'IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY' ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว

‘IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY’ ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว

Alternative Textaccount_circle
'IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY' ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว
'IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY' ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว

Coty Thailand เปิด ป๊อปอัพ ส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่กับ “In the Starlight of Holiday Pop-up” อีเวนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ได้รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังหลากหลายแบรนด์มาไว้ในงานเดียว ไม่ว่าจะเป็น Burberry, Chloé, และ Marc Jacobs เพื่อเฉลิมฉลองและส่งมอบความสุขให้กับเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะถึงนี้ โดยงานจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม ณ Fashion Hall ชั้น 1 Siam Paragon

ภายใน Pop-up ถูกดีไซน์ด้วยแรงบันดาลใจจากดินแดนมหัศจรรย์สีทองระยิบระยับ ประดับตกแต่งด้วยพระจันทร์ ดวงดาว และบานหน้าต่างที่สื่อถึงกลุ่มดาวต่างๆ ช่วยส่งมอบบรรยากาศในช่วงเทศกาลได้เป็นอย่างดี พร้อมกิจกรรมต่างๆ มากมายภายในงาน โดยเฉพาะหนึ่งไฮไลท์สำคัญอย่าง กิจกรรมอ่านไพ่ทาโรต์ ด้วยการเลือกกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของคุณผ่านการอ่านไพ่ ช่วยเสริมพลังและนำพาความโชคดีมาให้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังได้เพลิดเพลินไปกับฟิลเตอร์ Instagram ที่ถูกดีไซน์มาเป็นพิเศษในธีมเทศกาล ให้ได้เก็บภาพความทรงจำดีๆ และแชร์โมเมนต์แห่งความสุขเหล่านี้ออกไป

อีกหนึ่งความพิเศษเฉพาะงานนี้คือ Fragrance Gift Set สุดพิเศษจากเหล่าแบรนด์ดัง อาทิ Burberry Goddess, Burberry Hero, Chloé L‘Eau de Parfum Intense และ Marc Jacobs Daisy Wild ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ และพิเศษสำหรับทุกการสั่งซื้อ จะได้รับของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เติมเต็มประสบการณ์ความหอมในช่วงเทศกาลนี้


น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

5 ข้อรู้จัก นักแสดงคลื่นลูกใหม่ น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

Alternative Textaccount_circle
น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง
น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

นิยามความเป็น “น้ำปิง”

“น้ำปิงเป็น Ambivert ครับ คือมีส่วนผสมของเอกซ์โทรเวิร์ตกับอินโทรเวิร์ต เวลาอยู่นอกบ้านชอบพูดคุยกับผู้คน ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ชอบให้คนมาเล่นด้วย เฮฮาสนุกสนานเต็มที่ แต่พอถึงบ้านจะชอบอยู่ คนเดียว เหมือนเราให้พลังงานคนรอบข้างไปเยอะ แล้วพอหมดวัน พลังงานจะหายไป ตอนนี้กําลังหาบาลาน ว่าจะทํายังไงให้ตัวเองมีพลังงานยาว ๆ ได้ทั้งวัน”

น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

มุมลับ

“เรื่องแรกคือชอบวาดรูปมาก เพราะชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เคยฝันอยากเป็น ศิลปิน แต่รู้สึกว่าต้องสร้างรากฐานตัวเองให้มั่นคงก่อน ตอนนี้วาดรูปจึงเป็นงานอดิเรกกําลังอินกับเทคนิคสีชอล์ก เพราะถ้าระบายพลาดก็แก้ได้ เกลี่ยง่ายดีด้วย น้ําปิงชอบ วาดรูปทิวทัศน์กับวาดรูปพอร์เทรต”

“อีกหนึ่งความฝันทีไม่เคยบอกใครคืออยากเป็นดีเจเปิดแผ่น ผมชอบฟังเพลง หลากหลายแนว ทั้งแจ๊ส ไทย ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ฯลฯ มีคลังเพลงในหัวเยอะ เวลามีโอกาสไปฟังดีเจเล่นสด น้ําปิงชื่นชมมากนะ รู้สึกฟินกับการเรียบเรียงของเขา จึงมี แพลนไปเรียนเป็นดีเจจริงจัง และกําลังเก็บเงินซื้อเครื่องเล่นด้วยครับ ซึ่งลามไปว่า อยากเก็บเงินซื้อบ้านเดี่ยว จะได้มีพื้นที่เปิดเสียงเต็มที่ ถ้าวันไหนน้ําปิงได้เป็นดีเจจริงๆ ฝากแฟนๆ ติดตามด้วยนะครับ”

น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

ท้าทายสุด

“การแสดงคือเรื่องที่ท้าทายมาก อยากเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับ และคาดหวัง กับตัวเองไว้สูงเหมือนกัน คนทั่วไปมักมีภาพจ่าว่าซีรี่ส์วายจะเน้นความจิ้น แต่น้ําปิง อยากลบความคิดนี้ อยากให้รู้ว่าเรามีความสามารถ ซึ่งซีรีส์เรื่องแรกก็อยากทําออกมา ให้ดีที่สุด เก็บเป็นมาสเตอร์พีช โดยไม่มีข้อแก้ตัวว่า งานชิ้นแรก ฉันจึงทําได้เท่านี้ นํ้าปิงอยากท่าผลงานให้คนรับรู้ถึงความตั้งใจ ให้คุ้มค่ากับเวลาของผู้ชมที่ดูผลงานเรา”

อินสุดใจ

“อินอาร์ตทอยครับ น้ําปิงชอบงานศิลปะอยู่แล้ว และกระโจนเข้าวงการอาร์ตทอย ตั้งแต่ยังไม่บูม พอถึงวันนี้ที่อาร์ตทอยเติบโต รู้สึกว่าน่ารักจังที่คนให้คุณค่าและซัพพอร์ต ศิลปิน ตอนนี้อินถึงขั้นว่าอยากท่าอาร์ตทอยของตัวเอง มีสเก็ตช์ไว้คร่าว ๆ เหมือนกันนะ ว่าคาแร็คเตอร์จะเป็นยังไง แต่ยังต้องศึกษาเรื่องกระบวนการผลิตอีกเยอะครับ”

เรื่องรัก ๆ

“ถ้าถามว่าคลั่งรักไหม ก็ใช่ครับ เราเต็มที่กับความรักในทุกเรื่อง ทั้งในความสัมพันธ์ การงาน เพราะมองว่าความรักช่วยขับเคลื่อนชีวิต ทําให้ชุ่มชื่นหัวใจ และนิยามตัวเองว่าเป็นผู้ให้ อาจเพราะได้รับ ความรักเต็มเปี่ยมจากที่บ้าน ไม่เคยรู้สึกขาด จึงพร้อมให้ความรักคนอื่นอยู่เสมอ”

“ถ้าในมุมโรแมนติก ชีวิต แอบมีความเศร้า เพราะการเป็นผู้ให้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งมีความคาดหวัง เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวเพื่อเซฟใจแต่ก็มองว่ามันเป็น ธรรมชาติของวัย เราเป็น วัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้อง เจอทั้งความรัก คลั่งรัก อกหัก เสียใจเหมือนกับ ทุก ๆ คน”

URBAN REVIVO

‘เจษ-ไบเบิ้ล’ ร่วมงานเปิดตัว URBAN REVIVO คอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์

account_circle
URBAN REVIVO
URBAN REVIVO

URBAN REVIVO ฉลองเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชูแนวคิดการออกแบบสุดล้ำที่ผสมผสานศิลปะเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร บนพื้นที่กว่า 1,548 ตารางเมตร

ด้วยจุดแข็งด้านโลเคชันใจกลางกรุงเทพฯ และจุดยืนที่แตกต่างของแบรนด์ ทำให้คอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่นี้เตรียมขึ้นแท่นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ UR ในตลาดประเทศไทย โดยมี 2 ซุปเปอร์สตาร์ “เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” และ “ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล” มาร่วมสร้างสีสันภายในงาน

แรงบันดาลใจในการออกแบบร้านคอนเซ็ปต์สโตร์แห่งนี้ มาจากการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความดิบเท่ของแนวคิด Industrial Civilization และความงดงามอ่อนโยนของธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนปรัชญาการออกแบบของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ผ่านการตัดกันและความสมดุลที่สร้างสรรค์  ภายในร้านโดดเด่นด้วยผนังจอ LED ช่วยสร้างบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือน พร้อมดีไซน์ห้องลองที่ถูกเนรมิตเป็นถุงช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์แห่งโลกเสมือนจริงขณะเพลิดเพลินกับไอเทมใหม่ล่าสุดจากคอลเล็คชั่นของ UR


SUNNE Voyage 

SUNNE Voyage สัมผัส Crafted Catamaran จากเกาะสมุยสู่จังหวัดระยอง

account_circle
SUNNE Voyage 
SUNNE Voyage 

SUNNE Voyage พาทุกท่านร่วมสัมผัสเสน่ห์ของทะเลระยองไปพร้อมกับเรา ด้วยการนำเรือ Crafted Catamaran ลำใหม่ของพวกเรา SUNNE Samui ล่องข้ามอ่าวไทยมาเดินเรือในเส้นทางที่มีน้ำทะเลสีเขียวใสของเกาะมันนอก จังหวัดระยอง เฉพาะช่วง High Season นี้เท่านั้น

จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่เริ่มจากแนวคิดการนำเรือประมงพื้นบ้านที่ถูกทิ้งร้างมาดัดแปลงโดยใช้งานฝีมือช่างเรือประมงและงานออกแบบที่ร่วมสมัย สร้างสรรค์ให้กลายเป็นเรือท่องเที่ยวที่สามารถมอบประสบการณ์ที่สวยงามและน่าจดจำให้แก่นักท่องเที่ยว และได้ต่อยอดมาถึงการดัดแปลงเรือคาตามารันลำแรกๆ ของเกาะสมุย ให้ออกมาเป็น
SUNNE SAMUI เรือคาตามารันขนาดใหญ่ที่ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 และถือเป็น Crafted Catamaran ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

SUNNE Samui Catamaran ได้รับการปรับปรุงภายในใหม่ทั้งหมด โดยใช้ไม้สักและเส้นหวายที่ถูกคัดสรรมาอย่างประณีตและจัดเรียงเป็นลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ผ่านการทำงานกับช่างต่อเรือท้องถิ่น ด้วยความมุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่า เพื่อสนองวิสัยทัศน์ของ SUNNE Voyageที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตและความยั่งยืนในพื้นที่ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของ SUNNE Voyage ตลอดมา 

ตัวเรือของ SUNNE Samui Catamaran ได้ถูกออกแบบให้เปิดรับลมได้ทุกทิศทางเพื่อความสุนทรีย์ในการเดินเรือ หน้าต่างทุกด้านของลำเรือเปรียบเสมือนกรอบรูปของภาพผืนน้ำ ท้องฟ้า และภูเขาที่กว้างใหญ่ เมื่อลมทะเลพัดส่ง ใบเรือจะกางออก แล้วพาทุกท่านล่องไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ผ้าใบของเรือมีลวดลายแสงอาทิตย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของ
SUNNE Voyage ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในการออกแบบ เพื่อยกระดับการเดินทางบนเรือ ให้เป็นภาพความทรงจำอันสดใสและแสนพิเศษที่ยากจะลืมเลือน โดย SUNNE Catamaran จะให้บริการในทะเลระยองตั้งแต่วันนี้ – 19 มกราคม 2568

