Vita S by Dr.Awie (ไวต้า เอส บาย ดอกเตอร์เอวี่) วิตามินกันแดดที่พร้อมช่วยเสริมสร้างให้คุณมีผิวที่ดีที่สุด ในเวอร์ชั่นของตัวเอง ได้จัดกิจกรรมท้าแดด โดยมีสาวสวยอย่าง นัตตี้ – นันทนัท ฐกัดกุล เข้าร่วมทำกิจกรรมสุด Exclusive พร้อมเล่นเกมริมสระน้ำ เผยผิวสวย ไม่กลัวแดด อย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง ณ JOSH Hotel

นัตตี้ แจกความสดใส พร้อมเผยเคล็ดลับผิวสวย ลุยกิจกรรมท้าแดดไปกับ Vita S by Dr.Awie

แพทย์หญิงอวิกา รงค์ทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัย เจ้าของแบรนด์ Dr.Awie (ดอกเตอร์เอวี่) และ Awika Clinic (อวิกาคลินิก) กล่าวว่า “ในปัจจุบันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ทำกิจกรรมต่างๆมากมายทั้งในบ้านและนอกบ้าน ทุกที่ก็มีทั้งแสงแดดและมลภาวะรอบตัวที่พร้อมทำลายผิวของเราอยู่เสมอ ซึ่งเรามองเห็นถึงปัญหานี้จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้ทุกคนสามารถมีผิวที่ดีและแข็งแรงได้ในเวอร์ชั่นของตัวเอง ภายใต้คอนเซปต์ Be your best  โดย Vita S จะช่วยบำรุงผิวให้เรียบเนียน ดูสุขภาพดี และยังช่วยแก้ปัญหาผิว อย่างรอยสิว ผิวหมองคล้ำไม่สดใส จุดด่างดำ และกระฝ้าให้ลดเลือนได้อีกด้วย ไม่ว่าจะมีสีผิวไหน ก็สามารถมีผิวที่ดีที่สุดในแบบของตัวเองได้ สามารถทานได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ด้วยสารสกัดจาก Pycnogenol (สารสกัดเปลือกสนฝรั่งเศส) ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสี และ Apple Phenol (สารสกัดจากแอปเปิ้ลเขียว) ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยป้องกัน UV โดยทำหน้าที่เป็นวิตามินกันแดดซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาบนผิวหน้าและผิวกายไปด้วยในตัว พร้อมทั้งสารสกัดอีก 9 ชนิด ที่จะแก้ปัญหาผิวให้จบครบในกล่องเดียว”

โดยคุณสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Line : @dr.awie, Facebook : dr.awie, Instagram : @dr.awie_official , Tiktok @dr.awie.official หรือติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ และ โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เกาะสมุย ยกความอร่อยและกิจกรรมสนุกสนานให้ทุกท่านได้ชวนเพื่อนฝูง ครอบครัวและคุณหนูๆ มาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์และปีใหม่ไทยในบรรยากาศที่ครื้นเครงกับประสบการณ์ที่ทางโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท คัดสรรมาเพื่อสร้างความทรงจำใหม่ที่มีความหมายกับแพ็คเกจห้องพัก Mae Rim Romance “ผมขอชวนคุณมาพักผ่อนและร่วมทำกิจกรรมแห่งความสุขที่เชียงใหม่กับคนที่คุณรักและครอบครัว เปิดโอกาสให้ได้ใช้ชีวิตให้ช้าลง มีความสุขกับปัจจุบันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ไปกับเรา ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบไม่จำกัดตลอดช่วงเทศกาล!” ฌอน โมเชอร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่กล่าว

อีสเตอร์ ซันเดย์ บรันช์ (Easter Sunday Brunch) – อิ่มเอมกับไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์สุดอลังการ ต้อนรับเทศกาลอีสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว หวาน ซีฟู้ด และเมนูกริลสไตล์ตะวันตกสดใหม่จากเตา ท่ามกลางบรรยากาศแห่งท้องทุ่งนาอันเขียวขจี พร้อมเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมหรรษา “ตามล่าหาสมบัติ” ที่พร้อมสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ทั้งครอบครัว ที่ห้องอาหารข้าว บาย โฟร์ซีซั่นส์

·         วันที่ 9 เมษายน 2566 ตั้งแต่ 12.00 น. เป็นต้นไป

·         ราคา 3,600 ++ บาทต่อท่าน และ 1,800 ++ บาทสำหรับเด็กอายุ 5-12 ปี

ลิ้มรสอาหารไทยในค่ำคืนวันสงกรานต์ (Songkran Night Buffet) -ลิ้มรสชาติอาหารไทยที่ห้องอาหารข้าว บาย โฟร์ซีซั่นส์ ได้คัดสรรเมนูเด็ดยอดฮิตมารวมไว้ให้ได้ลิ้มลองกันทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นซุ้มข้าวแช่  ซุ้มข้าวซอย  ขนมจีน และอาหารคาวหวานอีกมากมาย พร้อมทั้งดนตรี การแสดงสด และซุ้มช่างฝีมือท้องถิ่นพร้อมสาธิตงานประดิษฐ์มืออันสุดแสนประทับใจ

