หมอเจี๊ยบ-ลลนา

หมอเจี๊ยบ-ลลนา แจกกอดการกุศลสมทบทุนให้ศิริราชมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคตา

Alternative Textaccount_circle
หมอเจี๊ยบ-ลลนา
หมอเจี๊ยบ-ลลนา

หมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์ แจกกอดการกุศลสมทบทุนให้ศิริราชมูลนิธิ เพื่อผู้ป่วยโรคตา ในกิจกรรมพิเศษเนื่องในวันสายตาโลก “Bausch + Lomb for World Sight Day 2016”

ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท บอช แอนด์ ลอมบ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาชั้นนำของโลก พร้อมเชิญชวนทุกคนให้หันมาใส่ใจกับสุขภาพดวงตาพร้อมกับทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกัน

หมอเจี๊ยบ-ลลนา

นอกจากนี้ยังให้บริการตรวจวัดสายตาฟรีโดยผู้เชี่ยวชาญจากบอชแอนด์ลอมบ์ และมีโซนรับบริจาค รวมถึงกิจกรรมร่วมกับหมอเจี๊ยบ โดยรายได้จากกิจกรรมทั้งหมดรวมถึงการจำหน่ายสินค้าบอชแอนด์ลอมบ์ภายในงาน จำนวนทั้งสิ้น 30,494 บาท มอบให้กับศิริราชมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคตา โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ เรียกได้ว่าเติมพลังบวกกันไปเต็มๆ ทั้งผู้ให้และผู้รับ กลับบ้านไปด้วยความสุข อิ่มบุญกันไปตามๆ กัน

หมอเจี๊ยบ กล่าวว่า “ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนตุลาคมในทุกปี จะเป็นวันสายตาโลก ซึ่งเจี๊ยบคิดว่าดวงตาเป็นอีกอวัยวะที่สำคัญต่อชีวิตเรามากค่ะ ปกติเจี๊ยบก็เป็นคนที่ใช้สายตาค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ก็จะมีเคล็ดลับการดูแลสายตา เช่น ดื่มน้ำเยอะๆ ทานวิตามินบำรุงสายตา หรือถนอมดวงตาไม่ให้ใช้งานหนักมากเกินไป งานนี้ต้องขอขอบคุณบอชแอนด์ลอมบ์ ที่ให้เจี๊ยบได้มีโอกาสได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในการแบ่งปันให้กับ ศิริราชมูลนิธิ เพื่อผู้ป่วยโรคตา ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

 

ภาพจาก Instagram : jeab_lalana
เรียบเรียง : Ppee_แพรวดอทคอม

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล

“หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล” ต้นแบบของข้าราชการผู้ภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล

หม่อมหลวงปนัดดาได้รับการกล่าวขานถึงอย่างกว้างขวางในความเป็นข้าราชการผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอดชีวิตการรับราชการ ตราบจนเกษียณอายุราชการในปี 2559

หลายคนคงจะได้ยินชื่อของท่านอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นข่าวล่าสุดในโลกออนไลน์ คนแห่ชื่นชมหม่อมหลวงปนัดดา หลังต่อแถวขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน ยกเป็น “ข้าราชการตัวอย่าง” ซึ่งโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพสุดประทับใจของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่เข้าแถวต่อคิวรอขึ้นเครื่องบินโดยสารเหมือนกับประชาชนคนธรรมดาทั่วไป โดยภาพดังกล่าวได้เผยให้เห็นว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านนั้นคือ “หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล” สวมเสื้อผ้าไหมสีฟ้า ถือกระเป๋าเอกสาร ยืนหันหลังต่อแถวเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล

ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เผยแพร่ภาพระบุข้อความว่า “ประทับใจภาพ ม.ล.ปนัดดาต่อแถวขึ้นเครื่องบินของสายการบินโลว์คอสต์ เพื่อเดินขึ้นเครื่องเช่นเดียวกับผู้โดยสารคนอื่นๆ เมื่อพนักงานตรวจตั๋วเดินทางส่งบัตรโดยสารคืนให้ ท่านก็กล่าวถ้อยคำว่า ขอบคุณครับ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ถ่อมตน เมื่อผมเดินตามท่านไปถึงประตูเครื่อง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยกมือไหว้ ท่านก็ยกมือไหว้ตอบ และกล่าวคำว่า สวัสดีครับ ด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร” ซึ่งทำให้เรานึกถึงบทสัมภาษณ์หนึ่งของท่านเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตตามแบบในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเล่าว่า

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าสืบตระกูลจากพระหัตถ์ในหลวงรัชกาลที่ 9
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าสืบตระกูลในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ องค์ต้นราชวงศ์ดิศกุล จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อ (พลตรี หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล) สอนผมเสมอว่า สมเด็จปู่ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) สอนว่า เกิดเป็นคนไทยต้องจงรักภักดี รักชาติ รักในหลวง ถือเป็นเอกลักษณ์ของชาติ สิ่งที่คุณพ่อพูดย้ำให้ผมฟังบ่อยๆ คือ ‘พระองค์ท่านทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของความเป็นชนชาติไทย และทรงเป็นทุกลมหายใจของปวงประชาราษฎร์’ ซึ่งเป็นประโยคที่มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะทรงเป็นทุกลมหายใจของเรา ดังนั้นไม่ว่าเราทำอะไร ควรคิดถึงพระองค์ท่าน บ้านเมืองจึงจะเกิดความร่มเย็นเป็นสุข มีจริยธรรมและการปกครองตามครรลองครองธรรม

“ในฐานะที่ผมเป็นลูกชายคนเดียว ตอนเด็กจึงมีโอกาสติดตามพ่อเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รวมถึงสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ความที่เราเห็นพ่อแม่รักเคารพและเทิดทูนทุกพระองค์ ฉะนั้นเราก็คิดแบบนั้นด้วย บวกกับครูบาอาจารย์ที่โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ย้ำสอนลูกศิษย์ทุกเช้าถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่มีต่อปวงชนชาวไทย กลายเป็นสิ่งหล่อหลอมให้เป็นเราวันนี้

ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฏร

“การที่ผมรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาถึงวันนี้ เพราะคุณพ่อคุณแม่สอนเสมอว่า ‘ให้รักเกียรติที่พึงมีต่อวงศ์ตระกูลมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง’ อย่างวังวรดิศแห่งนี้เคยมีทั้งสถานทูตและช็อปปิ้งมอลล์ติดต่อขอซื้อ ให้ราคามหาศาล แต่เพราะพ่อยึดหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เรื่อง ‘ความพอเพียง’ หรือที่ชาวต่างประเทศบางคนเรียกว่า ‘A Simple Life’ พ่อบอกว่าแค่คิดจะขายก็ผิดแล้ว เพราะเกียรติยศและความซื่อสัตย์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ติดตัวเราและส่งผลไปจนถึงลูกหลาน ทำให้ได้รับความเมตตากรุณาจากผู้คน ซึ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง เพราะหลังจากนั้นผมได้รับโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิต คือรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า สืบตระกูลในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก

“แม้กระทั่งตอนที่ผมย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนั้นเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองกำลังคุกรุ่น มีหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตข้าราชการของผม ยิ่งใกล้เลือกตั้งยิ่งมีกระแสข่าวว่าจะถูกย้ายเข้ากรุงเทพฯ ความที่เราเป็นมนุษย์ปุถุชน ย่อมรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา เพราะผมไม่ได้มีทัศนคติเรื่องการเมืองการปกครองเป็นภัยกับใคร นอกจากยึดหลักความเป็นข้าราชการของแผ่นดินอยู่ในหัวใจตนเอง ตอนนั้นนอกจากคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวให้กำลังใจแล้ว จะมีใครเล่าที่สำคัญเหนือกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพราะภาพที่ผมจำติดตามาตั้งแต่เด็กคือ ทั้งสองพระองค์เสด็จฯไปทรงเยี่ยมพสกนิกรทุกหนแห่ง เป็นแบบอย่างที่พระองค์ท่านทรงบำเพ็ญมาตลอดพระชนม์ชีพ คือความเสียสละอันใหญ่หลวง

ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯไปทรงเยี่ยมพสกนิกรทุกหนแห่ง

“ดังนั้นไม่ว่าครอบครัวเราจะเผชิญความทุกข์หรือพบความสุข เรามีทั้งสองพระองค์คอยปกปักรักษาและเป็นกำลังใจให้กับทุกเรื่องที่ต้องช่วยกันแก้ไข ผมจึงนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เรื่อง ‘รู้รักสามัคคี มีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเองและแผ่นดิน ไม่เอารัดเอาเปรียบสังคมและเพื่อนร่วมชาติ’ รวมทั้ง ‘ความกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งที่คนดีควรกระทำ’ เป็นกำลังใจในการทำงาน เพราะสิ่งเหล่านี้คือความเป็นคนไทยที่ต้องยึดถือและร่วมกันปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นแล้วหากเกิดความท้อแท้ใจ ความหวังและความสำเร็จในชีวิตจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เราจึงควรร่วมใจกันทำประโยชน์สุขให้เกิดกับประเทศชาติ ไม่เห็นแก่ตัว สร้างความรักใคร่สามัคคี อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เสแสร้งแกล้งทำ เพราะเมื่อสังคมเกิดความร่มเย็นเป็นสุข พระองค์ท่านจะได้มีความสุข สบายพระราชหฤทัย พระชนมพรรษายืนยาว เพราะทั้งประเทศมีจิตและวิญญาณของพระองค์ท่านอยู่ทุกอณู

“มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมจำได้ถึงทุกวันนี้คือ ในงานเทศกาลฤดูหนาวปีแรกที่ผมรับตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ มีสุภาพสตรีวัยกลางคนเดินมาหาผมและบอกว่า ‘ท่านผู้ว่าฯคะ วันนี้มีโอกาสได้พบท่าน อยากเรียนให้ท่านทราบว่าดิฉันรักในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก แม้ไม่ได้มีโอกาสมากรุงเทพฯ เพราะทำมาค้าขายที่เชียงใหม่ แต่ดิฉันสวดมนต์ถวายพระพรทุกคืน ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอยู่กับพวกเราอีกนานแสนนาน’ ผมฟังแล้วน้ำตาคลอ เพราะผมเห็นด้วยกับเธอว่าคนไทยขาดพระองค์ท่านไม่ได้

ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานคำแนะนำแก่ข้าราชการ

“ทุกครั้งที่มีโอกาส ผมมักพูดกับข้าราชการทั้งในส่วนภูมิภาคและในกรุงเทพฯเสมอว่า เอกลักษณ์ของคนเป็นข้าราชการคือ ‘ความซื่อสัตย์’ ประชาชนจึงจะไว้เนื้อเชื่อใจและให้เกียรติ หากเราขาดซึ่งเอกลักษณ์ข้อนี้ คนย่อมดูถูก ซึ่งพระองค์ท่านพระราชทานคำสอนแก่บรรดาข้าราชการเสมอว่า ให้มุ่งมั่นปฏิบัติให้จงได้ จะได้เป็นศักดิ์เป็นศรีแก่สถาบันราชการสืบไป

“ดังนั้นการทำหน้าที่ในราชการประจำคือ ต้องมุ่งมั่นทำงานในสายงานที่ตนได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถตราบจนเกษียณอายุ และอยากให้ข้าราชการทุกคนนำการปกครองไปสู่การทำให้บ้านเมืองมีความร่มเย็นเป็นสุข ลูกหลานเยาวชนเป็นคนดีของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อย่างสิ่งที่ผมทำตอนนี้คือ การเป็นอาจารย์พิเศษทั้งในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เป็นวิทยากรอบรมข้าราชการหลักสูตรต่างๆ เพราะสมัยที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยคนแรก เวลาว่างพระองค์ท่านมักทำหน้าที่เป็นครูสอนหนังสือด้วย

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในฐานะข้าราชการ

“เพราะทรงเห็นว่าการเป็นนักปกครองกับความเป็นครูต้องไปด้วยกัน การศึกษาช่วยให้การปกครองเกิดความราบรื่น การเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองจึงต้องมีความเป็นครูที่ดีอยู่ในตัว และยังช่วยให้เรารู้ซึ้งถึงความมุ่งมั่นที่อยากให้เกิดสิ่งที่ต้องการ ทุกวันนี้ไม่ว่าไปบรรยายที่ไหน หัวข้อหนึ่งที่ผมพูดถึงบ่อยๆ คือ ความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และน้อมนำพระบรมราโชวาทที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ มาปรับใช้ในการทำงานเสมอ”

