เคล็ดลับดูอ่อนกว่าวัยของ 'ลีฮโยริ'

เคล็ดลับแลดูอ่อนกว่าวัยของ ‘ลีฮโยริ’ ในวัยเลขสี่ เน้นเรียบง่าย ทำได้ทุกวัน

Alternative Textaccount_circle
เคล็ดลับดูอ่อนกว่าวัยของ 'ลีฮโยริ'
เคล็ดลับดูอ่อนกว่าวัยของ 'ลีฮโยริ'

คนดังหลายคนก็ทำให้เราแทบไม่อยากเชื่อว่าอายุเข้าเลขสี่แล้ว เพราะบางคนยังดูเด็กกว่าอายุจริงอย่างเช่น ลีฮโยริ (Lee Hyori) ที่ตอนนี้อายุ 44 ปี (เกิด 1 0/5/1979) แล้ว แต่ก็ทำให้หลายคนคิดไปว่าเธอยังอยู่ในวัยเลขสามต้นๆ เสียด้วยซ้ำ

แต่แน่นอนว่าแฟนคลับส่วนใหญ่ก็จะรู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เพราะเธอคือไอดอลในตำนานที่เริ่มต้นอาชีพตั้งแต่ในปี 2006 เป็นหนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อ Fin.KL และยังเป็นนักแสดงอีกด้วย แถมยังเป็นตัวมัมตัวแม่รันวงการโฆษณาอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่ยังคงทั้งสวยทั้งปังจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว และด้วยความหน้าดูอ่อนกว่าวัยขนาดนี้ หลายคนจึงอยากรู้เคล็ดลับต่อต้านวัยของเธอ ซึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์การดูแลตัวเองไว้ดังนี้

แครอทดิบ
สำหรับอาหารที่เธอกินบ่อยๆ คือ แครอท เป็นผักในกลุ่มผักผลไม้ 5 สี อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ และวิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะวิตามินเอ ที่ช่วยเสริมการทำงานของเยื่อเมือกบุผิวให้แข็งแรง ไม่ให้เชื้อโรคและสารพิษต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย แถมยังมีไฟเบอร์สูง จึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับควบคุมน้ำหนัก ทั้งรูปแบบดิบหรือจะนำไปปรุงสุกก็ได้ แต่ลีฮโยริชอบกินแครอทแบบดิบ เพราะมีส่วนสำคัญในการปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจน การดีท็อกซ์สารพิษ และบำรุงผิว แต่แนะนำว่ากินแต่พอดี ห้ามมากเกินไป

จิบชาวันละนิดจิตแจ่มใส
นอกจากการชอบกินแครอทดิบแล้ว ในตอนเช้าเธอจะจิบชาอุ่นๆ หลังตื่นนอน เพื่อเพิ่มการเผาผลาญและการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี

โยคะ/เต้นเกือบทุกวัน
ไม่ว่าตารางงานของเธอจะยุ่งแค่ไหน แต่ต้องมีกิจกรรมประจำวันก่อนเริ่มวันใหม่ตอนตี 5 ด้วยการออกกำลังกายเบาๆ อย่างการเล่นโยคะ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและเพิ่มพลังงานตลอดวัน

ภาพ: lee_hyolee


Item&Trick! เจาะ 5 แหวน PANDORA และวิธีแมตช์เครื่องประดับฉบับ Red Velvet

Alternative Textaccount_circle

เมื่อไม่นานนี้ PANDORA แบรนด์เครื่องประดับระดับโลกได้ประกาศแต่งตั้งให้ 5 สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง ไอรีน ซึลกิ เวนดี้ จอย และเยริ จาก ‘Red Velvet’ ขึ้นเป็นแอมบาสเดอร์ประจำปี 2567 ซึ่งทั้งหมดได้ถ่ายแคมเปญเพิ่มเติมเพื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยได้สวมใส่เครื่องประดับจากหลากหลายวัสดุทั้ง Sterling silver, 14k Gold-Plated รวมถึง Murano glass แต่จะให้แนะนำทุกชิ้น บทความนี้คงยาวเกินไป ‘แพรว’ จึงขอเลือกไอเท็มที่ใส่ได้ทุกวันอย่าง ‘แหวน’ ที่สาวๆ สวมใส่มาให้ทุกคนได้ชมกันค่ะ

เริ่มต้นด้วยพี่ใหญ่ของวงกับ ‘ไอรีน’ ที่นับแหวนบนสองมือแล้วมีถึง 5 วงด้วยกัน แต่วงไฮไลท์ต้องยกให้กับ Sparkling Row Eternity Ring แหวนตัวเรือนเรียบๆ ที่ประดับด้วยความระยิบระยับจากอัญมณี นอกจากนี้ยังตกแต่งเรียวนิ้วด้วยเทคนิคการสวมแหวนแบบ Double ที่เธอได้ซ้อน Elevated Heart Ring ไว้บน Rectangular Sparkling Halo Ring หากสังเกตดูจะเห็นว่าหัวแหวนเยื้องออกจากกันเล็กน้อย ถือเป็นทริคทำให้สามารถใส่แหวนหัวใหญ่ได้ทั้ง 2 วงแบบไม่ชนกัน

สำหรับวงต่อมาอยู่บนนิ้วของ ‘ซึลกิ’ กับ Elevated Red Heart Ring แหวนตัวเรือนสีเงินอันโดดเด่นสะดุดตาด้วยอัญมณีหัวใจสีแดง รายล้อมไปด้วยคริสตัลระยิบระยับ หากให้เลือกสักทริคมาใช้กับแหวนวงนี้ อยากให้ทุกคนเลือกแมตช์กับแหวนตัวเรือนเรียบๆ เพื่อให้แหวนหัวใจสีแดงเปล่งประกายมากที่สุด

เห็นรูปของ ‘จอย’ แล้ว เข้าใจประโยคที่ว่า Basic is the best. ขึ้นมาทันที เพราะแหวนที่เธอสวมใส่ทุกวงมีความเรียบง่ายตั้งแต่ตัวเรือนที่ไร้คริสตัลประดับ ไปจนถึงวงที่ถูกตกแต่งด้วยอัญมณีสีขาว สำหรับทริคการสวมแหวนแบบนี้ไม่ยากเลยค่ะ ท่องไว้แค่ว่าเรียบๆ แต่เยอะเข้าไว้!

สุดท้ายกับสองสมาชิก ‘เวนดี้’ และ ‘เยริ’ ที่มาในเครื่องประดับโทนสีโรสโกลด์ ถ้าเปรียบเทียบจากแล้วคงเห็นว่าทั้งคู่ใช้เทคนิคการสวมแหวนแบบ ‘Double’ และยังมีวงที่โดดเด่นอย่าง Crossover Pavé Triple Band Ring อยู่ด้วย นั่นคือแหวนดีไซน์เรียบแต่เก๋สุดๆ เพราะมองเผินๆ เหมือนสวมแหวนอยู่ 3 วง เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกให้คนที่แมตช์เครื่องประดับไม่เก่งได้ดีจริงๆ


ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ชวนฉลองเทศกาลสงกรานต์อันแสนสนุกไม่รู้ลืม

account_circle

เตรียมความพร้อมมาฉลองสงกรานต์ไม่ซ้ำแบบใครที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้! ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน ถึง 16 เมษายน พ.ศ. 2567 นี้  ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ พร้อมแล้วที่จะต้อนรับทุกคนสู่การฉลองเทศกาลปีใหม่ไทย กับแลนด์มาร์กยอดฮิตสำหรับครอบครัว เด็กๆ รวมถึงผู้ที่กำลังมองหาสถานที่แฮงเอาต์ในวันหยุดที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ที่หลีกหนีความวุ่นวายของการสาดน้ำและถนนที่แออัด ไม่ว่าคุณจะอยากใช้ช่วงเวลาดีๆ กับคนรักและครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง หรือต้องการหาสถานที่ผ่อนคลายหนีร้อน ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ รับรองว่าเทศกาลสงกรานต์นี้จะประทับใจไม่รู้ลืมสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน มาร่วมสนุกไปกับเกมอันน่าตื่นตา อาหารและเครื่องดื่มรสเลิศ รวมถึงความบันเทิง และการแสดงสด ที่พร้อมให้คุณต้อนรับปีใหม่ไทยอย่างมีสไตล์ กาปฏิทินของคุณไว้ให้พร้อม แล้วให้ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้เป็นจุดหมายปลายทางอันแสนพิเศษของคุณในเทศกาลสงกรานต์นี้กัน!

ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้เตรียมเพิ่มความพิเศษให้กับค่ำคืน ด้วยดีเจระดับแนวหน้าที่ขนบีทสุดฮอตมาสร้างความสนุกตลอดทั้งคืน

สายปาร์ตี้เรียกว่าห้ามพลาด! มาบอกลาสงกรานต์แบบเดิมๆ แล้วพบกับสถานที่แฮงเอาต์ที่เจ๋งที่สุดในเมือง! โดยตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้เตรียมเพิ่มความพิเศษให้กับค่ำคืน ด้วยดีเจระดับแนวหน้าที่ขนบีทสุดฮอตมาสร้างความสนุกตลอดทั้งคืน รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมชวนเพื่อนๆ มาแดนซ์แบบมีสไตล์ไปด้วยกัน! 

ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ขนขบวนคความสนุกมาให้ครอบครัว และเด็กๆ มากมายตั้งแต่เวลา 14.00 น. จนถึง 17.00 น.

แต่ความสนุกยังไม่จบเพียงเท่านี้! ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ยังขนขบวนความสนุกมาให้ครอบครัว และเด็กๆ โดยตั้งแต่เวลา 14.00 น. จนถึง 17.00 น. เตรียมพบกับ Balloon Man รวมถึงกิจกรรมเกมอีกมากมาย  พร้อมคลายร้อนด้วยไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟแสนอร่อย และเพลิดเพลินไปกับเมนูที่จะมากระตุ้นความอยากอาหารของทุกคน ที่สำคัญน้องๆ ที่อายุต่ำกว่า 12 ปียังรับประทานอาหารฟรีที่เบย์อีกด้วย!

เมนูอาหารรสเลิศมากมายรอให้ทุกคนได้ลิ้มลองที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้

ด้านเมนูอาหารรับรองว่าไม่ผิดหวัง ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ มีเมนูหลากหลาย ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติรสเลิศให้คุณได้ลิ้มลอง เรียกว่ามีเมนูที่ถูกปากทุกคนอย่างแน่นอน มาอิ่มอร่อยกับอาหารจานเด็ดไม่ว่าจะเป็น ส้มตำเส้นเล็กไข่เค็ม หมึกย่างพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ขาหมูเยอรมัน พิซซ่าซีฟู้ดดีลักซ์ และเมนูสุดฮิตตลอดการอย่าง เสต็กพอร์คชอป และไก่ทอดน้ำปลาหวาน

ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ แลนด์มาร์กสำหรับคนรักกีฬาและความบันเทิงแบบครบวงจรที่ไม่ซ้ำใคร พร้อมที่จะต้อนรับทุกคนด้วยเกมแสนสนุก และอาหารรสเลิศ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปรด้านกอล์ฟก็ไม่สำคัญ ที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้มีทุกสิ่งที่เหมาะสำหรับทุกคน ด้วยแพ็คเกจเริ่มต้นเพียง 550++ ต่อเบย์ ต่อชั่วโมง โดยรองรับได้สูงสุด 6 คนต่อเบย์ ที่มาพร้อมกับโซฟาแสนสบาย และระบบปรับอากาศ มั่นใจได้ว่าทุกคนจะได้รับความสะดวกสบายและเพลิดเพลินได้ทุกสภาพอากาศ นอกจากนี้ ที่ท็อปกอล์ฟยังมีไม้กอล์ฟให้บริการฟรี รวมถึงมีโค้ชคอยให้คำแนะนำทุกวงสวิง รับรองว่าทุกคนจะมีแต่ช่วงเวลาที่ดี หมดกังวลและสนุกได้อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน!

มาร่วมดื่มด่ำกับความสนุก เสียงหัวเราะ และอาหารรสเลิศที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้

รู้อย่างนี้แล้วจะพลาดปาร์ตี้สุดยิ่งใหญ่ของปีที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ไปได้ยังไงกัน? มาร่วมดื่มด่ำกับความสนุก เสียงหัวเราะ และอาหารรสเลิศ ให้สงกรานต์ปีนี้เป็นสงกรานต์ที่คุณจะไม่มีวันลืมไปด้วยกัน!

