อัปเดตเทรนด์งานผิวกับ “หมอออม – พญ.นาตยา รักพ่วง” แห่ง Dr.Aomthong Clinic

account_circle

ด้วยความที่เทรนด์งานผิวยังคงฟีเวอร์สุดๆ Exclusive Talk ครั้งนี้ แพรว จึงพาไปทำความรู้จักกับ “คุณหมอออม – พญ.นาตยา รักพ่วง” แห่ง Dr.Aomthong Clinic พร้อมเจาะลึกทริคดีๆ ในการดูแลผิวด้วยนวัตกรรมความงาม ซึ่งขอบอกเลยว่าคนรักผิวไม่ควรพลาด!

พิกัดทำสวยในคอนเซ็ปต์ ‘ความงามทางนรีเวช’

“จุดเริ่มต้นของ Dr.Aomthong Clinic มาจากการผนวกศาสตร์ที่หมอเรียนมาเข้าด้วยกัน คือสูตินรีเวชวิทยาและศาสตร์ความงาม การชะลอวัย รวมถึงการปรับรูปหน้า ซึ่งเป็นการช่วยดูแลฟื้นฟูสุขภาพของผู้หญิงจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะเหล่าคุณแม่ที่ยังสาว หรือต้องการคงความอ่อนเยาว์ จนเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ ‘ความงามทางนรีเวช’ ที่ให้ความสำคัญกับศิลปะความงามและการสร้างสุขภาพดีควบคู่กันค่ะ

“ส่วนจุดเด่นของ Dr.Aomthong Clinic คือการช่วยดูแลความงามตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า พร้อมช่วยดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะการฟื้นฟูคุณแม่หลังคลอด ฟื้นฟูความเสื่อมของจุดซ่อนเร้น รวมถึงยังมีการช่วยดูแลในส่วนของ Body Contouring ที่เป็นการกระชับสัดส่วนร่างกายโดยอาศัยการทำทรีตเม้นต์เป็นตัวช่วยหลัก”  

ความงามสไตล์ ‘หมอออม’

“นิยามความงามในมุมมองของหมอ ไม่ใช่การมองแค่ภายนอก แต่หมอมองว่าความงามที่ดูมีเสน่ห์ หรือดูมีออร่า จะส่งมาจากภายใน ยกตัวอย่างผิวพรรณ ก็จะเป็นผิวที่ดูชุ่มชื้น ดูโกลว์ ดูเป็นผิวสุขภาพดีจากภายใน อีกอย่างคือความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ไม่ใช่เป็นบล็อกเดียวกันหมด ซึ่งถือเป็นเสน่ห์เฉพาะบุคคล

“ส่วนเรื่องเทรนด์ความงาม ก็ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย อย่างเมื่อก่อนจะเน้นไปที่การปรับรูปหน้าเป็นหลัก แต่ตอนนี้มีเรื่องการดูแลผิวที่มาแรงตีคู่ไปด้วยกัน ซึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยมคือแลดูเป็นธรรมชาติ  อยากให้ดูไม่ออกว่าไปทำอะไรมา ทั้งการปรับรูปหน้าและเทรนด์งานผิว 

“หัวใจสำคัญของการทำงานในวงการความงาม อันดับหนึ่งคือต้องมีความซื่อสัตย์ เพราะปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในการดูแลความงามออกมาเยอะมาก ข้อดีคือเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้จากข่าวแง่ลบต่างๆ ที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแท้ ของปลอม ที่ต้องระวังมากๆ หรือการใช้กลโกงมาเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น การแอบสลับผลิตภัณฑ์ การใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เต็มที่ หรือไม่ตรงตามสูตร ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ด้อยประสิทธิภาพ ดังนั้นความซื่อสัตย์และความจริงใจจึงสำคัญมากๆ ค่ะ” 

นวัตกรรมฟื้นฟูผิวมาแรงอินเทรนด์งานผิว

“กระแสการดูแลผิวตอนนี้ หลักๆ จะเป็นเรื่องความหย่อนคล้อย โดยเฉพาะผู้รับบริการของ Dr.Aomthong Clinic ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณแม่หลังคลอดที่มีปัญหาผิวหลวมจากการที่ลูกในครรภ์ดึงสารอาหารไป อ้างอิงจากงานวิจัยพบว่าหลังการตั้งครรภ์ ผิวของคุณแม่หลังคลอดจะแก่ลงถึง 10 ปี เกิดปัญหาทั้งผิวย้วย รอยแตกลาย ดังนั้นในการฟื้นฟูผิวจึงต้องดูแลแบบองค์รวม และใช้นวัตกรรมความงามในการช่วยฟื้นฟูผิว

“สำหรับนวัตกรรมดูแลผิวที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในตอนนี้ คือนวัตกรรมฟื้นฟูผิวจากไต้หวัน ซึ่งเป็น Biostimulator ที่ประกอบด้วย PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid) บวกกับ CMC (Carboxymethyl Cellulose) และมาพร้อมกับโมเลกุลที่เล็กละเอียด ซึ่งช่วยลดปัญหาแทรกซ้อนหลังทำ เช่น ผิวไม่เรียบ เกิดรอยตะปุ่มตะป่ำ ที่สำคัญคือได้รับการอนุมัติจากทั้ง อย. ไทยและไต้หวัน รวมถึงยังใช้ได้แบบ Universal ทั้งผิวหน้าและผิวกาย โดยช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ คืนความยืดหยุ่นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน เติมความชุ่มชื้นให้ผิวแลดูอิ่มฟู  

“นอกจากจะเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่ตอบโจทย์เหล่าคุณแม่ในการเรียกคืนความมั่นใจกลับมาแล้ว นวัตกรรมนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักเยอะๆ แล้วมีปัญหาผิวหลวม รอยแตกลาย อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น เพราะหลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และสามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยหากทำตามโปรโตคอลทุก 6 สัปดาห์ จำนวน 3 ครั้ง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 2 ปี ถือเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวมาแรงที่ตอบโจทย์เทรนด์งานผิวได้แบบตรงจุดและตรงใจเลยค่ะ”


Benzilla ….ศิลปินตาบอดสี ในโลกศิลปะที่เราอาจมองเห็นไม่เหมือนกัน

Alternative Textaccount_circle

หนึ่งในท็อปลิสต์ศิลปินมาแรงวันนี้ ต้องมี Benzilla หรือ เบนซ์ – ปริญญา ศิริสินสุข นอกจากผลงานที่ร่วมกับแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Maurice Lacroix, Versace, Audi, off-white, Vespa, Adidas ฯลฯ รวมทั้งได้รับเชิญไปจัดนิทรรศการส่วนตัวทั้งในและต่างประเทศ อาทิ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ยังมี ‘LOOOK’ เอเลี่ยน 3 ตา สีสันสดใส ที่เป็นซิกเนเจอร์คาแร็คเตอร์ ภายใต้ภาพที่ดูสดใส น่ารัก มีนัยยะสื่อถึงปัญหา ความเศร้า ความกลัวแฝงไว้ด้วย

และล่าสุดกับ Solo Exhibition ของเขา GOOOD LUCK ณ Tang Contemporary Bangkok ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น ซึ่งนิทรรศการจะจัดถึงวันที่ 15 ธันวาคมนี้เท่านั้น  แพรวจะพาคุณไปทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น

สีที่ไม่เหมือนใคร

            “ผมเป็นเด็กโอตาคุ คลั่งการดูทีวีมากๆ  นั่งหน้าจอทั้งวัน ชอบดูทุกอย่างตั้งแต่ สารคดี ดนตรี เกม และการ์ตูน พยายามหัดวาดรูปเลียนแบบการ์ตูนที่ชอบ ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวผมเคร่งครัดเรื่องการเรียนและกิจกรรม ส่งให้เรียนพิเศษทุกวัน ทั้งวิชาการ ภาษา รวมถึงคอมพิวเตอร์ ดนตรี  เพราะฉะนั้นการวาดการ์ตูนจึงเป็นสิ่งที่ผมได้ทำสิ่งที่ชอบจริงๆ ซึ่งที่บ้านก็สนับสนุนด้วยการไม่ห้าม

            “พอเข้ามหาวิทยาลัยผมเลือกเรียนออกแบบดีไซน์กราฟิก ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ ซึ่งได้เจอวิชาที่น่าสนใจมากมาย เช่น การออกแบบโลโก้ รวมถึงได้เจอคนเก่งเยอะ กระทั่งปีสาม ผมเรียนวิชาภาพประกอบกับพี่โลเล (ทวีศักดิ์ ศรีทองดี) เขาให้วาดรูปพอร์เทรตเป็นสีขาว-ดำ แต่ผมกลับวาดโดยใช้สีชมพูสด พี่โลเลทักว่า ตาบอดสีเหรอ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่าตัวเองตาบอดสี ทั้งที่ตอนวาด ตั้งใจใช้สีเทา จึงไขข้อข้องใจบางอย่างได้ว่า ที่ผ่านมา งานผมสีสันสดใสคงเพราะมองบางสีเพี้ยนไป แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เห็นสีเลย คือผมยังมองเห็นสีเหมือนคนทั่วไป แต่ถ้ามีเฉดเขียว แดง ผสมอยู่จะดูยากขึ้นว่าคือสีอะไร

             “ตอนที่รู้ใจแป้วมาก กำลังจะเรียนจบ มีความฝันอยากทำงานออกแบบ และสีคืออาวุธของการทำงาน ตอนที่สับสนไม่รู้ว่าจะแก้ไขยังไง อาจารย์ติ๊ก (สันติ เลารัชวี) ซึ่งสอนด้าน Communication Design บอกผมว่า ให้ทำเหมือนบีโธ่เฟ่น คือหูหนวกแต่ทำเพลงได้โดยใช้เครื่องมือช่วย งานของกราฟิกดีไซเนอร์ แม้จะต้องแม่นเรื่องสี แต่โชคดีที่การทำงานในคอมพิวเตอร์มีการอ้างอิงค่าสีที่ถูกต้องให้ รู้ว่าสีที่เลือกใช้คือสีอะไร เพราะฉะนั้นการเผชิญหน้าระหว่างผมกับสีจึงไม่ผิดพลาด แต่พอมาทำงานตัวเองต้องวาดรูปลงเฟรมผ้าใบ ยอมรับว่ายาก เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งแสงที่ตกกระทบเฟรมที่อาจจะทำให้มองสีเพี้ยนผิดไป ผมจึงดีลกับโรงงานสี สร้างสูตรสีของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้สีที่ใช้นิ่งที่สุด ขณะเดียวกันหากทำงานกับลูกค้าแบรนด์ เขาจะส่งโค้ชรหัสสีมาให้ เราแค่นำรหัสที่ได้ ไปเลือกสีให้ตรงที่สุด แล้วส่งตัวอย่างสี กลับให้ลูกค้าตรวจสอบอีกครั้ง

            “ผมตัดสินใจไม่ไปหาหมอ เพราะรู้ว่าโรคนี้ไม่มีทางหาย บวกกับผมเองก็ไม่อยากหายด้วย เพราะมีความเชื่อว่าอะไรที่เกิดขึ้นย่อมดีทั้งนั้น มันคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมมองเห็นไม่เหมือนคนอื่น และคนอื่นก็มองไม่เหมือนผม ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่ารูปวาดที่ผมวาด ผู้ชมมองแบบเดียวกันหรือเปล่า แต่คิดว่านี่คือเรื่องที่สนุกดีครับ ถ้าต่างฝ่ายเห็นสีที่ไม่เหมือนกัน”

หลังจากทำงานในฐานะกราฟิกดีไซเนอร์ให้กับบริษัทโฆษณาและห้างสรรพสินค้าอยู่หลายปีรวมถึงทำงานศิลปะด้วย 4 ปีที่แล้วเขาตัดสินใจลาออกเพื่อให้มีเวลาทำผลงานส่วนตัวมากขึ้นโดยใช้ชื่อวงการว่า Benzilla “เบื้องหลังของชื่อมาจากอักษรตัวสุดท้ายของชื่อผมคือ Z ความที่ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น คิดถึงตำว่า Godzilla จึงเลือกเติม zilla มาต่อท้าย แต่สุดท้ายชื่อก็คือชื่อ ความพิเศษต้องเกิดจากงานที่สามารถบอกตัวตนของเรา”

เพราะโลกโหดร้าย

            งานของเบนซ์มีความน่ารักใช้สีสันสดใสโดยมีLoook หรือเอเลี่ยน3 ตาเป็นคาแร็คเตอร์ซิกเนเจอร์หากสังเกต งานของผมเป็นลักษณะเรขาคณิต วงกลม วงรี ซึ่งเป็นรูปทรงที่ให้ความสบายใจ สะอาด เรียบง่าย เพราะผมชอบ แล้วใช้เทคนิคการวาดที่ทำให้รูปมีมิติ ดูนุ่ม ให้ความรู้สึกปลอดภัย