ที่มา : นิตยสารแพรว ปี 2555 ฉบับที่ 800, วิกิพีเดีย

 

ในหลวงรัชกาลที่ 9

รวมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับพระอิริยาบถอันสวยงามของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

ในหลวงรัชกาลที่ 9
ในหลวงรัชกาลที่ 9

นอกจากแผนที่และดินสอที่หลายคนมักเห็น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพกติดพระองค์ทุกครั้งยามทรงลงพื้นที่สำรวจสถานที่ต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรชาวไทยให้มีชีวิตกินอยู่ที่ดีขึ้น กล้องถ่ายรูปก็เป็นสิ่งสำคัญที่พระองค์ทรงพกติดพระวรกายอยู่เสมอ

ในหลวงรัชกาลที่ 9พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสนพระราชหฤทัยด้านการถ่ายภาพ และโปรดถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกเมื่อพระชนมพรรษาเพียง 8 พรรษา โดยพระองค์ทรงศึกษาการถ่ายภาพด้วยพระองค์เอง เมื่อพ่อหลวงเสด็จฯไปยังที่แห่งใด พระองค์จะทรงใช้กล้องส่วนพระองค์ถ่ายภาพทั้งสถานที่ บุคคล และเหตุการณ์ต่างๆ บางครั้งก็ทรงถ่ายพื้นที่แห้งราบเรียบเป็นป่าธรรมดา ซึ่งถ้าคนทั่วไปมองผิวเผินอาจมองพื้นที่แห่งนั้นไร้ประโยชน์ ไร้ค่า แต่พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ มีพระราชดำริในการรวบรวมข้อมูลที่ทอดพระเนตรและภาพถ่ายมาพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่เจริญรุ่งเรือง และที่สำคัญยังช่วยเหลือปากท้องราษฎรให้มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากเดิมได้อย่างมาก เหมือนดังเช่นที่พระองค์เคยพระราชทานพระราชดำรัส ได้ความดังนี้

การถ่ายภาพเป็นงานศิลปะ เป็นของดีมีประโยชน์ ขออย่าได้ถ่ายภาพกันเพื่อความสนุกสนานหรือความสวยงามเท่านั้น จงใช้ภาพให้เกิดคุณค่าแก่สังคม ให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม งานศิลปะจะได้ช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อีกแรงหนึ่ง”

(พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ณ The First Annual Bangkok Art & Photography Event 2007)

นอกจากในหลวงรัชกาลที่ 9 จะโปรดถ่ายภาพแล้ว พระองค์ยังทรงคิดค้นและประดิษฐ์แว่นกรองแสงพิเศษ ทรงนำไปทดลองฉายพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ยังทรงเชี่ยวชาญในการล้างฟิล์มและการอัดขยายภาพทั้งขาวดำและภาพสีภายในห้องมืด ณ ที่ทำการสถานีวิทยุ อ.ส. อีกด้วย ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ไปจัดแสดงนิทรรศการหลายครั้ง อย่างงานนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติ (พ.ศ.2511) งานแสดงทางการถ่ายภาพและการพิมพ์ ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ.2530) การจัดแสดงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (พ.ศ.2533) เป็นต้น

จะเห็นว่าพ่อหลวงของแผ่นดินทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการถ่ายภาพมากด้วยเช่นกัน วันนี้แพรวจึงรวมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงฉายพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระบรมราชินีนาถในพระอิริยาบถอันสวยงามต่างๆมาให้ได้ชมกัน สมเด็จพระบรมราชินีนาถของพสกนิกรชาวไทยทรงพระสิริโฉมงดงามและทรงมีรอยยิ้มที่สวยสดใสจริงๆ

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 9

ในหลวงรัชกาลที่ 9
เบื้องหลังพ่อหลวงทรงฉายพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ

ข้อมูลบางส่วน : http://www.supremeartist.org/thai/photo/index.html
ภาพ : หนังสือประมวลภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (His Majesty’s photographic portfolio), แฟนเพจ Facebook – ทรรศมน สุนทรจักร, Supitcha Prakham

ในหลวงรัชกาลที่ 9

“ทหารก็ต้องเป็นของประเทศชาติ หาใช่เป็นของบุคคลใด…” พระบรมราโชวาทของ ในหลวงรัชกาลที่ 9

ในหลวงรัชกาลที่ 9
ในหลวงรัชกาลที่ 9

ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักความสงบ ไม่ชอบการรุกราน นั่นเป็นสิ่งที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าพระราชหฤทัยและตระหนักรู้เกี่ยวกับประเทศไทยเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ได้ตรัสว่า การมีกำลังรบย่อมเป็นสิ่งจำเป็น

ในสังคมยุคใหม่ ภาพทหารรบราฆ่าฟัน ถือดาบ ถือปืน อาจเป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นตาหรือเห็นได้น้อยสำหรับใครหลายๆ คน ด้วยมีเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการศึกษาที่เข้ามาเป็นตัวแข่งขัน เพื่อพิชิตความเป็นที่หนึ่งหรือขัดเกลาความสามารถให้เก่งและชำนาญขึ้นแทนเสียมากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าที่ของเหล่าทหารผู้กล้า ผู้เข้มแข็งจะลดน้อยลงหรือมีความสำคัญน้อยลงแต่อย่างใด

ในหลวง ร.9
ภาพโดย Jakawin Photography
ในหลวงรัชกาลที่ 9
เรือโท ชารวี แดงใหญ่ ทหารเรือผู้ตั้งมั่นปฏิบัติหน้าที่อารักขาขบวนพระบรมศพ แม้ร่างกายจะอ่อนเพลีย คล้ายจะเป็นลมก็ตาม (ภาพโดย – ด.ญ.พฤกษชาติ เชิดฉาย)

ย้อนไปในวันที่เหล่าพสกนิกรไทยเฝ้าถวายสักการะพระบรมศพ เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2559 ณ ท้องสนามหลวง หลายคนคงได้เห็นภาพเหล่าทหารผู้จงรักภักดีปฏิบัติหน้าที่อารักขาขบวนพระบรมศพริมถนนเป็นจำนวนมาก บางนายมีน้ำตาซึม บางนายยืนโครงเครงตากแดดคล้ายจะเป็นลม แต่ก็ยังใจสู้ตั้งมั่นยืนตรงทำหน้าที่สุดท้ายเพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้สำเร็จ หรือแม้แต่เหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ อย่างเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหนักในช่วงปี พ.ศ.2554 ทหารก็เป็นหนึ่งหน่วยอาสาที่เข้ามาช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนชาวไทย และที่สำคัญคือ ปกป้องดูแลประเทศชาติให้สงบร่มเย็น ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่เหล่าทหารในวันกองทัพบก เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2499 ไว้ดังนี้

soldier01“…หลักสำคัญอันแรกที่ทหารทุกคนต้องระลึกถึงอยู่เสมอ คือความหมายและหน้าที่ของทหาร ประเทศเราเป็นประเทศที่รักความสงบ ไม่ชอบการรุกราน แม้กระนั้นก็ดี การมีกำลังรบย่อมเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้เพื่อรักษาความสงบและอิสรภาพของประเทศ เมื่อทหารมีไว้สำหรับประเทศชาติ ทหารก็ต้องเป็นของประเทศชาติ หาใช่เป็นของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ โดยเฉพาะไม่…”

(พระบรมราโชวาท พระราชทานในวันกองทัพบก
25 มกราคม 2499)

นับว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงใส่พระราชหฤทัยและทรงปกครองดูแลประเทศไทยทุกด้านเลยจริงๆ วันนี้แพรวจึงได้รวมพระบรมฉายาลักษณ์ที่พ่อหลวงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารมาให้ได้ชมกัน

ในหลวง ร.9 ในหลวง ร.9 ในหลวง ร.9 ในหลวง ร.9 ในหลวง ร.9ในหลวง ร.9 ในหลวง ร.9 ในหลวง ร.9


ภาพ : นิตยสารแพรว ปีที่ 33 ฉบับที่ 774 (25 พ.ย. 54), Facebook – Jakawin Photography,ด.ญ.พฤกษชาติ เชิดฉาย, Supitcha Prakham

“ฉันไปได้”…20 ภาพรอยเท้าของ “พ่อ” ไม่ว่า “ลูก” จะอยู่ที่ใดบนขวานทองนี้

ลูกของพ่อทุกคนคงได้อ่านบันทึกจากภาพที่ชื่อว่า “ฉันไปได้” กันมาแล้วในโซเชียลมีเดียที่ถูกแชร์กระหน่ำ ซึ่งคัดลอกมาจากสัมภาษณ์ตอนหนึ่งของ “นายสวัสดิ์ วัฒนายากร” อดีตองคมนตรี และอดีตอธิบดีกรมชลประทาน ที่เล่าถึงการทุ่มเทพระวรกายทรงงานอย่างหนักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ในการเสด็จฯไปทรงงานยังพื้นที่ทุรกันดารโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในการเดินทาง โดยมีใจความว่า…

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯไปทรงงานยังพื้นที่จริง ซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นที่ทุรกันดาร บางแห่งข้าราชการยังไม่เคยไป หรือไม่กล้าไปเพราะกลัวอันตรายด้วยซ้ำ ถ้าวันไหนอากาศไม่ดี หากเป็นผู้ใหญ่ไปดูงาน ฝนมาก็เลื่อนหรือยกเลิก…แต่สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ไม่มีคำว่า “ยกเลิก” เพราะอากาศไม่ดี

แถมยังเสด็จฯออกนอกเส้นทางเป็นประจำ ถ้าทีมถวายความปลอดภัยกราบบังคมทูลว่า “เสด็จฯไปไม่ได้ ไม่มีถนนตัดผ่านพระพุทธเจ้าข้า” พระองค์ท่านจะรับสั่งกลับมาทุกครั้งว่า…

“ฉันไปได้”

ทั้งที่หลายครั้งต้องทรงพระดำเนินปีนป่ายไปบนภูเขา หรือทรงพระดำเนินไต่ลงไปในหุบเหวที่เต็มไปด้วยโคลนตม ปลิง และทากจนค่ำมืดดึกดื่น หลายครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตามเสด็จด้วย มีท่านพระองค์เดียวที่ดึงทากออกจากพระบาทได้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็กสำหรับในหลวง คืนหนึ่งผมได้ร่วมโต๊ะเสวย หลังจากที่พระองค์ท่านเสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พระราชกระแสรับสั่งที่ยังก้องอยู่ในหูของผมจนถึงทุกวันนี้คือ

“ที่เขายากจน ต้องมาทำมาหากินในพื้นที่แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะมา
แต่เพราะเขาไม่มีที่อื่นจะไป ที่ฉันช่วยเขา ไม่ใช่ว่าจะช่วยตลอดไป
แต่ช่วยเพื่อให้เขาได้มีโอกาสช่วยตัวเองต่อไป”

นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่ได้เกิดและอาศัยอยู่บนแผ่นดินภายใต้ร่มพระบารมีของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ ในโอกาสนี้แพรวจึงขอนำ 20 ภาพ ที่บอกเล่าเรื่องราวการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในการเดินทางของ พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน ที่ทรงทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใดบนขวานทองนี้

10

01

07

09

08

20

16

12

11

13

18

19

17

21

ฉันไปได้

24

ฉันไปได้

เรื่อง :Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : FB@Thailandimage

รวมแหวนหมั้นแห่งปี 2016 แสงเพชรวูบวาบกระแทกตา

account_circle

ใกล้สิ้นปีแล้วก็ถึงเวลาส่อง แหวนหมั้นนิ้วนางข้างซ้ายของคนดัง ที่ประกาศรักกันในปี 2016 ว่าจะมีวงไหนบ้างนะ ที่ส่องแสงเปล่งรัศมีทั้งความรัก ความรวยจนละสายตาไปไม่ได้

Cara Santana

cara-santana

คาร่า ซานตาน่า แฟชั่นบล็อกเกอร์ ลูกสาวคนสวยของคารอส ซานตาน่า นักกีตาร์ชื่อก้องโลก ถูกจองตัวไปแล้วเรียบร้อยเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ระหว่างล่องเรือสุดสวีทอยู่ในแม่น้ำฮัดสันกับแฟนหนุ่ม ด้วยแหวนเพชรทรงมรกตน้ำหนัก 5.5 กะรัต ที่ฝ่ายชายออกแบบเอง