STELLA McCARTNEY

ยั่งยืนในแบบ STELLA McCARTNEY กับคอลเล็คชั่นฤดูร้อนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

account_circle
STELLA McCARTNEY
STELLA McCARTNEY

นอกจากเสื้อผ้าที่ถูกออกแบบ และตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ STELLA McCARTNEY คอลเล็คชั่น ฤดูร้อน 2024 คือ การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 95% ใช้มากที่สุด ตั้งแต่แบรนด์ถูกก่อตั้งมา

ยั่งยืนในแบบ STELLA McCARTNEY กับคอลเล็คชั่นฤดูร้อนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในคอลเล็คชั่นนี้ สเตลลา แมคคาร์ทนีย์ ได้หยิบนำเรื่องราว ครอบครัว อิสรภาพ และความลื่นไหล ความรักในเสียงดนตรี ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ การใช้เสื้อผ้าที่ถูกส่งต่อจากครอบครัว ตลอดจนการส่งเสริมเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เธอถูกปลูกฝังมาตลอดมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการออกแบบคอลเล็คชั่น ฤดูร้อน 2024

ไม่เพียงเท่านั้น แมคคาร์ทนีย์ ยังต้องการเผยให้เห็นความหลากหลายและเหนือกาลเวลาที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่างเพศและยุคสมัยเลือนลางลง โดยการตีความงานออกแบบของสเตลลาในอดีตขึ้นมาใหม่ ซึ่งเสื้อผ้าในรันเวย์นี้ยังคงเน้นเรื่องของผิวสัมผัส สัดส่วน และการตกแต่ง พร้อมประดับประดาด้วยศิลปะที่สามารถสวมใส่ได้ของประติมากรและนักสร้างสรรค์ชาวอังกฤษอย่างแอนดรูว์ โลแกน

พบกับ เสื้อโค้ทลายทางสีดำและสีเนื้อสวมทับเสื้อเชิ้ตติดระบายและชุดบอดี้สูทประดับเพชร คริสตัลที่ไร้สารตะกั่วถูกนำประดับบนกางเกงขาสั้นและสายคาดเอวของชุดเทเลอร์ Savile Row ที่เป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่กางเกงเดนิมทรงขากว้างถูกประดับด้วยพู่ติดเพชร กระจกรูปลายจุดถูกนำมาถักเข้าด้วยกันด้วยมือจนกลายเป็นชุดเดรสสีน้ำตาลและกางเกงแชปส์สวมทับไปบนเดนิม โดยวัสดุที่ใช้คือ Kelsun™️ เส้นด้ายที่ผลิตขึ้นจากสาหร่าย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับแบรนด์ลักชัวรีที่เลือกใช้วัสดุอนุรักษ์ชนิดนี้

สำหรับทักซิโด้ แมคคาร์ทนีย์เลือกบอกเล่าในรูปแบบของเสื้อคลุมตัวยาวทรงครอปเข้ารูป ซึ่งตัวแรกมาพร้อมกับลายกราฟิกสีขาวดำ ส่วนอีกตัวหนึ่งเป็นงานตัดเย็บลูเร็กซ์ทรงหลวมด้วยแคนวาสสีฟ้ามิเนอรัล สีพีช และสีงาช้าง เสื้อทับอก (bib) มีให้เห็นในลุคเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายป๊อปลินออร์แกนิกแมตช์เข้ากับแจ็คเก็ตเดนิม พร้อมด้วยสายคาดเอวที่เข้าชุดกัน

ด้วยแรงบันดาลใจจากชีวิตที่ต้องออกทัวร์ของพอลและลินดา แมคคาร์ทนีย์ พ่อกับแม่ของสเตลลา ลายกราฟิก Wings แบบวินเทจถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งบนเสื้อทีเชิ้ตผ้าฝ้ายออร์แกนิกที่สวมไว้ใต้แจ็คเก็ตวาร์ซิตี้ที่ตกแต่งด้วยผลงานของศิลปินอย่าง “ฮาจิเมะ โซระยามะ” ซึ่งทำคอลเล็คชั่นแคปซูลลิมิเต็ดเอดิชันและเปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคม 2023 เสื้อผ้าที่ใช้บนคอนเสิร์ตได้รับการตีความใหม่ให้กลายเป็นงานเทเลอร์ตัดเย็บด้วยผ้าเมทัลลิก สวมกับเสื้อกั๊กสีดำประดับคริสตัลที่สวมทับไปบนเสื้อเชิ้ตผ้าป๊อปลิน

ขณะที่โครงร่างของเสื้อผ้ามีความโดดเด่น โดยเฉพาะรูปทรงบอลลูนที่มีให้เห็นทั้งบนชุดราตรี มินิเดรส และแจ็คเก็ต บอมเบอร์ตัดด้วยผ้าไหมทาฟเฟตาจาก NONA Source ซึ่งจัดหาผ้าที่ถูกผลิตขึ้นมาแล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงผ้าวิสโคสซาตินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลายจุดสุดแปลกตามีให้เห็นทั่วคอลเล็คชั่น ทั้งบนชุดเดรสยาวถึงพื้น มินิเดรสที่ตัดแบบอสมมาตร และเดรสกระโปรงระบายตัดด้วยผ้าชีฟอง

ชุดเดรสเข้ารูปผ้าซาตินวิสโคสที่เป็นมิตรต่อผืนป่าและมินิเดรสผ้าไหมเครปออร์แกนิกสีเขียวมิ้นต์ตกแต่งด้วยลูกปัด อีกทั้งยังถูกนำมาใช้ประดับช่วงอกของชุดเดรสแม็กซีเปิดไหล่ที่ตัดเย็บด้วยผ้าทาฟเฟตาสีดำ ลายดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของสเตลลาเบ่งบานอยู่บนชุดแม็กซีวิสโคสและมินิเดรสทรงอสมมาตร

สัดส่วนถูกปรับใหม่ เห็นได้จากเสื้อแจ็คเก็ตทรงครอปสั้นและแจ็คเก็ตไบเกอร์ทรงแม็กซีที่ตัดด้วยหนังวีแกนแทนการใช้หนังสัตว์ รวมถึงเทรนช์โค้ตผ้าฝ้ายแคนวาสสีเขียวมะกอกทั้งทรงเข้ารูปและทรงหลวม คอร์เซ็ตที่สเตลลาเคยออกแบบไว้ในอดีตถูกหยิบยกรายละเอียดของการร้อยเชือกมาใส่ไว้ทั้งบนกางเกงเดนิม กางเกงขาสั้น และกางเกงขายาวที่ตัดเย็บด้วยหนังเทียม Alter Mat ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังจริง เสื้อถักลายวาฟเฟิลน้ำหนักเบาตัดเย็บด้วยผ้าพร้อมรายละเอียดของการถักไหมพรมด้วยมือสุดละเอียดอ่อนที่ชายผ้า

ชุดเกาะอกตัดด้วยผ้าโปร่งพร้อมลายปักดอกไม้ทำจากผ้าเดดสต็อกที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ในขณะที่ชุดเดรสแฟลปเปอร์สีขาวตัดเย็บจากผ้าไหมออร์แกนิก คอลเล็คชั่นนี้ยังปิดท้ายด้วยชุดเดรสแม็กซียาวถึงพื้นติดระบายทรงบอลลูนพร้อมรายละเอียดน่าสนุกของความโปร่งแสงของลายจุดและความทึบแสงที่แลดูอ่อนโยนของสีเหลืองคานารี สีมิ้นต์ และสีนู้ดของผ้าไหมออร์แกนิก ส่วนชุดราตรีตัดเย็บจากผ้าซาตินวิสโคสสีดำที่เป็นมิตรกับผืนป่า โดยมาพร้อมรายละเอียดของช่วงแขนพองใหญ่

บนรันเวย์ แมคคาร์ทนีย์ ยังนำเสนอกระเป๋าถือรุ่น Frayme ที่รังสรรค์ขึ้นจากหนังวีแกนแทนหนังสัตว์ซึ่งผลิตจากส่วนที่เหลือขององุ่นจากการเก็บเกี่ยวของผู้ผลิตแชมเปญเก่าแก่ของฝรั่งเศสอย่าง Veuve Clicquot โดยวัสดุชนิดนี้สามารถตรวจสอบที่มาได้ทั้งกระบวนการ เนื่องจากการปลูกองุ่นใช้วิธีการทำการเกษตรแบบปฏิรูป รายละเอียดของการร้อยเชือกยังมีให้เห็นบนกระเป๋า Frayme โดยนำเชือกมาใช้แทนโซ่พันรอบหรือใช้ตาข่ายผูกเงื่อนในกระเป๋าทรงบัคเก็ต กระเป๋า Falabella รุ่นเอกลักษณ์ในคอลเล็คชั่นนี้มาพร้อมรูปทรงสามเหลี่ยมทวิสต์ประดับด้วยคริสตัล นอกจากนี้ยังมีรุ่นสีเทาที่รังสรรค์ขึ้นจาก MIRUM® ซึ่งเป็นวัสดุทางเลือกที่ทำมาจากพืชและปราศจากพลาสติก

รองเท้าส้นสูงรุ่น Terra ใหม่โดดเด่นด้วยส้นรองเท้าที่ถูกสลักพร้อมสายรัด Y2K ที่ทำขึ้นจาก VEGEA ซึ่งเป็นวัสดุจากองุ่น เช่นเดียวกับส่วนบนที่บิดเป็นเกลียวและตาข่ายชีวภาพที่ผูกเป็นปม รองเท้าเทรนเนอร์รุ่น S-Wave Sport รังสรรค์ขึ้นด้วยวัสดุที่มีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมในทุกรายละเอียด ทั้งส่วนบนและพื้นรองเท้าที่ใช้วัสดุรีไซเคิล ฉลากผ้าฝ้ายออร์แกนิก และซับในผ้าป่าน รองเท้าบัลเล่ต์ส้นเตี้ยปลายแหลมร้อยเชือกแบบคอร์เซ็ตและรองเท้าโลฟเฟอร์ Falabella ทรงทวิสต์ ถูกออกแบบมาให้เข้ากับเสื้อผ้าในคอลเล็คชั่นได้อย่างกลมกลืน

จุดเด่นของรันเวย์ของในครั้งนี้ แมคคาร์ทนีย์ได้เนรมิตตลาด Marché Saxe-Breteuil ในกรุงปารีสให้กลายเป็นตลาดเพื่อความยั่งยืนในแบบฉบับของสเตลลา โดยประกอบด้วยแผงขายของ 21 แผง ที่เชิญชวนทั้งแขกรับเชิญและคนทั่วไปให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อโลกที่สเตลลานำมาใช้ก่อนใคร พร้อมกับพบปะกับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ

ขณะที่ เพลงประกอบการแสดงแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นฤดูร้อน 2024 เป็นผลงานของแบรนด์ JBL ซึ่งสอดคล้องไปกับความเชื่อมโยงระหว่างคอลเล็คชั่นนี้กับรากฐานทางดนตรีของสเตลลา ขณะเดียวกัน ทั้งสองแบรนด์ต่างก็มีความคิดเห็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณค่าของการหมุนเวียนที่สอดคล้องกัน

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ JBL ยังได้เปิดตัว “JBL Second Chance” ในฝรั่งเศส เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการรีเซลลำโพงพกพาแพลตฟอร์มแรกที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครตรงที่สามารถชวนผู้คนให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิก


“สงกรานต์ มหานคร” เติมสีสันสาดความสุข สไลด์สนุกสุขสงกรานต์มหานคร

account_circle

คิง เพาเวอร์ มหานคร หนึ่งในแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานคร ชวนคุณร่วมงาน Songkran Mahanakhon” สงกรานต์ มหานคร เติมสีสันสาดความสุข สไลด์สนุกสุขสงกรานต์มหานคร ให้คุณได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความสนุก เต็มไปด้วยสีสัน และ กิจกรรมมากมายตลอด 6 วันเต็ม ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 11 – วันอังคารที่ 16 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. ณ ลาน มหานคร สแควร์, คิง เพาเวอร์ มหานคร

พิเศษสุดๆ ในวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 19.15 – 20.45 น. พบกับดีเจสาวสวยสุดฮอตชื่อดังระดับโลกอย่าง ฮวัง โซฮี (Hwang So-hee) หรือชื่อในวงการคือ ดีเจโซดา DJ Soda ดีเจชาวเกาหลีชื่อดัง มากไปด้วยความสามารถที่จะมาสร้างสีสัน และความสนุกให้คุณตลอด 90 นาทีเต็มๆ

เข้างานฟรี!

ชมดนตรีจากศิลปินและดีเจชื่อดังมากมาย อาทิ New Country, The Paradise Bangkok, Palm The Voice, DJ Soda, DJ Maft Sai, DJ Alpha ตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.00 น.

