MASTER จับมือ วิตอะเดย์ เปิดตัวเครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผมไบโอติน + ซิงค์ by VITADAY x Masterpiece

account_circle

‘MASTER’ จับมือ ‘วิตอะเดย์’ เปิดตัวเครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผมไบโอติน + ซิงค์ by VITADAY x Masterpiece ครั้งแรกในไทย ร่วมคิดค้นสูตรโดยทีมแพทย์ชำนาญการด้านเส้นผม จาก 3M Hair Transplant By Masterpiece Hospital เข้าสู่ตลาด Functional Drink ชูจุดเด่นเป็นเครื่องดื่มวิตามินอุดมด้วยสารสกัด      6 ชนิด อาทิ ไบโอติน, ซิงค์, แอปเปิลแอนนูร์กา ตอบโจทย์ผู้มีปัญหาเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและบำรุง มีจำหน่ายแล้ววันนี้ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทั่วประเทศ และแอปพลิเคชัน 7-Delivery พร้อมวางแผนลุยโปรโมทผ่านออนไลน์ และเพิ่มช่องทางจำหน่ายสู่ห้างค้าปลีกในอนาคต

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล Group CEO MASTER  เปิดเผยถึงแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ Group MASTER เน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic โดยอีกหนึ่งกลยุทธ์ใช้ร่วมพันธมิตรผ่านการ Collaboration หรือ X–Strategy เพื่อสร้างแบรนด์ให้เติบโตแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมต่อยอดกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ไปพร้อมกัน

“การขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER ทำให้สามารถเพิ่มรายได้ พร้อมเปิดโอกาสการเติบโตในตลาดศัลยกรรมความงาม และ Functional Drink พัฒนาเครื่องดื่มวิตามิน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมโดยตรง ด้วยศักยภาพของทั้ง 2 ธุรกิจ แบบ Win–Win ทำให้เพิ่มฐานลูกค้าและเปิดประสบการณ์ใหม่ในรูปแบบวิตามินดูแลเส้นผมพร้อมดื่มครั้งแรกในไทย” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาส
ทางธุรกิจครั้งสำคัญของ MASTER โดยล่าสุด บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรง
พยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย ร่วมมือ
ครั้งสำคัญ กับ บริษัท เจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ จำกัด (General Beverage) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มวิตามิน ภายใต้
แบรนด์ VITADAY (วิตอะเดย์) ซึ่งมีความชำนาญในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มวิตามินครบวงจร และวันนี้พร้อมแล้วที่จะเปิด
ตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Functional Drink สำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผมได้รู้จัก “เครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผมไบโอติน +
ซิงค์ by VITADAY x Masterpiece”  

สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “เครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผม ไบโอติน + ซิงค์ by VITADAY x Masterpiece
เป็นการคิดค้นสูตรโดยทีมแพทย์ชำนาญการด้านเส้นผมโรงพยาบาลมมาสเตอร์พีช จากศูนย์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ
3M Hair Transplant by Masterpiece Hospital ผสานจุดแข็งของVITADAY ที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจเครื่องดื่มวิตามินมา
นานกว่า 13 ปี การันตียอดขายเครื่องดื่มวิตามินอันดับ 1 ด้วยความพิถีพิถันตั้งแต่การคัดสรรสารสกัดและคุณประโยชน์
เข้มข้น พร้อมออกแบบรสชาติที่เข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันผู้บริโภคมีความเชื่อมากขึ้นว่า สารอาหารที่รับประทานไม่เพียงพอ โดยผู้บริโภคไม่เพียงต้องการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่ผู้บริโภคยังต้องการสารอาหารที่เข้ามาเสริมในเรื่องเส้นผมด้วยเช่นกัน จากผลการสำรวจพบว่าคนไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมค่อนข้างมาก สาเหตุหลักเกิดจากกรรมพันธุ์ ช่วงอายุ รวมถึงมลภาวะที่ส่งผลต่อเส้นผม

ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าการเกิด Collaboration ร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดของตลาดศัลยกรรมความงามและตลาดวิตามินเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อผนึกความแข็งแกร่งของแบรนด์ทั้ง 2 บริษัท ผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ Functional Drink เครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผมไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดย MASTER พร้อมให้การสนับสนุน VITADAY ในทุกๆ ด้าน

นายพงศกร พงษ์ศักดิ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ จำกัด (General Beverage) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มวิตามิน ภายใต้แบรนด์ VITADAY กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ MASTER เห็นโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน โดยบริษัทและโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มองเห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมของโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์รวมบริการศัลยกรรมความงามแบบครบวงจร

อีกทั้งยังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญการด้านศัลยกรรมในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ที่มีชื่อว่า 3M Hair Transplant by Masterpiece ประกอบกับมีบุคลากรที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการทำหัตถการ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ที่มาใช้บริการจำนวนมาก 

ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันการแข่งขันในตลาด Functional Drink เครื่องดื่มวิตามินมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาสนใจดูแลตัวเองมากขึ้น โดยจากเทรนด์ตลาดเครื่องดื่มอาหารเสริม กลุ่มเส้นผมเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มผิวพรรณ ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นผู้ที่มีปัญหาเส้นผมค่อนข้างมาก ตั้งแต่วัยรุ่น อายุ 15-20 ปี  ไปจนถึงวัยกลางคนอายุ 21-40 ปี ซึ่งแต่ละกลุ่มมีปัญหาเส้นผมแตกต่างกัน

“VITADAY เล็งเห็นถึงปัญหาของผู้บริโภคหรือ Pain Point โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีความกังวลเรื่องเส้นผม เช่น คนที่มีปัญหาศีรษะล้าน ผมร่วง ผมบาง จะด้วยกรรมพันธุ์ หรือธรรมชาติของผู้หญิงผู้ชาย ผมจะร่วงและบางลงตามอายุที่มากขึ้นอยู่แล้ว กับอีกกลุ่มคือ คนที่ต้องการให้ภาพลักษณ์ตัวเองดูดีขึ้น ปัญหานี้มีตั้งแต่ นักเรียน นักศึกษา ที่ชอบทำสีแล้วผมเสีย อยากผมหนาและยาวไว จนถึงวัย First Jobber และวัยทำงานที่อายุมากกว่า 30 ปี ดังนั้น VITADAY จึงร่วมพัฒนาเครื่องดื่มเสริมอาหารเกี่ยวกับเส้นผมที่ดื่มง่าย รสชาติอร่อย และยังช่วยแก้ปัญหาเส้นผมของคนเหล่านี้ด้วย ที่สำคัญถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ผ่านมายังไม่มีเครื่องดื่มวิตามินแบรนด์ใดผลิตอาหารเสริมบำรุงเส้นผมเป็นเครื่องดื่มเลย” นายพงศกร กล่าว

VITADAY เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครื่องดื่มวิตามิน ด้วยการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภค หากต้องการดื่มเครื่องดื่มวิตามินต้องนึกถึง VITADAY วางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ทั้งในสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกเพศ ทุกวัย พร้อมสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคและเลือกเครื่องดื่มวิตามินประจำบ้านช่วยบำรุงสุขภาพกายและดูแลเส้นผมให้ทุกคนในครอบครัว

โดย “เครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผมไบโอติน+ ซิงค์ by VITADAY x Masterpiece”  ใน 1 ขวด มีรสชาติหวานกลมกล่อมประกอบด้วยสารสกัด 6 ชนิด มีความเข้มข้นถึง 800 มิลลิกรัม ที่เพียงพอสำหรับความต้องการต่อ 1 วัน ได้แก่ ไบโอติน, ซิงค์, สารสกัดจากหญ้าหางม้า, สารสกัดจากเมล็ดข้าวฟ่าง, แอล-เมไธโอนีน, และแอปเปิลแอนนูร์กาหรือราชินีแห่งแอปเปิล ซึ่งมีงานวิจัยรับรองจาก National Library of Medicine ในการกระตุ้นการเกิดผมใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มการเกิดใหม่ของเส้นผม คืนความแข็งแรงของเส้นผม ลดการหลุดร่วงของเส้นผมและชะลอผมหงอกก่อนวัย

สำหรับแผนการโปรโมทจากการสำรวจที่ผ่านมา พบว่า ปัจจัยที่ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าเกี่ยวกับเส้นผม จะเน้นเรื่องผลลัพธ์การเห็นผล โดยจะเริ่มจากส่ง “เครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผมไบโอติน + ซิงค์ by VITADAY x Masterpiece”  ผ่าน  Influencer และ User ที่มีปัญหาเส้นผมได้ทดลองดื่ม พร้อมแชร์ประสบการณ์และผลลัพธ์ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยในช่วงแรกเน้นโปรโมตออนไลน์เป็นหลัก และในอนาคตมีแผนกระจายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ เช่น Makro, Lawson, BigC และ Lotus เป็นต้น

ทั้งนี้ “เครื่องดื่มวิตามินดูแลเส้นผม ไบโอติน + ซิงค์ by VITADAY x Masterpiece” บรรจุในขวดพร้อมดื่มขนาด 120 มิลลิลิตร ราคาเพียงขวดละ 35 บาท มีจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศไทย และแอปพลิเคชัน 7-Delivery ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ได้ทาง Facebook Fanpage: Vitaday และ 3M Hair Transplant ปลูกผมถาวร by Masterpiece Hospital

สำรวจ 5 กระเป๋า STAND OIL รุ่นฮิต ก่อนเตรียมบุกประเทศไทย

Alternative Textaccount_circle

สิ้นสุดการรอคอย กระเป๋าแบรนด์ดังสัญชาติเกาหลี ‘STAND OIL‘ เตรียมเข้าไทย ชวนทุกคนมาสำรวจ 5 กระเป๋ารุ่นฮิต ก่อนบุก POP-UP วันพรุ่งนี้

อยากตะโกนออกมาดังๆ ว่าในที่สุดก็เข้าไทยแล้ว! หลังจากฮิตกันมาพักใหญ่กับ STAND OIL กระเป๋าสัญชาติเกาหลีดีไซน์น่ารัก สไตล์มินิมอลที่โดดเด่นทั้งรูปทรง และสีสัน ซึ่งก่อนหน้าหากใครอยากมีไว้ครอบครองก็ต้องบินหรือพรีออเดอร์มาจากประเทศเกาหลีใต้โดยเฉพาะ แต่ถึงจะยากลำบากแค่ไหน แต่ถ้าลองสังเกตกระเป๋าที่วัยรุ่นฮิตถือกันช่วงนี้ รับรองว่าเป็นยี่ห้อนี้ไปแล้วเกินครึ่งค่ะ

