นาเดีย เผย เป็นคุณแม่สายโหด เลี้ยง ‘น้องนพ’ เอ๊ะ…ยังไง?

เห็นแววความหล่อ และฉลาดตั้งแต่เด็กๆ สำหรับ ‘น้องนพมงคล’ ลูกชายสุดเลิฟของ นาเดีย กับ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล เรียกว่าใครเห็นเป็นต้องหลงรัก ว่าแต่ทำไมคุณแม่สาวสวยต้องสวมวิญญาณเป็นคุณแม่สายโหดละ แพรวดอทคอมมีเฉลย

“เดียพูดได้เลยว่าการเลี้ยงลูกถือเป็นงานที่ท้าทายสุดๆ ในชีวิตแล้ว” คุณแม่นาเดียเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนเด็กๆ กินข้าวก็ยาก ไม่อุ้มก็ร้อง แต่พอขยับตัวได้ ทีนี้ซนใหญ่ แต่ก็มาจากที่เดียพยายามเลี้ยงลูกให้ค่อนข้างติดดินด้วยค่ะ คิดว่าเป็นเด็กผู้ชายก็ต้องเลี้ยงสมบุกสมบันนิดนึง เลยกลายเป็นเด็กถึก เถื่อน ล้มหน้าฟาด หินติดเต็มหน้า เลือดออกด้วยนะ แต่ไม่ร้องสักแอะ ลุกขึ้นมาเดินต่อเองเฉย เป็นเด็กที่แอ๊คทีฟมาก แต่ละวันเดียเลยต้องหากิจกรรมให้เขาผลาญพลังให้หมด เพื่อที่จะได้หลับ และยอมกินข้าว

“แต่ตอนเขาอยู่โรงเรียนจะคนละเรื่องเลยนะคะ คุณครูบอกว่านพเป็นเด็กดีมาก เรียบร้อย กินข้าวเอง ให้ความร่วมมือกับทุกกิจกรรม แบ่งปัน อ่อนโยน แต่พอเจอหน้าแม่กลายเป็นอีกคนทันที(หัวเราะ) เหมือนเขารู้ว่าเวลาอยู่บ้านจะมีคนคอยทำโน่นทำนี่ให้ เลยไม่ยอมทำเอง ทั้งๆ ที่ทำได้ เรียกว่าถ้าอยู่บ้านเนี่ยจะค่อนข้างเอาแต่ใจ บางทีพยายามพูดดีก็แล้ว เบี่ยงเบนความสนใจก็แล้ว แต่เขาก็ยังงอแง เคยหนักข้อถึงขนาดทำลายข้าวของ เดียก็ขู่ว่าจะขับรถพาเขาไปโรงพัก เพราะเราสอนเขาเสมอว่าคนเราถ้าทำอะไรผิด ตำรวจก็ต้องจับ   เท่านั้นแหละเงียบกริ๊บ

“หรือบางทีไล่ป้อนข้าวจนเหนื่อยแล้ว ไม่ยอมกินสักที ก็ไม่ต้องกิน จนเขาหิวเอง ไม่อยากนอนก็ไม่ต้องนอน แล้วห้ามนอนจนถึงตีห้าเลยนะ สุดท้ายก็หลับไปเอง ก็แหม… ลูกอยูสายโหด เราเป็นแม่บางทีก็ต้องใช้สายโหดบ้าง จริงไหมคะ(หัวเราะ)

“ตอนนี้เขา 3 ขวบครึ่งแล้ว เริ่มรู้จักที่จะเลือกทางเดินชีวิตเอง อย่างช่วงนี้ปิดเทอม เขาก็บอกเลยว่าไม่อยากเรียนซัมเมอร์สกูล ไม่อยากเรียนกิจกรรมอะไรเสริมทั้งนั้น ต่อต้านอย่างหนัก ยืนยันอย่างเดียวว่า อยากอยู่กับพ่อแม่ แรกๆ ยอมรับว่ากลุ้มใจ เพราะกลัวลูกเก่งไม่ทันคนอื่น แต่นึกอีกทีก็ชีวิตเขา ความสุขในช่วงปิดเทอมของเขา เราก็เข้าใจนะ