นอกจากนั้น SUNNE Voyage ยังคงนำเสนอเรืออีก 2 ลำที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษและไม่เหมือนใคร อย่าง SUNNE Voyager ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับความงามของเส้นขอบฟ้ายามอาทิตย์ตกดิน ด้วยดาดฟ้าที่กว้างขวาง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามาที่สะท้อนความงดงามของอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเรือตกแต่งด้วยผ้าม่านย้อมสีธรรมชาติที่พลิ้วไหวไปตามลมทะเลอ่อน ๆ สร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์

SUNNE Explorer จากความท้าทายในการออกแบบที่ภาคภูมิใจ ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้เต็มอิ่มกับแสงแดด สายลมทะเล และสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยมีหลังคาขนาดใหญ่ด้านหน้าเพื่อให้ร่มเงา ในขณะที่ยังคงความโล่งโปร่งสบายไว้อย่างครบถ้วน ภายในมีโซฟานั่งเล่นที่กว้างขวาง ชวนให้ได้พักผ่อน อาบแดด และสัมผัสกับธรรมชาติ ส่วนด้านหลังมีเคาน์เตอร์บาร์ที่เพิ่มบรรยากาศอันสดใสสำหรับกิจกรรมและการสังสรรค์ ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของ SUNNE Explorer

จากวัฒนธรรมท้องถิ่นและการสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับชุมชน ความหลงใหลในการนำเสนอความงามของทะเลระยองจึงทวีขึ้น และถือกำเนิดเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการเปลี่ยนเรือประมงที่ไม่ได้ใช้งานของชาวบ้านให้กลายเป็นเรือท่องเที่ยว ด้วยทีมงานที่มุ่งมั่นและชำนาญการออกแบบ SUNNE Voyage จึงถูกสร้างขึ้น โดยเป็นโครงการที่พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น เพื่อเผยให้เห็นแง่มุมที่ซ่อนเร้นและเสน่ห์ของจังหวัดระยอง สถานที่ที่มีทะเลอันเงียบสงบ และห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ดังนั้น SUNNE Voyage จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำหรับนักเดินทางที่ต้องการหลีกหนีจากเมืองใหญ่มาพักผ่อนในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ยังสามารถเก็บเกี่ยวความประทับใจและความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนกลับไปได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยการเสริมสร้างอาชีพให้กับชุมชนอีกด้วย

รวมไปถึงการริเริ่มโครงการ Long Lay Local Tour ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ดึงดูดผู้ชื่นชอบการผจญภัย และต้องการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักในจังหวัดระยอง พร้อมทั้งสัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบท้องถิ่นอย่างแท้จริง

โดยหัวใจของของ SUNNE Voyage คือความมุ่งมั่นต่อคนในชุมชนระยองและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความงดงามของภูมิภาคสู่โลกใบนี้ ทั้ง SUNNE Voyage และ Long Lay Local Tour จึงสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนท้องถิ่น SUNNE Voyage ยึดมั่นในคุณค่าที่เกิดจากงานฝีมือท้องถิ่นและปรัชญา “กลับสู่ธรรมชาติ” ด้วยแนวคิดการออกแบบที่มุ่งเน้นวัสดุจากธรรมชาติที่สร้างความรู้สึกและความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แท้จริงและมีเสน่ห์ตลอดการเดินทางของ SUNNE Voyage ในการนำเสนองานศิลปะไทยที่สร้างสรรค์จากหลากหลายภูมิภาค ให้เรือของ SUNNE Voyage เป็นเหมือนหอศิลป์เคลื่อนที่กลางทะเล ที่พร้อมมอบประสบการณ์การล่องเรือและนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แตกต่าง


Hong Kong Fashion Fest

Hong Kong Fashion Fest เฉลิมฉลองแฟชั่น วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์

account_circle
Hong Kong Fashion Fest
Hong Kong Fashion Fest

Hong Kong Fashion Fest กิจกรรมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายในการเฉลิมฉลองแฟชั่น ความคิดสร้างสรรค์ และมรดกทางวัฒนธรรม โดยงานนี้ได้รับการนำเสนอโดยรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานพัฒนาภาคอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมและสร้างสรรค์ของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ซึ่งงาน Hong Kong Fashion Fest จะรวมเอาแฟชั่น การออกแบบ และศิลปะ ผสานเข้าด้วยกันผ่านการแสดงนิทรรศการ กิจกรรม และประสบการณ์ที่หลากหลายทั่วทั้งเมือง

โดยไฮไลต์ของงานประกอบไปด้วย 

– The Fashion Union หรือแพลตฟอร์มเฉลิมฉลองความงามของเครื่องแต่งกายสำหรับการทำงาน ระหว่างวันที่ 20-27พฤศจิกายน 2567 ที่ DX Design Hub ใน Sham Shui Po ซึ่งจะนำเสนอเครื่องแต่งกายสำหรับการทำงานในมุมมองที่ทันสมัย โดยรวมเอาฟังก์ชันและความสวยงามเข้าด้วยกัน ผ่านการจัดนิทรรศการ เวิร์กช็อป และกิจกรรมสัมนาที่จะพลิกมุมมองต่อการแต่งกายทำงานที่ทั้งมีประโยชน์และโดดเด่น 

– VIRTUOSE : The Artistry of Couture and Couture Reverie การเฉลิมฉลองชุดกูตูร์อันตระการตาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ที่ The Henderson ในย่านเซ็นทรัล โดยจะรวบรวมนักออกแบบระดับนานาชาติ 4 คนที่มีชื่อเสียง เพื่อแสดงถึงความชำนาญและความเป็นเลิศในการตัดเย็บชุดกูตูร์ในแฟชั่นโชว์ของพวกเขา โดยนิทรรศการ “Couture Reverie” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน 

– 4 ธันวาคม ที่ Shop 6, New Henry House, 10 Ice House Street ย่านเซ็นทรัล เริ่มจากนักออกแบบชาวฝรั่งเศส ชาร์ล เดอ วีลมอริน (Charles de Vilmorin) ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตำรับของกูตูร์ที่ได้รับการยอมรับในผลงานการปักที่กล้าหาญและสีสันสดใส เขาสร้างสรรค์ชุดกูตูร์ที่ทั้งมีศิลปะและเป็นแนวหน้าแห่งการออกแบบ, โมฮาเหม็ด เบนเชลลาล (Mohamed Benchellal) นักออกแบบจากเนเธอร์แลนด์ซึ่งนำเสนอลุคที่มีเสน่ห์ในแบบสถาปัตยกรรมด้วยรูปทรงที่พลิ้วไหวและการจับเดรปที่ซับซ้อน ซึ่งสะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรมของเขาจากโมร็อกโก, เชนีย์ ฉาน (Cheney Chan) นักออกแบบจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ผสมผสานองค์ประกอบทางวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมกับสุนทรียศาสตร์สมัยใหม่แบบปารีส สร้างสรรค์ชุดที่ผสมผสานอิทธิพลทั้งจากตะวันออกและตะวันตกในความกลมกลืนอันเป็นเอกลักษณ์ และ เคย์ ควอก (Kay Kwok) นักออกแบบจากฮ่องกงที่นำเสนอวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ด้วยการใช้วัสดุที่ไม่ธรรมดาและการตัดเย็บที่แม่นยำ สร้างสรรค์ซิลูเอตที่มีพลังและดูเหมือนมาจากอีกโลกหนึ่ง งานนี้สร้างโอกาสอันมีค่าให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับฝีมือชั้นเยี่ยมในการตัดเย็บชุดกูตูร์ และเข้าถึงเรื่องราวทางศิลปะที่แฝงอยู่ในแฟชั่นอย่างลึกซึ้ง

– Fashion Summit (HK) 2024 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม “Power Up Sustainable Fashion Business” ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ณ Hong Kong Palace Museum โดยจะรวบรวมผู้นำและผู้มีวิสัยทัศน์จากวงการแฟชั่นมาอภิปรายเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจแฟชั่นที่ยั่งยืน อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการจัดแฟชั่นโชว์ 3 โชว์  โดยโชว์แรกคือ International Fashion Show ภายใต้ธีม “Time Traveler” ซึ่งจะนำเสนอผลงานจากนักออกแบบจาก 5 ประเทศหรือภูมิภาค ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ส่วนอีกสองโชว์ที่จัดในวันที่ 28 พฤศจิกายน คือโชว์ธีม “Capture the Time” ที่จะนำเสนอผลงานของนักออกแบบแฟชั่นรุ่นใหม่จากฮ่องกง และโชว์ “Local Power” ที่จะเน้นการนำเสนอแบรนด์แฟชั่นฮ่องกง นอกจากนี้ ในครั้งแรกของการจัดงาน “Fashion Summit Lifestyle Pop-up Shop” จะมีขึ้นตลอดเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ Gate 33 Gallery, AIRSIDE ในย่าน  Kai Tak ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้นักออกแบบสามารถดำเนินธุรกิจแฟชั่นที่ยั่งยืนได้

–  A Journey of Rediscovery – 30 years of Shanghai Tang  คือ การเดินทางแห่งการค้นพบใหม่ของ Shanghai Tang เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี โดยร่วมมือกับ PMQ จัดแสดงนิทรรศการ “อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ Shanghai Tang” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2567 นิทรรศการนี้จะนำเสนอการเดินทางของแบรนด์ผ่านการจัดแสดงผลงานจากอดีตและการออกแบบร่วมสมัยที่สะท้อนถึงการพัฒนาและวิวัฒนาการของ Shanghai Tang โดยไฮไลต์ คือ การเสวนาจากผู้นำทางความคิดอย่าง เฉิน มาน (Chen Man) ช่างภาพชื่อดังชาวจีน ที่จะมาพูดคุยเกี่ยวกับผลงานสร้างสรรค์ของเธอกับ Shanghai Tang ตั้งแต่การถ่ายภาพแคมเปญอันโดดเด่นในปี 2012 ไปจนถึงคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2024 ของแบรนด์  การเฉลิมฉลองในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสำรวจมรดกและผลงานทางศิลปะของหนึ่งในแฟชั่นเฮาส์ที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกง

–  Motifx – Revitalizing Historical Chinese Pattern For Modern Design คือการฟื้นฟูลวดลายจีนโบราณเพื่อการออกแบบสมัยใหม่ สำหรับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรม โดยนิทรรศการ “Motifx – Revitalizing Historical Chinese Pattern For Modern Design” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 29 ธันวาคม 2567 ที่ K11 Musea โดยเป็นการฟื้นฟูลวดลายจีนดั้งเดิมผ่านการตีความใหม่ ด้วยการนำเสนอผลงานจากนักออกแบบและศิลปินรุ่นใหม่กว่า 100 ชิ้น ที่ต่อลมหายใจให้กับความงามแบบดั้งเดิม อีกทั้งนิทรรศการนี้ยังมีการเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ศาสตราจารย์อู๋ ไห่หยาน (Wu Haiyan) และบุคคลสำคัญจาก Shanghai Tang พร้อมทั้งการนำเสนอประสบการณ์ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์และนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อถ่ายทอดความงามอันเป็นอมตะของมรดกทางวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง

– VOGUE Loves Hong Kong Celebration ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 งาน VOGUE Loves Hong Kong Celebration จะมาพร้อมกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความหรูหราและเสน่ห์ที่จะนำเสนอสไตล์ในทุกๆ ด้าน โดยมีดาราจากนานาชาติและอินฟลูเอนเซอร์จากวงการแฟชั่นเข้าร่วมงานมากมาย อาทิ Wi Ha-jun นักแสดงดาวรุ่งจากเกาหลี, CL ศิลปิน K-pop และอดีตสมาชิกวง 2NE1, Lucien Laviscount นักแสดงจากซีรีส์ Emily in Paris, Naomi Scott นักแสดงฮอลลีวูด, Koki นางแบบชื่อดังจากญี่ปุ่น, Eileen Gu นักสกีฟรีสไตล์โอลิมปิกและนางแบบ รวมถึงอีกมากมาย โดยงานนี้จะเป็นการฉายแสงให้กับความมีชีวิตชีวาของวงการแฟชั่นฮ่องกง และเฉลิมฉลองสไตล์ที่หลากหลายและไม่เหมือนใครของเมือง 

– Fashion Asia Hong Kong กลับมาอีกครั้งในฐานะงานไฮไลต์สำคัญของปฏิทินแฟชั่นประจำปีของฮ่องกงที่มุ่งเน้นนำเสนอความโดดเด่นของการออกแบบและงานฝีมือแห่งเอเชีย โดยในปีนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง Fashion Challenges Forum ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ที่โรงแรม St. Regis Hong Kong ได้รวบรวมวิทยากรและผู้นำในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก เช่น Nicolas Morineaux ซีอีโอจาก Galeries Lafayette China, Prabal Gurung รองประธานสภาดีไซเนอร์แฟชั่นแห่งอเมริกา, Lv Xiaolei รองประธานสมาคมนักออกแบบแฟชั่นเซี่ยงไฮ้, Laura Weir ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Selfridges และนักออกแบบแฟชั่นชื่อดัง Phillip Lim มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของแฟชั่นในประเด็นสำคัญต่างๆ ตั้งแต่แนวโน้มของตลาด ความสำคัญของงานฝีมือ
ไปจนถึงนวัตกรรมดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการ “10 Asian Designers To Watch” ซึ่งจะจัดขึ้นที่งาน Clockenflap Music & Arts Festival ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 โดยจะนำเสนอผลงานของดีไซเนอร์ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เช่น Grace Ling, Juntae Kim, KWK by Kay Kwok, Markgong, Oude Waag, Raxxy, Ruohan, Setchu, Tanakadaisuke และ Ya Yi ซึ่งล้วนเป็นผู้ชนะในปีนี้ พร้อมทั้งการนำเสนอผลงานของผู้ชนะจากปีก่อนๆ ที่มีชื่อเสียงโดดเด่น เช่น Chenpeng, Christian Stone, Feng Chen Wang, Louis Shengtao Chen, pillings, Ponder.er, Pronounce, Reverie by Caroline Hú, Shuting Qiu และ Windowsen
โดยธีมของนิทรรศการในปีนี้คือ “SOUNDSTITCH” ที่ผสมผสานแฟชั่นเข้ากับเสียงเพลง สร้างประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนใครและน่าประทับใจ

งาน Hong Kong Fashion Fest ยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายที่เปิดโอกาสให้ทั้งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมและกำหนดการล่าสุดได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Hong Kong Fashion Fest ที่ www.hongkongfashionfest.com


วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?

วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?

Alternative Textaccount_circle
วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?
วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?

ปัญหารอยคล้ำ ไม่ว่าจะเป็นซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ มักจะทิ้งร่องรอยไว้ให้กวนใจ สร้างความไม่มั่นใจ ส่วนใหญ่ รอยคล้ำเกิดที่จุดไหนบ้าง และเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมแนะวิธีดูแลเพื่อลดรอยคล้ำ

  • ต้นคอ เกิดจาก คราบขี้ไคล แสงแดด ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถเกิดขึ้นได้ จากความผิดปกติของฮอร์โมน ในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมีรูปร่างอ้วน เพราะระดับอินซูลินสูงไปกระตุ้นเซลล์ผิวหนังที่เรียกว่า Acanthosis Nigricans
  • รักแร้ เกิดจากการกำจัดขนรุนแรงบ่อยๆ เช่น ถอน โกนทำให้ผิวผลิตเม็ดสีมากขึ้น รวมถึงการระคายเคืองเพราะแพ้โรลออน
  • ขาหนีบ การสวมใส่กางเกงที่รัดมากๆ และภาวะน้ำหนักเกินทำให้ขาเบียดกันจากการเสียดสีของเนื้อ
  • เข่า การนั่งคุกเข่านานๆ เช่น การทำงานบ้าน ทำให้เกิดการกดทับและเสียดสี
  • ตาตุ่ม เกิดจากการนั่งขัดสมาธิ หรือ พับเพียบบนพื้นแข็งโดยไม่มีเบาะรองนั่ง และการสวมรองเท้าคับแน่นเมื่อเวลาเดิน-วิ่ง นานๆ ทำให้ผิวเสียดสีกันมากขึ้น

เมื่อเกิดรอยคล้ำเกิดขึ้นแล้ว ควรดูแลตัวเอง ดังนี้

  1. เลี่ยงสัมผัสแสงแดด เพราะแสงแดดกระตุ้นให้เม็ดสีหรือเมลานินใต้ชั้นผิวทำงานผิดปกติ สำหรับผิวนอกร่มผ้าควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 40-50 ขึ้นไป
  2. งดแกะ เกา เมื่อผิวเกิดการระคายเคืองมีตุ่มคันผดขึ้น เพราะจะทำให้ผิวอักเสบ และเกิดเป็นรอยดำตามมาได้
  3. ทาครีมบำรุงผิวที่มีไวท์เทนนิ่ง มีส่วนผสมช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น วิตามิน C วิตามิน B3 ไทอามิดอล (Thaimidol) กรดโคจิก (Kojic acid) กรดทรานซามิก (Tranexamic acid) อัลฟาอาร์บูติน(Alpha-arbutin) บิลทิล-รีซอซินอล (4-butylresorcinol)
  4. ทำทรีทเมนท์เข้มข้นโดยการใช้เครื่องผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อลดการสร้างเม็ดสี เพิ่มความชุ่มชื่น ปรับสมดุล บำรุงผิวให้แข็งแรง
  5. การรักษาด้วยเลเซอร์ จะทำให้เม็ดสีจางลง แต่ควรปรึกษาและทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการปรับค่าเลเซอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

หากไม่อยากมีรอยคล้ำ ลองนำวิธีที่เหมาะกับตนเองไปปรับใช้เพื่อจะได้อวดผิวสวยได้อย่างมั่นใจโดยไร้รอยหมองคล้ำ

ข้อมูล: พญ.คษา ต.วรพานิช จาก Athena Clinic ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)
Photo: Pexels


ปิดท้ายปีแห่งความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของ เตนล์ กับป๊อปอัปสเปซกานูเล่ครั้งแรก

Alternative Textaccount_circle

“TEN’s CANELE ‘THE WONDER WINTER’ POP-UP SPACE by SM True” ป๊อปอัปสเปซอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกของคาแรกเตอร์แมวที่มีเพียงหนึ่งเดียว CANELE (กานูเล่) ผลงานการออกแบบโดย TEN (เตนล์) ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามในฐานะ ‘Artistic Performer’ (หรือ ‘ผู้แสดงที่มีศิลปะ’) ผ่านการนำเสนอเวทีที่ถ่ายทอดเสน่ห์เฉพาะตัวออกมาอย่างสง่างามทุกท่วงท่าจนสร้างความประทับใจให้แฟนคลับทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของความสามารถด้านศิลปะที่โดดเด่น

สำหรับป๊อปอัปสเปซครั้งนี้ นำลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ CANELE (กานูเล่) มาเนรมิตเป็นพื้นที่สุดมหัศจรรย์กว่า 100 ตารางเมตร เพื่อมอบประสบการณ์แบบหาที่ไหนในโลกไม่ได้อีกแล้วนอกจากประเทศไทย ดังนั้น ทุกคนเตรียมพบกับสินค้าคอลเล็กชันพิเศษสุดพรีเมียม (THAILAND PREMIUM LIMITED EDITION MD) ซึ่งจะวางจำหน่ายที่ป๊อปอัปสเปซในประเทศไทยที่แรก รวมถึงเปิด Pre-Order ทางออนไลน์ตั้งแต่วันแรก ผ่านร้านค้า SM True Store @ Shopee โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้ารายการทัมเบลอร์และเสื้อฮู้ด ที่มีลายมือของ TEN (เตนล์) ซึ่งเจ้าตัวออกแบบมาให้เป็นพิเศษ ‘สำหรับคอลเล็กชันนี้’ ไม่เพียงเท่านี้ ยังมาพร้อมบูทถ่ายภาพ บวกเฟรมเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับงานนี้ที่แรกที่เดียว, คาเฟ่ ที่จะเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขให้ถึงระดับสิบล์ ด้วยหลากหลายเมนูสุดสร้างสรรค์ทั้งเครื่องดื่มและขนม ตลอดจนมุมถ่ายภาพ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีการตกแต่งน่ารัก ๆ มากมาย

TEN’s CANELE ‘THE WONDER WINTER’ POP-UP SPACE by SM True

(เตนล์ กานูเล่ ‘เดอะ วอนเดอร์ วินเทอร์’ ป๊อปอัปสเปซ บาย เอสเอ็ม ทรู)

วันและเวลา : 4 ธันวาคม 2567 (พุธ) ~ 15 ธันวาคม 2567 (อาทิตย์)
เวลา 10:20~21:40 น. ของทุกวันทำการ (*เฉพาะวันแรก 4 ธันวาคม 2567 เปิดทำการเวลา 11:00~21:40 น.)
สถานที่ : ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ (Siam Center)
ค่าเข้าชม : ไม่คิดค่าบริการเข้าชมใด ๆ

นอกจากนี้ TEN (เตนล์) ส่งคลิปเซอร์ไพรส์เชิญชวนทุกคนให้มาสร้างความทรงจำดี ๆ กับเขาและ CANELE (กานูเล่) ในงานครั้งนี้

“สวัสดีครับทุกคน ผม TEN เองนะครับ วันนี้ตื่นเต้นมากที่จะได้ชวนทุกคนมาร่วมงาน TEN’s CANELE ‘THE WONDER WINTER’ POP-UP SPACE by SM True ที่ Siam Center ชั้น G นะครับ ทุกคนจะได้เจอกับ Special Version ของ CANELE และสินค้าใหม่ ๆ หลาย ๆ อันเลยครับ พร้อมกับมีทั้ง Photo Booth และ Cafe ครับ อยากให้ทุกคนมาร่วมถ่ายรูปกันเยอะ ๆ และมาสร้างความทรงจำดี ๆ กับ TEN และ CANELE นะครับ วันที่ 4-15 ธันวาคมนี้ เดี๋ยวเราเจอกันครับ บ๊ายบาย”