ไหนๆ ก็มาเปิด POP-UP Store ถึงสยามเซ็นเตอร์ แพรว จึงรวบรวม 5 รุ่นฮิตมาให้ทุกคนส่องก่อนไปสะพายของจริงกันค่ะ

เริ่มต้นด้วยรุ่นแรกที่อื้ออึงจากสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป Red Velvet อย่าง ‘เวนดี้’ ที่เธอได้สะพาย ‘Fluffy Mini’ เตรียมไปอัดรายการวิทยุ ซึ่งความไวรัลเกิดจาก Outfit ของเธอที่ดูน่ารักในทุกๆ ครั้งของการปรากฏตัว ทำให้ทุกคนพากันเฝ้ารอว่าการมารายการวิทยุครั้งต่อไปของเวนดี้จะน่ารักขนาดไหน และทำให้ผู้คนเริ่มสนใจแฟชั่นไอเท็มบนตัว จนไปสะดุดกับกระเป๋า Stand Oil รุ่นนี้ ที่ทั้งดีไซน์น่ารักและราคาเป็นกันเอง

สำหรับ Fluffy Mini มีด้วยกันทั้งหมด 4 สี ตั้งแต่ ครีม, โอลีฟ, ชมพูคอตตอน และดำ โดยไฮไลท์ของกระเป๋าอยู่ที่ความนุ่มฟู และดีไซน์เรียบๆ ที่สามารถใช้ได้ทุกวัน ซึ่งรุ่นหากอ้างอิงจาก Official Account ของ Stand Oil ใน Shopee จะอยู่ที่ 3,450 บาท

รุ่นต่อไปมาในดีไซน์ทรงโค้งกับ ‘Clam Bag’ ที่มีให้เลือก 5 เฉดสี ขาว, โอลีฟ, ลาเวนเดอร์, ดำ และแดง สะดุดตาด้วยหูจับแบบหนาสไตล์วินเทจ ถ้าให้พูดถึงสีที่ฮิตที่สุดของรุ่นนี้ ต้องยกให้สีแดงค่ะ เพราะสะพายออกมาแล้วน่ารักสุดๆ สำหรับราคาอยู่ที่ 3,400 บาท

และรุ่นต่อมาดีไซน์เริ่มมีความเยอะขึ้นใน ‘Chubby Bag’ กระเป๋าของสายแบกเพราะอ่านจากรีวิวของผู้ใช้งานจริงแล้ว แต่ละคนคอนเฟิร์มว่าใส่จุของได้ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งมีดีไซน์น่ารักที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกระเป๋า Bowling สไตล์ย้อนยุค มี 5 เฉดสีเช่นกัน คือ ขาว, โอลีฟ, ฟ้า, ดำ และน้ำตาล

ใบต่อไปมีให้เลือก 7 สีจุกๆ นั่นคือรุ่น Post Bag กระเป๋าสะพายไหล่ทรงสี่เหลี่ยม ได้แรงบันดาลใจมาจากกล่องไปรษณีย์ ใบนี้ยังคงจุของได้เยอะ แต่ดีเทลอาจเรียบกว่าใบก่อนหน้า ราคา 3,200 บาท

และใบสุดท้าย ‘Brick Bag’ กระเป๋าดีไซน์เก๋ที่โดดเด่นด้วยสายสะพาย 2 แบบทั้งสายหนังและโซ่ สำหรับใบนี้นอกจากสายคิวต์สะพายได้แล้ว คิดว่าสไตล์เท่ๆ ก็สามารถนำไปแมตช์ลุคได้เช่นกัน มีราคาอยู่ที่ 3,850 บาท

มีรุ่นไหนที่เข้าตากันบ้างหรือยังคะ ถ้ามีแล้วต้องรีบพุ่งตัวไปรอที่ Pop-Up Store สยามเซ็นเตอร์นะคะ พอครั้งนี้แค่วันที่ 5- 28 เมษายน 2567 เท่านั้น


รูปภาพ: Stand Oil

พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ย่านราชเทวี

account_circle

พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี ได้พัฒนาคอนโดที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ของกรุงเทพมหานครในย่านราชเทวี
ครอบครองพื้นที่ส่วนตัว บนจุดศูนย์กลางของมหานคร ที่สุดของการเดินทางด้วย Interchange ใจกลางกรุงเทพฯ BTS และ MRT ราชเทวี สถานีแห่งอนาคต มอบความเป็นส่วนตัวได้เหนือทุกข้อจำกัด ด้วยโครงการที่มีเพียง 264 ยูนิต พร้อมอำนวยความสะดวกได้เหนือกว่ากับอาคารที่สามารถรองรับการจอดรถได้ถึง 100%

ในทุกพื้นที่ เราออกแบบเพื่อการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ มอบการพักผ่อนอันน่าประทับใจบนชั้น 39 ด้วยมุมมองที่กว้างกว่า 270 องศา และพบมิติใหม่แห่งการชื่นชมทัศนียภาพกับจุดชมวิว (Edge of the Sky) ให้ความรู้สึกเสมือนยืนอยู่บนทองฟ้าใจกลางราชเทวี

พร้อมทั้งการออกแบบธรรมชาติที่แตกต่างและโดดเด่น หนึ่งเดียวกับนวัตกรรมการอยู่อาศัยด้วยการออกแบบห้องที่มีเพดานสูงถึง 4.25 เมตร* ขยายพื้นที่ชีวิตใหม่ได้อย่างไม่จำกัดด้วยการออกแบบพื้นที่ใช้งานที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ไปจนถึงพื้นที่สรรค์สร้างแรงบันดาลใจที่ เติมเต็มความรู้สึกในทุกการใช้ชีวิต

‘โลแลน’ ควงพรีเซนเตอร์ตัวท็อป ‘ซี-นุนิว / แจ็คกี้ / แก๊งหิ้วหวี’ เผยเคล็ดลับผมสวยสับ

Alternative Textaccount_circle

โลแลน” จัดงาน “LOLANE TREATMENT DAY” ชวนเหล่าคนดังตัวท้อปอย่าง “ซี-นุนิว / แจ็คกี้ / แก๊งหิ้วหวี” มาเผยความลับผมสวยสับ ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งเรื่องผมสวยที่ครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน

โดยเริ่มความสับของงานวันแรกกับ “แก๊งหิ้วหวี” ตัวมัมแห่งวงการอินฟลูเอนเซอร์ ที่มาเผยเคล็ดลับผมสวยสับฉบับตัวแม่ ด้วยทรีตเมนต์ผมระดับตำนานอย่างโลแลน เนทูร่า ทรีตเมนต์ ที่โดดเด่นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยบำรุงผมให้สวยสุขภาพดี ต่อด้วยคู่จิ้นสุดฮอตอย่าง “ซี-นุนิว” พรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์โลแลน อินเทนซ์ แคร์ ชวนแฟนผมมาร่วมฟินกับกิจกรรมพิเศษในงาน พร้อมแชร์เคล็ดลับการบำรุงผมแบบครบทั้ง 3 สเต็ป ก่อนจะปิดท้ายความสุขแบบใจฟูกับ “แจ็คกี้ จักริน” แห่งวง TRINITY หัวหน้าแก๊งผมทำสี พรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ โลแลน พิกเซล ที่มาแชร์อินไซต์เคล็ดลับการดูแลผมแบบรู้ลึกรู้จริง ให้แฟนผมตัวจริงได้สนุกกับกิจกรรมโดนๆ ทั้งเซอร์วิสตรวจสภาพเส้นผมจากผู้เชี่ยวชาญระดับ Hair Technician ของโลแลน นำกระปุกเปล่ามากดรับทรีตเมนต์ผมฟรีเพื่อสนับสนุนการใช้พลาสติกให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเกมสนุกๆ เพื่อพิสูจน์ความเป็น “แฟนผมตัวจริง”


Mother's Instinct

ส่องดีเทลแฟชั่น 2 นักแสดง Mother’s Instinct

Alternative Textaccount_circle
Mother's Instinct
Mother's Instinct

ส่องดีเทลแฟชั่น แอนน์ แฮทธาเวย์ และ เจสสิกา แชสเทน ในภาพยนตร์เรื่อง Mother’s Instinct

นอกจากเนื้อหาที่เข้มข้นแล้ว การดีไซน์ภาพและโทนสีของภาพยนตร์เรื่อง Mother’s Instinct ยังน่าสนใจ โยเฉพาะในส่วนของเครื่องแต่กายของ 2 นักแสดงนำหญิง แอนน์ แฮทธาเวย์ และ เจสสิกา แชสเทน  ที่งานนี้ได้มิตเชลล์ เทรเวอร์ส ดีไซเนอร์ที่เคยร่วมงานกับเจสสิกา แชสเทน ใน The Eye of Tammy Faye มารับหน้าที่ออกแบบคอสตูมของสองสาว โดยเขาหาแรงบันดาลใจมาจากแคตตาล็อกเสื้อผ้ายุค 60

โดยเสื้อผ้าของเซลีนที่รับโดย แอนน์ แฮทธาเวย์ เทรเวอร์สต้องการให้เธอมีความหรูหรา เน้นใช้ผ้าลินินที่เนี๊ยบไร้รอยยับใดๆ การแต่งตัวของเซลีนให้กลิ่นอายของ “ภรรยานักการเมือง” มีความอนุรักษ์นิยมเขาต้องการให้ผู้ชมรู้ว่าการเป็นแม่คือเป้าหมายเดียวในชีวิตของเธอ

Mother's Instinct

ขณะที่อลิซซึ่งรับบทโดย เจสสิกา แชสเทน เสื้อผ้าของเธอจะเต็มไปด้วยลวดลายและสีสัน เนื้อผ้าเบาบางและพริ้วไหว มีความโมเดิร์น สะท้อนความเป็นคนช่างฝันและความเป็นศิลปิน เธอไม่ใช่ผู้หญิงตามขนบแบบคนอื่นๆ

NewJeans ขึ้นแท่นทูตประชาสัมพันธ์ ต่อจาก BLACKPINK

account_circle

สื่อเกาหลีใต้โดยเว็บไซต์ Koreaboo รายงาน เกิร์ลกรุ๊ป NewJeans ขึ้นแท่นทูตประชาสัมพันธ์ Incheon Main Customs ต่อจากวง BLACKPINK ในฐานะโฉมหน้าใหม่ของเกาหลี

NewJeans ขึ้นแท่นทูตประชาสัมพันธ์ ต่อจาก BLACKPINK

@mrshangkong/อินสตาแกรม

ในปี 2017 BLACKPINK ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทูตประชาสัมพันธ์ Incheon Main Customs โดยหนึ่งในไฮไลท์คือ ป้ายต้อนรับผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินอินชอน ซึ่งจะเป็นสิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวจะเห็นเมื่อเดินทางมาถึงประเทศเกาหลีใต้ และยังเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมอีกด้วย