Miranda Kerr

miranda-kerr

ม่ายสาวไม่ขาดรัก ถูกจองตัวเป็นรอบที่สองแล้วเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม โดย Evan Spiegel ผู้บริหารหนุ่มหล่อไฟแรงแถมเด็กกว่า ด้วยแหวนเพชรกลมน้ำงามประดับเพชรทรงสี่เหลี่ยมข้างหมูข้างละเม็ด แต่ที่หลายคนอิจฉานางมากกว่าแหวนคือ ฝ่ายชายภูมิใจ ดีใจและปลื้มใจมากที่นางเซย์เยส ก็เลยจัดการโพสต์ภาพแหวนด้วยตัวเองซะเลย

Pippa Middleton

pippa

น้องสาวเจ้าหญิงเคท มิดเดิลตัน ก็เป็นกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาไปอีกคน โดยผู้ชิงหัวใจอดีตคู่จิ้นเจ้าชายเจ้าชายแฮร์รี่ไปครองคือนาย เจมส์แมทธิว งานนี้จับจองหัวใจกันด้วยแหวน 3.5 กะรัต ดีไซน์แปดเหลี่ยมที่ขอบอกเลยว่า แลดูสวยสะดุดตาและมีความเป็นตัวของตัวเองมาก

Beth Behrs

beth-behrs

ในที่สุดนักแสดงสาวจากซีรีย์ดัง The 2 Broke Girls ก็ได้รับแหวนจากแฟนหนุ่มร่างใจ ไมเคิล กลาดิส ที่คบหากันมายาวนานกว่า 6 ปีสักที เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม โดยเป็นแหวนเพชรแบรนด์ดัง ทิฟฟานีแอนด์โค ทรงสี่เหลี่ยมล้อมเพชร

Emilie de Ravin

emilie-de-ravin

หัวใจของนักแสดงสาวจากซีรีย์ Lost  ถูกจับจองโดยผู้กำกับหนุ่ม Eric Bilitch  เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมสักที ด้วยแหวนหมั้นเพชรทรงหมอนก้านแหวนประดับเพชรเล็กๆ เป็นแถวเรียงรายสวยงาม แต่ขอบอกว่า งามกว่านั้นคือ ทั้งคู่มีโซ่ทองคล้องใจเป็นสาวน้อยน่ารักเรียบร้อยแล้ว 1 คน

Anne Vyalitsyna

%e0%b8%ad%e0%b9%81%e0%b8%b7

นางแบบสาวหน้าเก๋ก็ไม่น้อยหน้าใคร หลังได้รับแหวนหมั้นจากแฟนหนุ่ม Adam Cahan เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน  ด้วยแหวนเพชรที่หลายคนบอกว่าก็คือ Solitaire Engagement Ring นั่นแหละ แต่เท่าที่เรามองๆ ดู เหมือนว่าจะเป็นเพชรทรงวงรีนะ แต่ไม่ว่าจะเป็นทรงไหน สุดท้ายคือ นางกำลังจะมีคู่ก็เท่านั้นเอง

Johanna  Braddy

johanna-braddy

นักแสดงสาวจากซีรีย์ The Quantico หมั้นแล้วนะจ๊ะ นางได้รับแหวนไพลินเม็ดโตล้อมเพชรน้ำงามจากแฟนหนุ่ม Freddie Stroma เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา

Kaitlynn Carter

kaitlynn-carter

แฟชั่นบล็อกเกอร์สาวที่ต้องร้องเพลงรอมานานหลายปีดีดัก ในที่สุดก็มีได้รับแหวนจากหนุ่มหล่อตระกูลดัง Brody Jenne งานนี้ก็สมการรอคอยด้วยแหวนทรงไข่เม็ดโตไม่พอ ยังน้ำเลิศอีกด้วย

Blac Chyna

แหวน

นางแบบสาวแซ่บเจ้าของเครื่องสำอาง Lashed by Blac Chynaได้รับแหวนหมั้นจากหนุ่มสุดที่เลิฟ Rob Kardashian ชนิดไวไฟสุดๆ หลังคบหากันแค่ 2 เดือนเท่านั้น แถมแหวนหมั้นก็อลังการเพราะหนักตั้ง 7 กะรัตแน่ะ

Kate Upton

kate-upton

นางแบบชุดว่ายน้ำคนสวยไม่น้อยหน้าใคร เพราะแฟนหนุ่ม Justin Verlander นักเบสบอลคนเก่งจัดแหวนหมั้นเพชรน้ำหนักเบาๆ แค่ 8 กะรัต  ให้นาง แหม..เม็ดโตขนาดนี้ ช่างรับกับนิ้วเรียวยาวดีจริงๆ

Ciara

ciara-1af34327-aadc-4276-bf11-cdf012b8f19d

ขอหยิบแว่นกันแดดมาใส่แพร่บ แบบว่าประกายเพชรนักร้องสาวมันเข้าตา หูย ก็พ่อ Russell Wilsonจัดแหวนเพชร 16 กะรัตให้นางเมื่อวันที่ 11 มีนาคม โดยไฮไลน์อยู่ที่เม็ดกลาง 16 กะรัต ประดับเก๋ๆ ด้วยเพชรข้างทรงหยดน้ำและสามเหลี่ยมอีกข้างละ 2 เม็ด ขนาดใหญ่น้ำงามขนาดนี้ไม่กลัวนิ้วหักหรือไงนะ

Maria Menounos

maria-menounos

หลังบ่มเพาะความรักกันมายาวนานกว่า 19 ปี นิ้วนางข้างซ้ายก็ได้แหวนมาสวมสักที เป็นแหวนจากการออกแบบของ Jean Dousset กับรูปแบบสุดเรียบแค่เพชรกลมล้อมเพชรทั่วไป แต่ที่มากกว่านั้นคือ Keven Undergaro คุกเข่าสวมแหวนให้นางกลางรายการทีวีเลยนะจ๊ะ

Mariah Carey

mariah-carey-105708c6-2397-494e-af4b-fc9451a769bb

จะมีสาวใดไหนเลยจะมีความอลังการเท่าขุ่นแม่มาลัยไม่มีอีกแล้ว เพราะแหวนประดับนิ้วนางก็ต้องคู่ควรบารมีขุ่นแม่ งานนี้ค่าตอบ เซย์เยส คือเป็นแหวนเพชร 35 กะรัต ที่ James Packer แฟนหนุ่มลงทุน เอ๊ย…ตั้งใจมอบให้เธอ

Rosie Huntington-Whiteley

rosie-huntington-whiteley

งานลูกโลกทองคำ เมื่อวันที่ 10 มกราคม คงเป็นวันที่ Rosie นักแสดงสาวจาก The Mad Max: Fury Road จะจดจำไปอีกนาน ด้วย Jason Statham แฟนหนุ่มที่คบกันมายาวนาน มอบแหวนเพชร 5 กะรัตจาก  Neil Lane ซึ่งว่ากันว่าแหวนหมั้นวงนี้มีมูลค่าสูงถึง 350,000 ดอร์ล่าเลยทีเดียว

Jodie Sweetin

jodie-sweetin-68c27459-95b3-4240-ac24-0c22520bab5a

นักแสดงสาวจากซีรีย์ The Fuller House เข้าชมรม ค.อ.ผ. แบบเนียนๆและเริ่ดมากด้วยการโพสต์แหวนหมั้น เพชรล้อมเพชรสองชั้นที่ได้รับจากแฟนหนุ่ม จัสติน โฮดัก ผ่าน IG ส่วนตัวพร้อมแคปชั่นเกร๋ๆ ว่า So… Looks like the cats outta the bag! Haha! I’m so happy and he did a GREAT job with the ring! Good taste @justinhodak_ I love you!!”

Anna Camp

anna-camp-4a57b8a5-ea73-456e-973a-c3497e5e0bd4

นักแสดงสาวเสียงดีจากภาพยนตร์ Pitch Perfect ก็ยอมตกล่องปล่องชิ้นกับแฟนหนุ่ม Skylar Astin ระหว่างวันหยุดช่วงปีใหม่ที่ฮาวาย ด้วยแหวนเพชรบนตัวเรือนทองชมพูสุดหวาน

Rebecca Lo Robertson

rebbecca-robertson-a8b71292-4b6c-4b5b-bfad-dffbbaa3d519

นักแสดงสาวจากซีรีย์ Duck Dynasty ก็ได้รับแหวนหมั้นจากแฟนหนุ่มในปีนี้เช่นกัน ด้วยแหวนของนางไม่เหมือนใครนะคะ เพราะหัวแหวนประดับโอปอล์น้ำหนัก 14 กะรัต ซึ่งเป็นอัญมณีที่เธอชอบมากที่สุด และแหวนวงนี้ยังแฝงความพิเศษตรงที่แฟนหนุ่มของเธอมีส่วนร่วมกันออกแบบกับนักออกแบบเครื่องประดับจนได้มาเป็นแหวนหมั้นสไตล์อาร์ทเดคโคที่ไม่มีใครเหมือนอย่างที่เห็น

Amanda Seyfried

แหวน

สาวสวยในใจหนุ่มๆก็ไม่ว่างให้หนุ่มที่ไหนมาเต๊าะอีกแล้ว เมื่อเธอปรากฏตัวในนิวยอร์คเมื่อวันที่ 6 กันยายน พร้อมแหวนตัวเรือนทองสุดเรียบที่แฝงไว้ด้วยความเท่ ประมาณว่ารักนี้ไม่ต้องมีเพชรมาเอี่ยวและคำยืนยันจากผู้ใกล้ชิดว่านั่นไม่ใช่เครื่องประดับนะ แต่เป็นแหวนหมั้นของคนทั้งคู่จริงๆ

Idina Menzel

idina-menzel

นักร้องสาว เจ้าของเพลง Let it Go ที่แฟนหนุ่มคงไม่ปล่อยเธอไปอีกแล้ว เพราะจับจองสาวมากความสามารถคนนี้ด้วยแหวนเพชรขนาด 2 กะรัตที่เรียกว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่กำลังพอดิบพอดีกับนิ้วเรียวๆ ของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าเธอปลื้มเจ้าแหวนวงนี้มากถึงขนาดอวดความสุขครั้งนี้ผ่านทวิตเตอร์ให้อิจฉาตาร้อนเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง

Nicole Williams

nicole-williams

อีกหนึ่งดาราซีรีย์ที่สวมแหวนไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยหนุ่ม Larry English มอบแหวนเพชรที่ออกแบบเองร่วมกับ Ritani  เป็นแหวนเพชรเม็ดโต 18 กะรัตบนตัวเรือนทองชมพูที่ถ้าเพ่งกันดีๆ จะเห็นว่ามีเพชรประกอบระยิบระยับเป็นร้อยเม็ดเชียวล่ะ

อ่านจบแล้วก็ได้แต่อิจฉาตาร้อนว่านิ้วของพวกเธอช่างวาสนาดีเสียเหลือเกินได้แหวนราคาแพงลิบลิ่วมาประดับ แต่อ่ะเราเบี้ยน้อยหอยน้อยยังพอเข้าใจ แต่ไอ้ที่ยังโสดอยู่เนี่ยมันน่าน้อยใจในวาสนานัก สงสัยต้องไปเล็งแหวนอัญมณีราคาไม่แพง แต่ดีไซน์เก๋กู๊ดที่ช้อปเองน่าจะดีกว่า กระซิกๆ

US-2 Home Page

4 ศิลปินผุดผลงานใหม่ เพื่อมูลนิธิรามาธิบดีฯ ไม่ใช่ของแบรนด์เนม แต่ลิมิเต็ดเอดิชั่น

จะบอกว่าของใช้น่ารักๆไม่ได้จะต้องผูกมัดกับคำว่าแบรนด์เนมเสมอไป ไอเท็มน่าใช้ที่ออกแบบมาเพื่อการให้ ดังเช่นที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯได้จัดทำขึ้นนี้ ก็สามารถสร้างความอิ่มเอมใจให้ผู้นำไปใช้ได้ไม่มากก็น้อยเช่นกัน