·         วันที่ 13 เมษายน 2566 ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป

·         ราคา 3,400 ++  บาทต่อท่าน และ 1,700 ++ บาทสำหรับเด็กอายุ 5-12 ปี

แมงโก้แอนด์ลีชี อาฟเตอร์นูนที (Mango And Lychee Afternoon Tea) – ต้อนรับหน้าร้อนอย่างสดชื่นกับเมนูชุดน้ำชาและขนมของว่างคอนเซ็ปต์ “ผลไม้ประจำฤดู: มะม่วงและลิ้นจี่”  กับเมนูขนมทั้งคาวหวานอันน่าหลงใหล ที่นำมะม่วงและลิ้นจี่มาเป็นส่วนผสมหลักในอาฟเตอร์นูนทีเซ็ตใหม่ต้อนรับฤดูร้อน พร้อมกับถ่ายภาพสัมผัสกับบรรยากาศนาข้าวอันเขียวขจีและลมเย็นๆ ที่มีให้บริการทุกวัน ณ ห้องอาหารข้าว บาย โฟร์ซีซั่นส์

·         เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป เวลา 13.00 น.

·         ราคา 2,000++ บาทต่อเซ็ตสำหรับสองท่าน (รวมเครื่องดื่ม) และ 2,800++ บาทต่อเซ็ตสำหรับสองท่าน (รวมเครื่องดื่มค็อกเทล)

“Sweet Sunset Hour” ช่วงเวลาแห่งความสุขกับเมนูเครื่องดื่มค็อกเทล – เพลิดเพลินและสังสรรค์ยามเย็นกับกลุ่มเพื่อนแบบเป็นกันเอง พร้อมวิวธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและท้องนา มิกซ์โซโลจิสประจำบาร์ของเราขอเชิญลิ้มลองคอกเทลประจำฤดูร้อนจากมะม่วงและลิ้นจี่ พร้อมอิ่มเอมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษของรีสอร์ท “Sweet Sunset Hour” เมื่อสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลที่ราตรีบาร์ รับฟรีอีกแก้วทันที! และรับฟรีคานาเป้สำหรับการสั่งแก้วแรกที่ข้าวบาร์  

·         เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 17.30 น. ถึง 19.00 น.

“ไม่มีที่ไหนที่จะสร้างความทรงจำอันสุดแสนประทับใจได้เท่ากับที่นี่อีกแล้ว” จัสจิต อัซซี่ ผู้จัดการทั่วไปประจำโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เกาะสมุยกล่าว “ล่องเรือยอร์ชเพื่อเยี่ยมชมหมู่เกาะบริเวณเกาะสมุยหรือพักผ่อนริมหาดใต้ต้นมะพร้าวที่พริ้วไหว ฟังเสียงคลื่นของหาดทรายสีขาวที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายริมทะเลได้เป็นอย่างดี” รีสอร์ทพร้อมมอบประสบการณ์ที่หลากหลายตลอดเมษายน พักผ่อนแพ็คเกจห้องพัก Island Romance และสัมผัสกิจกรรมริมหาดทรายไม่ว่าจะเป็น บีช บาร์บีคิว หมูกระทะ และสปา ทรีตเมนท์อันยอดเยี่ยมเพื่อทำให้การเฉลิมฉลองครั้งนี้พิเศษอย่างแท้จริง!

หมูกระทะแอทเดอะบีช (Moo Kra Ta At The Beach) – นี่คือหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดกับการปิ้งหมูกระทะริมชายหาด อิ่มอร่อยกับรสชาติสไตล์สตรีทฟู๊ดกับบาร์บีคิวสไตล์ไทยๆ ที่เสิร์ฟเนื้อเน้นๆ และเมนูสลัดกับของหวานที่ตักได้ไม่อั้น เสริ์ฟพร้อมเตาถ่านร้อนๆ  พร้อมจิ้มกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ พร้อมดนตรีสด รับรองว่าบรรยากาศจะน่าหลงใหลอย่างแน่นอน

·         วันที่ 8 และ 15 เมษายน 2566 ตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป

·         ราคาท่านละ 3,900++ บาท รวมน้ำเปล่าและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์บางรายการ

อีสเตอร์ ซันเดย์ บรันซ์ (Easter Sunday Brunch) – ความอิ่มอร่อยและสนุกสนานเริ่มต้นทันทีเมื่อเชฟของเราขนกองทัพเมนูอาหารทะเลสดๆ และเมนูเฉพาะที่จะมาเซอร์ไพรซ์ในเทศกาลอีสเตอร์ ที่เกาะไทยคิชเช่น (Koh Thai Kitchen) พร้อมดนตรีสดและความบันเทิงไร้ขีดจำกัดสร้างบรรยากาศบ่ายวันอาทิตย์ที่สมบูรณ์แบบ