One Bangkok ชวนฉลองคริสต์มาส ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION AT ONE BANGKOK

Alternative Textaccount_circle

One Bangkok ชวนสัมผัสความมหัศจรรย์ช่วงคริสต์มาสคอนเซ็ปต์มหากาพย์รามายณะหนึ่งเดียวในโลก และร่วม Countdown รับปีใหม่กับ Ling & Orm, Jeff Satur, Ink Waruntorn, Daou & Offroad, และ BUS

One Bangkok

วัน แบงค็อก ชวนคุณร่วมเฉลิมฉลองกับเทศกาล ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION AT ONE BANGKOK เทศกาลคริสต์มาสหนึ่งเดียวในโลก! กับการประดับไฟในรูปแบบศิลปะร่วมสมัย บอกเล่าเรื่องราวเหนือจินตนาการจากมหากาพย์รามายณะ พบกับกิจกรรมและความบันเทิงแบบจัดเต็มได้แล้ว วันนี้ – 5 มกราคม 2568 พบกับ “ต้นคริสต์มาสเจดีย์สน” (Pine Pagoda) นอกจากนี้ยังจัดเต็มกับกิจกรรมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ โชว์จากศิลปินชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมอัดแน่นด้วย โปรโมชันสุดพิเศษจาก วัน แบงค็อก รีเทล และร้านค้าต่างๆ ที่มาร่วมมอบความสุขยาวต่อเนื่องถึง 45 วัน ร่วมเดินทางสู่ดินแดนมหัศจรรย์กับ 7 จุดเช็คอินไฮไลท์

One Bangkok

คริสต์มาสเจดีย์สน (Pine Pagoda) ตื่นตาตื่นใจไปกับต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ความสูงกว่า 28 เมตร ที่ได้แรงบันดาลใจจากความงดงามของพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โดยนำเอกลักษณ์ของลวดลายสถาปัตยกรรมไทย อาทิ ฐานพระอุโบสถ ฐานพระปรางค์ และกระเบื้องเคลือบสีสันสดใส มาประยุกต์ตกแต่งเป็นเครื่องประดับบนต้นคริสต์มาส เป็นการผสานดีไซน์จากโลกตะวันออกและตะวันตกร่วมกันได้อย่างลงตัว

One Bangkok ชวนฉลองคริสต์มาส ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION AT ONE BANGKOK

“Wish Upon a Star” เส้นทางอธิษฐานต่อดวงดาวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านทั้งไทยและตะวันตก ที่มีความเชื่อร่วมกันในเรื่องการอธิษฐานขอพรต่อดวงดาว ผ่านเรื่องราวของ “เทพธิดาแห่งเมฆ” ของไทย และ “คิวปิด” แห่งโลกตะวันตก จะเต็มไปด้วยลูกศรที่โบยบินจากเทพทั้งสองที่กลายเป็นดวงดาวและดาวหาง และในท้ายที่สุดกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งดวงจันทร์และพระอาทิตย์ที่บรรจบกันกลางถนนสายนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุด Check-in ที่ไม่ควรพลาด

One Bangkok

“Through the Looking Glass: One Love, One Bangkok” ตลอดเส้นทาง วัน แบงค็อก บูเลอวาร์ด นอกจากความเพลิดเพลินกับแสงไฟระยิบระยับจากดวงดาวแล้ว ทุกคนจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับ 14 วินโดว์ ดิสเพลย์ บอกเล่าเรื่องราวของแมวสยาม (Siamese Cat) ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม ความรัก ความกล้าหาญ และอิสรภาพ จากมุมมองและการรังสรรค์ของ ยูน – ปัณพัท เตชเมธากุล ศิลปินชื่อดัง ที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วมากมาย

“Onederous Christmas Market” เพลินเพลินไปกับการเลือกซื้อของขวัญเพื่อคนพิเศษจากร้านค้าที่คัดสรรค์มาเป็นอย่างดี พร้อมการตกแต่งด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Christmas Market เริ่มแล้ววันนี้ – 5 มกราคม 2567 ที่ วัน แบงค็อก ปาร์ค, พาเหรด สแควร์, พาเหรด แกเลอรี และ เดอะ สตอรี่ส์ สแควร์

One Bangkok

“Eden of Rama” ที่ พาเหรด ปาร์ค ริมถนนพระรามที่ 4 สวนแห่งจินตนาการที่เนรมิตขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากสวนเอเดนผสานกับตำนานป่าหิมพานต์ พร้อมต้อนรับซานตาคลอสพระจันทร์เสี้ยวบนรถเลื่อนที่ลากด้วย Siamese Cat เข้าสู่ดินแดนแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ต่าง ๆ ตามความเชื่อของไทย

“Ceremony Garden” พบกับสวนสวยที่ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของพื้นที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่จัดพิธีสวนสนามและการเฉลิมฉลอง โดยนำองค์ประกอบต่าง ๆ ของพิธีการมาตกแต่ง เช่น กังหันคริสต์มาสขนาดโอเวอร์ไซซ์ ที่นำมาดีไซน์ใหม่ให้เกิดเป็นรูปทรงดูสวยงามแปลกตา ที่ ไวร์เลส ปาร์ค ริมถนนวิทยุ

One Bangkok

Parade และ The Storeys ต่อเนื่องกับ ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION ที่ร่วมมอบความสุขไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ใน Parade และ The Storeys เพลิดเพลินกับการชอปปิงใน Retail Loop ที่รวบรวมร้านค้าชั้นนำทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศกว่า 750 ร้าน รวมถึงประสบการณ์ไดนิ่งใน Food Loop กับร้านอาหารชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกรวมกว่า 200 ร้าน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากร้านค้าต่าง ๆ เฉพาะช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้

“Onederous Rhythms in the Park” เฉลิมฉลองช่วงเฟสทีฟกับเทศกาลดนตรีกลางสวนตลอดทั้งเดือน คอแจ๊สห้ามพลาด! พบกับศิลปินแจ๊สชื่อดังที่จะร่วมเพิ่มความอัศจรรย์ของเทศกาล อาทิ Coco Lashuan, Zoe & The Fabulous Four Jazz Quartet, Ardawan, Johnnifer, Chatt Harit, Nurse and Her Jazz Cats, Bitter Brothers, Nut Krissada Quartet, Rikolatte ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ วันละ 2 รอบ เวลา 18.00 – 19.00 น. และ 19:30 – 20:30 น. รับชมได้แล้ววันนี้ – 8 ธันวาคม 2567


TATUM’s Gallery

แต่งแต้มโมเม้นต์ดีๆ ในวันสำคัญ by TATUM’s Gallery

account_circle
TATUM’s Gallery
TATUM’s Gallery

สาวสวยสายอาร์ต คุณตาตั้ม– ภัคจิรา ชีวรักษ์สกุล ที่ผู้อ่านแพรวรู้จักเธอเป็นอย่างดีในฐานะ เจ้าของ Tatum’s Gallery แกลเลอรี่สอนวาดภาพชื่อดังในย่านลาซาล 51 ที่ยังคงจัดเวิร์กช็อปและสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เธอมาอัพเดทอีกหนึ่งความสำเร็จในโปรเจ็กต์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในเวลานี้ ภายใต้ชื่อ “Your Studio by TATUM’s Gallery” ด้วยการนำงานศิลปะมาไว้ในงานแต่งงาน โดยเปิดโอกาสให้แขกที่มาร่วมงานได้มีส่วนเฉลิมฉลองและเติมเต็มโมเม้นต์ดีๆ ด้วยการแต่งแต้มสีสันในภาพวาดชิ้นพิเศษ ซึ่งถือเป็นภาพที่มีหนึ่งเดียว และไม่ซ้ำใคร

TATUM’s Gallery

“ไอเดียนี้เกิดขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว พี่ชายของตั้มจะแต่งงาน จึงอยากทำอะไรพิเศษๆ ให้กับเขา ส่วนตัวตั้มชอบสร้างสรรค์งานศิลปะ แล้วได้มีโอกาสเห็นในงานแต่งงานที่ต่างประเทศนิยมทำกัน ที่เรียกว่า Live Art Painting โดยศิลปินจะวาดภาพเหมือนของคู่บ่าวสาวท่ามกลางบรรยากาศภายในงาน ตั้มจึงนำไอเดียมาต่อยอดให้มีความสนุกยิ่งขึ้น ด้วยการให้แขกได้มีส่วนร่วมในการวาดภาพนั้น นอกจากจะสร้างความสนุกให้กับผู้ที่มาร่วมงานแล้ว ยังเป็นภาพที่เก็บความทรงจำดีๆ และมีความหมายต่อบ่าวสาวอีกด้วย

“สำหรับโปรเจ็กต์นี้มีบริการตั้งแต่ Custom Guest Portrait โดย Gallery artist ไปจนถึง ภาพ Abstract ที่แขกทุกคนจะร่วมช่วยกันสร้าง โดยงานของเราส่วนใหญ่จะไม่เป็นงานที่มีรูปแบบตายตัว จะเป็นการครีเอทงานให้ใหม่ในทุกชิ้น โดยเราจะพยายามทำให้มีตัวตนของลูกค้าและแขกที่มาร่วมงานให้มากที่สุด รวมถึง capture moment ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในงาน ซึ่งจะทำให้ผลงานชิ้นนี้ไม่เหมือนใคร และจะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก

และหนึ่งในนั้นคือ Fingerprint Art ได้ผลการตอบรับที่ดีมากๆ เริ่มจากการทำเฟรมเปล่าขึ้นมาแล้วตั้มจะสเก็ตภาพตามที่บ่าวสาวเลือก อย่าง ภาพต้นไม้ ตั้มก็จะร่างภาพต้นไม้และกิ่งก้านไว้ก่อน แล้วให้แขกที่มาร่วมงานช่วยกันเติมใบและดอกไม้ ด้วยการพิมพ์นิ้วมือกับสีอะคริลิกที่เตรียมไว้ แล้วประทับบนภาพ จนต้นไม้นั้นเสร็จสมบูรณ์  ส่วนโทนสีจะขึ้นอยู่กับงานนั้นๆ ว่าเน้นโทนสีไหนเป็นพิเศษ

หรือ Abstract Freestyle โดยตั้มจะให้บ่าวสาวเลือกแบบภาพที่ชื่นชอบ แล้วให้แขกที่มาร่วมงานช่วยกันเติมสีสันให้ภาพนั้น ซึ่งไม่ต้องกังวลว่า ภาพจะออกมาไม่สมบูรณ์แบบดั่งใจหวัง เพราะตั้มมีทีมงานและศิลปินผู้ดูแลจะช่วยเติมเต็มให้ภาพครบองค์ประกอบตามที่ลูกค้าต้องการ โดยยังคงความเป็นตัวตนของภาพนั้นไว้ค่ะ