แต่ละปีมูลนิธิรามาธิบดีฯจะมีโปรเจ็คท์พิเศษ โดยการนำศิลปินจิตอาสามาสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบลวดลายลงบนข้าวของเครื่องใช้ เพื่อผลิตชิ้นงานสำหรับการระดมทุนนำรายได้สมทบเข้ามูลนิธิอยู่เป็นประจำ โดยในปีนี้ก็ได้ศิลปินจิตอาสา 4 ท่าน คือ ครูโต – หม่อมหลวงจิราธร จิรประวัติ, ครูปาน – สมนึก คลังนอก, แป้ง – ภัทรีดา และนวลตอง ประสานทอง ซึ่งได้ช่วยกันออกแบบลายสำหรับนำมาทำเป็นกระเป๋า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ ไปจนถึงผ้าพันคอ ในชื่อคอลเล็คชั่น “Giving and Happiness” การให้…ไม่สิ้นสุด

ผลงานชื่อ "ด้วยรัก" ศิลปิน ครูโต ถ่ายทอดผ่านภาพการ์ตูน Prince and Princess โทนสีเทา ซึ่งเป็นคาแร็กเตอร์ประจำตัวของครูโต
ผลงานชื่อ “ด้วยรัก” ศิลปิน ครูโต ถ่ายทอดผ่านภาพการ์ตูน Prince and Princess โทนสีเทา ซึ่งเป็นคาแร็คเตอร์ประจำตัวของครูโต
ผลงาน "Little Angles" ศิลปิน ครูปาน 3 เทวดาตัวน้อยในโทนสีชมพูสวยสดใส สะท้อนแนวคิดว่า ผู้ให้ย่อมมีจิตใจสูงหรือมีเทวดาตัวน้อยๆ อยู่ข้างๆ
ผลงาน “Little Angels” ศิลปิน ครูปาน สามเทวดาตัวน้อยในโทนสีชมพูสวยสดใส สะท้อนแนวคิดว่า ผู้ให้ย่อมมีจิตใจสูงหรือมีเทวดาตัวน้อยๆอยู่ข้างๆ
ผลงาน "การให้ของขวัญแห่งความสุขและสุขภาพดี" ศิลปิน แป้ง-ภัทรีดา ประสานทอง ถ่ายทอดเป็นภาพลายเส้นตัวการ์ตูนร่าเริง สดใส ในโทนสีชมพู
ผลงาน “การให้ของขวัญแห่งความสุขและสุขภาพดี” ศิลปิน แป้ง – ภัทรีดา ประสานทอง ถ่ายทอดเป็นภาพลายเส้นตัวการ์ตูนร่าเริงสดใสในโทนสีชมพู
ผลงาน "การให้สุขภาพดี คือการให้ที่ดีที่สุด" ศิลปิน แป้ง-นวลตอง ประสานทอง ลายเส้นเป็นภาพอุปกรณ์ออกกำลังกาย เช่น ฮูลาฮูป ดัมเบล หรือลักษณะการขึ้นลงบันได
ผลงาน “การให้สุขภาพดี คือการให้ที่ดีที่สุด” ศิลปิน แป้ง – นวลตอง ประสานทอง ลายเส้นเป็นภาพอุปกรณ์ออกกำลังกาย เช่น ฮูลาฮูป ดัมบ์เบล หรือลักษณะการขึ้นลงบันได

สำหรับคอลเล็คชั่นนี้ รายได้จะถูกนำไปสมทบทุนโครงการก่อสร้างสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

สั่งซื้อได้ที่ www.ramafoundation.or.th ตั้งแต่วันที่ 17 – 27 ตุลาคม 2559 เริ่มจำหน่าย ณ มูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือเว็บไซต์มูลนิธิรามาธิบดีฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 เป็นต้นไป

 

สถิตอยู่ในใจไทยทั้งปวง “แสตมป์ในหลวงรัชกาลที่ ๙” เรื่องราว ๗ ทศวรรษของพ่อ

“แสตมป์ในหลวงรัชกาลที่ ๙” ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราว ๗ ทศวรรษของพ่อ ที่ทรงทุ่มเททั้งพระวรกายและพระปรีชาสามารถทั้งหมดเพื่อลูก ๖๕ ล้านคน

ในเวลานี้เชื่อว่าทุกคนก็ยังคง “คิดถึงและอาลัย” พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เราพสกนิกรไทยเรียกว่า “พ่อ” และยังเปิดดูภาพของ “พ่อ” ยังพยายามดาวน์โหลดรูปจากเว็บไซต์ต่างๆ ตามแลกธนบัตรและเหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เก็บไว้เพื่อเป็นสิริมงคลสูงสุด และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ จากทุกสิ่งทุกอย่างที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อของ “พ่อ” เพื่อประชาชนคนไทยจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดี

ดังเช่นเรื่องราว ๗ ทศวรรษของการทรงงานหนักของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ถูกถ่ายทอดอยู่บน แสตมป์ ซึ่งมีทั้งสิ้น 70 ชุด 349 แบบ จำนวนพิมพ์กว่า 2 พันล้านดวง

การจะตามล่าหาแสตมป์ดังกล่าวอาจเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก แต่เว็บไซต์เรารักพระเจ้าอยู่หัวได้รวบรวมภาพหายากของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงเซตภาพ “แสตมป์ในหลวงรัชกาลที่ ๙” มาไว้บางส่วน แล้วเปิดโอกาสให้ลูกของพ่อทุกคนสามารถดาวน์โหลดเก็บไว้รำลึกถึงพ่อแห่งแผ่นดิน

แสตมป์ในหลวงรัชกาลที่๙

20121123161037

20121123161039

20121123161041_1

20121123161042

20121123161042_1

20121123161043

20121123161044

20121123161044_1

20121123161038

20121123161038_1

20121123161039_1

20121123161040

20121123161041

20121123161045

แสตมป์ในหลวงรัชกาลที่๙

20121123161046

20121123161046_1

20121123161046_2

20121123161047

สามารถเข้าไปชมภาพหายากของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ที่ : www.เรารักพระเจ้าอยู่หัว.com


เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม

จิตรกรรมฝีพระหัตถ์

พระปรีชาสามารถด้านศิลปะ ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับ จิตรกรรมฝีพระหัตถ์

จิตรกรรมฝีพระหัตถ์
จิตรกรรมฝีพระหัตถ์

เป็นที่ทราบกันดีว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระปรีชาสามารถเชี่ยวชาญศาสตร์หลายแขนง ไม่เว้นแม้แต่ด้านศิลปะ ทั้งภาพถ่าย ภาพวาดจิตรกรรม ซึ่งพระองค์สนพระราชหฤทัยมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

ต้องยอมรับเลยว่าพ่อหลวง หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทยทรงเป็นต้นแบบให้แก่พสกนิกรไทยได้ทุกสาขาอาชีพเลยจริงๆ เพราะพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยและทรงพระปรีชาสามารถหลายด้าน อย่างด้านศิลปะในส่วนจิตรกรรมภาพวาด ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงฝึกฝนและเริ่มวาดภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ด้วยพระองค์เองมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ขณะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งพระองค์ยังได้ทรงแลกเปลี่ยนความรู้กับศิลปินผู้ชำนาญทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างใกล้ชิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นคุณเหม เวชกร, เขียน ยิ้มศิริ, ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์, ออสการ์ โคโคชกา ฯลฯ

ลักษณะ จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ ของพระองค์จะเป็นแนวจิตรกรรมร่วมสมัยหลายรูปแบบ ทั้งแบบเหมือนจริง (Realistic) ภาพเหมือนบุคคล (Portrait) ภาพทิวทัศน์ (Landscape) หรือแม้แต่แนวแบบเอกซ์เพรสชั่นนิสม์ (Expressionism) ที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก หรือแบบนามธรรม (Abstract) พระองค์ก็ยังทรงแสดงการวาดภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะพระองค์ไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเห็นความสำคัญของทุกหยาดสี โดยไม่ปล่อยให้สีที่ใช้วาดนั้นแห้งเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

“…ในห้องเขียนรูปส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงชี้ให้ผู้เขียนดูรูปที่ทรงเขียนเสร็จใหม่ๆ สียังเปียกอยู่ และตรัสเล่าพระราชทานว่า ‘รูปนี้ใช้สีเหลือค้างในกล่องมาละเลงให้มันหมดไปเสีย สีพวกนี้มีโอกาสใช้มันน้อย ถ้าไม่รีบใช้มันก็จะแข็ง ต้องเสียไปเปล่าๆ น่าเสียดาย’…”

(ทวี นันทขว้าง ศิลปินแห่งชาติ บทความ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับงานจิตรกรรม”
จากหนังสือพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จัดพิมพ์ทูลเกล้าฯถวายในโอกาสวันรัชดาภิเษก
9 มิถุนายน 2514)

จะเห็นได้ว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีอุปนิสัยประหยัดมัธยัสถ์ และใส่พระราชหฤทัยแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ นอกจากพระองค์จะทรงสนพระราชหฤทัยและทรงพระปรีชาสามารถด้านศิลปะแล้ว พระองค์ยังทรงสนับสนุนและส่งเสริมศิลปะของไทยด้วย โดยได้พระราชทานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์เข้าร่วมการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ไปแสดงตามนิทรรศการต่างๆ อย่างท้องพระโรงวังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร นิทรรศการพิเศษสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ หรือแม้แต่ส่งไปประเทศญี่ปุ่น ที่ Tokyo Fuji Art Museum และ OMM Exhibition Hall ก็ด้วยเช่นกัน

วันนี้แพรวจึงได้รวมภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์
ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาให้ได้ชมกัน

paint04
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไม่ปรากฏปีที่สร้าง สีน้ำมันบนผ้าใบ
paint03
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พ.ศ.2504 สีน้ำมันบนผ้าใบ 74 x 59.5 ซม.
paint02
กุหลาบไทย พ.ศ.2504 สีน้ำมันบนผ้าใบ 68 x 57 ซม.
paint01
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พ.ศ.2503 สีน้ำมันบนผ้าใบ 90 x 75 ซม.
paint05
ไม่ปรากฏชื่อ
จิตรกรรมฝีพระหัตถ์
สมเด็จพระราชบิดา พ.ศ.2504 สีน้ำมันบนผ้าใบ 38.5 x 28.5 ซม.
paint07
ไม่ปรากฏชื่อ
paint06
ไม่ปรากฏชื่อ

ข้อมูลและภาพ : นิตยสารแพรว ปีที่ 33 ฉบับที่ 774 (25 พ.ย. 54), http://www.supremeartist.org/thai/painting/index.html

Beauty Guide

Sadness Survival Beauty Guide แต่งสวยซ่อนโศก

Beauty Guide
Beauty Guide

ช่วงเวลาแห่งความทุกข์โศกของคนไทยทั้งประเทศทำให้เหมือนเวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า บวกกับสภาพอากาศอึมครึมชวนจิตตกทำให้ยากที่จะหลุดจากบรรยากาอาลัย จนยังต้องเสียน้ำตากันเป็นระยะๆ

แต่ด้วยชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป สาวบิวตี้มืออาชีพจึงต้องรู้จักวิธีใช้อุปกรณ์ดีๆ เพื่อซ่อนริ้วรอยแห่งความโศกเศร้าให้มิดชิด อย่าให้ถึงกับเสียงานเสียการ ร้องไห้ได้แต่ต้อง Move On เรื่องนี้อุปกรณ์บิวตี้ช่วยได้…ขอแค่ใจสู้นะสาวๆ

1 หยุดขนมหวานหน้าจอ
ช่วงนี้ต้องระวังการกินเป็นสำคัญ เฝ้าดูพิธีการที่หน้าจอพร้อมแสน็คเป็นวิถีที่อันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว
ไอศครีม ช็อคโกแลต ป๊อปคอร์น ช่วยคลายเครียดก็จริงแต่กินไปร้องไห้ไปยิ่งทำให้สภาพทรุดโทรม ไม่ต้องไดเอ็ทจนผอมโกรก เพียงระวังของหวาน อย่างน้ำอัดลม ไอศครีมหรือเค้กที่มีน้ำตาล ซึ่งทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวหยาบและก่อให้เกิดสิว หากรู้สึกขาดน้ำตาลจริงๆ เปลี่ยนมาดื่มน้ำผักผลไม้ ชา หรือน้ำเต้าหู้แบบหวานน้อยจะสบายใจสบายหุ่นกว่า