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567

  • ดีเจมาฟท์ไซ (Maft Sai) และศิลปินวงลูกทุ่งมาแรง NEW COUNTRY ศิลปินลูกทุ่งสายเลือดใหม่จาก ก๊อท จักรพันธ์ ปรุงแต่งความทันสมัยให้เข้าถึงผู้ฟังได้หลากหลายกลุ่มเป้าหมาย ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2567

  • ดีเจ Arisa และ วงดนตรี The Paradise Bangkok Molam International Band วงโมเดิร์นหมอลำที่เป็นที่รู้จักกันอย่างยิ่งในชาวต่างชาติ

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน 2567

  • ดีเจ Alpha และวงดนตรี Oneshot

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2567

  • ดีเจ Davani และศิลปิน ปาล์ม นิติภูมิ The Voice
  • โชว์พิเศษจากดีเจโซดา (DJ SODA) หรือ ฮวัง โซฮี ดีเจชาวเกาหลีชื่อดัง ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2567

  • ดีเจ Nana และศิลปินนักร้อง โอ โอฬาริก ขุนสิทธิ์ ดีกรีผู้ชนะรายการ The Winner is ซีซั่นแรก

วันอังคารที่ 16 เมษายน 2567

  • ดีเจมาฟท์ไซ (Maft Sai) และวงดนตรี Oneshot

นอกจากความบันเทิงที่คุณจะได้สนุกสุดมันส์แล้ว เรายังมีกิจกรรมและไฮไลท์พิเศษ อีกมากมาย อาทิ “สไลเดอร์ยักษ์”สูง 4 เมตร สุดอลังการกลางหน้าลานมหานคร สแควร์ ให้คุณได้เปียก พร้อมลูกบอลสีสันสดใส ที่ต้องมาสักครั้งในชีวิต และยังอิ่มท้องด้วยขบวนรถฟู้ดทรักอีกมากมาย พร้อมเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ และสุดท้าย มาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ เล่นน้ำสงกรานต์กับควายเผือกแห่งสยาม “พี่โก้และผองเพื่อน” ในวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน ตั้งแต่เวลา 18.00 – 21.00 น.

สาดความสนุกพร้อมกัน ตั้งแต่วันที่ 11-16 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 12.00- 22.00 น.

แล้วพบกันที่ ลานมหานคร สแควร์ คิง เพาเวอร์ มหานคร (BTS ช่องนนทรี ทางออก 3)

“JOY by Motiva®” นวัตกรรมล่าสุดของซิลิโคนเสริมหน้าอก

account_circle

Motiva® (โมทิวา) แบรนด์ซิลิโคนเสริมหน้าอกชั้นนำระดับโลก เปิดตัว “JOY by Motiva®” นวัตกรรมซิลิโคนเสริมหน้าอกรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่มาพร้อมความเป็น “SuperSilicones®” ให้สัมผัสนิ่ม ยืดหยุ่นสูง ปรับรูปทรงได้ตามการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนหน้าอกจริง ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต พร้อมจับมือกับโรงพยาบาล คลินิก และคณะแพทยศาสตร์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย นำนวัตกรรม Augmented Reality 3D Simulators มาใช้วิเคราะห์ความเหมาะสมของซิลิโคนกับสรีระ เพื่อยกระดับความแม่นยำของการผ่าตัดเสริมหน้าอก ให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่พึงพอใจสูงสุด

มนัสนันท์ พิพัทวริยะธร Commercial Lead Southeast Asia ของ Establishment Labs® ผู้ผลิตซิลิโคนเสริมหน้าอกภายใต้แบรนด์ Motiva® กล่าวว่า “เนื่องจากปัจจุบันการผ่าตัดเสริมหน้าอกถือเป็นการศัลยกรรมเสริมความงามยอดฮิตที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย บริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตซิลิโคนเสริมหน้าอก จึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนไข้ได้สูงสุด โดยคิดค้นเทคโนโลยีและพัฒนารูปแบบมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2004 จนซิลิโคนของ Motiva® เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในกลุ่มสถานพยาบาลและศัลยแพทย์ตกแต่งทั่วโลก จากคุณภาพและการผลิตที่ผ่านระบบตรวจสอบคุณภาพระดับสากล Medical Device Single Audit Program (MDSAP) และได้รับการรับรองมาตรฐานโดยองค์กรที่ควบคุมดูแลความปลอดภัยต่อผู้บริโภคในกว่า 80 ประเทศ สำหรับซิลิโคนเสริมหน้าอกรุ่นใหม่ล่าสุด JOY by Motiva® หรือ Motiva Ergonimix2® นับเป็นการสานต่อความสำเร็จจากซิลิโคน Ergonimix® รุ่นฮิตก่อนหน้า โดยได้รับการพัฒนาปรับปรุงขึ้นใหม่เพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ ที่ไม่ได้โฟกัสแค่การมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น แต่ยังเน้นรูปทรงและสัมผัสที่ใกล้เคียงของจริง เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่มีความแอคทีฟได้ เราจึงนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในหลากหลายส่วนมาบูรณาการเข้าด้วยกัน เพื่อออกแบบเป็นซิลิโคนเสริมหน้าอกที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงตามอิริยาบทของร่างกายได้ ไม่ว่าจะเดิน นอน หรือนั่ง หรือขยับเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ ทั้งยังมีรูปทรงและผิวสัมผัสที่นิ่มและยืดหยุ่นกว่าซิลิโคนทั่วไป จึงดูเนียนเป็นธรรมชาติเสมือนหน้าอกจริง โดยทุกชิ้นผลิตจากวัสดุระดับพรีเมียมที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด อยู่ได้นานโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพในระยะยาว”

เทคโนโลยีที่ใช้ในซิลิโคนเสริมหน้าอก JOY by Motiva® ประกอบด้วย

SuperSilicones® เปลือกซิลิโคนเจลแบบ SuperSilicones® ออกแบบมาพิเศษเพื่อความยืดหยุ่นแข็งแรงกว่าซิลิโคนเสริมหน้าอกทั่วไป ด้วยชั้นเปลือก 6 ชั้นที่พัฒนาขึ้นโดยอิงจากผิวสัมผัสของผิวหน้าอกและเนื้อเยื่อเต้านมจริง จึงให้ความแข็งแรงแต่ยังคงความนุ่มและยืดหยุ่นสูง ป้องกันการแตก รั่วไหล และฉีกขาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

SmoothSilk®/SilkSurface® เต้านมซิลิโคนเป็นชนิดผิวเรียบแบบนาโน ออกแบบมาเพื่อให้ความละเอียดนุ่มแบบกำมะหยี่ และใช้นวัตกรรมที่ทำให้ได้ผิวนาโนซิลค์ที่มีขนาดเท่ากันทั่วทั้งเต้านมแบบ 360 องศา ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า ในระยะยาว ชั้นเปลือกมีความเข้ากันได้อย่างดีกับร่างกาย ช่วยลดการอักเสบ ลดโอกาสการเกิดพังผืด และลดการเกิดแรงเสียดทานระหว่างชั้นผิวหนังและพื้นผิวของซิลิโคนเมื่อเสริมเข้าไปในตัวคนไข้

BluSeal+® Motiva® เป็นแบรนด์เดียวในโลกที่ใช้เทคโนโลยี BluSeal® (บลูซีล) ในชั้นเปลือกของเต้านมเทียมซิลิโคน เพื่อป้องกันการรั่วซึมของซิลิโคนเจลที่บรรจุอยู่ด้านในเข้าสู่ร่างกายคนไข้ นอกจากนี้ JOY by Motiva® รุ่นใหม่ล่าสุดยังพัฒนาเทคโนโลยีเป็น BluSeal+® (บลูซีลพลัส) เพื่อยกระดับความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกขั้น ให้คนไข้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการรั่วซึมของซิลิโคนเจลเข้าสู่ร่างกาย

ProgressiveGel ULTIMA® เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ให้ความยืดหยุ่น สอดคล้องกับหลักการยศาสตร์ (Ergonomic) ทำให้เต้านมซิลิโคนสามารถปรับรูปทรงตามการเคลื่อนไหวของสรีระคนไข้ได้อย่างเป็นธรรมชาติระหว่างทำกิจวัตรประจำวัน

TrueMonobloc+® เพิ่มความยืดหยุ่นให้สูงขึ้นและสามารถใส่เข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้นในขั้นตอนการผ่าตัด จึงช่วยลดขนาดแผลให้เล็กลงเหลือเพียง 2.5 เซนติเมตร พร้อมทั้งเชื่อมตัวเจลให้เกาะเป็นเนื้อเดียวกันกับผิวซิลิโคนและ Patch เมื่อสัมผัสจะได้ความรู้สึกคล้ายหน้าอกจริง

Qid® นวัตกรรมใหม่ล่าสุดเฉพาะซิลิโคนเต้านมเทียมของ Motiva® เท่านั้น ซึ่งเป็นชิปบันทึกข้อมูลที่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาสามารถใช้ในตัวคนไข้ได้โดยไม่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาใดๆ ต่อเครื่องสแกนต่างๆ เช่น ที่สนามบินหรือห้างสรรพสินค้า โดยชิปนี้ทำหน้าที่บันทึกข้อมูล ได้แก่ ชื่อรุ่น ขนาด วันเดือนปีที่ผลิต และรหัสประจำซิลิโคน แต่ละชิ้น ให้คนไข้สามารถตรวจสอบได้ทันที ทุกที่ทุกเวลา เพียงใช้เครื่องสแกนของ Motiva® โดยไม่ต้องเก็บกล่องหรือการ์ดของซิลิโคน

มนัสนันท์ กล่าวเสริมว่าสำหรับการจำหน่ายซิลิโคนรุ่น JOY by Motiva® ในไทยนั้น เราจับมือเป็นพันธมิตรกับเฉพาะ 21 สถานพยาบาลชั้นแนวหน้าที่ได้รับการพิจารณาแล้วว่าตรงกับเกณฑ์ที่แบรนด์กำหนดไว้ และเพื่อเป็นการยกระดับการผ่าตัดเสริมหน้าอกในเมืองไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เรายังได้มอบเทคโนโลยี Augmented Reality 3D Simulators ให้แก่พันธมิตรแต่ละที่ เพื่อใช้ในกระบวนการเตรียมการก่อนผ่าตัด โดยเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นซอฟต์แวร์บนแอปพลิเคชั่น Arbrea Suite ช่วยวัดขนาดหน้าอกและแสดงภาพจำลองสามมิติของเต้านมหลังการผ่าตัดในแบบรอบทิศทุกองศา เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถประเมิน ให้คำปรึกษา และเลือกเทคนิคการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนช่วยให้คนไข้สามารถตัดสินใจเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสมกับตนเองได้จากภาพจำลองที่ชัดเจนเสมือนจริง”

นอกจากนี้ วรพันธ์ โชควารีพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซิมัส เมดิคัล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva® ในประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “Motiva® ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา และโอกาสในการยกระดับศัลยแพทย์ตกแต่งของเมืองไทย โดยการสนับสนุนเต้านมเทียม Motiva® แก่แพทย์ประจำบ้านที่ศึกษาต่อในหลักสูตรสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้าง  เพื่อเพิ่มพูนทักษะในการเรียนผ่าตัดเสริมหน้าอก อีกทั้งปีนี้ Motiva® ได้มอบเทคโนโลยี Augmented Reality 3D Simulators ให้แก่สาขาวิชาดังกล่าว ที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อเป็นสื่อในการเรียนการสอนควบคู่ไปกับการลงมือผ่าตัด ซึ่งการสนับสนุนคณะแพทยศาสตร์นี้เกิดขึ้นได้โดยผ่านความร่วมมือจาก ศ.นพ. อภิชัย อังสพัทธ์ นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย และ ศ.นพ.อภิรักษ์ ช่วงสุวนิช นายกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย ประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย  

ปัจจุบัน โรงพยาบาลและคลินิกทั้ง 21 แห่งที่เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Motiva® ได้แก่ โรงพยาบาลเลอลักษณ์, PSC Clinic,  Dream Clinic, Apex Surgery Hospital , โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์, โรงพยาบาลวรรณสิริ, โรงพยาบาลยันฮี, โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช, โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งมิลาด้า, SLC Hospital, The Klinique Surgery Center, Meko Clinic, ภพรวิญ คลินิก, Q Prime Clinic, อาจารย์ นพ. วิษณุ โล่ห์สิริวัฒน์, โรงพยาบาลบางมด, Dermaster Clinic, โรงพยาบาลสมิติเวชไชน่าทาวน์, The Art Clinic, โรงพยาบาล WIH และ โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทางไอดีแอล

อาหารแบบไหน? ที่ควรระวังอาจทำให้เป็นพิษ เสี่ยงเกิดโรคยอดฮิตในหน้าร้อน

อาหารแบบไหน? ที่ควรระวังอาจทำให้เป็นพิษ เสี่ยงเกิดโรคยอดฮิตในหน้าร้อน

Alternative Textaccount_circle
อาหารแบบไหน? ที่ควรระวังอาจทำให้เป็นพิษ เสี่ยงเกิดโรคยอดฮิตในหน้าร้อน
อาหารแบบไหน? ที่ควรระวังอาจทำให้เป็นพิษ เสี่ยงเกิดโรคยอดฮิตในหน้าร้อน

เดือนนี้ไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนเต็มสูบจนถึงขั้นอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 42 องศา และไม่รู้จะสูงขึ้นไปกว่านี้อีกหรือไม่ ซึ่งการเลือกกินอาหารในช่วงหน้าร้อนนี้ นับเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดูแลสุขภาพ หากกินอาหารเป็นพิษเข้าไปสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียเข้าไป อาจจะทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง และท้องเสียถ่ายเหลวตามมา อาการเหล่านี้ทำให้สงสัยว่า “อาหารเป็นพิษ” บทความนี้จึงมาอธิบายถึงลักษณะอาหารที่ก่อให้เกิดพิษต่อร่างกาย สำหรับนำไปสังเกตตนเองและคนรอบข้าง เพื่อจะเลือกกินอาหารในช่วงหน้าร้อนให้ถูกสุขลักษณะที่สุด