“สำหรับงานแต่งงานแรกของโปรเจ็กต์นี้คือ งานของเพื่อนสมัยเรียน ซึ่งมีธีมหลักคือ Winter Wonderland เน้นโทนสีฟ้า น้ำเงิน และ โรสโกลด์ ซึ่งบ่าวสาวขอสไตล์ Abstract Freestyle โดยมีองค์ประกอบบางอย่างจาก Winter Wonderland ที่ลอนดอนโดยแขกส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ตั้มจึงให้เขาแต่งเติมสีสันโดยใช้เกรียง แล้วไม่ต้องกลัวเลอะมือ เพราะเราใช้สีอะคริลิก และได้เตรียมทิชชูเปียกสำหรับทำความสะอาดไว้ตลอดงาน ซึ่งแขกทุกคนสนุกกันมาก เป็นสไตล์ที่เหมาะสำหรับแขกที่ชอบอาร์ตจริงๆ

“หลังจากเราได้เป็นส่วนเล็กๆ ในวันสำคัญมาหลายสิบงาน เสียงตอบรับจากแขกคือ ชอบกันมาก เพราะยังไม่เคยมีงานไหนทำอย่างนี้มาก่อน ส่วนบ่าวสาวก็ชื่นชอบเพราะสุดท้ายแล้ว ภาพเหล่านี้ บ่าวสาวก็จะนำไปตกแต่งเรือนหอ เพื่อระลึกถึงวันสำคัญในชีวิตที่แขกของทั้งสองได้ร่วมเฉลิมฉลองด้วยกัน

“นอกจากนี้เรายังรับงาน Watercolor Guest Portrait การวาดภาพสีน้ำให้แขกในงานอีเว้นท์ ซึ่งแต่ละงานที่จัดขึ้นจะมีแขกพิเศษมาร่วมงาน โดยทีมศิลปินของเราจะวาดภาพเหมือนสีน้ำตามแบบฉบับสไตล์แกลเลอรี่ แล้วมอบให้แขกแต่ละคนเป็นที่ระลึก เพื่อสร้างความประทับใจที่พิเศษและไม่เหมือนใคร หนึ่งภาพจะใช้เวลาวาดประมาณ 8 นาที ดังนั้นจะเหมาะกับงานที่แขกไม่เกิน 120 คน

“ตั้มพยายามหาไอเดียใหม่ๆ เพื่อให้ทุกคนได้มีความสุขกับงานศิลปะ โดยเฉพาะงานแต่งงาน ถือเป็นงานที่ทุกคนมีความสุข เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปช่วยในงาน เหมือนเราได้พลังบวกนั้นกลับมาด้วย

“…ตั้มมีความสุขทุกครั้งที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ในวันสำคัญของทุกคนค่ะ”

  • สำหรับคนที่กำลังมองหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มความสุขในวันสำคัญแบบไม่ซ้ำใคร สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองคิวล่วงหน้าได้ที่ โทร. 085-1284111 หรือ FB : Tatum’s Gallery สำหรับโปรเจ็กต์ Your Studio by TATUM’s Gallery ราคาแพ็กเกจ Live Art Printing เริ่มต้นที่ 32,000 บาท ส่วนแพ็กเกจ Watercolor Guest Portrait เริ่มต้นที่ 35,000 บาท

ตระการตาแฟชั่นผ้าไทยสุดสร้างสรรค์จาก 16 แบรนด์ไทยชั้นนำ ในงาน “Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”

account_circle

ร่วมภาคภูมิใจในผืนผ้าไทยที่ผ่านการรังสรรค์เป็นแฟชั่นโชว์ผ้าไทยสุดงดงาม ผลงาน 16 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำ ในงาน “Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”ภายใต้แนวคิด Silk Success Sustainability ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทย เพื่อยกระดับสู่สากล และพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ สมาคมแม่บ้านมหาดไทย โดย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จะเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงานและทอดพระเนตรการแสดงแบบภูมิปัญญาผ้าไทย (Sustainable Fashion) ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 6 – 7 เมืองทองธานี

สำหรับแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไทยจาก 16 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำ ที่นำผืนผ้าไทยมารังสรรค์เป็นเครื่องแต่งกายผ้าไทยร่วมสมัย ได้แก่ SIRIVANNAVARI ผ้าไหมจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ, TIRAPAN ผ้าไหมมัดหมี่จากไหมทองสุรนารี, THEATRE ผ้าไหมบาติกจากซาโลมาปาเต๊ะ, ASAVA ผ้าไหมขิดจากอุดรธานีและผ้าไหมออแกนซ่า, ISSUE ผ้าไหมบาติกจากรายาบาติก, WISHARAWISH ผ้าไหมมัดหมี่จากโครงการนาหว้าโมเดล, JANESUDA ผ้าไหมมัดหมี่ลายสร้างสรรค์, MILIN ผ้าชาวไทยภูเขา จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ, ARCHIVE026 ผ้าไทยทวีตและผ้าทอเส้นใยสร้างสรรค์, IRADA ผ้าไหมแต้มหมี่จากจังหวัดขอนแก่น, LANDMEE’ ผ้าไหมบาติกจากโครงการบาติกโมเดล, TandT ผ้าไหมบาติกจาก KAYA BATIK, VICKTEERUT ผ้าไหมยกดอกลำพูนจากเรวัตรไหมไทย, VATITITTHI ผ้าไหมยกดอกจากกลุ่มทอผ้าลายมงคล มนตราธิกาญจน์, PYVET ผ้าไหมมัดหมี่จาก โครงการนาหว้าโมเดล และดีไซเนอร์รุ่นใหม่ นายทวีศักดิ์ จัตุวัน นักออกแบบรุ่นใหม่ แบรนด์ CHAI GOLD LABEL T.Chattuwan Thaisilk กลุ่มผ้าไหมไทยทอมือที่มีเอกลักษณ์ คือ ลวดลาย ที่สร้างสรรค์ด้วยการต่อยอดเทคนิคมัดหมี่จากภูมิปัญญาดั้งเดิมของท้องถิ่นอีสานสู่รูปแบบสมัยใหม่  

พร้อมกันนี้ภายในงานจะมีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จากทั่วประเทศ จำนวน 200 ราย และอาหารชวนชิม กว่า 50 ร้านค้า เพื่อให้ประชาชนผู้เข้าชมงานได้ชม ช้อปสินค้า และจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 6 – 7 เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี


“ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls

สวยแซ่บสไตล์ริริ! “ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls

Alternative Textaccount_circle
“ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls
“ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls

สวยแซ่บสไตล์ริริ! “ริฮานน่า” ในเมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls สุดเซ็กซี่ ณ ประเทศบาร์เบโดส บ้านเกิดของเธอ เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ของ Fenty Beauty & Fenty Skin ในหมู่เกาะแคริบเบียน

งานนี้เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองให้แบรนด์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และน้ำหอมของริฮานน่าที่กำลังจะเปิดจำหน่ายในหมู่เกาะแคริบเบียน ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ แอนติกา, อารูบา, บาฮามาส, บาร์เบโดส, เบอร์มิวดา, หมู่เกาะเคย์แมน, เกรเนดา เซนต์มาร์เทนและเซนต์มาร์ติน และตรินิแดดและโตเบโก ซึ่งจัดขึ้นที่ QP Bistro (หนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมของริฮานน่าบนเกาะบาร์เบโดส)

โดบลุคสุดปังของ ริฮานน่า ครีเอทโดย PRISCILLA ONO ช่างแต่งหน้าระดับโลกจากแบรนด์ FENTY BEAUTY เริ่มจากการเตรียมผิว Fenty Skin Fat Water Hydrating Milky Toner Essence เติมความชุ่มชื้นและกระชับรูขุมขน ตามด้วย Plush Puddin’ Intensive Recovery Lip Mask เพิ่มความฉ่ำสู่ริมฝีปาก หลังจากลงเมคอัพริมฝีปากจะเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมสำหรับการทาลิปปิดจบเมคอัพลุค

ซึ่งทุกลุคความงามเริ่มจากรองพื้นตัวโปรดที่ริริใช้ประจำอย่าง Fenty Beauty Pro Filt’r Soft Matte Longwear Foundation เฉดสี 310 และปัด Cheeks Out Freestyle Cream Blush เฉดสี Petal Poppin’ สีชมพูอ่อนๆ แต้มลงบนแก้มและไล่ไปจนถึงบริเวณขมับ พร้อมระบายสีสันบนเปลือกตาให้ดูอบอุ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากชายหาดในบาร์เบโดสและ Killawatt Freestyle Highlighter in Trophy Wife ทาที่เปลือกตาเพื่อให้ได้ฟินิชโทนสีทองเมทัลลิค เปล่งประกาย เจิดจรัส

แต่งแต้มริมฝีปากให้ริริด้วย Trace’d Out Pencil Lip Liner in Extra Thigh สีน้ำตาลโทนเย็น เพื่อริมฝีปากดูเนียนนุ่ม พร้อมสำหรับฟินิชด้วยลิปกลอสเงาแวววาว ปิดจบโดยการทำให้เมคอัพลุคอยู่ทนนานด้วยผลิตภัณฑ์สุดฮิตที่ริริต้องมีในทุกงาน! Invisimatte Instant Setting + Blotting Powder สร้างผิวแมตต์ทันที ช่วยเบลอรูขุมขน และทำให้เมคอัพติดทนนานตลอดทั้งคืนจนกระทั่งจบงาน


ร่วมสัมผัสความสนุกสนานไปกับ Friends of Hound 2024 งานเฉลิมฉลองจากความร่วมมือของแบรนด์ในเครือ Greyhound Cafe’

account_circle

“Friends of Hound Celebration 2024” เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างลงตัว ผ่านความร่วมมือระหว่าง Greyhound กับ Hendrick’s Gin, KCG Corporation, San Benedetto และWine Garage ที่จะมาสร้างความทรงจำที่ไม่เหมือนใคร ผ่านเมนูที่คิดค้นมาเพื่อวันพิเศษและโปรโมชั่นเพื่อการเฉลิมฉลองช่วงเวลานี้ร่วมกับเพื่อนและครอบครัว พบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำได้ที่สาขาใกล้บ้านคุณ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ถึง 15 มกราคม 2568

ไฮไลต์ของงาน “Friends of Hound Celebration 2024”