นอกจากป้ายต้อนรับที่สนามบินอินชอน BLACKPINK ยังถูกพบเห็นได้บนหน้าจอวิดีโอบนรถไฟฟ้า และแบนเนอร์ทั่วสนามบินอินชอน

Instiz

อย่างไรก็ตามในปี 2024 นี้ NewJeansได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตประชาสัมพันธ์คนใหม่ของ Incheon Main Customs โดยทางสนามบินอินชอนได้เปลี่ยนภาพจากสาวๆ วง BLACKPINK เป็น NewJeans ซึ่งสื่อดังกล่าวรายงานว่า เนติเซนเกาหลีรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นพวกเธอในชุดฮันบก ซึ่งเป็นชุดแต่งกายประจำชาติเกาหลี

โดยทุกๆ 7 ปี แบรนด์แอมบาสเดอร์จะถูกเปลี่ยน โดยเริ่มจาก Girls’ Generation จากนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็น BLACKPINK และตอนนี้คือ NewJeans เกิร์ลกรุ๊ปแห่ง K-Pop Gen 4


เตรียมเสียงให้พร้อมแล้วไปร้องเพลงของ RADWIMPS ด้วยกัน

Alternative Textaccount_circle

ก่อนที่จะไปสนุก สุดเหวี่ยงกับคอนเสิร์ต  RADWIMPS WORLD TOUR 2024 “The way you yawn, and the outcry of Peace” in Bangkok ของหนุ่มๆ RADWIMPS ที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทย ในวันพฤหัสบดีที่  23 พฤษภาคม 2567 ณ UOB Live เรามาทำความรู้จักตัวตนของพวกเขากับฉายาเจ้าพ่อแห่งวงการเพลงภาพยนตร์แอนิเมชัน ไม่ว่าจะเป็นเพลง Yume Tourou, Zen Zen Zense, Sparkle และ Nandemonaiya บอกเลยว่าทุกเพลงในแอนิเมชันชื่อดังอย่าง ‘Your Name’ ซึ่งก็เป็นผลงานสร้างชื่อของ Shinkai Makoto และทั้ง 4 เพลงนี้ถือได้ว่า เป็นเพลงมาสเตอร์พีซเลยก็ว่าได้ ทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จัก และเป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วโลก

RADWIMPS เป็นอีกหนึ่งวงร็อกของญี่ปุ่น ที่ฝีไม้ลายมือในการทำเพลงนั้นไม่เป็นสองรองใคร ต่อมาพวกเขาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ Legend of Demon Cat โดยมีเพลง Mountain Top กับ Shape of Miracle ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอีกเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าผลงานเรื่องต่อมาของ Shinkai Makoto อย่าง Weathering with You ถ้าไม่มีเพลงของ RADWIMPS ก็คงจะไม่สมบูรณ์ และในเรื่องนี้พวกเขาก็ส่งเพลง Is There Still Anything That Love Can Do? , Grand Escape, Voice Of Wind มาสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว

ด้วยเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ และดนตรีที่ประสานกันอย่างลงตัว จึงไม่แปลกใจที่ RADWIMPS จะประสบความสำเร็จ และถือได้ว่าเป็นศิลปินแถวหน้าของวงการเพลงญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ความมีชื่อเสียงของพวกเขายังไม่หยุดแค่เพียงเท่านี้ พวกเขาได้ปล่อยเพลง Twilight โดยเพลงนี้ก็ได้เป็นเพลงประกอบโปรเจกต์ฉลอง One Piece ที่ตีพิมพ์มังงะถึงเล่มที่ 100  และฉายแอนิเมชันถึง 1,000 ตอน ก่อนที่จะปล่อยเพลงสุดซึ้งอย่าง Ms. Phenomenal ประกอบภาพยนตร์ดังอย่าง The Last 10 Years

และแน่นอนว่า เมื่อ Shinkai Makoto กลับมาพร้อมภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องล่าสุดอย่าง Suzume เขาก็ไม่พลาดที่จะดึง RADWIMPS มาทำเพลงให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะทั้งเพลง Kanata Haluka และเพลง Suzume feat. Toaka ก็ประสบความสำเร็จมาก เรียกว่าทำถึงสุดๆ

บทเพลงบางส่วนข้างต้นนั้น แฟนๆ จะได้ฟังกันสดๆ พร้อมเพลงฮิตและเพลงดัง เพลงในตำนานอื่นๆ ที่หาฟังสดได้ยากยิ่งการกลับมาทุกครั้งของ RADWIMPS ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวังโดยเฉพาะครั้งนี้ แฟนๆ จะได้เห็นโปรดักชั่นที่จัดเต็มยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในฮอลล์สุดหรูกลางกรุงเทพฯ  โดยผู้จัดที่คุณคุ้นเคยอย่าง “อาวาลอนไลฟ์” ก่อนที่จะไปมันกันกับคอนเสิร์ตที่กำลังจะมีขึ้น ในวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม 2567 ณ UOB Live ใครที่ยังไม่มีบัตรอยู่ในมือบอกเลยว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้จะพลาดไม่ได้ รีบไปจับจองกันได้เลย ทาง Thaiticketmajor

พบกับ 5 ผู้ทรงเกียรติ พิชิตรางวัล ROLEX AWARDS FOR ENTERPRIS ประจำปี 2023

account_circle

ROLEX ประกาศรายนาม 5 บุคคลผู้ทรงเกียรติพิชิตรางวัล ROLEX AWARDS FOR ENTERPRISประจำปี 2023 สานต่อแนวคิดริเริ่มของ PERPETUAL PLANET INITIATIVE โครงการที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นของผู้บุกเบิกทั้ง 5 ท่านนี้ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและปกป้องโลกใบนี้ไว้ให้คนรุ่นหลัง

พบกับ 5 ผู้ทรงเกียรติ พิชิตรางวัล ROLEX AWARDS FOR ENTERPRIS ประจำปี 2023

An aerial view of the Tanoé River meeting the Ehy Lagoon in the Tanoé-Ehy forest in south-eastern Côte d’Ivoire. © Rolex/Nyani Quarmyne

รางวัล Rolex Awards for Enterprise ริเริ่มขึ้นในปี 1976 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปีของนาฬิกา Oyster ซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือกันน้ำเรือนแรกของโลก ภายใต้โครงการดังกล่าว Rolex ให้การสนับสนุนบุคคลที่มีความโดดเด่นในการดำเนินโครงการสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่สร้างเสริมความรู้เกี่ยวกับโลกของเรา ปกป้องสิ่งแวดล้อม ช่วยรักษาถิ่นที่อยู่และสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ตลอดจนช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้น

รางวัลนี้ซี่งตั้งใจให้เป็นการเฉลิมฉลองเพียงครั้งเดียว แต่กลับดึงดูดความสนใจได้จากนานาชาติ จน Rolex ต้องเปลี่ยนโครงการนี้ ให้เป็นโปรแกรมที่จัดขึ้นทุกๆ สองปี และในวาระครบรอบ 48 ปีของการก่อตั้ง โปรแกรมนี้ได้สนับสนุนผู้ได้รับรางวัลไปแล้ว 160 ราย ซึ่งโครงการของบุคคลผู้ทรงเกียรติเหล่านี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากใน 65 ประเทศ

2023 Rolex Awards Laureate Liu Shaochuang and Huerman checking camel hoof prints. This is a great way for the team to track which areas the wild camels travel through.

รางวัล Rolex Awards for Enterprise เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Perpetual Planet Initiative อันเป็นแนวคิดริเริ่ม ของ Rolex และหลอมรวมคุณค่าอันซับซ้อนของโครงการริเริ่มนี้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษที่ Rolex ให้การสนับสนุนนักสำรวจรุ่นบุกเบิกและบุคคลที่ได้ทลายขอบเขตความพยายามของมนุษย์ในการไขกุญแจไปสู่องค์ความรู้ทางธรรมชาติ โดย Rolex ได้สานต่อเจตนารมณ์ที่มีต่อโลกใบนี้มายาวนานผ่านการเปิดตัวโครงการ Perpetual Planet Initiative ในปี 2019 เพื่อสนับสนุนบุคคลและองค์กรต่าง ๆ ที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการทำความเข้าใจกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมของโลก พร้อมเสาะหาแนวทางแก้ไขที่จะช่วยคืนสมดุลกลับสู่ระบบนิเวศของเรา

A group of Ibus, elder craftswomen, preparing for the next cotton crop by cleaning and planting seeds in East Java, Indonesia. Using indigenous knowledge, farmers working for SukkhaCitta are taught how to grow cotton while regenerating the soil.

รางวัลนี้มอบให้กับโครงการที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์และสุขภาพ เทคโนโลยีประยุกต์ มรดกทางวัฒนธรรม และการสำรวจ โครงการต่าง ๆ ตัดสินจากความคิดริเริ่มและผลลัพธ์โดยรวมที่น่าส่งผลต่อโลก รวมไปถึงจิตวิญญาณขององค์กรผู้สมัคร

ทั้งนี้ บุคคลผู้ทรงเกียรติห้าท่านจะได้รับการคัดเลือกในทุก ๆ สองปี แต่ละคนจะได้รับทุนสนับสนุนเพื่อดำเนินโครงการของตน และเข้าเป็นสมาชิกของเครือข่ายผู้ได้รับรางวัล Rolex Laureates ซึ่งหลายคนยังคงร่วมงานกันจนถึงปัจจุบัน

สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2023 ได้รับการคัดเลือกโดยคณะผู้เชี่ยวชาญและผู้นำที่มีชื่อเสียงระดับโลกในแต่ละสาขาจำนวน 10 คน ผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2023 และโครงการของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดหาน้ำสะอาดในเคนยาไปจนถึงการปกป้องป่าบนเทือกเขาแอนดีส ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่มีต่อโครงการ Perpetual Planet

บุคคลผู้ทรงเกียรติประจำปี 2023

CONSTANTINO AUCCA CHUTAS (คอนสแตนติโน อัคคา ชูตัส)

Founder of Asociacion de los Ecosistemas Andinos and co-founder of Accion Andina, Constantino Aucca Chutas, holding small Polylepis trees only a few days before they are going to be planted by Aucca Chutas and the Quishuarani community in the Andean mountains.