2

เอาน้ำเย็นเข้าลูบ
อาการตาคล้ำยังกลบได้ด้วยคอนซีลเลอร์แต่ตาบวมนั้นซ่อนยากยิ่งกว่า พยายามอย่าร้องไห้แล้วหลับไปทั้งน้ำตา เพราะจะยิ่งทำให้บวมช้ำจนแก้ยากในเวลาเช้า หากต้องเสียน้ำตาก่อนนอนจริงๆ แนะนำให้ใช้น้ำเย็นล้างให้หน้าและดวงตาให้สะอาดก่อนประคบด้วยน้ำแข็งหรือเจลก่อนนอน เพื่อช่วยลดอาการบวมจนแต่งหน้าลำบาก

3-copy

อายครีมแช่เย็นมันเวิร์คมาก
สูตรรีเฟรชตัวเองจากอาการตาบวมช้ำแบบง่ายๆ คือนำอายครีมที่ใช้อยู่ไปแช่ตู้เย็นก่อนนำมาใช้ ความเย็นจะช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลงดวงตาหายบวมได้อย่างว่องไว แนะนำว่าถ้าเลือกชนิดที่เป็นเนื้อสัมผัสเจลล์ได้จะเวิร์คมาก เพราะสามารถเก็บกักความเย็นได้ยาวนานกว่า

4

มาส์กหน้าแล้ว…มาส์กตาหรือยัง?
อายมาส์กที่เคยถูกมองข้ามเหมือนเป็นไอเท็มที่เกินความจำเป็น จะกลายเป็นฮ็อตก็คราวนี้ มาส์กใต้ตาทิ้งไว้ระหว่างดูทีวี เล่นอินเตอร์เน็ตเพื่อลดความบวมช้ำและหยาบกร้านบริเวณใต้ตา เช้าขึ้นมาแต่งหน้าง่ายขึ้นชัวร์

5

Corrector ดีๆ งานนี้ต้องมีไว้
คอนซีลเลอร์ช่วยกลบริ้วรอยบดบังได้แบบคร่าวๆ แต่สำหรับดวงตาที่ร้องไห้มาจนดำคล้ำ แนะนำให้ใช้คอร์เร็คเตอร์ที่มีสีโทนส้มหรือแซลมอนลงบางๆ ก่อนทับด้วยคอนซีลเลอร์ สีออกโทนแดงๆ ส้มๆ นี้เองคือสีคู่ตรงข้ามที่จะช่วยตัดสีคล้ำๆ เขียวๆ ใต้ตาให้หายไปโดยไม่ต้องกลบคอนซีลเลอร์แบบหนาหนัก
หรือหากฉุกเฉินไม่มีจริงๆ ลองแตะลิปสติกสีแดงส้มลงบริเวณใต้ตา เกลี่ยให้เนียนบาง แล้วกลบทับด้วยคอนซีลเลอร์อีกครั้งก็พอแทนกันได้

6

ลงคอนซีลเลอร์สไตล์คาร์ดาเชียน
แต้มคอลซีลเลอร์เป็นจุดเล็กๆ ใต้ตาแล้วเกลี่ยอาจช่วยได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าอยากบิ้วท์ให้ดวงตาที่ดูเศร้าสดใสขึ้นอีก ลงคอนซีลเลอร์สีอ่อนกว่าผิวจริงเป็นรูปสาเหลี่ยมคว่ำแบบที่สาวบ้านคาร์ดาเชียนนิยม แต่ต้องไม่ลืมเกลี่ยให้ดูเนียนกลมกลืนกับผิว ดวงตาจะกลับคืนความไบรท์สดใสอย่างน่าอัศจรรย์

7

เปลี่ยนสีอายไลเนอร์ด่วน!
ใครเคยระบายใต้ตาดำเป็นสาวร็อคชิค ช่วงนี้เว้นไว้ก่อนเพราะนอกจากจะดูไม่สุภาพสมเป็นช่วงไว้ทุกข์แล้ว การแต่งตาแนวนี้ยิ่งทำให้ดูหมองเศร้าได้ง่าย
เปลี่ยนจากการใช้อายไลเนอร์สีดำใต้ตา มาลองใช้อายไลเนอร์ชนิดดินสอสีเนื้อเขียนลงบนเส้นขอบตา ช่วยกลบรอยแดงจากการร้องไห้และความเหนื่อยล้ำที่โชว์บนดวงตา จะดูไบรท์สดใสขึ้นเยอะ

เรื่อง : Padcha_praewnista

สำรวจเส้นทาง ขสมก. ก่อนไปร่วมสร้างประวัติศาสตร์ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีถวายในหลวงรัชกาลที่ 9

นับตั้งแต่การประกาศจากสำนักพระราชวังเรื่องการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนถึงวันนี้ เหล่าพสกนิกรชาวไทยต่างก็ร่วมใจแสดงความอาลัยร่ำไห้กันทั้งแผ่นดิน และในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2559 นี้ก็จะมีเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งที่จะเป็นการรวมพลังของประชาชนคนไทยทั้งชาติ ซึ่งจะมาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุุณ

ดังนั้นการเดินทางไปยังพระบรมมหาราชวังในช่วงนี้จึงต้องมีการติดตามข่าวเป็นพิเศษ เนื่องจากประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาถวายลงนามและเคารพพระบรมศพต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์มีจำนวนมากนับแสนคน จึงจำเป็นต้องศึกษาเส้นทาง รวมถึงจุดที่มีรถรับ – ส่งเอาไว้ล่วงหน้า เพราะการเดินทางมาที่นี่ด้วยรถยนต์ส่วนตัวไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีการปิดถนนบริเวณรอบพระบรมมหาราชวังในทุกจุด ซึ่งเส้นทางการมายังท้องสนามหลวงเพื่อร่วมในกิจกรรมนี้ ทางเว็บไซต์ ขสมก.ได้ให้ข้อมูลดังนี้

ข้อมูล/ภาพ : http://www.bmta.co.th
ข้อมูล/ภาพ : http://www.bmta.co.th

นอกจากนี้สำหรับผู้ที่จะมาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ยังมีการระบุข้อมูลหมายกำหนดการต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมจากอินสตาแกรมของคุณหญิงแมงมุม – ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล ไว้ว่า กิจกรรมดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 13.00 น. – 17.00 น. โดยให้ประชาชนที่มาร่วมงานแต่งกายด้วยชุดดำสุภาพ ส่วนในช่วงเวลาหลัง 22.00 น. ให้ผู้ที่มาร่วมงานแต่งกายด้วยชุดดำสุภาพ พร้อมกับนำเทียนขาวติดมาด้วย

how-to-go-to-sanamluang-1

ทั้งนี้ประชาชนที่มาร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้น จะยืนอยู่ ณ บริเวณตั้งแต่ด้านหน้าของสนามหลวงมาจนถึงถนนหน้าพระลาน สุดมายังหัวถนนหน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร และต่อเนื่องล้อมรอบกำแพงของพระบรมมหาราชวังตามภาพ

how-to-go-to-sanamluang-2

 

 

รวมบทเพลงบีบหัวใจจากศิลปินไทย พร้อมใจกันแต่งเพลงรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9

เคยฟังเพลงอยู่ดีๆแล้วร้องไห้ตามไหม? หลังจากที่หลายคนได้ทราบข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็ทำให้นำมาซึ่งความเศร้าเสียใจของคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงเหล่านักร้อง ศิลปิน ที่ต่างก็ถ่ายทอดความรู้สึกไว้อาลัยผ่านบทเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้น

แต่ละเพลงถูกกลั่นออกมาจากความรัก ความอาลัย ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างหาที่สุดไม่ได้ ถือเป็นบทเพลงที่เศร้าที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยฟังมาเลยก็ว่าได้ และนี่คือบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อรำลึกถึงพ่อหลวงของเราที่แพรวรวบรวมมา เชิญรับชมและรับฟังได้เลยค่ะ

1. 13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง – ธเนศ วรากุลนุเคราะห์

เนื้อหาเกี่ยวกับความรู้สึกใดๆที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 13 ตุลาคม ที่เราทุกคนได้ทราบข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นความรู้สึกของการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของใครหลายๆคน

2. พลังแสงอาทิตย์ – ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ft. คิว Flure (Prod. by ธิติวัฒน์ รองทอง)

บทเพลงให้กำลังใจ ถึงแม้วันนี้คนไทยเราต้องอยู่โดยไร้พ่อ แต่คำสอนของพ่อยังฉายแสงนำทางเราเสมอ เป็นพลังที่ไม่มีวันดับสูญ เหมือนกับแสงอาทิตย์ที่ยังขึ้นยามเช้าไม่เปลี่ยนผันไป

3. ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9 – เสก โลโซ

เพลงนี้พี่เสก โลโซ แต่งขึ้นแทนอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยทั้งแผ่นดิน เจ้าตัวแต่งขึ้นเพื่อถวายความอาลัยและเพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยพี่เสกบอกว่าใช้เวลาแต่งเพลงนี้ไม่นาน เพราะคำทุกคำกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่พูดไม่หมดจริงๆ

4. พ่อภูมิพล – แอ๊ด คาราบาว

เพลงพิเศษที่แอ๊ด คาราบาว แต่งขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “พ่ออยู่หัวภูมิพล” ของพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลา 70 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติ พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆอันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทยอย่างไม่หยุดหย่อน

5. เล่าสู่หลานฟัง – สลา คุณวุฒิ

เป็นอีกบทเพลงหนึ่งจากครูสลา คุณวุฒิ ที่ฟังทีไรเป็นต้องน้ำตาไหลทุกที ครูสลาแต่งขึ้นเพื่ออยากจะบอกเล่าถึงความโชคดีของประชาชนชาวไทยที่มีพระราชาที่ดีที่สุดในโลก และจะได้เล่าให้รุ่นลูกรุ่นหลานของเราฟังถึงความดีของท่าน

6. พ่อครับ – ฟองเบียร์

เพลงนี้เปรียบเหมือนการเขียนจดหมายฉบับหนึ่งใจความสั้นๆถึงพ่อที่จากไปแล้ว เป็นอีกเพลงหนึ่งที่เรียกได้ว่าแทนความรู้สึกของคนไทยได้เป็นอย่างดี

7. ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป – เป้ วงมายด์

เพลงนี้แต่งขึ้นจากความรู้สึกรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ผู้ซึ่งชาวไทยทั้งชาติเรียกว่า “พ่อ” อยากจะส่งมอบความรู้สึกเหล่านี้ไปให้คนไทยรุ่นต่อๆไปที่อาจจะเกิดไม่ทันในรัชกาลที่ 9 ให้ได้รู้และซาบซึ้งว่าเหตุใดท่านจึงเป็นพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย

8. พ่อจ๋า – พริกไทย

เป็นเพลงสั้นๆแต่ความหมายกินใจคนฟังเหลือเกิน เนื้อหาพูดถึงการจากไปของพ่อ ถึงแม้พ่อจะจากไป แต่จะอยู่ในความคิดถึงของลูกตลอดไป

9. วันที่พ่อไม่อยู่ – ว่าน – ธนกฤต พานิชวิทย์

ว่าน – ธนกฤต เล่าว่าเขาเขียนเพลงนี้ด้วยหัวใจที่ภักดี หวังเพียงเพื่อจะสื่อสารถ้อยความทั้งหลายนี้ให้ลอยไปบนฟ้าไกล ลูกๆชาวไทยจะเดินตามรอยเท้าของพ่อ และจะช่วยกันดูแลประเทศไทยที่พ่อรักด้วยความจงรักภักดีไปจนลมหายใจสุดท้าย

10. สรรเสริญพระบารมี – ศิลปิน VieTrio และวง JEEB Bangkok

เพลงสุดท้ายคือเพลงสรรเสริญพระบารมี ที่นำมาร้องใหม่โดยกลุ่มศิลปิน VieTrio และวง JEEB Bangkok ทั้งเนื้อร้องและทำนองเรียกน้ำตาเราได้ตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ

เรื่อง : saipiroon_แพรวดอทคอม

เลี้ยงลูกให้ดีงาม เดินตามคำสอนพ่อ จากพระบรมราโชวาทสู่แนวทางการปฏิบัติได้จริง

ในฐานะประชาชนของแผ่นดิน คงไม่มีการตอบแทนคุณใดดีไปกว่าการน้อมนำคำสอนของพ่อมาประยุกต์ใช้ในชีวิต เพื่อเป็นคนดีให้พ่อได้ภูมิใจ