“สมัยเด็กผมไม่ได้วาดตัวการ์ตูนเท่ๆ เหมือนคนอื่น ชอบวาดแต่ตัวการ์ตูนตาโต หน้าตาน่ารัก เดาว่ามีความกลัวเป็นพื้นฐาน ซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงวันนี้ว่าเกิดจากอะไร ทั้งๆ ที่ผมเป็นสายชอบดูการ์ตูนโหดกับหนังสยองขวัญ อาจเป็นเพราะพอโตขึ้น ข่าวสารบนโลกถาโถมเข้ามา ทุกอย่างมีผลกับงาน ทุกวันนี้เรายังเห็นสงครามที่ยิงมิสไซล์สู้กัน น่าหดหู่และไม่เคยมีความสงบอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นในเมื่อมีเรื่องโหดร้ายเยอะเหลือเกิน รูปก็ต้องสดใส แต่แฝงด้วยเรื่องราว

“การ์ตูนเป็นศิลปะที่มีพลัง มันสามารถพูดด้วยภาษาภาพที่คนทุกวัยเข้าใจง่าย ผมวาดเรื่องราวผ่าน Loook แปลตรงตัวคือ การมองเห็น เป็นเอเลี่ยนที่มี 3 ตา ซึ่งดวงที่สามเหมือนกับการรู้แจ้ง นัยยะของมันคือผู้เฝ้ามองความเป็นไปบนโลกจากสายตาของบุคคลภายนอก แล้วสะท้อนว่าโลกนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แทนค่าด้วยการมองอย่างมีสติ เพราะฉะนั้นการทำงานคือการพูดคุยกับตัวเองเหมือนกัน เหมือนการนั่งเขียนไดอารี่ เพียงแต่เขียนเป็นรูปภาพ

“ปีที่แล้ว ผมตั้งคำถามเรื่องอีโก้ เพราะเราทำงานมานาน มีบ้างที่หมกมุ่นอยู่แต่ในโลกตัวเอง และบางครั้งก็สร้างอีโก้เพื่อเป็นเกราะปกป้องไม่ให้รู้สึกแย่ การมีอีโก้เยอะไปอาจทำให้กร่าง  จึงทำนิทรรศการเดี่ยวชื่อ Alter Ego ซึ่ง Think space art แกลเลอรี่ที่แคลิฟอร์เนีย เชิญให้ผมไปจัดนิทรรศการที่นั่นเป็นครั้งแรก ผมวาดตัวละคร loook สองตัว ตัวหนึ่งดี อีกตัวร้าย โดยมีพฤติกรรมสลับกัน คือในดีมีชั่ว ในชั่วมีดี เพื่อจะบอกว่า คนมักมองว่าสิ่งดีและชั่วต้องแยกจากกันชัดเจน แต่ในชีวิตจริงมนุษย์มีทั้งดีและชั่ว และเราควรต่อสู้กับแง่ลบไม่ให้มากเกินไป แม้จะไปจัดที่อเมริกาเป็นครั้งแรก แต่ได้รับฟีดแบคค่อนข้างดีขายผลงานได้หมดทุกชิ้น

“อีกนิทรรศการจะจัดขึ้นวันที่ 9 พฤศจิกายน-15 ธันวาคมนี้ ที่ Tang Contemporary Art ที่ River City ในชื่อ Goood Luck ที่แปลว่า โชคดี แต่มีนัยยะแฝง ผมสังเกตว่าเมื่อเราโตขึ้น เพื่อนฝูงเริ่มห่างกันออกไป ผมอยากใช้งานนี้บอกเล่าว่า ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป สิ่งที่เหลือคือความทรงจำ Goood luck จึงแทนความหมายว่า ดีใจนะ ที่ได้เจอเรื่องพวกนี้

            “ภาพที่จัดแสดงมีหลายเซ็ต ขอยกตัวอย่างเซ็ตที่ชื่อว่า Picnic เป็นภาพที่คนร้องรำทำเพลงอยู่ในสวน ผมรู้สึกว่าโมเมนต์ง่ายๆ แบบนี้มีน้อยลงมากในยุคที่อินเตอร์เน็ตเกิดขึ้น เราอยู่กับจอคอม โทรศัพท์ ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กันต่อหน้า การจะนั่งเล่นในสวน ร้องรำทำเพลง กลายเป็นเรื่องเสียเวลา และเราไม่สามารถไปทำอะไรอ้อยอิ่งแบบนั้นได้อีกแล้ว แต่กิจกรรมพวกนี้มีคุณค่าในตัวเอง การนั่งเฉยๆ อ่านหนังสือ หรือเต้นรำในสวน มันคือคุณภาพชีวิตอย่างหนึ่งที่เรามีโอกาสใช้เวลากับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว นิทรรศการจึงสื่อว่า บางเรื่องเราไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างนั้นได้อีกแล้ว เหลือไว้แค่ความทรงจำ”

            ขณะเดียวกันการมีลูกสาวก็ทำให้สไตล์การทำงานและความคิดของเขาเปลี่ยนไปเยอะ “พอมีลูก วิธีการทำงานก็เปลี่ยนไป ต้องคิดอะไรในมุมของคนอื่นมากขึ้น ว่าเราจะมีส่วนร่วมช่วยโลกยังไงบ้าง เพราะลูกจะต้องเผชิญกับผลกระทบจากการกระทำของคนรุ่นเรา ตอนนี้จึงเริ่มทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างปีที่แล้ว ผมดีไซน์นาฬิกาให้กับแบรนด์ Maurice Lacroix ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำนาฬิกามาจากพลาสติกที่รีไซเคิลจากขยะในทะเล ก็พบว่าศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์เรื่องราวเหล่านี้ได้ ซึ่งในอนาคตจะมีผลงานแนวนี้ให้ติดตามอีกแน่นอน”

สไตล์ที่ไม่มีนิยาม

            นอกจากจะสร้างชื่อในฐานะศิลปินที่จัดนิทรรศการในต่างประเทศหลายครั้งเขายังสร้างผลงานผ่านการคอลแลปกับแบรนด์ดังมากมาย

“ผมชอบแฟชั่นและเราข้าวของอยู่แล้ว เช่น รองเท้า เสื้อผ้า พอได้ทำงานกับแบรนด์ที่ชอบ ก็จะรู้สึกยินดีมาก เพราะเรามีไอเดียอยู่แล้วว่าอยากทำอะไร อย่างปีนี้ผมมีโอกาสทำงานกับ Versace ด้วยความที่แบรนด์มีภาพที่ชัดเจน เวลาพรีเซนต์งานต้องทำละเอียดเพราะต้องนำเสนอทางสำนักงานใหญ่ บางครั้งก็ต้องปรับสไตล์ให้เข้ากับแบรนด์มากที่สุด จนอาจจะเจอกับสิ่งที่ไม่เคยชินบ้าง แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องดี มันท้าทายให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาฝีมือเพิ่ม เวลาได้รับงานจากแบรนด์ ผมจะทำการบ้านด้วยการไปที่ร้าน ดูแคตตาล็อค ดูสารคดีของย้อนหลัง เพื่อรู้จัก DNA และแนวคิดของแบรนด์ หากเข้าใจ เราจะผลิตชิ้นงานได้“

“ในฐานะศิลปินแน่นอนว่าไม่มีใครชอบให้ผลงานถูกตำหนิแต่เมื่อต้องแก้ไขงานการยอมรับคือสิ่งสำคัญ “ต้องยอมรับให้ได้ ผมเองก็โดนตำหนิมาเยอะ แต่ชินแล้วเพราะตอนทำงานบริษัทก็ต้องอยู่กับการแก้งานของลูกค้า แต่ถ้าเป็นงานส่วนตัว ผมค่อนข้างย้ำคิดย้ำทำ กลัวว่าจะไม่ดีพอ เมื่อก่อนไม่ชอบความรู้สึกนี้ แต่พอมาคิดดู หากเราไม่พิจารณาหรือให้เกรดตัวเองก็จะไม่เก่งขึ้นเลย  ถ้าคะแนนเต็มสิบ ผมให้ตัวเองไม่เกิน 7 มองว่า นี่คือสัญญาณที่ดีให้ฝึกฝนต่อไป เพราะยังมีคนเก่งกว่าเราเยอะ อีกอย่างคือผมไม่ได้จำกัดตัวเองว่าทำงานศิลปะแนวไหนและเชื่อว่าศิลปะไม่มีเส้นแบ่ง การแบ่งเกิดจากมนุษย์ที่อยากจะกำหนดทิศทางของมัน ซึ่งผมสนุกที่จะปล่อยให้ศิลปะของเราหลวมๆ มากกว่า ทำให้ฝึกได้หลากหลายขึ้น“

การผลิตนิทรรศการแต่ละคอลเล็คชั่นมีรูปภาพหลายสิบรูปต้องใช้เวลานานกว่า 3-4 เดือนจึงจะแล้วเสร็จคำถามที่หลายคนอยากรู้คือศิลปินเคยเบื่อรูปตัวเองบ้างไหม

 “เบื่อแน่นอน การทำงานจะมีช่วงที่คิดไม่ออก และบางรูปใช้เวลาวาดเป็นเดือนก็อาจยังไม่สำเร็จ จึงต้องสู้กับมันเยอะ เวลาผมวาดรูป จะวาดไปทีละส่วน พอเบื่อก็หยุด และคิดอย่างเดียวว่า ทำให้เสร็จ เพราะถ้าคิดกลับกัน ตอนทำงานประจำมีบางเรื่องที่ไม่สนุกกว่านี้เยอะแต่ยังทำได้เลย นี่คือสิ่งที่เรารัก ก็ต้องลุยกับมันให้เต็มที่”

ศิลปะคือพลัง

            “ในอนาคต ผมอยากพัฒนางานตัวเองให้ดีขึ้น ทุกวันนี้ผมวาดรูปเป็นหลัก มีงานประติมากรรม ทั้งเล็กและใหญ่ จัดแสดงตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงงานดีไซน์ร่วมกับแบรนด์ หากเป็นชิ้นงานในฝัน ผมอยากจัดนิทรรศการ ที่เนรมิตสถานที่ให้คนที่มาชมได้รับประสบการณ์เหมือนอยู่อีกโลก ใช้ศิลปะทั้งงานภาพ เสียง ทุกอย่างที่เราสนใจรวมอยู่ในที่เดียว ใครอยากเป็นแนวร่วมด้วยกัน ยินดีนะครับ (ยิ้ม)”

            เมื่อถามถึงคุณค่าในศิลปะเบนซ์ตอบว่า “ให้ลองจินตนาการว่าเรานั่งอยู่ในห้องที่ไม่มีสิ่งของ มีเพียงภาพวาดแปะอยู่ตามผนังเหมือนหน้าต่างบานหนึ่ง การมองภาพนั้น ทำให้เราได้เห็นวิวใหม่ๆ ช่วยให้หลุดจากเรื่องราวในปัจจุบันไปสักพัก เราอาจจะมองรูปแล้วรู้สึกอิ่มเอมกับความสุข เข้าใจความทุกข์มากขึ้น

            “เพราะฉะนั้นผมมองว่าศิลปะมีพลังวิเศษ ที่สามารถพาเราไปที่ต่างๆ ได้ ไม่ต่างจากประตูของโดราเอม่อนครับ”


เรื่อง: Fai

ภาพ: วรสันต์

ฉลองเทศกาลแห่งความสุขพร้อมกัน 3 สไตล์ ในที่เดียวใน The World’s Best Destination for Celebration Experiences

account_circle

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่ โกลบอลเดสติเนชั่น ปักหมุดเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขสำหรับทุกคน “The World’s Best Destination for Celebration Experiences” ในปีนี้ ชวนทุกคนมาร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขพร้อมกันถึง 3 สไตล์ที่นี่ที่เดียว เป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนมาถ่ายรูปแล้วแชร์โมเม้นต์ สนุก และมีความสุขไปกับ Be Amazed ต้นคริสต์มาสในแบบ Luxury กับ Cartier Magical Night ณ สยามพารากอน Be Inspired ต้นคริสต์มาสสร้างแรงบันดาลใจไปกับ The Magical Art (of) Toy Celebration ณ สยามเซ็นเตอร์ Be Revolutionary ต้นคริสต์มาสรักษ์โลก Sustainable Living X’mas Tree 2024 ณ สยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมด้วยแขกรับเชิญคนพิเศษที่มาร่วมเฉลิมฉลองและส่งมอบความสุขไปด้วยกัน อาทิ ฟรีน- สโรชา จันทร์กิมฮะ, เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม, ซี-พฤกษ์ พานิช และ นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์

นางสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ช่วงเทศกาลแห่งความสุขปีนี้ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เนรมิตทุกพื้นที่ให้เป็น เดสติเนชั่นแห่งการเฉลิมฉลอง เป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนมาถ่ายรูปแล้วแชร์โมเม้นต์ สนุก และมีความสุข เริ่มด้วยการตกแต่งบรรยากาศเฟสทีฟ เนรมิตทั่วพื้นที่ให้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขท่ามกลางสีสันที่เปล่งประกายสะท้อนแสงแห่งความมหัศจรรย์ที่อยู่ในมิติต่างๆ โดยนำรูปทรงของสโนว์เฟล็กมาเป็นสัญลักษณ์การก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุข ระหว่างวันนี้ – 7 ม.ค. 2568 ความพิเศษของการฉลองเทศกาลแห่งความสุขในแบบ ONESIAM คือการมีต้นคริสต์มาส 3 รูปแบบ 3 สไตล์ในที่เดียวสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละศูนย์การค้าได้เป็นอย่างดี”