นักชีววิทยาผู้ซึ่งจะขยายขนาดโครงการฟื้นฟูและปกป้องระบบนิเวศป่าไม้ที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลางในพื้นที่สูงของเทือกเขาแอนดีส ในปี 2000 เขาได้ก่อตั้ง Asociación Ecosistemas Andinos (ECOAN) และร่วมก่อตั้ง Acción Andina ในปี 2018 และปลูกต้นไม้จำนวน 4.5 ล้านต้น มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นมากกว่า 60 แห่ง และสร้างพื้นที่คุ้มครอง 16 แห่งในพื้นที่ภูเขาทั่วเปรูและประเทศบนพื้นที่สูงของเทือกเขาแอนดีส

BETH KOIGI (เบธ โคอิกิ)

2023 Rolex Awards for Enterprise Laureate Beth Koigi in front of Majik Water’s Atmospheric Water Generator during the installation process in Kakuma refugee camp.

ผู้ประกอบการเพื่อสังคมรุ่นใหม่ชาวเคนยาจะจัดหาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับกักเก็บน้ำจากอากาศให้กับผู้คน 3,000 คนใน 10 ชุมชนที่ต้องการแหล่งน้ำสะอาด นับตั้งแต่ร่วมก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพในปี 2017 เครื่องกำเนิดน้ำในบรรยากาศของ Koigi ได้ผลิตน้ำสะอาดมากกว่า 200,000 ลิตรต่อเดือนให้กับผู้คนมากกว่า 1,900 คน เทคโนโลยีที่สร้างสรรค์นี้สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างมหาศาล ในเคนยาซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Koigi ประชากรครึ่งหนึ่งไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด ในขณะที่ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ประชากรครึ่งหนึ่งของโลกอาจอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเครียดน้ำสูง ภายในปี 2030

INZA KONE (แองซา โกเน)

Rolex Awards for Enterprise Laureate Inza Koné in the Tanoé-Ehy forest. Koné has been Director-General of the Centre Suisse de Recherches Scientifiques in Côte d’Ivoire since 2018, where part of his role is to help protect and study endangered primates in Côte d’Ivoire’s Tanoé-Ehy Forest. © Rolex/Nyani Quarmyne

นักไพรเมตวิทยาจะปกป้องผืนป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างอุดมสมบูรณ์ในไอวอรี่ โคสต์ พร้อมทั้งปกป้องสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ และลดความยากจนในพื้นที่ หลังทำงานร่วมกับผู้คนในพื้นที่มานานหลายปี ความพยายามของ Koné ส่งผลให้ป่า Tanoé-Ehy กลายเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่จัดการโดยชุมชนในปี 2021 การได้รับรางวัล Rolex Award จะช่วยให้ Koné สามารถรักษาความหลากหลายทางชีวภาพอันโดดเด่นในพื้นที่ได้ต่อไป รวมถึงสนับสนุนการจัดการชุมชน และส่งเสริมการดำรงชีวิตที่ยั่งยืนสำหรับประชาชนในภูมิภาค

DENICA RIADINI-FLESCH (เดนิกา เรียดินี-เฟลช)

Rolex Awards for Enterprise Laureate Denica Riadini-Flesch, CEO and founder of SukkhaCitta, is changing the way that clothes are made and sold, down to how the materials are grown, whilst empowering the rural craftswomen that help to create them.

ผู้ประกอบการเพื่อสังคมคนนี้จะขยายห่วงโซ่อุปทานเสื้อผ้าจากฟาร์มสู่ตู้เสื้อผ้าในรูปโฉมใหม่ ขับเคลื่อนพลังของผู้หญิง พร้อมทั้งอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของอินโดนีเซีย หลังจากประสบความสำเร็จในอาชีพในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ Riadini-Flesch ได้ก่อตั้ง SukkhaCitta โดยทำงานร่วมกับช่างฝีมือสตรีในชนบทของอินโดนีเซียเพื่อมอบทักษะทางธุรกิจ ให้ความรู้ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม และแนะนำลูกค้าจาก 32 ประเทศ

LIU SHAOCHUANG (หลิว เสาช่วง)

2023 Rolex Awards for Enterprise Laureate Liu Shaochuang is a Chinese remote sensing specialist on a mission to save one of Asia’s last large wild animals, the wild camel.

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจระยะไกลจะศึกษาแหล่งที่อยู่อาศัยของอูฐป่าเพื่อสร้างเขตอนุรักษ์ใหม่สองแห่ง เพื่อรักษาฝูงสัตว์ป่าสุดท้ายที่เหลืออยู่ Liu Shaochuang อาศัยความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนายานสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคารของจีน โดยจะใช้ดาวเทียมติดตามอูฐป่าในภูมิภาคทะเลทรายโกบีของจีนและมองโกเลียเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ในอนาคต


เปิดลิสต์ 9 กระเป๋าสีสันจัดจ้านต้อนรับซัมเมอร์ 2024

Alternative Textaccount_circle

สีสันจัดจ้านยืนหนึ่งเท่านั้น! เปิด 9 กระเป๋ารับซัมเมอร์ 2024 ที่ทุกคนควรมีติดตู้

ซัมเมอร์ที่อากาศร้อนแบบนี้นึกถึงแฟชั่นไอเท็มแบบไหนกันคะ เดาว่าสีสันจัดจ้านคงมาเป็นอัพเดทหนึ่ง บทความนี้เราจึงพาทุกคนต้อนรับ Summer 2024 ด้วยพาเหรดไอเท็มกระเป๋าจาก LYN ที่หยิบองค์ประกอบอันจัดจ้าน ตั้งแต่สีสัน บรรยากาศ ไปจนถึงพืชพรรณต่างๆ ของเขตร้อนมาผสมผสานเข้ากับการดีไซน์กระเป๋าพร้อมนำเสนอความโมเดิร์นเอ็กโซติก แต่หรูหรามีระดับ ส่วนลายพิมพ์ได้รับแรงบันดาลใจจากพืชพรรณธรรมชาติเขตร้อน เทคนิคการสานกระเป๋าแฮนด์เมด และสีสันฉูดฉาด ช่วยเพิ่มความจัดจ้านสุดขีดให้กับทุกไอเท็ม

เติมดีกรีความร้อนแรงให้กับลุคแฟชั่นรับซัมเมอร์นี้ ด้วย Ady Shoulder Bag กระเป๋าสะพายไหล่บุลายพร้อมเท็กซ์เจอร์นุ่ม นิ่มน่าสัมผัสมีกลิ่นอายเฟมินีน มาพร้อมกับกระเป๋า Wanda Top Shoulder และ Tote มีจุดเด่นที่เป็นหูจับดีเทล ผูกที่ให้ฟีลสาวหวานช่วงฮอลิเดย์ จับคู่กับ Breza Zip Card Wallet และ Alana Short Wallet กระเป๋าสตางค์สี
คัลเลอร์ฟูลราวกับทุ่งดอกเฮลิโคเนีย

กระเป๋า Camora โดดเด่นด้วยเทคนิคสานกระเป๋าให้ฟีลลิ่งหน้าร้อนสุดผ่อนคลายพร้อมสีสันพาสเทลสดใส  ออกแบบมาให้เลือกหลายรูปทรง รวมถึงกระเป๋า Camora Small Basket มาพร้อมฟีเจอร์สายกระเป๋าโค้งมนสอดรับกับไหล่ของผู้หญิงทุกรูปร่าง ช่องใส่สัมภาระขนาดพอดีและสายกระเป๋ายาวถอดปรับได้สามารถนำมาสไตล์ลิ่งเป็นกระเป๋า ครอสบอดี้หรือกระเป๋าสะพายไหล่ รวมไปถึงกระเป๋ารุ่น Senola ที่มาพร้อมลายพิมพ์แพทเทิร์นทรอปิคอล ดึงดูดสายตา ทั้งกระเป๋า Tote ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ยังมีกระเป๋าสตางค์ นำมามิกซ์แอนด์แมตช์เข้ากับเดรสยาวโทนสีสว่างสำหรับลุคปาร์ตี้ริมหาดหรือสไตล์ลิ่งเข้ากับบิกินี่สีสดใส ซึ่งจะช่วยให้วันพักผ่อนของสาวลินมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น


'จอนโซมี' ปรับราคาเครื่องสำอางแบรนด์ GLYF ของตัวเองลง หลังถูกวิจารณ์เรื่องราคาสูงเกินไป

‘จอนโซมี’ ปรับราคาเครื่องสำอางแบรนด์ GLYF ของตัวเองลง หลังถูกวิจารณ์ราคาแพงเกินไป

Alternative Textaccount_circle
'จอนโซมี' ปรับราคาเครื่องสำอางแบรนด์ GLYF ของตัวเองลง หลังถูกวิจารณ์เรื่องราคาสูงเกินไป
'จอนโซมี' ปรับราคาเครื่องสำอางแบรนด์ GLYF ของตัวเองลง หลังถูกวิจารณ์เรื่องราคาสูงเกินไป

ไอดอลสาวสวย จอนโซมี (Jeon Somi) ก้าวตามความฝันอีกขั้นสำหรับการลงสนามวงการความงามด้วยการสร้างแบรนด์ ‘GLYF’ ของเธอเอง แน่นอนว่าได้รับความสนใจจากแฟนๆ เป็นอย่างมาก

โดยผลิตภัณฑ์แรกของแบรนด์คือพาเล็ตต์ไฮไลท์สีหวานแวววาว ในตลับมี 4 สี ราคาตลับละ 43,000 วอน หรือ 32 USD หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,175 บาท และแม้ว่าการโปรโมตแบรนด์ความงามใหม่ของเธอบนหลายแพลตฟอร์มได้สร้างความฮือฮาอย่างมาก แต่เธอกลับต้องเผชิญกับคำวิจารณ์ เมื่อชาวเน็ตต่างรู้สึกผลิตภัณฑ์แรกของเธอ มีราคาที่สูงกว่าที่คาดไว้ หลายคนชี้ให้เห็นว่าพวกเขาจะสามารถซื้อเครื่องสำอางแบรนด์หรูอื่นๆ เช่น Dior หรือ Chanel ได้ หากลงทุนเพิ่มอีกนิด ซึ่งหลังจากการคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา เธอจึงตัดสินใจลดราคาลงเหลือ 34,400 วอน หรือ~25.45 USD หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 934 บาท

และสำหรับเหตุที่เธอตัดสินใจเลือกไฮไลท์เป็นผลิตภัณฑ์แรกของแบรนด์ เพราะเวลาเธอแต่งหน้าเอง เธอรู้สึกมีความสุขที่สุดเมื่อที่ได้ใช้ไฮไลท์ เธอมักจะผสมสีจากผลิตภัณฑ์จาก 3 ถึง 4 แบรนด์เพื่อให้ได้ลุคที่สมบูรณ์แบบที่สุด และคงจะดีหากรวมผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไว้ในตลับเดียว