·         วันที่ 9 เมษายน 2566 ตั้งแต่ 13.00 น. เป็นต้นไป

·         ราคาท่านละ 3,900++ บาท รวมน้ำเปล่าและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์บางรายการ

สงกรานต์ตำรับไทยไนท์ (Songkran Tum Rub Thai Night) – รับลมทะเลชมวิวทิวทัศน์แบบพานาโรม่าของทะเลอ่าวไทยที่เกาะไทยคิชเช่น (Koh Thai Kitchen) ลิ้มรสของขุมทรัพย์อาหารไทยครบทั้งเมนูยำ ต้ม ผัด แกง ทอด และเมนูจานร้อนที่ไฮไลท์อยู่ที่ครัวปรุงสด นำเสนออาหารเมนูสุดพิเศษจากทั้งสี่ภาคของไทยพร้อมรับชมการแสดงฟ้อนรำและดนตรีไทยตลอดทั้งคืน

·         วันที่ 12 เมษายน 2566 ตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป

·         ราคาท่านละ 4,200++ บาท

สงกรานต์บีชบาร์บีคิว (Songkran Beach BBQ) – เฉลิมฉลองหน้าร้อนอย่างมีชีวิตชีวากับเสียงเพลงและการเต้นรำในวันสงกรานต์ เพราะหน้าหาดที่โฟร์ซีซั่นส์จะเต็มไปด้วยการแสดงดนตรีสด โชว์ควงกระบองไฟและโชว์พลุ เพลิดเพลินกับค่ำคืนพร้อมเมนูทะเลย่างบาร์บีคิวสุดพิเศษกับเมนูพิเศษแบบฉบับของโฟร์ซีซั่นส์

·         วันที่ 13 เมษายน 2566 ตั้งแต่ 19.00 น. เป็นต้นไป

·         ราคาท่านละ 4,900++ บาท รวมน้ำเปล่าและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์บางรายการ

ผ่อนคลายกับเสน่ห์สงกรานต์

ที่วราชีวา สปา (Wara Cheewa Spa) มอบประสบการณ์การทำกิจกรรมเพื่อปรับสมดุลร่างกาย ล้างกายใจให้ร่มเย็น เริ่มต้นวันด้วยกิจกรรมทำบุญตักบาตรรับพรจากพระตามวิถีไทย ต่อด้วยประสบการณ์สปาทรีทเมนต์ที่ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นล้านนา สะท้อนออกมาในรูปแบบทรีทเมนต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวราชีวา ตั้งแต่การนำสมุนไพรไทยมาใช้เป็นส่วนประกอบหลัก ไปจนถึงเทคนิคการนวดที่สืบทอดมาแต่โบราณ  ผ่อนคลายกับสายน้ำอุ่น คืนความสดชื่นให้กับร่างกาย พร้อมเปิดรับพลังบวกและสร้างสมดุลให้กับชีวิตเพื่อต้อนรับปีใหม่ “เพราะครอบครัวมีความสำคัญในช่วงเทศกาลวันหยุด แล้วมีอะไรจะดีไปกว่าการได้ทำกิจกรรมกันทั้งครอบครับผ่านกิจกรรมโยคะ เรียนมัดย้อมและทำสปาไปพร้อมๆ กัน” เสาวภา ธุมาพันธ์ ผู้อำนวยการสปาประจำโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ กล่าว

เริ่มต้นปีใหม่ไทยด้วยการผ่อนคลายร่างกาย จิตใจ ผ่านประสบการณ์สปาธรรมชาติบำบัด 120 นาทีที่เดอะซีเครท การ์เดน สปา (The Secret Garden Spa) “แช่เท้าด้วยน้ำอบไทย ตามด้วยการประคบอุ่น ยืดกล้ามเนื้อและการนวดด้วยน้ำมัน และบำรุงผิวหน้าด้วยสมุนไพรที่จะช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่” กชพรรณ เมฆลอย ผู้อำนวยการสปาประจำโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เกาะสมุยกล่าว พบกับพระรามจดและเอเวอร์ลีน (Paramjot and Eveyln) สองผู้เชี่ยวชาญเรื่องโยคะ สุขภาพจิตและจิตวิญญาณที่มาช่วยปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การทำสมาธิแบบวิปัสสนา การผ่อนคลายจิตวิญญาณและโยคะ ไปจนถึงการฝึกหายใจและการบำบัด “ยังรวมถึงปลดล็อกความชอกช้ำในอดีต ดึงพลังโดยกำเนิดของคุณออกมา ซึ่งทั้งสองท่านสามารถให้คำแนะนำให้กับคุณได้เป็นอย่างดี”

