระแสการดูแลรูปร่าง ที่เรียกว่าไม่น้อยหน้าเทรนด์ความงามอื่นๆ Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว จึงพาไปพูดคุยกับ “คุณบีเอ็ม – ปภาณ ไกวัลศิลป์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Majestic Clinic พิกัดดูแลรูปร่างมาแรง ซึ่งเพิ่งคว้ารางวัล Iconic Trusted Beauty Clinic จากเวทีความงามแห่งปี Praew Iconic Beauty 2024

ครองใจคนรักสวยมุ่งสู่ปีที่ 9

“จุดเริ่มต้นของ Majestic Clinic คือย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ธุรกิจเกี่ยวกับความงาม ไม่ว่าจะเป็นบิวตี้ สลิมมิ่ง หรือเวลเนส อยู่ในกราฟที่กำลังเริ่มเติบโต ผมจึงมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ เพราะทำงานคลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน บวกกับอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากลงมือเลือกสรรสิ่งดีๆ ให้กับผู้รับบริการด้วยตัวเองครับ

“Majestic Clinic มีบริการด้านความงามที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป แต่บริการเด่นของเราในตอนนี้จะเป็นการดูแลรูปร่าง ซึ่งได้รับความสนใจและฟีดแบ็กที่ดีจากผู้รับบริการ

“ตลอดระยะเวลา 9  ปี คอนเซ็ปต์ของ Majestic Clinic คือให้ความสำคัญกับการมอบบริการที่ดี เพราะในการดูแลรูปร่างเราเน้นไปที่การทรีตเม้นต์ ซึ่งต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการทำ แตกต่างจากหัตถการอื่นๆ ที่ทำแค่ปีละครั้ง หรือครึ่งปีครั้ง ดังนั้นเราจึงอยากสร้างความประทับใจให้กับผู้รับบริการ เพื่อทำให้พวกเขามีความสุขในการกลับมาดูแลตัวเองกับเรา เพราะสมัยนี้หลายคนใช้เวลาว่างในการดูแลตัวเอง ซึ่งถือเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง ดังนั้นเราจึงอยากทำให้พวกเขาประทับใจที่สุดครับ”

ตอบโจทย์การดูแลรูปร่างอย่างตรงจุดตรงใจ

“ผมเชื่อว่าทุกคนมีความงามอยู่ในตัวเอง และความมั่นใจจะถ่ายทอดความงามนั้นออกมา ดังนั้น Majestic Clinic จึงมุ่งทำหน้าที่ในการช่วยเสริมความมั่นใจ พร้อมแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ยกตัวอย่างกระแสการดูแลรูปร่างที่เคยมีเทรนด์ Real Size Beauty คือมั่นใจในรูปร่างตามแบบฉบับของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องผอมหรือตัวเล็ก แต่สิ่งที่จะช่วยเสริมความมั่นใจได้คือความเฟิร์มกระชับ ซึ่ง Majestic Clinic ช่วยดูแลในจุดนี้ได้ครับ

“Majestic Clinic ตอบโจทย์ความต้องการเกี่ยวกับการดูแลรูปร่างด้วยการวิเคราะห์แบบเฉพาะบุคคล เพื่อแนะนำทรีตเม้นต์หรือโปรแกรมที่เหมาะสมกับแต่ละเคสจริงๆ เพราะบางเคสอาจมีปัญหาที่ไขมัน บวมน้ำ หรือบางคนหุ่นดีแต่มีเซลลูไลท์ ดังนั้นเราจึงต้องวิเคราะห์สาเหตุก่อน โดยเรามีทีมคอนเซาท์ที่จะวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าปัญหาเกิดจากอะไร พฤติกรรมการกินเป็นอย่างไร อีกทั้งยังมีแพทย์และนักโภชนาการที่จะคอยดูแลควบคู่กันไป ซึ่งเป็นการดูแลแบบเฉพาะบุคคล”

รางวัลแห่งความสำเร็จอีกขั้น

“ปีนี้ Majestic Clinic ได้รับรางวัล Iconic Trusted Beauty Clinic จาก Praew Iconic Beauty 2024 รู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ ที่เราได้รับความไว้วางใจและเป็นที่น่าเชื่อถือ

“นอกจากนี้ผมยังรู้สึกมีกำลังใจในการพัฒนา Majestic Clinic ต่อไป เพราะการที่เราอยู่มาได้นานถึง 9 ปี ไม่ใช่แค่การรักษามาตรฐานคุณภาพ แต่ต้องเพิ่มมาตรฐานขึ้นไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างการอบรมบุคลากรที่ต้องทำเป็นประจำ เพื่ออัปเดตความรู้ใหม่ๆ อย่างทันท่วงที หรือการมีหลายสาขา ก็ต้องควบคุมคุณภาพของทุกสาขาให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะผมเชื่อว่าการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอจะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนครับ”


“พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล” เผยความปังครบรอบ 15 ปี Karmart ในปี 2024 มุ่งรันวงการบิวตี้ระดับโลก

account_circle

Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว พาไปพูดคุยกับผู้อยู่เบื้องหลังความสวยของใครหลายคนอย่าง “คุณแก๊ป – พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล” รองกรรมการผู้จัดการสายงานสื่อสารการตลาด และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ Karmart อาณาจักรธุรกิจความงามที่สาวกบิวตี้รู้จักกันดี ด้วยความเริ่ดของหลากหลายไอเท็มจากแบรนด์ดังที่ขึ้นแท่นชิ้นโปรดของคนรักสวย ใครที่อยากรู้ว่าเบื้องลึกของบิวตี้ไอเท็มที่ใช้อยู่ Karmart จัดเต็มคุณภาพให้เบอร์ไหน บทสัมภาษณ์นี้มีคำตอบค่ะ

2024 ปีแห่งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

“ปีนี้เป็นปีที่เราผลิตแบรนด์ใหม่ออกมาค่อนข้างเยอะ นอกเหนือจากเฮาส์แบรนด์ เพราะด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราจับเทรนด์การตลาดได้ถูกทาง จึงมีการคอลแลปกับทั้งเมคอัพอาร์ติสต์ ยูทูปเบอร์ และบิวตี้บล็อกเกอร์ ยกตัวอย่างแบรนด์เครื่องสำอางที่เราทำร่วมกับน้องฉัตร เมคอัพอาร์ติสต์ชื่อดัง แบรนด์แรกคือ Browit by Nongchat ซึ่งเน้นไปที่เมคอัพคิ้วและตา ส่วนปีนี้ได้ทำเพิ่มอีกหนึ่งแบรนด์คือ THA by Nongchat ซึ่งจะมีรองพื้นและลิปสติกที่เน้นสีสันมากขึ้น

“อีกแบรนด์ที่ได้รับความสนใจคือ Lip It ที่คอลแลปกับคุณนัท – นิสามณี บิวตี้บล็อกเกอร์และยูทูปเบอร์ ซึ่งโปรดักต์จะเน้นไปที่ลิปมันเป็นหลัก แต่จะให้ทั้งการบำรุงและสีสันไปในตัว รวมถึงมีความพิเศษอยู่ที่กลิ่นหอมด้วยครับ

“นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ HAIR IT ที่ทำร่วมกับคุณสายป่าน บิวตี้บล็อกเกอร์เจ้าของเพจ SP Saypan เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมต่างๆ เช่น ทรีตเมนต์หมักผม สเปรย์ลดความมันของเส้นผม แชมพูแห้ง ถือสินค้าแคททากอรี่ใหม่ที่เรายังไม่เคยทำมาก่อน

“และแบรนด์สุดท้ายของปีนี้คือ Get Skin ซึ่งคอลแลปกับน้องอายตา บิวตี้บล็อกเกอร์ เป็นเมคอัพที่เน้นการบำรุงมากกว่า 80% เพราะเราตั้งใจออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับเทรนด์ปัจจุบันที่หลายคนชอบความสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน

“ที่พิเศษมากๆ คือปีนี้ Karmart ทำแบรนด์ที่เป็นเวชสำอางออกมาด้วย จากที่ผ่านมาไม่เคยมีเลย ซึ่งเราเน้นกลุ่มตลาดแมสเป็นหลัก ตอนนี้ทำออกมาแล้ว 4 แบรนด์ด้วยกัน แบรนด์แรกชื่อว่า Intimi เป็นเวชสำอางดูแลจุดซ่อนเร้นของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เราทำร่วมกับน้องแนน – ลฎาภา ซึ่งเป็นยูทูปเบอร์และบิวตี้บล็อกเกอร์ ที่สำคัญคือมีสูตินรีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านจุดซ่อนเร้นร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วย

“อีกแบรนด์เวชสำอางจะเกี่ยวกับสิวและผิวแพ้ง่าย ชื่อแบรนด์ ACCA by Dr.DSP เราร่วมมือกับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางอย่างคุณหมอโจ้ – ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของ The Demis Clinic โดยจะมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลสิวแบบครบวงจร พร้อมช่วยแก้ปัญหาสิวที่ต้นเหตุ

“ต่อมาคือแบรนด์ Dr.NIKS ซึ่งเป็นเวชสำอางสำหรับมาสก์หน้าโดยเฉพาะ เน้นดูแลสิวและผิวแพ้ง่าย ความพิเศษของแบรนด์นี้คือเราผนึก 4 กำลังเลยทีเดียว ได้แก่ คุณหมอเต๋าจากเพจ EB.bahboh คุณหมอต่อ คุณหมอภูมิ และน้องนุ่น – นพลักษณ์ บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง 