โฮม่า มุ่งกำหนดนิยามการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน

account_circle

โฮม่า (HOMA) คอมมิวนิตี้อพาร์ตเมนต์ผู้นําที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัยแบบชุมชนในราคาที่เอื้อมถึงได้ สร้างสถิติใหม่ด้วยการประหยัดเงินทุนประมาณ 4 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 950 เมตริกตันในปี 2566 ภายใต้วิสัยทัศน์สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม นำร่องนวัตกรรมการก่อสร้างอาคารและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

โฮม่า นำพาอาคารสิ่งปลูกสร้างไปสู่มิติใหม่แห่งการขับเคลื่อนเชิงสิ่งแวดล้อม โดยการบูรณาการมาตรฐานการรับรองอาคารที่ยั่งยืนระดับโลก ยกระดับความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล  (ESG) และการตลาดแบบ ‘สีเขียว’ เพื่อตอบสนองความต้องการและการเติบโตอย่างรวดเร็วของสาธารณชนต่อผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน

ในปี 2566 โฮม่าสาขาภูเก็ตทาว์น เปิดตัวเป็นสาขาแรกในจังหวัดภูเก็ต พร้อมกับโครงการสิ่งแวดล้อม เช่น การรีไซเคิลและการจัดการขยะอย่างครอบคลุม นำเสนอนวัตกรรมการอนุรักษ์น้ำระบบอัจฉริยะ พลังงานหมุนเวียนจากแผงโซลาร์เซลล์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ซึ่งต่อมาที่โฮม่าสาขาที่สองในจังหวัดภูเก็ตที่สาขาเชิงทะเลเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยคาดการณ์การประหยัดเงินสูงถึง 2.5 ล้านบาทในปี 2567

คุณลูก้า ดอตติ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ HOMA กล่าวว่า “ในการพัฒนาโฮม่าเชิงทะเล เราได้นำกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จจากสาขาภูเก็ตทาว์นมาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบด้วยการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศสำหรับคุณภาพอากาศที่ดียิ่งขึ้น และฉนวนกันเสียงที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มอบสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าพัก ความมุ่งมั่นนี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกบ้านและลูกค้าเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและการเรียนรู้จากประสบการณ์สำหรับความเชี่ยวชาญที่ยั่งยืน”

3 เสาหลักกลยุทธ์ความยั่งยืนของโฮม่า ได้แก่ การบูรณาการจัดหาเงินทุนที่เป็นไปตามหลัก ESG ซึ่งเน้นการพัฒนาที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาล รวมไปถึงการทำการตลาด ‘สีเขียว’ และการใช้โซลูชันที่เป็นรูปธรรม โครงการอพาร์ตเมนต์ของโฮม่าทุกแห่งได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับสากล LEED และ EDGE โดยความมุ่งมั่นนี้เสริมสร้างความยั่งยืนและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โฮม่าได้รับการสนับสนุนจากธนาคารอย่างต่อเนื่อง

โฮม่าสาขาภูเก็ตทาวน์ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 240 kWp บนหลังคาและลานจอดรถ

คุณลูก้า กล่าวเสริมว่า “การเป็นธุรกิจที่ได้รับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการอนุรักษ์ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับในกลุ่มลูกค้า หุ้นส่วน และแหล่งเงินทุน ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้โฮม่าเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง”

การเงินเพื่อความยั่งยืน: ปัจจัยใหม่ในการดึงดูดหุ้นส่วนการพัฒนา

โฮม่า ฉลองความสำเร็จของสินเชื่อสีเขียว หรือสินเชื่อเพื่อโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมมูลค่า 675 ล้านบาท ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอเชีย นับเป็นก้าวย่างสำคัญจากการสนับสนุนของ UOB Real Estate Sustainable Finance Framework ในการร่วมมือครั้งแรกกับธนาคารในสิงคโปร์ ซึ่งปูทางให้โฮม่าโดดเด่นในเวทีการลงทุนด้วยการดำเนินการแบบ ‘สีเขียว’ ที่นำมาซึ่งการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินและการลดต้นทุนการดำเนินงาน นับเป็นการยืนยันถึงการลงทุนที่มีความยั่งยืนและเป็นกลยุทธ์ระยะยาวสำหรับนักลงทุนที่มองเห็นความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจธุรกิจสีเขียว: แนวโน้มใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม

ผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย 80% ของผู้บริโภครุ่นใหม่หันมาสนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน แม้ความยั่งยืนอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกที่อยู่อาศัย แต่โฮม่าค้นพบว่า การนำแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความภักดี และเป็นเหตุผลที่ดีในการแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับโฮม่า ซึ่งช่วยรักษาและดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตู้กดน้ำบริการบนทุกชั้นของทุกอาคาร เพื่อลดการใช้ขวดน้ำพลาสติก ลูกบ้านสามารถใช้บริการได้ฟรี

ความยั่งยืนที่ปฏิบัติได้จริง

โฮม่า นำร่องเป็นที่อยู่อาศัยหลายครอบครัวแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองทั้ง LEED และ EDGE ควบคู่ไปกับการสนับสนุนทางการเงินจาก UOB ทำให้โฮม่าสาขาภูเก็ตทาวน์ได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 240 kWp บนหลังคาและลานจอดรถ แนวคิดความยั่งยืนถูกประยุกต์ใช้ทุกมุมด้วยตู้กดน้ำบนทุกชั้นอาคาร การเก็บน้ำฝนและการนำน้ำสีเทากลับมาใช้ รวมถึงก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ห้องพักติดตั้งเครื่องซักผ้า Energy Star ใช้ไฟ LED และกระจกประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ อาคารยังได้รับการออกแบบให้ระบายอากาศตามธรรมชาติ พร้อมมีหม้อต้มน้ำแบบอินเวอร์เตอร์และหน่วย AC ที่ประหยัดไฟ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้อยู่อาศัย ในขณะที่ยกระดับความสะดวกสบายและสนับสนุนวิถีชีวิตที่ยั่งยืนต่อโลก

โฮม่า ขับเคลื่อนชุมชนสู่ความยั่งยืน นำชาวบ้านและผู้อยู่อาศัยร่วมมือทำความสะอาดชายหาดเดือนละครั้ง เพื่อชายหาดที่สะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งกิจกรรมนี้ยังถือเป็นโอกาสให้ทุกคนในชุมชนได้มาพูดคุยและสร้างความสัมพันธ์กัน โครงการนี้แสดงถึงความพยายามของโฮม่าในการทำงานร่วมกับชุมชนและธุรกิจใกล้เคียง เพื่อให้บริเวณรอบ ๆ สะอาด และยังช่วยรวมเงินบริจาคให้กับองค์กรการกุศลในท้องถิ่น สร้างความสามัคคีและสนับสนุนจิตวิญญาณชุมชนไปพร้อมกัน

“การมุ่งเน้นความยั่งยืนในโครงการต่าง ๆ ช่วยให้เราลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างชัดเจน ซึ่งเพิ่มกำไรและทำให้ที่อยู่อาศัยของเรามีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น การดำเนินงานของเรายังส่งผลให้เกิดชุมชนที่แข็งแกร่งและมีส่วนร่วมมากขึ้น การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่เราดำเนินงานอยู่นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้คนมารวมตัวกันเพื่อแสดงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน เรามีความดีใจและตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือนี้จากทุกฝ่าย” คุณลูก้า กล่าว

โรคผิวหนัง ที่พบบ่อยในหน้าร้อน 

โรคผิวหนัง ที่พบบ่อยในหน้าร้อน พร้อมแนะวิธีป้องกันผิวจากแดดที่แผดเผา

Alternative Textaccount_circle
โรคผิวหนัง ที่พบบ่อยในหน้าร้อน 
โรคผิวหนัง ที่พบบ่อยในหน้าร้อน 

ปีนี้อากาศร้อนไม่ธรรมดา ล่าสุด กรมอุตุฯ เตือนประเทศไทยร้อนจัด อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 42 องศา แนะเลี่ยงทำงานกลางแจ้งนานๆ ซึ่งแพทย์ผิวหนังก็ชี้เพิ่มเติมว่าต้องระวัง โรคผิวหนัง ที่พบบ่อยในหน้าร้อน พร้อมแนะนำการดูแลและป้องกันผิวจากแสงแดดแบบเบื้องต้นที่ถูกวิธี หมั่นสังเกตตนเองหากมีความผิดปกติทางผิวหนัง ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง

ซึ่งพอเข้าสู่ช่วงเดือนเมษายนทีไร ประเทศไทยก็ยิ่งอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ปีนี้พุ่งถึง 42 องศา ทำให้เราอาจต้องพบเจอกับโรคผิวหนังที่อาจมากับอากาศร้อนและแสงแดด ดังนั้น ควรดูแลผิวพรรณ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงและที่ไม่ได้ป้องกัน สามารถใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดดโดยตรง เช่น หมวก ร่ม และการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอทั้งใบหน้าและลำตัว ในปริมาณที่เพียงพอ คือ ประมาณสองข้อนิ้ว ทาออกแดดก่อนสามสิบนาที เเละหมั่นทาซ้ำบ่อยๆ ทุกสองชั่วโมง หากมีผื่นหรือความผิดปกติใดๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง

ซึ่งโรคผิวหนังที่พบบ่อยในหน้าร้อน แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักด้านล่างนี้ หากมีอาการ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง

  • ผดร้อน สัมพันธ์กับการอุดตันของท่อเหงื่อ เเละการมีเหงื่อออกมากในช่วงหน้าร้อนทำให้เกิดเป็นผื่นแดง ที่มีอาการคันและแสบได้ การบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง เมื่อพบว่ามีผดร้อนเกิดขึ้น ได้แก่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น, ควรอยู่ในบริเวณที่มีอากาศเย็น หรือมีเครื่องปรับอากาศ และประคบผ้าเย็นบริเวณผิวหนัง เพื่อช่วยลดความร้อน, หลีกเลี่ยงการใช้พลาสเตอร์ปิดทับผิวหนัง หรือไม่สวมใส่เสื้อผ้ารัดรูป เพื่อป้องกันการอุดตันของต่อมเหงื่อ, หลีกเลี่ยงการทำงานหรือออกกำลังกลางแจ้งที่อาจทำให้เกิดเหงื่อออกมาก และอาบน้ำด้วยน้ำเย็นและสบู่ที่ไม่ทำให้ผิวแห้ง และปล่อยให้ผิวแห้งเองหลังอาบน้ำเสร็จ ไม่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวเพื่อลดการเสียดสีจนเกิดผดร้อนอักเสบเพิ่มขึ้น แต่หากมีผื่นและรู้สึกผิดปกติแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังดีที่สุด
  • ฝ้าและกระ เกิดจากแสงแดดไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น ทำให้โรคในกลุ่ม ฝ้า กระ มีสีที่เข้มขึ้นได้ในช่วงหน้าร้อน
  • กลุ่มติดเชื้อราต่างๆ อากาศร้อนส่งผลให้เหงื่อออกมากผิวหนังมีความอับชื้น เเละมีการติดเชื้อราซ้ำซ้อนตามมา บริเวณที่พบได้บ่อย ได้แก่ บริเวณรักแร้ ซอกพับ ง่ามมือง่ามเท้าสามารถเกิดได้ในทุกช่วงวัย