จึงขอน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บางส่วนมานำเสนอ พร้อมสอดแทรกข้อคิดที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูลูกน้อย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ผู้อ่านไม่เพียงได้ปฏิบัติตามเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งต่อการดำเนินชีวิตตามพระบรมราโชวาทไปยังเจ้าตัวน้อย เปรียบเสมือนการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงามในใจลูก สืบสานเจตนารมณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ให้คงอยู่ต่อไปไม่รู้จบ

1

“…เด็กๆต้องฝึกหัดอบรมทั้งกายทั้งใจให้เข้มแข็ง เป็นระเบียบ และสุจริต เพื่อประโยชน์ของตนในภายหน้า เพราะคนที่ไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถควบคุมกายใจให้อยู่ในระเบียบและความดี ยากนักที่จะได้ประสบความสำเร็จและความเจริญอย่างแท้จริงในชีวิต…”

ความตอนหนึ่งในพระบรมราโชวาทพระราชทานเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี พ.ศ.2526

สร้างความเข็มแข็งทางใจให้ลูกน้อย

ความเข้มแข็งทางใจ คือ ความสามารถในการจัดการกับปัญหาและวิกฤติของชีวิตให้สามารถฟื้นตัวกลับสู่สภาพปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งเกิดการเรียนรู้และเติบโตจากการเผชิญหน้ากับปัญหาและวิกฤติ ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการจัดการปัญหาหรือการมองปัญหาไม่เหมือนกัน ทั้งนี้การจะรับมือกับปัญหาอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและประสบการณ์ในวัยเด็กเป็นสำคัญ

ทั้งนี้การสร้างความเข้มแข็งทางใจเป็นกระบวนการพัฒนาส่วนบุคคล เด็กแต่ละคนมีพื้นฐานอารมณ์และจิตใจแตกต่างกัน จึงมีความเป็นไปได้ว่าในสถานการณ์เดียวกัน เด็กๆจะตอบสนองแตกต่างกันไป อีกทั้งสภาพแวดล้อม ค่านิยมของสังคมที่แตกต่างก็อาจส่งผลต่อการแสดงออกต่อปัญหาของเด็กๆต่างกันไปด้วย อย่างไรก็ดี พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมให้ลูกพัฒนาไปสู่การมีความเข้มแข็งทางใจได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

  • เด็กๆควรมีความรู้สึกผูกพันมั่นคงกับผู้เลี้ยงดูอย่างน้อยหนึ่งคนที่จะเป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิต
  • เปิดโอกาสให้ลูกได้ตัดสินใจเรื่องต่างๆเองบ้าง โดยที่คุณเป็นผู้สังเกตทัศนคติของลูกอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงความรู้สึกต่อผลของการตัดสินใจไม่ว่าจะดีหรือร้ายได้ด้วยตัวเอง
  • ให้ลูกรู้ว่าคุณมีความห่วงใยในทุกสิ่งที่ลูกทำ และคุณคาดหวังว่าลูกจะทำทุกสิ่งทุกอย่างดีที่สุด ไม่ว่าดีที่สุดของลูกจะแค่ไหนก็ตาม พ่อแม่จะยอมรับและคอยให้กำลังใจเสมอ
  • มีส่วนร่วมในประสบการณ์ต่างๆที่ทำให้ลูกรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษและเป็นตัวของตัวเอง สอนลูกให้เข้าใจวิธีการรับมือกับคำชมและคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ
  • เด็กๆจะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ดีกว่า หากเขารู้สึกมั่นคงและปลอดภัย ดังนั้นไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะทำงานเครียดเพียงใด ควรหาเวลาในแต่ละวันที่จะพูดคุยถามไถ่ความเป็นไปในชีวิตลูก แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวันของคุณ ซึ่งถือเป็นการสร้างรากฐานความเชื่อใจที่สำคัญระหว่างคุณและลูก
  • เปิดโอกาสให้ลูกได้ทำงานเพื่อคนอื่นๆ เช่น การเป็นอาสาสมัคร หรือพาลูกไปบริจาคสิ่งของให้ผู้ขาดแคลน กิจกรรมเหล่านี้จะทำให้ลูกรู้ถึงความสามารถของตนเอง และช่วยให้ลูกค้นพบตัวตนได้ง่ายขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น อีกทั้งยังทำให้ลูกมองเห็นคุณค่าในตัวเองและในคนอื่นๆรอบตัวอีกด้วย
  • ทำให้ลูกรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พ่อแม่รู้สึกขอบคุณที่มีลูกอยู่ในชีวิต มอบหมายให้ลูกดูแลสัตว์เลี้ยง ดูแลน้อง และงานบ้านอื่นๆที่เหมาะสมกับความสามารถของลูก
  • สอนลูกให้ยอมรับสิ่งที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ทุกคนมีความพิเศษเฉพาะตัว
  • สอนลูกให้รู้จักต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเองด้วยวิธีที่เหมาะสม พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการพูดคุยด้วยเหตุผลและให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้จะมีความคิดไม่เหมือนกันก็ตาม

2

“การมีเสรีภาพนั้นเป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้ จำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ตามความรับผิดชอบ มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพและความเป็นปกติสุขของส่วนรวมด้วย

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๙ กรกฎาคม 2514

เลี้ยงลูกให้มีเสรีภาพอย่างพอดี

คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าเสรีภาพคือการทำอะไรก็ได้ตามความต้องการของตนเองโดยที่ไม่กระทบผู้อื่น ซึ่งความเข้าใจเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้องเสมอไปนัก เพราะการ “ทำอะไรก็ได้” แม้จะไม่กระทบต่อส่วนรวมโดยตรง แต่หากส่งผลเสียต่อตัวผู้กระทำเองก็ย่อมเกิดผลเสียต่อสังคมโดยรวมในทางอ้อมด้วย เช่น การใช้ยาเสพติด แม้ผู้เสพจะไม่ได้มีอาการคลั่งออกไปอาละวาดทำร้ายใคร แต่ผลเสียของการใช้ยาก็ย่อมทำให้ผู้นั้นมีความเจ็บป่วยทางกาย ทางใจ ไม่สามารถใช้ชีวิตหรือทำงานได้ตามปกติ ทำให้สังคมขาดบุคลากรที่มีคุณภาพไปอย่างน้อยหนึ่งราย คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนให้ลูกตระหนักว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังคำกล่าวที่ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” นั่นเอง

การสอนลูกให้รู้จักใช้เสรีภาพอย่างมีขอบเขตจึงจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการฝึกระเบียบวินัย เช่น ภายในห้องส่วนตัวของลูก ลูกจะตกแต่งอย่างไรก็ได้ แต่ลูกก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาให้สะอาดเรียบร้อยด้วย หากลูกเลือกที่จะไม่ทำความสะอาดห้อง ลูกก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นการลงโทษของพ่อแม่ หรือการที่ห้องส่งกลิ่นเหม็นและเป็นที่อยู่ของสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์ เป็นต้น อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าเสรีภาพต้องเกิดขึ้นภายใต้กฎระเบียบและการเคารพซึ่งกันและกัน พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ใช้เสรีภาพอย่างเหมาะสม คอยให้คำแนะนำ และอธิบายให้ลูกฟังถึงการที่ลูกจะต้องรับผิดชอบต่อผลของการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ รวมทั้งควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกได้เห็นและได้เรียนรู้ในชีวิตประจำวันด้วย

3

“การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้นจะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัวช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 31 ธันวาคม 2502

สอนลูกรักรู้จักใช้เงิน

ว่าด้วยเรื่องการสอนลูกให้รู้คุณค่าของเงินและการรู้จักใช้เงินนั้น อาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่จะว่าไปแล้วการใช้เงินเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา หากเราหาโอกาสที่เหมาะสมในการแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง และค่อยๆสอนสอดแทรกแนวคิดเรื่องการใช้เงินไปในชีวิตประจำวัน เด็กก็จะซึมซับได้เองโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงวัยของลูกในการสอนเรื่องการใช้เงิน เพื่อให้เจ้าตัวน้อยเรียนรู้ได้ง่ายขึ้นดังนี้ค่ะ

สอนลูกวัย 2 – 3 ขวบ สำหรับเจ้าตัวน้อยวัยนี้อาจยังไม่เข้าใจเรื่องคุณค่าของเงินเท่าใดนัก แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มสอนให้ลูกรู้จักชื่อเรียกและมูลค่าของเหรียญและธนบัตรชนิดต่างๆได้แล้ว โดยใช้วิธีเล่นสนุกๆอย่างการนำเหรียญวางไว้ใต้แผ่นกระดาษ แล้วใช้ดินสอระบายบนรอยนูนของเหรียญ เพื่อให้ลวดลายของเหรียญชนิดนั้นๆปรากฏขึ้นบนกระดาษ แล้วให้ลูกสังเกตว่าแต่ละเหรียญต่างกันอย่างไร พร้อมบอกมูลค่าของเหรียญชนิดนั้นๆ ก่อนจะให้ลูกหยิบเหรียญมาจับคู่กับรูปที่ปรากฏบนกระดาษ สำหรับธนบัตรอาจใช้กระดาษสีมาตัดและเขียนมูลค่าที่เท่ากับธนบัตรจริงๆ แล้วให้ลูกได้จับคู่ของจริงกับกระดาษสีที่ตัดไว้ เช่น ใช้กระดาษสีเขียวแทนแบงก์ยี่สิบ สีแดงแทนแบงก์ร้อย เป็นต้น

6

สอนลูกวัย 4 – 5 ขวบ หนูน้อยวัยนี้ชื่นชอบการเล่นบทบาทสมมุติ และโตพอที่จะเข้าใจเรื่องมูลค่าของเงินบ้างแล้ว ชวนลูกเล่นซื้อของขายของ โดยสลับให้ลูกเป็นทั้งคนขายและคนซื้อ ใช้เงินของเล่นในการจับจ่าย เปิดโอกาสให้ลูกได้ตั้งราคาสินค้าและเลือกซื้อของในงบที่กำหนด นอกจากนี้เวลาที่ออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อของเข้าบ้าน ลองเปิดโอกาสให้ลูกได้ช่วยจดรายการของที่จะซื้อ และให้ลูกได้ลองดูป้ายราคาเพื่อเปรียบเทียบซื้อสินค้าที่คุ้มค่ามากที่สุด คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเหนื่อยในการพูดอธิบาย แต่ลูกจะได้ซึมซับเรื่องการรู้จักใช้เงินและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้เมื่อเขาโตขึ้น

สอนลูกวัย 6 ขวบขึ้นไป นอกจากจะชวนลูกไปซื้อของด้วยกันเหมือนกับการสอนลูกวัย 4 – 5 ขวบแล้ว คุณควรเริ่มปลูกฝังนิสัยรักการออม และฝึกให้ลูกรู้จักวางแผนการใช้เงินด้วยตัวเอง โดยให้เงินค่าขนมลูกในจำนวนที่แน่นอน ไม่ว่าจะให้เป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ สอนให้ลูกลองวางแผนใช้จ่ายเพื่อให้มีเงินเหลือเก็บ เมื่อครบเดือนแรกลองนั่งคุยกับลูกว่าลูกวางแผนอย่างไร และมีเงินเก็บเท่าไร คอยให้คำแนะนำและกำลังใจ ระวังที่จะไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินการกระทำของลูกด้วยคำพูดในแง่ลบ เมื่อลูกออมเงินได้จำนวนหนึ่งก็ชวนลูกนำเงินไปฝากธนาคาร อธิบายถึงความสำคัญของการออม เปิดบัญชีในชื่อลูก ให้เขาเก็บรักษาสมุดบัญชีของตัวเอง ลูกจะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง

4

“การทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้น ที่จะให้เป็นไปโดยราบรื่น ปราศจากปัญหาข้อขัดแย้ง ย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะคนจำนวนมากย่อมมีความคิดความต้องการที่แตกต่างกันไป มากบ้างน้อยบ้าง ท่านจะต้องรู้จักอดทนและอดกลั้น ใช้ปัญญา ไม่ใช้อารมณ์ ปรึกษากัน และโอนอ่อนผ่อนตามกันด้วยเหตุผล โดยถือว่าความคิดที่แตกต่างกันนั้นมิใช่เหตุที่จะทำให้เป็นข้อขัดแย้ง โต้เถียง เพื่อเอาแพ้เอาชนะกัน แต่เป็นเหตุสำคัญที่จะช่วยให้เกิดความกระจ่างแจ้งทั้งในวิถีทางและวิธีการปฏิบัติงาน”