  • สยามพารากอน ตอกย้ำการเป็น Luxury Destination ชวนตื่นตาตื่นใจ Be Amazed ไปกับงานเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขในแบบลักซ์ชูรี่ กับ “Cartier Magical Night’ ต้นคริสต์มาสสุดลักซ์ชูรี่ ที่ส่องแสงเปล่งประกายเจิดจ้าใจกลางสยาม เล่นกับรูปทรงต่าง ๆ ตั้งแต่รูปทรงอันเป็นสัญลักษณ์ของเมซงไปจนถึงรูปทรงแบบ แอบสแตรค โดดเด่นด้วยโคมไฟที่ประดับด้วยอัญมณีสีน้ำเงินและแอสโตรแลบ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางดาราศาสตร์ที่ใช้ในการวัดตำแหน่งของดวงดาวและวัตถุบนท้องฟ้า ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก หลุยส์ คาร์เทียร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Cartier Magical Night เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา ยามที่กลางวันมาบรรจบกับกลางคืน
    การเดินทางเริ่มต้นที่อินสตอลเลชั่นแรก ที่ Cascade ณ ชั้น M ผู้ชมจะได้เดินทางขึ้นบันไดที่ให้ความรู้สึกราวกับคีย์เปียโน ผ่านประตูโค้งสีทองและก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งจินตนาการ จากนั้นจะได้พบกับต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ของ Cartier ที่ประดับด้วยแหวนและของตกแต่งที่ได้รับ แรงบันดาลใจจากแอสโตรแลบ ประดับประดาด้วยกล่องสีแดงสุดไอคอนิคของ Cartier ต่อไปยังบริเวณโซน Jewel ชั้น M จะได้พบกับ Cartier Magical Night ซึ่งล้อมรอบด้วยม่านสีทอง, ดาวประดับระยิบระยับ และต้นคริสต์มาส เปียโนที่บรรเลงเพลงเองได้ เติมความงามสง่าและสร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลให้กับเทศกาลส่งท้ายปี นอกจากนี้ ตลอดเฟสทีฟซีซั่นร้านค้ากลุ่มลักซ์ชูรี่ยังร่วมสร้างสรรค์ Luxury Festive Vibes สร้างบรรยากาศเทศกาลความสุขแบบเหนือระดับที่ทุกคนต้องประทับใจ ทั้งการตกแต่งวินโดว์ดิสเพลย์ในแบบลักซ์ชูรี่ และการนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษสำหรับเฟสทีฟซีซั่นจากหลากหลายแบรนด์ดัง
  • ด้าน สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ฉลองเทศกาลแห่งความสุข Be Inspired ให้เต็มเปี่ยมรับพลังสร้างสรรค์เนรมิตทั้งศูนย์ฯ ให้เป็นอาร์ททอยเดสติเนชั่น ในงาน The Magical Art (of) Toy Celebration รวมเหล่าอาร์ททอยไว้จำนวนมากที่สุด กว่า 100 คาแรกเตอร์ จากนานาค่ายดังทั่วโลกไว้ในที่เดียว เริ่มด้วยการตกแต่งบรรยากาศให้เป็นการเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยเหล่าอาร์ททอยเหมาะสำหรับการมา Share Moments ถ่ายภาพแล้วแชร์สุดสนุก และยังมีมหกรรมงานอาร์ททอยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป สยามเซ็นเตอร์ จับมือ Toyzeroplus เปิด “TOYZEROPLUS World” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบกับคาแรกเตอร์สุดฮอตที่โด่งดังไปทั่วโลก ต่อด้วย Siam Center PONY ON WHEEL X TOYCITY Pop-Up อาร์ททอยชื่อดังระดับโลกในธีมฉลองคริสต์มาสต้อนรับเทศกาลเฟสทีฟ พร้อมกิจกรรมเอนเตอร์เทนเม้นตลอดทั้งเดือนส่งท้ายปลายปีที่เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 67 – 7 ม.ค. 68 นอกจากนี้ ภายในสยามเซ็นเตอร์ยังมีร้านและแฟล็กชิปสโตร์ที่เป็นสวรรค์ของคนรักของเล่นและอาร์ททอย อาทิ The Gundam Base Thailand ชั้น 1 Flagship Store แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , Tamashii Spot Bangkok , Banpresto , Gashapon Bandai Official, Buddy Land รวมคลังแสงตู้คีบตุ๊กตา, JINART The FIRST Flagship Store in Thailand Yumeya, FREAK, SEEK ‘N KEEP CLUB, Super! Daddy Store
  • สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ซึ่งเป็น เป็น Pioneer บุกเบิกสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสภายใต้แนวคิดรักษ์โลกมาก่อนใครและดำเนินการ Be Revotionary อย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี ในปีนี้ “Sustainable Living X’mas Tree 2024” สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC พร้อมด้วย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสรักษ์โลกที่สร้างจากผ้าอัพไซเคิลจากขวดน้ำพลาสติกใช้แล้ว โดยนำมาดีไซน์และปริ้นสีจาก Epson ผ่านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สร้างลวดลายสีสันจากหมึก UltraChrome DS สะท้อนแสงที่มีชีวิตชีวาและโดดเด่น ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังได้ต้นคริสต์มาสรักษ์โลกที่มีความสวยงาม สร้างความสุขให้กับผู้พบเห็น นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังร่วมมอบความสุขและสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตกสิกรไทยครอบคลุมทั้งกลุ่มสินค้าแฟชั่น และ F&B อีกด้วย ขณะเดียวกัน สยามดิสคัฟเวอรี่ ยังคงเป็นดินแดนแห่งกิ๊ฟท์เดสติเนชั่น ชวนเลือกช้อปของขวัญที่คัดสรรชิ้นพิเศษไม่เหมือนใคร อาทิ Eco Gifts รวมของขวัญแนวคิดรักษ์โลก จาก Ecotopia , ร้าน Loft สเปเชียลิตี้สโตร์สุดฮอตที่มี everyday surprise ยกขบวนของขวัญสุดพิเศษ และของขวัญดีไซน์เก๋ระดับรางวัลจากหลายเวทีที่ร้าน ODS. เพื่อฉลองเทศกาลแห่งความสุขสำหรับลูกค้านักช้อป

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษในแคมเปญ “Bangkok No.1
Shopping Festival 2024: Born to Shop” ระดมหลากสินค้าแบรนด์ดังลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี ลด
สูงสุด 80% ทั่วทั้ง 3 ศูนย์การค้า รวมทั้งในพารากอนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตและ
พันธมิตรทางธุรกิจ มอบโปรโมชั่นตลอดแคมเปญ พร้อมแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
พิเศษสมาชิก ONESIAM Member แลก 1,000 ONESIAM COINS รับ E-Gift Card มูลค่า 1,100 บาท และพลาดไม่
ได้! พบกับโปรโมชั่นพิเศษ BLACK WEEKEND วันที่ 29 พ.ย. – 1 ธ.ค. 2567 แลกรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 ล้าน
บาท ช้อปครบ 25,000.- ขึ้นไป แลกรับ Siam Gift Card 1,000.- ที่สยามพารากอน และ ช้อปครบ 6,000.- ขึ้นไป แลก
รับ Siam Gift Card 500.- ที่สยามเซ็นเตอร์ หรือ สยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวัน
สยามกสิกรไทย ที่เป็นสมาชิก ONESIAM MEMBER และมี ONESIAM SUPERAPP รับเพิ่มรวมสูงสุด 1,600
ONESIAM COINS

พร้อมฉลองเทศกาลแห่งความสุขยาวต่อเนื่องส่งท้ายปี สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังได้จัด
โปรโมชั่นพิเศษในแคมเปญ “The Magical Celebration” 11 ธ.ค. 2567 – 12 ม.ค. 2568 ร้านค้าลดสูงสุด 70% เมื่อ
ช้อปครบตามเงื่อนไข แลกรับ Siam Gift Card สูงสูด 400 บาท สยามพารากอนช้อปครบ 18,000 บาทขึ้นไป (พิเศษสุด
สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย ช้อปเพียง 15,000 บาทขึ้นไป) รับ Siam Gift Card มูลค่า 400 บาท สยามเซ็นเต
อร์ช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป (พิเศษสุดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย ช้อปเพียง 5,000 บาทขึ้นไป) รับ Siam Gift
Card มูลค่า 200 บาท และ สยามดิสคัฟเวอรี่ช้อปครบ 8,000 บาทขึ้นไป (พิเศษสุดสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย
ช้อปเพียง 7,000 บาทขึ้นไป) รับ Siam Gift Card มูลค่า 300 บาท พร้อมแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% จากบัตร
เครดิตที่ร่วมรายการ

ร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุข ไปกับ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ The World’s Best Destination for Celebration Experiences วันนี้ – 7 ม.ค. 2568


'IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY' ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว

‘IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY’ ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว

Alternative Textaccount_circle
'IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY' ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว
'IN THE STARLIGHT OF HOLIDAY' ป๊อปอัพ ที่รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังไว้ในที่เดียว

Coty Thailand เปิด ป๊อปอัพ ส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่กับ “In the Starlight of Holiday Pop-up” อีเวนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ได้รวบรวมแบรนด์น้ำหอมชื่อดังหลากหลายแบรนด์มาไว้ในงานเดียว ไม่ว่าจะเป็น Burberry, Chloé, และ Marc Jacobs เพื่อเฉลิมฉลองและส่งมอบความสุขให้กับเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะถึงนี้ โดยงานจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม ณ Fashion Hall ชั้น 1 Siam Paragon

ภายใน Pop-up ถูกดีไซน์ด้วยแรงบันดาลใจจากดินแดนมหัศจรรย์สีทองระยิบระยับ ประดับตกแต่งด้วยพระจันทร์ ดวงดาว และบานหน้าต่างที่สื่อถึงกลุ่มดาวต่างๆ ช่วยส่งมอบบรรยากาศในช่วงเทศกาลได้เป็นอย่างดี พร้อมกิจกรรมต่างๆ มากมายภายในงาน โดยเฉพาะหนึ่งไฮไลท์สำคัญอย่าง กิจกรรมอ่านไพ่ทาโรต์ ด้วยการเลือกกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของคุณผ่านการอ่านไพ่ ช่วยเสริมพลังและนำพาความโชคดีมาให้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังได้เพลิดเพลินไปกับฟิลเตอร์ Instagram ที่ถูกดีไซน์มาเป็นพิเศษในธีมเทศกาล ให้ได้เก็บภาพความทรงจำดีๆ และแชร์โมเมนต์แห่งความสุขเหล่านี้ออกไป

อีกหนึ่งความพิเศษเฉพาะงานนี้คือ Fragrance Gift Set สุดพิเศษจากเหล่าแบรนด์ดัง อาทิ Burberry Goddess, Burberry Hero, Chloé L‘Eau de Parfum Intense และ Marc Jacobs Daisy Wild ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ และพิเศษสำหรับทุกการสั่งซื้อ จะได้รับของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เติมเต็มประสบการณ์ความหอมในช่วงเทศกาลนี้


น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

5 ข้อรู้จัก นักแสดงคลื่นลูกใหม่ น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

Alternative Textaccount_circle
น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง
น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

นิยามความเป็น “น้ำปิง”

“น้ำปิงเป็น Ambivert ครับ คือมีส่วนผสมของเอกซ์โทรเวิร์ตกับอินโทรเวิร์ต เวลาอยู่นอกบ้านชอบพูดคุยกับผู้คน ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ชอบให้คนมาเล่นด้วย เฮฮาสนุกสนานเต็มที่ แต่พอถึงบ้านจะชอบอยู่ คนเดียว เหมือนเราให้พลังงานคนรอบข้างไปเยอะ แล้วพอหมดวัน พลังงานจะหายไป ตอนนี้กําลังหาบาลาน ว่าจะทํายังไงให้ตัวเองมีพลังงานยาว ๆ ได้ทั้งวัน”

น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

มุมลับ

“เรื่องแรกคือชอบวาดรูปมาก เพราะชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก เคยฝันอยากเป็น ศิลปิน แต่รู้สึกว่าต้องสร้างรากฐานตัวเองให้มั่นคงก่อน ตอนนี้วาดรูปจึงเป็นงานอดิเรกกําลังอินกับเทคนิคสีชอล์ก เพราะถ้าระบายพลาดก็แก้ได้ เกลี่ยง่ายดีด้วย น้ําปิงชอบ วาดรูปทิวทัศน์กับวาดรูปพอร์เทรต”

“อีกหนึ่งความฝันทีไม่เคยบอกใครคืออยากเป็นดีเจเปิดแผ่น ผมชอบฟังเพลง หลากหลายแนว ทั้งแจ๊ส ไทย ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ฯลฯ มีคลังเพลงในหัวเยอะ เวลามีโอกาสไปฟังดีเจเล่นสด น้ําปิงชื่นชมมากนะ รู้สึกฟินกับการเรียบเรียงของเขา จึงมี แพลนไปเรียนเป็นดีเจจริงจัง และกําลังเก็บเงินซื้อเครื่องเล่นด้วยครับ ซึ่งลามไปว่า อยากเก็บเงินซื้อบ้านเดี่ยว จะได้มีพื้นที่เปิดเสียงเต็มที่ ถ้าวันไหนน้ําปิงได้เป็นดีเจจริงๆ ฝากแฟนๆ ติดตามด้วยนะครับ”