“เรายินดีต้อนรับผู้เข้าพักด้วยความเอาใจใส่อย่างเต็มที่สำหรับการเฉลิมฉลองปีใหม่ไทยนี้” ณอนกล่าว “รีสอร์ทของเราตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีวิวทะเลอ่าวไทยซึ่งสวยงามแบบที่ไม่มีใครเหมือนและเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนกับครอบครัวอย่างแท้จริง” จัสจิตกล่าวปิดท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือทำการจองกิจกรรมผ่าน FS Chat App  หรือสามารถติดต่อรีสอร์ทโดยตรงผ่าน LINE Official Account สำหรับโฟร์ซีซั่นส์ เชียงใหม่ที่ @FSChiangMai หรือโทร. 053 298 181 และ โฟร์ซีซั่นส์ เกาะสมุยที่ @FSKohSamui หรือโทร. 077 243 000 ทั้งนี้ทุกรายการและกิจกรรมทางรีสอร์ท ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าเนื่องจากมีจำนวนจำกัด

เปิดตัวแฟชั่นไอเทมเด็ดรับเทศกาลสงกรานต์เพื่อสุภาพบุรุษ-สตรีทำจากผ้าลินินและผ้าไหม

พร้อมแอกเซสซอรีหมวก-กระเป๋าพิมพ์ลายเพื่อคอมพลีตลุคสุดอาร์ต

Jim Thompson (จิม ทอมป์สัน) แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกของเมืองไทย เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ล่าสุด “JIM THOMPSON X NAKROB MOONMANAS” ผลงานการคอลแลบกับนักรบ มูลมานัส อาร์ติสคอลลาจและนักวาดภาพประกอบร่วมสมัยชื่อดังพร้อมจัดเต็มอีเวนต์เปิดตัวและแฟชั่นโชว์อวดโฉมคอลเลกชันใหม่สุดยูนีคที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของลวดลายที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ จิม ทอมป์สัน ในวันที่ 4 เมษายน 2566 ณ Jim Thompson Art Center ใจกลางมหานครกรุงเทพฯ

“JIM THOMPSON X NAKROB MOONMANAS” นับเป็นคอลเลกชันลำดับที่ 2 จากโปรเจ็กต์ Artists in Residence ของจิม ทอมป์สัน โดยคอลเลกชันนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากวัตถุโบราณอันงดงามและงานวิจิตรศิลป์จากหลายยุคสมัย ซึ่งจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน พร้อมนำเสนอทั้งไอเทมเสื้อผ้าบุรุษและสตรี ผลิตจากผ้าลินินและผ้าไหมคุณภาพสูง รวมถึงแอกเซสซอรี อาทิ หมวก กระเป๋าผ้าพิมพ์ลายที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร

ผลงานออกแบบอันเปี่ยมเอกลักษณ์ของนักรบ มูลมานัส เชื้อเชิญให้ผู้ชมงานสามารถตีความได้อย่างไร้ข้อจำกัด ด้วยทักษะในการผสมผสานองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งจากประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมพื้นถิ่น ซึ่งนักรบสามารถจัดวางองค์ประกอบในรูปแบบงานศิลป์สมัยใหม่ได้อย่างสวยสะดุดตา นอกจากนี้ การเติบโตมาในย่านเก่าใจกลางกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งถนนหนทางที่คึกคักวุ่นวาย วัดวาอารามอันเก่าแก่ สถาปัตยกรรมหลากรูปแบบ และพระราชวังอันวิจิตรงดงาม ล้วนสะท้อนอยู่ในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านศิลปะในสไตล์ของนักรบ ผลงานในคอลเลกชันนี้ผสานรวมส่วนประกอบต่าง ๆ ของประวัติศาสตร์ พร้อมแสดงความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมของผู้ออกแบบ จนรังสรรค์ออกมาเป็นงานศิลป์ที่สวมใส่ได้ภายใต้คอลเลกชันร่วมกับจิม ทอมป์สัน ในครั้งนี้

นันท์นภัส เวโรจนวัฒน์ ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาด จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า “แคมเปญ Artists in Residence เป็นความตั้งใจของจิม ทอมป์สัน ในการจับมือกับ 3 ศิลปินชื่อดังของไทย เพื่อร่วมรังสรรค์เอ็กซ์คลูซีฟคอลเลกชันกับเรา และเนื่องจากเรากำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย คอลเลกชันนี้จึงนำเสนอจิตวิญญาณแห่งการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ พร้อมชูดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ลวดลายที่ประณีตบรรจง และความงามอย่างมีสไตล์ มุ่งเน้นการผสานองค์ประกอบของสมัยเก่าเข้ากับสุนทรีศาสตร์แห่งแฟชั่นร่วมสมัย โดยแคมเปญ Artists in Residence นำเสนอผลงานอันน่าตื่นตาตื่นใจที่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์อันล้ำเลิศของทั้งศิลปิน นักออกแบบไทยได้อย่างชัดเจน นอกจากคอลเลกชัน “JIM THOMPSON X NAKROB MOONMANAS” จะชวนให้นึกถึงความสนุกสนานของเทศกาลสงกรานต์ทุกคนรอคอยแล้ว ยังเป็นเครื่องยืนยันทักษะความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่กำลังคึกคักของเมืองไทย”