อาหารเป็นพิษ ประเภทไหนที่สามารถอาจจะก่อให้เกิดโรคในช่วงฤดูร้อน มีดังต่อไปนี้

1.อาหารที่มีกะทิ
อาหารที่มีกะทิเมื่อตั้งทิ้งไว้นานช่วงหน้าร้อนจะทำให้บูด เสียได้ง่าย เช่น แกงกะทิ ขนมหวานที่ใส่กะทิ หรือราดน้ำกะทิ

2.ผักสด
ผักที่มาจากแหล่งผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน มีโอกาสพบสารปนเปื้อน ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และอาจเสี่ยงมีเชื้อ Enteroaggregative E. coli ที่มากับมูลของสัตว์ ซึ่งบางร้านล้างผักไม่สะอาด ทำให้ผู้กินอาจเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ เช่น สลัดผัก ผักแกล้ม ผักแนม ผักจิ้ม

3.ส้มตำ ยำ ขนมจีน
กลุ่มอาหารเหล่านี้เป็นกลุ่มอาหารที่ไม่ผ่านความร้อนอย่างทั่วถึง จึงทำให้ปนเปื้อนจุลินทรีย์ได้ง่าย ส้มตำ และยำต่างๆ บางร้านอาจใช้น้ำปลาร้าไม่ได้มาตรฐาน ถั่วลิสงอาจขึ้นรา กุ้งแห้งใส่สี และมีรสชาติที่เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ซึ่งระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร ส่วนเส้นขนมจีนทำมาจากแป้ง รวมถึงน้ำยากะทิ ซึ่งบูดง่าย และมีผักเครื่องเคียงที่ทานสดๆ อาจจะล้างไม่สะอาด อาจจะทำให้ผู้กินเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้

4.อาหารทะเล
อุณหภูมิที่สูงในช่วงหน้าร้อนจะทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอาหารทะเลเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษ ควรเลือกวัตถุดิบอาหารทะเลที่สด ไม่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติ และเลือกกินเมนูที่ผ่านความร้อนปรุงสุกทุกครั้ง

5.น้ำดื่ม น้ำแข็ง น้ำดื่ม น้ำแข็ง
ที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค มีผงหรือเศษฝุ่นติดอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ

ทั้งนี้ อาหารเป็นพิษ เป็นภาวะที่เกิดจากกินอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเหลวตามมา ในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ ขอแนะนำเคล็ดลับการกินอาหาร “เน้นปรุงสุก สะอาด ผ่านร้อน” หลีกเลี่ยงอาหารที่เสียง่าย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางอาหาร และน้ำ ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษที่สำคัญควรล้างมือให้สะอาด ก่อนกินอาหารทุกครั้ง โดยทั่วไปเป็นภาวะไม่รุนแรง สามารถหายได้เอง โดยรักษาตามอาการ หากมีอาการรุนแรงแนะนำให้ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

ข้อมูล: พรกนก คำวัฒน์ นักกำหนดอาหารวิชาชีพ แผนกโภชนาการ โรงพยาบาลนวเวช
ภาพ: Pexels


สามย่านมิตรทาวน์และสีลมเอจ เปิดสถานีสาดความสนุกสุดฉ่ำ

account_circle

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทย ผู้บริหาร สามย่านมิตรทาวน์ และ สีลมเอจ ศูนย์การค้าดังย่านพระรามสี่ พร้อมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์แบบฉ่ำๆ นำร่องเป็นต้นแบบเที่ยวสงกรานต์ สนุก ปลอดภัย สไตล์ไทยไทย พร้อมสาดความสนุกแบบเต็มพิกัด ตลอด 3 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 13 – 15 เม.ย. 2567 เวลา 12.00 – 20.00 น. ให้ทุกคนได้สตาร์ทความสุข ทะลุองศาร้อนระอุสุดเครซี่

ธีรนันท์ กรศรีทิพา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – พัฒนาธุรกิจรีเทล เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “สงกรานต์ ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญของไทย ที่ทั้งคนไทยและต่างชาติตั้งตารอมาสัมผัสความสนุกสนานกับประเพณีนี้ ในปีนี้เรายึด 2 แยก หัวมุมถนนพระรามสี่ให้เป็นพื้นที่แห่งความสนุก

สามย่านมิตรทาวน์หนึ่งในเดสทิเนชันยอดฮิตของคนทุกเจนฯ มาในคอนเซ็ปต์ SAMYAN MITRTOWN SONGKRAN 2024 สถานีสาดความสนุก จัดเต็มความสุขให้ใหญ่ขึ้นด้วย Water Playground Powered by DOS Life ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร

ในขณะ สีลมเอจ STRATEGIC LOCATION ในการเล่นน้ำสงกรานต์ เราก็เตรียมความสนุกและชุ่มฉ่ำกว่าเดิมกระจายทั่วศูนย์ฯ พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย ซึ่งในปีนี้ทั้งสองศูนย์ฯ เราได้รับการสนับสนุนน้ำสะอาดจากพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความสะอาดและปลอดภัยอีกด้วย”

สำหรับไฮไลต์ของกิจกรรมในปีนี้ ดิศนิติ โตวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อแบรนด์DOS Life กล่าวว่า “น้ำ ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของเทศกาลสงกรานต์ ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนได้สนุกกับเทศกาลสงกรานต์แบบฉ่ำใจ ไร้กังวล DOS Life ได้นำนวัตกรรมถังเก็บน้ำรายแรก ที่สามารถกำจัดและยับยั้งไวรัส และแบคทีเรียได้จริง 99.9% มาให้บริการ ณ จุดตรวจ – เติม – ล้าง ก่อนจะเข้าไปสนุกชุ่มฉ่ำกับแลนด์มาร์ก “Water Playground Powered by DOS Life” ด้านใน ที่มีน้ำสะอาดจาก DOS Life พร้อมสาดสดชื่นให้ชุ่มฉ่ำแบบอันลิมิตตลอดงาน”

ชวนมิตรมาดับร้อนเกินต้านซัมเมอร์นี้ ด้วยการดวลความสนุกกันให้ชุ่มฉ่ำ กระหน่ำน้ำสะอาดแบบไม่ต้องยั้งกับ “Water Playground Powered by DOS Life” ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร ให้ทุกพื้นที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานความสนุกสดชื่นตลอดทั้งวัน

ส่วนใครที่อยากได้ฟิลสงกรานต์อบอุ่นไม่อบอ้าวฉบับครอบครัว แวะไปชิลที่ THAI THAI Zone สุขสนุกแบบไทย ๆ กับ Sand Playground ขนาดใหญ่กว่า 40 ตร.ม. เติมอรรถรสความฟินด้วยกิจกรรมWorkshop พร้อมเสริมความสิริมงคล ฉลองวันปีใหม่ไทยด้วยการ สักการะและสรงน้ำพระพุทธชินราชจำลอง และ พระประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน 

จากนั้นแวะไปช็อป กิน ชิล กันต่อที่ มิตรมาร์เก็ต เปิดพื้นที่ช่วยเหลือมิตรในการออกร้าน ขายอาหารและเครื่องดื่มรับเทศกาลสงกรานต์ มาประชันความอร่อย ปักหมุดจุดสกัดความหิวที่บริเวณ ลาน ชั้น G หน้า KFC สามย่านมิตรทาวน์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.

สาดความสนุกแบบ Non-Stop ตลอด 8 ชั่วโมง ตั้งแต่เที่ยงวัน-2ทุ่ม กับวงดนตรี Live Band และ DJ YP ที่จะมาสร้างบรรยากาศ ลานหน้าศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ให้เป็นฟลอร์ความสนุกสุดขีดและเพิ่มความฮอตปรอทแตกแบบไม่ยั้งกับฟรี!!คอนเสิร์ตศิลปินดัง ประเดิมวันมหาสงกรานต์ 13 เม.ย. พบกับวง Good Mood และ สามสาวสุดฮอต PiXXiE ที่พร้อมมาป่วนหัวใจทุกคนให้ว้าวุ่น วันที่ 14 เม.ย. มามันกันต่อกับ 5 หนุ่มบอยกรุ๊ปดาเมจเกินต้าน วง PERSES ก่อนไปส่งท้ายความสนุก15 เม.ย. กับคู่จิ้นสุดหวานแห่งปี ซี – นุนิว ที่มาร่วมเติมสีสันให้สงกรานต์นี้ไม่มีดร้อป

และยังไม่หมด เพราะงานนี้ สามย่านมิตรทาวน์ ยังแท็กทีมเหล่าพาร์ทเนอร์มากมายมาเอาใจมิตรให้สดชื่นฟรีตลอดงาน ด้วยบูธเครื่องดื่ม Oishi Chakulza และ ไอศกรีม Nestle ที่ยกกองทัพความอร่อยมาเติมพลังให้มิตรแบบจัดเต็ม พร้อมลุ้นรับของรางวัลกลับบ้าน แถมยังเอาใจมิตรขาลุยด้วยการแท็กทีมกับTransport Partner เสิร์ฟความสะดวกสบาย นำทีมโดย GRAB มามอบโค้ดส่วนลดพิเศษให้ใช้บริการแบบคุ้ม นอกจากนี้ยังมี HAUP มาเปิดจุดบริการ HAUP BIKE ฮ้อปจักรยานซิตี้ไบค์ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิค พร้อมแจกส่วนลดพิเศษมากมายในงาน แต่ถ้าใครเป็นสายชิล แนะนำ Free Shuttle รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า by MUVMI ที่เปิดให้บริการใน 2 เส้นทาง ได้แก่ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ – ศูนย์การค้าสีลมเอจ และ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ – บรรทัดทอง ตั้งแต่เวลา 14.00 – 20.00 น. ขานรับนโยบายสงกรานต์วิถีไทย สนุก ปลอดภัย ไร้ความรุนแรงกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นอกจากนี้ สำหรับขาช้อป พลาดไม่ได้กับ แคมเปญ “ช้อปมันส์ สุดฉ่ำ ต้อนรับซัมเมอร์” ระหว่าง 1 – 30 เม.ย. นี้ เมื่อช็อปสินค้าภายในศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ครบ 2,500 บาท รับฟรี! SUNNY SIDE UP BUCKET HAT 1 ชิ้น มูลค่า 590 บาท (จำกัด 1,000 สิทธิ์ตลอดแคมเปญ)

ข้ามมาฝั่ง ศูนย์การค้าสีลมเอจ ปีนี้พร้อมสาดความสุขแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก โดยปีนี้ทางศูนย์ฯ มีบริการจุดเติมน้ำสะอาดให้ฟรีกระจายทั่วศูนย์ฯ พร้อมให้ฉีดน้ำสะอาดแบบไม่สะดุด แถมยังแวะเติมพลังด้วยร้านค้าสตรีทฟู้ดอาหาร-เครื่องดื่มมากมายรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่จะหลั่งไหลมาเล่นน้ำบนถนน สีลม และสนุกแน่ไม่ต้องลุ้นกับการปิดถนนสีลม ระหว่าง สีลม ซ.2 – ถนนนราธิวาส ให้เล่นน้ำฉ่ำ ๆ สมกับเป็นแลนด์มาร์กสงกรานต์ใจกลางกรุง ใครที่แวะมาบอกเลยไม่ผิดหวัง

เอาเป็นว่า สงกรานต์นี้ เคลียร์คิวให้ว่าง เตรียมชุดให้พร้อม แล้วมาเล่นน้ำแบบสะอาดปลอดภัยด้วยกัน ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 น. – 22.00 น. และสำหรับโซน 24 ชม. เปิดให้บริการตามปกติ และศูนย์การค้าสีลมเอจ พร้อมเปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 24.00 น. เฉพาะชั้น B1 และชั้น G เปิดบริการ 24 ชม.