ข้อมูล: สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์
ภาพ: Pexels


นีเวีย ชวน “คิม คิมเบอร์ลี่” ยืนยันประสิทธิภาพ “นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้”

account_circle

ผิวแตกลายแค่ไหนก็ไม่ใช่ข้อจำกัดของการแต่งตัวเผยผิวสวยมั่นใจของคุณอีกต่อไป เมื่อ นีเวีย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลก ที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแลผิวจากคนไทยมากว่า 30 ปี เผยโฉมนวัตกรรมบำรุงผิวกายล่าสุด “นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้” (NIVEA Luminiuos630 Body) ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายเพื่อการรับมือกับปัญหาผิวแตกลาย ไม่เรียบเนียนด้วยสารลูมินัส630  เอกสิทธิ์ของนีเวีย ที่พร้อมตรงเข้าจัดการกับรอยแตกลาย และผิวไม่เรียบเนียน ลงลึกถึงเซลล์ผิว ให้คุณพร้อมเผยผิวกายสวย ลดเลือนรอยแตกลาย และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น เห็นผลใน 4 สัปดาห์* “วันนี้ทางนีเวีย ได้ตอกย้ำการเป็นที่หนึ่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลกที่คนไทยไว้ใจอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว “นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้” นวัตกรรมล่าสุดสำหรับปัญหาผิวแตกลาย โดยในวันนี้ได้ถือโอกาสเชิญนักแสดงและนางแบบสาวสวยอย่าง “คิม คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” ตัวแทนสาวยุคใหม่กับไลฟ์สไตล์สุดเฮลท์ตี้ มาเป็นตัวแทนผู้ที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ “นีเวีย ลูมินัส 630 บอดี้” มาร่วมคอนเฟิร์มผลลัพธ์ ให้สาวๆ มั่นใจในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และสามารถโชว์ผิวสวยรับซัมเมอร์นี้ได้ทุกกิจกรรมค่ะ” คุณภวิกา ทองทวี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และพัฒนาธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและกันแดดนีเวีย ภูมิภาคอาเซียนกล่าว

คุณภวิกา ทองทวี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และพัฒนาธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและกันแดดนีเวีย ภูมิภาคอาเซียน

สาว ๆ มากมายมีความกังวลกับผิวกายที่ประสบปัญหารอยแตกลายตามจุดต่าง ๆ และความไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอตามจุดต่างๆของร่างกายไม่ว่าจะเป็น สะโพก หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน ฯลฯ ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจที่จะเผยผิวกายได้ตามที่ใจต้องการ เพราะนีเวียเข้าใจจึงคิดค้นพัฒนา นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้ ผลิตภัณฑ์ต่อยอดความสำเร็จจากซีรีย์ นีเวีย ลูมินัส630 ที่ปกป้องผิวหน้าจากปัญหาฝ้ากระและจุดด่างดำฝังลึกนาน 10 ปี อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงจนเป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้อย่างแพร่หลาย และครั้งนี้นีเวีย ได้นำสารลูมินัส 630 มาสู่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย เพื่อมอบผิวพรรณที่สวยสุขภาพดี ผู้ใช้สามารถโชว์ผิวเรียบเนียนทั่วเรือนร่างได้อย่างมั่นใจ

เภสัชกรหญิงพิชชาพร กล้าหาญ  ผู้จัดการฝ่ายคุณภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์นีเวีย ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า  “สำหรับ นีเวีย เราใส่ใจ มุ่งมั่นพัฒนา และให้ความสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณที่มีคุณภาพและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงแก่ผู้คนทั่วโลก สารลูมินัส 630 ที่เราคิดค้นพัฒนาขึ้นครั้งนี้ต่อยอดจากผิวหน้ามาสู่ผิวกาย  เพราะเราทราบดีว่าผิวแตกลาย และสีผิวไม่สม่ำเสมอนั้นเป็นปัญหาผิวที่หลาย ๆ คนกังวล ด้วยสารลูมินัส 630 ใน นีเวีย ลูมินัส 630 บอดี้  ที่ถูกทุ่มเทคิดค้นอย่างจริงจังถึงกว่า 10 ปี จนสามารถจำลองสารไทโรซิเนสต้นตอของการสร้างเม็ดสีในผิวมนุษย์ได้เป็นครั้งแรกของโลก จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสามารถค้นพบสารสำคัญที่ช่วยจัดการปัญหาสีผิวรอยด่างดำ ไม่สม่ำเสมอที่เกิดในผิวมนุษย์อย่างตรงจุด สามารถลดรอยแตกลายได้ถึงต้นตอ ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังมอบความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นดีขึ้น ซึ่งผลลัพธ์คือผิวแตกลายลดลงได้จริงในสี่สัปดาห์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นที่มีอยู่ในท้องตลาดช่วยได้เพียงทำให้ผิวและรอยแตกลายดูนุ่มขึ้นเท่านั้น”

เภสัชกรหญิงพิชชาพร กล้าหาญ  ผู้จัดการฝ่ายคุณภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์นีเวีย ภูมิภาคอาเซียน

“ผิวแตกลายเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลและลดความมั่นใจให้หลาย ๆ คน ซึ่งรอยแตกลายเกิดจากการยืดขยายหรือหดตัวของผิวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวฉีกขาดและเกิดเป็นรอยแตกลายขึ้น ดังนั้นปัญหานี้ใกล้ตัวกว่าที่ทุกคนคิด เพราะไม่ว่าจะน้ำหนักตัวเพิ่มหรือลด เล่นเวทเทรนนิ่ง ตั้งครรภ์ หรือวัยรุ่นที่กำลังโตอย่างรวดเร็ว ล้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหารอยแตกลายทั้งสิ้น โดยบริเวณที่มักเกิดรอยแตกลายคือสะโพก ต้นขา ต้นแขน และหน้าท้อง ซึ่งเราสามารถจัดการกับปัญหานี้ให้น้อยลง ด้วยการบำรุงผิวให้กลับมาสุขภาพดีผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยแตกลายพร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ อย่างนีเวีย ลูมินัส630 บอดี้ ที่มีสาร ลูมินัส 630  ที่ช่วยจัดการปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้ ด้วยการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่เป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสี ก่อให้เกิดปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอทำให้สีผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอขึ้น จึงสามารถลดรอยแตกลายให้ดูจางลงอย่างได้ผลจริง” นพ. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ หัวหน้าศูนย์ผิวหนังความงามและเส้นผม โรงพยาบาลเมดพาร์ค กล่าวเสริม

นพ. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ หัวหน้าศูนย์ผิวหนังความงามและเส้นผม โรงพยาบาลเมดพาร์ค

ชุดผลิตภัณฑ์ นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้ เพื่อการดูแลผิวกายให้เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ลดรอยแตกลาย ประกอบด้วย

  • นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้ ครีม ครีมบำรุงผิวกายที่ช่วยลดรอยแตกลายและ

ช่วยจัดการผิวที่ดูไม่สม่ำเสมอเห็นผลใน 4 สัปดาห์พร้อมเติมความชุ่มชื้นยาวนาน 48 ชั่วโมง  ใช้ได้กับผิวทั่วเรือนร่าง หรือทาเฉพาะจุดที่มีปัญหา ขนาด 200 มล. ราคา 249 บาท

  • นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้ ออยล์-เซรั่ม ออยล์บำรุงสำหรับทาเฉพาะจุดที่มีรอยแตกลาย ช่วยให้รอยแตกลายจางลง ใน 2 สัปดาห์ พร้อมลดโอกาสเกิดรอยแตกลายใหม่ มอบความชุ่มชื้นแบบเต็มขั้นยาวนานถึง 48 ชั่วโมง ขนาด 100 มล. ราคา 395  บาท
ชุดผลิตภัณฑ์ นีเวีย ลูมินัส630 บอดี้ 

ไม่ว่าจะกิจกรรมไหนใส่ชุดไหนก็สวย เพราะเผยผิวแบบ #มั่นใจโชว์ได้อีก กับ นีเวีย  ลูมินัส630  ได้แล้วที่ร้านวัตสัน ทุกช่องทางการจำหน่าย และทุกสาขาทั่วประเทศ

Praew Club: Hub of Luxury Influencer

นิตยสารแพรว สู้ศึกอินฟลูเอนเซอร์สายลักซ์ชัวรี เปิดตัว Praew Club: Hub of Luxury Influencer

Alternative Textaccount_circle
Praew Club: Hub of Luxury Influencer
Praew Club: Hub of Luxury Influencer

หากพูดถึงเทรนด์อาชีพที่ได้รับความสนใจมากจากคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ คงต้องยกให้อาชีพ  “อินฟลูเอนเซอร์” ( Influencer ) ซึ่งถือเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดในโลกโซเชียล ยิ่งมีผู้ติดตามมาก ยิ่งมีอิทธิพลมาก ทำให้ “นิตยสารแพรว” ภายใต้ Amarin Media & Event ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป จึงเห็นความน่าสนใจ และเกิดไอเดียต่อยอดค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ใหม่ โดยดึงความโดดเด่นของ นิตยสารแพรว ซึ่งเป็นเจ้าตลาดสายลักซ์ชัวรี มาเพิ่มเอกลักษณ์และตัวตนให้กับเหล่าครีเอเตอร์

โดยในวันที่ 27 มีนาคม 2567 “นิตยสารแพรว” จะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว Praew Club : Hub of Luxury Influencer ณ Hotel Indigo Bangkok Wireless Road พร้อมพูดคุยกับ ดาว – พิมพ์ทอง วชิราคม อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง และนักแสดง พร้อมด้วย ณัฐเดช ยอแซฟ Praew Friends ผู้ชนะจาก Praew Club ซีซั่นก่อน มาบอกเล่าถึงความประทับใจและสิ่งทิศทางที่เปลี่ยนไปของอาชีพนี้หลังจากได้ร่วมโปรเจกต์ Praew Club ครั้งที่ผ่านมา