น้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง

ท้าทายสุด

“การแสดงคือเรื่องที่ท้าทายมาก อยากเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับ และคาดหวัง กับตัวเองไว้สูงเหมือนกัน คนทั่วไปมักมีภาพจ่าว่าซีรี่ส์วายจะเน้นความจิ้น แต่น้ําปิง อยากลบความคิดนี้ อยากให้รู้ว่าเรามีความสามารถ ซึ่งซีรีส์เรื่องแรกก็อยากทําออกมา ให้ดีที่สุด เก็บเป็นมาสเตอร์พีช โดยไม่มีข้อแก้ตัวว่า งานชิ้นแรก ฉันจึงทําได้เท่านี้ นํ้าปิงอยากท่าผลงานให้คนรับรู้ถึงความตั้งใจ ให้คุ้มค่ากับเวลาของผู้ชมที่ดูผลงานเรา”

อินสุดใจ

“อินอาร์ตทอยครับ น้ําปิงชอบงานศิลปะอยู่แล้ว และกระโจนเข้าวงการอาร์ตทอย ตั้งแต่ยังไม่บูม พอถึงวันนี้ที่อาร์ตทอยเติบโต รู้สึกว่าน่ารักจังที่คนให้คุณค่าและซัพพอร์ต ศิลปิน ตอนนี้อินถึงขั้นว่าอยากท่าอาร์ตทอยของตัวเอง มีสเก็ตช์ไว้คร่าว ๆ เหมือนกันนะ ว่าคาแร็คเตอร์จะเป็นยังไง แต่ยังต้องศึกษาเรื่องกระบวนการผลิตอีกเยอะครับ”

เรื่องรัก ๆ

“ถ้าถามว่าคลั่งรักไหม ก็ใช่ครับ เราเต็มที่กับความรักในทุกเรื่อง ทั้งในความสัมพันธ์ การงาน เพราะมองว่าความรักช่วยขับเคลื่อนชีวิต ทําให้ชุ่มชื่นหัวใจ และนิยามตัวเองว่าเป็นผู้ให้ อาจเพราะได้รับ ความรักเต็มเปี่ยมจากที่บ้าน ไม่เคยรู้สึกขาด จึงพร้อมให้ความรักคนอื่นอยู่เสมอ”

“ถ้าในมุมโรแมนติก ชีวิต แอบมีความเศร้า เพราะการเป็นผู้ให้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งมีความคาดหวัง เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวเพื่อเซฟใจแต่ก็มองว่ามันเป็น ธรรมชาติของวัย เราเป็น วัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้อง เจอทั้งความรัก คลั่งรัก อกหัก เสียใจเหมือนกับ ทุก ๆ คน”

URBAN REVIVO

‘เจษ-ไบเบิ้ล’ ร่วมงานเปิดตัว URBAN REVIVO คอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่ที่เซ็นทรัลเวิลด์

account_circle
URBAN REVIVO
URBAN REVIVO

URBAN REVIVO ฉลองเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชูแนวคิดการออกแบบสุดล้ำที่ผสมผสานศิลปะเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร บนพื้นที่กว่า 1,548 ตารางเมตร

ด้วยจุดแข็งด้านโลเคชันใจกลางกรุงเทพฯ และจุดยืนที่แตกต่างของแบรนด์ ทำให้คอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่นี้เตรียมขึ้นแท่นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ UR ในตลาดประเทศไทย โดยมี 2 ซุปเปอร์สตาร์ “เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” และ “ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล” มาร่วมสร้างสีสันภายในงาน

แรงบันดาลใจในการออกแบบร้านคอนเซ็ปต์สโตร์แห่งนี้ มาจากการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความดิบเท่ของแนวคิด Industrial Civilization และความงดงามอ่อนโยนของธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนปรัชญาการออกแบบของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ผ่านการตัดกันและความสมดุลที่สร้างสรรค์  ภายในร้านโดดเด่นด้วยผนังจอ LED ช่วยสร้างบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือน พร้อมดีไซน์ห้องลองที่ถูกเนรมิตเป็นถุงช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์แห่งโลกเสมือนจริงขณะเพลิดเพลินกับไอเทมใหม่ล่าสุดจากคอลเล็คชั่นของ UR


SUNNE Voyage 

SUNNE Voyage สัมผัส Crafted Catamaran จากเกาะสมุยสู่จังหวัดระยอง

account_circle
SUNNE Voyage 
SUNNE Voyage 

SUNNE Voyage พาทุกท่านร่วมสัมผัสเสน่ห์ของทะเลระยองไปพร้อมกับเรา ด้วยการนำเรือ Crafted Catamaran ลำใหม่ของพวกเรา SUNNE Samui ล่องข้ามอ่าวไทยมาเดินเรือในเส้นทางที่มีน้ำทะเลสีเขียวใสของเกาะมันนอก จังหวัดระยอง เฉพาะช่วง High Season นี้เท่านั้น

จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่เริ่มจากแนวคิดการนำเรือประมงพื้นบ้านที่ถูกทิ้งร้างมาดัดแปลงโดยใช้งานฝีมือช่างเรือประมงและงานออกแบบที่ร่วมสมัย สร้างสรรค์ให้กลายเป็นเรือท่องเที่ยวที่สามารถมอบประสบการณ์ที่สวยงามและน่าจดจำให้แก่นักท่องเที่ยว และได้ต่อยอดมาถึงการดัดแปลงเรือคาตามารันลำแรกๆ ของเกาะสมุย ให้ออกมาเป็น
SUNNE SAMUI เรือคาตามารันขนาดใหญ่ที่ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 และถือเป็น Crafted Catamaran ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

SUNNE Samui Catamaran ได้รับการปรับปรุงภายในใหม่ทั้งหมด โดยใช้ไม้สักและเส้นหวายที่ถูกคัดสรรมาอย่างประณีตและจัดเรียงเป็นลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ผ่านการทำงานกับช่างต่อเรือท้องถิ่น ด้วยความมุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่า เพื่อสนองวิสัยทัศน์ของ SUNNE Voyageที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตและความยั่งยืนในพื้นที่ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของ SUNNE Voyage ตลอดมา 

ตัวเรือของ SUNNE Samui Catamaran ได้ถูกออกแบบให้เปิดรับลมได้ทุกทิศทางเพื่อความสุนทรีย์ในการเดินเรือ หน้าต่างทุกด้านของลำเรือเปรียบเสมือนกรอบรูปของภาพผืนน้ำ ท้องฟ้า และภูเขาที่กว้างใหญ่ เมื่อลมทะเลพัดส่ง ใบเรือจะกางออก แล้วพาทุกท่านล่องไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ผ้าใบของเรือมีลวดลายแสงอาทิตย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของ
SUNNE Voyage ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจในการออกแบบ เพื่อยกระดับการเดินทางบนเรือ ให้เป็นภาพความทรงจำอันสดใสและแสนพิเศษที่ยากจะลืมเลือน โดย SUNNE Catamaran จะให้บริการในทะเลระยองตั้งแต่วันนี้ – 19 มกราคม 2568

นอกจากนั้น SUNNE Voyage ยังคงนำเสนอเรืออีก 2 ลำที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษและไม่เหมือนใคร อย่าง SUNNE Voyager ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับความงามของเส้นขอบฟ้ายามอาทิตย์ตกดิน ด้วยดาดฟ้าที่กว้างขวาง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามาที่สะท้อนความงดงามของอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเรือตกแต่งด้วยผ้าม่านย้อมสีธรรมชาติที่พลิ้วไหวไปตามลมทะเลอ่อน ๆ สร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์

SUNNE Explorer จากความท้าทายในการออกแบบที่ภาคภูมิใจ ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้เต็มอิ่มกับแสงแดด สายลมทะเล และสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยมีหลังคาขนาดใหญ่ด้านหน้าเพื่อให้ร่มเงา ในขณะที่ยังคงความโล่งโปร่งสบายไว้อย่างครบถ้วน ภายในมีโซฟานั่งเล่นที่กว้างขวาง ชวนให้ได้พักผ่อน อาบแดด และสัมผัสกับธรรมชาติ ส่วนด้านหลังมีเคาน์เตอร์บาร์ที่เพิ่มบรรยากาศอันสดใสสำหรับกิจกรรมและการสังสรรค์ ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของ SUNNE Explorer

จากวัฒนธรรมท้องถิ่นและการสร้างสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับชุมชน ความหลงใหลในการนำเสนอความงามของทะเลระยองจึงทวีขึ้น และถือกำเนิดเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการเปลี่ยนเรือประมงที่ไม่ได้ใช้งานของชาวบ้านให้กลายเป็นเรือท่องเที่ยว ด้วยทีมงานที่มุ่งมั่นและชำนาญการออกแบบ SUNNE Voyage จึงถูกสร้างขึ้น โดยเป็นโครงการที่พัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น เพื่อเผยให้เห็นแง่มุมที่ซ่อนเร้นและเสน่ห์ของจังหวัดระยอง สถานที่ที่มีทะเลอันเงียบสงบ และห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ดังนั้น SUNNE Voyage จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำหรับนักเดินทางที่ต้องการหลีกหนีจากเมืองใหญ่มาพักผ่อนในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ยังสามารถเก็บเกี่ยวความประทับใจและความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนกลับไปได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยการเสริมสร้างอาชีพให้กับชุมชนอีกด้วย

รวมไปถึงการริเริ่มโครงการ Long Lay Local Tour ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ดึงดูดผู้ชื่นชอบการผจญภัย และต้องการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักในจังหวัดระยอง พร้อมทั้งสัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบท้องถิ่นอย่างแท้จริง

โดยหัวใจของของ SUNNE Voyage คือความมุ่งมั่นต่อคนในชุมชนระยองและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความงดงามของภูมิภาคสู่โลกใบนี้ ทั้ง SUNNE Voyage และ Long Lay Local Tour จึงสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนท้องถิ่น SUNNE Voyage ยึดมั่นในคุณค่าที่เกิดจากงานฝีมือท้องถิ่นและปรัชญา “กลับสู่ธรรมชาติ” ด้วยแนวคิดการออกแบบที่มุ่งเน้นวัสดุจากธรรมชาติที่สร้างความรู้สึกและความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แท้จริงและมีเสน่ห์ตลอดการเดินทางของ SUNNE Voyage ในการนำเสนองานศิลปะไทยที่สร้างสรรค์จากหลากหลายภูมิภาค ให้เรือของ SUNNE Voyage เป็นเหมือนหอศิลป์เคลื่อนที่กลางทะเล ที่พร้อมมอบประสบการณ์การล่องเรือและนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แตกต่าง


Hong Kong Fashion Fest

Hong Kong Fashion Fest เฉลิมฉลองแฟชั่น วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์

account_circle
Hong Kong Fashion Fest
Hong Kong Fashion Fest

Hong Kong Fashion Fest กิจกรรมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายในการเฉลิมฉลองแฟชั่น ความคิดสร้างสรรค์ และมรดกทางวัฒนธรรม โดยงานนี้ได้รับการนำเสนอโดยรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานพัฒนาภาคอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมและสร้างสรรค์ของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ซึ่งงาน Hong Kong Fashion Fest จะรวมเอาแฟชั่น การออกแบบ และศิลปะ ผสานเข้าด้วยกันผ่านการแสดงนิทรรศการ กิจกรรม และประสบการณ์ที่หลากหลายทั่วทั้งเมือง

โดยไฮไลต์ของงานประกอบไปด้วย 

– The Fashion Union หรือแพลตฟอร์มเฉลิมฉลองความงามของเครื่องแต่งกายสำหรับการทำงาน ระหว่างวันที่ 20-27พฤศจิกายน 2567 ที่ DX Design Hub ใน Sham Shui Po ซึ่งจะนำเสนอเครื่องแต่งกายสำหรับการทำงานในมุมมองที่ทันสมัย โดยรวมเอาฟังก์ชันและความสวยงามเข้าด้วยกัน ผ่านการจัดนิทรรศการ เวิร์กช็อป และกิจกรรมสัมนาที่จะพลิกมุมมองต่อการแต่งกายทำงานที่ทั้งมีประโยชน์และโดดเด่น 

– VIRTUOSE : The Artistry of Couture and Couture Reverie การเฉลิมฉลองชุดกูตูร์อันตระการตาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ที่ The Henderson ในย่านเซ็นทรัล โดยจะรวบรวมนักออกแบบระดับนานาชาติ 4 คนที่มีชื่อเสียง เพื่อแสดงถึงความชำนาญและความเป็นเลิศในการตัดเย็บชุดกูตูร์ในแฟชั่นโชว์ของพวกเขา โดยนิทรรศการ “Couture Reverie” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน 