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/SAMYANMITRTOWN https://www.facebook.com/SILOMEDGE

Supergoop! เปิดตัว Protec(tint) SPF 50 กันแดดเนื้อทินท์ สัมผัสบางเบารับซัมเมอร์

Alternative Textaccount_circle

ซัมเมอร์นี้ Supergoop! (ซุปเปอร์กูป) แบรนด์ครีมกันแดดชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา เปิดตัว Supergoop! Protec(tint) SPF 50 กันแดดเนื้อทินท์ ครั้งแรกในประเทศไทย ในงาน launchpad “Supergoop! Protec(tint) SPF 50” ณ ร้าน Sephora ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ พร้อมชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์ด้วยเนื้อบางเบาเป็นพิเศษแต่ยังปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างทรงพลัง และมีเฉดสีให้เลือกถึง 12 สี สำหรับสีผิวที่หลากหลายของคนไทย โดยมีหนุ่มฮอต บาร์โค้ด ตฤณสิษฐ์ อิสระพงศ์พร มาร่วมเปิดประสบการณ์ผิวสวยท้าแดด

Supergoop! Protec(tint) Daily SPF 50 PA++++ มีส่วนประกอบของ Ectoin (เอคโตอิน) ที่ช่วยปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดจากรังสียูวี แสงสีฟ้า และมลภาวะ เสริมด้วย Hyaluronic Acid-Infused Clay (ไฮยาลูรอนิค เอซิด อินฟิวส์ เคลย์) ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นของผิว พร้อมควบคุมความมัน จึงมั่นใจได้ว่าเป็นกันแดดที่เหมาะกับฤดูร้อนของประเทศไทย และยังมีเฉดสีให้คนไทยได้เลือกถึง 12 เฉดสี ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำและความเข้าใจในตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดในประเทศไทยของ Supergoop! ได้เป็นอย่างดี

สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของ Supergoop! Protec(tint) SPF 50 ได้แล้ววันนี้ ที่ Sephora ทุกสาขา หรือช้อปออนไลน์ง่ายๆ ที่เว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของ Sephora และพิเศษสุดเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด และการเปิดป๊อบอัป ที่ Sephora สาขาเอ็มควอเทียร์ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ Supergoop! Protec(tint) SPF50 1 ชิ้น รับทันทีบัตรสมนาคุณเพื่อนำไปแลกไอศกรีมรสชาติพิเศษที่ร่วมคิดค้นกับร้าน Molly Ally โดยสามารถนำบัตรสมนาคุณไปแลกรับไอศกรีมได้ที่ร้าน Molly Ally สาขาเอ็มควอเทียร์ ชั้น G ตั้งแต่วันนี้ – 17 เมษายน 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด


คิ้วต์มาก! Canmake เปิดตัวคอลเล็คชั่นสุดพิเศษ เติมความสดใสให้ซีซั่นนี้

Alternative Textaccount_circle

ซัมเมอร์นี้ รวมไอเท็มเด็ดตัวว้าว ChocoBerry Bloom Beauty! Limited Edition Collection 2024 จาก Canmake มาฝาก อาทิ

  • MERMAID SKIN GEL UV (C03) กันแดดตัวดังสูตรใหม่ฉ่ำว้าวกว่าเดิม มีไนอาซินาไมด์ ช่วยลดเม็ดสีเหลือง ปรับความกระจ่าง เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
  • MELLOW DEW LIP MASK ลิปมาสก์ให้ริมฝีปากสวยอิ่มน้ำแค่ข้ามคืน ‘ตัก-เกลี่ย-นอน’ 3 ขั้นตอนบำรุงล้ำลึก ฟีลลิ่งสุดฟิน
  • CREAMY TOUCH LINER (12,13,14) เติมเต็มซัมเมอร์นี้ให้สดใสกับอายไลน์เนอร์โทนสีสตรอเบอร์รี่สุดคาวาอิ
  • PLUMPUKU CORDINATE EYES (03,04) พาเล็ตต์อายแชโดว์ที่คิดขึ้นมาเพื่อการสร้างดอลลี่อายโดยเฉพาะ! เสกใต้ตาอวบอิ่ม ลดอายุ เพิ่มความคิ้วท์ ด้วยปลายนิ้ว
  • MUCHI PURU TINT (04,05) ลิปทินท์เนื้อนุ่มเย็นสดชื่น ให้ริมฝีปากอวบอิ่มฉ่ำวาวได้ทุกวันโดยไม่ต้องพึ่งฟีลเลอร์! มาพร้อม 2 สีใหม่สุดน่ารักที่จะทำให้คุณอยากหยิบใช้ตลอดเวลา
  • PERFECT MULTI EYES (05,08) ตัวช่วยให้เรื่องการแต่งตา ครบจบ 3 ฟังก์ชันในตลับเดียวเป็นได้ทั้ง อายไลเนอร์, อายแชโดว์ และที่เขียนคิ้ว มอบ Finish Look น่ารักเป็นธรรมชาติ หรือจะสวยแกลมก็ทำได้

วิน-ศุภวิชญ์ ประธานชัยมงคล

หนุ่มตาหวาน ดาเมจเกินต้าน วิน-ศุภวิชญ์ ประธานชัยมงคล

Alternative Textaccount_circle
วิน-ศุภวิชญ์ ประธานชัยมงคล
วิน-ศุภวิชญ์ ประธานชัยมงคล

คว้าใจแฟนๆไปเต็มๆจนเป็นที่จับตามองหลัง “Close Friend โคตรแฟน 3 โซจู บอมบ์” จากออริจินีลซีรีส์ จาก Viu (วิว) ที่ออกอากาศแล้วทาง Viu Application ทำเอาแฟนซีรีส์สะดุดตาสุดๆในลุคหนุ่มติสท์ เจ้าเสน่ห์ ผู้เงียบขรึมของ วิน รับบทโดย (วิน – ศุภวิชญ์ ประธานชัยมงคล)

แม้ในเรื่องจะพูดน้อยแต่ หนุ่มวิน เพราะใช้สายตาสื่อสารออกมาได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะรัก สนุก อายหรือโมโห เขาก็แสดงออกทางสายตาได้อย่างไม่มีที่ติ บอกเลยถ้าใครเผลอมองนัยน์ตาหวานละมุนที่พร้อมโปรยเสน่ห์ของ วิน ศุภวิชญ์ แล้วล่ะก็เป็นต้องตกหลุมรักแน่นอน

ซึ่งโปรไฟล์ของ หนุ่มวิน ต้องบอกเลยว่าเขามาพร้อมกับความสามารถหลายด้านที่เกินคาดมากจริงๆ

ชื่อ : ศุภวิชญ์ ประธานชัยมงคล
ชื่อเล่น : วิน
เกิดวันที่ : 21 สิงหาคม 2003
ส่วนสูง : 168 cm
น้ำหนัก : 55 kg
ภูมิลำเนา: กรุงเทพมหานคร
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนานาชาติมหิดล
กีฬาที่ชอบ : เข้ายิม เทนนิส ฟุตบอล
ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง
ผลงานการแสดงล่าสุด : Close Friend โคตรแฟน 3 โซจู บอมบ์

วิน-ศุภวิชญ์ ประธานชัยมงคล

ใครที่อยากทำความรู้จัก หนุ่มวิน ตามไปส่องไลฟ์สไตล์ของเขาคนนี้ได้ที่ Instagram : @wiinsp

สามารถติดตามผลงานกันที่ได้ Close Friend3 Soju Bomb ทุกวันพุธ เวลา 20.00 น. สามารถรับชมได้ : Viu Application และ https://www.viu.com/

เปิดวาร์ปโฉมใหม่ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” แลนด์มาร์คแห่งความสุขของทุกคน

account_circle

ชาว กทม. ฝั่งตะวันตก…ตามมาปักหมุดแลนด์มาร์คแห่งความสุขกันได้เลยค่ะ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” คัมแบ็กแล้วพร้อมกับโฉมใหม่ โดยจัดงาน “THE MALL LIFESTORE BANGKAE GRAND OPENING CELEBRATION” อย่างยิ่งใหญ่

สำหรับโฉมใหม่สุดจึ้ง! ของ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” โดดเด่นด้วยการเติมเต็มความรื่นรมย์ของธรรมชาติให้กับการใช้ชีวิตยุคใหม่ พร้อมจัดเต็มความฟินเอาไว้อย่างครบครัน ขึ้นแท่น New Destination ที่ตอบโจทย์ความต้องการและความสะดวกสบายของผู้คนทุกไลฟ์สไตล์และทุกเจนฯ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE : ชีวิตที่มีความสุขทุกครอบครัว” ซึ่งจะมอบความฟินจุกๆ ทั้งช้อป ชิม ชิล จอย ให้กับทุกคนผ่าน 7 LIFE WONDERS มหัศจรรย์แห่งการใช้ชีวิตทั้ง 7 มิติ ได้แก่

1. LIFE WONDER OF NATURE นอกจากแอร์เย็นฉ่ำ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” ยังช่วยชาร์จพลังให้กับทุกคนด้วยความสดชื่นของธรรมชาติ ซึ่งเนรมิตขึ้นตามพิกัดต่างๆ อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นซิกเนเจอร์อย่างน้ำตกสุดอลังการ บ่อปลาท่ามกลางสวนสวย สนามเด็กเล่น หรือ PET PLAYGROUND ในบรรยากาศร่มรื่น

2. LIFE WONDER OF DINING ขอบอกเลยว่าสายกินต้องปักหมุด! เพราะที่นี่ถือเป็น FOOD DESTINATION HUB แห่งใหม่ ซึ่งมัดรวมความอร่อยเริ่ดเอาไว้แบบละลานตากว่า 500 ร้านดัง โดยเฉพาะโซน GOURMET EATS ที่ถือเป็นสวรรค์ของเหล่าอีทเลิฟเวอร์

3. LIFE WONDER OF ENTERTAINMENT จอยๆ กับหลากหลายความบันเทิง ซึ่งตอบโจทย์ผู้คนทุกไลฟ์สไตล์และทุกเจนฯ เช่น SF CINEMA, JOYLIDAY, FITNESS FIRST, MEGA HARBORLAND เรียกว่าพิกัดเดียวเอาอยู่

4. LIFE WONDER OF FASHION & COMPLETION ช้อปฟินสุดๆ กับกว่า 1,000 แบรนด์ในศูนย์ฯ และกว่า 10,000 แบรนด์ในห้างฯ ที่ครบครันทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะการรวมตัวของแบรนด์แฟชั่นชั้นนำและแบรนด์บิวตี้ขึ้นชื่อมากมาย รวมถึงสินค้ากลุ่มไอที ซึ่งครบจบในพิกัดเดียว ตอบโจทย์คนยุคใหม่สุดๆ     

5. LIFE WONDER OF JAPAN JOY จอยๆ สไตล์แจเปนได้ที่ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” กับหลากหลายแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น ทั้งร้านอาหารและแบรนด์แฟชั่น โดยเฉพาะร้านอาหารที่ขอบอกเลยว่าเหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่ 

6. LIFE WONDER OF EXCITEMENT แชร์พื้นที่แห่งความสนุกด้วยกิจกรรมหลากหลายและอีเว้นต์ต่างๆ ที่จัดขึ้น ณ MCC HALL หรือลานกิจกรรมจุดต่างๆ เพื่อมอบความสุขให้กับทุกคน 

7. LIFE WONDER OF PET PARADISE เหล่าทาสต้องรัก! กับพิกัดเอาใจเจ้านายสี่ขา ไม่ว่าจะเป็น PET PLAYGROUND ในบรรยากาศสวนสีเขียว หรือโซนช้อปปิ้งข้าวของสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงยังสามารถพาน้องๆ ใส่รถเข็นแล้วไปชิลด้วยกันได้เลย 

เชื่อว่าหลายคนที่ส่องโฉมใหม่ของ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” แล้วคงเกิดอาการอยากพุ่งตัว ขอบอกเลยว่าไม่ต้องลังเลใจใดๆ รีบตามมาเช็คอินความสุขให้ครบทุกมิติกันได้เลยค่ะ เพราะช่วงนี้ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค” จัดเต็มโปรโมชั่นมอบความสุขแบบมหาศาล ทั้งห้างฯและศูนย์ฯ สินค้าเคาน์เตอร์ปกติ ลดสูงสุด 50% รวม Power Mall, Gourmet Market รับ Cash Voucher รวมสูงสุด 1,800 บาท พิเศษ! วันนี้ – 21 เม.ย. 2567 ทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รับ Cash Voucher  รวมสูงสุด 600 บาท เมื่อช้อปครบตามกำหนด และตั้งแต่วันนี้ – 8 เม.ย. 2567 ช้อปภายใน Gourmet Market 1,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับคูปองส่วนลดเงินสด 700 บาท หรือ รับบัตรกำนัลศูนย์ฯ 200 บาท และ ทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 21 เม.ย. 2567 ช้อปในศูนย์ฯ ครบ 3,000 บาท  รับบัตรกำนัลมูลค่า 500 บาท โดยสามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.themallgroup.com และ Facebook : The Mall Group

HESÉ (เฮเซ่) ชวนเริ่มต้นสร้างพื้นฐานผิวดีจากธรรมชาติ ด้วยชุดผลิตภัณฑ์ START-RIGHT SET

Alternative Textaccount_circle

เชื่อว่าทุกคนเป็นเจ้าของผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืนได้ในแบบฉบับของตัวเอง แค่เพียงเริ่มต้นจากพื้นฐานผิวที่แข็งแรง อันเป็นรากฐานของความมั่นใจและเสริมให้ตัวตนของคุณยิ่งชัด และใช่ ยิ่งกว่าเดิม… ไม่ว่าเขา (HE) หรือเธอ (SHE) จึงเกิดเป็นความมุ่งมั่นในการคัดสรรสารสกัดจากธรรมชาติที่เรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยคุณสมบัติทรงพลังในการดูแลลึกถึงกลไกของผิวชั้นใน พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์สกินแคร์คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย พร้อมรับมือทุกสภาวะ และต่อยอดตัวตนในแบบที่ใช่ ตามสโลแกน Enhance Your True Skin ของ HESÉ (เฮเซ่) ด้วยชุดผลิตภัณฑ์ HESÉ Start-Right Set กับ 3 ขั้นตอนง่ายๆ สู่จุดเริ่มต้นของการดูแลผิวที่แข็งแรง