นอกจากนี้ภายในงานได้พบกับศิลปินรุ่นใหม่ จ๊อบ – กฤษ อหันทริก และ พอร์ช – ศิฑา กาญจนอลงกรณ์ จากซีรีส์ เฟื่องนคร (City of Stars) และ ไต๋ – ธนภัทร ขจรชัยกุล ที่มาเสริมความคึกคักให้กับงาน Praew Club : Hub of Luxury Influencer

Praew Club: Hub of Luxury Influencer

Praew Club : Hub of Luxury Influencer เป็นโปรเจกต์ครั้งที่ 3 ที่เหมือนเป็นสปอตไลท์ส่องแสงแก่เหล่าครีเอเตอร์หน้าใหม่ ได้มีโอกาสพัฒนาตัวเองและเป็นที่รู้จัก และได้ลองทำคอนเทนต์ในหลากหลายรูปแบบ โดยผู้เข้าร่วมยังจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีมคอนเทนต์ครีเอเตอร์หน้าใหม่ของ”นิตยสารแพรว”

สำหรับ “นิตยสารแพรว” เป็นนิตยสารรายเดือนที่ครองใจสาวยุคใหม่วัยทำงานที่ทันสมัย และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในทุกด้าน โดยมีผู้ติดตามรวมกว่า 1.6 ล้านฟอลโลเวอร์ ทั้งทาง  Facebook, Instagram, YouTube, X และ TikTok นำเสนอเนื้อหาที่มีสาระและความบันเทิงครบครัน ทั้งแฟชั่น ความงาม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ ข่าวสารความเคลื่อนไหวในสังคม เรื่องราวต่างๆ ที่ผู้หญิงควรรู้ โดยมีแพรวนิสต้าและแพรวเฟรนด์ ในการขับเคลื่อนข่าวสารสู่ผู้ติดตามทุกช่องทาง

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ Praew Club : Hub of Luxury Influencer ได้ทาง www.praew.com

และโซเชียลทุกช่องทาง Facebook, Instagram, YouTube, X และ TikTok #PraewclubSS3 #PraewClub #PraewFriends #acseineth #Indigohotel #Praewmag

เปิดวาร์ป KANEBO SKIN HARMONIZER สกินแคร์เทคโนโลยีใหม่ ดักจับ “กรดไขมันไม่อิ่มตัว”

account_circle

เรียกว่าสร้างความว้าวให้กับวงการบิวตี้ โดยเฉพาะเหล่าคนรักผิวอีกแล้ว สำหรับ KANEBO แบรนด์สุดฮ็อตจากประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดกับการเปิดตัวสกินแคร์น้องใหม่คุณภาพแน่นอย่าง KANEBO SKIN HARMONIZER ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Above & Beyond” กับการนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ซึ่งผ่านการค้นคว้าวิจัยอย่างยาวนาน มาสร้างสรรค์เป็นสกินแคร์ที่จะช่วยจัดการปัญหาผิวซับซ้อนได้แบบเอาอยู่

ไฮไลท์ของ KANEBO SKIN HARMONIZER คือการมาพร้อมกับ Targeted Sebum Trapping Technology ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สำหรับการค้นพบเทคโนโลยีที่ดักจับเฉพาะ “กรดไขมันไม่อิ่มตัว” (UFA) หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ซีบั่มไม่ดี” ที่เป็นสาเหตุของการลดประสิทธิภาพการทำงานของเกราะปกป้องผิว นำไปสู่การก่อให้เกิดปัญหาผิวแห้งกร้านและผิวมัน ซึ่งถือเป็นปัญหากวนใจหลายคนแบบไม่จบไม่สิ้น

นอกจากนี้ KANEBO SKIN HARMONIZER ยังเป็นโลชั่น Dual-phase ซึ่งโดดเด่นด้วยอัตราส่วนที่สมดุล คือส่วนที่เป็นน้ำต่อส่วนที่เป็นน้ำมันอยู่ที่ 98:2 ช่วยคืนความสมดุลให้ผิวอย่างลงตัว โดยจัดการกับทั้งความมันและความแห้งกร้านที่เกิดจากไขมันที่เคลือบผิวอยู่ พร้อมช่วยเติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวไปพร้อมๆ กัน

มร. อัตสึชิ ซูมิโนะ ประธานกรรมการ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย)

สำหรับการเปิดตัว KANEBO SKIN HARMONIZER ครั้งนี้ นอกจากการได้สัมผัสผลิตภัณฑ์เป็นกลุ่มแรกๆ แล้ว แพรว ยังมีโอกาสได้พูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับผู้บริหารและผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ซึ่งบินตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่พลาดเจาะลึกดีเทลต่างๆ มาฝากทุกคนกันด้วยค่ะ

Miss Yukie Fujita (ยูกิ ฟูจิตะ) Product Development

ขอเริ่มกันที่ Miss Yukie Fujita (ยูกิ ฟูจิตะ) Product Development ซึ่งได้เล่าถึงคอนเซ็ปต์ “Above & Beyond” ของผลิตภัณฑ์ KANEBO SKIN HARMONIZER เอาไว้อย่างน่าสนใจ

“คอนเซ็ปต์ Above & Beyond สื่อความหมายถึงเทคโนโลยีที่เราค้นพบและนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ KANEBO SKIN HARMONIZER นั่นคือ Targeted Sebum Trapping Technology ที่เป็นการดักจับเฉพาะซีบั่มที่ไม่ดีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่าใครและพัฒนาต่อไปได้อีกไกล เมื่อนำสองคำนี้มารวมกัน จึงสะท้อนถึงการก้าวล้ำนำไปยิ่งกว่าของผลิตภัณฑ์ของเรา

“นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ KANEBO SKIN HARMONIZER ยังเปรียบเสมือนเป็นความหวังของผู้หญิงทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวที่ไม่สมดุลอย่างยาวนาน ดังเช่นปณิธานของเราที่สะท้อนให้เห็นจากสโลแกน I HOPE KANEBO ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะเป็นความหวังของผู้หญิงทุกคนทั่วโลก”   

Miss Emiko Yano (เอมิโกะ ยาโนะ) Product Development

นอกจากนี้ Miss Emiko Yano (เอมิโกะ ยาโนะ) Product Development ยังได้เล่าถึงเบื้องหลังกว่าจะเป็น KANEBO SKIN HARMONIZER เอาไว้อีกด้วย

“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ KANEBO SKIN HARMONIZER คือการช่วยแก้ปัญหาผิวที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องเผชิญ นั่นคือปัญหาผิวแห้งกร้านและผิวมัน รวมถึงช่วยดูแลเรื่องการอักเสบของผิว โดยโฟกัสไปที่การดูแลความมันบนผิว ซึ่งเราใช้เวลาหลายปีมากๆ ในการศึกษาเกี่ยวกับน้ำมันบนผิว จนค้นพบว่าผิวของเรานั้นมีทั้งน้ำมันที่ดีและไม่ดี นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถดักจับเฉพาะน้ำมันที่ไม่ดีเท่านั้นได้ ซึ่งการค้นพบนี้นับเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

“หัวใจสำคัญอีกประการของผลิตภัณฑ์ KANEBO SKIN HARMONIZER คือการคำนวณอัตราส่วนที่สมดุลและดีที่สุดสำหรับผิว จนได้เป็นโลชั่น Dual-phase ส่วนที่เป็นน้ำต่อส่วนที่เป็นน้ำมันอยู่ที่ 98:2 ซึ่งเราศึกษาค้นคว้ากันหนักมากกว่าจะได้อัตราส่วนนี้มา โดยส่วนที่เป็นน้ำช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และส่วนที่เป็นน้ำมันช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว สเต็ปต่อมาคือการช่วยปรับสภาพผิว และช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ KANEBO SKIN HARMONIZER สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยทีเดียว”

แค่ได้รู้รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ยังรู้สึกว้าวขนาดนี้ แพรว เชื่อว่าผลลัพธ์ของสกินแคร์เทคโนโลยีใหม่ KANEBO SKIN HARMONIZER จะสร้างประทับใจให้กับคนรักผิวได้อย่างแน่นอน ดังนั้นใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวไม่สมดุล ทั้งแห้งกร้านและมันเยิ้ม ขอบอกเลยว่า ต้องลองค่ะ!  

“S&P” เข้าร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ “โครงการไม่ทอดซ้ำ”

account_circle

บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) โดย คุณมณีสุดา ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร (ที่ 2 จากขวา) ร่วมกับ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (ขวาสุด) คุณกลอยตา ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร (ที่ 2จากซ้าย) พร้อมด้วย คุณนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารโครงการวิศวกรรมและโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน (ซ้ายสุด) โดย เอส แอนด์ พี ได้ร่วมพิธีลงนามเข้าร่วม โครงการ “ไม่ทอดซ้ำ” ในฐานะองค์กรที่ส่งต่อน้ำมันใช้แล้วผ่านโครงการทอดไม่ทิ้ง เพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เอส แอนด์ พี ให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพของอาหาร และความปลอดภัยของผู้บริโภค ในกระบวนการการปรุงอาหารประเภททอดจะมีการกำหนดอุณหภูมิที่เหมาะสม และคุณภาพของน้ำมันที่ใช้ทอดจะมีค่าโพล่าร์ไม่เกินร้อยละ 25 ของน้ำหนัก ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อควบคุมให้ร้านอาหารเอส แอนด์ พี ดำเนินงานตามมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา 

เอส แอนด์ พี ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรงและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อการเติบโตควบคู่กับสังคมอย่างมั่นคงสมดุลและยั่งยืน ตลอดจนมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามคำมั่นสัญญาของบริษัทที่ว่า “Healthier Family, Happier World” ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆ นี้

สัมผัสรสชาติ เมืองแห่งสามรส “เพชรบุรี” ที่โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน

account_circle

โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน จับมือร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี และอิตาเลี่ยนคาเฟ่ บ่วนจอร์โน่ (Café Buongiorno) เปิดประสบการณ์อาหารมือค่ำสไตล์เมืองเพชร ที่นำวัตถุดิบเด่นของชุมชนแต่ละอำเภอของจังหวัดเพชรบุรี ผนวกกับประสบการณ์ของเชฟเส็ง “ธนนันท์ กิจประยูร” หัวหน้าเชฟของโรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ที่รังสรรค์เมนูด้วยความเข้าใจในวัตถุดิบ ปรุงแต่งด้วยทักษะความรู้ด้านอาหาร เป็นเมนูที่มีแก่น มีรากและมีสไตล์ที่สืบต่อกันมาในสำรับพื้นบ้าน ให้กลายเป็นเมนูอาหารจานพิเศษ เสริ์ฟแบบเซ็ตคอร์ส จับคู่กับไวน์ ให้อาหารน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ซึ่งจัดขึ้นวันพุธที่ 20 มีนาคม 2567