  1. Hendrick’s Gin Event วันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ Underhound by Greyhound ที่ชวนให้ทุกคนดื่มด่ำไปกับ Hendrick’s Gin ท่ามกลางป๊อปอัพที่ต้อนรับบรรยากาศแห่งความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเครื่องดื่มเมนูพิเศษจากจินสุดพรีเมียมที่มอบกลิ่นไอและรสสัมผัสจากแตงกวาและกุหลาบ เสิร์ฟมาใน Hendrick’s tea set ที่เข้ากันอย่างลงตัวกับขนมหวานจาก Underhound by Greyhound เพื่อช่วงเวลาแฮงค์เอาท์ที่แสนพิเศษ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Put a little Hendrick’s in your holidays” การทำงานร่วมกันสุดพิเศษนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการยกระดับงานสังสรรค์หรือช่วงเวลาพิเศษในวันหยุดของคุณให้พิเศษกว่าเดิมด้วยค็อกเทลระดับพรีเมียม
  1. KCG Corporation Festive Event วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ The EmQuartier พร้อมเสิร์ฟพรีเมียมสุดพิเศษ Greyhound Cheese Plate ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ Another Hound Café at Siam Paragon, Greyhound Café at Central Embassy และ The EmQuartier ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดย KCG ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านชีส ให้คุณดื่มด่ำเมนูชีสที่หลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมเพลิดเพลินไปกับรสชาติและได้ความรู้ไปกับการทานชีสแต่ละชนิดที่คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขพร้อมกับอาหารชั้นเลิศในช่วงวันหยุดสุดพิเศษ
  1. San Benedetto Festive Event วันที่ 8 มกราคม ที่ Emporium กิจกรรมต้อนรับปีใหม่ 2568 เข้าร่วมเวิร์กช็อป “Beauty Inside Out” โดยแบรนด์น้ำแร่ San Benedetto พร้อมด้วยเชฟและนักผสมเครื่องดื่มรับเชิญพิเศษ ค้นพบการจับคู่อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ไม่เหมือนใครซึ่งมีเฉพาะในงานเทศกาลนี้เท่านั้น
  1. Wine Garage – ไวน์ลิสต์ใหม่พัฒนาขึ้นร่วมกับ Wine Garage โดยมีซอมเมอลิเยร์ผู้เชี่ยวชาญช่วยคัดสรรและจับคู่ไวน์อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เข้ากับเมนูอาหารสุดพรีเมียมของเราในช่วงเทศกาลนี้อย่างลงตัว มาร่วมสร้างช่วงเวลาแห่งความประทับใจไปกับรสชาติที่สมบูรณ์แบบในทุกคำ พร้อมให้บริการแล้วใน 10 สาขาที่ร่วมรายการ

เตรียมตัวพบกับโปรโมชั่นพิเศษจาก KTC และกิจกรรมเซอร์ไพรส์อีกมากมาย ที่ Greyhound Café, Another Hound Café และ Underhound by Greyhound ที่จะทำให้การเฉลิมฉลองของคุณในปีนี้สนุกสนานไม่รู้ลืม!


เตรียมฟิน “2024-2025 JAY B CONCERT [TAPE: RE LOAD] IN BANGKOK” 2 รอบการแสดง 11-12 ม.ค. 68 นี้

account_circle

“JAY B” (เจบี) ศิลปินมากความสามารถ ภายใต้สังกัด “MAUVE Company” ประกาศข่าวดีการกลับมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้ง แบบไม่ทำให้แฟนคลับชาวไทยต้องรอนาน! ชวนอากาเซ่ (ชื่อกลุ่มแฟนคลับ) กลับมาเล่นเทปแห่งความทรงจำด้วยกันอีกครั้ง ในงาน “2024-2025 JAY B CONCERT [TAPE: RE LOAD] IN BANGKOK” โดยทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้ รอบแรกจะถูกจัดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ช่วงปลายปี 2567 นี้ และเพื่อนรักก็จะบินลัดฟ้ามาที่ประเทศไทยต่อในทันที ถือเป็นของขวัญและเซอร์ไพรส์ใหญ่ต้อนรับปีใหม่ 2568 ให้กับอากาเซ่ชาวไทยทุกคน! งานนี้ถือเป็นการการันตีได้เป็นอย่างดีว่า เจบีมีความผูกพันและมีความทรงจำที่ดีกับแฟน ๆ ชาวไทยอยู่เสมอ และประเทศไทยจะเต็มไปด้วย “ความพิเศษ” ในทุกครั้งที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้

เจบีได้ออกอัลบั้มแรกหลังจากห่างหายไปนาน เนื่องจากต้องเข้ารับราชการทหารในประเทศเกาหลีใต้ โดยอัลบั้ม Archive 1: [Road Runner] มีสไตล์และอารมณ์ที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่เจบีอยากจะบอกกับแฟนคลับ ตั้งแต่ความรักที่สดใหม่ พลังงานและความตื่นเต้นที่รู้สึกได้เมื่ออยู่บนเวที รวมไปถึงความอบอุ่นและการแสดงออกทางอารมณ์ในด้านต่าง ๆ แต่ละเพลงให้เสน่ห์ที่แตกต่างกัน ถ่ายทอดจากความทรงจำและประสบการณ์ทั้งหมดบนเส้นทางของเจบีที่ผ่านมา เทปที่เคยกดหยุดไปจะกลับมารันและมีชีวิตอีกครั้งผ่านอัลบั้มนี้

ซึ่งนอกจากเพลงใหม่ของเจบีที่แฟนชาวไทยจะได้ฟังกันสด ๆ แล้ว งานนี้ยังสามารถการันตีความพิเศษแบบคอมโบเซ็ทได้เลย เพราะได้ BEX” บริษัทอีเว้นท์ออกาไนเซอร์ในเครือเวิร์คพอยท์กรุ๊ป ผู้จัดคู่บุญเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่แฟน ๆ รู้จักกันเป็นอย่างดี ร่วมกับ YJ PARTNERS และ PROUD2 พาร์ทเนอร์ทีมคุณภาพมาร่วมกันสร้างสรรค์ โดยเจบีและทีมผู้จัดก็ได้จัดเตรียมเซอร์ไพรส์ใหญ่ไว้ให้แฟน ๆ ชาวไทยเพียบ! ทั้งคุณภาพงานโชว์ แสง สี เสียง Production สุดปังที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวัง SETLIST โชว์จากอัลบั้มใหม่และสเตจเพลงที่ทุกคนคิดถึง รวมถึงเวทีคอนเสิร์ตสุดใกล้ชิดที่เตรียมไว้ให้แฟนไทยโดยเฉพาะอีกด้วย!

โดยงาน “2024-2025 JAY B CONCERT [TAPE: RE LOAD] IN BANGKOK” จะถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 และ วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 18:00 น. ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี บัตรราคา 6,500 / 6,300 (บัตรยืน) / 5,900 / 5,500 / 3,900 / 3,500 และ 2,900 บาท โดยแต่ละราคาจะได้รับสิทธิพิเศษ ดังนี้

บัตรราคา 6,500 และ 6,300 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ SOUND CHECK และ GOODBYE SESSION ทุกที่นั่ง / ร่วมลุ้น
เป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 25 คน  / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED
POLAROID จำนวน 25 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 50 คน

บัตรราคา 5,900 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ SOUND CHECK ทุกที่นั่ง / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน
PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 80 คน  / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 20 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้
โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 25 คน

บัตรราคา 5,500 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ SOUND CHECK ทุกที่นั่ง / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน
PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 80 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 15 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้
โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 25 คน

บัตรราคา 3,900 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน PHOTO GROUP (1:10)
จำนวน 20 คน  / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 10 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED
POSTER จำนวน 20 คน

บัตรราคา 3,500 บาท ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 20 คน  / ร่วมลุ้น
เป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 5 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 20 คน

บัตรราคา 2,900 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 10 คน

และบัตรทุกที่นั่งจะได้รับบัตรแข็งที่ระลึก / EXCLUSIVE PHOTOCARD (1EA) และ OFFICIAL POSTER อีกด้วย

โดยเปิดจำหน่ายบัตรในวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 เวลา 10:00 . ทางออนไลน์ที่ www.thaiticketmajor.com และวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 10:00 . เป็นต้นไป บัตรจะเปิดจำหน่ายทุกช่องทาง แฟน ๆ ที่คิดถึงเพื่อนรักคนนี้ ก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาร่วมสร้างเทปความทรงจำม้วนใหม่ไปด้วยกันน้าโดยสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมและข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ X: @BEX_Concert


Sabai arom ตอกย้ำความเป็น Sleep Expert ชวนคุณค้นพบการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ในงาน “ Live Well, Sleep Well”

account_circle

Sabai arom (สบายอารมณ์) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ Thai Home Spa และ Aromatherapy จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Live Well, Sleep Well เพื่อช่วยตอบโจทย์คนที่มีปัญหาการนอนหลับ หลับไม่สนิท ตื่นมาไม่สดชื่น ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเชิญชวนทุกคนมาสำรวจเส้นทางสู่การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษใน Sleep Journey ทั้ง 4 โซน กับผู้บริหาร คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้ช่วยประธานบริหารด้านการตลาด บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ “Sabai arom (สบายอารมณ์)  ที่ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ร่วมกับ TikTok Creator สายสุขภาพชื่อดัง “คุณดิวดุจ” ที่มาแบ่งปันเคล็ดลับสุดพิเศษ! งานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ที่ลาน Eden ชั้น 3 เซ็นทรัลเวิลด์

จุดเริ่มต้นจากการนอนหลับที่ดีสู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ กล่าวว่า “การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสุขภาพดี งานนี้จึงเป็นโอกาสที่เราจะได้มอบประสบการณ์พิเศษให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เคล็ดลับการพักผ่อน และค้นหาวิธีการนอนที่เหมาะกับตัวเอง โดยแบ่งโซนการเรียนรู้ออกเป็น Sleep Journey ทั้ง 4 โซน ที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงปัญหาและรูปแบบการนอนพร้อมเคล็ดลับการนอนหลับที่มีคุณภาพมากขึ้น”

4 โซนแห่งการเรียนรู้เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ

  1. About Last Night
    สำรวจผลกระทบของการนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตประจำวัน
  2. Find Your Sleep Type
    เป็นการค้นหารูปแบบชั่วโมงการนอน และการตื่นที่แตกต่างกัน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ หมี หมาป่า สิงโต และโลมา ซึ่งเมื่อเราเข้าใจนาฬิกาชีวิตของตัวเอง จะช่วยให้สามารถวางแผนเวลาการทำงาน การนอนพักผ่อนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. Have a Good Night
    สัมผัสบรรยากาศแห่งการพักผ่อน พร้อมตัวช่วยจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Sleep Well Collection เช่น Sleep Well Pillow Mist ตัวช่วยคนนอนไม่หลับ แก้ปัญหาคนนอนหลับยาก หลับไม่สนิท จากน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ100%
  4. Sleep Well Workshop
    เรียนรู้การผสมผสานน้ำมันหอมระเหยในแบบฉบับของคุณเอง พร้อมรับชุดของขวัญพิเศษ “Have a Good Night Gift Set” กลับบ้าน

Sleep Well Collection เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาเรื่องการนอนได้จริง โดยจากผลการสำรวจประสิทธิภาพการนอนหลับของผู้ที่ได้ใช้ Sabai arom Sleep Well Pillow Mist ที่มีช่วงอายุ 25-40 ปี จำนวน 100 คน พบว่ากว่า 80% ของผู้ใช้จริง หลับยาวนานขึ้น หลับลึก ตื่นมาสดชื่น สะท้อนถึงความเป็น Sleep Expert และยังการันตีคุณภาพสินค้าของแบรนด์ด้วยรางวัล ชีวจิต อวอร์ด 2024 ในผลิตภัณฑ์ประเภท Aroma Mist และ Hand Cream หมวด Natural

นอกเหนือจากกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ Sabai arom ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจากวัตถุดิบธรรมชาติ คัดสรรอย่างพิถีพิถัน ปราศจากส่วนผสมที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อมอบสุขภาพที่ดีและช่วยให้ทุกคนมีอารมณ์ดีในทุกวัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Pamper Your Mood, Soothe Your Day”


โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ชวนคู่รักร่วมสร้างวันสำคัญในงาน Wedding Showcase 2024  

account_circle

ขอเชิญคู่รักและผู้ที่กำลังวางแผนจัดงานแต่งงานร่วมสัมผัสประสบการณ์ในงาน “Wedding Showcase 2024” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ พร้อมพบกับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย ที่จะช่วยทำให้วันสำคัญของคุณกลายเป็นความทรงจำสุดพิเศษ