– 4 ธันวาคม ที่ Shop 6, New Henry House, 10 Ice House Street ย่านเซ็นทรัล เริ่มจากนักออกแบบชาวฝรั่งเศส ชาร์ล เดอ วีลมอริน (Charles de Vilmorin) ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตำรับของกูตูร์ที่ได้รับการยอมรับในผลงานการปักที่กล้าหาญและสีสันสดใส เขาสร้างสรรค์ชุดกูตูร์ที่ทั้งมีศิลปะและเป็นแนวหน้าแห่งการออกแบบ, โมฮาเหม็ด เบนเชลลาล (Mohamed Benchellal) นักออกแบบจากเนเธอร์แลนด์ซึ่งนำเสนอลุคที่มีเสน่ห์ในแบบสถาปัตยกรรมด้วยรูปทรงที่พลิ้วไหวและการจับเดรปที่ซับซ้อน ซึ่งสะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรมของเขาจากโมร็อกโก, เชนีย์ ฉาน (Cheney Chan) นักออกแบบจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ผสมผสานองค์ประกอบทางวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมกับสุนทรียศาสตร์สมัยใหม่แบบปารีส สร้างสรรค์ชุดที่ผสมผสานอิทธิพลทั้งจากตะวันออกและตะวันตกในความกลมกลืนอันเป็นเอกลักษณ์ และ เคย์ ควอก (Kay Kwok) นักออกแบบจากฮ่องกงที่นำเสนอวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ด้วยการใช้วัสดุที่ไม่ธรรมดาและการตัดเย็บที่แม่นยำ สร้างสรรค์ซิลูเอตที่มีพลังและดูเหมือนมาจากอีกโลกหนึ่ง งานนี้สร้างโอกาสอันมีค่าให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับฝีมือชั้นเยี่ยมในการตัดเย็บชุดกูตูร์ และเข้าถึงเรื่องราวทางศิลปะที่แฝงอยู่ในแฟชั่นอย่างลึกซึ้ง

– Fashion Summit (HK) 2024 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม “Power Up Sustainable Fashion Business” ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ณ Hong Kong Palace Museum โดยจะรวบรวมผู้นำและผู้มีวิสัยทัศน์จากวงการแฟชั่นมาอภิปรายเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจแฟชั่นที่ยั่งยืน อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการจัดแฟชั่นโชว์ 3 โชว์  โดยโชว์แรกคือ International Fashion Show ภายใต้ธีม “Time Traveler” ซึ่งจะนำเสนอผลงานจากนักออกแบบจาก 5 ประเทศหรือภูมิภาค ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ส่วนอีกสองโชว์ที่จัดในวันที่ 28 พฤศจิกายน คือโชว์ธีม “Capture the Time” ที่จะนำเสนอผลงานของนักออกแบบแฟชั่นรุ่นใหม่จากฮ่องกง และโชว์ “Local Power” ที่จะเน้นการนำเสนอแบรนด์แฟชั่นฮ่องกง นอกจากนี้ ในครั้งแรกของการจัดงาน “Fashion Summit Lifestyle Pop-up Shop” จะมีขึ้นตลอดเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ Gate 33 Gallery, AIRSIDE ในย่าน  Kai Tak ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้นักออกแบบสามารถดำเนินธุรกิจแฟชั่นที่ยั่งยืนได้

–  A Journey of Rediscovery – 30 years of Shanghai Tang  คือ การเดินทางแห่งการค้นพบใหม่ของ Shanghai Tang เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี โดยร่วมมือกับ PMQ จัดแสดงนิทรรศการ “อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ Shanghai Tang” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2567 นิทรรศการนี้จะนำเสนอการเดินทางของแบรนด์ผ่านการจัดแสดงผลงานจากอดีตและการออกแบบร่วมสมัยที่สะท้อนถึงการพัฒนาและวิวัฒนาการของ Shanghai Tang โดยไฮไลต์ คือ การเสวนาจากผู้นำทางความคิดอย่าง เฉิน มาน (Chen Man) ช่างภาพชื่อดังชาวจีน ที่จะมาพูดคุยเกี่ยวกับผลงานสร้างสรรค์ของเธอกับ Shanghai Tang ตั้งแต่การถ่ายภาพแคมเปญอันโดดเด่นในปี 2012 ไปจนถึงคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2024 ของแบรนด์  การเฉลิมฉลองในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสำรวจมรดกและผลงานทางศิลปะของหนึ่งในแฟชั่นเฮาส์ที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกง

–  Motifx – Revitalizing Historical Chinese Pattern For Modern Design คือการฟื้นฟูลวดลายจีนโบราณเพื่อการออกแบบสมัยใหม่ สำหรับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรม โดยนิทรรศการ “Motifx – Revitalizing Historical Chinese Pattern For Modern Design” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 29 ธันวาคม 2567 ที่ K11 Musea โดยเป็นการฟื้นฟูลวดลายจีนดั้งเดิมผ่านการตีความใหม่ ด้วยการนำเสนอผลงานจากนักออกแบบและศิลปินรุ่นใหม่กว่า 100 ชิ้น ที่ต่อลมหายใจให้กับความงามแบบดั้งเดิม อีกทั้งนิทรรศการนี้ยังมีการเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ศาสตราจารย์อู๋ ไห่หยาน (Wu Haiyan) และบุคคลสำคัญจาก Shanghai Tang พร้อมทั้งการนำเสนอประสบการณ์ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์และนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อถ่ายทอดความงามอันเป็นอมตะของมรดกทางวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง

– VOGUE Loves Hong Kong Celebration ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 งาน VOGUE Loves Hong Kong Celebration จะมาพร้อมกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความหรูหราและเสน่ห์ที่จะนำเสนอสไตล์ในทุกๆ ด้าน โดยมีดาราจากนานาชาติและอินฟลูเอนเซอร์จากวงการแฟชั่นเข้าร่วมงานมากมาย อาทิ Wi Ha-jun นักแสดงดาวรุ่งจากเกาหลี, CL ศิลปิน K-pop และอดีตสมาชิกวง 2NE1, Lucien Laviscount นักแสดงจากซีรีส์ Emily in Paris, Naomi Scott นักแสดงฮอลลีวูด, Koki นางแบบชื่อดังจากญี่ปุ่น, Eileen Gu นักสกีฟรีสไตล์โอลิมปิกและนางแบบ รวมถึงอีกมากมาย โดยงานนี้จะเป็นการฉายแสงให้กับความมีชีวิตชีวาของวงการแฟชั่นฮ่องกง และเฉลิมฉลองสไตล์ที่หลากหลายและไม่เหมือนใครของเมือง 

– Fashion Asia Hong Kong กลับมาอีกครั้งในฐานะงานไฮไลต์สำคัญของปฏิทินแฟชั่นประจำปีของฮ่องกงที่มุ่งเน้นนำเสนอความโดดเด่นของการออกแบบและงานฝีมือแห่งเอเชีย โดยในปีนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง Fashion Challenges Forum ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ที่โรงแรม St. Regis Hong Kong ได้รวบรวมวิทยากรและผู้นำในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก เช่น Nicolas Morineaux ซีอีโอจาก Galeries Lafayette China, Prabal Gurung รองประธานสภาดีไซเนอร์แฟชั่นแห่งอเมริกา, Lv Xiaolei รองประธานสมาคมนักออกแบบแฟชั่นเซี่ยงไฮ้, Laura Weir ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Selfridges และนักออกแบบแฟชั่นชื่อดัง Phillip Lim มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของแฟชั่นในประเด็นสำคัญต่างๆ ตั้งแต่แนวโน้มของตลาด ความสำคัญของงานฝีมือ
ไปจนถึงนวัตกรรมดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการ “10 Asian Designers To Watch” ซึ่งจะจัดขึ้นที่งาน Clockenflap Music & Arts Festival ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 โดยจะนำเสนอผลงานของดีไซเนอร์ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เช่น Grace Ling, Juntae Kim, KWK by Kay Kwok, Markgong, Oude Waag, Raxxy, Ruohan, Setchu, Tanakadaisuke และ Ya Yi ซึ่งล้วนเป็นผู้ชนะในปีนี้ พร้อมทั้งการนำเสนอผลงานของผู้ชนะจากปีก่อนๆ ที่มีชื่อเสียงโดดเด่น เช่น Chenpeng, Christian Stone, Feng Chen Wang, Louis Shengtao Chen, pillings, Ponder.er, Pronounce, Reverie by Caroline Hú, Shuting Qiu และ Windowsen
โดยธีมของนิทรรศการในปีนี้คือ “SOUNDSTITCH” ที่ผสมผสานแฟชั่นเข้ากับเสียงเพลง สร้างประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนใครและน่าประทับใจ

งาน Hong Kong Fashion Fest ยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายที่เปิดโอกาสให้ทั้งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมและกำหนดการล่าสุดได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Hong Kong Fashion Fest ที่ www.hongkongfashionfest.com


วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?

วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?

Alternative Textaccount_circle
วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?
วิธีรับมือปัญหา รอยคล้ำ และแต่ละจุดเกิดจากอะไร?

ปัญหารอยคล้ำ ไม่ว่าจะเป็นซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ มักจะทิ้งร่องรอยไว้ให้กวนใจ สร้างความไม่มั่นใจ ส่วนใหญ่ รอยคล้ำเกิดที่จุดไหนบ้าง และเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมแนะวิธีดูแลเพื่อลดรอยคล้ำ

  • ต้นคอ เกิดจาก คราบขี้ไคล แสงแดด ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถเกิดขึ้นได้ จากความผิดปกติของฮอร์โมน ในผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมีรูปร่างอ้วน เพราะระดับอินซูลินสูงไปกระตุ้นเซลล์ผิวหนังที่เรียกว่า Acanthosis Nigricans
  • รักแร้ เกิดจากการกำจัดขนรุนแรงบ่อยๆ เช่น ถอน โกนทำให้ผิวผลิตเม็ดสีมากขึ้น รวมถึงการระคายเคืองเพราะแพ้โรลออน
  • ขาหนีบ การสวมใส่กางเกงที่รัดมากๆ และภาวะน้ำหนักเกินทำให้ขาเบียดกันจากการเสียดสีของเนื้อ
  • เข่า การนั่งคุกเข่านานๆ เช่น การทำงานบ้าน ทำให้เกิดการกดทับและเสียดสี
  • ตาตุ่ม เกิดจากการนั่งขัดสมาธิ หรือ พับเพียบบนพื้นแข็งโดยไม่มีเบาะรองนั่ง และการสวมรองเท้าคับแน่นเมื่อเวลาเดิน-วิ่ง นานๆ ทำให้ผิวเสียดสีกันมากขึ้น

เมื่อเกิดรอยคล้ำเกิดขึ้นแล้ว ควรดูแลตัวเอง ดังนี้

  1. เลี่ยงสัมผัสแสงแดด เพราะแสงแดดกระตุ้นให้เม็ดสีหรือเมลานินใต้ชั้นผิวทำงานผิดปกติ สำหรับผิวนอกร่มผ้าควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 40-50 ขึ้นไป
  2. งดแกะ เกา เมื่อผิวเกิดการระคายเคืองมีตุ่มคันผดขึ้น เพราะจะทำให้ผิวอักเสบ และเกิดเป็นรอยดำตามมาได้
  3. ทาครีมบำรุงผิวที่มีไวท์เทนนิ่ง มีส่วนผสมช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น วิตามิน C วิตามิน B3 ไทอามิดอล (Thaimidol) กรดโคจิก (Kojic acid) กรดทรานซามิก (Tranexamic acid) อัลฟาอาร์บูติน(Alpha-arbutin) บิลทิล-รีซอซินอล (4-butylresorcinol)
  4. ทำทรีทเมนท์เข้มข้นโดยการใช้เครื่องผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อลดการสร้างเม็ดสี เพิ่มความชุ่มชื่น ปรับสมดุล บำรุงผิวให้แข็งแรง
  5. การรักษาด้วยเลเซอร์ จะทำให้เม็ดสีจางลง แต่ควรปรึกษาและทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการปรับค่าเลเซอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

หากไม่อยากมีรอยคล้ำ ลองนำวิธีที่เหมาะกับตนเองไปปรับใช้เพื่อจะได้อวดผิวสวยได้อย่างมั่นใจโดยไร้รอยหมองคล้ำ

ข้อมูล: พญ.คษา ต.วรพานิช จาก Athena Clinic ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)
Photo: Pexels


ปิดท้ายปีแห่งความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของ เตนล์ กับป๊อปอัปสเปซกานูเล่ครั้งแรก

Alternative Textaccount_circle

“TEN’s CANELE ‘THE WONDER WINTER’ POP-UP SPACE by SM True” ป๊อปอัปสเปซอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกของคาแรกเตอร์แมวที่มีเพียงหนึ่งเดียว CANELE (กานูเล่) ผลงานการออกแบบโดย TEN (เตนล์) ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามในฐานะ ‘Artistic Performer’ (หรือ ‘ผู้แสดงที่มีศิลปะ’) ผ่านการนำเสนอเวทีที่ถ่ายทอดเสน่ห์เฉพาะตัวออกมาอย่างสง่างามทุกท่วงท่าจนสร้างความประทับใจให้แฟนคลับทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของความสามารถด้านศิลปะที่โดดเด่น