สำหรับการออกแบบคอลเลกชันนี้ นักรบ มูลมานัส นำแรงบันดาลใจมาจากวัตถุโบราณและงานวิจิตรศิลป์ซึ่งจัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน โดยเฉพาะหนังสือภาพตำราพรหมชาติ รวมไปถึงภาพประกอบ งานแกะสลัก และภาพวาดผลงานของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยมาเยือนอาณาจักรอยุธยาและได้จารึกถึงแง่มุมต่าง ๆ ของยุคสมัยนั้น ทั้งสถาปัตยกรรม ผู้คน วัฒนธรรม และวิถีชีวิตลงในงานศิลปะ

“JIM THOMPSON X NAKROB MOONMANAS” จิม ทอมป์สัน คอบแลบอาร์ติสคอลลาจร่วมสมัยชื่อดัง นักรบ มูลมานัส ครีเอตคอลเลกชันสุดยูนีค! ภายใต้แคมเปญ Artists in Residence

ผลงานเหล่านี้จุดประการให้นักรบ สร้างสรรค์ภาพพิมพ์หลักประจำคอลเลกชัน ที่เป็นตัวแทนของสะพานที่เชื่อมโยงโลกตะวันออกและฝั่งตะวันตก ระหว่างความเป็นจริงกับภาพฝันอันสวยงาม นอกจากนั้น ภาพพิมพ์หลักยังแสดงองค์ประกอบต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ของเมืองสยามและอเมริกา เช่น การเดินทางของแฝดสยามคู่แรกของโลกอิน-จัน เป็นต้น แง่มุมทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ได้ถูกถักทอเข้าด้วยกันผ่านแนวคิดการสำรวจห้วงอวกาศและจักรวาล สะท้อนถึงหลากหลายเหตุการณ์สำคัญของโลกซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่คุณจิม ทอมป์สัน ตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย นักรบยังเชื้อเชิญให้ผู้ชมงานได้มาร่วมสำรวจพหุจักรวาลผ่านคอลเลกชันเชิงทัศนศิลป์อันน่าตื่นตาตื่นใจนี้

นักรบ มูลมานัส เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอลเลกชันใหม่ว่า “ผมต้องการสร้างภาพพิมพ์ที่จะพาผู้ชมเดินทางไปยังอีกโลกหนึ่ง โลกที่หลอมรวมยุคสมัยและวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยนำเสนอการเชื่อมโยงระหว่างโลกฝั่งตะวันออกและตะวันตก อดีตและอนาคต รวมถึงความจริงและภาพฝัน เชื่อว่าคอลเลกชันนี้จะทำให้ทุกคนค้นพบแนวคิดใหม่ ๆ เหนือจินตนาการ”

กระบวนการพิมพ์ภาพของคอลเลกชันนี้ยังมีความพิเศษขั้นสุด โดยใช้วิธีการพิมพ์แบบผ้าบาติก ซึ่งแว็กซ์จะเป็นตัวสกัดกั้นสีที่กำลังแทรกซึมผ่านเนื้อผ้า ทำให้เกิดผิวสัมผัสและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันทุกชิ้น

ไอเทมเครื่องแต่งกายของสุภาพบุรุษและสตรีในคอลเลกชันนี้นำเสนอลวดลายในสีแบบ Monochrome ในโทนน้ำเงินและแดง สำหรับไอเทมของผู้หญิงมีทั้งเดรสแขน Batwing แม็กซี่เดรสแขนกุด กางเกงฟิชเชอร์แมนสีสันสดใสที่เป็นไอคอนิกไอเทมของแบรนด์ และยังมีเสื้อคอจีนแขนกุดและเสื้อเชิ้ตแขนสั้นทรง Boxy สำหรับผู้ชาย นำเสนอเสื้อฮาวายผ้าลินินและเสื้อผ้าไหมแขนสั้น เสื้อเชิ้ตทรง Slim-fit รวมถึงเสื้อยืดผ้าฝ้ายและกางเกงฟิชเชอร์แมน นอกจากนี้ ยังมีแอกเซสซอรี Unisex อย่างกระเป๋าชายหาดและหมวกทรงบักเก็ตที่สลับด้านใส่ได้เพื่อมอบสไตล์ที่แตกต่างด้วยภาพพิมพ์สีสันสะดุดตา ลวดลายแห่งการผสานระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก และการหลอมรวมโลกจริงและความฝันเข้าด้วยกัน

งานเปิดตัวคอลเลกชันนี้ จัดขึ้นในวันที่ 4 เมษายน พร้อมด้วยแฟชั่นโชว์เพื่อเผยไอเทมประจำคอลเลกชันใหม่ ภายในงาน นักรบ มูลมานัส ได้ร่วมพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ให้ผู้เข้าร่วมงาน ที่มาร่วมพบปะและเลือกซื้อสินค้าคอลเลกชันใหม่ที่ Jim Thompson Iconic Store ในพื้นที่ของ Jim Thompson Heritage Quarter