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น 17 ธันวาคม 2541

สอนลูกยอมรับความแตกต่าง อยู่อย่างเข้าใจ

ในสังคมเรานั้นมีความแตกต่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมยุคใหม่ที่ทุกส่วนในโลกเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างง่ายดาย ความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ และทัศนคติต่างๆ แม้จะเป็นสิ่งธรรมดาที่มีอยู่ในสังคมมาช้านาน แต่เมื่อโลกที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ความแตกต่างเหล่านี้ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องเผชิญกับความแตกต่างหลากหลายในด้านต่างๆในสังคมทุกๆวัน ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจความแตกต่างเหล่านั้นคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

การสอนลูกให้เข้าใจและรับมือกับความแตกต่างนั้น หัวใจสำคัญต้องเริ่มจากคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกค่ะ เริ่มต้นง่ายๆในชีวิตประจำวัน เช่น การไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือล้อเลียนรูปลักษณ์ของคนอื่นที่ไม่เหมือนเรา ไม่ให้คุณค่ากับภาพลักษณ์ภายนอกมากกว่าความสำคัญของจิตใจ จริงๆการสอนเจ้าตัวน้อยในเรื่องนี้เป็นเหมือนการปลูกฝังทัศนคติที่ทำได้ตั้งแต่ลูกยังแบเบาะ เพราะในทุกๆวันลูกเฝ้ามองดูคุณเป็นแบบอย่างอยู่เสมอ เด็กเรียนรู้จากการเลียนแบบ ดังนั้นหากคุณต้องการให้ลูกมีแนวคิดในการดำรงชีวิตอย่างไร พ่อแม่เริ่มได้จากการเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น

  • สังเกตทัศนคติของตนเองอยู่เสมอ พยายามอย่าใช้ทัศนคติแบบเหมารวม รวมทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็นในเรื่องการเคารพความแตกต่างหลากหลายในสังคม
  • ระลึกอยู่เสมอว่าลูกคอยฟังสิ่งที่คุณพูดอยู่เสมอ แม้ว่าคุณไม่ได้พูดกับเขาก็ตาม ระวังถ้อยคำและน้ำเสียงที่คุณใช้พูดถึงคนที่แตกต่าง ไม่ควรล้อเลียนภาพลักษณ์ของคนอื่นเพียงเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องตลก
  • เลือกหนังสือ เพลง หรือเรื่องราวตามสื่อต่างๆอย่างระมัดระวัง อิทธิพลของสื่อต่อการหล่อหลอมทัศนคติของคนเรามีพลังมากกว่าที่เราคาดคิด
  • หาโอกาสสอนและอธิบายให้ลูกฟังว่าการล้อเลียนคนอื่นที่ต่างจากเราเป็นการไม่ให้เกียรติและไม่สุภาพ อีกทั้งยังทำร้ายความรู้สึกของคนที่ถูกล้อเลียนอีกด้วย เช่น ในรายการทีวีที่ล้อเรื่องสีผิวหรือน้ำหนักของบุคคล เป็นต้น
  • สร้างสังคมแห่งการให้เกียรติและยอมรับซึ่งกันและกันในครอบครัว ยอมรับทักษะ ความชื่นชอบ และสไตล์ที่ต่างกันของลูกแต่ละคน ให้คุณค่ากับความเป็นตัวของตัวเองของสมาชิกในครอบครัว
  • เปิดโอกาสให้ลูกได้พบปะผู้คนและสังคมที่หลากหลายด้วยการพาลูกทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เข้าค่ายฤดูร้อน หรือเป็นอาสาสมัครกิจกรรมเพื่อสังคม
  • อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าการยอมรับความแตกต่างไม่ได้หมายถึงการยอมรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คนที่รังแกคนอื่น แต่การยอมรับความต่างคือการเข้าใจว่าคนทุกคนมีสิทธิได้รับการยอมรับ ปฏิบัติ และให้เกียรติอย่างเท่าเทียมกัน7

ในความโศกเศร้า คุยกับลูกอย่างไร

การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของชาวไทย บรรยากาศแห่งความโศกเศร้าที่ปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดินย่อมส่งผลต่อประชาชนตัวน้อยๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยคงต้องคิดตอบคำถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ถึงน้ำตาไหลทุกครั้งที่ดูข่าว ทำไม่คุณพ่อดูซึมๆ คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายก็ไม่สดใสเหมือนเดิม

ผศ. พญ.ปราณี เมืองน้อย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ มีข้อแนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองในการพูดคุยกับลูกในเรื่องนี้ว่า ควรบอกลูกอย่างตรงไปตรงมา โดยเลือกใช้คำที่เด็กเข้าใจได้ง่ายๆ เช่น “ในหลวงกลับไปอยู่บนสวรรค์แล้ว แม่เสียใจเพราะจะไม่มีโอกาสได้เห็นท่านอีก” โดยไม่ต้องอธิบายให้ซับซ้อน เพราะเด็กเล็กยังไม่เข้าใจเรื่องความตายมากนัก ในกรณีที่คุณแม่หรือสมาชิกในครอบครัวมีความโศกเศร้ามาก บรรยากาศในครอบครัวมีแต่ความหม่นหมอง เด็กๆอาจรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย เพราะผู้ใหญ่มีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไป คุณควรให้ความมั่นใจกับลูก รวมทั้งทำกิจวัตรประจำวันต่างๆกับลูกให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พ่อแม่อาจใช้โอกาสนี้อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงอารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเศร้าโศกร้องไห้แล้ว ก็ต้องจัดการกับอารมณ์ของตัวเองและดำเนินชีวิตต่อไป เล่าให้ลูกฟังถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ความดียิ่งใหญ่ที่ท่านทรงทำให้ประชาชน ทำให้ท่านทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย เมื่อท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย ทุกคนจึงเสียใจมาก บอกลูกว่าการทำความดีเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และถึงแม้ว่าผู้ที่ทำดีจะจากไป แต่ความดียังคงอยู่ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงเสมอ” ผศ. พญ.ปราณี กล่าวทิ้งท้าย

เรียบเรียงโดย : saipiroon_แพรวดอทคอม

ภาพ : Kate Napaphat

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตรัสถึงสิ่งที่ทำให้ พ่อหลวง ทรงพระสำราญ คือการทอดพระเนตรเห็นคนไทยรักกัน

แม้มีเรื่องโศกเศร้าอันยิ่งใหญ่จนหัวใจคนไทยแทบสลาย แต่คำสอนที่ พ่อหลวง พ่อของแผ่นดิน หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เพิ่งตรัสให้คนไทยตระหนักรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยหลายๆคนยังคงเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป และหากจะเปลี่ยนแปลงบ้าง ก็คงเป็นเรื่องที่คนไทยหันมาให้ความสำคัญต่อพระบรมราโชวาทของพ่อหลวง และได้นำมาปรับใช้กับชีวิตของตนเอง เพื่อก่อประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและสังคมกันมากขึ้น

 

prathep_05สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
มีพระราชดำรัชถึง พ่อหลวง
ปรากฏบนหนังสือ “ในหลวงของเรา” ไว้ดังนี้

“เวลาที่ทรงพระสำราญ คือ เวลาที่เสด็จออกวางโครงการพัฒนาประเทศ และเห็นว่าพระราชดำริคงจะมีประโยชน์ต่อประชาชนในเวลาที่เห็นผลจากโครงการต่างๆ อีกประการหนึ่ง สิ่งที่ทำให้ทรงพระสำราญคือ การที่ได้ทอดพระเนตรเห็นประชาชนมีน้ำใจต่อท่านและประชาชนด้วยกัน ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะมีส่วนช่วยพระองค์ท่านได้ โดยการช่วยตัวเอง ช่วยเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ มีความรัก ความสามัคคี ทำตนเป็นพลเมืองดี เห็นแก่ชาติบ้านเมือง”

(พระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
หนังสือในหลวงของเรา)

เชื่อว่าภาพเหตุการณ์ดีๆที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้และวันต่อๆไปนั้น ได้ทำให้พ่อหลวงที่อยู่บนฟ้าทรงพระสำราญ เปี่ยมสุข ดังที่เคยให้พระราชดำรัสในการเสด็จออกมหาสมาคม วันที่ 9 มิถุนายน 2549 ดังนี้

พ่อหลวง“…ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคนทุกฝ่ายนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น นึกถึงคุณธรรมเป็นที่ตั้งของความรัก ความสามัคคี ที่ทำให้คนไทยเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันรักษาและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันมาได้ตลอดรอดฝั่ง…”

(พระราชดำรัสในการเสด็จออกมหาสมาคม 9 มิถุนายน 2549)

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และในหลวงรัชกาลที่ 9

พ่อหลวง prathep_06 prathep_04 prathep_01 prathep_02

ทำดี มีน้ำใจต่อตนเองและคนอื่น

prathep_10 prathep_09 prathep_11 prathep_12 prathep_13

มาร่วมมือช่วยกันดูแลประเทศไทย บ้านของเราชาวไทยให้ดีกันเถอะ…


ที่มา : นิตยสารแพรว ปีที่ 33 ฉบับที่ 774 (25 พ.ย. 54)
ภาพ : นิตยสารแพรว ฉบับที่ 774, Sriploi, Facebook – Natcha Preamkatok, Supitcha Prakham, นิทรรศการพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินสยาม, Phu Nutd ,Silpakorn University

ทำความดีเพื่อพ่อ “เก่ง วงเฟลม” “เอก ซีซันไฟฟ์” บวชถวายเป็นพระราชกุศลอุทิศแด่ “พ่อหลวง”

ในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งที่ขอ ทำความดีเพื่อพ่อ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ที่มีต่อ “พ่อหลวงของแผ่นดิน”

หลายคนมีวิธี ทำความดีเพื่อพ่อ ในแบบของตนเอง ซึ่งสำหรับ “เอก – สุดเขต จึงเจริญ” สมาชิกวง “Season Five” (ซีซันไฟฟ์) ตั้งใจบวชถวายเป็นพระราชกุศลอุทิศแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เข้าพิธีอุปสมบทใน โครงการบรรพชาอุปสมบทจำนวน 89 รูป ไปแล้ววันนี้ (21 ตุลาคม 2559) เมื่อเวลา 12:30 น. ณ ธรรมสถานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก โดยได้รับฉายาทางธรรมว่า “สุสุทฺโธ” (สุ-สุท-โธ) แปลว่า ผู้บริสุทธิ์ยิ่งด้วยธรรม

“หลายคนมีวิธีทำความดีในแบบของตัวเอง ส่วนตนตั้งใจจะบวชถวายเป็นพระราชกุศลอุทิศแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเป็นการบวชพระครั้งแรกในชีวิต เมื่อคุณแม่และครอบครัวทราบข่าวก็เห็นด้วยและร่วมยินดี แม้จะมีเวลาเตรียมตัวไม่กี่วันก็ตาม ซึ่งจะเป็นการบวชทั้งหมด 15 วัน จำวัดที่นี่ 7 วัน ก่อนจะไปจำวัดที่วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรี ก่อนหน้าที่จะบวชตนเองได้มีโอกาสเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งที่พระองค์ทรงผนวชในพระบวรพุทธศาสนา ตนเลยรู้สึกว่าท่านเป็นพระเจ้าอยู่หัวที่มีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ก็เลยเกิดความคิดว่า เราเองในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งที่ยังไม่เคยอุปสมบทเลย ก็น่าจะทำหน้าที่นี้เมื่อมีโอกาส การบวชครั้งนี้ก็เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน และเพื่อทดแทนบุญคุณบุพการีด้วย ซึ่งจะอุปสมบททั้งสิ้นเป็นเวลา 15 วัน”

อุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล แด่ “พ่อหลวง”

05

06

อุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล แด่ “พ่อหลวง”
พระสุสุทฺโธ

 

ขณะที่ “เก่ง นักร้องนำวงเฟลม” (อภิมงคล คูณธาการ) เจ้าของเพลงฮิต โอเคป่ะ? (Yes or No)
ได้เข้าอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวงไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ วัดถ้ำโพธิ์ทอง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม โดยได้รับฉายาทางธรรมว่า “อภิวัณโณ” แปลว่า ผู้มีความงดงาม ผู้มีบารมีธรรม