สำหรับป๊อปอัปสเปซครั้งนี้ นำลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ CANELE (กานูเล่) มาเนรมิตเป็นพื้นที่สุดมหัศจรรย์กว่า 100 ตารางเมตร เพื่อมอบประสบการณ์แบบหาที่ไหนในโลกไม่ได้อีกแล้วนอกจากประเทศไทย ดังนั้น ทุกคนเตรียมพบกับสินค้าคอลเล็กชันพิเศษสุดพรีเมียม (THAILAND PREMIUM LIMITED EDITION MD) ซึ่งจะวางจำหน่ายที่ป๊อปอัปสเปซในประเทศไทยที่แรก รวมถึงเปิด Pre-Order ทางออนไลน์ตั้งแต่วันแรก ผ่านร้านค้า SM True Store @ Shopee โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้ารายการทัมเบลอร์และเสื้อฮู้ด ที่มีลายมือของ TEN (เตนล์) ซึ่งเจ้าตัวออกแบบมาให้เป็นพิเศษ ‘สำหรับคอลเล็กชันนี้’ ไม่เพียงเท่านี้ ยังมาพร้อมบูทถ่ายภาพ บวกเฟรมเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับงานนี้ที่แรกที่เดียว, คาเฟ่ ที่จะเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขให้ถึงระดับสิบล์ ด้วยหลากหลายเมนูสุดสร้างสรรค์ทั้งเครื่องดื่มและขนม ตลอดจนมุมถ่ายภาพ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีการตกแต่งน่ารัก ๆ มากมาย

TEN’s CANELE ‘THE WONDER WINTER’ POP-UP SPACE by SM True

(เตนล์ กานูเล่ ‘เดอะ วอนเดอร์ วินเทอร์’ ป๊อปอัปสเปซ บาย เอสเอ็ม ทรู)

วันและเวลา : 4 ธันวาคม 2567 (พุธ) ~ 15 ธันวาคม 2567 (อาทิตย์)
เวลา 10:20~21:40 น. ของทุกวันทำการ (*เฉพาะวันแรก 4 ธันวาคม 2567 เปิดทำการเวลา 11:00~21:40 น.)
สถานที่ : ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ (Siam Center)
ค่าเข้าชม : ไม่คิดค่าบริการเข้าชมใด ๆ

นอกจากนี้ TEN (เตนล์) ส่งคลิปเซอร์ไพรส์เชิญชวนทุกคนให้มาสร้างความทรงจำดี ๆ กับเขาและ CANELE (กานูเล่) ในงานครั้งนี้

“สวัสดีครับทุกคน ผม TEN เองนะครับ วันนี้ตื่นเต้นมากที่จะได้ชวนทุกคนมาร่วมงาน TEN’s CANELE ‘THE WONDER WINTER’ POP-UP SPACE by SM True ที่ Siam Center ชั้น G นะครับ ทุกคนจะได้เจอกับ Special Version ของ CANELE และสินค้าใหม่ ๆ หลาย ๆ อันเลยครับ พร้อมกับมีทั้ง Photo Booth และ Cafe ครับ อยากให้ทุกคนมาร่วมถ่ายรูปกันเยอะ ๆ และมาสร้างความทรงจำดี ๆ กับ TEN และ CANELE นะครับ วันที่ 4-15 ธันวาคมนี้ เดี๋ยวเราเจอกันครับ บ๊ายบาย”

One Bangkok ชวนฉลองคริสต์มาส ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION AT ONE BANGKOK

Alternative Textaccount_circle

One Bangkok ชวนสัมผัสความมหัศจรรย์ช่วงคริสต์มาสคอนเซ็ปต์มหากาพย์รามายณะหนึ่งเดียวในโลก และร่วม Countdown รับปีใหม่กับ Ling & Orm, Jeff Satur, Ink Waruntorn, Daou & Offroad, และ BUS

One Bangkok

วัน แบงค็อก ชวนคุณร่วมเฉลิมฉลองกับเทศกาล ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION AT ONE BANGKOK เทศกาลคริสต์มาสหนึ่งเดียวในโลก! กับการประดับไฟในรูปแบบศิลปะร่วมสมัย บอกเล่าเรื่องราวเหนือจินตนาการจากมหากาพย์รามายณะ พบกับกิจกรรมและความบันเทิงแบบจัดเต็มได้แล้ว วันนี้ – 5 มกราคม 2568 พบกับ “ต้นคริสต์มาสเจดีย์สน” (Pine Pagoda) นอกจากนี้ยังจัดเต็มกับกิจกรรมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ โชว์จากศิลปินชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมอัดแน่นด้วย โปรโมชันสุดพิเศษจาก วัน แบงค็อก รีเทล และร้านค้าต่างๆ ที่มาร่วมมอบความสุขยาวต่อเนื่องถึง 45 วัน ร่วมเดินทางสู่ดินแดนมหัศจรรย์กับ 7 จุดเช็คอินไฮไลท์

One Bangkok

คริสต์มาสเจดีย์สน (Pine Pagoda) ตื่นตาตื่นใจไปกับต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ความสูงกว่า 28 เมตร ที่ได้แรงบันดาลใจจากความงดงามของพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โดยนำเอกลักษณ์ของลวดลายสถาปัตยกรรมไทย อาทิ ฐานพระอุโบสถ ฐานพระปรางค์ และกระเบื้องเคลือบสีสันสดใส มาประยุกต์ตกแต่งเป็นเครื่องประดับบนต้นคริสต์มาส เป็นการผสานดีไซน์จากโลกตะวันออกและตะวันตกร่วมกันได้อย่างลงตัว

One Bangkok ชวนฉลองคริสต์มาส ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION AT ONE BANGKOK

“Wish Upon a Star” เส้นทางอธิษฐานต่อดวงดาวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านทั้งไทยและตะวันตก ที่มีความเชื่อร่วมกันในเรื่องการอธิษฐานขอพรต่อดวงดาว ผ่านเรื่องราวของ “เทพธิดาแห่งเมฆ” ของไทย และ “คิวปิด” แห่งโลกตะวันตก จะเต็มไปด้วยลูกศรที่โบยบินจากเทพทั้งสองที่กลายเป็นดวงดาวและดาวหาง และในท้ายที่สุดกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งดวงจันทร์และพระอาทิตย์ที่บรรจบกันกลางถนนสายนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุด Check-in ที่ไม่ควรพลาด

One Bangkok

“Through the Looking Glass: One Love, One Bangkok” ตลอดเส้นทาง วัน แบงค็อก บูเลอวาร์ด นอกจากความเพลิดเพลินกับแสงไฟระยิบระยับจากดวงดาวแล้ว ทุกคนจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับ 14 วินโดว์ ดิสเพลย์ บอกเล่าเรื่องราวของแมวสยาม (Siamese Cat) ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม ความรัก ความกล้าหาญ และอิสรภาพ จากมุมมองและการรังสรรค์ของ ยูน – ปัณพัท เตชเมธากุล ศิลปินชื่อดัง ที่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้วมากมาย

“Onederous Christmas Market” เพลินเพลินไปกับการเลือกซื้อของขวัญเพื่อคนพิเศษจากร้านค้าที่คัดสรรค์มาเป็นอย่างดี พร้อมการตกแต่งด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Christmas Market เริ่มแล้ววันนี้ – 5 มกราคม 2567 ที่ วัน แบงค็อก ปาร์ค, พาเหรด สแควร์, พาเหรด แกเลอรี และ เดอะ สตอรี่ส์ สแควร์

One Bangkok

“Eden of Rama” ที่ พาเหรด ปาร์ค ริมถนนพระรามที่ 4 สวนแห่งจินตนาการที่เนรมิตขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากสวนเอเดนผสานกับตำนานป่าหิมพานต์ พร้อมต้อนรับซานตาคลอสพระจันทร์เสี้ยวบนรถเลื่อนที่ลากด้วย Siamese Cat เข้าสู่ดินแดนแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ต่าง ๆ ตามความเชื่อของไทย

“Ceremony Garden” พบกับสวนสวยที่ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของพื้นที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่จัดพิธีสวนสนามและการเฉลิมฉลอง โดยนำองค์ประกอบต่าง ๆ ของพิธีการมาตกแต่ง เช่น กังหันคริสต์มาสขนาดโอเวอร์ไซซ์ ที่นำมาดีไซน์ใหม่ให้เกิดเป็นรูปทรงดูสวยงามแปลกตา ที่ ไวร์เลส ปาร์ค ริมถนนวิทยุ

One Bangkok

Parade และ The Storeys ต่อเนื่องกับ ONEDEROUS CHRISTMAS CELEBRATION ที่ร่วมมอบความสุขไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ใน Parade และ The Storeys เพลิดเพลินกับการชอปปิงใน Retail Loop ที่รวบรวมร้านค้าชั้นนำทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศกว่า 750 ร้าน รวมถึงประสบการณ์ไดนิ่งใน Food Loop กับร้านอาหารชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกรวมกว่า 200 ร้าน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากร้านค้าต่าง ๆ เฉพาะช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้

“Onederous Rhythms in the Park” เฉลิมฉลองช่วงเฟสทีฟกับเทศกาลดนตรีกลางสวนตลอดทั้งเดือน คอแจ๊สห้ามพลาด! พบกับศิลปินแจ๊สชื่อดังที่จะร่วมเพิ่มความอัศจรรย์ของเทศกาล อาทิ Coco Lashuan, Zoe & The Fabulous Four Jazz Quartet, Ardawan, Johnnifer, Chatt Harit, Nurse and Her Jazz Cats, Bitter Brothers, Nut Krissada Quartet, Rikolatte ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ วันละ 2 รอบ เวลา 18.00 – 19.00 น. และ 19:30 – 20:30 น. รับชมได้แล้ววันนี้ – 8 ธันวาคม 2567


TATUM’s Gallery

แต่งแต้มโมเม้นต์ดีๆ ในวันสำคัญ by TATUM’s Gallery

account_circle
TATUM’s Gallery
TATUM’s Gallery

สาวสวยสายอาร์ต คุณตาตั้ม– ภัคจิรา ชีวรักษ์สกุล ที่ผู้อ่านแพรวรู้จักเธอเป็นอย่างดีในฐานะ เจ้าของ Tatum’s Gallery แกลเลอรี่สอนวาดภาพชื่อดังในย่านลาซาล 51 ที่ยังคงจัดเวิร์กช็อปและสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เธอมาอัพเดทอีกหนึ่งความสำเร็จในโปรเจ็กต์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในเวลานี้ ภายใต้ชื่อ “Your Studio by TATUM’s Gallery” ด้วยการนำงานศิลปะมาไว้ในงานแต่งงาน โดยเปิดโอกาสให้แขกที่มาร่วมงานได้มีส่วนเฉลิมฉลองและเติมเต็มโมเม้นต์ดีๆ ด้วยการแต่งแต้มสีสันในภาพวาดชิ้นพิเศษ ซึ่งถือเป็นภาพที่มีหนึ่งเดียว และไม่ซ้ำใคร

TATUM’s Gallery

“ไอเดียนี้เกิดขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว พี่ชายของตั้มจะแต่งงาน จึงอยากทำอะไรพิเศษๆ ให้กับเขา ส่วนตัวตั้มชอบสร้างสรรค์งานศิลปะ แล้วได้มีโอกาสเห็นในงานแต่งงานที่ต่างประเทศนิยมทำกัน ที่เรียกว่า Live Art Painting โดยศิลปินจะวาดภาพเหมือนของคู่บ่าวสาวท่ามกลางบรรยากาศภายในงาน ตั้มจึงนำไอเดียมาต่อยอดให้มีความสนุกยิ่งขึ้น ด้วยการให้แขกได้มีส่วนร่วมในการวาดภาพนั้น นอกจากจะสร้างความสนุกให้กับผู้ที่มาร่วมงานแล้ว ยังเป็นภาพที่เก็บความทรงจำดีๆ และมีความหมายต่อบ่าวสาวอีกด้วย

“สำหรับโปรเจ็กต์นี้มีบริการตั้งแต่ Custom Guest Portrait โดย Gallery artist ไปจนถึง ภาพ Abstract ที่แขกทุกคนจะร่วมช่วยกันสร้าง โดยงานของเราส่วนใหญ่จะไม่เป็นงานที่มีรูปแบบตายตัว จะเป็นการครีเอทงานให้ใหม่ในทุกชิ้น โดยเราจะพยายามทำให้มีตัวตนของลูกค้าและแขกที่มาร่วมงานให้มากที่สุด รวมถึง capture moment ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในงาน ซึ่งจะทำให้ผลงานชิ้นนี้ไม่เหมือนใคร และจะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก

และหนึ่งในนั้นคือ Fingerprint Art ได้ผลการตอบรับที่ดีมากๆ เริ่มจากการทำเฟรมเปล่าขึ้นมาแล้วตั้มจะสเก็ตภาพตามที่บ่าวสาวเลือก อย่าง ภาพต้นไม้ ตั้มก็จะร่างภาพต้นไม้และกิ่งก้านไว้ก่อน แล้วให้แขกที่มาร่วมงานช่วยกันเติมใบและดอกไม้ ด้วยการพิมพ์นิ้วมือกับสีอะคริลิกที่เตรียมไว้ แล้วประทับบนภาพ จนต้นไม้นั้นเสร็จสมบูรณ์  ส่วนโทนสีจะขึ้นอยู่กับงานนั้นๆ ว่าเน้นโทนสีไหนเป็นพิเศษ

หรือ Abstract Freestyle โดยตั้มจะให้บ่าวสาวเลือกแบบภาพที่ชื่นชอบ แล้วให้แขกที่มาร่วมงานช่วยกันเติมสีสันให้ภาพนั้น ซึ่งไม่ต้องกังวลว่า ภาพจะออกมาไม่สมบูรณ์แบบดั่งใจหวัง เพราะตั้มมีทีมงานและศิลปินผู้ดูแลจะช่วยเติมเต็มให้ภาพครบองค์ประกอบตามที่ลูกค้าต้องการ โดยยังคงความเป็นตัวตนของภาพนั้นไว้ค่ะ

“สำหรับงานแต่งงานแรกของโปรเจ็กต์นี้คือ งานของเพื่อนสมัยเรียน ซึ่งมีธีมหลักคือ Winter Wonderland เน้นโทนสีฟ้า น้ำเงิน และ โรสโกลด์ ซึ่งบ่าวสาวขอสไตล์ Abstract Freestyle โดยมีองค์ประกอบบางอย่างจาก Winter Wonderland ที่ลอนดอนโดยแขกส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ตั้มจึงให้เขาแต่งเติมสีสันโดยใช้เกรียง แล้วไม่ต้องกลัวเลอะมือ เพราะเราใช้สีอะคริลิก และได้เตรียมทิชชูเปียกสำหรับทำความสะอาดไว้ตลอดงาน ซึ่งแขกทุกคนสนุกกันมาก เป็นสไตล์ที่เหมาะสำหรับแขกที่ชอบอาร์ตจริงๆ

“หลังจากเราได้เป็นส่วนเล็กๆ ในวันสำคัญมาหลายสิบงาน เสียงตอบรับจากแขกคือ ชอบกันมาก เพราะยังไม่เคยมีงานไหนทำอย่างนี้มาก่อน ส่วนบ่าวสาวก็ชื่นชอบเพราะสุดท้ายแล้ว ภาพเหล่านี้ บ่าวสาวก็จะนำไปตกแต่งเรือนหอ เพื่อระลึกถึงวันสำคัญในชีวิตที่แขกของทั้งสองได้ร่วมเฉลิมฉลองด้วยกัน

“นอกจากนี้เรายังรับงาน Watercolor Guest Portrait การวาดภาพสีน้ำให้แขกในงานอีเว้นท์ ซึ่งแต่ละงานที่จัดขึ้นจะมีแขกพิเศษมาร่วมงาน โดยทีมศิลปินของเราจะวาดภาพเหมือนสีน้ำตามแบบฉบับสไตล์แกลเลอรี่ แล้วมอบให้แขกแต่ละคนเป็นที่ระลึก เพื่อสร้างความประทับใจที่พิเศษและไม่เหมือนใคร หนึ่งภาพจะใช้เวลาวาดประมาณ 8 นาที ดังนั้นจะเหมาะกับงานที่แขกไม่เกิน 120 คน

“ตั้มพยายามหาไอเดียใหม่ๆ เพื่อให้ทุกคนได้มีความสุขกับงานศิลปะ โดยเฉพาะงานแต่งงาน ถือเป็นงานที่ทุกคนมีความสุข เมื่อได้มีโอกาสเข้าไปช่วยในงาน เหมือนเราได้พลังบวกนั้นกลับมาด้วย

“…ตั้มมีความสุขทุกครั้งที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ในวันสำคัญของทุกคนค่ะ”

  • สำหรับคนที่กำลังมองหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มความสุขในวันสำคัญแบบไม่ซ้ำใคร สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองคิวล่วงหน้าได้ที่ โทร. 085-1284111 หรือ FB : Tatum’s Gallery สำหรับโปรเจ็กต์ Your Studio by TATUM’s Gallery ราคาแพ็กเกจ Live Art Printing เริ่มต้นที่ 32,000 บาท ส่วนแพ็กเกจ Watercolor Guest Portrait เริ่มต้นที่ 35,000 บาท

ตระการตาแฟชั่นผ้าไทยสุดสร้างสรรค์จาก 16 แบรนด์ไทยชั้นนำ ในงาน “Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”

account_circle

ร่วมภาคภูมิใจในผืนผ้าไทยที่ผ่านการรังสรรค์เป็นแฟชั่นโชว์ผ้าไทยสุดงดงาม ผลงาน 16 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำ ในงาน “Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”ภายใต้แนวคิด Silk Success Sustainability ต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทย เพื่อยกระดับสู่สากล และพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ สมาคมแม่บ้านมหาดไทย โดย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จะเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงานและทอดพระเนตรการแสดงแบบภูมิปัญญาผ้าไทย (Sustainable Fashion) ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 6 – 7 เมืองทองธานี

สำหรับแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไทยจาก 16 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำ ที่นำผืนผ้าไทยมารังสรรค์เป็นเครื่องแต่งกายผ้าไทยร่วมสมัย ได้แก่ SIRIVANNAVARI ผ้าไหมจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ, TIRAPAN ผ้าไหมมัดหมี่จากไหมทองสุรนารี, THEATRE ผ้าไหมบาติกจากซาโลมาปาเต๊ะ, ASAVA ผ้าไหมขิดจากอุดรธานีและผ้าไหมออแกนซ่า, ISSUE ผ้าไหมบาติกจากรายาบาติก, WISHARAWISH ผ้าไหมมัดหมี่จากโครงการนาหว้าโมเดล, JANESUDA ผ้าไหมมัดหมี่ลายสร้างสรรค์, MILIN ผ้าชาวไทยภูเขา จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ, ARCHIVE026 ผ้าไทยทวีตและผ้าทอเส้นใยสร้างสรรค์, IRADA ผ้าไหมแต้มหมี่จากจังหวัดขอนแก่น, LANDMEE’ ผ้าไหมบาติกจากโครงการบาติกโมเดล, TandT ผ้าไหมบาติกจาก KAYA BATIK, VICKTEERUT ผ้าไหมยกดอกลำพูนจากเรวัตรไหมไทย, VATITITTHI ผ้าไหมยกดอกจากกลุ่มทอผ้าลายมงคล มนตราธิกาญจน์, PYVET ผ้าไหมมัดหมี่จาก โครงการนาหว้าโมเดล และดีไซเนอร์รุ่นใหม่ นายทวีศักดิ์ จัตุวัน นักออกแบบรุ่นใหม่ แบรนด์ CHAI GOLD LABEL T.Chattuwan Thaisilk กลุ่มผ้าไหมไทยทอมือที่มีเอกลักษณ์ คือ ลวดลาย ที่สร้างสรรค์ด้วยการต่อยอดเทคนิคมัดหมี่จากภูมิปัญญาดั้งเดิมของท้องถิ่นอีสานสู่รูปแบบสมัยใหม่  

พร้อมกันนี้ภายในงานจะมีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จากทั่วประเทศ จำนวน 200 ราย และอาหารชวนชิม กว่า 50 ร้านค้า เพื่อให้ประชาชนผู้เข้าชมงานได้ชม ช้อปสินค้า และจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 6 – 7 เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี


“ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls

สวยแซ่บสไตล์ริริ! “ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls

Alternative Textaccount_circle
“ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls
“ริฮานน่า” เมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls

สวยแซ่บสไตล์ริริ! “ริฮานน่า” ในเมคอัพลุค Magic Hour และทรงผม Beach Curls สุดเซ็กซี่ ณ ประเทศบาร์เบโดส บ้านเกิดของเธอ เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ของ Fenty Beauty & Fenty Skin ในหมู่เกาะแคริบเบียน

งานนี้เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองให้แบรนด์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และน้ำหอมของริฮานน่าที่กำลังจะเปิดจำหน่ายในหมู่เกาะแคริบเบียน ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ แอนติกา, อารูบา, บาฮามาส, บาร์เบโดส, เบอร์มิวดา, หมู่เกาะเคย์แมน, เกรเนดา เซนต์มาร์เทนและเซนต์มาร์ติน และตรินิแดดและโตเบโก ซึ่งจัดขึ้นที่ QP Bistro (หนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมของริฮานน่าบนเกาะบาร์เบโดส)

โดบลุคสุดปังของ ริฮานน่า ครีเอทโดย PRISCILLA ONO ช่างแต่งหน้าระดับโลกจากแบรนด์ FENTY BEAUTY เริ่มจากการเตรียมผิว Fenty Skin Fat Water Hydrating Milky Toner Essence เติมความชุ่มชื้นและกระชับรูขุมขน ตามด้วย Plush Puddin’ Intensive Recovery Lip Mask เพิ่มความฉ่ำสู่ริมฝีปาก หลังจากลงเมคอัพริมฝีปากจะเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น พร้อมสำหรับการทาลิปปิดจบเมคอัพลุค

ซึ่งทุกลุคความงามเริ่มจากรองพื้นตัวโปรดที่ริริใช้ประจำอย่าง Fenty Beauty Pro Filt’r Soft Matte Longwear Foundation เฉดสี 310 และปัด Cheeks Out Freestyle Cream Blush เฉดสี Petal Poppin’ สีชมพูอ่อนๆ แต้มลงบนแก้มและไล่ไปจนถึงบริเวณขมับ พร้อมระบายสีสันบนเปลือกตาให้ดูอบอุ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากชายหาดในบาร์เบโดสและ Killawatt Freestyle Highlighter in Trophy Wife ทาที่เปลือกตาเพื่อให้ได้ฟินิชโทนสีทองเมทัลลิค เปล่งประกาย เจิดจรัส

แต่งแต้มริมฝีปากให้ริริด้วย Trace’d Out Pencil Lip Liner in Extra Thigh สีน้ำตาลโทนเย็น เพื่อริมฝีปากดูเนียนนุ่ม พร้อมสำหรับฟินิชด้วยลิปกลอสเงาแวววาว ปิดจบโดยการทำให้เมคอัพลุคอยู่ทนนานด้วยผลิตภัณฑ์สุดฮิตที่ริริต้องมีในทุกงาน! Invisimatte Instant Setting + Blotting Powder สร้างผิวแมตต์ทันที ช่วยเบลอรูขุมขน และทำให้เมคอัพติดทนนานตลอดทั้งคืนจนกระทั่งจบงาน


ร่วมสัมผัสความสนุกสนานไปกับ Friends of Hound 2024 งานเฉลิมฉลองจากความร่วมมือของแบรนด์ในเครือ Greyhound Cafe’

account_circle

“Friends of Hound Celebration 2024” เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างลงตัว ผ่านความร่วมมือระหว่าง Greyhound กับ Hendrick’s Gin, KCG Corporation, San Benedetto และWine Garage ที่จะมาสร้างความทรงจำที่ไม่เหมือนใคร ผ่านเมนูที่คิดค้นมาเพื่อวันพิเศษและโปรโมชั่นเพื่อการเฉลิมฉลองช่วงเวลานี้ร่วมกับเพื่อนและครอบครัว พบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำได้ที่สาขาใกล้บ้านคุณ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ถึง 15 มกราคม 2568

ไฮไลต์ของงาน “Friends of Hound Celebration 2024”

  1. Hendrick’s Gin Event วันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ Underhound by Greyhound ที่ชวนให้ทุกคนดื่มด่ำไปกับ Hendrick’s Gin ท่ามกลางป๊อปอัพที่ต้อนรับบรรยากาศแห่งความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเครื่องดื่มเมนูพิเศษจากจินสุดพรีเมียมที่มอบกลิ่นไอและรสสัมผัสจากแตงกวาและกุหลาบ เสิร์ฟมาใน Hendrick’s tea set ที่เข้ากันอย่างลงตัวกับขนมหวานจาก Underhound by Greyhound เพื่อช่วงเวลาแฮงค์เอาท์ที่แสนพิเศษ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Put a little Hendrick’s in your holidays” การทำงานร่วมกันสุดพิเศษนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการยกระดับงานสังสรรค์หรือช่วงเวลาพิเศษในวันหยุดของคุณให้พิเศษกว่าเดิมด้วยค็อกเทลระดับพรีเมียม
  1. KCG Corporation Festive Event วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ The EmQuartier พร้อมเสิร์ฟพรีเมียมสุดพิเศษ Greyhound Cheese Plate ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ Another Hound Café at Siam Paragon, Greyhound Café at Central Embassy และ The EmQuartier ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดย KCG ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านชีส ให้คุณดื่มด่ำเมนูชีสที่หลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมเพลิดเพลินไปกับรสชาติและได้ความรู้ไปกับการทานชีสแต่ละชนิดที่คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขพร้อมกับอาหารชั้นเลิศในช่วงวันหยุดสุดพิเศษ
  1. San Benedetto Festive Event วันที่ 8 มกราคม ที่ Emporium กิจกรรมต้อนรับปีใหม่ 2568 เข้าร่วมเวิร์กช็อป “Beauty Inside Out” โดยแบรนด์น้ำแร่ San Benedetto พร้อมด้วยเชฟและนักผสมเครื่องดื่มรับเชิญพิเศษ ค้นพบการจับคู่อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ไม่เหมือนใครซึ่งมีเฉพาะในงานเทศกาลนี้เท่านั้น
  1. Wine Garage – ไวน์ลิสต์ใหม่พัฒนาขึ้นร่วมกับ Wine Garage โดยมีซอมเมอลิเยร์ผู้เชี่ยวชาญช่วยคัดสรรและจับคู่ไวน์อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เข้ากับเมนูอาหารสุดพรีเมียมของเราในช่วงเทศกาลนี้อย่างลงตัว มาร่วมสร้างช่วงเวลาแห่งความประทับใจไปกับรสชาติที่สมบูรณ์แบบในทุกคำ พร้อมให้บริการแล้วใน 10 สาขาที่ร่วมรายการ

เตรียมตัวพบกับโปรโมชั่นพิเศษจาก KTC และกิจกรรมเซอร์ไพรส์อีกมากมาย ที่ Greyhound Café, Another Hound Café และ Underhound by Greyhound ที่จะทำให้การเฉลิมฉลองของคุณในปีนี้สนุกสนานไม่รู้ลืม!