  • ปลุก การทำงานลึกถึงกลไกชั้นในของผิว สร้างสมดุล พร้อมปลอบประโลมผิวให้แข็งแรงด้วย REVITALIZING AND SPOT SOLUTION ESSENCE
  • ปรับ โครงสร้างของผิวและกระบวนการทำงานของผิวให้กลับมาสมบูรณ์ได้ตามธรรมชาติ ให้ผิวแลดูกระจ่างใสด้วย ADVANCED BRIGHTENING INTENSIVE SERUM
  • ปกป้อง เสริมเกราะป้องกันให้แก่ผิว พร้อมแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์ด้วย ULTRA SUN PROTECTION SPF50+ PA++++

ยืนหนึ่งรักษ์โลก! ซูมอิน 4 กระเป๋า PRADA Re-Nylon ของเหล่าคนดัง

Alternative Textaccount_circle

ถ้าพูดถึงกระเป๋า PRADA เรียกว่า Re-Nylon คงเป็นอีกรุ่นที่กลายเป็นไอคอนิก เพราะไม่ว่าออกดีไซน์ไหนมาก็ฮิตติดลมบนไปหมด เช่นเดียวกับ 4 รุ่นที่กำลังจะพูดถึง เมื่อเหล่าเซเลบริตี้ทั่วเอเชียเลือกมาเป็นคีย์ไอเท็มของลุค ความน่าสนใจจะอยู่ตรงไหน และสามารถแมตช์เข้ากับลุคอะไรได้บ้าง ‘แพรว’ ขอพาทุกคนไปดูพร้อมๆ กัน

Re-Nylon triangle logo-plaque shoulder bag

ออร่าความหล่อทำให้ลายตาไปหมด เมื่อทั้ง Global Brand Ambassador และศิลปิน นักแสดงจากประเทศไทยพากันอัพลุคเพิ่มความเท่ด้วย Prada Re-Nylon triangle logo-plaque shoulder bag กระเป๋าดีไซน์เท่ที่ถูกครีเอทมาให้เข้ากับหลายลุคไม่ว่าจะวันจัดเต็ม หรือแมตช์เข้ากับเสื้อเชิ้ตธรรมดา ก็สามารถเอาอยู่ ปัจจุบันราคาในเว็บไซต์มือสองอยู่ที่ $2,156 ส่วนในเว็บไซต์ออฟฟิเชียลแบรนด์ Out of Stock เป็นที่เรียบร้อย

กระเป๋าเป้สะพายหลังหนัง Saffiano และ Re-Nylon

สายแบกต้องเป็นใบนี้กระเป๋าเป้สะพายหลังหนัง Saffiano และ Re-Nylon ที่ครีเอทมาเพื่อจุของโดยเฉพาะ เพราะมากับช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่สองช่อง และมีเฉดสีให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือ ดำและน้ำเงิน ความพิเศษของใบนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากปี 80 จนพัฒนามาเป็นกระเป๋าที่เราเห็นในปัจจุบัน ราคา 90,000 บาท

Re-Nylon Prada Re-Edition 1978

มาที่ฝั่งผู้หญิงกันบ้างเริ่มต้นใบแรกด้วย ‘Re-Nylon Prada Re-Edition 1978’ กระเป๋าทรงบักเก็ตสีสันสดใสมีทั้งสีแดง, เบจ, เขียว, ชมพู และขาว โดยเป็นสไตล์ดั้งเดิมที่นำมา Re-Edition ตกแต่งด้วยดีเทลหนังและฮาร์ดแวร์โลหะ สามารถใช้งานแบบถือด้วยมือหรือสะพายไหล่ด้วยสายแบบถอดได้ ราคา 59,000 บาท

Prada Re-Edition 1978 medium Re-Nylon and Saffiano leather two-handle bag

และสุดท้าย Prada Re-Edition 1978 medium Re-Nylon and Saffiano leather two-handle bag กระเป๋า No.1 ขอเหล่าแฟชั่นนิสต้าที่มาในดีไซน์สุดวินเทจผสมผสานด้วยวัสดุผ้าไนลอนและหนังสาเฟียโนในโทนสีคลาสสิกอย่างสีดำ, กรมท่า, น้ำตาล และเบจ เมื่อพกดีไซน์แสนเรียบง่ายมาแบบนี้รับรองว่าจะลุคมินิมอล คูลๆ หรือสีสันสดใสก็ไม่มีหวั่น และหากใครอยากเพิ่มความสนุกให้กับไอเท็ม ลองหยิบพวงกุญแจตุ๊กตาคิวต์ๆ มาห้อยดูนะคะ เพราะตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์!


ข้อมูล: PRADA

'ซงฮายุน' เผยไอเท็มที่เธอพกติดตัวเป็นประจำ เวลาที่ไม่แต่งหน้า

‘ซงฮายุน’ เผยไอเท็มที่เธอพกติดตัวเป็นประจำ เวลาที่ไม่แต่งหน้า

Alternative Textaccount_circle
'ซงฮายุน' เผยไอเท็มที่เธอพกติดตัวเป็นประจำ เวลาที่ไม่แต่งหน้า
'ซงฮายุน' เผยไอเท็มที่เธอพกติดตัวเป็นประจำ เวลาที่ไม่แต่งหน้า

นาทีนี้ดูเหมือนว่า ‘ซงฮายุน’ (Song Ha-yoon) จะเป็นนางร้ายที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ตั้งแต่รับบทบาท ‘จองซูมิน’ เพื่อนรักใส่หน้ากากที่จ้องจะหักหลังนางเอกในซีรีส์ Marry My Husband ทำให้เธอเป็นนางร้ายหน้าสวยที่ผู้ชมหมั่นไส้และถูกพูดถึงไม่น้อย และก็อย่างที่เห็นว่าความหน้าใสผิวโกลว์เปล่งปลั่ง เมคอัพลุคไหนก็สวยฉ่ำของเธอมันช่างน่าดึงดูด แต่เธอเผยว่าความจริงแล้วเธอไม่ชอบแต่งหน้า

โดยเมื่อวันที่ 15 มีนาคม เผยคลิปที่เธอได้ให้สัมภาษณ์ Harper’s Bazaar Korea เกี่ยวกับหัวข้อ “#อะไรอยู่ในกระเป๋าของซงฮายุน?”ซึ่งคลิปดังกล่าว ซงฮายุน ได้เปิดเผยสิ่งของในกระเป๋าของเธอ มีเครื่องนวดหน้า เธอบอกว่า “มันทำให้ฉันลดไข้ได้ดีมาก ถ้าฉันปวดหัว ฉันจะกดมันลงบนหัวแบบนี้ แล้วพอตื่นเช้าก็จะนำมานวดโหนกแก้มด้วย” นอกจากนี้ เธอยังโชว์แว่นตาสองอันที่เธอชอบใส่ โดยบอกว่า ปกติฉันไม่ค่อยแต่งหน้า ดังนั้น ฉันจึงมักจะใส่แว่นตาแฟชั่นที่ช่วยปกปิดหน้าสดได้ และฉันมักจะสวมแว่นสายตาเวลาเรียนหรืออ่านหนังสือ”

สำหรับบิวตี้ไอเท็มชิ้นที่เธอพกติดตัวคือ “ฉันพกที่ดัดขนตาติดตัวไปไหนมาไหนด้วยความมั่นใจ” และเธอยังเผยถึงมาส์กชิ้นโปรด และบอกเคล็ดลับผิวดีว่า “เธอไม่ชอบมาส์กในตอนเย็นหรือก่อนนอน เพราะต้องการให้ผิวได้พักผ่อนจากมลภาวะที่เผชิญมาทั้งวัน และเลือกจะทาสกินแคร์ให้บางเบาที่สุด และเธอจะมาส์กหน้าหลังล้างหน้าในตอนเช้า เพื่อให้ผิวซึมซับได้ดี แลดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา”

ภาพ: hayoonsong1202


Gourmet Theatre ครั้งแรกกับการลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มแบบ ‘Chef’s Table on the Move’

Gourmet Theatre ครั้งแรกกับการลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มแบบ ‘Chef’s Table on the Move’

account_circle
Gourmet Theatre ครั้งแรกกับการลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มแบบ ‘Chef’s Table on the Move’
Gourmet Theatre ครั้งแรกกับการลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มแบบ ‘Chef’s Table on the Move’

เตรียมพบกับประสบการณ์อาหารแบบ ‘Chef’s Table on the Move’ ครั้งแรกในไทย ที่จะมาเขย่าวงการอาหารในกรุงเทพฯ ด้วยการรวมเชฟแถวหน้าร่วมรังสรรค์เมนูอาหารรสเลิศ พร้อมค็อกเทลจากบาร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย ในงาน Gourmet Theatre อีเวนต์แสดงการทำอาหารจากฮ่องกง ที่จะมาเสิร์ฟความอร่อยแบบไฟน์ไดนิง

การรับประทานอาหารคอร์สพิเศษจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติอาหารแบบเชฟเทเบิลสุดพิเศษจากความร่วมมือระหว่างเชฟระดับแนวหน้า ทั้งกรุงเทพฯ ฮ่องกง และไต้หวัน พร้อมดื่มด่ำกับค็อกเทลที่คัดสรรโดยมิกโซโลจิสต์จากบาร์ชั้นนำ 30 มีนาคม 2567 นี้ เตรียมพบกับประสบการณ์น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ นี้ในงาน Gourmet Theatre คอร์สพิเศษ ที่จะมาลบภาพครัวแบบป๊อปอัพเล็ก ๆ เพราะงานนี้รวมเชฟกว่า 10 ชีวิต ที่จะมายึดครองครัวสุดทันสมัยและครบครัน ที่ The Food School

Gourmet Theatre เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2563 ในฮ่องกง เป็นอิเวนต์การรับประทานอาหารที่มาพลิกวงการคอร์สหรู ด้วยการรวม 5 เชฟชั้นนำ ขึ้นไปบนชั้น 37 ของ One Island East ใน Taikoo Place ร่วมกันเปลี่ยนบรรยากาศอาคารสำนักงาน ให้กลายเป็นร้านอาหารชั้นเลิศที่คึกคักอย่างคาดไม่ถึงในคืนเดียว

และในปี 2567 นี้ Gourmet Theatre พร้อมแล้วที่จะเดินทางสร้างปรากฏการณ์อาหารใหม่ ๆ ในต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยเลือก กรุงเทพมหานคร ที่ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมวัตถุดิบและวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายเป็นแห่งแรก พร้อมจับมือกับ The Food School เปลี่ยนโฉมโรงเรียนสอนทำอาหารชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นสนามทำอาหารแบบอินเทอร์แอคทีฟ ต้อนรับเหล่าเชฟชั้นนำ และผู้ที่หลงใหลในอาหารระดับไฮเอนด์ 

Gourmet Theatre Bangkok จะจัดขึ้นเพียงคืนเดียวเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็น 2 คอร์สหลัก ภายใต้ธีม
A GastroNOM and Beyond (9,899 บาท) ครองพื้นที่ชั้น 2 และ 3 ของ The Food School ให้นักกินได้เลือกเพลิดเพลินกับประสบการณ์การทำอาหารที่หลากหลาย ทั้งสเตชันจากเชฟชั้นนำที่จะมาเสิร์ฟอาหารจานพิเศษ สเตชัน
ที่รังสรรค์เมนูจากความร่วมมือของเชฟแบบ Four Hands (เชฟ 2 คน) และ Six Hands (เชฟ 3คน) และป๊อปอัพบาร์ 

โดยให้แขกผู้มีเกียรติ ได้เคลื่อนตัวไปชิมเมนูพิเศษจากเชฟแต่ละคนได้ในแต่ละสเตชัน ตามคอนเซปต์ ‘Chef’s
Table on the Move’ ซึ่งแต่ละสเตชันสามารถรองรับได้ครั้งละ 20 คน พร้อมเวลาในการดื่มด่ำอาหารรสเลิศอีก 30 นาที ก่อนจะย้ายไปสเตชันถัดไป  รวมแล้วแต่ละคนจะได้ลิ้มลอง 9 – 10 คอร์ส พร้อมด้วยเครื่องดื่มมากมาย อาทิ ค็อกเทล และสาเกระดับพรีเมียม

Stage #1 ของ Gourmet Theatre ยึดพื้นที่ชั้น 2 ของ The Food School แบ่งออกเป็น 5 สเตชัน โดย 3 สเตชันจะมอบประสบการณ์การอาหารสุดพิเศษ ได้แก่

สเตชันแรก คอร์สพิเศษแบบ Four Hands Dinner จากความร่วมมือของ 2 เชฟชาวไทย “เชฟหนุ่ม” วีระวัฒน์ตริย
เสนวรรธน์จาก Samuay & Sons ร้านอาหารไฟน์ไดนิงในอุดรธานี และ “เชฟแบล็ค” ภานุภนบุลสุวรรณจากร้าน Blackitch Artisan Kitchen ร้านอาหารไฟน์ไดนิงในเชียงใหม่