“เดียว่าเขาเหมือนพ่อ ทั้งนิสัยที่ชอบกินอะไรคล้ายๆ กัน รวมทั้งหน้าตาด้วย พ่อตามใจ ในขณะที่เดียจะดุ เขาเลยรักพ่อมากกว่า ถามว่าอยากทำอะไร ตอบมาเลยว่าอยากอยู่กับพ่อ ทั้งที่พ่อนั่งเฉยๆ นะ  เขาก็บอกว่าอยากนั่งเฉยๆ กับพ่อ ติดพ่อมาก (ลากเสียงยาว)

“โชคดีว่าพอเขาเริ่มโตก็เริ่มมีเหตุผล เดียเลยขอแบ่งเวลาไปทำงานบ้าง ตอนนี้ก็มีเป็นพิธีกรรายการ ‘คลับมันตรา’ แล้วก็เพิ่งเริ่มอ่านข่าวที่จีเอ็มเอ็มนิวส์ ทุกเย็นวันอังคารแค่นั้น เพราะหลักๆ ยังอยากใช้เวลาอยู่กับลูกมากกว่า กับจริงๆ อยากมีน้องให้เขาด้วย คิดว่าน่าจะดีกว่า โตขึ้นเขาจะได้มีเพื่อนคอยปรึกษาช่วยเหลือกัน ซึ่งที่ผ่านมาเดียก็ปล่อยมานานแล้วนะ

“แต่ก็ไม่เห็นมาสักที อาจยังไม่ถึงเวลาค่ะ”

เรื่อง : apinya 

ภาพ : @nadiakaaa

ติดตามอัพเดตเรื่องราวต่างๆจากนิตยสารแพรวให้สนุกยิ่งขึ้นได้ที่

www.facebook.com/praewmagazine

Instagram : @praewmag

และติดตามอ่าน แพรว E-Magazine ได้แล้ววันนี้เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

• Praew E-magazine
• NaiinPann
• Ookbee

นาตาชา เปลี่ยนวิถี อดีตนางแบบสาวชื่อดัง ต้องยอมรับว่าช่วงหลังจากแต่งงานก็ไม่ค่อยมีใครได้เห็นหน้าค่าตาเธอเท่าไหร่ นัก โดยเฉพาะตามงานอีเว้นท์แฟชั่นเวทีประจำ

ล่าสุดแพรวดอทคอมได้เจอ ตัวแบบใกล้ชิด บอกเลยว่าสวยเหมือนเดิมเป๊ะ ทั้งหน้าตา และรูปร่าง โดยสาวแอนนาบอกว่าจริงๆ ไม่ได้หายไปไหน แต่แค่ใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับผู้ชายคนหนึ่งจ้า

“ตอนนี้เป็นแม่บ้านเต็มตัว อยู่บ้านเลี้ยงไตตั้น(ลูกชาย)อย่างเดียว ตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมง เลยทำให้ไม่สามารถไปทำอะไรของตัวเองได้เลย ที่ผ่านมาแอนนาออกงานน้อยมาก แต่ถ้าต้องไปก็จะพาเขาไปด้วย อย่างล่าสุดไปงานแฟชั่นโชว์ก็พาเขาไป บางทีก็พาไปเล่นเทนนิส เพราะแอนนาชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว”
ครั้นถามถึงสูตรหยุดวัย สร้างหุ่นเป๊ะ เธอหัวเราะอารมณ์ดีพลางบอกว่า “แอนนาโชคดีตรงที่ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องรูปร่าง เป็นคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนค่ะ เลยไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เล่นเทนนิสอย่างที่บอก”

แต่เลี้ยงลูกก็น่าเหนื่อยด้วยแหละเนอะ “ทั่วๆ ไปก็โอเคอยู่นะคะ คือแอนนาไม่ใช่คุณแม่ที่ดุ ตุ้ยเขาดุกว่า แอนนาจะค่อนข้างตามใจ เวลาจะทำโทษ เขาเลยไม่ค่อยฟัง เพราะเขารู้ว่าแอนนาทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นตุ้ยสั่ง หรือดุ ไตตั้นจะกลัวมากกว่า ตอนนี้แอนนาเลยมีไม้ตายที่ใช้ปราบเขาคือ ถ้าดุแล้วไม่ฟัง ก็จะบอกว่าถ้าไม่ฟัง แม่จะหนีไป ไม่นอนกับเขาแล้ว เขาก็จะกลัวเลยค่ะ(หัวเราะ)