เตรียมฟิน “2024-2025 JAY B CONCERT [TAPE: RE LOAD] IN BANGKOK” 2 รอบการแสดง 11-12 ม.ค. 68 นี้

account_circle

“JAY B” (เจบี) ศิลปินมากความสามารถ ภายใต้สังกัด “MAUVE Company” ประกาศข่าวดีการกลับมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้ง แบบไม่ทำให้แฟนคลับชาวไทยต้องรอนาน! ชวนอากาเซ่ (ชื่อกลุ่มแฟนคลับ) กลับมาเล่นเทปแห่งความทรงจำด้วยกันอีกครั้ง ในงาน “2024-2025 JAY B CONCERT [TAPE: RE LOAD] IN BANGKOK” โดยทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้ รอบแรกจะถูกจัดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ช่วงปลายปี 2567 นี้ และเพื่อนรักก็จะบินลัดฟ้ามาที่ประเทศไทยต่อในทันที ถือเป็นของขวัญและเซอร์ไพรส์ใหญ่ต้อนรับปีใหม่ 2568 ให้กับอากาเซ่ชาวไทยทุกคน! งานนี้ถือเป็นการการันตีได้เป็นอย่างดีว่า เจบีมีความผูกพันและมีความทรงจำที่ดีกับแฟน ๆ ชาวไทยอยู่เสมอ และประเทศไทยจะเต็มไปด้วย “ความพิเศษ” ในทุกครั้งที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้

เจบีได้ออกอัลบั้มแรกหลังจากห่างหายไปนาน เนื่องจากต้องเข้ารับราชการทหารในประเทศเกาหลีใต้ โดยอัลบั้ม Archive 1: [Road Runner] มีสไตล์และอารมณ์ที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่เจบีอยากจะบอกกับแฟนคลับ ตั้งแต่ความรักที่สดใหม่ พลังงานและความตื่นเต้นที่รู้สึกได้เมื่ออยู่บนเวที รวมไปถึงความอบอุ่นและการแสดงออกทางอารมณ์ในด้านต่าง ๆ แต่ละเพลงให้เสน่ห์ที่แตกต่างกัน ถ่ายทอดจากความทรงจำและประสบการณ์ทั้งหมดบนเส้นทางของเจบีที่ผ่านมา เทปที่เคยกดหยุดไปจะกลับมารันและมีชีวิตอีกครั้งผ่านอัลบั้มนี้

ซึ่งนอกจากเพลงใหม่ของเจบีที่แฟนชาวไทยจะได้ฟังกันสด ๆ แล้ว งานนี้ยังสามารถการันตีความพิเศษแบบคอมโบเซ็ทได้เลย เพราะได้ BEX” บริษัทอีเว้นท์ออกาไนเซอร์ในเครือเวิร์คพอยท์กรุ๊ป ผู้จัดคู่บุญเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่แฟน ๆ รู้จักกันเป็นอย่างดี ร่วมกับ YJ PARTNERS และ PROUD2 พาร์ทเนอร์ทีมคุณภาพมาร่วมกันสร้างสรรค์ โดยเจบีและทีมผู้จัดก็ได้จัดเตรียมเซอร์ไพรส์ใหญ่ไว้ให้แฟน ๆ ชาวไทยเพียบ! ทั้งคุณภาพงานโชว์ แสง สี เสียง Production สุดปังที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวัง SETLIST โชว์จากอัลบั้มใหม่และสเตจเพลงที่ทุกคนคิดถึง รวมถึงเวทีคอนเสิร์ตสุดใกล้ชิดที่เตรียมไว้ให้แฟนไทยโดยเฉพาะอีกด้วย!

โดยงาน “2024-2025 JAY B CONCERT [TAPE: RE LOAD] IN BANGKOK” จะถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 และ วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 18:00 น. ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี บัตรราคา 6,500 / 6,300 (บัตรยืน) / 5,900 / 5,500 / 3,900 / 3,500 และ 2,900 บาท โดยแต่ละราคาจะได้รับสิทธิพิเศษ ดังนี้

บัตรราคา 6,500 และ 6,300 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ SOUND CHECK และ GOODBYE SESSION ทุกที่นั่ง / ร่วมลุ้น
เป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 25 คน  / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED
POLAROID จำนวน 25 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 50 คน

บัตรราคา 5,900 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ SOUND CHECK ทุกที่นั่ง / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน
PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 80 คน  / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 20 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้
โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 25 คน

บัตรราคา 5,500 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษ SOUND CHECK ทุกที่นั่ง / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน
PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 80 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 15 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้
โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 25 คน

บัตรราคา 3,900 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน PHOTO GROUP (1:10)
จำนวน 20 คน  / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 10 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED
POSTER จำนวน 20 คน

บัตรราคา 3,500 บาท ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้ถ่ายภาพร่วมกับศิลปิน PHOTO GROUP (1:10) จำนวน 20 คน  / ร่วมลุ้น
เป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POLAROID จำนวน 5 คน / ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 20 คน

บัตรราคา 2,900 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับ SIGNED POSTER จำนวน 10 คน

และบัตรทุกที่นั่งจะได้รับบัตรแข็งที่ระลึก / EXCLUSIVE PHOTOCARD (1EA) และ OFFICIAL POSTER อีกด้วย

โดยเปิดจำหน่ายบัตรในวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 เวลา 10:00 . ทางออนไลน์ที่ www.thaiticketmajor.com และวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 10:00 . เป็นต้นไป บัตรจะเปิดจำหน่ายทุกช่องทาง แฟน ๆ ที่คิดถึงเพื่อนรักคนนี้ ก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาร่วมสร้างเทปความทรงจำม้วนใหม่ไปด้วยกันน้าโดยสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมและข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook และ X: @BEX_Concert


Sabai arom ตอกย้ำความเป็น Sleep Expert ชวนคุณค้นพบการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ในงาน “ Live Well, Sleep Well”

account_circle

Sabai arom (สบายอารมณ์) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ Thai Home Spa และ Aromatherapy จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Live Well, Sleep Well เพื่อช่วยตอบโจทย์คนที่มีปัญหาการนอนหลับ หลับไม่สนิท ตื่นมาไม่สดชื่น ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเชิญชวนทุกคนมาสำรวจเส้นทางสู่การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษใน Sleep Journey ทั้ง 4 โซน กับผู้บริหาร คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้ช่วยประธานบริหารด้านการตลาด บริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ “Sabai arom (สบายอารมณ์)  ที่ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ร่วมกับ TikTok Creator สายสุขภาพชื่อดัง “คุณดิวดุจ” ที่มาแบ่งปันเคล็ดลับสุดพิเศษ! งานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ที่ลาน Eden ชั้น 3 เซ็นทรัลเวิลด์

จุดเริ่มต้นจากการนอนหลับที่ดีสู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ กล่าวว่า “การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นพื้นฐานสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสุขภาพดี งานนี้จึงเป็นโอกาสที่เราจะได้มอบประสบการณ์พิเศษให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เคล็ดลับการพักผ่อน และค้นหาวิธีการนอนที่เหมาะกับตัวเอง โดยแบ่งโซนการเรียนรู้ออกเป็น Sleep Journey ทั้ง 4 โซน ที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงปัญหาและรูปแบบการนอนพร้อมเคล็ดลับการนอนหลับที่มีคุณภาพมากขึ้น”

4 โซนแห่งการเรียนรู้เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ

  1. About Last Night
    สำรวจผลกระทบของการนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตประจำวัน
  2. Find Your Sleep Type
    เป็นการค้นหารูปแบบชั่วโมงการนอน และการตื่นที่แตกต่างกัน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ หมี หมาป่า สิงโต และโลมา ซึ่งเมื่อเราเข้าใจนาฬิกาชีวิตของตัวเอง จะช่วยให้สามารถวางแผนเวลาการทำงาน การนอนพักผ่อนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. Have a Good Night
    สัมผัสบรรยากาศแห่งการพักผ่อน พร้อมตัวช่วยจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Sleep Well Collection เช่น Sleep Well Pillow Mist ตัวช่วยคนนอนไม่หลับ แก้ปัญหาคนนอนหลับยาก หลับไม่สนิท จากน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ100%
  4. Sleep Well Workshop
    เรียนรู้การผสมผสานน้ำมันหอมระเหยในแบบฉบับของคุณเอง พร้อมรับชุดของขวัญพิเศษ “Have a Good Night Gift Set” กลับบ้าน

Sleep Well Collection เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาเรื่องการนอนได้จริง โดยจากผลการสำรวจประสิทธิภาพการนอนหลับของผู้ที่ได้ใช้ Sabai arom Sleep Well Pillow Mist ที่มีช่วงอายุ 25-40 ปี จำนวน 100 คน พบว่ากว่า 80% ของผู้ใช้จริง หลับยาวนานขึ้น หลับลึก ตื่นมาสดชื่น สะท้อนถึงความเป็น Sleep Expert และยังการันตีคุณภาพสินค้าของแบรนด์ด้วยรางวัล ชีวจิต อวอร์ด 2024 ในผลิตภัณฑ์ประเภท Aroma Mist และ Hand Cream หมวด Natural

นอกเหนือจากกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ Sabai arom ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจากวัตถุดิบธรรมชาติ คัดสรรอย่างพิถีพิถัน ปราศจากส่วนผสมที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อมอบสุขภาพที่ดีและช่วยให้ทุกคนมีอารมณ์ดีในทุกวัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Pamper Your Mood, Soothe Your Day”


โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ชวนคู่รักร่วมสร้างวันสำคัญในงาน Wedding Showcase 2024  

account_circle

ขอเชิญคู่รักและผู้ที่กำลังวางแผนจัดงานแต่งงานร่วมสัมผัสประสบการณ์ในงาน “Wedding Showcase 2024” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ พร้อมพบกับข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย ที่จะช่วยทำให้วันสำคัญของคุณกลายเป็นความทรงจำสุดพิเศษ

ไฮไลท์พิเศษภายในงาน:

  • แพคเกจงานหมั้นพิธีไทย, ตะวันตก, ยกน้ำชาแบบจีนประเพณี ราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 75,000 – 100,000 บาท
  • แพคเกจงานแต่งงาน ราคาเริ่มต้น 350,000-750,000 บาท จองภายในงานรับสิทธิพิเศษต่างๆที่มีให้เลือกในแต่ละแพคเกจ อาทิ ห้องพัก Deluxe สำหรับครอบครัวบ่าวสาว 1 คืน, ซุ้มอาหาร  ฟรีจำนวน 1 ซุ้มสําหรับ 100 ท่าน, ฟรี ค่าเช่าสถานที่สำหรับอาฟเตอร์ ปาร์ตี้ 2 ชม. (มูลค่า 25,000 บาทต่อชั่วโมง), บัตรรับประทานบุฟเฟต์ Sunday Brunch สำหรับ 4 ท่าน พร้อมเครื่องดื่มซอฟต์ดริ้งค์ (มูลค่า 13,000 บาทสุทธิ) รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด)
  • พบกับการออกบูธของบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์มืออาชีพ และกูรูด้านการจัดงานแต่งงานกว่า 15 ราย พร้อมให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนในการวางแผนจัดงาน

นอกจากนี้ ยังเนรมิตบรรยากาศงานแต่งงานในฝัน ให้คุณได้สัมผัสความสวยงามแบบเสมือนจริงภายในห้องบอลรูม หรือในโซนสวนแบบเอ้าท์ดอร์ พร้อมทีมงานมืออาชีพคอยให้คำแนะนำรายละเอียดและดีไซน์การตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ที่ชอบโดยเฉพาะอีกด้วย  

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ “Wedding Showcase 2024” โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ พร้อมสร้างงานแต่งงานในฝันของคุณให้เป็นจริง ด้วยการดูแลจากทีมงานมืออาชีพ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อโทร. 02-126-8866


keyboard_arrow_up