“วินาทีแรกที่ผมรู้ข่าว นี่คือสิ่งที่ผมคิดจะทำในวันที่ดวงใจแตกสลาย และผมก็ตั้งใจทำเลยโดยไม่ป่าวประกาศ และไม่รีรออะไรทั้งสิ้น ผมตั้งใจบวชให้พระองค์ท่าน ซึ่งสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้อาจจะเล็กน้อยมากๆ ถ้าเทียบกับพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีให้แก่ปวงชนชาวไทย โดยงานนี้จะมีแค่ครอบครัวและญาติที่ทราบครับ เพราะตั้งใจจะบวชแบบง่ายๆเรียบๆ เวลาที่ผมนึกถึงพระองค์ท่าน ผมจะเห็นภาพที่ท่านทรงงานหนักเพื่อคนไทยมาตลอด บุกป่า ลุยน้ำ ลุยฝน เพื่อประชาชนของท่านมากว่า 70 ปี ภาพที่ท่านเหงื่อไหล ไม่เคยทำเพื่อตัวเอง แต่ทรงทำเพื่อประชาชนอย่างเดียว ผมจึงตั้งใจบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของผมและปวงชนชาวไทยตลอดไป ผมขอสัญญาว่าผมจะเป็นคนดีและปฏิบัติตามคำสอนของพ่อหลวงครับ”

ทำความดีเพื่อพ่อ

อุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล แด่ “พ่อหลวง”

พระอภิวัณโณ
พระอภิวัณโณ

 

นอกจากนี้ยังมีศิลปินค่าย “มี เรคคอร์ด” สังกัด “มิวสิคมูฟ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ฯ” อย่าง “เอ – พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ” หนึ่งในสมาชิกวง “พอส” ที่ขอร่วมบรรพชาอุปสมบทหมู่ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 15 – 30 พฤศจิกายน 2559 ณ ธรรมสถานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
แพรวขอร่วมอนุโมทนาบุญในการบวชครั้งนี้ด้วยค่ะ

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : Thai PR

จากวันนั้นถึงวันนี้ พระองค์ยังอยู่ในความทรงจำ ศาลากลางน้ำ ณ ทุ่งมะขามหย่อง

อีกหนึ่งความทรงจำของคนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็คือการได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์อย่างใกล้ชิด

ซึ่งเหตุการณ์ใหญ่ๆที่ทำให้ระลึกถึงได้เสมอก็คือเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯมาเปิดพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย เมื่อปี พ.ศ. 2539 นับจากนั้น 16 ปีผ่านไป พระองค์ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่นี่อีกครั้ง ซึ่งในเวลานั้นต่างก็มีเหล่าพสกนิกรชาวไทยมาร่วมรับเสด็จอย่างมากมาย

img_3976

ภาพที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ ศาลากลางน้ำ ในพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย เมื่อปี พ.ศ. 2555 นำความปลาบปลื้มมายังคนไทยเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะในเวลานั้นไม่บ่อยนักที่พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินไปตามสถานที่ต่างๆเหมือนสมัยก่อน อีกทั้งยังทรงพระประชวรอยู่เป็นระยะๆด้วย

img_05821

การเสด็จพระราชดำเนินมาในคราวนั้นจึงเป็นการเสด็จฯครั้งสุดท้ายที่พระองค์มายังที่แห่งนี้ ที่ประทับ ณ ศาลากลางน้ำในวันนั้น ผู้คนต่างคอยรอรับเสด็จเพื่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างเนืองแน่น พร้อมกับการได้รับชมการแสดงต่างๆ ที่ทางสำนักพระราชวังร่วมกับหน่วยราชการจัดถวาย พระองค์ทรงโปรดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับการแสดงของศิลปินเพื่อชีวิต แอ๊ด คาราบาว ที่ได้นำพระนามของพระองค์มาร้อยเรียงแต่งเป็นบทเพลงได้อย่างน่าประทับใจ

img_0572

จวบจนวันนี้ศาลากลางน้ำที่พระองค์เคยเสด็จฯมาประทับก็ยังถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี ทุกอย่างยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ให้คนไทยและคนในจังหวัดได้ระลึกถึงตลอดเวลาว่า ครั้งหนึ่ง ณ พื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เคยมีพระเจ้าแผ่นดินเสด็จฯมาเยือน เพื่อติดตามงานในโครงการตามแนวพระราชดำริอย่างใกล้ชิด เก้าอี้ โต๊ะ บรรยากาศโดยรอบ อาจจะไร้ชีวิตชีวา แต่นี่ก็คือสิ่งสุดท้ายที่พระองค์ได้พระราชทานเอาไว้ให้ทุกคนเก็บไว้ในความทรงจำ

 

ภาพ : SRIPLOI / ธงชัย ไศลบาท

รวมแบบทรงผมและการแต่งกาย สง่างาม ถูกกาลเทศะ ไปสักการะพระบรมศพ

แนวทางการแต่งกายชุดดำเพื่อแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงเข้าร่วมพิธีถวายสักการะพระบรมศพ ควรแต่งกายอย่างไร วันนี้แพรว รวมแบบทรงผมและการแต่งกาย ที่เหมาะสมมาฝากกันค่ะ

สไตล์การแต่งกาย

สง่างามบ่งบอกความเป็นไทยด้วย ชุดไทยจิตรลดา หรืออาจเลือกชุุดที่สุภาพเรียบร้อยในดีไซน์ตะวันตกแบบต่างๆก็ได้ ซึ่งมีหลักการแต่งกายง่ายๆที่ควรจดจำคือ ชุดที่มีดีไซน์เรียบง่าย ไม่รัดรูป ไม่โป๊ (ไม่ใช่แฟชั่นจ๋าหลุดโลก แม้จะเป็นสีดำก็ไม่ถูกกาลเทศะ) เสื้อต้องมีแขน/กระโปรงต้องยาวเลยเข่า(อาจใส่ ถุงน่อง ด้วย เพิ่มความสุภาพเรียบร้อยได้อีก)/รองเท้ารัดส้น รองเท้าส้นสูงต้องปิดทั้งหน้าเท้า

รวมแบบทรงผมและการแต่งกาย
ชุดไทยจิตรลดา
รวมแบบทรงผมและการแต่งกาย
ชุุดที่สุภาพเรียบร้อยในดีไซน์ตะวันตกแบบต่างๆ

แบบทรงผม & เครื่องประดับ

การเกล้าผม เป็นการเลือกที่ดีที่สุด เพราะดูสุภาพเรียบร้อย ไม่เกะกะสายตา ซึ่งแพรวเลือกแบบการเกล้าผมของเหล่านางเอกหลากช่องมาให้เป็นไอเดียด้านล่างนี้แล้ว ส่วนเครื่องประดับอย่าง ต่างหู เน้นที่ไม่แฟชั่นจ๋า
ควรเลือกแบบเป็นตุ้มเล็กๆ
 ไม่ต้องยาวเฟี้ยวระย้าอลังการทิ่มสายตาตั้งแต่ร้อยกิโลเมตร
เช่นเดียวกับเครื่องประดับอื่นๆ อย่างสร้อยคอเป็นแผงวิบวับเพชรแทงตา
หรือโช้กเกอร์รัดรอบคอ ร็อคจ๋าพี่มาแล้วจ้า อะไรเทือกนั้นควรงดใส่ไปก่อนก็จะดี ให้ยึดหลักเรียบง่ายเข้าไว้

รวมแบบทรงผมและการแต่งกาย

ทับทิม ชุดดำ

แต้ว ชุดดำ

ขวัญ อุษามณี ชุดดำ

แพนเค้ก


หากไม่ต้องการเกล้าผม วิธีการทำผมให้ดูสุภาพ เรียบร้อย สำหรับสาวผมยาว
มีวิธีการทำง่ายๆ คือ การรวบผมเป็นหางม้า โดยวันนี้ที่แพรวหยิบมาให้ดูเป็นไอเดีย คือ

1. สไตล์รวบหางม้าของสาว น้ำตาล – พิจักขณา
/แสกกลาง/รวบหางม้าต่ำ/ม้วนโรลหางม้า เพิ่มวอลุ่มให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น

น้ำตาล พิจักขณา ชุดดำ

2. สไตล์รวบหางม้าของสาว มิว – นิษฐา
/หวีด้านหน้ารวบตึง/รวบหางม้าสูง/ปล่อยหางม้าแบบธรรมชาติ

มิว นิษฐา ชุดดำ

3. สไตล์รวบหางม้าของสาว เบลล่า – ราณี
/แสกกลาง/ดึงปอยผมด้านหน้าเล็กน้อย/รวบหางม้าต่ำ/ปล่อยหางม้าแบบธรรมชาติ

เบลล่า ราณี ชุดดำ

4. สไตล์รวบหางม้าของสาว มิ้นต์ – ชาลิดา
/แสกกลาง/ถักผมเปียด้านหน้าแล้วบิดเกลียวไปด้านหลัง/รวบหางม้าต่ำ/ปล่อยหางม้าแบบธรรมชาติ

มิ้นต์ ชาลิดา ชุดดำ


รวมแบบทรงผมและการแต่งกาย สง่างาม ถูกกาลเทศะ ไปสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙

13

18


เรื่อง : Red Apple_แพรวดอทคอม
ภาพ : IG@jordwphoto/IG@icepreechaya/IG@aummy101
IG@finaleweddingmagazine/IG@chartmakeup/IG@annethong

‘สุขพอที่พ่อสอน’ แอพพลิเคชั่นที่รวบรวมคำสอนของในหลวง

สวัสดีค่ะ อย่างที่ทราบกันว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศกำลังโศกเศร้าเสียใจต่อการจากไปของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงของเรา แต่การจมปรักเสียใจอยู่ตลอดเวลา ก็มีแต่จะถอยหลังเข้าคลอง ดังนั้นจุ๊เลยอยากแนะนำแอปพลิเคชั่น สุขพอที่พ่อสอน เพื่อแสดงความเสียใจ และเป็นประโยชน์แก่ตัวเราค่ะ

1

แอพพลิเคชั่นนี้ชื่อว่า “สุขพอที่พ่อสอน”  ที่รวบรวมพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของในหลวง เป็นแหล่งข้อมูลให้ประชาชนและผู้สนใจสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกต้องและได้รับพระบรมราชานุญาติอย่างถูกต้อง โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่านอุปกรณ์ได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์เลยค่ะ
2

หลังจากที่จุ๊ดวน์โหลดมาครั้งแรก จะเห็นว่าแอพพลิเคชั่น “สุขพอที่พ่อสอน” แบ่งได้เป็น 4 หมวดหมู่ด้วยกัน ประกอบไปด้วย

พระราชดำรัส

3

กดเมนูเพื่อเลือกพระราชดำรัส หรือพระบรมราโชวาท ซึ่งแบ่งออกเป็น 9 หมวด ได้แก่ การศึกษา การพัฒนา ความพอเพียง รู้จักสามัคคี ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ประโยชน์ส่วนรวม คุณธรรมจริยธรรม ความสุข และความปรารถนาดี ความยุติธรรม

พระบรมฉายาลักษณ์

4

ผู้ใช้สามารถเลือกพระบรมฉายาลักษณ์และภาพพระราชกรณียกิจ ซึ่งสำนักงานราชเลขาธิการได้ขอพระราชทานมาจัดทำระบบเพื่อแอพพลิเคชั่นดังกล่าว เพื่อประกอบกับข้อความพระราชดำรัสที่เลือก

เลือกข้อความ

5

คุณสามารถเลือกพระราชดำรัส หรือพระบรมราโชวาท ที่ต้องการแบ่งปัน หรือเก็บไว้ ซึ่งในแอพพลิเคชั่นนี้มีให้เลือกถึง 88 พระราชดำรัสเลยล่ะค่ะ

ส่งต่อ

6

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนข้างต้น ผู้ใช้สามารถกดเมนูแบ่งปันไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น เฟซบุ๊ก อีเมล หรือบันทึกลงเครื่อง เพื่อเก็บไว้เองก็ได้ค่ะ

แค่ศึกษาและปฏิบัติตามคำที่พ่อสอน แค่นี้ก็ท่านสุขใจแล้วค่ะ

ติดตามความเคลื่อนไหวของจุ๊ได้ที่ www.iamsorada.com

keyboard_arrow_up