ไฮไลท์พิเศษภายในงาน:

  • แพคเกจงานหมั้นพิธีไทย, ตะวันตก, ยกน้ำชาแบบจีนประเพณี ราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 75,000 – 100,000 บาท
  • แพคเกจงานแต่งงาน ราคาเริ่มต้น 350,000-750,000 บาท จองภายในงานรับสิทธิพิเศษต่างๆที่มีให้เลือกในแต่ละแพคเกจ อาทิ ห้องพัก Deluxe สำหรับครอบครัวบ่าวสาว 1 คืน, ซุ้มอาหาร  ฟรีจำนวน 1 ซุ้มสําหรับ 100 ท่าน, ฟรี ค่าเช่าสถานที่สำหรับอาฟเตอร์ ปาร์ตี้ 2 ชม. (มูลค่า 25,000 บาทต่อชั่วโมง), บัตรรับประทานบุฟเฟต์ Sunday Brunch สำหรับ 4 ท่าน พร้อมเครื่องดื่มซอฟต์ดริ้งค์ (มูลค่า 13,000 บาทสุทธิ) รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด)
  • พบกับการออกบูธของบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์มืออาชีพ และกูรูด้านการจัดงานแต่งงานกว่า 15 ราย พร้อมให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนในการวางแผนจัดงาน

นอกจากนี้ ยังเนรมิตบรรยากาศงานแต่งงานในฝัน ให้คุณได้สัมผัสความสวยงามแบบเสมือนจริงภายในห้องบอลรูม หรือในโซนสวนแบบเอ้าท์ดอร์ พร้อมทีมงานมืออาชีพคอยให้คำแนะนำรายละเอียดและดีไซน์การตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ที่ชอบโดยเฉพาะอีกด้วย  

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ “Wedding Showcase 2024” โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ พร้อมสร้างงานแต่งงานในฝันของคุณให้เป็นจริง ด้วยการดูแลจากทีมงานมืออาชีพ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อโทร. 02-126-8866


โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ได้ฤกษ์เปิด SIN Rooftop Bar เดสทิเนชั่นบาร์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ

account_circle

SIN Rooftop Bar (ซิน รูฟท็อปบาร์) ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 27 ของโรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ จุดเชคอินสุดเอ็กซ์คลูซีฟแห่งใหม่ล่าสุดบนเนื้อที่กว่า 500 ตรม. พร้อมมอบประสบการณ์การชมวิวและสีสันของกรุงเทพมหานครในระดับเวิล์ดคลาส ที่คุณสามารถดื่มด่ำได้ทั้งวิวเมือง (City view) และวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา (River View) ในแบบ 180 องศา ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน

SIN Rooftop Bar โดดเด่นด้วยการตกแต่งบรรยากาศในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก เรียบหรู โดยเน้นโทน สีดำ ทอง แดงเลือดหมูเป็นหลัก มีที่นั่งแบบโซฟาติดกับระเบียงใสโดยรอบ เพื่อให้คุณได้รื่นรมย์กับวิวแบบเอ็กซ์คลูซีฟมากยิ่งขึ้น รวมถึงเคาน์เตอร์บาร์ที่ดีไซน์ให้มีขนาดกว้างถึง 8 เมตร ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลิน และตื่นตาตื่นใจไปกับการรังสรรค์เครื่องดื่มซิกเนเจอร์โดย SIN Mixologist ได้อย่างใกล้ชิด

SIN Mixologist นำทีมโดย Brian Gonzalez Fernandez (ไบรอัน กอนซาเลซ เฟอร์นันเดซ) หัวหน้ามิกซ์โซโลจิสต์ประจำของ SIN ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การเป็นมิกซ์โซโลจิสที่ The Ned ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ Grupo Dani Garcia กลุ่มธุรกิจร้านอาหารและบาร์ที่มีสาขามากมายในประเทศสเปน รวมถึงยังเคยคว้าชัยชนะจากการแข่งขันรายการเครื่องดื่มระดับนานาชาติมาแล้วหลายรางวัลตั้งแต่ปี 2014-2022 อีกด้วย โดยไบรอันได้ครีเอทซิกเนเจอร์ค็อกเทลพรีเมียม 10 เมนู ภายใต้คอนเซ็ปต์ “SIN & Desire” ที่ผสมผสานระหว่างความเย้ายวน เร้าใจ และความดิบเถื่อนเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อนำเสนอรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่นักดื่มจะสัมผัสได้เฉพาะที่ SIN Rooftop Bar เท่านั้น อาทิ Forbidden Nectar มีส่วนผสมของ Michter’s US1 Kentucky Straight Bourbon วิสกี้ที่ผ่านการบ่ม 10 ปีในถังโอ๊ค กับโยเกิร์ตคาราเมล, แครอท ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานและครีมมี่,  Kiss of Euphoria มีส่วนผสมของเตอกิล่า กีวี Cointreau เหล้าส้ม เพิ่มความร้อนแรงในทุกโมเม้นท์ของการจิบเครื่องดื่ม, Midnight SIN มีส่วนผสมของ Remy Martin 1738, วิสกี้ Jameson Black Barrel, coconut cold brew, โกโก้ ให้รสสัมผัสที่ลึกลับและน่าค้นหา ฯลฯ

เพิ่มอรรถรสแห่งการกิน-ดื่ม ด้วยเมนูอาหารที่เชฟคัดสรร และออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อจับคู่กับเครื่องดื่มอย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับเมนูไฮไลท์ได้แก่ Gillardeau Oysters หอยนางรมระดับโลกนำเข้าจากฝรั่งเศส เสิร์ฟพร้อมกับฮอกไกโด อูนิ และซอส mignonette และวาซาบิมายองเนส, ทาร์ทาร์เนื้อวากิว, SIN Sashimi Platter เซ็ทซาซิมิเกรดพรีเมียม สด ใหม่ นำเข้าจากญี่ปุ่น หรือเมนูยอดนิยม Katsu Sando แซนวิชทงคัตสึเนื้อวากิว Miyazaki เกรด A5 เป็นต้น

เพิ่มดีกรีความสนุกและความมันส์ กับเอ็นเตอร์เทนไลน์อัพดีเจชั้นนำทุกค่ำคืน ได้แก่ Tek Harrington ดีเจชาวอังกฤษเชื้อสายไทย ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “King of Disco”, ดีเจ Ashima และดีเจ Sunday Sundae กับแนวเพลงเทคโนแดนซ์ ฯลฯ

SIN Rooftop Bar เดสติเนชั่นแฮงค์เอ้าท์ใหม่ล่าสุด ที่พร้อมให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์พิเศษยามค่ำคืน
ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับการจัดอีเว้นท์ หรือ
ปาร์ตี้ส่วนตัวได้อีกด้วย เปิดให้บริการทุกวันพุธ ถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17:00-01.00 น. ณ ชั้น 27 โรงแรมอวานี
พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ พิเศษ! ชวนคุณและเพื่อมาปาร์ตี้ฉลองคริสต์มาสอีฟ ในวันที่ 24 ธค.นี้ กับแพคเก
จอาหารและเครื่องดื่มเริ่มต้น 7,000++บาท (สำหรับ 4 ท่าน) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง
ล่วงหน้าได้ที่โทร.0-2431-9492


ออกแบบ-ชุติมณฑน์

ออกแบบ-ชุติมณฑน์ คนไทยคนแรก คว้า International Emmy Awards

Alternative Textaccount_circle
ออกแบบ-ชุติมณฑน์
ออกแบบ-ชุติมณฑน์

ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง กลายเป็นคนไทยคนแรก คว้ารางวัล “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” (Best Performance by an Actress) จากเวที International Emmy Awards ครั้งที่ 52 ในผลงานเรื่อง Hunger คนหิว เกมกระหาย

ยังคงสร้างหมุดหมายใหม่ให้กับประเทศไทย สำหรับภาพยนตร์ที่พาผู้ชมทั่วโลกเข้าสู่สงครามของเหล่าผู้สร้างความหิวโหยใน HUNGER คนหิว เกมกระหาย หนังไทยในโปรเจกต์ Netflix ทีไทย ทีมันส์ ที่ฮอตฮิตจนพุ่งสู่อันดับ 1 ของโลกบนชาร์ต Netflix Global Top 10 Non-English Film และอันดับ 1 ในอีก 51 ประเทศ รวมถึงสามารถเข้าไปอยู่บนชาร์ต Netflix Top 10 ในอีก 91 ประเทศทั่วโลก สร้างปรากฏการณ์ผัดงอแงและพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับคอนเทนต์ไทยในปีที่แล้ว

ออกแบบ-ชุติมณฑน์

ความร้อนแรงของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสานต่อข้ามปี โดยล่าสุดส่งให้ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง เจ้าของบทบาท “ออย” เชฟสาวที่ก้าวเข้าสู่ครัวไฮเอนด์ ได้ด้วยประสบการณ์จากร้านราดหน้า-ผัดซีอิ๊วข้างถนน ได้รับชัยชนะมาการันตีความสามารถทางการแสดงในระดับโลก ด้วยรางวัล Best Performance by an Actress จากเวทีทรงเกียรติอย่าง International Emmy Awards ครั้งที่ 52 ที่มีผลงานชั้นนำจากนานาประเทศเข้าร่วมชิงชัยมากมาย โดยนอกจากจะเป็นผู้ชนะแล้ว ออกแบบ ยังพ่วงตำแหน่ง “นักแสดงหญิงชาวไทยคนแรก” ที่ได้เข้าชิงในรางวัลสาขานี้อีกด้วย

ออกแบบ ได้พูดถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “ขอบคุณมากๆค่ะ ออกแบบรู้สึกเป็นเกียรติมาก รางวัลนี้มีความหมายกับออกแบบมากจริงๆ ขอขอบคุณทีม HUNGER ทั้งโปรดิวเซอร์ พี่คงเดช (คงเดช จาตุรันต์รัศมี) และ พี่ทองดี (โสฬส สุขุม) ผู้กำกับ พี่โดม (สิทธิศิริ มงคลศิริ) ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวออกแบบ ขอบคุณพี่ๆ ทีมงานทุกฝ่าย พี่ๆ นักแสดง พี่ๆ เชฟ ถ้าทุกคนกำลังดูอยู่ ขอบคุณที่พี่ๆ ช่วยทำให้คาแรกเตอร์ ออย มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ และสุดท้ายขอขอบคุณ Netflix ประเทศไทยมากๆ ที่เชื่อในตัวออกแบบ และให้โอกาสออกแบบได้ร่วมงานในภาพยนตร์ HUNGER ค่ะ”

ออกแบบ-ชุติมณฑน์

โดยก่อนหน้านี้ภาพยนตร์ HUNGER คนหิว เกมกระหาย ผลงานปลายจวักของผู้กำกับ สิทธิศิริ มงคลศิริ และนักเขียนบทชั้นยอด คงเดช จาตุรันต์รัศมี เคยได้รับรางวัล Best Feature Film จากงาน Asian Academy Creative Awards (AACA) ประจำปี 2023 ที่ประเทศสิงคโปร์ และกวาดรางวัล National Winner จากเวทีนี้มาแล้ว ทั้งในสาขา Best Feature Film สาขา Best Original Screenplay โดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี และสาขา Best Actor in a Leading Role โดย ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม ในบท ‘เชฟพอล’ ท่ามกลางภาพยนตร์หลายเรื่องจากหลากประเทศในภูมิภาคอาเซียน