“ส่วนอีกหนึ่งแบรนด์คือ IFME เป็นเวชสำอางสำหรับแม่และเด็กที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นผลิตภัณฑ์ Made in Japan ที่เราอยากให้คนไทยเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ”

เดินหน้าสู่ความงามระดับโกลบอล

“เป้าหมายต่อไป นอกเหนือจากการพัฒนาต่อยอดแบรนด์ต่างๆ ที่เราทำออกมาเกือบ 20 แบรนด์ ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ในอนาคตเรายังจะมีโปรเจกต์ใหม่ๆ ออกมาอีก โดยเราตั้งใจจะก้าวไปสู่ระดับโกลบอล เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำจึงเป็นการทำร่วมกับคนดังระดับโลก

“ด้วยความที่ Karmart อยู่ในวงการธุรกิจความงามมานานกว่า 15 ปี ทำให้สามารถชูจุดแข็งของตัวเองได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าที่จับต้องได้ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ การมีนวัตกรรมใหม่ๆ หรือการพัฒนาคุณภาพ ปัจจุบันเรามีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเราต้องการขยายวงกว้างขึ้นอีก ดังนั้นเราจึงไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองให้ไปถึงมาตรฐานระดับโลก ตั้งแต่เรื่องบรรจุภัณฑ์ สารสกัด ความคงทนของสาร ไปจนถึงเรื่องการทำเทสรีพอร์ต โดยแบรนด์เดิมเรามีการพัฒนาต่อเนื่อง ส่วนแบรนด์ใหม่ที่ออกมาเราก็จะต่อยอดไปให้ไกลยิ่งขึ้น

“ในการรักษามาตรฐานคุณภาพ ทุกผลิตภัณฑ์ของเรามีการพัฒนาโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ผิวหนัง เมคอัพอาร์ติสต์ หรือบิวตี้บล็อกเกอร์ อีกทั้งเรายังลงทุนทำแลปของตัวเอง สำหรับทั้งขั้นตอนการผลิตและเช็กคุณภาพของสินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศอีกครั้งหนึ่งก่อนจะส่งต่อไปยังผู้บริโภค เพื่อสร้างมาตรฐานคุณภาพระดับเวิลด์คลาส”

Cathy Doll การันตีความปังด้วยรางวัลเบอร์ใหญ่และรีวิวจากตัวแม่ระดับโลก

“กันแดด Cathy Doll Ultra Light Sun Fluid SPF50+ PA++++ ถือเป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมของเรา โดยล่าสุดได้รับรางวัล Iconic Lightweight Long Protection Sunscreen จาก Praew Iconic Beauty 2024 อีกทั้งยังเคยได้รับรางวัลจากกันแดดตัวนี้หลายครั้ง เรียกว่าการันตีได้จากทั้งยอดขายและรางวัลมากมาย โดยเรามั่นใจว่ากันแดดตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภค เพราะเราใช้แลปและโรงงานระดับโลกในการผลิต รวมถึงผ่านการทดสอบเรื่องการแพ้และระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนัง

“นอกจากจะการันตีด้วยรางวัลแล้ว กันแดด Cathy Doll รวมถึงโปรดักต์อื่นๆ ของแบรนด์ยังได้รับความไว้วางใจจากคนดังระดับโลก ซึ่งเห็นได้จากโซเชียลมีเดีย อย่างกันแดดตัวนี้ที่กลายเป็นไวรัล อีกทั้งยังมีกันแดดสเปรย์ Cathy Doll ที่นักร้องระดับโลกเลือกใช้ และที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์คือล่าสุดช่างแต่งหน้าใช้ลิปของเรา นั่นคือ Cathy Doll Filler Lip Booster เบอร์ 11 สี Queendom เราจึงรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ที่ใช้ลิปรุ่นนี้ด้วยเช่นกันครับ

“ดังนั้นความสำเร็จของแบรนด์ Cathy Doll จึงไม่ใช่แค่รางวัลอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการทำอย่างไรให้คนดังระดับโลกเลือกใช้ หรืออีกนัยหนึ่งคือการทำให้แบรนด์ไทยก้าวสู่ระดับโลก ซึ่งถือเป็นเป้าหมายใหญ่ของเรานั่นเอง”   


เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ชวนผจญภัยครั้งใหม่ในดินแดนโลกสาบสูญ หลังปรับโฉมใหญ่

account_circle

โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เครือโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์ผจญภัยครั้งใหม่ ในดินแดนโลกสาบสูญที่ลึกลับและยิ่งใหญ่ ต้อนรับการกลับมาของ “เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา” รีสอร์ทธีม Lost World หลังปรับโฉมครั้งใหญ่ พร้อมมอบความสนุกและตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในเดือนธันวาคม 2567 นี้

รีสอร์ทแห่งนี้มอบวันหยุดพักผ่อนในฝันให้กับทุกครอบครัว เพียงขับรถ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ แขกผู้เข้าพักจะได้พบโลกแห่งความหรรษาอย่างเต็มรูปแบบผ่านสวนน้ำใหม่ทั้ง 4 โซน ทั้งเกาะภูเขาไฟอันน่าตื่นเต้น, เครื่องเล่นสไลเดอร์ขนาดยักษ์, สวนน้ำท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ และป่าหมอกอันน่าค้นหา โดยสวนน้ำใหม่ทั้ง 4 โซน มอบประสบการณ์ผจญภัย 4 รูปแบบอย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากนั้นยังมีสวนสนุกเดอะ ลอสต์ เวิล์ด แอดเวนเจอร์ แลนด์ (The Lost World Adventure Land) ตั้งอยู่ใจกลางรีสอร์ท ซึ่งเป็นดินแดนสวรรค์สำหรับคุณหนูๆ ที่ชอบการผจญภัย โดยเด็กๆ จะเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจไปกับการบินลาดผาดโผนเหนือจินตนาการ ท่องไปตามเส้นทางท่ามกลางธรรมชาติ กับการผจญภัยกลางแจ้งของเครื่องเล่นสกายไรเดอร์และสกายเทรลที่ส่งเสริมความกล้าของเด็กๆ ในการปีนป่ายผจญภัยบนเชือก อีกทั้งสนามเด็กเล่นที่ประกอบไปด้วยสไลด์เดอร์, เครื่องเล่นกระโดด, แพเชือก และหลุมล่าหากระดูกไดโนเสาร์

เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ปรับโฉมห้องพักและสวีทวิวทะเลทั้ง 555 ห้องใหม่ทั้งหมด ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับธีม Lost World ของรีสอร์ทอย่างลงตัว รีสอร์ทริมทะเลแห่งนี้ยังมอบประสบการณ์อาหารเลิศรสผ่านห้องอาหารหลากหลายสัญชาติ โดยหนึ่งในไฮไลท์ห้องอาหาร คือ โคสต์บีชคลับและบิสโทร บีชคลับริมหาดในบรรยากาศสุดชิล ที่มาพร้อมเลานจ์และดาดฟ้าดีไซน์ใหม่สำหรับการมานั่งสังสรรค์หรือผ่อนคลายอย่างสบายๆ นอกจากนั้นในรีสอร์ทยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ สำหรับครอบครัวอย่างครบครัน อาทิ “แคนดี้สปา” สปาสำหรับเด็ก และ “สปา เซ็นวารี” สำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงกิจกรรมสันทนาการต่างๆ อีกมากมาย

เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา มอบวันหยุดพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบแก่ทุกครอบครัว ด้วยความสุขสนุกของรีสอร์ทในธีม Lost World พร้อมการบริการด้วยไมตรีจิตไทยอย่างเหนือระดับของโรงแรมห้าดาว

เพื่อฉลองการเปิดตัวเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ในโฉมใหม่ประสบการณ์ใหม่ เซ็นทารามอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษเพิ่มเติมสำหรับการเข้าพักมากมาย อาทิ ฟรีค่าเข้าสวนสนุก The Lost World Adventure Land สำหรับเด็ก 2 คน (อายุต่ำกว่า 12 ปี), เครดิตอาหารและเครื่องดื่มมูลค่า 1,000 บาท ที่ห้องอาหารโคสต์บีชคลับและบิสโทร, เครดิตสปาสำหรับเด็กที่แคนดี้สปามูลค่า 500 บาท รวมถึงบริการอาหารเช้าทุกวันตลอดการเข้าพัก สำหรับ 2 ท่าน และทริปเที่ยวเกาะล้านด้วยเรือสปีดโบ๊ทส่วนตัวจากโรงแรมในราคาพิเศษ (สูงสุด 8 ท่าน) ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถจองข้อเสนอสุดพิเศษนี้ได้ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 27 ธันวาคม 2567 สำหรับการเข้าพักตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2568

สามารถสำรองห้องพักภายใต้ข้อเสนอพิเศษช่วงฉลองเปิดตัวเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ได้ที่

https://www.centarahotelsresorts.com/centaragrand/th/cmbr/lost-world-found

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ได้ที่ https://www.centarahotelsresorts.com/centaragrand/th/cmbr


keyboard_arrow_up