“อ๋อ…แล้วก็มีเรื่องหนึ่งที่ต้องสู้รบปรบมือกันตลอด คือเรื่องกินของเขา เขาเป็นเด็กที่ไม่สนใจเรื่องอาหารเลย กินอาหารยากมากถึงมากที่สุด เชื่อไหม เขาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับอาหารเลย ไม่ว่าใครจะเอาขนมอะไรมาล่อก็ตาม แล้วก็จะกินอะไรซ้ำๆ ไม่ชอบกินของแปลกใหม่ เวลาจะพาไปไหนจึงต้องเตรียมอาหารไปให้ตลอด ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ไม่เคยกินอาหารนอกบ้านเลย และต้องหลอกล่อให้กินทุกวัน กว่าจะกินได้แต่ละคำนี่นะ เหนื่อยมากค่ะ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เครียดมาก
“แต่ยังไงแอนนาก็ไม่ยอมแพ้หรอก เรื่องลูกถึงไหนถึงกันค่ะ”

เรื่อง : apinya

ภาพ : @tuipptitan

จากวันนั้นถึงวันนี้ วันที่เขาได้ดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าสุดล้ำภายใต้แบรนด์ SORAPOL ในระดับสากล มีลูกค้าคนดังเลือกสวมใส่ชุดของเขามากมาย อาทิเช่น RITA ORA, NICKI MINAJ, LADY GAGA และต่อจากนี้ไปคือบทสัมภาษณ์ของเขา สรพล ชวพัฒนากุล ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ SORAPOL

PRAEW: ช่วยเล่าถึงที่มาที่ไปของคุณให้เราฟังสักหน่อย คุณเติบโตมาอย่างไร แล้วทำไมจึงมาลงเอยที่ลอนดอน

SORAPOL: ผมเกิดที่กรุงเทพฯ แต่ว่าไปเติบโตที่ชลบุรี ช่วงมัธยมปลายผมมีโอกาสได้เรียนด้าน Fashion Illustration กับอาจารย์แดงแห่งสถาบันตักส์ศิลาแฟชั่น ทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อ ณ เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเติบโตมากับเรื่องราวศิลปวัฒนธรรมแบบอังกฤษ เนื่องจากคุณแม่ของผมท่านเคยใช้ชีวิตและศึกษาในประเทศอังกฤษช่วงปีค.ศ. 1980 ดังนั้นพอจบมัธยมปลาย ผมก็เริ่มสมัครเรียนในลอนดอน จนสามารถสอบติดสถาบัน LCF LONDON COLLEGE OF FASHION ได้

PRAEW: เพราะเหตุใดคุณถึงอยากเป็นดีไซเนอร์คะ

SORAPOL: ผมเติบโตมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานด้านศิลปะ อย่างคณพ่อ ท่านก็จบการศึกษาจากโรงเรียนช่างศิลป์ แม้จะผันตัวเองมาทำธุรกิจแต่ท่านก็ยังไม่ละทิ้งศิลปะโดยยึดเป็นงานอดิเรก ส่วนคุณแม่ ท่านมีความถนัดและชื่นชอบในด้านการออกแบบแฟชั่น หลังเลิกเรียนผมมักจะไปหาคุณแม่ที่ร้านขายผ้าอยู่เป็นประจำ และท่านก็มักถามผมบ่อยๆ ว่าจะเอาผ้าชิ้นนี้ไปตัดเป็นอะไรดี ซึ่งมันตรงกับความชอบของผมพอดี จึงสนุกมากกับการเปิดดูนิตยสารแฟชั่นของคุณแม่ และทำให้เกิดไอเดียต่างๆ นานามานำเสนอท่าน และนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความอยากเป็นดีไซเนอร์ของผมก็ได้นะครับ