ถือเป็นอีกหนึ่งชัยชนะในเวทีระดับโลก ที่ภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้ได้พิชิตจนต้องยอมรับว่าเรื่องราวของเหล่าคนครัวผู้หิวกระหายคงไม่มีทีท่าจะหยุดประกาศศักดาหนังไทย และสร้างความปลื้มปริ่มให้กับแฟนหนังไทยต่อไป

#HungerNetflix #คนหิวเกมกระหาย #NetflixTH

Tradition Chronographe Indépendant 7077 ดีไซน์สุดสมมาตร และหัวใจหลักสุดเอ็กซ์คลูซีฟโดดเด่นด้วยสี “Breguet Blue”

account_circle

Tradition Chronographe Indépendant 7077 ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของ Abraham-Louis Breguet (อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์) ที่ต้องการจะการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ผู้คนเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นปรัชญาที่ขับเคลื่อนแบรนด์มาอย่างยาวนานกว่าสองศตวรรษ โดยเน้นการจับเวลาระยะสั้นที่กระชับแม่นยำ พร้อมเสริมความโดดเด่นด้วยเฉดสีน้ำเงินเข้ม “Breguet Blue”

นาฬิการุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชัน Tradition ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกา suscription และนาฬิกา tact อันโด่งดังที่อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์เป็นผู้พัฒนาขึ้น เฉดสี “Breguet Blue” สีน้ำเงินในแบบฉบับของเบรเกต์ ส่งให้ Tradition Chronographe Indépendant 7077 ยิ่งดูงดงามล้ำสมัย โทนสีที่ตัดกับกลไกนี้ช่วยให้อ่านค่าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และขับให้โครงสร้างกลไกยิ่งดูสวยงาม เผยให้ได้ยลโฉมการทำงานของบาลานซ์วีลคู่ได้อย่างชัดเจน

อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์  ผู้บุกเบิกระบบการบอกเวลาแบบสากล

ตั้งแต่เขาได้เริ่มสร้างสรรค์ผลงานชิ้นแรกๆในเวิร์กช็อป ณ Île de la Cité  (ลิล  เดอ ลา ซิเต) ในปี ค.ศ. 1775 และประสบความสำเร็จในหมู่ลูกค้าชนชั้นสูง ปรมาจารย์แห่งเรือนเวลาผู้มากความสามารถก็ตั้งเป้าที่จะทำให้เวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ เขาคิดที่จะผลิตอุปกรณ์อันเรียบง่ายในจำนวนไม่มากนักในราคาที่เอื้อมถึงได้ แตกต่างจากช่างนาฬิกาในยุคนั้นที่มักสร้างชิ้นงานเฉพาะสำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น

วิสัยทัศน์นี้ อันเป็นที่มาของการผลิตเชิงพาณิชย์ปริมาณมากในเวลาต่อมา รวมถึงการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ และการผลิตเชิงอุตสาหกรรม นำไปสู่การออกแบบนาฬิกา subscription ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ชิ้นงานคุณภาพนี้ ซึ่งมักจะประกอบด้วยเข็มนาฬิกาเข็มเดียวและหน้าปัดขนาดใหญ่ พร้อมกลไกที่น่าเชื่อถือและแม่นยำ ดูแลรักษาง่าย ซึ่งสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยการชำระเงินมัดจำประมาณหนึ่งในสี่ของราคาขาย ณ ขณะสั่งซื้อ

ความตั้งใจที่จะทำให้เวลาแพร่หลายผ่านรูปแบบที่เรียบง่ายนี้ยังคงสืบทอดมายาวนานกว่าสองทศวรรษกับการเปิดตัวคอลเล็กชัน Tradition ในปี 2005 นาฬิการุ่นนี้เผยให้เห็นถึงโครงสร้างโลหะของบริดจ์และเฟืองต่าง ๆ บนหน้าปัดอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนผลงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้

Tradition Chronographe Indépendant 7077 ความสมดุลอันเป็นเอกเทศ

ด้วยรูปลักษณ์ทรงเรขาคณิตอันน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบการแสดงค่าบนหน้าปัดให้มีความสมมาตรและการใช้บาลานซ์วีลคู่ เรือนเวลารุ่นนี้ยังโดดเด่นด้วยกลไกนวัตกรรมที่คิดค้นและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Breguet ขับเคลื่อนด้วยกลไกขึ้นลานด้วยมือรุ่น 580DR

ความสมมาตรที่โดดเด่นด้วยสีBreguet Blue

แม้จะมีรูปลักษณ์ที่ดูซับซ้อน นาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหน้าปัด 44 มม. และหนา 14.1 มม. นี้ ออกแบบมาอย่างสมมาตร ช่วยให้การอ่านค่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วยองค์ประกอบที่จัดเรียงอย่างลงตัว

ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา มีเข็มแสดงชั่วโมงและนาทีที่ทำจากโรเดียมในรูปแบบปลายโปร่ง “Breguet open-tipped” บนหน้าปัดทองคำเคลือบสีน้ำเงิน “Breguet Blue” แกะสลักลวดลาย Clous de Paris (ลายพีระมิด) ด้วยมือและล้อมรอบด้วยตัวเลขโรมันสีขาว

มีส่วนโค้งสองส่วนที่ซ้อนทับอยู่บนหน้าปัด ด้านซ้ายเป็นโครโนกราฟจับเวลา 20 นาทีที่ขับเคลื่อนด้วยเข็มโครโนกราฟหลักที่อยู่ ณ ศูนย์กลาง ส่วนด้านขวาแสดงมาตรพลังงานสำรอง

ที่ด้านล่างของกลไก บริเวณขอบหน้าปัดด้านในสีน้ำเงิน “Breguet Blue” ล้อมรอบด้วยบาลานซ์วีลสองชุดที่ตำแหน่ง 8 และ 4 นาฬิกา มีลูกศรโรเดียมเล็กๆ ระบุว่าฟังก์ชันโครโนกราฟอยู่ในสถานะ “ON” หรือ “OFF”

ระบบเกียร์อิสระสองชุด

สำหรับโครโนกราฟโดยทั่วไป การจับเวลาจะมองเห็นฟังก์ชันที่ต้องการได้ทันที แต่ในแง่การใช้งานอาจสร้างความท้าทายเชิงกลไก เพราะการเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้อาจไปกระทบการทำงาของระบบเฟืองหลัก แต่สำหรับ Breguet Tradition Chronographe Indépendant 7077 จะไม่เกิดปัญหาดังกล่าว เนื่องจากใช้ระบบเฟืองสองชุดที่ทำงานเป็นอิสระแยกจากกันโดยสมบูรณ์ ภายในกลไกขึ้นลานด้วยมือรุ่น 580DR

ระบบเกียร์ชุดแรกทำหน้าที่บอกเวลาชั่วโมงและนาที ควบคุมโดยบาลานซ์วีลที่ทำงานด้วยความถี่ต่ำที่ 3Hz ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากทางด้านขวาของหน้าปัดใต้มาตรพลังงานสำรอง ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 55 ชั่วโมง ส่วนระบบเกียร์ชุดที่สองทำงานด้วยความถี่สูง 5Hz เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความแม่นยำในการจับเวลาด้วยโครโนกราฟและการอ่านค่า ซึ่งสามารถวัดเวลาได้ละเอียดถึงระดับหนึ่งส่วนสิบวินาที สำหรับการจับเวลาระยะสั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของความแม่นยำในการจับเวลาเชิงกล

พลังงานจากสองแหล่ง

โดยทั่วไป ระบบเกียร์ชุดที่สองจำเป็นจะต้องมีกระปุกลานเพิ่ม ซึ่งทำให้กินพื้นที่มากขึ้นและต้องไขลานทั้งสองส่วนคือทั้งโครโนกราฟและกระปุกลานแสดงเวลา แต่สำหรับ Tradition Chronographe Indépendant 7077 Breguet ใช้ลานเพียงชุดเดียวเท่านั้นพร้อมด้วยสปริงที่เหมาะกับฟังก์ชันโครโนกราฟ

พลังงานที่ใช้สำหรับโครโนกราฟจะเริ่มส่งเมื่อมีการรีเซ็ตฟังก์ชันและสำรองไว้ในสปริงแบบใบมีดที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 20 นาที เหมาะสำหรับการจับระยะเวลาสั้นๆ และยังสามารถเริ่มต้นจับเวลาใหม่ได้ในทันที เพราะพลังงานที่สำรองไว้พร้อมใช้งานจะอยู่ในระดับสูงสุดเสมอ เฟืองที่ไม่ใช่เฟืองศูนย์กลางจะทำงานควบคู่กับสปริงใบมีดเพื่อให้เกลียวสปริงหมุนได้อย่างลื่นไหล ให้ความถี่ที่นิ่งและให้โครโนกราฟทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ ระบบสปริงใบมีดและเฟืองนี้เป็นระบบสิทธิบัตรเฉพาะของ Breguet

การควบคุมที่เต็มไปด้วยรายละเอียด

ฟังก์ชันโครโนกราฟของรุ่น Tradition ตัวเรือนไวท์โกลด์นี้ มีปุ่มพุชเชอร์เป็นแบบหมุนเกลียวสองปุ่มเพื่อป้องกันการเผลอกดโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะแตกต่างจากโครโนกราฟอื่นๆ ตรงที่ปุ่ม ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกาที่ขอบข้างตัวเรือนสลักเซาะร่องจะใช้เพื่อเริ่มจับเวลา ในขณะที่อีกปุ่มใช้เพื่อหยุดและรีเซ็ต

การรีเซ็ตฟังก์ชันจะหมุนและจัดเตรียมสปริงใบมีดสำหรับการจับเวลารอบใหม่ บาลานซ์วีลที่ทำจากไทเทเนียมติดตั้งระบบหยุดเวลาสองระบบ ระบบแรกซึ่งขับเคลื่อนด้วย cam จะปล่อยบาลานซ์วีลเมื่อเริ่มโครโนกราฟ และหยุดเมื่อหยุดฟังก์ชัน ระบบที่สองจะหยุดบาลานซ์วีลเมื่อมีพลังงานสำรองไม่เพียงพอสำหรับการทำงานเต็มรูปแบบ ดังนั้น บาลานซ์วีลจะอยู่ในตำแหน่งที่ทำงานได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพที่สุดเสมอ และสามารถไปที่ระยะพร้อมจับเวลาได้ในทันที ซึ่งนวัตกรรมนี้เป็นกลไกสิทธิบัตรเฉพาะของ Breguet

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ต่างๆที่สะท้อนถึงรากฐานประวัติศาสตร์ของคอลเล็กชัน Tradition เช่น ระบบกันสะเทือนแบบ pare-chute เอกสิทธิ์เฉพาะของ Breguet และระบบควบคุม “chronometer with double seconds, known as observation” รุ่น 4009 ที่ Breguet เปิดจำหน่ายเมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1825


keyboard_arrow_up