เพชรบุรี นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินเมืองเพชร ผลิตความหลากหลายของพืชพรรณธัญญาหารมากมาย สะท้อนผ่านภาพผืนนาเกลือกว้างใหญ่ ท้องร่องสวนมะนาว และดงตาลสูงฉลูด ไว้ภายใต้ความงดงามของทิวทัศน์ที่ซ่อนขุมทรัพย์ล้ำค่า หล่อเลี้ยงเมืองเพชรอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อมีวัตถุดิบดีเยี่ยม ผนวกกับภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนเมืองเพชร ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จึงเกิดเป็นเสน่ห์แห่งรสชาติ ทั้งเค็ม เปรี้ยว และหวาน สะท้อนรากวัฒนธรรมของเพชรบุรีอย่างชัดเจน จนได้รับฉายาว่า “เมืองแห่ง 3 รส” และยังได้คัดเลือกและยกย่องให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของ UNESCO

ฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร เป็นหัวใจสำคัญของเพชรบุรี โดยเกษตรกรท้องถิ่นส่งมอบวัตถุดิบสดใหม่ ทั้งพืชผัก ผลไม้ เกลือทะเล มะนาว น้ำตาลปึก มะไฟ สับปะรด กล้วยและอาหารทะเล สู่ที่มีคุณภาพเยี่ยม ร้านอาหารและครัวเรือนทั่วทั้งจังหวัด รวมถึงน้ำตาลโตนด ผลผลิตที่ได้จากต้นตาล ส่วนผสมที่สำคัญในการทำขนมหวาน เป็นต้น

เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว ของเพชรบุรีอยู่ที่วัฒนธรรมการกินอาหารและงานฝีมืออันประณีต เมืองนี้ผสมผสานประเพณีอันเก่าแก่เข้ากับกลยุทธ์การพัฒนาที่ทันสมัย เน้นความยั่งยืนและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองที่เท่าเทียมกันครอบคลุมทั้งชุมชน

โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น โดยการนำเสนอ รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเพชรบุรี เชฟเส็ง พร้อมกับทีม ได้ร่วมรังสรรค์เมนูอาหารขึ้นชื่อของเพชรบุรี นำเสนอทั้งแบบ a la carte และ set menu ที่ห้องอาหาร White Oven เพื่อให้ลูกค้าของเราได้ลิ้มลองรสชาติต้นตำรับของเพชรบุรีอย่างแท้จริงระหว่างการเข้าพักที่โรงแรม เริ่ม 1 เมษายน 2567 นี้เป็นต้นไป

เมนูอาหาร:

  1. ขนมจีนทอดมันปลาใส่เนื้อปู สัมผัสความสดใหม่ของ เนื้อปูม้า จากชุมชนแหลมผักเบี้ย อำเภอชะอำ เนื้อแน่น หวาน ฉ่ำ เต็มคำ ผสมผสานกับทอดมันปลา เสิร์ฟพร้อมขนมจีนเส้นเหนียวนุ่ม ราดด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด กลมกล่อมลงตัว (Rice Noodles, Fried Fish Cake with Crab Meat)
  2. ยำหัวโหนดกุ้งลายเสือย่างและสมุนไพร ยำโบราณที่รวมเครื่องยำ ผัก สมุนไพรต่าง ๆ และ “หัวโหนด” ซึ่งคือลูกตาลโตนด โดยใช้บริเวณขั้วที่ติดกับทะลายของลูกตาลที่ยังอ่อนอยู่ เป็นสีขาว-เขียวอ่อน รสชาติออกฝาด ๆ หวาน ๆ โดยแหล่งที่ปลูกต้นตาล อยู่ที่ หัวโหนด บ้านถำรงค์ อำเภอบ้านลาด (Toddy Palm Salad with Thai Herbs and Grilled Tiger Prawn)
  3. ต้มศรีนวลไก่และสมุนไพร ลักษณะคล้ายๆกับต้มข่าไก่ แต่ใส่หัวปลีลงไปด้วย ปรุงรสชาติโดยใช้ดอกเกลือจากบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม เพื่อเพิ่มความกลมกล่อมให้รสซุป จัดเสิร์ฟในกะลามะพร้าว เพิ่มอรรถรสในการทาน (Coconut Soup with Chicken and Thai Herbs)
  4. ไอศกรีมน้ำผึ้งมะนาว ที่ท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง เมืองเพชรบุรี จะขึ้นชื่อเรื่องมะนาวแป้น  เนื้อสีขาวใส ให้น้ำมาก มีรสเปรี้ยว และมีกลิ่นหอมอโรม่า นำมาทำเป็นไอศกรีมผสมกับน้ำผึ้ง ให้ความสดชื่นและปรับการรับรสเตรียมพร้อมสำหรับอาหารจานต่อไป (Tha Yang Lime with Wild Honey Sorbet )
  5. เนื้อวากิวย่างเสิร์ฟพร้อมผักกูด, หัวตาล, ข้าวมันกะทิทอด และ ซอสแกงหัวตาล ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ที่การนำผักกูด ของขึ้นชื่อจากจากบ้านถ้ำเสือ อำเภอแก่งกระจาน มาแทนผักสลัด มีความกรอบ และรสชาติหวาน เสิร์ฟพร้อมข้าวมันกะทิทอด กรอบนอกนุ่มใน หอมมันกะทิ ให้สัมผัสที่แตกต่างคำต่อคำ ราดด้วยซอสหัวตาลที่อันมีรสขมจาง ๆ ของหัวตาลอ่อน เมื่อปรุงด้วยน้ำตาลโตนดจึงทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น (Grilled Wagyu Beef Served with Kaeng Krachan Vegetables, Coconut Milk Rice, and Red Curry)
  6. หม้อแกงมะม่วงเสิร์ฟลูกตาลและครัมเบิลลูกตาล ถ้าพูดถึงขนมหม้อแกง ขนมอร่อยต้องหม้อแกงจากนาพันสาม อำเภอเมือง แต่เพื่อเพิ่มความซับซ้อนให้กับรสชาติ เชฟเส็งได้ดัดแปลง แต่งเติมรสชาติเปรี้ยวอมหวานของมะม่วงเข้าไป ราดด้วยลูกตาลอ่อนนุ่มๆ และโรยด้วยครัมเบิลลูกตาลเพิ่มรสสัมผัสความกรอบและหอมอย่างลงตัว (Thai Mango Custard with Toddy Palm and Toddy Palm Cake Crumble )

ร่วมเดินทางไปกับเรา สู่สัมผัสประสบการณ์ทางอาหารอันน่าจดจำ ณ เมืองเพชรบุรี ดินแดนแห่ง “สามรส” พร้อมทั้งเชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมและวิถีการปรุงอาหารอย่างยั่งยืน ที่โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน

ชุดอาหารค่ำ สำหรับ 2 ท่าน

ราคา: 4,990 บาทสุทธิ รวมไวน์ 1 ขวด

  1. ขนมจีนทอดมันปลาใส่เนื้อปู
  2. ยำหัวโหนดกุ้งลายเสือย่างและสมุนไพร
  3. ต้มศรีนวลไก่และสมุนไพร
  4. ไอศกรีมน้ำผึ้งมะนาว
  5. เนื้อวากิวย่างเสิร์ฟพร้อมผักกูด, หัวตาล, ข้าวมันกะทิทอด และ ซอสแกงหัวตาล
  6. หม้อแกงมะม่วงเสิร์ฟลูกตาลและครัมเบิลลูกตาล

A La Carte

  1. ทอดมันปลาเพชรบุรีพร้อมน้ำจิ้มบ๊วย: ราคา 310 บาท ++
  2. ยำหัวโหนดกุ้งลายเสือย่าง: ราคา 355 บาท ++
  3. แกงคั่วหัวตาลหมูย่าง: ราคา 310 บาท ++
  4. ต้มศรีนวล: ราคา 315 บาท ++

เดนิมไม่มี Out! ซูมอิน 7 ไอเท็ม ‘เจนนี่ BLACKPINK’ แคมเปญจาก Calvin Klein

Alternative Textaccount_circle

Calvin Klein เผยภาพสุดเอ็กซ์คลูซีฟของแบรนด์แอมบาสเดอร์ ‘เจนนี่ BLACKPINK‘ ในลุคเดนิมใหม่ล่าสุดของซีซั่นนี้ โดยได้ช่างภาพฝีมืออย่าง ฮอง จาง ฮยอน มาถ่ายทอดลุคเดนิมหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ลุคคลาสสิกเหนือกาลเวลา ไปจนถึงลุคเรียบหรูแต่สวมใส่สบาย

ภาพถ่ายเซ็ตนี้เผยความมั่นใจที่ไม่เหมือนใครของ JENNIE ในลุคเดนิมหลากหลากแบบ ตั้งแต่ ด้วยการจับคู่เสื้อกล้ามสีขาวทรงครอปเข้ารูปรุ่น Cotton Contour Rib Tank ราคา $39 กับกางเกงยีนส์ทรงหลวมรุ่น 90s Loose Fit ราคา $89 เป็นการแมตช์ลุคสบายๆ แต่ยังคงความมีสไตล์

นอกจากนี้ ยังเผยลูกเล่นด้วยการสวมใส่เดนิมทั้งชุด โดยจับคู่เสื้อแจ๊คเก็ตรุ่น Classic Trucker ราคา $99 สวมทับกางเกงยีนส์เอวสูงขากว้างรุ่น Ultra High Rise Wide Leg Fit ราคา $99 ที่มาในโทนสีฟ้าคลาสสิกที่ฟอกด้วยเทคนิค Pacifico Wash 

ความเย้ายวนแบบแคชชวลของ JENNIE ถูกถ่ายถอดผ่านบราเกาะอกรุ่น Modern Cotton Lightly Lined Bandeau ราคา 2,790 บาท แมทช์กับกางเกงยีนส์รุ่น Barrel Fit ราคา $99 ปิดท้ายด้วยชุดเดรสรุ่น Sculpt Denim Bodycon ราคา $89 ที่เสริมลุคให้ดูโดดเด่นด้วยทรงเข้ารูปเผยสัดส่วนและความสั้นระดับมินิสเกิร์ตที่ให้ความรู้สึกเรียบหรูและเย้ายวนไปพร้อมกัน

keyboard_arrow_up