PRAEW: ช่วยเล่าถึงแบรนด์ของคุณให้เราฟังสักหน่อยสิคะ

SORAPOL: ในช่วงชั้นปีที่สามของการศึกษา ผมจะต้องทำ Final Collection เพื่อส่งอาจารย์ แต่ผมมีปัญหากับอาจารย์ที่ปรึกษานิดหน่อย จึงตัดสินใจออกมาจากตรงนั้น แล้วคิดว่าเราก็สามารถทำในสิ่งที่เราคาดหวังได้ด้วยตนเอง ประกอบกับผมได้รับคำแนะนำจากนักออกแบบอย่าง BASSO กับ BROKE ว่าหากไม่ทำวันนี้ คนอื่นก็จะทำแทนได้ จงอย่ากลัว รวมถึงการได้นั่งคุยกับเพื่อน DANIEL LISMORE แล้วลงความเห็นว่าเราควรเริ่มคอลเลคชันแรกกันได้แล้ว ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมเริ่มแบรนด์ SORAPOL ครับ

สำหรับจุดประสงค์ของแบรนด์ SORAPOL คือ ผมต้องการนำความสนุกของวงการแฟชั่นกลับมาอีกครั้ง เหมือนในช่วงยุคปีค.ศ. 1980-1990 ที่แฟชั่นเปรียบเสมือนสิ่งที่ให้ความบันเทิงเริงใจ และเป็นผลงานศิลปะที่ให้แรงบันดาลใจกับผู้คนมากมาย ซึ่งในช่วงเริ่มต้นของแบรนด์ประสบปัญหาค่อนข้างมาก เนื่องจากคนส่วนใหญ่โดนแนวคิดทางเศรษฐกิจครอบงำ ทำให้แฟชั่นดูน่าเบื่อ และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่พยายามตามเทรนด์ และเริ่มผลิตผลงานออกมา

PRAEW: SORAPOL ถือว่าประสบความสำเร็จมาก สำหรับการแต่งตัวให้กับเหล่าคนดังระดับโลก คนดังคนไหนบ้างที่เลือกใส่ชุดของคุณในช่วงแรกๆ

SORAPOL: คนดังที่เคยใส่ชุดของเราในช่วงแรกๆ ก็มี CARA DERAVIGNE และ AZELIA BANKS ส่วนคนที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นก็อย่างเช่น NICKY MINAJ เธอนำชุดของเราไปใช้ในมิวสิควิดีโอ และสวมใส่ขึ้นแสดงบนเวทีงาน AMERICAN MUSIC AWARD อีกคนที่นำชุดไปถ่ายแบบคือ NAOMI CAMPBELL ส่วนในฝั่งอังกฤษคนที่เป็นแฟนตัวยงของแบรนด์เห็นจะเป็น PALOMA FIATH กับนักร้องดัง RITA ORA และอีกคนที่สำคัญ LADY GAGA เธอก็เลือกชุดจากเราเช่นกัน

ผลงานบางส่วนของ ‘สรพล ชวพัฒนากุล’

PRAEW: คุณวางแผนสำหรับการเจริญเติบโตของแบรนด์อย่างไร

SORAPOL: ตอนนี้ SORAPOl เริ่มเปิดตลาดเสื้อผ้า Ready to wear มาสักพัก ซึ่งเราอยากจะผลักดันตรงนี้ให้ประสบความสำเร็จ และยังจะมีการเปิดตลาดแบบ E-Commerse ในระดับสากล ส่วนในด้าน Atelier เราก็ยังมีเหมือนเดิม โดยเรามีสตูดิโออยู่ที่ KNIGHTBRIDGES LONDON ไว้คอยต้อนรับลูกค้า

PRAEW: ใครที่มีอิทธิพลต่อการออกแบบงานของคุณมากที่สุด

SORAPOL: คนแรกคือคุณแม่ของผมครับ คุณแม่ทำให้ผมเข้าถึงความต้องการของผู้หญิง ผมยึดคุณแม่เป็นตัวอย่างในการทำงานทุกๆ ซีซั่น ส่วนท่านที่สองคือ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 พระองค์mi’เป็นตัวอย่างสำคัญเกี่ยวกับการเลือกฉลองพระองค์ในวาระต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการแสดงพลังอำนาจในการบริหารประเทศ

ผลงานบางส่วนของ ‘สรพล ชวพัฒนากุล’

SORAPOL: ส่วนมากแรงบันดาลใจของผมมักมาจากการท่องเที่ยว เรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่รอบๆ ตัวผมตลอด ตั้งแต่เริ่มคอลเลกชันแรก จนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจของผมอยู่ตลอดเวลา