พบกับคอลเลกชัน “JIM THOMPSON X NAKROB MOONMANAS” ได้ที่สโตร์ของจิม ทอมป์สันทุกสาขา หรือ
ช้อปทางออนไลน์ที่ www.jimthompson.com พร้อมติดตามการเปิดตัวอีกหนึ่งคอลเลกชันพิเศษร่วมกับศิลปินไทยภายในปี 2566 นี้

เมื่อสองสุดยอดวิสกี้ “THE SINGLETON” และเมนูอาหาร GREYHOUND CAFÉ มาบรรจบกัน รังสรรค์เป็นมื้อพิเศษภายใต้ฟู้ดแพริ่งที่ฉีกจากกรอบเดิมๆ มอบสัมผัสประสบการณ์และรสชาติเหนือความคาดหมาย

สำหรับ “เดอะ ซิงเกิลตัน” (The Singleton) ซิงเกิลมอลต์สก็อตวิสกี้ระดับโลกจากสก็อตแลนด์ ภายใต้ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ถือได้ว่ามีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ โดยปัจจุบัน เดอะ ซิงเกิลตัน เป็นหนึ่งในวิสกี้ที่ได้รับการยอมรับจากนักดื่มทั่วโลก โดยมีรางวัลเหรียญทองในสาขาวิสกี้มาการันตีความยอดเยี่ยมจากเวทีระดับโลกมากมาย โดยแคมเปญพิเศษนี้ทางแบรนด์ได้นำเอา เดอะ ซิงเกิลตัน ที่ใช้ถังไม้โอ๊กอเมริกันและยูโรเปียนในการบ่ม ให้กลิ่นหอมหวานแบบคาราเมล ตลอดจนผลไม้จำพวกเชอรี่ต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิสกี้ที่หาใครเทียบได้ยากมาจับคู่กับอาหารต่างๆ ในสไตล์ฟู้ดแพริ่งรูปแบบใหม่ เพื่อให้คู่รัก เพื่อนซี้ หรือครอบครัว ได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์บนโต๊ะอาหารที่ไม่ซ้ำใคร 

เมนูที่จับมือกับร้าน Greyhound Café (เกรฮาวด์ คาเฟ่) และ Another Hound Café (อนาเธอร์ฮาวด์ คาเฟ่) รังสรรค์ขึ้นพิเศษ เริ่มตั้งแต่  Tom – Yum Calamari (หมึกทอดต้มยำ), Cola – Braised Chicken (ไก่ตุ๋นโคล่า), Vod de Spaghetti (สปาเก็ตตีผัดกับซอสครีมมะเขือเทศสด) และ Thai Salmon Salad (แซลมอนสลัดไทย) มาจับคู่กับเครื่องดื่มซิงเกิลตันทั้งแบบออนเดอะร็อคและค็อกเทล เปิดประสบการณ์ใหม่ในการลิ้มรสอาหารที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานใด เดอะ ซิงเกิลตัน ก็สามารถเข้ากันได้อย่างไร้ที่ติ อีกทั้งยังเสริมรสชาติและประสบการณ์ในการดื่มด่ำมื้ออาหารนั้นๆ ให้โดดเด่นขึ้นอีกด้วย

“Love Pairing” รักใหม่ของทุกจานอร่อย

เปิดประสบการณ์ได้ที่ Greyhound Café และ Another Hound Café ทุกสาขาทั่วประเทศ ยกเว้นสาขา Med Park ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ เดอะ ซิงเกิลตัน ทั้งรุ่น 12 ปี 15 ปี และ 18 ปี ยังมีวางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ 

โอนิซึกะ ไทเกอร์ (Onitsuka Tiger) แบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่นยังคงเดินหน้านำเสนอคอลเล็กชั่นร่วมสมัย  ที่ผสมผสานแฟชั่นเข้ากับกีฬาและนวัตกรรมล้ำสมัย

โอนิซึกะ ไทเกอร์มีความยินดีในการประกาศการร่วมงานกันระหว่างแบรนด์  เกมส์สตรีท ไฟเตอร์ 6 (Street Fighter 6) จากบริษัทแคปคอม (Capcom Co., Ltd.) และคาแร็คเตอร์น้องมะม่วงโดยนักวาดการ์ตูนชาวไทย วิศุทธิ์ พรนิมิตร (ตั้ม)

โอนิซึกะ ไทเกอร์และแคปคอมนั้นต่างมุ่งเน้นไปที่ความเป็นไปได้ในการสร้างสังคมไร้พรมแดน ที่ทุกคนต่างเป็นที่ยอมรับ โดยไม่คำนึงถึงอายุ เพศ สัญชาติ หรือความไม่สมบูรณ์ทางร่างกาย ผ่านทางกีฬาอีสปอร์ต โดยมีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่กีฬาอีสปอร์ต และสนับสนุนโอกาสและความท้าทายต่างๆ