อีกหนึ่งสเตชัน ลิ้มลองคอร์สสุดเอ็กซ์คลูซิฟในรูปแบบ Six Hands Dinner ที่รังสรรค์เมนูจากเชฟถึง 3 คน ได้แก่
เชฟชาวไทยมากฝีมืออย่าง เชฟไพศาลชีวินศิริวัฒน์ และ “เชฟจิ๊บ” กัญญารัตน์ถนอมแสงจากร้านแก่น (KAEN) ร้าน
อาหารไฟน์ไดนิงในขอนแก่น ซึ่งจะร่วมกับเชฟชื่อดังจากมาเก๊า เชฟ Tam Kwok Fung แห่ง Chef Tam’s Seasons ผู้คว้ารางวัล Chef of the Year 2023 จาก Black Pearl Restaurant Guide

และสเตชันที่เรียกว่าเป็นหนึ่งไฮไลต์ของเวทีนี้ รังสรรค์โดยเชฟ Barry Quek จาก Whey ร้านอาหารรางวัล 1 ดาวมิชลิน จากเกาะฮ่องกง ที่จะมาแสดงฝีมือแบบเต็มรูปแบบ เสิร์ฟเมนูสไตล์ยุโรปที่ได้แรงบันดาลใจจากสิงคโปร์

ระหว่างเพลิดเพลินกับเมนูรสเลิศ ดื่มด่ำไปกับค็อกเทลบาร์อีก 2 สเตชัน ที่จะมาสร้างสรรค์เครื่องดื่มคู่มื้อพิเศษ โดย
CMYK แห่งฉางชา ผู้คว้ารางวัล DRiNK Awards Best Bar 2022 จากประเทศจีน และ Bar Us ในกรุงเทพฯ บาร์ค็อกเทลที่ติดอันดับ Asia’s 50 Best Discovery

สำหรับ Gourmet Theatre Stage #2 จะใช้พื้นที่ชั้น 3 ของ The Food School แบ่งออกเป็น 4 สเตชันอาหาร และ 1 สเตชันสำหรับสาเกโดยเฉพาะ

สเตชันแรก รังสรรค์โดย “เชฟตาม” ชุดารีเทพาคำเชฟหญิงไทยมาแรงจากร้านบ้านเทพา (Baan Tepa)
ร้านอาหารไฟน์ไดนิง รางวัล 2 ดาวมิชลินในกรุงเทพฯ อีกหนี่งสเตชัน ครองโดย เชฟชาลีกาเดอร์จากร้านวรรณยุค (Wana Yook) ร้านอาหารไฟน์ไดนิง รางวัล 1 ดาวมิชลินในกรุงเทพฯ

ใน Stage นี้ ยังได้พบกับคอร์สสุดเอ็กซ์คลูซิฟจาก เชฟ Ryogo Tahara จากร้าน Logy ร้านอาหารรางวัล 2
ดาวมิชลินในไทเป และ เชฟ May Chow จากร้าน Little Bao ในฮ่องกง ผู้คว้ารางวัล เชฟหญิงยอดเยี่ยมจาก
Asia’s 50 Best Restaurants 2017 ที่จะมารังสรรค์เมนูสุดพิเศษ แบบ Four Hands Dinner ร่วมกันเป็นครั้งแรก

ในขณะที่อีกสเตชันครองโดยเชฟ Susumu Shimizu จากร้าน Den Kushi Flori ร้านอาหารญี่ปุ่นรางวัล 2
ดาวมิชลิน ชื่อดังจากโตเกียว และ เชฟ Alex Peng จากร้าน Akame ในไต้หวัน ร้านอาหารที่ติดอันดับ Asia’s 50 Best Discovery ทั้งคู่จะมาร่วมมือกันสร้างสรรค์เมนูพิเศษ ที่ผสมผสานความเทคนิคและความเชี่ยวชาญด้านอาหารฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ไปจนถึงอาหารพื้นเมืองของไต้หวัน

ในฝั่งเครื่องดื่ม พบกับ Elliot Faber ผู้เชี่ยวชาญด้านสาเกขั้นสูงจากฮ่องกง ผู้ก่อตั้ง Sake Central อีกทั้งได้รับ
รางวัลอันทรงเกียรติ Sake Samurai มาเปิดสเตชันร่วมกับเชฟชื่อดัง เชฟ Dylan Jones และ “เชฟโบ” ดวงพรทรงวิศวะ จากร้าน เออ (Err Urban Rustic Thai) นำเสนอการจับคู่สาเกที่คัดสรรมาอย่างดี คู่กับเครื่องดื่มไทยรสชาติเข้มข้น

งานนี้นอกจากรวมฝีเชฟระดับแนวหน้าที่มีฝีมือเป็นที่ประจักษ์ ยังขับเคลื่อนในเรื่องของแนวปฏิบัติด้านการจัดหาที่ยั่งยืน (Sustainable Sourcing) สนับสนุนผลผลิตตามฤดูกาล และนวัตกรรม ซึ่งหลักการเหล่านี้ ยังแผ่ขยายไปถึงทีมงาน สถานที่ และงานกิจกรรมให้ได้มาตรฐานด้วย

ด้วยความพร้อมของ The Food School ที่มีห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครันและทันสมัย ในบรรยากาศเปิดโล่ง แต่ยังคงเป็นส่วนตัว ทำให้เหมาะอย่างยิ่งกับการเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบ ‘Chef’s Table on the Move’ ซึ่งพื้นที่นี้ยังช่วยให้เหล่าเชฟและบาร์เทนเดอร์ ได้สามารถทลายกำแพงข้อจำกัด เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างเชฟ และเชื่อมต่อกับผู้รับประทานอาหารได้อย่างไร้ขอบเขต

ด้าน กวินว่องกุศลกิจ ผู้บุกเบิกธุรกิจโคเวิร์กกิ้งสเปซ และกรรมการบริหารของ The Food School กล่าวว่า “ที่ The Food School ภารกิจของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่การสอนศิลปะการทำอาหารเท่านั้น” แต่เรายังมุ่งเน้นไปที่ชุมชน การทำงานร่วมกัน และความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันให้นักเรียนสามารถพัฒนากรอบความคิดในฐานะผู้ประกอบการในอนาคตได้”

“ซึ่ง Gourmet Theatre ก็ได้ยึดถือหลักการเดียวกันนี้ เราเลยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ผนึกกำลังร่วมกัน รวบรวมเชฟจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย เน้นใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น และเปลี่ยนประสบการณ์การรับประทานอาหารให้เป็นการเฉลิมฉลองที่เหนือคำว่าอาหารรสเลิศไปอีกขั้น”

Gourmet Theatre BKK จัดขึ้นที่ The Food School ตึก E โครงการบล็อก 28 จุฬาลงกรณ์ซอย 7
เวลา 18:00 – 22:30 น. บัตรราคา 9,899 บาท ต่อท่าน สามารถซื้อบัตรได้แล้วที่ Eventpop 

Stage #1: https://www.eventpop.me/e/17245/gourmet_theatre_bangkok_stage1
Stage #2: https://www.eventpop.me/e/17247/gourmet_theatre_bangkok_stage2 


Chilli Fest กลับมาเป็นปีที่สอง พร้อมมอบความเผ็ดร้อนอีกครั้งที่โรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ

account_circle

Chilli Festเทศกาลอาหารรสจัดที่เผ็ดร้อนที่สุดของไทยจะจัดขึ้นอีกครั้งที่ Urban Oasis ของโรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 นี้ พร้อมเมนูอาหารรสจัดจ้านจากร้านอาหารชั้นนำของกรุงเทพฯ และเชฟระดับดาวมิชลิน กิจกรรมความบันเทิง โชว์ไฟ การแข่งขันรับประทานพริกที่น่าตื่นเต้น และอีกมากมาย นอกจากนี้ในปีนี้เทศกาล Chilli Festเพิ่มความพิเศษด้วยดินเนอร์ห้าคอร์สโดยเชฟระดับตำนานอย่าง เชฟเอียน-พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย เข้ามาด้วย

เมนูอาหารใน Chilli Fest

ผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสจัดห้ามพลาดเมนูอาหารรสชาติเผ็ดร้อนกลมกล่อมจากทั่วโลก ตั้งแต่เมียนมาร์ อินเดีย จีน เกาหลีใต้ ปากีสถาน เม็กซิโก มาเลเซีย สเปน และที่ขาดไปไม่ได้ ไทย เชฟชื่อดังมากความสามารถจากร้านอาหารในกรุงเทพฯ จะส่งมอบเมนูเด็ดในบรรยากาศสบาย ๆ ในสวน ราคาเริ่มต้นเพียง 120 บาทต่อจานเท่านั้น และยังมีตัวเลือกอาหารเผ็ดที่ทำจากพืชสำหรับคนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย เชฟและร้านอาหารที่จะมาร่วมนำเสนออาหารจานเด็ดในงาน ประกอบไปด้วย

  • Thep Nakorn:  เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหาร Le Du ซึ่งเป็นหนึ่งใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเซียหลายปีซ้อนถึงปัจจุบัน จะเข้าร่วมงานเป็นปีที่สองกับเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือจากเทพนคร และกะเพรารสจัด
  • SANEH JAAN:  ร้านอาหารหนึ่งดาวมิชลินที่ขึ้นชื่อเรื่องใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วไทยนำโดยเชฟ เชฟต้อย-พิไลพร คำหนัก จะนำเสนอผัดหมี่กะทิปากพนัง และหมูมะนาวพริกขี้หนูสวน
  • Inddee: เชฟ Sachin Poojary ที่มีประสบการณ์มากมายรวมไปถึงการทำงานที่ Taj Mahal Palace จนสามารถทำให้ห้องอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่ง Inddee ได้รับดาวมิชลินหนึ่งดวงได้ตั้งแต่ภายในปีแรกที่เปิด จะนำเสนอเมนู แป้งห่อไส้พริกบุตโจโลเกีย (Bhut Jolokia momo) เกี๊ยวแบบกลมไส้พริกขี้หนู (kanthari chili paniyaram) เนื้อหมู และบัตเตอร์นัท สควอชในเทศกาลปีนี้
  • Restaurant Avant: เชฟ Haikal Johari เอาชนะใจนักชิมด้วยเมนูฟิวชันที่ใส่ความเป็นเอเชียเข้าไปในเมนูอาหารยุโรปได้อย่างลงตัว พร้อมประสบการณ์จาก Alma ร้านอาหารหนึ่งดาวมิชลินในสิงคโปร์ หลังจากที่ห่างหายไปนาน เชฟ Haikal กลับมากรุงเทพฯ ในฐานะเจ้าของร่วมและเอ็กเซคูทีฟเชฟที่ Restaurant Avant ที่ตั้งอยู่บนชั้น 30 ของโรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ ภายในงาน ฯ จะนำเสนอเมนูข้าว koshihikari ย่างใส่เมนไทโกะและมะพร้าว และกัซปาโชสับปะรดใส่มิ้นต์และโกชูจัง
  • RESTAURANT CODA BANGKOK: เชฟ แท๊ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล ผู้ก่อตั้งร้านอาหารไทย-จีนสมัยใหม่ชื่อดังและผู้เข้าแข่งขันรายการ Iron Chef Thailand ซีซัน 9 เอาใจคนรักของเผ็ดในเทศกาลปีนี้กับเมนูฮอทดอกไส้อั่วและเบอร์เกอร์สูตรซิกเนเจอร์
  • VASO: เชฟ Álvaro Ramos ที่มีประสบการณ์จากร้าน La Terraza ระดับดาวมิชลินและ Dos Palillos ในสเปน จะนำเสนอเมนูทาปาสที่มีความจัดจ้านตามแบบฉบับของบุคลิกของเจ้าตัว อาทิ กุ้งกระเทียมสไตล์สเปน (gambas al ajillo) มันฝรั่งทอดแบบเผ็ด (patatas bravas) และ มีทบอลและมันฝรั่งแบบเส้น (albóndigas patata paja)
  • Urban Refugee Kitchen by Na Projects: Na Projects และ Urban Refugee Kitchen ก่อตั้งขึ้นด้วยจุดประสงค์ในการช่วยเหลือครอบครัวผู้ลี้ภัยในประเทศไทย ในงานนี้ผู้ร่วมงานจะได้ลิ้มลองอาหารปากีสถานและสนับสนุน Urban Refugee Kitchen ไปในเวลาเดียวกันกับเมนูแบบโฮมเม้ดฝีมือครอบครัวผู้ลี้ภัย อาทิ ซาโมซาผัก ข้าวหมกกับมาซาลามะเขือยาว ข้าวหมกกับมาซาล่าเนื้อวัว และกุหลาบจามุน เพื่อนำรายได้ไปจัดหาที่อยู่อาศัย อาหารและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ให้กับผู้ลี้ภัยขณะยังพำนักอยู่ในกรุงเทพฯ
  • Aromkwan: เมนูอาหารในร้านอาหารเอเชียสไตล์รมควันปิ้งย่างของเชฟ เชฟแบงค์-วิชชณุ เปรมภักตร์ ที่มีเชื้อสายมาเลย์ อินเดีย ไทย และจีน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสูตรอาหารคุณย่าที่เป็นชาวมาเลย์ ในเทศกาลนี้เชฟแบงค์จะนำเสนอเมนูที่สร้างสรรค์จากความรักในการทำบาร์บีคิวอย่าง ข้าวหมกขาหมูรมควัน อิกันบาการ์บาร์บีคิว (ikan bakar) และสลอว์สไตล์เอเชีย
  • Canes: CANES คือความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์และเชฟทำอาหารตามคติพจน์ ที่ประกอบไปด้วย Cruelty-free (ไม่เบียดเบียน​สัตว์​) Altruistic (สนับสนุน​สังคมเกษตร​อินทรีย์) Natural (ใช้วัตถุดิบ​และกระบวนการ​ทางธรรมชาติ) Evolutionary (ไม่หยุดพัฒนา) และ Sustainable (ยั่งยืน รักษ์​สิ่ง​แวดล้อม) ที่กลายมาเป็นชื่อ CANES สื่อถึงไม้เท้าและสัญลักษณ์แห่งความยั่งยืน ในงานนี้จะนำเสนอเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือวีแกนเสิร์ฟพร้อมแคปหมูวีแกนและน้ำพริกกะเหรี่ยง
  • Lady GooGoo:  เลดี้กูกู นักชิมและเชฟชาวเมียนมาร์ที่เป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลมีเดีย จะนำเสนอเมนูรสชาติเข้มข้นอย่าง ยำใบชาพม่า (BTS ย่อมาจาก Burmese tea salad) ไก่ทอดพริกสไตล์พม่า (BCFC ย่อมาจาก Burmese chilli fried chicken) และ ขนมจีน mohinga
  • Gaby, Megan & Diego: 3 เพื่อนสนิทชาวละติน Megan Leon, Gaby Espinosa และ Diego Zarco ที่ฝึกปรือทักษะการทำครัวจากร้านดังทั่วกรุงเทพฯ อย่าง Gaa, 80/20, Bo.Lan, Nahm, Eat Me และ Ms. Maria and Mr. Singh จะร่วมกันนำเสนอ ค็อกเทลกุ้งสไตล์เม็กซิกัน (coctel de camarón estilo “sinaloa”) และ แป้งทอดไส้แหนมโฮมเม้ด (flauta de Chorizo “naem”)
  • Summer Palace:  ร้านอาหารจีนกวางตุ้งชื่อดังที่นำโดย เชฟ Shui Wing Yau จะนำเสนอเมนูเลิศรสสไตล์เสฉวนที่มาพร้อมลูกเล่นอย่างเกี๊ยวกุ้งรสเผ็ดใส่โหระพา ไก่ต้มในน้ำมันพริกเสฉวน และขาหมูตุ๋นใส่ซอสหมาล่า
  • ANJU: เชฟ Shim Young Dae จาก ANJU Korean Rooftop Bar รู้ฟท้อปบาร์เกาหลีแห่งแรกและสูงที่สุดในกรุงเทพฯ จะเข้าเสริมทัพ Chilli Fest ปีนี้เป็นครั้งแรกกับเมนูซิกเนเจอร์ฟิชเค้กเสียบไม้พร้อมซอสเผ็ด และไก่ทอดเกาหลี
  • Bar.Yard: ขาดไปไม่ได้กับเจ้าถิ่นอย่าง Bar.Yard รู้ฟท้อปบาร์สุดฮิตของโรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ เอ็กเซคูทีฟเชฟ Lamberto Valdez Lara และทีมมอบความเผ็ดร้อนในแบบเฉพาะตัวผ่าน 4 เมนู ประกอบไปด้วย ทาโก้สันคอหมู (taco al pastor) ทาโก้เกซาบีร์เรียไส้ล็อบสเตอร์ (quesabirria) เคซาดิย่าชีสวีแกนทรัฟเฟิล (quesadilla) และของหวานคลาสสิกอย่างพุดดิ้งข้าว หรือ arroz con leche

ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่งาน Chilli-Fest

Cooking Studio ที่ Stock.Room นำเสนอเทสติ้งเมนู 5 คอร์ส รังสรรค์โดยแขกรับเชิญพิเศษ เชฟเอียน พงษ์ธวัช
เฉลิมกิตติชัย ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป เชฟเอียน เจ้าของตำแหน่งเชฟกระทะ
เหล็ก ประเทศไทย (Iron Chef Thailand) รวมถึงยังเป็น Co-Host และ Head Chef ในรายการเฮลส์คิทเช่นไทยแลนด์
(Hell’s Kitchen Thailand) ที่เพิ่งเปิดตัวไป การนำเสนอเมนูแบบดีกุสเตชันพร้อมแล้วที่จะพานักชิมทุกท่านออกเดิน
ทางไปในโลกแห่งอาหารของเชฟเอียน โดยแต่ละคอร์สได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์ของห้องอาหารแต่ละแห่ง
ของเชฟทั่วโลก ดินเนอร์ที่จะเปิดโอกาสให้นักชิมได้พูดคุยกับเชฟคนดังอย่างใกล้ชิดมีที่นั่งจำกัด เสิร์ฟในราคา
2,999++ บาทต่อท่าน พร้อมบัตรเข้างาน Chilli Fest เลือกรับประทานจับคู่กับเครื่องดื่มเพิ่มได้ในราคาเพียง 1,199++
บาทต่อท่าน ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับท่านที่ทำการสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น

การแข่งขันกินพริก

Chilli Fest เชิญนักกินเผ็ดผู้กล้ามาประลองความอึดกับการแข่งขันกินพริกชิงรางวัลใหญ่ ในงานผู้เข้าแข่งขันจะต้องกินพริกสดที่ไต่ระดับความเผ็ดขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 2,400,000 สโควิลล์ (Scoville heat unit) โดยผู้ที่ยังยืนหยัดอยู่ได้เป็นคนสุดท้ายจะกลายเป็นผู้ชนะ นอกจากนี้ยังมีรางวัลอันดับสองและสามด้วย การแข่งขันเปิดให้ทุกคนสามารถร่วมสนุกได้โดยต้องลงทะเบียนล่วงหน้า และโรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ จะทำการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันจากผู้สมัครทั้งหมดจะแจ้งกลับต่อไป

Chilli Market

แขกที่มาร่วมงานยังสามารถเลือกช้อปผลิตภัณฑ์จากพริกตั้งแต่ ซอสพริกหลากหลายจาก That Daeng Sauce และ
Firepower Hot Sauces ไปจนถึงสินค้าดีไซน์เก๋จาก อัคระ แบงค็อก ที่รวมไปถึงเสื้อยืด กระเป๋าโท้ต หมวกบักเก็ตและ
หมวกแก๊บที่ออกแบบขึ้นสำหรับเทศกาล Chilli Fest เป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมี California Ink Bangkok มาร่วมงานอีก
ครั้ง พร้อมบริการสักรอยสักรูปพริกฟรีให้กับผู้ร่วมงาน

Chilli Fest จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 นี้ที่ Urban Oasis ตั้งแต่เวลา 14.00 น. จนถึง 21.00 น. บัตรเข้า
งานราคา 250 บาทมาพร้อมเครื่องดื่มหนึ่งแก้ว ซื้อบัตรเข้างานล่วงหน้าราคาพิเศษเพียง 200 บาทได้แล้วตั้งแต่วันนี้
ผ่านเว็บไซต์ https://bit.ly/PRChilliFest2024EN

ส่วนหนึ่งของรายได้จากงานจะนำไปสมทบทุน มูลนิธิสติ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสในด้านสุขภาพและการศึกษา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/PRChilliFest2024EN หรือโทร +66 2 056 9999Facebook และ Twitter

ปวดหัวแบบไหนเรียก 'ไมเกรน'

อาการปวดหัวแบบไหนคือ ‘ไมเกรน’ พร้อมแนะวิธีเลี่ยงปวดไมเกรนด้วยตัวเองเบื้องต้น

Alternative Textaccount_circle
ปวดหัวแบบไหนเรียก 'ไมเกรน'
ปวดหัวแบบไหนเรียก 'ไมเกรน'

เวลาเกิดอาการปวดหัว มักมีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นไมเกรน ซึ่งความจริงแล้วอาจเป็นแค่อาการปวดตึงจากกล้ามเนื้อแค่นั้น แล้วอาการแบบไหนที่เรียกว่า ‘ไมเกรน’ และเมื่อมีอาการจะบรรเทาด้วยตัวเองหรือป้องกันความเสี่ยงจะเกิดอาการปวดไมเกรนได้อย่างไร มาหาคำตอบกัน

อาการปวดไมเกรน จะมีลักษณะของอาการปวดที่รุนแรง มากถึงมากจนแทบทนไม่ไหว ปวดแบบไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆ ต่อได้เลย ส่วนมากจะปวดแบบตุบๆ เพียงด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ นอนพักอาการก็ไม่ดีขึ้น ฯลฯ ไม่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร

ในทางการแพทย์ไม่พบสาเหตุที่แน่นอนที่ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรน แต่จะพบว่าตัวรับรู้ในผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงศีรษะจะไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ และมีผลมาจากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่ง ปัจจัยภายใน เช่น ความเครียด การนอนพักผ่อนไม่พอ ฯลฯ ส่วนปัจจัยภายนอก เช่น แสงจ้า เสียงดัง กลิ่นฉุน อากาศร้อนหรือแปรปรวน การดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสม กินอาหารที่มีสารให้ความหวาน อาหารที่เป็นของหมักดอง ฯลฯ ก็มีส่วนทำให้เกิดไมเกรนได้

สำหรับ อาการปวดตึงจากกล้ามเนื้อเกร็งเรื้อรัง มีความต่างจากไมเกรนชัดเจน อาการปวดตึงจะปวดแน่นๆ หนักๆ ทั้งศีรษะมักร่วมกับอาการปวดท้ายทอย คอ บ่า ร้าวเข้ากระบอกตา ร้าวขึ้นศีรษะ ร้าวลงสะบัก และมักร่วมกับการเคลื่อนไหวคอไม่คล่อง บ่าและก้านคอจะหนักๆ ตึงๆ อาการจะเป็นมากเมื่อต้องใช้กล้ามเนื้อหนัก เช่น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อเนื่อง หิ้วของหนัก นั่งนานโดยไม่ได้เปลี่ยนท่าทาง อาการจะเบาขึ้นเมื่อนอนพัก อาการปวดตึงส่วนใหญ่จะทำงานหรือกิจกรรมต่อได้ มักเป็นมากช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เพราะใช้กล้ามเนื้อมาทั้งวัน

ลักษณะของอาการปวดตึง ส่วนใหญ่มาจากโครงสร้างร่างกายไม่สมดุล พฤติกรรมการใช้ร่างกายที่ผิด เช่น นั่งหลังค่อม คอยื่น ไหล่งุ้มมาก โครงสร้างดังกล่าว จะส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็งตึงเรื้อรัง การปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อปรับโครงสร้างร่างกายให้สมดุล สร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายก็จะช่วยลดอาการปวดได้

การปวดไมเกรนกับอาการปวดตึงจากกล้ามเนื้อมีความเชื่อมโยงกันจะเห็นได้จาก เมื่อเป็นไมเกรนเรื้อรังมักส่งผลให้กล้ามเนื้อคอบ่า ไหล่ ตึงไปด้วย นานๆ เข้า ส่งผลให้ความรุนแรงของไมเกรนรุนแรงมากขึ้น การคลายกล้ามเนื้อ บริเวณท้ายทอย บ่า และสะบัก จะทำให้ความถี่ และความรุนแรงของการเป็นไมเกรนลดลงได้

การรักษาไมเกรน ส่วนใหญ่จะใช้ยาในการรักษา แต่ก็เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ที่สำคัญคือการดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายแบบได้เหงื่อให้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยกระตุ้น งดอาหารที่เป็นปัจจัยกระตุ้น หากรู้สึกมีการเกร็งคอ บ่า ไหล่ ควรรักษาหรือคลายกล้ามเนื้อ ปรับท่าทางหรือโครงสร้างร่างกายให้สมดุล เพื่อลดความรุนแรงและความถี่ที่เป็น เป็นต้น การเป็นไมเกรนมักไม่หายขาด แต่จะพบว่าเมื่อดูแลตัวเองถูกต้องมักทำให้ความถี่ในการเป็นลดลงมาก บางเคสอาจเป็นเพียงปีละ 2-3 ครั้ง จนไม่จำเป็นต้องกินยาแล้ว

และสำหรับอากาศที่ร้อนจัด และแปรปรวนอย่างนี้ ก็ถือเป็นตัวกระตุ้นและส่งผลกระทบโดยตรงกับคนที่เป็นไมเกรนได้เช่นกัน

ข้อมูล: เพ็ญพิชชากร แสนคำ นักกายภาพบำบัดจาก คลินิกกายภาพบำบัดอริยะ ชั้น 1 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)
ภาพ: Pexels


keyboard_arrow_up