หากเพียงได้แต่คิดว่า เราจะทำตามความฝันได้อย่างไร ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จถ้าหากขาดความกล้าที่จะทำมันออกมาให้เห็นด้วยตา แล้วใช้ชีวิตไปกับการทำตามความฝัน บากบั่นสู้ไม่ถอย แม้ยากที่จะหาใครเข้าใจได้ทั้งหมด เราก็ต้องเชื่อมั่นในความสามารถที่มีของตนเอง ดังความตั้งใจในการสร้างอาณาจักร SORAPOL ขึ้นมา อาณาจักรที่พัฒนาจากความชอบนำไปสู่การศึกษาหาความรู้ และหาเอกลักษณ์ของตนเอง จนทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

เรื่อง : ณิชาภัทร สุภาพ

เรียบเรียงโดย : ปฐพี ใจหมั้น

บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินของเว็บไซต์แพรว ห้ามผู้ใดนำไปคัดลอก ดัดแปลง หรือทำซ้ำ อนุญาตให้แชร์บทความนี้ได้จากลิ้งค์นี้เท่านั้น

“ไดน่าไม่ได้เรียนด้านดีไซน์มาโดยตรง แต่มีความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว ชอบออกแบบเสื้อผ้า หาซื้อผ้ามาตัดใส่เอง พอใส่ไปทำงานเพื่อนๆ ก็ชมว่าสวยดี อยากให้ตัดให้บ้าง ตอนแรกก็ทำงานประจำ หลังจากนั้นจึงออกมาเรียนต่อ ควบคู่กับตัดสินใจลองทำร้านเล็กๆ ของตัวเอง ก็ไม่คิดว่าจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้ เพราะแรกเริ่มก็มีอุปสรรคเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของคอนเซ็ปต์ว่าเราจะไปทิศทางไหนกันแน่ ทำให้ต้องหาความชัดเจน จนได้บทสรุปว่าจะทำเสื้อผ้าเบบ ready to wear สำหรับไปงานแต่งงาน หรืองานอีเว้นท์เป็นหลัก ไม่แฟชั่นจ๋า แต่จะเป็นแนวเรียบๆ ใส่ได้เรื่อยๆ ไม่มีตกเทรนด์ค่ะ

“ปัญหาของการทำแบรนด์ตัวเองคือการหาทีมงานที่มีประสบการณ์ เพราะงานเราค่อนข้างละเอียด แต่ช่างสมัยนี้เขาไม่ค่อยรับงานแบบนี้เท่าไหร่ ทำให้มีเรื่องจุกจิกให้ต้องแก้ไขตลอดเวลา แต่ทำไปทำมาก็เริ่มอยู่ตัว เริ่มรู้ทิศทาง มีลูกค้ามากขึ้น กระแสตอบรับดีมาก ทำมาได้ 5 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้เลยขยับขยายร้านไปเปิดที่เอ็มควอเทียร์ กับเซ็นทรัลชิดลมค่ะ

“ไดน่าชอบใส่เสื้อผ้าเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด ไม่ตามแฟชั่น แต่ก็ไม่ถึงขึ้นว่าไม่สนใจเลยนะ ยังชอบช้อปปิ้งเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป โดยเฉพาะรองเท้า ซื้อบ่อยมาก(ลากเสียงยาวพลางหัวเราะ) เพราะตระหนักได้เลยว่าถ้ารองเท้าดีมีคุณภาพ สามารถทำให้บุคลิกเราดีขึ้นได้จริงๆ ส่งเสริมให้เสื้อผ้าที่ใส่ดูสวยขึ้นด้วย แบรนด์ที่ชอบมากๆ เลยคือ Dior สูง 4-5 นิ้วก็เดินได้สบาย คล่องตัวมาก มีหลายคู่เลยค่ะ อ๋อ…กับจะต้องไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อปี ชอบไปที่กินซ่ากับ อาโอยาม่า ยิ่งตอนเซลล์ยิ่งชอบ เพราะลดราคาเยอะมากแล้วของดีๆ ทั้งนั้นเลย

“เดินช้อปปิ้งได้ทั้งวันไม่มีเหนื่อย”   

เรื่อง : apinya

ภาพ : dina_ap