Onitsuka Tiger นำเสนอโปรเจ็คคอลลาบอเรชั่นพิเศษ กับเกมส์ Street Fighter 6 และวิศุทธิ์ พรนิมิตร ผู้วาด “น้องมะม่วง”

แคปคอมและโอนิซึกะ ไทเกอร์ต่างมีทัศนคติในการสร้างวัฒนธรรมในฐานะแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่น โดยสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ แต่ก็ยังคงไม่ลืมที่จะยกย่องสิ่งที่มีคุณค่าที่ผ่านมาในอดีต นี่นับเป็นครั้งที่สองที่แบรนด์ได้ร่วมมือกับซีรีย์เกมส์ต่อสู้ สตรีท ไฟเตอร์ ที่เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 1987 และมียอดขายมากกว่า 47 ล้านเกมส์ทั่วโลก

ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงคาแร็คเตอร์ดั้งเดิมที่เราต่างคุ้นเคยจากเกมส์ภาคที่ผ่านๆ มาเท่านั้น แต่ทางแคปคอมยังได้เพิ่มตัวละครใหม่ๆ เข้ามาในภาคที่ 6 นี้อีกด้วย และในการเป็นคอลลาบอเรชั่นโปรเจ็ค ทาง โอนิซึกะ ไทเกอร์ นั้นก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอเสื้อสเวตเตอร์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่เป็นการผสมผสานระหว่างหนึ่งใน เสื้อรุ่น best seller ของโอนิซึกะ ไทเกอร์  กับตัวละครจากสตรีท ไฟเตอร์ 6 และวิชวลต้นฉบับสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่วาดโดยคุณตั้ม วิศุทธิ์ พรนิมิตร ผู้สร้างคาแร็คเตอร์น้องมะม่วงอันโด่งดัง ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะในญี่ปุ่นหรือประเทศไทย แต่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งเราจะเห็นคาแร็คเตอร์ดั้งเดิมจากในเกมส์อย่าง “ชุนลี” (Chun-Li) ใส่รองเท้ารุ่นไอคอนิกของโอนิซึกะ ไทเกอร์ อย่างรุ่น MEXICO 66 และหนึ่งในตัวละครใหม่ที่โดดเด่นอย่าง “คิมเบอร์ลี่” (Kimberly) สวมรองเท้าที่ดึงเอาเสน่ห์ของรองเท้าในอาร์ไคฟ์มาดัดแปลงให้มีดีไซน์ที่ทันสมัยอย่างรุ่น DELECITY ซึ่งคุณตั้ม วิศุทธิ์ พรนิมิตร ก็ได้เนรมิตสองคาแร็คเตอร์จากเกมส์สตรีท ไฟเตอร์  6 ให้กลายเป็นวิชวลสุดแสนน่ารัก เต็มไปด้วยกลิ่นอายและลายเส้นแบบน้องมะม่วง นอกจากนี้ยังมีเสือตัวน้อยทั้งสองที่ถือว่าเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของโอนิซึกะ ไทเกอร์มาร่วมแจมด้วย

เสื้อสเวตเตอร์รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นมีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้าน Onitsuka Tiger Global Flagship Store สยาม สแควร์วัน และบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ https://www.onitsukatiger.com/th/en-th/

ห้องอาหารรางวัลดาวมิชลิน บลู บาย อลัง ดูคาส เฉลิมฉลองฤดูกาลใหม่กับเมนูอาหารที่สร้างสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจาก Cuisine du Soleil ที่มีสีสันและความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จากทางตอนใต้ของฝรั่งเศส พร้อมแพ็คเกจ Blue Journey – Sunset Experience เชิญชวนแขกที่มารับประทานอาหารให้ออกเดินทางไปค้นพบความสวยงามน่าประทับใจของแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกับเมนูอาหารชั้นเลิศของทางร้าน

การสร้างสรรค์เมนูใหม่รายการล่าสุดของเอ็กเซคิวทีฟเชฟ วิลฟริด ฮ็อคเกต (Mr. Wilfrid Hocquet) เป็นการเดินทางกลับไปยังรากเหง้าของเชฟที่จะทำให้แขกที่มารับประทานอาหารรู้สึกกำลังว่าสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามท่ามกลางแดดอุ่นในภาคใต้ของฝรั่งเศส ผ่านเมนูอาหารที่มาจากความทรงจำในวัยเด็กของเชฟและมรดกด้านอาหารอันรุ่มรวยประจำแคว้น แนวคิดของ Cuisine du Soleil คือการปรุงอาหารที่เรียบง่ายด้วยวัตถุดิบสดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ เลมอน น้ำมันมะกอก ถั่วลันเตา โรสแมรี และไทม์ ที่นำมาผสมผสานกับวัตถุดิบเฉพาะฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นเนื้อลูกแกะนุ่มลิ้น เนื้อนกพิราบ ปลาเทอร์บอทเนื้อแน่น และกุ้งแลงกูสตีนสด ๆ

ท่องไปในโลกของอาหารฝรั่งเศสตอนใต้ ผ่านเมนูใหม่ประจำฤดูกาลโดย บลู บาย อลัง ดูคาส

ไฮไลท์เมนูประจำฤดูกาลที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่มีตั้งแต่กุ้งแลงกูสตีนเสิร์ฟพร้อมแพร์และเลมอนเวอร์บีนา ซึ่งเป็นเมนูที่รวบรวมเอาวัตถุดิบที่สะท้อนถึงพืชพรรณในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเห็ดมอเรลที่หาได้ยาก นอกจากนี้ยังมีเมนูที่ปรุงขึ้นจากหมึกหลากชนิดจากอ่าวไทยนำมายัดไส้ด้วยสมุนไพรกลิ่นหอมนานาชนิดจากเฟรนช์ริเวียร่า ซึ่งเป็นเมนูที่เชฟฮ็อคเกต ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความทรงจำในวัยเด็ก รวมไปถึงเมนูปลาเทอร์บอทฝรั่งเศสเสิร์ฟกับหน่อไม้ฝรั่งขาว และซอสซาบายอน พร้อมส้มโอสีชมพูของไทยที่ให้รสหวานอมเปรี้ยวเจือฝาดอย่างลงตัว

เมนูใหม่ยังมีเนื้อลูกแกะจากเทือกเขาพีเรนีสยัดไส้มะกอกทาเจียสกา เสิร์ฟคู่กับซอกก้ากรอบซึ่งเป็นเคร้ปถั่วชิกพีที่ขายตามท้องถนนในนีส นำมายัดไส้มะเขือยาว มะเขือเทศ และมิ้นต์ สุดท้ายคือพายนกพิราบหรือพิทิเวียร์สไตล์โมนาโกที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความทรงจำในอดีตช่วงที่เชฟวิลฟริดทำงานที่ห้องอาหาร Louis XV ในโมนาโกและมื้อกลางวันวันอาทิตย์ที่เชฟเคยทานกับคุณตาคุณยายในวัยเด็ก

ปิดท้ายมื้ออาหารสุดประทับใจกับชีสหลากชนิดที่คัดสรรมาอย่างดีจาก Les Frères Marchands ผู้ผลิตชีสที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ของหวานที่สร้างสรรค์โดยเพสตรีเชฟคริสตอฟ กริโล ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยการนำช็อคโกแลตจากโรงงานผลิตของ อลัง ดูคาส ในปารีสมาผสมผสานกับพริกไทยดำพันธุ์กัมปอตจากผู้ปลูกชาวฝรั่งเศสที่เชฟคริสตอฟได้รู้จักระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวทั่วกัมพูชา และเพิ่มกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นด้วยน้ำส้มวินีการ์สูตรพิเศษที่ทำขึ้นจากมะม่วงไทย

บลู บาย อลัง ดูคาส นำเสนอเมนูใหม่ตามฤดูกาลสองตัวเลือก คือเซ็ทเมนูแบบสี่หรือห้าคอร์สในราคา 4,900++ และ 5,900++ ตามลำดับ และ Voyage ในรูปแบบเทสติ้งเมนูที่ราคา 7,500++ บาท และยังมีเซ็ทเมนูมื้อกลางวันแบบเบา ๆ ในราคา 2,950++ บาทเสิร์ฟทุกวันด้วย นอกจากเมนูใหม่แล้ว บลู บาย อลัง ดูคาส ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยายังนำเสนอแพ็คเกจ The Blue Journey – Sunset Experience ที่จะเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป เพื่อให้แขกที่มารับประทานอาหารได้ดื่มด่ำบรรยากาศสวยงามน่าประทับใจช่วงพระอาทิตย์ตกบนเรือ Hacker หรูหราที่ล่องไปตามแม่น้ำ จิบแชมเปญ และชมวิวเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ ก่อนจะลิ้มลองรสชาติอาหารจานต่าง ๆ ในเทสติ้งเมนู Voyage ของเชฟฮ็อคเกต ที่จับคู่กับไวน์ชั้นเลิศอย่างลงตัว

แพ็คเกจ The Blue Journey – Sunset Experience ราคา 50,000 บาทสำหรับสองท่าน แขกที่มาเพิ่มราคา 20,000 บาทต่อท่าน นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกแพ็คเกจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ราคา 40,000 บาทสำหรับสองท่านให้เลือก ราคาทั้งหมดเป็นราคาสุทธิ สามารถจองแพ็คเกจล่องเรือได้ทุกวัน (ยกเว้นวันอังคารและวันพุธ) โดยออกเดินทางจากไอคอนสยามหรือท่าเรือของโรงแรมริมแม่น้ำแห่งใดก็ได้ในเวลา 17.30 น.

สำรองโต๊ะเพื่อลิ้มลองเมนูใหม่ประจำฤดูกาลและจองแพ็คเกจ Blue Journey – Sunset Experience ได้ผ่านเว็บไซต์ www.blue-alainducasse.com หรือติดต่อทีมสำรองที่นั่งที่ โทร. +66 (0) 6-5731-2346